ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นี่หรือชาวยุทธ?

    ลำดับตอนที่ #5 : ARC.1-3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 131
      0
      4 ธ.ค. 58

    ตอนนี้ผมกำลังอุ้มเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้จักไถลบนสายไฟหนีการไล่ล่าของชายชุดดำอยู่บนเท้าของผมร้อนผ่าวไปหมดทั้งๆที่ยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ นั่นก็เพื่อจะให้พวกมันตามมาได้ไม่งั้นถ้าทิ้งห่างออกไปจนพ้นพวกมันได้อาละวาดทำลายอะไรก็ตามใกล้ตัวระบายอารมณ์ใกล้ตัวซึ่งหลังจากนั้นก็จะมีคนไปแจ้งตำรวจไม่ก็ทหารและผมไม่อยากให้มีคนแบบนั้นมาแถวๆนี้ที่ผมอาจจะต้องเฉียดผ่านบ่อยๆนี่และก็อีกอย่างถ้าผมใช้พลังเต็มที่รองเท้าที่ใส่อยู่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เจอกับความร้อนสูงมันอาจลุกไหม้หรือละลายไปเลย เพราะพลังเท้าผมแผ่ออกมาเพื่อใช้สร้างแรงขับดันแม่เหล็กกับพลังงานในสายไฟมันก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าและประกายไฟจากอุณหภูมิสูง จะว่าไปตามตรงตอนนี้เท้าผมก็ชาไปหมดแล้ว

    ตั้งแต่เมื่อผมคลั่งไปไล่กระทืบพวกเด็กวัดล่างผม(ตอนop.น่ะ)ก็เสียรองเท้าไปคู่หนึ่งแล้ว ซึ่งมันเป็นแค่รองเท้าเลียนแบบแบรนด์เนมธรรมดาๆที่ผมใส่ประจำเท่านั้น แต่วันนี้ผมใส่คอนเวิร์สมา ไม่ใช่ของผมด้วย เป็นของพี่ พอดีพี่ผมชอบรองเท้าคอนเวิร์สนี่มากมีเก็บสะสมไว้แทบจะทุกรุ่นทุกแบบ ถ้าผมทำมันพังไปสักคู่หนึ่งคงไม่ถูกพ้นตัดพี่ตัดน้องเป็นแน่แท้

    ที่จริงถ้าเป็นเรื่องความเร็วล่ะก็พวกนี้ไม่ได้_ดกซะหรอก ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์หรือเปล่า ต่อให้ผมไม่ได้ใช้พลังงานพาราในสายไฟนี่สร้างเป็นรางแม่เหล็กผมก็ทิ้งห่างพวกมันได้ทั้งๆแบบนี้ด้วยซ้ำ

    มีพวกมันคนหนึ่งฝีเท้าเร็วพอตัวเข้าถึงตัวผมโดยลัดมาทางหลังคาตามหลังด้วยพวกที่มีฝีมือลดหลั่นกันไปอีกสองสามหัวไอ้คนนี้มันสักอะไรที่รอบปากเป็นสีดำ ใส่เสื้อแบบไม่มีขนมิ้งที่คอเป็นแถบเรืองแสงสีขาวแทน เวลามันเหยียบพื้นทีหนึ่งจะเกิดเป็นระเบิดไฟเล็กๆ กระเบื้องมุงหลังคาชาวบ้านแตกกันระนาวมือถือดาบขนาดไม่สั้นไม่ยาวปลายหนาๆมีไฟลุกติด มันกระโดดเงื้อมาจะฟัน

     

    เสียงระเบิดดังขึ้น ดาบนั้นแผ่รังสีดาบจากการฟาดฟันออก ปราณดาบเคลื่อนตัดอากาศผ่านไปเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่กระทบเข้าเป้าหมายก็ระเบิดเป็นกองไฟ ซึ่งดีขนาดไหนที่เป้าหมายมันไม่ใช่ผมมันเป็นช่วงสุดสายไฟแล้วหักศอกพอดีผมเลยกระโดดออกจากราง ถ้าผมไปต่อคงโดนเข้าจังๆ แรงขนาดนั้นถึงมีเกราะลมปราณคงเอาไม่อยู่เหมือนกันเพิงหลังคากันแดดที่จอดรถที่มันเป็นจุดตกเพราะผมหลบได้ไฟลุกโหมท้องฟ้าสีแดงเถือกมีควันดำลอยขึ้นบดบัง ควันมันไม่น่าจะเยอะขนาดนี้นะถ้ารถใครก็ไม่รู้ในนั้นที่เริ่มติดไฟใช้เชื้อเพลิงพาราเรลกลิ่นเหม็นไหม้ของพลาสติกและยางแน่นจมูก เสียงระเบิดดังตูมดังขึ้นทีหนึ่ง เสาค้ำหักไปหนึ่งมุมจะถล่มมิหล่มแหล่อยู่แล้วเลยพังลง

    ทีแรกผมแค่ไม่อยากให้หอดูดาวของผมต้องมีคนมายุ่งกับมันจนไม่ได้ดูดาวคืนนี้ เลยล่อให้การต่อสู้มันเกิดขึ้นที่อื่น ตอนนั้นผมคิดแค่นั้น

    วันนี้วันพฤหัสโบสถ์คาทอลิคนี่เลยไม่ค่อยมีคนใช้สักเท่าไหร่แต่ชาวบ้านแถวนี้ก็พากันออกมาดูต้นเสียงระเบิดคนเลยค่อยเริ่มจะเยอะขึ้น

    พวกชุดดำนั่นร่อนตัวลงมาต่างคนต่างมีอาวุธในมือแค่นั้นก็ทำให้พวกไทมุงทั้งหลายรับรู้ได้ถึงอันตรายมากพอจะทำให้สลายการชุมนุมได้โดยเร็ว แต่ก็มีพวกที่หลบไปดูอยู่ห่างๆแล้วเอากล้องมาถ่ายนี่แหละที่น่าโมโหผมเกลียดไอ้พวกนี้ พวกที่ปรารถนาความ_บหายของคนอื่นเนี่ย ทั้งๆที่ช่วยอะไรไม่ได้ก็เอาแต่ดู ไม่รู้ว่าพวกนั้นรู้สึกยังไงคิดยังไงนะแต่ถ้าช่วยอะไรไม่ได้ก็อย่ามาเอาแต่ยืนมองดูเพื่อความบันเทิงดีกว่าไปไหนก็น่าจะไปซะ โดยเฉพาะไอ้สถานการณ์ที่อาจพาตัวเองไปชิบ_ายกับคนอื่นด้วยเนี่ย

    จะว่าไปตอนนี้ผมก็ถือว่าห่างจากหอดูดาวผมพอสมควรแล้วล่ะนะถ้าจะเกิดเหตุอะไรไม่ดีขึ้นที่นี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้ว จึงได้วางลูกแกะตัวน้อยลงความเร็วในระดับสูงสุดที่ผมทำได้น่ะมันเร็วสุดๆ ผมมั่นใจในฝีมือด้านนี้มาก ยังไงซะถ้าใช้ออกมาล่ะก็แม้แต่จะมองตามมันก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำซึ่งไอ้เวลาที่กำลังคิดโนคิดนี่อยู่พวกชุดหลังที่ความเร็วช้ากว่าก็มาถึงจากอีกทางหนึ่งแล้วเข้าขนาบด้านหลังผมซะแล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังโดนไอ้พวกนี้ล้อมจากสองด้านซะแล้วสิ

