ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BATTLE ROYALS

    ลำดับตอนที่ #5 : Last Round 1/1 : Wherever you are. There is still have me.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 72
      0
      17 ธ.ค. 57


    BlackForestu



    Wherever you are. There is still have me.


    Pairing : Xiumin x Luhan 


    ว่าด้วยการออกจากวงของลู่ฮาน
    เลยคิดว่าจะแต่งช๊อตฟิคคู่นี้ออกมา
    เป็นเรื่องสุดท้าย... ขอให้อ่านให้สนุก















    Wherever you are. There is still have me.

    ไม่ว่าคุณอยู่ที่ใด...ที่นั่นก็ยังคงมีผม...









    ริมฝีปากอุ่นทาบทับอย่างแนบแน่น ปลายจมูกไล้ที่แก้มเนียน ริมฝีปากกระตุกขึ้นยิ้มเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี เมื่อคนที่เขาจูบมีท่าทีตกใจอย่างน่ารัก ด้วยการยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากำไว้ระดับอก ในขณะที่ดวงตาสวยเบิกกว้าง ร่างกายยังคงนิ่งไม่สามารถขยับไปไหน







    จูบแรกของพวกเขา...ฤดูร้อนปีที่สี่ที่รู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน







    “เฮ้...นั่งนิ่งนานแล้วนะ นี่ช็อคตายหรือยัง ลู่ฮาน...”

    เสียงนิ่งจากคนที่นั่นข้างกันทำให้คนที่ตีหน้านิ่งไม่ได้ทำให้คนหน้าหวานที่ตอนนี้หน้าแดงเถือกไปยันใบหูขยับตัวตอบรับเลย เพียงแค่ลดมือเรียวลงมากำไว้ที่หน้าตักแทน...





    คนตีหน้านิ่งลอบมองใบหน้าของลู่ฮานอย่างเงียบๆ ริมฝีปากสวยเม้มสนิท คิ้วเรียวเริ่มเข้ามาขมวดกัน



    “ทำแบบนี้กับผมทำไม...ซิ่วหมิน”









    คำถามนั่นทำให้ซิ่วหมินเลิกสนใจใบหน้าสวยของลู่ฮาน เงยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีสดใสกับแดดร้อนจ้าแทน

    “ก็คุณถามนี่ว่าทำไมผมถึงใจดีกับคุณนัก สนิทกับคุณอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่คนอื่นอยากเข้ามาผมมากกว่าคุณเสียอีก”



    “...”



    “ผมไม่อยากใช้คำพูดอธิบาย...”



    “...”



    “แต่นี่...มันคือเหตุผลของผมจริงๆ”



    “...ผมไม่เข้าใจ”ลู่ฮานดึงดันถามต่อทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว...



    ซิ่วหมินเบนสายตาลงมาที่ใบหน้าของคนข้างกายก่อนที่จะคลี่ยิ้มอีกครั้ง ทั้งๆที่ปกติเขามักจะไม่ชอบยิ้ม ไม่ชอบพูด แต่กับคนข้างๆ นี่เป็นข้อยกเว้นเสมอ







    มืออุ่นเลื่อนไปโอบใบหน้าที่ยังคนแดงริ้วไว้เบาๆ 













    “เพราะผมชอบคุณ คุณน่ารัก...”











    คำพูดเบาๆจากริมฝีปากอิ่มทำให้หัวใจของลู่ฮานอบอุ่นคล้ายกับใบหน้าที่ถูกสัมผัสไว้ด้วยความอบอุ่นของคนที่นั่งมองหน้าอยู่ข้างๆ







    ไม่มีคำพูดใดใดเอื้อนเอ่ยออกมาอีก มือของซิ่วหมินเพียงเลื่อนลงไปโอบจับมือของลู่ฮานเอาไว้ 

    นั่งเว้นระยะกันไว้ บนพื้นซีเมนต์ของชายฝั่งทะเล ดวงอาทิตย์ทอดแสงอ่อนๆ ทอแสงอบอุ่นโอบล้อมความรู้สึกดีๆของผู้ชายสองคนที่นั่งกันโดยปราศจากคำพูดใดๆ มีเพียงมือที่โอบจับกันเอาไว้









    อากาศร้อนทำให้คนเป็นบ้าได้...ว่าไหม



    “เฮ้ย!!!ถ้าเล่นดึงเสื้ออย่างนี้ต่อไป แกออกจากเกมส์แน่”เสียงทุ้มก้าวร้าวใส่คู่แข่งขันในสนามอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับหมุนตัวหลบมุมกระชากคอเสื้อคู่แข่งไม่ให้กรรมการในสนามเห็น มือเรียวจับเสื้อไว้แน่น ก่อนที่จะปล่อยออกอย่างอารมณ์เสีย เมื่อกรรมการเดินเข้ามาดู เดินออกไปคนละทางกับคู่แข่งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น





