ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [SF] You look good -Happy Kim Jongin Day- : ChanKai
'You look good'
-Happy kim Jongin day-
Park Chanyeol & Kim Jongin
[-] Hyphen
Happy Birthday ค่ะน้องชายที่น่ารักที่สุดของพี่
**เพลง You look good ของพี่จินแท(verbal jint) ลอกบางส่วนของเพลงนี้มา**
มีใครคนหนึ่งเดินเขามาจากตรงนั้น แวดล้อมด้วยเพื่อนฝูงที่คุ้นหน้าคุ้นตา คนพวกนั้นไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลยแค่แลดูจะมีอายุขึ้นนิดหน่อยหน้าโทรมขึ้นแต่คุณไม่ คุณสวยราวกับรูปปั้นพระแม่มารีในโบสถ์ แปลกจังเลยที่ในสายตาผมคุณยังคงดูดีไม่เคยเปลี่ยน...ไม่สิ คุณดูดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทั้งรูปร่าง ทรงผม เครื่องหน้าที่มีสไตล์ในแบบของคุณ
“มาด้วยเหรอ?” ทักทายคนที่ไม่ได้เจอกันมานานผ่านเสียงอื้ออึงของดนตรีสด มองคนในชุดเสื้อเชิ้ตพอดีตัวที่ตั้งแต่ครั้งนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ยิ้มให้กันก่อนที่พาตัวเองมานั่งข้างๆ เพราะเหลือเก้าอี้ว่างตัวเดียวในโต๊ะ ลู่หานชี้มือหนึ่งที่เว้นว่างจากแก้วเหล้าลงมาตรงนั้นเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้จงอินนั่งก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นต่อ
“ต้องมาสิ ผมไม่ได้เจอจงอินตั้งนาน ต้องมาให้ได้”
“แสดงว่ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าเราก็มา”
“ใช่ ผมรู้จากลู่หาน”
“ชานยอลนี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” จงอินหมายถึงสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองจากอีกฝ่าย ใช่ ไม่เปลี่ยนหรอกไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยในตัวเขา ยังคงเหมือนเดิม ชานยอลมองจงอินที่เริ่มยิ้มให้คนนั้นคนนี้ที่เข้ามาทักทายก่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่กล้าชวนจงอินคุยเลยได้แต่ปล่อยให้เกิดความเงียบขึ้นบ่อยครั้ง ได้แต่มอง มองใครคนที่โตขึ้นอย่างสวยงามไร้ที่ติในความคิดของเขา
จงอินก็ไม่รู้จะพูดคุยอะไร ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมางานเลี้ยงรุ่นที่บังเอิญหรืออาจจะตั้งใจจัดในวัดเกิดเขานี่ด้วยซ้ำ ก็ชานยอลไม่ชอบเที่ยวสถานเริมรมย์แถมช่วงหลังยังแอบได้ยินมาบ้างว่าไม่ค่อยออกมาเจอเพื่อนฝูง เลยค่อนข้างทำตัวไม่ถูกที่เจอแถมยังเอาแต่มองอยู่อย่างนั้นตั้งแต่เขาเดินเขามาในร้านกับพวกแทมิน
“จะมองอะไรนักหนา” จงอินเหวใส่ไม่จริงจัง ชานยอลยิ้มให้ตามนิสัยคนไม่ค่อยพูดจึงไม่อยากตอบคำถาม จงอินก็น่าจะรู้ว่าเขายิ้มให้ทำไม ร่างสูงยังคงมองแม้ตอนนี้จงอินเริ่มเรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่มแล้ว จริงๆ งานเลี้ยงรุ่นที่ว่าก็แค่นัดสังสรรค์ พวกเราทุกคนในรุ่นได้รับคำเชิญจากลู่หานประธานรุ่นผ่านโซเชี่ยวเกือบทุกช่องทาง เขากดตอบรับทันทีเพราะเห็นว่าเป็นวันเกิดตัวเองพอดีแถมยังได้มาเจอเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันนาน
“ผมขอโทษนะที่มอง จงอินอาจจะรู้สึกไม่ค่อยดี”
“เห้ เราไม่ได้บอกว่ารู้สึกไม่ค่อยดี แค่...รู้สึกว่ามันก็ผ่านมานานพอสมควร” ร่างเล็กในเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทรีบอธิบาย เพราะมันก็นานแล้วตั้งแต่วันนั้น ดังนั้นเลยไม่คิดว่าชานยอลจะยังมองเขาด้วยสายตาเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด
“......”