    ************************



     

    นี่เป็นอีกหนึ่งครั้งจากจำนวนนับไม่ถ้วนที่นายบรรหาร โคตรปราการต้องตามเก็บกวาดปัญหาที่หลานชายก่อเอาไว้เขามีน้องชายเป็นผู้นำค่ายพรรคทางภาคเหนือปราการศีรสาร แต่หน้าที่ในการเป็นพี่ชายของผู้นำนั้นไม่ง่ายเลยตั้งแต่น้องของเขามีลูกหัวแก้วหัวแหวนเกิดขึ้นมาภรรยาของบรรณิภพโคตรปราการตายไปตอนที่ให้กำเนิดบุตรชายเขาจึงต้องอ่อนโยนกับลูกชายเพื่อทดแทนแม่ที่เสียไปแต่อ่อนโยนเกินไป การเลี้ยงดูคนนับพันในค่ายพรรคยังง่ายกว่าเลี้ยงดูลูกคนเดียว หากเป็นคนอื่นคนไกลจะใช้ไม้แข็งก็ได้ไม้อ่อนก็ดี แต่กับลูกชายเขาก็ใจอ่อนไม่เคยลงไม้หรือแม้แต่ลงมือสักครั้ง

    จนกระทั่งเติบโตมาโดยที่ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจนึกทั้งหมด แม้จะอายุจะสามสิบอยู่แล้วก็ยังเกาะพรรคกินไปเรื่อย โดยไม่สนว่าคนใกล้ตัวต้องคอยมาแก้ไขปัญหาอะไรที่ตัวเองก่อไว้บ้างที่จริงมันควรจะถึงเวลาที่แก้ปัญหาเองได้แล้ว แต่เรื่องเดือดร้อนที่เขาก่อบางครั้งก็ร้ายแรงจนต้องให้ผู้ใหญ่ออกหน้าแทนเพราะมันอาจสำคัญถึงชีวิตของตัวเขาเองหรือความเป็นอยู่ของตระกูลด้วย

    บรรหารเป็นชายที่มีความมั่นใจและค่อนข้างถือศักดิ์ศรีแต่ไม่ใช่ถึงขั้นเย่อหยิ่งจองหองเขาเลือกคนที่จะให้ความเคารพด้วย แต่การที่อยู่ในวัฒนธรรมแบบตะวันออกที่ค่อนข้างถือเรื่องลำดับอาวุโสและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวัฒนธรรมแบบผู้ชายเป็นใหญ่ ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสู้ดีนักกับการที่ ชายอายุกว่าห้าสิบจะมาขอโทษขอโพยกับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าเป็นครึ่งเท่าตัวแต่คู่กรณีของหลานชายเขาในครั้งนี้กลับเป็นผู้หญิงเสียนี่แถมไม่ใช่ผู้หญิงราคาถูกแบบค้างคืนแล้วโยนเงินใส่ก็จบเรื่องได้หญิงสาวอายุยี่สิบสี่คู่กรณีคราวนี้เป็นถึงผู้นำค่ายพรรคทรงอำนาจและคู่ค้าสำคัญ

    การที่เป็นผู้นำค่ายพรรคขนาดใหญ่และทรงพลังแบบนี้ได้ย่อมเป็นภาระที่หนักหน่วงเขาคิดสงสัยว่าผู้หญิงประเภทไหนกันที่สามารถมีจุดยืนในระดับนี้ได้ในวงการนี้ชื่อ อัยย์เทพเมตตาเป็นชื่อที่ฟังดูธรรมดาแต่กลับติดหูพอๆกันกับ เลือดเหล็กชื่อของพรรคเขาไม่ใช่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของพรรคโดยตรงจึงไม่มีโอกาสได้พบเจอกับคู่ค้าที่อยู่ห่างไกลกันเป็นพันกิโลเมตรแต่เขาต้องนั่งรถออกจากเชียงใหม่มาเกือบยี่สิบชั่วโมงเพื่อคุยกับหญิงสาวนางนี้แทบจะทันทีที่รู้ข่าวว่าหลานชายตัวดีเรียกเอากำลังพลของพรรคให้มายังลูนไวล์

    เท่าที่เคยได้ยินจากคนที่เคยพบด้วยหลายๆคนต่างก็พูดอธิบายถึงเธอเป็นคำเดียวกัน ยักษ์ มันเป็นการเปรียบเทียบในแบบไหนกันหมายถึงความใหญ่เหรอ แล้วอะไรกันที่ว่าใหญ่ หรือจะหมายถึงความดุร้าย ดุร้ายแบบไหนกัน อาจจะแบบโมโหร้าย หรือเป็นด้านวรยุทธ์ แต่จะว่าถึงความดุร้ายก็คงไม่ถึงขั้นทำให้ทุกคนคิดถึงเรื่องในวรรณคดีที่เคยเรียนในตอนเด็กได้พร้อมๆกัน อาจจะเป็นเสือหรืออะไรก็ได้

    ที่นี่เป็นรีสอร์ทสไตล์บ้านสวนไม่ไกลจากตัวเมืองนักแต่บรรยากาศสงบ ลมพัดในยามเย็นเป็นอะไรที่ทำให้ผ่อนคลายจนอยากจะพักสายตาสักพักจริงๆ เขาวางไม้เท้าพิงไว้ข้างลำตัวนั่งลงจิบกาแฟถ้วยที่แปดของวันตั้งแต่ที่เขาขับรถมาราทอนสิบชั่วโมงมาถึงเมืองนี้ทันทีก็ต้องไปคุยกับหลานตัวดีซึ่งก็ไม่ง่ายนักหรอกเจ้านี้คุยแต่กับพ่อเท่านั้นล่ะ สุดท้ายต้องลงเอยด้วยการลงไม้ลงมือให้หมดฤทธิ์แล้วให้สายตรวจพรรคช่วยกักตัวไว้ในห้องพักรีสอร์ทจากนั้นก็ติดต่อกับผู้นำสาวคู่กรณีเพื่อนัดขอพบเจรจาไกล่เกลี่ยซึ่งอีกฝ่ายตอบรับแทบจะในทันทีและจะเป็นฝ่ายมาหาเอง

    แสงแดดยามบ่ายกับลมเย็นกำลังจะกล่อมเขาให้หลับอยู่ที่หน้าคาเฟ่หลักเสียงจากเบื้องหลังก็พลันปลุกให้ตื่นเต็มตา เป็นเสียงของหญิงสาววัยรุ่นออกเสียงทุ้มต่ำไม่มีความสดใส พูดช้าชัดเว้นวรรคยาวฟังดูเคร่งขรึมและทรงพลัง“ดิฉันอัยย์เทพเมตตาค่ะ”

     

    เมื่อหันกลับไปมองถูกตัดเป็นชิ้นๆด้วยสายตาคู่หนึ่ง

     