    ใบหน้าหวานๆไม่ได้เข้ากับนิสัยใจร้อนเสียเลย







    ถึงช่วงพักครึ่งเวลาเสียที ลู่ฮานดูไม่สบอารมณ์ที่ฝ่ายเขาเป็นรอง เดินออกมาจากสนามอย่างหัวเสีย ยังไม่ทันนั่งพักน้ำเย็นก็แต่เข้าที่แก้มร้อนเห่อ มองค้อนกลับไปที่คนกวนใจ พอเห็นหน้าก็เบะปากอย่างเด็กเอาแต่ใจ 

    เมื่อเห็นว่าลู่ฮานไม่สนใจซิ่วหมินจึงย่อตัวลงข้างๆหน้าคนอารมณ์เสีย คลี่ยิ้มให้อย่างใจเย็น 





    “มองหน้าผมนี่...เบือนหน้าหนีทำไม”





    “ไม่อยากพาลนี่...”





    “แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ...ลู่ฮาน”



    พอคำติออกจากปากซิ่วหมิน ลู่ฮานก็เบะปากคว่ำลงยิ่งกว่าเก่า 



    “...”ไม่ได้ตอบโตอะไรกลับไปตมประสาคนงอน







    “ยิ้มให้ผมก่อนสิ”





    เหมือนจะเป็นการร้องขอ แต่เปล่าเลยสำหรับลู่ฮานมันราวกับเป็นสิ่งที่ลู่ฮานปฏิเสธไม่ได้ ใบหน้าหวานที่ง้ำงอ หันมองใบหน้าของซิ่วหมินที่จงใจจ้องเขาอยู่







    เมื่อเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของซิ่วหมินที่ส่งมาให้ก็เผลอยิ้มตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าเริ่มร้อนเห่อด้วยเหตุผลอย่างอื่นแทนเสียได้...





    บางทีคนเราก็ไม่มีเหตุผลที่ทำสิ่งต่างๆเหมือนกัน ก็แค่คนๆหนึ่งเป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกๆเหตุผล

















    มันตั้งแต่เมื่อไรกันที่เขาอีกคนเริ่มมีใครอีกคน





    ใบหน้าได้รูปยังคงก้มหน้าตั้งใจกดอ่านเมสเสจในมือถืออย่างไม่ได้สนใจรอบข้างหรือลู่ฮานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยสักนิด...

    ลู่ฮานทำราวกับว่ากำลังตั้งใจอ่านหนังสือที่เปิดผ่านไปอย่างช้าๆ ทั้งๆที่ใบหน้ากำลังเงยจากหนังสือที่อ่านเพื่อจะสอบปลายเทอมนี้ ดวงตาสวยมองไปยังคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามที่ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย

    นี่คือโทรเรียกให้เขามาติวหนังสือเป็นเพื่อนแต่กลับทำแบบนี้งั้นหรือ ...

    ไม่รู้ว่าคุยกับใครอยู่ ถึงได้น่าสนใจขนาดนั้น จะถามออกไปก็คงจะเป็นการวุ่นวายเรื่องส่วนตัวมากเกินไป พอคิดถึงคำว่าเรื่องส่วนตัว เมื่อเร็วๆนี้ซิ่วหมินพูดทำร้ายความรู้สึกลู่ฮานด้วยคำว่า...”ช่วยเว้นระยะห่างของเราให้มากกว่านี้ได้ไหม เรื่องบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวนะ”



    ไม่รู้ว่าซิ่วหมินกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร





    รีบหลบตาทันทีเมื่อซิ่มหมินเก็บมือถือแล้วยิดตัวขึ้นทำท่าจะอ่านหนังสือ





    “เหม่ออะไรลู่ฮาน”





    “เปล่า...”ตอบไปด้วยสีหน้าปกติ แต่ก็ไม่พ้นสายตาซิ่วหมิน คนตรงข้ามลุกขึ้นและเดินอ้อมมาหาลู่ฮาน โอบกอดรอบตัวลู่ฮานด้วยอ้อมแขนอบอุ่น ซุกจมูกที่คอขาว ซูดกลิ่นตัวลู่ฮานช้าๆ ริมฝีปากอุ่นกดจูบแผ่วเบาที่ขมับอย่างรักใคร่...



    ทำไมการกระทำต้องตรงข้ามกับความรู้สึกด้วย...