“เราลืมมันไปนานแล้วอย่าคิดมากเลย”
“เห้ยพวกมึง งานวันนี้กูไม่ได้นัดพวกมึงมาแดกเหล้าเปล่าๆ ปรี้ๆ” ลู่หานที่เริ่มกรึ่มๆ ยืนขึ้นตรงกลางหน้าเวทีหันหน้าเข้าหาเพื่อนจากทั้งสองเซ็ค เสียงที่เริ่มพูดไม่รู้เรื่องทำเอาจงอินยิ้มขำเผื่อแผ่ไปถึงคนข้างๆ แล้วก็เงียบเพราะทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง “แต่วันนี้พิเศษเพราะมันเป็นวันเกิดเพื่อนกู มึง มึงเลย”
จงอินชี้ที่ตัวเองเพราะลู่หานหลับหูหลับตาชี้สะเปะสะปะ มองซ้ายมองขวาเลิกลั่กแล้วยืนขึ้นหลังจากเพื่อนตัวดีตอบกลับมาว่า ‘มึงนั่นแหล่ะ’ เสียงเฮและเสียงผิวปากดังมาจากข้างหลังไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อคนดังอย่างคิมจงอินยืนขึ้นอวดโฉม ชานยอลยกมือขึ้นตบกันเบาๆ แทบไม่มีเสียงเพราะรู้อยู่แล้วว่าลู่หานคงเตรียมจะกล่าวอวยพรเพื่อนรัก
“ในวารดิถี...” เงียบอึดใจเพราะต้องสะอึก
“เริ่มแบบนี้กูว่าไม่ใช่แระไอ้ประธานลู่” เสียงแทมินตะโกนมาจากข้างหลัง เรียกเสียงหัวเราะให้คนในนั้นได้เป็นอย่างดี ไอ้นี่เมาแล้วเรื้อนพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็ต้องปล่อยให้มันได้ทำสิ่งที่อยากทำ ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมนั่งดีๆ
“วันเกิดเพื่อนรักแปดปีของกู กูขออวยพรให้มึงมีความสุข อย่าเจ็บอย่าจน สวยๆ รวยๆ แบบนี้ไปนานๆ เว่ย เอ้าชน!!!” ที่พูดมาก็ดีอยู่หรอก เว้นแต่ไอ้สวยๆ นี่มันฟังดูแหม่งๆ นะ จงอินหัวเราะไม่อยากใส่ใจเอาความจากเพื่อนที่เริ่มเมาได้ที่ ยกแก้วเหล้าชูขึ้นแล้วชนกับลู่หานเป็นคนแรกก่อนจะชนกับแก้วสุดท้ายที่คอยท่า ชานยอลชนกลับด้วยรอยยิ้ม
จริงๆ จงอินไม่ได้ใส่ใจอะไรกับวันเกิดมากนักไม่ได้จริงจังว่าต้องมีคนมาอวยพร ไม่ต้องมีของขวัญวันเกิด เพราะวันเกิดก็เป็นเพียงแค่วันวันหนึ่งที่บอกให้รู้ว่าอายุเราจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี ชานยอลเองก็รู้ดีถึงได้ไม่ทำอะไรพิเศษเวอร์วังให้แม้แต่ตอนที่คบกัน แต่จงอินรู้ว่ามันเป็นเพราะอีกคนก็เป็นคนเรียบง่ายติดจะเงียบจนไม่มีเซ้นพวกนี้ซึ่งมันก็ถูกโรคกับคนอย่างคิม จงอิน มันเป็นความรู้สึกที่เดายากทั้งความรู้สึกของอีกฝ่ายและตัวเอง บรรยากาศแปลกๆ ที่อบอวนอยู่รอบเราให้ความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ไม่ปฏิเสธหรอว่าเรื่องราวเก่าๆ ก็หวนกลับมาให้คิดถึง
“แล้วนี่มึงแจกการ์ดแต่งงานทั่วเกาหลีรึยัง?” เกิดความเงียบขึ้นหลังประโยคนั้นเพราะลู่หานยังไม่ได้วางไมค์ แต่แค่แป๊บเดียวก็มีเสียงแซงแซ จงอินมองชานยอลก้มหน้ายิ้มมองไปที่แก้วเหล้าราวกับว่ามันมีอะไรหน้าสนใจนักหนา
“เพ้อเจ้อ”
“น้อยไปสิ คิมจงอินคนดังกำลังจะแต่งงานกับดารา มึงจำได้ป่ะวะ ซอลฮยอนที่เมื่อก่อนเป็นดาวสาขาท่องเที่ยวมอเราอ่ะ น้องคนที่ขาวๆ สูงๆ”
ใช่ คิมจงอินกำลังจะแต่งงานนั่นเป็นเรื่องที่ชานยอลรู้มาสักพักแล้วจากสื่อต่างๆ ที่ประโคมรายวัน มองคนที่ยิ้มแหยให้เพื่อนรุมแซวเหมือนไฮยี่น่าทึ้งเหยื่อก็ได้แต่ยกยิ้มมุมปาก เหยียดหยามตัวเองในใจ ในฐานะที่เขาเป็นแฟนเก่าควรจะพูดอะไรออกมางั้นหรือ? หรือสมควรอยู่เงียบๆ ถูกแล้ว จงอินรู้สึกได้ถึงความเงียบของอีกคนที่เงียบกว่าปกติก็นึกเป็นห่วง เพราะสิ่งที่ลู่หานพูด มันเหมือนกับไม่แคร์ชานยอลที่นั่งอยู่ตรงนี้ จงอินนึกแปลกใจในตอนนั้นที่อยู่ดีๆ ก็เกิดเป็นห่วงความรู้สึกอีกฝ่ายทั้งที่ไม่จำเป็น
“กลับยังไง?”
“แฟนมารับ เมื่อกี้โทรไปเห็นบอกว่าอีกสักพักก็คงจะถึง”
“แล้วไหวหรือเปล่า?” ชานยอลจับต้นแขนคนที่มีท่าทีไม่สู้ดี ตั้งแต่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมานั่งดื่มได้สักพักก็เริ่มมึน จะว่าเป็นเพราะปริมาณเหล้าที่ดื่มเข้าไปก็ไม่น่าจะใช่ ตอนนั้นเขาไม่ได้ดื่มมากขนาดที่จะทำให้เมาเพราะเขาสัญญากับซอลฮยอนเอาไว้ อาการชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจงอินเริ่มไม่มีแรง และเริ่มประคองสติตัวเองไม่อยู่
ร้านที่พวกเขามาดื่มอยู่ติดถนนใหญ่ที่ตลอดแนวมีแต่ร้านรวงสไตล์ผับบาร์ คนอื่นๆ ยืนอยู่หน้าร้านริมฟุตปาธห่างออกไปเพราะเตรียมจะกลับกันแล้ว บางส่วนกลับไปก่อนตั้งแต่งานยังไม่จบ ทุกคนเมาหนักจะมีก็แต่ชานยอลที่ยังมีสติแทบจะครบถ้วนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน และกำลังยืนประคองจงอินอยู่ตรงนี้
“ดีใจนะที่ได้เจอจงอินอีก คิดถึงเรื่องเก่าๆ ทุกวันนี้ผมก็ยังยิ้มได้อยู่เลย” อยู่ดีๆ ร่างสูงก็พูดออกมา ส่งสายตาไปให้คนที่ยืนแทบไม่ไหวข้างๆ จงอินยิ้มรับทั้งที่หน้าตาเริ่มดูไม่ได้ จะหมดสติอยู่รอมร่อ
“อืม...”