    เบื้องหน้าของนายบรรหารยืนไว้ด้วยผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบต้นๆ สวมผ้านุ่งสีน้ำตาลเข้มเสื้อผ้าแพรสีขาวขลิบแดงมีลวดลายรูปงูที่แขนซ้าย เป็นชุดผ้าไทยที่ค่อนข้างมีความร่วมสมัยถือแฟ้มกระดาษเล็กๆในมือเธอมีใบหน้าเรียวกว้าง รวบผมแล้วพับเป็นปมเผยหน้าผากกว้างใหญ่ คิ้วยาวถึงหางนัยน์ตารูปเม็ดข้าวส่งสายตาคมกริบเพียงมองก็เหมือนตัดผ่านหัวใจจมูกเป็นเส้นบางปากรูประจันทร์คว่ำมุมปากต่ำจนเหมือนทำหน้าบึ้งตึง ไหล่กว้างขวางสำหรับหญิงสาววัยนี้ถือว่าสวยเลยทีเดียวหากไม่ใช่เพราะสายตาที่เหมือนตัดผ่านหัวใจและริมฝีปากที่ทำให้ดูหน้าบึ้งตึงเธอจะดูสวยกว่านี้อีกมาก แต่หากแก้ไขข้อนั้นได้หากไม่มีใครได้เห็นอย่างชื่นชมก็คงเท่านั้นถ้าจะให้ดีควรจะให้เธอได้ลดตัวลงมาสักหน่อย เพราะส่วนสูงของเธอมันยากแก่การชื่นชมใบหน้าเสียเหลือเกิน อันที่จริงอย่างสุดท้ายนั้นนายบรรหารคิดเป็นความเห็นส่วนตัว เพราะแม้จะสูงถึงร้อยแปดสิบเซนติเมตรแต่ผู้ชายในวัยแบบเขาคงไม่เหมาะกับการต้องเงยคอเป็นเวลานานๆ มันช่างยากจะมองหน้าผู้หญิงที่สูงถึงสองร้อยสิบสองเซนติเมตรจริงๆ

    สิ่งที่เขารู้สึกจากผู้หญิงคนนี้ยังมีบางอย่างผิดประหลาด ความกดดันมหาศาลที่ราวกับจะกลืนกินเขาเข้าไปเขาสูดหายใจเฮือกยาวก่อนเชิญอีกฝ่ายให้นั่งลงเจรจา

    “เอ่อ... คือ... ผมได้ยินมาว่าหลานชาย ของผมมีเรื่องเข้าใจผิดกันกับคุณ เอ...” เขากลับพูดตะกุกตะกักเหมือนเด็กหนุ่มที่ไปสัมภาษณ์สมัครงานครั้งแรกโดยไม่ได้พกความมั่นใจติดตัวไปด้วย

    “เขาคิดว่า ดิฉันโกงสัญญาคุณบรรณิภพค่ะ”เธอพูดชัดถ้อยชัดคำอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ประเทศนี้ติดอยู่ในรายชื่อประเทศที่ไม่สามารถทำการค้าขายกับกลุ่มพันธมิตรเศรษฐกิจโลกได้ ก็เหมือนเป็นการปิดประเทศไปกลายๆ การค้าภายในประเทศที่ย่ำแย่มานานก็ฟื้นตัวขึ้นกลุ่มค่ายพรรคต่างๆก็อยู่กันเป็นองค์กรมากขึ้น แต่ละกลุ่มจะช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันเป็นสมาคมการค้าขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศรวมถึงประเทศข้างเคียงด้วย กลุ่มพรรคปราการศีรสารเป็นพรรคที่ใหญ่และทรงอำนาจแห่งภาคเหนือ ตัวเมืองเชียงใหม่ทั้งหมดแทบจะเป็นเหมือนสวนหลังบ้าน(นี่เองที่ทำให้ลูกชายผู้นำพรรคเดินอาดๆกร่างไปทั่วจนติดเป็นนิสัย)แต่การทำงานทุกอย่างต้องการปัจจัย ธุรกิจต้องการวัตถุดิบเลือดเหล็กรับหน้าที่นั้น ที่ระยองกำลังพัฒนาไปเป็นเขตอุตสาหกรรมมีไม้ป่ากำลังถูกตัดโค่นลงทุกวันจำนวนมากพรรคจะรับหน้าที่เข้าไปกว้านซื้อไม้เหล่านั้นและส่งไปให้ศูนย์กระจายสินค้าของสมาคม

    เมื่อหญิงสาวเล่าถึงตรงนี้ อีกฝ่ายก็อาศัยช่วงเว้นวรรคยาวของเธอขึ้นแทรก

    “---เอ่อเดี๋ยวก่อนนะครับแต่เท่าที่ผมรู้มาเรื่องนั่นมันตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แถมคุณยังส่งสินค้าได้ไม่ถึงยอดเลยด้วยนะครับ”

    ผู้อาวุโสถูกสายตานั่นตัดผ่านไปอีกครั้ง เธอสูดหายในอีกครั้งหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทรงพลังกว่าเดิม “การสร้างถนน การสร้างโรงงานพวกเขาชี้ให้ไปสร้างในป่า เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีคนไปซื้อไม้เหล่านั้นไม้ใหญ่พันธ์หายากมีราคาสูงในตลาดพวกเขาจึงเรียกราคาได้สูงเป็นเท่าตัวแต่ผู้ว่าคนคนเก่าถูกฆ่าจะซื้อโดยตรงโอกาสน้อยมาก ซื้อผ่านนายหน้าใหม่ยิ่งถูกปั่นราคา งบบานปลาย เลยกำหนดเวลา”

    อัยย์วางแฟ้มประดาษสีน้ำตาลลงบนโต๊ะยื่นให้ บรรหารเปิดเอกสารออกดูภายใน เป็นสำเนาบัญชี เอกสารสัญญาและรายละเอียดการซื้อสินค้าต่างๆที่ขีดค่าตัวเลขและข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อวัตถุดิบในระยองออกด้วยหมึกดำทั้งหมดแล้ว

    นี่เองเรื่องที่เป็นปัญหากันอยู่ข้อมูลที่ได้มาตรงกันกับที่สอบปากคำหลานชายมาได้

    นายบรรหารเข้าสู่ภาวะครุ่นคิดท่ามกลางภาวะถูกตัดร่างด้วยนัยน์ตา

    “คงไม่น่าแปลกใจที่จะคิดว่าฉันเป็นคนหลอกลวงนะคะ”ว่าแล้วเธอก็หยิบเอาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขนาดพอดีฝ่ามือวางบนโต๊ะพร้อมแอพลิเคชั่นเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดเปิดดูภาพบันทึกของเมื่อวานซืนนายบรรหารเลือกดูกล้องจากมุมมองต่างๆเลื่อนเวลาไปมาโทรศัพท์ขนาดฝ่ามือของอัยย์นั้นแท้จริงแล้วขนาดประมาณหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค

    เป็นภาพบันทึกจากบ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่งความละเอียดกล้องไม่สูงนักแต่ก็คาดการณ์ว่าเป็นบ้านไม้ทรงไทยแบบสมัยใหม่กล้องหน้าประตูจับภาพรถบรรทุกเล็กชนพังรั้วไม้เข้ามา ที่กระบะหลังมีคนโดยสารมาด้วยอีกแปดคนเห็นจะได้กระโดดลงรถติดอาวุธสั้นยาววิ่งกระจายตัวไปล้อมบ้าน แล้วนั่นเองหลานตัวของเขาลงจากรถตะโกนบางอย่างด้วยสีหน้าลำพองใจ ที่มุมจอแสดงภาพทัมป์เนลเล็กๆของกล้องตัวอื่นเขากดขยายดูเป็นกล้องในบ้าน จับภาพของเด็กตัวเล็กๆ อาจเป็นเพราะคุณภาพกล้อง นายบรรหารเห็นว่าเด็กคนนั้นเป็นสีขาวสว่างกว่าปกติทั้งชุดทั้งผิวและผม ดูเด่นในกล้องจับภาพโมโนโทนจนเหมือนวิญญาณเธอวิ่งออกมาตรงไปทางประตูบ้านโดยหยิบเอาผ้าผืนใหญ่ที่น่าจะเป็นผ้าห่มไปด้วย แต่แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งคว้ามือเธอให้หยุด ในมือถือง้าวยาวจากท่าทางการคุยกันต้องไม่ใช่หนึ่งในลูกน้องที่หลานชายเอาไปด้วยแน่ๆ

    คนเหล่านั้นพังหน้าต่างและประตูต่างๆบุกเข้าไปแล้ว ล้อมพวกเธอไว้รอบด้าน ตัวต้นเรื่องก็เดินอาดๆเข้าประตูหน้าไปเจรจา ไม่สิไม่เหมือนการเจรจาสักนิด เขาอ่านท่าทางจากภาพที่บันทึกได้ ว่าไอ้หลานชายไม่ได้ไปเพื่อคุยเรื่องธุรกิจแน่ๆมันไปเพราะถูกใจผู้หญิงต่างหาก ที่ว่าเรื่องธุรกิจของพรรคเรื่องโกงเงินอะไรนั่นมันแค่เอาไปเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง ผู้หญิงที่ถือง้าวยาววางอาวุธลง ถ้าให้เดาคงไม่พ้นไปเจอหญิงถูกใจพอเขาไม่เล่นด้วยเลยตามสืบตามรังควานถึงบ้าน

    มันหยุดการเล่นย้อนหลังลงก่อน มีสายเรียกเข้าโทรศัพท์ของอัยย์ภาพโปรไฟล์เป็นผู้หญิงใส่ผ้าคลุมผมแบบมุสลิม สวมเครื่องแบบทหารลำลองสีแดง มีชื่อขึ้นว่า แอมแปร์

    นายบรรหารโกรธจนหน้าแดงก่ำหากหนวดเครายาวและดกดำกว่านี้สักหน่อยคงเหมือนกวนอูมากขึ้นเขาอุตส่าห์หลงดีใจว่าผู้สืบทอดพรรคจะทำตัวเป็นการเป็นงานขึ้นมาบ้าง คิดว่าแม้จะอารมณ์ร้อนไปหน่อยแต่อย่างน้อยก็สนใจเรื่องกิจการของพรรค

    เสียงของหญิงสาวดังขึ้นจากต้นสาย เป็นเสียงหอบพยายามระงับความตระหนก

    “อัยย์ เราถูกโจมตี”เสียงผ่านสัญญาณโทรศัพท์เหมือนเป็นสวิทช์เปิดความปั่นป่วนเพียงแค่อัยย์ได้ยินมันเท่านั้นบรรยากาศก็พาลเข้าสู่ภาวะตึงเครียดในพริบตาเธอหลับตาลงคล้ายจะตัดขาดตัวเองจากโลกทั้งใบไม่ทันได้พูดอะไรต้นสายก็กล่าวต่อ “ฉันคลาดกับลิลลี่ ตอนนี้ถูกกักไว้ที่อีสต์ไซด์ คนที่โจมตีเป็นแอนดี้แซนด์สอร์มส่งมา” เธอกล่าวรวบรัดเอาใจความสำคัญ เพราะการให้ผู้นำคนนี้ถามเรื่องเองทางโทรศัพท์ไม่ใช่เรื่องดีโดยเฉพาะในอารมณ์นี้ไม่อยู่ในสภาพจะพูดด้วยเลย

    ในห้องโล่งที่แทบไม่มีคนนี้ นายบรรหารได้ยินเรื่องราวทั้งหมดเขายิ่งเดือดดาลใหญ่แอนดี้แซนด์สอร์มก็คือหลานชายตัวดีที่กำลังจะมาไกล่เกลี่ยปัญหาให้อยู่นี่เองเขาแทบอยากจะไปตบสั่งสอนมันให้ได้เสียเดี๋ยวนี้ขณะนั้นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นรับสายบ้าง

    พี่หารไอ้แอนมันหนีไปแล้วพี่” น้ำเสียงแตกตื่นดังผ่านหู

    มึงทำงานกันประสาอะไรวะ”เป็นโชคร้ายของเขาที่โทรมาในจังหวะที่อารมณ์กำลังเดือดดาลตอนนี้มันเกินจะทนไหวแล้วแอนดี้ถูกกักตัวไว้ที่ห้องพักของรีสอร์ทนี้เองเขาแทบจะพุ่งไปตบหน้าหลานเสียให้ได้ในสามวินาทีเลยด้วยซ้ำถ้าทำได้

    โครม ---เก้าสิบหกเมตรในสามวินาทีมันคงเป็นไปได้ยากเขาจึงปรากฏตัวใกล้กับลุงมากขึ้นให้ได้ลองดูว่าจะสามารถพุ่งเข้าไปตบได้ในสามวินาทีหรือเปล่าเขาใช้ฝ่ามือแซนด์สตอร์มพังกระจกบุกเข้าสู่ล็อบบี้ผนึกลมปราณทรายปลิดปลิวออกจากสนับแขนแอนดี้แซนด์สอร์มชายหนุ่มที่กำลังจะย่างเข้าสู่วัยเลขสาม ร่างบึกบึนแต่ไหล่ห่อเหี่ยวหน้าผากสูง ใบหน้าหล่อเหลาเบ้าตาลึกเป็นคนมีทิฐิและดื้อรั้นสูงเหล่าคนติดตามของเขาอีกประมาณเกือบยี่สิบคน สวมเสื้อสีดำมีแผงคอเฟอร์สีขาวติดอาวุธพร้อมกรูเข้าตามการนำของเขา

    “กูจำรถมึงได้อีห่า” เขามองไปยังหญิงสาวคนหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงข้นแค้นแล้วปาของสิ่งหนึ่งเข้าใส่ มันพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง เห็นเป็นผลึกลมปราณแล่นเป็นสายวัตถุที่พุ่งด้วยความเร็วขนาดนี้สามารถจะกระแทกร่างมนุษย์ให้กลายเป็นซากศพได้ แต่มันถูกหยุดนิ่งไว้กลางอากาศด้วยมืออันปูดโปนด้วยเส้นเลือดของชายเฒ่า เขารับมันโดยยังอยู่ในท่านั่งเป็นประตูรถฮัมวี่สีน้ำตาลที่บิดพังไม่มีชิ้นดี

    เจ้าของประตูรถเธอหลับตาเพียงสงบนิ่งค่อยลุกขึ้นอย่างแผ่วเบาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าบนโต๊ะอย่างละเมียดจังหวะเดียวกันกับชายวัยกลางคนโยนอดีตชิ้นส่วนรถทิ้งอย่างไม่ใยดีเขาส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลไปยังชายเบื้องหน้าเธอเปิดเปลือกตาแล้วมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ราวกับจะตัดให้ขาด