    ลู่ฮานปล่อยให้ตัวเองถูดกอดอยู่แบบนั้น เขารู้ว่าตัวเองต้องการอ้อมกอดจากคนด้านหลังมากแค่ไหน













    แต่สุดท้ายแล้ว ซิ่วหมินก็ทำ...มากกว่าการกอด









    สัมผัสรุ่มร้อนลามไปยังทั่วร่างกาย ทั้งริมฝีปาก ต้อนคอขาว แผ่นอกเนียน เอว ทุกสัดส่วนบนร่างกายถูกปรนเปรออย่างรักใคร่ ถนุถนอม ทิ้งรอยช้ำจางๆไว้เมื่อถูกสัมผัสผ่าน...จากคนบนร่างเขา

    ลมหายใจร้อนที่รดอยู่ที่ใบหน้าทำให้ต้องช้อนตาขึ้นมองคนที่จ้องใบหน้าเขาอยู่



    “ลู่ฮาน...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็มีแค่คุณ”



    “...”ลู่ฮานพยายามเผยอริมฝีปากพูดตอบ พยายามรวมแรงขานรับ แต่ตอนนี้ร่างกายของเขากับรวนไปหมด มือเรียวเลื่อนขึ้นไปลูบใบหน้าอ่อนวัยของซิ่วหมิน ค่อยคลี่ยิ้มให้







    “ผมรักคุณ...แค่คนเดียว”







    ไม่อยากจะเชื่อเพราะเป็นเพียงแค่ลมปาก...

    แต่ซิ่วหมินกลับยืนยันคำพูดของเขาด้วยการสื่อสารผ่านทางร่างกาย ความรู้สึกทั้งหมดถูกส่งทอดมายังตัวเขาเอง





    ความรัก ความอบอุ่น ความรู้สึกทั้งหมดของซิ่วหมินถูกถ่ายทอดมายังลู่ฮานอย่างอ่อนโยน









    พาเขาถลำลึกจมดิ่งลงไป...ด้วยกัน...

    ไปยังความมืดที่หาที่สิ้นสุดไม่เจอ























    เพี๊ยะ!!!

    มือเรียวฟาดลงที่ใบหน้าผู้ที่ยืนพูดแก้ตัวอย่างแรงตามแรงอารมณ์ความหงุดหงิด





    “ฉันเคยบอกแกไปแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่งกับลูกชายฉัน!”







    ไร้ซึ่งคำพูดตอบกลับใดใดจากซิ่วหมิน...

    ใบหน้าเขาสะบัดไปตามแรงตบของผู้เป็นแม่ของลู่ฮาน... ผมสีเข้มร่วงปรกลงที่ใบหน้าเขา รู้สึกถึงรสขมปร่าของเลือดที่คลุ้งในปาก แต่ก็ต้องเม้มปากไว้เพื่อเก็บอารมณ์ไว้ให้มากที่สุด







    “ผมขอล่ะ...เลิกยุ่งกับผม ปล่อยพวกเราไป พวกเรารักกันจริงๆ”





    “หยุดพูดบ้าบอสักที!!!”





    “...”







    “ครั้งก่อนแกยังสัญญาว่าจะออกห่างจากลูกชายฉัน แต่แกกลับไม่รักษาสัญญา!!!”



    เขาเม้มปากแน่นไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร

    แค่เห็นลู่ฮานเสียใจที่เขาไม่ให้ความสนใจเหมือนก่อน ใจเขาก็อ่อนโอนสงสารลู่ฮาน เลยเผลอทำตามความรู้สึกจนเลยเถิด พูดมันง่ายกว่าทำ...เขารู้ข้อนั้นดี







    เขารักลู่ฮาน

    ลู่ฮานรักเขา

    ไม่แปลกหรอกถ้าคนสองคนจะต้องสนใจความรู้สึกกันและกัน

    แต่ก็ช่วยไม่ได้สำหรับการยอมรับของครอบครัว....





    “...ผมทำไม่ได้ ผมยอมเป็นคนไม่รักษาคำพูด”

    “ในเมื่อพูดดีๆไม่ชอบ...ก็ได้ๆ”

    ผมไม่รู้จะทำอย่างไร...เพราะผมทำอะไรไม่ได้แล้ว

    ผมพยายามมามากแล้ว...





















    ลู่ฮานกลับมาที่ห้องพักซิ่วหมิน...

    เขาโถมตัวเข้ามากอดผมไว้ ไร้ซึ้งคำใดใด ผมรีบรวบตัวเขาไว้กอดรัดกันและกันแน่นเท่าที่จะทำได้ ผมรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น... ผมรู้สึกถึงหยาดน้ำตาบนบ่า ลู่ฮานตัวสั่นมาก เสียงสะอื้นออกจากริมฝีปากน้อยนิด แต่ทำให้ซิ่วหมินเจ็บมาก มากกว่าการพูดออกมาด้วยซ้ำ





    ซิ่วหมินไม่รู้จะพูดอย่างไร











    “พวกเราพยายามกันมามากแล้ว...”