“จงอินก็รู้ใช่ไหมว่าผมคงไปร่วมแสดงความยินดีไม่ได้ ผมไม่สามารถมองจงอินมีความสุขกับคนอื่นได้” ไม่มีใครได้ยินเพราะชานยอลพูดราวกับกระซิบ จงอินขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนพูดแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป ร่างกายอ่อนล้าเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ย
ชานยอลรู้ว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอเขาจึงมา ทั้งที่ไม่ชอบเลยงานแบบนี้ ไม่ได้อยากจะมาเจอเพื่อนไม่ได้อยากจะมาดื่ม เพราะชานยอลรู้ว่าคิมจงอินจะมาและเขาอยากเจอ ตลอดเวลาที่คบกันชานยอลมั่นใจว่าเขาเป็นแฟนที่ดี แต่มันคงดีมากไปจนทำให้จงอินอยู่กับเขาไม่ได้จนขอเลิกในที่สุด แต่ไม่เป็นไร ปาร์คชานยอลคนนี้รักคิมจงอิน ไม่ว่าจะเมื่อหกปีที่แล้วหรือตอนนี้ก็ยังรักอยู่ จงอินไม่อยากรับรู้ก็ไม่เป็นไร
ไม่ไกลนักและมองเห็นได้จากตรงนี้คือรถสปอร์ตป้ายแดงสีดำเมทัลลิคจอดติดไฟแดงอยู่ ชานยอลจำได้ว่ามันเป็นรถของดาราสาวว่าที่เจ้าสาวของจงอิน ใครๆ ก็รู้ไม่ใช่แค่เขา ชานยอลกระซิบข้างหูบอกจงอินที่สติไม่สมบูรณ์ว่าซอลฮยอนมาแล้ว เขาเห็นรถเธอกำลังขับมาจากไกลๆ
“แต่จงอินต้องข้ามทางม้าลายไปฝั่งโน้นนะ เพราะเหมือนว่ารถของเธอจะเข้าผิดเลน” ชานยอลว่าอย่างนั้นแล้วชี้ไปข้างหน้า มันเป็นระยะทางสั้นๆ เลนเดียวสำหรับให้รถขับเลี้ยวเข้าลานจอดรถหลังร้าน จงอินพยักหน้าเข้าใจ “เดินไปเองได้ใช่ไหม”
“สบายมาก...ขอบคุณนะชานยอล”
“โชคดีนะ” ชานยอลยิ้ม ปล่อยมือจากแขนของจงอินที่กำลังจะเดินข้ามทางม้าลายไปยังฟุตปาธอีกฝั่ง ชานยอลนึกเสียดายที่เขาจะไม่มีวันได้เจอจงอินอีกแล้วในชีวิตนี้ รถสปอตคันงามขับเข้ามาด้วยความเร็วตามกำลังของรถยุโรปราคาแพง เสียงตัวเครื่องของมันดังแปลกหูเรียกความสนใจให้คนบริเวณนั้นหันไปมองแม้ว่ามันยังอยู่ห่างออกไปพาสมควรก็ตาม
ในตอนที่รถที่ขับด้วยความเร็วสูงพุ่งตัวเข้ามาถามถนน เสียงกรีดร้องของคนแถวนั้นดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ร่างของใครคนหนึ่งประทะกับรถพอดิบพอดีจนร่างหมุนเกรียวขึ้นไปกับกระโปรงรถไถลปีนหลังคาลงมาที่พื้น
“ม่ายยยยยย!!!”
.
.
“ตรงนี้หรอ?” ลานจอดรถชั้นใต้ดินของตึกคณะในเวลาเกือบสี่ทุ่มไร้ผู้คน
“ตรงนี้” ทว่ามือแกร่งกลับจับตัวหญิงสาวให้หันหลังก้มหน้าลงกับกระโปรงรถของใครสักคนที่อาจจะกำลังเตรียมงานรับน้องอยู่ที่ไหนสักที่แล้วยึดสะโพกเธอไว้ เลิกกระโปรงผ้ายืดความยาวแค่ปิดแก้มก้นของเธอขึ้นไปไว้เหนือสะโพก ร่นกางเกงในสีชมพูตัวจิ๋วลงก่อนจะรูดซิปกางเกงของตัวเอง สอดแก่นกายที่ขยายใหญ่เต็มตัวเข้าไปในช่องทางนั้น หวีดร้องเจียนคลั่งเมื่อเธอเพิ่งเคยครั้งแรกและอีกคนรีบร้อนเหลือเกิน
“จงอิน...อื้อออ” ขาข้างหนึ่งถูกจับยกพาดขึ้นไปบนกระโปรง ร่างของชายหนุ่มด้านหลังขยับสะโพกกดลึกและถี่รัวจนเธอหายใจไม่ทัน การสอดใส่แบบไม่ได้ใช้ถุงยางเพราะพวกเราไม่ได้เตรียมตัวทำให้ตรงนั้นของเธอค่อนข้างฝืดเคือง แต่มันดี ดีมากจนเธอกัดปากข่มอารมณ์ คิมจงอินดีเหลือเกิน ทั้งหน้าตาหล่อเหล่าและความเป็นชายที่ใหญ่โตอยู่ภายใน จังหวะที่สอดใส่เข้ามายากจะบรรยายว่าเธอสุขล้นเพียงใด และมันหฤหรรษ์จนรถทั้งคันโยกไหวกลัวจะเคลือนตัวถ้าไม่ใส่เบรกมือเอาไว้
“อืม...ดีจริงๆ” ห้วงอารมณ์ที่ใกล้จะสุขสม จงอินโหมกำลังเข้าในกายบอบบางของหญิงสาวราวกับไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดหรือไม่
“อ้ะ อ้ะ...จงอินคะ..”