    ************************

    ไอ้พวกนี้ลงมือย่างรวดเร็วไม่ปล่อยให้ผมได้ทันตั้งตัว ไม่ทันจะคว้าดาบออกจากกระเป๋า ไอ้คนที่ใช้เคียวติดโซ่ก็บวกก่อนเลย มันเหวี่ยงตุ้มเหล็กออกจากแขนเสื้อใส่ผมระดับหัวอะฮะ แต่ผมว่าฝีมือมันก็ไม่ค่อยเท่าไหร่มั้ง มันไม่เร็วเท่าไหร่ผมแทบจะจับมันได้ก่อนที่จะกระแทกผมด้วยซ้ำ

    อย่าจับนะ!”อ๊ะ! ชิตหมาต๋า!ผมจับมันไปซะแล้ว

    ทีนี้ผมก็เข้าใจที่น้องแกะร้องเตือนเข้าให้ เมื่อผมจับปลายตุ้มเหล็กไว้ได้มันก็กลายเป็นจุดหมุน ไอ้คนใช้มันสะบัดแขนทีหนึ่งโซ่ทีเหลือก็ลอยขดเป็นวงเข้าหาผมผมปล่อยมือจากปลายโซ่แต่มันก็ยังรัดเข้าหาอยู่ดีน่าเสียดายสำหรับมันที่ไม่เป็นแบบนั้น

     โซ่ยาวนั่นแทนที่จะรัดผมมันกลับถูกรัดเอาไว้ซะเองเป็นผ้าสีม่วงผืนใหญ่เด็กหญิงที่ด้านหลังผมจับสะบัดมันเข้ารับการจู่โจมนั้น ท่าทางก็ประมาณมาทาร์ดอร์ล่อวัวกระทิงล่ะมั้ง แต่เป็นมาทาร์ดอร์ที่ตัวเล็กมากเลยล่ะ ขนาดผ้าที่ใช้ยังแทบจะห่อตัวได้มิดชิด ผมยังคิดเลยนะว่าเอาไปพันเก็บไว้รอบแขนขวาได้ยังไง 

    แต่ผมไม่มีเวลามากขนาดมาคิดเรื่องหยุมหยิมแบบนั้นในตอนนี้ เลยเอาฝ่าเท้าน้อยๆของผมนี่ไปกระแทกไอ้เป็ดที่ใช้เคียวติดโซ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้านั่น ปลายโซ่ถึงด้ามเคียวลอดผ่านแขนเสื้อข้างหนึ่งออกข้างหนึ่ง เมื่อเท้าผมกระทบอกมันดังกรุ๊งกริ๊งโซ่ที่พาดผ่านอกเสื้อขดเป็นวงรัดข้อเท้าผมไว้ 

    มันยิ่งสู้ดึงรั้งกับน้องแกะเท้าผมก็ยิ่งโดนรัดรัดแน่น เมื่อพวกมันเริ่มบุกเข้าจู่โจมจากด้านหลัง แกะน้อยต้องคลี่ผ้าออกรับการจู่โจมโดยปลายด้านหนึ่งขดมัดอยู่กับโซ่ ส่วนไอ้หมาน้อยยังมีเท้าติดกับนมผู้ชายอกสามศอก(ไม่ถึงมั้ง)ที่กำลังเอาเคียวในมือจ้วงใส่ขาปุกปุยนั้น ไม่พอไอ้พวกเป็ดดำตัวอื่นๆยังเสือกแทงอาวุธใส่ผมอยู่อีก ส่วนสูงมันผิดกันมากเพียงผมขาติดอยู่บนนมมันก็กลับทรงตัวด้วยขาข้างเดียวไม่อยู่ล้มหงายหลังไป เหมือนจะเห็นแว้บๆจะขึ้น YOU ARE DEAD แล้วมีภาพผมโดนแทงตายในสภาพตีนติดหัวนมน่าทุเรศอยู่แวบๆหนึ่งในพริบตา แต่ก็แค่พริบตานั้นแหละที่ผมเห็นมันเป็นแบบนั้น ผมใช้จุดที่เท้าติดกับนมนี่ล่ะเป็นจุดหมุนเหวี่ยงตัวเข้าเตะตัดก้านคอในแนวนอน ไอ้เคียวโซ่กำลังใช้พลังในการยื้อยุดกับมาทาร์ดอร์ตัวจิ๋วและรั้งเท้าผมให้หยุดแนบกับนมมันไว้ถ้ายังจะรับเท้าอัดลมปราณของผมด้วยก้านคอเปล่าๆได้อีกมันก็เก่งเกินไปแล้วล่ะ

    ไอ้เคียวโซ่เอนตัวไปทวนเข็มนาฬิกาตามทิศทางการเตะ พลังที่โคจรสู้กับเด็กน้อยหายไปในพริบตาก็ถูกดึงลอยข้ามหัว เธอคลายผ้าออกจากโซ่ไปปัดป้องการจู่โจมจากอีกทิศทาง ส่วนผมลอยติดมากับร่างผอมๆของมัน โซ่ที่รั้งเท้าของผมกับนมของไอ้เคียวคลายออกแล้ว

    ผมถีบใส่ท้องของมันเพื่อส่งตัวเองลงพื้น พวกที่อยู่ข้างล่างไม่ได้ตั้งตัวก็ถูกผมซัดฝ่ามือใส่ท้องน้อยเข้าให้สองคน 

    พวกนั้นล้มลงผลึกลมปราณของผมพวยพุ่งออกจากขา มันพยายามโคจรลมปราณเพื่อขับปราณแปลกปลอมในตัวนั้น

    ท่าลุงโง่ย้ายเขาเวอร์ชั่นสี่เป็นท่าฝังลมปราณของตัวเองเข้าร่างอีกฝ่ายเมื่อร่างกายจะพยายามขับพลังแปลกปลอมออกโดยสัญชาติญาณยิ่งทำให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรงในทุกๆครั้งที่ชีพจรไหลผ่าน หากชะลอการไหลเวียนชีพจรผ่านก็ยิ่งทำให้พลังฝ่ามือนั้นไหลเวียนไปมากขึ้น ในเวอร์ชั่นี้ผมดัดแปลงให้มันไหวเวียนรุนแรงแต่ผมไม่ใช่คนที่มีพลังลมปราณมากกว่าคนทั่วไปมากนัก พลังที่จะเอามาใช้กับท่านี้ได้จึงถูกขจัดได้โดยรวดเร็ว เพราะฉะนั้นแล้วถ้าผมใช้ท่านี้กับใครได้ล่ะก็ผมจะรีบเข้าไปหักขาของมันทันที เพราะกระดูกหักรักษายากกว่าลมปราณเสียหาย

    แต่ครั้งนี้ผมเข้าสมาธิเกร็งลมปราณสร้างกำแพงหินสูงจากพื้นกันตัวเองออกจากพวกชุดดำอีกฝั่งหนึ่ง มันมีมากเกินไปแถมติดอาวุธพร้อมสู้มากกว่าที่ผมเคยเจอมาก่อนอีก ผมเลือกเอาความปลอดภัยมาเป็นลำดับแรก ควรจะมีอาวุธในมือสักอย่าง ปกติจะใช้ลมปราณเลื่อนซิปให้เปิดแต่คราวนี้ผมลนลานไปหน่อยแถมยังคงสมาธิไม่ค่อยเพราะใช้ลมปราณไปเยอะแล้วเลยต้องหันไปจะรูดซิปเอาดาบออกมา