    แต่คำพูดที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากลู่ฮานก็ออกมาจนได้

    ซิ่วหมินกอดแน่นกว่าเก่า รอฟังคำต่อมา...





    “เรายื้อกันไว้...ก็เหนื่อยเปล่า”ลู่ฮานพยายามกล้ำกลืนเสียงสะอื้นไว้









    “เรา...ล เลิกกันเถอะ”









    พูดออกมาอย่างยากเย็น เจ็บปวด 





    เราต่างก็รู้ว่าเราการกระทำของเราแตกต่างกับคำพูดมากขนาดไหน...







    “อือ”

    ทำได้เพียงขานรับด้วยคำพูดห้วนๆ และปล่อยมือออกจากกัน...





























    เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน ความสุขทุกอย่างราวกับหายวับไปกับตา ไม่เหลือร่องรอยรอยยิ้มใดๆจากเขา...มันนานสักเท่าไรแล้วนะที่เราห่างกันแบบนี้ ผมจำไม่ค่อยได้นัก แต่รู้สึกเหมือนกับว่า เมื่อวาน เขายังอยู่ข้างๆผมอยู่





    ตอนนี้ผมยังคงคิดถึงเขา จะถามว่าเหตุผลอะไรทำให้คนเราเป็นไปได้เสียขนาดนั้น...ผมพยายามหาคำตอบแล้ว แต่หากว่า อย่างไรผมก็ไม่รู้ว่าคำตอบมันจะเป็นเช่นไร 





    สุดท้ายสิ่งที่ผมรับรู้คือ...เขาจากผมไปแล้ว













    มองสมาร์ทโฟนในมืออย่างชั่งใจว่าควรจะทำหรือไม่ 

    อยากจะโทร แต่ใจก็ไม่กล้า

    อยากจะได้ยินเสียง แต่ก็กลัวว่าจะยิ่งคิดถึง





    ตู้ด........

    ตู้ด.........

    สุดท้ายก็กดต่อสายไปจนได้...





    ในขณะที่ฟังเสียงสัญญาณต่อสาย ผมรู้ว่าตัวเองเกร็งขนาดไหน มือที่กำแน่นจนเส้นเลือดที่ต้นแขนปูดขึ้นมา...ไม่ได้ช่วยให้ผมใจเย็นหรือลดความตึงเครียดไปเลยสักนิด







    ตู้ด..........





    แกร๊ก





    “สวัสดีครับ...”





    “...”ผมหายใจลึก เพื่อควบคุมตัวเองไว้ โดยยังไม่ออกเสียงใดๆ











    “สวัสดีครับ...ลู่ฮานพูดครับ”







    น้ำเสียงนุ่มพูดอย่างใจเย็น ไม่ได้หัวเสียที่ปลายสายไม่ตอบรับขานรับด้วยเสียงสักที

















    “ซิ่วหมิน...ถ้าไม่พูด ลู่ฮานจะวางแล้วนะ”













    ใช่...เขาสองคนยังใช้เบอร์โทรศัพท์เดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรหลังจากต้องห่างกัน ซิ่วหมินไม่รู้หรอกว่าคนที่เขากำลังฟังเสียงอยู่ดีใจเท่าไรเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของซิ่วหมิน...







    คนที่รักที่สุด







    “ยังจำได้หรอ...”ถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ปล่อยมือที่กำอยู่ออก ก่อนที่จะหันตัวเงยหน้ามองออกไปด้านนอกกระจกใสอย่างผ่อนคลายมากขึ้น

    “คิดว่าทำไมผมจะมีเหตุผลที่จำไม่ได้หล่ะ...”

    “...”

    “ผมคิดถึงคุณ...”

    “...”

    “คุณคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า...”











    “มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก...ผมคิดถึงคุณมาก ลู่ฮาน...”













    ผมเพิ่งจะรู้ว่าเวลาเป็นเครื่องมือที่ดี เวลาช่วยให้ความเกลียดชัง ความเจ็บปวด ทุกๆอย่างค่อยๆลดน้อยลง แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อเขากลับชัดเจนและมากขึ้น มากขึ้น... 















    “ผมรักคุณ...ซิ่วหมิน”

    “ผมรักคุณเช่นกัน ลู่ฮาน...”







    แม้ว่าเราจะอยู่ห่างกัน อยู่คนละที่กัน... แต่เรา หวังว่า เราจะยังคงมีกันและกัน...











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×