เพร้ง!!!!!
“กรี๊ดดดดด!!” รีบดึงแท่งเนื้อที่สอดอยู่ภายในออกด้วยความตกใจ หญิงสาวร้องลั่นในความสลัว
เศษกระจกที่แตกละเอียดอยู่ข้างรถ และเมื่อมองเข้าไปในรถก็เจอเข้ากับลูกเบสบอลสีขาวหนึ่งลูก จงอินมองไปรอบๆ หวาดระแวง สาวเจ้าก็เช่นกัน และถึงแม้จะไม่พบใครบริเวณนั้นแต่พวกเขาคงจะยืนเอากันตรงนี้ไม่ได้แล้ว จงอินหัวเสียเมื่อนึกไปถึงสิ่งที่ค้างเติ่งอยู่กลางลำตัวจนต้องมายืนรูดในห้องน้ำหลังจากไล่ผู้หญิงคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อให้กลับไป ช่วงหลังมานี้เวลาเขากำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับบรรดาผู้หญิงที่เสนอตัวให้ในมหา'ลัย ก็มักจะมีคนมาขัดทุกที เขาไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่ไอ้บ้านั่นเป็นผู้ชายแน่ๆ เขามั่นใจ เพราะคราวก่อนตู้เก็บเอกสารในห้องก็ล้มลงมาทั้งอันตอนเขากำลังทำกับเด็กคณะวิทย์ ผู้หญิงคงทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ หรือถ้าทำได้ก็คงเป็นผู้หญิงร่างใหญ่ที่มีแรงมหาศาล
“อึ...อ่า” สมองขาวโพรนเมื่อร่างกายได้ปลดปล่อย เขาต้องทำแบบนี้บ่อยครั้งเพื่อให้เสร็จ ไอ้โรคจิตนั่นไม่เคยยอมให้เขาได้ทำจนถึงขั้นสุดท้ายสักครั้ง
“ไปว่าวมาอีกแล้วหรือวะ?” ลู่หานถามตอนที่จงอินเดินกลับมาใต้ตึก ยักไหล่เป็นคำตอบ เท่านั้นเพื่อนๆ ก็พากันหัวเราะ ชานยอลที่กำลังตัดโฟมให้เป็นรูปนาฬิกาเหลือบมองคนที่เพิ่งกลับมาหลังจากขอตัวออกไปทำธุระกับสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง แล้วก็ได้เป็นรอยยิ้มน้อยๆ ในแบบที่ชานยอลไม่เข้าใจความหมายกลับมา
จงอินเป็นที่รู้จักทั่วมหาวิทยาลัยตั้งแต่เป็นเฟรชชี่ คนมีเพื่อนเยอะต่างจากชานยอลที่ถึงแม้จะมีเพื่อนเป็นลู่หานแกนนำคนทั้งสาขาแต่ก็เอาแต่เก็บตัว เพื่อนของเรารู้จักกันแต่เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลย ชานยอลชอบจงอินมานานตั้งแต่วันที่ลู่หานแนะนำให้รู้จักว่าเป็นเพื่อนที่เรียนมอปลายด้วยกันและยิ่งชอบมากขึ้นจากได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วยกันเตรียมงานกิจกรรมรับน้องเพราะเราเรียนสาขาเดียวกันแต่อยู่คนละเซ็ค แต่ก็ได้แค่ชอบเพราะจงอินมีแฟนอยู่แล้วเป็นดาวจากสาขาการท่องเที่ยว สิ่งที่ได้รับรู้ไม่ได้ทำให้ชานยอลเลิกชอบจงอินได้เลย ยังคงชอบและเฝ้ามองอยู่ตลอดจนไม่มีใครไม่รู้ว่าชานยอลคิดยังไงกับเพื่อนตัวเล็ก
กลิ่นเหล้าคละคลุ้งในปากจนหายใจออกมาก็เป็นกลิ่นนั้น จงอินเลิกกับแฟนเพราะถูกจับได้ว่ามั่วกับผู้หญิงไปทั่วมหา'ลัยด้วยหลักฐานคือรูปถ่ายเป็นร้อยใบส่งไปที่บ้านของเธอ คนที่เสียใจกับความผูกพันที่เพิ่งสูญเสียพาตัวเองมานั่งดื่มเหล้าแทนน้ำในห้องลู่หานที่เป็นรูมเมทกับชานยอล คนที่มีสติเพราะไม่ได้ดื่มมองลู่หานนอนในห้องน้ำตอนที่บอกจะไปล้างหน้าแต่ก็เงียบไปนานสองนาน จงอินก็คอพับคออ่อนพิงหัวกับขอบเตียงสามฟุตครึ่งของเขา ช่วยไม่ได้เลยต้องอุ้มขึ้นมานอนบนเตียง แล้ววันนั้นเราก็ได้จูบกัน
เหมือนจนอินจะรู้อยู่แล้วว่าเขาแอบชอบ คงเพราะพวกเพื่อนๆ ของเราชอบแซวเวลาจงอินมาทักทายลู่หานที่โต๊ะประจำข้างสนามฟุตบอล แล้วหลังจากเพื่อนทุกคนรู้ว่าจงอินเลิกกับดาวท่องเที่ยวก็พูดเป็นเสียงเดียวกันแบบไม่กลัวว่าจะมีคนเข้าหน้ากันไม่ติด
‘ไอ้ชานนี่ไง ชอบจงอินมาตั้งแต่ปีหนึ่ง’
‘พวกกูสนับสนุนเลย ได้แฟนอย่างไอ้ชานเหมือนได้ เพื่อน พี่ และก็พ่อ ฮ่าๆๆๆๆ’
อยากจะมุดดินหนี แต่สายตาที่มองมาไม่ได้รังเกียจ ชานยอลเลยสามารถนั่งอยู่ตรงโต๊ะท่ามกลางกลุ่มเพื่อนของเราได้โดยไม่ต้องมุดดิน1ไปไหน ก็ไม่รู้หรอกว่าคิดยังไง แต่ไม่ถึงอึดใจในขณะที่ไม่มีใครสนใจกับประโยคก่อนหน้านี้แล้วราวกับเป็นเรื่องไร้สาระ เสียงขึ้นจมูกก็พูดทำลายอากาศที่ใช้หายใจจนมันกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซค์
‘งั้นคบกันไหม’
“ห่ะ...ซีด” ไม่เกรงกลัวสายตาใคร ไม่สนใจว่าใครจะเห็น สำหรับชานยอลแล้วมีแค่ความต้องการของจงอินเท่านั้นที่สำคัญ เขากำลังสำลักความสุขกับการได้ทำให้คนที่หอบหายใจถี่รัวบนเบาะรถมีความสุขด้วยปากชื้นแฉะ ตั้งแต่ตอบตกลงเป็นแฟนกัน ชานยอลผันตัวเองมาเป็นคนขับรถ เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เป็นทุกอย่างที่ไม่ใช่คู่นนอน จงอินไม่เคยยอมให้ทำ แต่ก็ยอมให้ปรนเปรอ จูบได้ สัมผัสได้ทุกส่วน ทำได้ทุกอย่างเว้นอย่างเดียวคือสอดใส่ ชานยอลเข้าใจดี คิมจงอินเป็นผู้ชาย ที่เขาไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดว่าจะคบกับเขาในวันนั้น แต่สำหรับชานยอลเท่านี้มันก็มากพอแล้ว
หรือเปล่านะ...