    เสียงหินเปราะๆถูกกระแทกแตกออก หอกยาวพุ่งทะลุเข้ามา พลังลมปราณแฝงรุนแรง ผมรวมพลังไว้แขนแล้วผนึกเป็นโล่ห์พลังเล็กๆด้วยลมปราณเท่าที่จะเกร็งได้ในพริบตา แต่มันก็กระแทกผมลอยไป ที่แขนมีความรู้สึกเจ็บ มันไม่ได้แทงเข้าเนื้อหรอกเป็นแผลช้ำๆเหมือนถูกค้อนฟาดใส่ ถ้าผมไม่หันไปล่ะก็มันคงแทงมาตำแหน่งกลางอกซึ่งถ้าเป็นตรงนั้นผมผนึกลมปราณกันไม่ทันแน่ๆ ไม่ทันได้มองถนัดนักอันตรายยังมีอยู่รอบตัวมาสนใจเรื่องแค่นี้เดี๋ยวจะไม่รอดเอา หลังผมชนเข้ากับใครสักคนในสภาพหลังชนหลัง ผมกระแทกศอกใส่แบบไม่ต้องคิดเลย ไม่ว่าจะเป็นใครก็เถอะตอนนี้มันทรุดไม่ให้รออะไรทั้งนั้นผมเกร็งลมปราณอีกเฮือกหนึ่งหันไปฟาดสันมือใส่มั่วๆแต่ว่าโดนแน่ๆ

    ผลั่ก

    ผลึกลมปราณแตกออกเป็นสะเก็ดในจุดที่สันมือกระทบใส่ โดนแน่ๆ เป็นสันคอ ขาวๆเล็กๆ ร่างน้อยๆร่วงหล่นเหมือนหุ่นชักที่ไร้เส้นเอ็น เป็นน้องแกะนั่นเองที่ผมศอกและฟาดสันมือใส่แบบไม่ต้องคิด

    ชิตหมาต๋าชิตหมาต๋าชิตหมาต๋าผมรีบคว้าเอาร่างเล็กๆไว้ในอ้อมแขน ทำไงดีวะทำไงดีวะทำไงดีวะ นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย ทำไมเรื่องกลายเป็นนี้ไปได้วะ ทำไมต้องมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้ด้วยนะ ไม่สิไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ

     

    ยังมีเรื่องอีกมากให้ผมต้องคิด รู้สึกตัวอีกทีก็ใช้ตัดเวหาเวอร์ชั่นสี่ถอยออกจากที่เดิมจนพ้นวงล้อมของมันซะแล้ว ไม่ทันได้คิดอะไรก็สร้างกำแพงไฟขึ้นตรงหน้าแล้วใช้ก้าวสายลมเวอร์ชั่นห้าหนีออกจากตรงนั้น

     

      ************************

    กลุ่มสการ์เวนเจอร์เป็นพวกนกกินซาก พวกที่อยู่ในแวดวงยุทธภพโดยไม่เป็นค่ายพรรคเป็นเพียงการรวมตัวกันของชาวยุทธ์ เป็นพวกที่สร้างปัญหาให้กับค่ายพรรคและสำนักคุ้มกันทางเหนืออย่างมาก ออกอาละวาดแล้วก็จากไปจะตามไปจัดการข้ามพื้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ค่ายพรรคควรทำ สุดท้ายก็ไม่เคยถูกปราบอย่างราบคาบ หนำซ้ำพรรคต่างๆแทนที่จะกำจัดกลุ่มคนเหล่านี้ออกจากยุทธภพกลับใช้พวกมันเป็นเครื่องมือในการโจมตีฝ่ายศัตรูเสียอีก สการ์เวนเจอร์ก็คือนักรบรับจ้างที่หากจ่ายราคางามๆจะให้อาละวาดขนาดไหนก็ได้แม้ว่าจะเป็นเรื่องระดับทะเลาะวิวาทหรือการก่อการร้ายไม่เกี่ยงงานเลยสักนิด กับแค่เป็นคนติดตามให้ว่าที่ผู้นำพรรคมาแก้แค้นศัตรูถึงแดนไกลไม่เป็นปัญหา ยิ่งอีกฝ่ายให้เงินก้อนใหญ่เกินคุ้มค่ามาแล้ว จะทำงานล่วงเวลาสักหน่อยก็ไม่เสียหาย   

    ตอนนี้คำสั่งที่ออกมาคือแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกให้จัดการกับผู้หญิงสามคน ตามที่แอนดี้ แซนด์สอร์มนายจ้างคนปัจจุบันได้ข่าวมาล่าสุดพวกนั้นก็พบแล้วสองคน และอีกส่วนให้มาช่วยตัวเขาที่กำลังถูกลุงตัวเองกักตัวอยู่ในรีสอร์ท ซึ่งเหมือนฟ้าจะเป็นใจ ทันทีที่เขาหลุดพ้นการกักตัวมาได้ก็พบกับรถรูปแบบฮัมวี่แบบซิวิเลี่ยนโมเดลที่ตัดวัตถุประสงค์ทางการทหารทิ้งไป แต่ถึงกระนั้นแล้วราคาก็ไม่ใช่จะถูกลงคนที่จะมีขับได้จึงมีไม่มากนัก ฉะนั้นเขาย่อมแน่ใจได้ว่าผู้หญิงอีกคนที่กำลังตามหาอยู่ย่อมอยู่ใกล้ๆนี้แน่นอน

     

    และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนที่กลุ่มค่อนข้างรู้จักดีบางคนก็เคยได้เจอกับอัยย์ เทพเมตตามาแล้ว แต่ถึงยังไม่เคยเจอ ก็ไม่ยากที่จะหาตัว ผู้หญิงที่ตัวสูงเกินกว่าสองเมตรมีไม่เยอะนักหรอก ไม่นานก็พบเธอกำลังเจรจายุติปัญหากับบรรหารอยู่ ซึ่งพวกสการ์เวนเจอร์ไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้วยเป็นใครก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ คำสั่งมีแต่หาผู้หญิงที่ตัวสูงเกินสองเมตร คำสั่งต่างๆก็ต้องรอให้แอนดี้คนว่าจ้างปัจจุบันบอกมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นแล้วก็มีคำสั่งหลักอย่างการอารักขาความปลอดภัยอยู่ แต่กระนั้นแล้วกลับมีชายวัยเกษียณผ่านพวกเขาไปไปตบแอนดี้ แซนด์สอร์มอย่างแรงจนล้มลงท่ามกลางความงุนงงของทุกคน 