“อึก...จะปล่อยแล้ว”
“ปล่อยเลย” เสียงทุ้มของคนที่ก้มหัวอยู่ตรงหว่างขาพูดทั้งที่ไอ้นั่นยังคาอยู่ในปาก
“จะกินหรอ..อ่ะ”
“อืม จะกิน” ชานยอลรูดรั้งถี่ๆ อีกสองสามครั้ง น้ำขาวขุ่นเหนียวหนืดก็พุ่งเข้าในปากจนเกือบสำลัก เขาดูดกลืนไปทั่วเหมือนคนกระหายน้ำ เสียงจ๊วบจ๊าบสะท้อนทั่วรถจนแสลงหู
ทั้งหมดอยู่ในสายตาจงอิน มันมากขึ้นทุกที่จากที่สัมผัสได้ ความต้องการของชานยอลที่มีต่อเขา มันมากมายจนบางครั้งดูน่ากลัวเกินไป จงอินรู้ว่าชานยอลชอบตัวเองมานานจากปากของลู่หานและสังเกตเอาจากการกระทำ ร่างสูงคอยเฝ้ามองเขาอยู่ตลอดไม่ว่าจะทำอะไร และเมื่อหันไปสายตานั้นก็ไม่เคยหลบ ยังคงจ้องจนเขาต้องยิ้มให้อย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่ได้ชอบชานยอลหรอก ก็ไม่ได้เป็นเกย์เสียหน่อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกดีเวลามีคนมาชอบ ไม่ได้รังเกียจและอยากลองคบใครสักคนที่ใส่ใจเราและอาจจะทำให้สบายใจเวลาอยู่ด้วย
‘ไอ้ชานมันพ่อคนดี หมาแมวสักตัวไม่เคยเตะ นี่ถ้าไม่ได้แชร์ห้องกับมันกูต้องคิดว่ามันเลี้ยงมดเป็นงานอดิเรก’
หยัดตัวจากเบาะเมื่อมือใหญ่คร้ามดึงกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนออกจากสะโพก เบาะที่นั่งอยู่เลื่อนไปข้างหลังจนสุดเพราะคนที่เคลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับจากข้างล่างเป็นคนจัดการ นิ้วยาวเป็นข้อจนบางครั้งดูน่ากลัวสอดเข้าข้างแก้มปลายนิ้งโป้งนวดคลึงบนปาก
“จูบนะ” จะจูบก็ขอก่อนเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องได้รับการยินยอม แต่พอยินยอมก็มักจะตามมาด้วยสัมผัสตระกรุมตระกรามมากกว่าจูบ ชานยอลฟอนเฟ้น ดูดดึงจนปากบวมเจ่อ จูบที่กินวงกว้างไปทั้งปากและคาง
‘ทำเป็นทุกอย่าง อาหาร ซักผ้า ล้างจาน อเนกประสงค์สุดครับคนนี้ ถ้าไม่เอามันมึงก็โง่’
“อ้าขาหน่อย” จงอินอ้าตามที่ชานยอลบอก อีกคนที่ช่วงล่างไร้ซึ่งพันธนาการทาบส่วนล่างลงมากับตรงนั้นของเขา ตายังมองสบกับ แล้วตอนนั้นเองที่ตัวตนของเราถูกจับรวบไว้ด้วยกันในมือเดียว ชานยอลซุกหน้ากับลำคอของเขาแล้วหายใจหอบถี่ ขยับสะโพกให้ผนังที่ห่อหุ้มรูดไปกับนิ้วมือและส่วนนั้นของเขาขณะเดียวกันก็เลียที่คอไปจนถึงกกหู
“วันนี้ก็หอม รู้ไหมว่าตรงนี้หอมทุกวัน..อ่า” เสียงนั้นอยู่ข้างหู ลมร้อนจากปากที่คลอเคลียกระตุ้นขนอ่อนให้ลุกซู่ไปทั้งตัว จงอินกัดริมฝีปากเมื่ออารมณ์หวามไหวพวยพุ่งอีกรอบ แม้ไม่ได้ถูกสอดใส่แต่แรงขย่มจนเบาะหนังโยกคลอนทำให้จงอินรู้สึกไม่ต่างกันเลย เขากลัวว่าคนบนบ้านจะลงมาเห็นเหลือเกินเพราะเขาขับรถเข้ามาจอดข้างบ้านนานแล้ว ถ้าลงมาตอนนี่คงได้เห็นรถผีสิงที่โอนเอนจนเหมือนจะพังได้ทั้งคัน
“เร็วหน่อย...” พอพูดไปอย่างนั้นก็กลัวว่ารถจะพังขึ้นมาจริงๆ ชานยอลทำเหมือนเราร่วมรักกันจริงๆ ชายหนุ่มปล่อยมือจากตรงนั้นแล้วบอกให้เขาเป็นคนกำไว้แทน ส่วนตัวเองก็ยืดตัวตรงยึดมือทั้งสองข้างไว้กับพนักเบาะที่เขาพิงอยู่ ขย่มลงมาทั้งตัว จงอินรัดสองขาเข้ากับช่วงสะโพกที่เคลื่อนกายไม่มีเหนื่อย เหนี่ยวรัดไม่ให้ไป อยากให้กระทำรุนแรงกว่าเดิม
“อึ๊....” ขบกรามแล้วหลับตาแน่นเมื่อเขาปลดปล่อยออกมาก่อน ฉีดโดนคางตัวเองเต็มๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกเป็นวงบ้าง เป็นจุดบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะคนข้างบนยังคงคั่งค้าง ชานยอลกระซิบบอกให้ขยับข้อมือด้วยตอนที่สะโพกดันเข้า แล้วเขาทำ มันแปลกใหม่แต่น่าตื่นเต้นอย่างประหลาด จงอินไม่เคยกับความสุขสมแบบนี้มาก่อน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชานยอลเก่ง
“ซีด....อีกนิดเดียวนะ ผมจะปล่อยใส่จงอิน” สองขาถูกสอดใต้ข้อพับ จากนั้นจงอินก็ไม่รับรู้อะไรอีกและปล่อยให้ชานยอลกระทำ ทั้งก้มมาเลียคราบคาวจากอกของเขา ทั้งยืดตัวแล้วเอาตรงนั้นเข้ามาในปากหลังจากตัวเองปลดปล่อย
จงอินชอบเรื่องแบบนี้ และเหมือนชานยอลจะรู้ดีถึงได้ทำให้มันเกิดขึ้นทุกวัน ในรถ ในห้องน้ำ หรือตามที่ต่างๆ ในมหา'ลัย ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกขอให้ทำด้วยกันในลานจอดรถตอนกำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน ชานยอลมีความต้องการมากเสียจน...บ้างครั้งจงอินก็รู้สึกว่า ชานยอลรักและต้องการเขามากจนเหมือนคนเป็นบ้าไปแล้ว....
“ผมรักจงอินมากนะ จะต้องทำยังไงถึงจะได้ทำเหมือนคนอื่น” ชานยอลถามเขาในวันหนึ่งขณะที่เรากำลังกลับจากมหา'ลัย จงอินนิ่วหน้ากับคำว่าคนอื่น และเหมือนชานยอลจะรู้สึกได้ถึงความสงสัยที่ว่า “ผมอยากทำกับจงอิน อยากลึ้งซึ้งด้วยเหมือนที่คนอื่นได้”
เหงื่อเริ่มผุดซึมขึ้นบนใบหน้าเมื่อความเร็วของรถที่นั่งอยู่เพิ่มขึ้น คนที่บังคับพวงมาลัยยังมีสีหน้านิ่งเรียบ ตามองไปข้างหน้าแต่ก็ยังคงคุยกับเขา และสิ่งที่ชานยอลพูดออกมาทำให้จงอินคิด...คิดถึงคำพูดของลู่หานเมื่อวันก่อน
“ขอเวลาหน่อยได้ไหม ยังไม่พร้อม...” เขาไม่ใช่เกย์ และถึงแม้จะยอมให้ชานยอลทำแบบที่ผ่านมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขายังไม่พร้อมกับการถูกทำให้เป็นเพศแม่ ในเมื่อทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว เราเข้ากันได้และจงอินโอเคกับมัน แล้วทำไมจู่ๆ ถึง
“จะครึ่งปีแล้ว ต้องให้ผมรอไปถึงเมื่อไหร่”
“ขับช้ากว่านี้หน่อยชานยอล”
“ต้องให้ไปขอพ่อกับแม่ก่อนหรือไงจงอินถึงจะยอมสักที”
“ชานยอล...” เสียงกดต่ำทว่าเจือความกลัวจนคนตัวใหญ่รู้สึกได้ ความเร็วลดลงแล้วแต่จนอินยังคงหงุดหงิดกับสถานการณ์ตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้าน ความมืดโรยตัวและไฟในบ้านมืดสนิท วันศุกร์ทีไรพ่อกับแม่ชอบไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วค้างคืนยาวกว่าจะกลับมาก็คืนวันอาทิตย์ ทั้งน้องชายที่ติดแฟนจนไม่ค่อยกลับบ้าน จงอินพูดขอบคุณคนที่ลำบากขับมาส่งแล้วตัวเองต้องเรียกแท็กซี่กลับทุกครั้ง จะห้ามยังไงก็ไม่ยอม
“ผมขอโทษนะที่ก่อนหน้านี้ทำให้ตกใจ” มือหนากุมที่มือเขา
“ไม่เป็นไร แต่อย่าทำแบบนี้อีกนะเราไม่ชอบ” จงอินพูดไปไม่ได้คิดอะไร แต่คำว่าไม่ชอบสะกิดใจคนฟังเต็มๆ
“ไม่ชอบ...?”
“......”
“ไม่ชอบอะไร? ไม่ชอบให้พูดไม่เข้าหู ไม่ชอบการกระทำ? หรือไม่ชอบปาร์คชานยอล?”