    มึงตบกูเหรอ

    หลังจากงุนงงไปชั่วครู่ ชายหนุ่มสบถคำหยาบใส่ญาติผู้ใหญ่ของตน นกกินซากที่เพิ่งนึกได้ถึงหน้าที่ก็ตรงเข้าฟาดฟันใส่ชายผู้นั้น แต่แทนที่จะได้ลงอาวุธใส่กลับเป็นพวกมันซะเองที่ถูกเหวี่ยงหมัดกระแทกใส่จนปลิดปลิว นายบรรหารหลังจากปัดป้องการจู่โจมก็ปลดกระดุมคอเสื้อให้คลายออกแล้วใช้ลมปราณดึงเอาไม้เท้าลอยเข้าสู่มือ มันเคยวางพิงอยู่ที่โต๊ะที่นั่งเจรจากันเมื่อครู่ซึ่งห่างออกไปประมาณแปดเมตร เขาพุ่งเข้าไปตบหลานชายตัวดีได้ในไม่ถึงวินาที

    เออสิวะ” ขาดคำก็ฟาดไม้เท้าใส่ร่างที่ล้มลงอยู่ เขาขดร่างไปมาเพื่อหลบเลี่ยงแต่ก็ไม่ได้ผล ที่ฟาดไปไม่ใช่แรงของชายวัยเกษียณ แต่เป็นแรงของชาวยุทธ์ยอดฝีมือ ดาบที่ฟาดฟันอาจฟันร่างให้ขาดออกในคราวเดียว หากแม้มันไร้คมดั่งแผ่นเหล็กก็จะฟาดให้กระดูกป่น หากไม่ใช่หลานชายมีฝึกฝีมือวรยุทธ์อยู่บ้างร่างกายคงไม่เหลือกระดูกสักท่อน แต่กระนั้นความเจ็บปวดก็รุนแรงแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา แอนดี้เข้าสมาธิเกร็งลมปราณปล่อยฝ่ามือทรายใส่ลุงบรรหารผละตัวออก เขายันตัวลุกขึ้นด้วยความเจ็บปนอาย

    ขนาดพ่อกูยังไม่เคยตีกูเลยนะโว้ย

    เออสิวะ เพราะแม่งไม่เคยตีมึงไงมึงเลยโตมาเป็นควายแบบนี้ไง วันๆเอาแต่หาเรื่องให้พ่อมึงทุกวัน ไอ้เด็กเ_ย ถ้าไม่ติดมึงเป็นหลานกู ป่านนี้มึงตายไปแล้ว ไอ้ขี้โคลนปั้นไม่ขึ้น

    ชายหนุ่มทั้งเจ็บทั้งอายดวงตาแดงก่ำคล้ายจะมีน้ำใสๆไหลออกมามือกุมร่างที่บอบช้ำพูดออกคำสั่งเสียงสั่นเครือ “ฆ่ามัน ฆ่าแม่งทั้งสองตัวเลย

    ที่จริงนั่นก็คือสิ่งที่เหล่าสการ์เวนเจอร์กำลังทำอยู่  ที่จริงต้องว่าพยายามจะทำ เพราะอัยย์ก็เป็นหนึ่งในสามผู้หญิงที่แอนดี้ออกคำสั่งให้ไปสั่งสอนอยู่แล้ว เป็นเป้าหมายแรกที่พวกนั้นจู่โมใส่ และบรรหารที่เข้าไปทำร้ายนายจ้างแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ย่อมเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งเหมือนกัน แต่ไม่สามารถทำอะไรกับทั้งสองคนได้เลย

    การจู่โจมใส่ชายวัยเกษียณก็ถูกปัดป้องด้วยไม้เท้าแล้วโจมตีสวนกลับเหมือนกับอ่านทางออก เหมือนเห็นดังนั้นแอนดี้หลานชายที่เจ็บอายก็เริ่มลงมือเอง

     

    ส่วนการจู่โจมใส่หญิงสาวแทบจะไม่พลาดเลยคมอาวุธสั้นยาวที่ฟันแทงเข้าใส่ผนึกลมปราณที่ยิงเข้าใส่ถึงตัวเธอทั้งหมด เธอไม่มีการป้องกันหรือหลบเลี่ยง ที่ทำมีเพียงการจู่โจมสวนกลับไปเป็นการโจมตีที่ทรงพลังหนักแน่นแทบจะเห็นทุกการเคลื่อนไหวชัดเจนแต่กลับหลบไม่พ้น ปล่อยให้คนอื่นๆจู่โจมใส่ขณะที่ตัวเองโจมตีใส่คนหนึ่ง ชุดไทยประยุกต์ถูกประดับด้วยรอยขาดและรอยไหม้จนไม่ต่างกับผ้าขี้ริ้ว แต่แม้การโจมตีทั้งหมดจะทะลุเนื้อผ้าไปได้แต่ไม่ได้กินเลือดเธอเลยสักหยด แม้แสดงความเกรี้ยวกราดบนใบหน้าแต่เหมือนเธอไม่สนใจการโจมตีเหล่านั้น เธอไม่เหมือนกับกำลังต่อสู้ เพียงแค่เดินตรงไปหากมีใครเข้าขวางทางก็เพียงปัดจนกระเด็นไป

    แอนดี้ผนึกลมปราณควบคุมเม็ดทรายให้รวมกลุ่มกันพุ่งจู่โจมเป็นกระสุนทรายนับสิบๆลูก ลุงบรรหารปัดป้องฟาดไม้เท้ากว้างๆครั้งเดียว กระสุนเหล่านั้นก็พลันแตกออกเป็นเม็ดทรายเล็กๆปลิวผ่านไปเบื้องหลังอย่างแผ่วเบา เขาจึงเรียกเม็ดทรายเหล่านั้นให้รวมกันเป็นคมมีดฟันเข้าใส่ลุงจากด้านหลัง แต่ฝ่ามือพายุทรายเป็นวิชาประจำตระกูลโคตรปราการ บรรหารเองก็รู้จักวิชานี้ดีลูกไม้นี้ทำอะไรเขาไม่ได้ ชายอาวุโสวาดไม้เท้าเป็นวงก็เกิดน้ำจากอากาศหมุนวนเป็นอาณาเขตลูกกลมล้อมตัวเขาปกป้องจากการจู่โจมข้างหลัง 

    คมทรายถูกพัดกระจายด้วยลูกกลมน้ำ ในอาณาเขตป้องกันนั้นเขาร่ายเพลังไม้เท้าใช้วรยุทธ์แบบโบราณ กระสุนน้ำถูกยิงออกจากลูกกลมเร็วรัว อีกฝ่ายได้แต่ผนึกลมปราณสร้างกำแพงหินขึ้นป้องกัน ห่ากะสุนน้ำกระแทกเข้าหินเปราะส่งเสียงเปรี๊ยะเปรี๊ยะ เมื่อกระสุนทั้งหมดชนใส่กำแพงคุณลุงก็ร่ายเพลงไม้เท้ากวาดหมุนขัดขดกันคล้ายเกล็ดงู ควบคุมน้ำทั้งหมดจากลูกกลมม้วนตัวเป็นสายแล้วอัดประจุสายฟ้าเกิดเป็นประแสงวูบวาบ 

     

    เขาแทงไม้เท้าออกไปสายน้ำอัดประจุขดเลื้อยพุ่งไปเหมือนงูพุ่งตะปบเหยื่อ กำแพงหินถูกกระแทกระเบิดออกเช่นกันกับผนังปูนเบื้องหลังถูกแรงดันกระแทกเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่มีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบ แต่ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังกำแพงนั้น