“ไปกันไหญ่แล้ว” ใช่ ไปกันใหญ่แล้ว จงอินยอมรับว่ากลัวเมื่อฟังน้ำเสียงพร้อมกับแววตาที่ดูไม่รู้ความหมาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร “ถ้าเราไม่ชอบแล้วเราจะคบด้วยจนถึงตอนนี้ทำไม เราเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงมาตลอด คงไม่ต้องบอกนะว่าไม่ใช่เรื่องตลกที่จะมาคบผู้ชายด้วยกันเล่นๆ”
“งั้นวันนี้ให้ผมได้หรือเปล่าล่ะ พิสูจน์” เป็นประโยคที่ทำให้จงอินถอนใจยืดยาว ชานยอลเริ่มพูดไม่รู้เรื่องจนเขาไม่อยากจะเสียเวลาทะเลาะ
“กลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้าน คิดได้เมื่อไหร่เราค่อยมาคุยกัน”
จงอินคิดว่าเขาพูดไปหมดแล้วความรู้สึกที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ เขาไม่ปฏิเสธเลยว่ารู้สึกชอบชานยอลไปแล้วจากความเข้ากันได้ในหลายๆ อย่าง ความเอาใจใส่ดูแลที่ไม่เคยลดน้อยลงไป ชานยอลมีมาหนึ่งร้อยและมันยังคงเท่าเดิมอาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ และเขาที่เริ่มจากศูนย์ ตอนนี้มั่นใจว่ามันเพิ่มขึ้นมาแล้วมากกว่าครึ่งแน่นอน
สายของวันต่อมาจากหน้าต่างห้อง จงอินเห็นชานยอลยืนอยู่อีกฝั่งของถนนในซอยของหมู่บ้านกำลังมองมาที่ห้องของเขา ไม่รู้ทำไมจงอินถึงต้องรีบเบี่ยงตัวหลบเมื่อเห็นว่าสายตาคมมองตรงมาที่หน้าต่าง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันทีจนต้องรีบพุ่งตัวไปคว้าจากบนที่นอน แจ้งเตือนว่าเป็นชานยอลที่โทรเข้ามา
“ตื่นหรือยัง?”
“เอ่อ...เราตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว อยู่บ้านแทมิน” เขาโกหกและรู้สึกได้ถึงความเงียบชั่วอึดใจ
“เหรอ...รถยังจอดอยู่ข้างบ้านอยู่เลย” จงอินตีฝ่ามือเข้าที่หน้าผากเมื่อลืมคิดไปว่ารถยังจอดอยู่ ก่อนจะทำใจดีสู้เสือคุยต่อ
“แทมินมารับ..ชานยอลมีอะไรหรือเปล่า?”
“ให้ผมไปหาไหม อยากเจอ”
“อย่าเลย เราต้องทำรายงานกับแทมินอีกเยอะ น่าจะดึกเลยอ่ะ แล้วนี่...ชานยอลอยู่ไหนหรอ?”
“อยู่บ้าน”
“...เหรอ? อย่าลืมกินข้าวนะ คิดถึงครับ” จงอินเริ่มกลัว ยิ่งโกหกออกไปก็ยิ่งกลัว และกลัวมากกว่าเดิมเมื่อชานยอลก็ทำอย่างนั้น คำตอบของอีกคนทำเอาจงอินต้องแหวกผ้าม่านออกไปดูให้แน่ใจว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ตัวปลอม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังบอกอยู่เลยว่าเห็นรถเขาจอดอยู่ข้างบ้าน
...แล้วอะไรคือการบอกว่าตัวเองอยู่บ้านหรือ?
ตลอดทั้งวันจงอินอยู่แต่ในบ้าน หกโมงเย็นแล้วก็ยังไม่ได้ออกไปไหนไม่กล้าเปิดไฟเลยสักดวง นั่นเพราะว่าปาร์ค ชานยอลยังคงยืนอยู่ที่เดิม...
โทรศัพท์ดังขึ้นอีก เป็นหนึ่งในหลายๆ ครั้งตลอดทั้งวันจากเบอร์เดิม
“ทานข้าวเย็นหรือยัง?”
“ยะ...ยังเลย กำลังจะออกไปกินกับแทมิน”
“อืม...จะหนึ่งทุ่มแล้วออกไปหาอะไรทานด้วยล่ะผมเป็นห่วง” น้ำเสียงเจือแววเป็นห่วงจริงๆ อย่างที่พูด จงอินหลับตาผ่อนลมหายใจเมื่อมองจากหน้าต่างแล้วเห็นว่าชานยอลกำลังเดินออกจากที่เดิมที่ยืนอยู่ทั้งวัน “แทมินจะกินอีกรอบไหวรึเปล่าก็ไม่รู้ อย่าชวนกินอะไรหนักๆ นะ”
“หืม?”
“แล้วก็เปิดไฟในบ้านด้วย มืดแล้วเดี๋ยวเดินตกบันได”
‘วันก่อนก็เห็นมันเอาแผ่นซีดีอะไรออกมาจากลิ้นชักโต๊ะมันก็ไม่รู้ แต่เป็นแผ่นสีขาวๆ ประมาณสี่แผ่นได้’ เสียงแหบของลู่หานกรอกตามสายในช่วงดึกของคืนหนึ่ง ‘ตอนกูกลับมามันเข้าห้องน้ำ มันเลยไม่รู้ว่ากูแอบเห็น’
‘แผ่นซีดีอะไร?’