    แอนดี้ แซนด์สอร์มไม่เข้าใจถึงเจตนาของลุงบรรหารเลยสักนิด การทำร้ายกันในความเข้าใจของเขาคือความอาฆาตมาดร้าย ผู้ที่บังอาจทำร้ายเขาไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจก็ตามต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสมใจที่จริงส่วนใหญ่ถูกส่งไปฝังดินในป่าลึกตามตะเข็บชายแดนสักที่ คนที่ไม่เคยเห็นอะไรสำคัญนอกจากตัวเองย่อมไม่ลังเลที่จะเอาชีวิตใคร เขาจะทำมันอย่างง่ายดายโดยไม่คิดอะไร ไม่เสียใจภายหลัง แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นลุงของตนก็ตาม แขนขวาท่อนล่างมีหินแข็งเกาะเป็นแท่งแบนยาวออกประมาณสามสิบเซนติเมตรมีเม็ดทรายวิ่งเสียดสีกันบนพื้นผิวส่งเสียงหวีดหวิว มันเป็นดาบที่สร้างด้วยลมปราณผนึกเป็นหินและทราย การเสียดสีบนพื้นผิวก่อให้เกิดคลื่นความถี่เป็นคมดาบที่เหนือกว่าดาบทั่วไป เขาอาศัยจังหวะที่ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงหลบพ้นจากสายตาอีกฝ่ายใช้วิชาตัวเบาอ้อมไปทางด้านหลัง 

     

    คุณลุงของเขาเพิ่งใช้ลมปราณหมดไปกับท่าจู่โม ที่ป้องกันร่างกายอยู่มีแต่ลมปราณสัญชาตญาณเท่านั้น แอนดี้ไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้เกร็งลมปราณใหม่แทงดาบเข้าไป เมื่อรู้ตัวถึงการโจมตีเขาพลิกตัววาดไม้เท้าป้องกันแต่ไม่ทันแล้ว

     

    เขาหลบหรือป้องกันไม่ได้แต่เหมือนความตายยังไม่ต้องการเขาดาบหินทรายไม่ได้ดื่มเลือดของลุงบรรหาร หลานชายรับรู้ถึงอันตรายจากเบื้องหลังจึงต้องทิ้งโอกาสเพื่อรับมือ เป็นกลิ่นอายความอันตรายที่น่าสยดสยองจากเบื้องหลัง ความรู้สึกเหมือนสัตว์ที่เป็นเหยื่อถูกจับจ้องด้วยผู้ล่าแล่นวาบจากท้ายทอยลามไปทั่วร่างกาย 



    แต่ที่เข้ามาเป็นร่างของหญิงสาวในชุดไทยประยุกต์ที่ขาดพังยับเยินผมเผ้ากระเซอะกระเซิงส่งเข้าประชิดตัวอย่างองอาจส่งสายตาคมกริบจากความสูงกว่าสองเมตร ดาบหินทรายถูกปักใส่ช่องท้องของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำด้วยแรงที่พุ่งใส่คมดาบอันคมกริบมากจนไม่เพียงแต่ใบดาบเท่านั้นที่เสียบทะลุหลังยังมีมือมีท่อนแขนของแอนดี้ แซนด์สตอร์มอีกที่แทงผ่านร่างกำยำของหญิงสาว---ที่จริงควรเป็นแบบนั้น  

    ดาบหินทรายในมือเสือกแทงออกอย่างรวดเร็วรุนแรง อีกฝ่ายไม่การขยับตัวหลบแม้การจู่โจมจะพุ่งเข้าใกล้ ทั้งๆแบบนั้นการโจมตีนั้นกลับไปไม่ถึง เขางุนงงไปชั่วขณะ ทั้งๆที่เห็นทุกการเคลื่อนไหวของหญิงสาวอย่างชัดเจนแต่กลับโจมตีพลาดไป มือขวาอันหยาบใหญ่คว้าหมับเอาดาบหินทรายที่คมกริบด้วยคลื่นสั่นอย่างถนัดถนี่ คลื่นสั่นที่สร้างความอันตรายให้ดาบหินนั้นไม่ใช่แค่ตรงส่วนคมเท่านั้น แต่ทุกสัดส่วนของตัวดาบนั้นมีความคมที่ตัดเหล็กได้เพียงแค่ตวัดผ่าน กระนั้นแล้วมือเปล่าของหญิงสาวก็ไม่ได้เสียเลือดให้ดาบนี้แม้สักครึ่งหยด

    อัยย์ เทพเมตตาแทงฝ่ามือเข้าใส่ลำคออีกฝ่ายคราหนึ่ง กระแสลมปราณทะลุของเธอทะลุผ่านถึงร่างเนื้อโดยตรง  แอนดี้ตัวส่ายโอนเอนไปมาหอบหายใจอย่างแรงก่อนล้มลงใส่ร่างอีกฝ่าย สองมือตะกุยตะกายจับได้เศษผ้าที่เคยเป็นเสื้อผ้าไหมสีแดง

     

    เมื่อไร้สมาธิก็ควบคุมลมปราณไม่ได้ ดาบในมือเมื่อขาดแรงลมปราณกระทำก็กลายเป็นแท่งหิน ทรายบนพื้นผิวที่สร้างคมให้ดาบก็ร่างกราวสู่พื้น แอนดี้พยายามเกร็งลมปราณใหม่ แต่อัยย์ไม่อนุญาตเธอยิ่งบีบมือขวาแน่นขึ้นจนเลือดแดงๆไหลออกจากซอกนิ้วนั้น เธอบีบมือจน หินที่สร้างด้วยลมปราณ ปลอกแขนคาร์บอนผสม ผิวหนัง เส้นเลือด กล้ามเนื้อ และกระดูกพังหักสลาย


                      เขาทรุดเข่าลงด้วยความเจ็บปวด มือขวายังคงอยู่ในกำมือของหญิงสาวร่างใหญ่ แอนดี้แสดงความเจ็บปวดทางสีหน้าแต่ร้องไม่ออกพยายามดิ้นหนี เหล่าสการ์เวนเจอร์ทุกคนทำได้แค่มอง พวกเขาเคยพบกับคู่ต่อสู้มามากมาย บ้างก็หนี บ้างก็ตอบโต้ ที่ฝีมือเหนือชั้นกว่าก็มาก แต่สุดท้ายก็ใช้ยุทธ์วิธีและจำนวนเข้าต่อกรจนจัดการได้ในที่สุด แต่ไม่มีเป้าหมายไหนเลยที่มีปฏิกิริยาแบบนี้ เป้าหมายที่เหมือนไม่สนใจกับพวกเขาเลย แม้ว่าจะระดมโจมตีทั้งด้วยอาวุธและวรยุทธ์ หญิงสาวคนนี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเดินเข้าไปจัดการกับพวกเขาเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ 

    มือของแอนดี้แหลกละอียดคามือหญิงสาว เหล่าลิ่วล้อที่สิ้นหวังของเขาเริ่มที่จะหยุดการโจมตีแล้ว เสื้อคลุมผ้าแพร และเสื้อผ้าฝ้าย ขาดวิ่นจนไม่สามารถปกปิดแผ่นหลังเปลือยเปล่าไร้รอยแผลได้เป็นตอกย้ำว่าการกระทำของพวกเขาที่ผ่านๆมาไร้ประโยชน์ และสายตาคมกริบที่จ้องกลับมายิ่งฝังพวกเขาจมลงไปในความสิ้นหวัง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×