‘กูก็ไม่รู้ แต่เดาว่าหนังโป๊ ฮ่าๆๆๆๆ ไอนี่ตั้งแต่คบกับมึงแม่งเริ่มร้าย แผ่นหนึ่งเขียนว่าห้องวิทย์วันที่เจ็ดเดือนสอง แล้วก็อีกแผ่น....เขียนว่าไรวะ เอ้อ ลานจอดรถวันที่สิบหกเดือนสาม ส่วนแผ่นอื่นกูจำไม่ได้ละ’
จงอินกลัว มันกลัวมากขึ้นกว่าเดิม แผ่นหลังกว้างยังตั้งตรงทุกย่างก้าวที่เดิน ไม่หันกลับมามองที่ห้องเขา แต่ภาพนั้นก็ทำให้จงอินกลัวอยู่ดี
จงอินตัดสินใจไม่บอกใครว่าเขารู้ว่าชานยอลเป็นคนส่งรูปพวกนั้นไปให้ซอลฮยอนจนเธอขอเลิกกับเขา โอเค ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขานอกกายเธอแต่นั่นจะไม่มีทางเป็นปัญหาถ้าหากว่าชานยอลไม่ทำแบบนั้น ทุกสิ่งประติดประต่อไม่ได้ทำให้เขาเกลียดชานยอลมากไปกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ ผู้ชายคนนั้นรักเขาถึงขนาดทำเรื่องอันตราย เขานึกไปถึงความรุนแรงของอารมณ์ทั้งก่อนและระหว่างที่คบกัน ถึงไปถึงวันที่เขากำลังมีอะไรกับผู้หญิงในสถานที่ต่างๆ นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกินขึ้นตอนนั้น นึกถึงเศษกระจกรถที่แตกละเอียดในลานจอดรถชั้นใต้ดินของตึกเรียน และนึกไปถึงความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เวลาชานยอลปรนเปรอเขา
อยากได้มากกว่านั้น ไม่เคยพอ
“เลิกกันเถอะนะ เราขอโทษที่เพิ่งมารู้สึกเอาตอนนี้ว่าชานยอลไม่ใช่”
“......” ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นในห้องโดยสารที่ยังจอดนิ่งอยู่ข้างตึกเรียนไม่ได้น่ากลัวเท่าคลื่นที่ก่อตัวขึ้นภายใจจิตใจ ชานยอลวางมือบนตัก ดูผ่อนคลายแต่ไม่ใช่
“ตลอดมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องโกหกนะ เรารักชานยอลได้จริงๆ แต่....” สายตาคมที่มีลูกตากลมใสในนั้นหันมามอง “ชานยอลรักเรามากเกินไปหรือเปล่า บางที่เรารู้สึกว่าเราเป็นฝ่ายที่เข้าไม่ถึงชานยอล”
“รักมากไปก็ไม่ได้หรือ” เขาถาม ถามทั้งที่ในอกเจ็บแปลบไปหมด
“......”
“ไม่เลิกได้ไหม ผมจะรักให้น้อยลงก็ได้” มือแกร่งเริ่มกำแน่นจนสั่น ไม่อยากเสียไป
“น้อยลงของชานยอลมันคือแค่ไหน ยังไงมันก็ยังดูมากไปสำหรับเราอยู่ดี ชานยอลจะคาดหวังและต้องการจากเรามากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เราให้ไม่ได้ และชานยอลจะทรมานเราไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น”
“จะพยายายาม ขอเว...”
“ชานยอลเป็นคนดีมากนะ รักเรามาก แต่รักมากไปจนเรากลัว”
พอแล้ว และจะไม่บอกใครว่าเพราะอะไรถึงขอเลิกกับชานยอล เขาอยากให้ทุกอย่างจบลงแค่เราสองคนที่รู้ว่าเพราะอะไร....
ในตอนที่รถที่ขับด้วยความเร็วสูงพุ่งตัวเข้ามาถามถนน คิมจงอินก็ก้าวเท้าออกไปพร้อมเสียงกรีดร้องของคนแถวนั้นดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ร่างของจงอินปะทะกับรถพอดิบพอดีจนร่างหมุนเกรียวขึ้นไปกับกระโปรงรถไถลปีนหลังคาลงมาที่พื้น ซอลฮยอนเหยียบเบรกดังเอี๊ยดเมื่อเธอรับรู้ได้ว่าชนคนเข้าอย่างจัง วินาทีนั้นมีรอยยิ้มหยักขึ้นที่มุมปาก มันเป็นของคนที่ยืนอยู่ในที่ที่ไม่มีใครสนใจในตอนแรก เพราะทุกคนเมามากจนไม่ได้จำว่าจงอินอยู่กับใคร และตอนนี้ใครคนนั้นกำลังยืนมองร่างที่มีเลือดไหลออกจากปาก จมูก และใบหู จงอินที่เริ่มชักนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นแต่เสี้ยวหน้าบิดมองที่ที่เดินจากมา สบสายตาเรียบนิ่งผิดกับยิ้มร้าย
แต่มันมีน้ำตาคลอ...
“ม่ายยยยยยย!!!!!” เธอกรีดร้องเมื่อลงจากรถแล้วเห็นกับตาว่าคนที่เธอชนเป็นใคร เสียงแหลมตะโกนร้องให้คนช่วยก่อนจะทรุดลงแล้วช้อนศีรษะร่างบนพื้นขึ้นแนบอก ใครก็ได้ช่วยเธอที โทรเรียกรถพยายาบาลให้ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ... แต่มันไม่ทันเธอรู้ คิมจงอินกระตุกร่างกายรุนแรงหลายครั้งจนลิ่มเลือดทะลักออกจากปากก่อนจะแน่นิ่งไปในอ้อมกอดของเธอด้วยเปลือกตาที่ไม่ยอมปิดสนิท...
มันยังคงมองไปตรงนั้น มองไปยังผู้ชายคนเดียวที่เข้ามาในช่วงหนึ่งของชีวิต
คุณดูดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทั้งรูปร่าง ทรงผม เครื่องหน้าที่มีสไตล์ในแบบของคุณ และผมสาบานว่าเมื่อได้เจอคุณอีกครั้ง ผมไม่มีทางปล่อยคุณไป
“ผมรักคุณนะ สุขสันต์วันเกิดนะครับ”
เพราะผมปล่อยคุณไปไม่ได้
End
--------------------------------------------------------------------------------------
#พี่ชานโรคจิต160114
เป็นฟิคที่สั้นมากและรีบมาก แต่วางพล็อตไว้นานมาก
16/01/14
[-]Hyphen
.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น