ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BATTLE ROYALS

    ลำดับตอนที่ #4 : Round 1/1 : กะทันหัน (chen x lay) [End]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 124
      0
      20 เม.ย. 57

    BlackForest

    Round 1/1

    Chen vs Lay

    “กะทันหัน”


    “เมื่อรัก...เข้ามาทักทาย แบบไม่ทันตั้งตัว”

     

     

    ผมเป็นแค่คนเดินดินธรรมดา...

    ไม่คิดว่าชีวิตจะมีอะไรเข้ามาทำให้รู้สึกพิเศษ

    แต่สุดท้าย...

     

    บางอย่างกลับทำให้ผมรู้สึกแปลกไป

     

    บางที...ผมอาจจะต้องเปลี่ยนความคิด

     

     

     

     

    “จงแดอา...กลับดึกจังเลย”

    เสียงแหลมแหบของคนมีอายุทักทายผม เมื่อเธอมองพบผมที่เพิ่งกลับมาจากที่อื่น นั่นทำให้ผมหันไปยิ้มตอบก่อนที่จะก้มหัวทักทายอย่างช้าๆ พาขาก้าวเดินต่อไปยังห้องพักของตัวเอง

     

    ก้มลงหยิบกุญแจในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ก่อนที่จะไขประตูเปิดช้าๆ ถอดรองเท้าผ้าใบคู่เก่งไว้ที่หน้าพื้นต่างระดับ หลังจากล๊อคห้องแล้ว ใช้มือข้างที่จับกุญแจไว้กดสวิตไฟ ทำให้ทั้งห้องสว่างขึ้นมา โยนพวกกุญแจไว้ที่โต้ะในโซนห้องนั่งเล่น ตามด้วยกระเป๋าเป้ไว้ที่โซฟาสีครีมขนาดกลาง

     

    มือยกขึ้นมาดันแว่นตาที่สวมอยู่ขยับขึ้นเล็กน้อย แล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต โยนมันลงไปกับพื้นอย่างไม่สนใจ เหลือเพียงแค่กางเกงยีนส์ที่สวมท่อนล่างไว้เท่านั้น

     

     

    ผมใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วๆไป แต่บางทีก็อาจจะลำบากกว่าคนอื่นสักหน่อย

    แต่นั่น...ผมไม่สนหรอก

    ถ้าหากผมต้องลำบากตอนนี้ ต่อไปอาจจะทำให้ผมสบายขึ้นก็ได้

     

    จงแด...

    ชื่อจริงของผม

    เด็กหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัยช่วงปลายใกล้จะจบเต็มทน แต่หลังจากเรียนเสร็จก็ต้องรีบปลีกตัวไปทำงานพาร์ทไทม์ทันที

    เวลาวัยรุ่นจึงไม่ค่อยจะได้ใช้สักเท่าไร

     

    แต่ผมก็มีความสุขของผม...

     

     

     

     

     

    เช้าวันเรียนที่แสนวุ่นวาย กลุ่มนักศึกษาวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่กำลังประสานงานกันอย่างเสียงดัง ทำให้นักศึกษากลุ่มเล็กกว่าแถวนั้นหงุดหงิดเล็กน้อยกับความไม่เกรงใจประสาทหู ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นมาชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง

     

    “เฮ้ย!เบาๆหน่อยไม่ได้ไงวะ!”เปิดประโยคอย่างหาเรื่อง ทำให้นักศึกษากลุ่มใหญ่นั้นหันมามอง พร้อมกับศึกษาหัวทองที่ก้าวออกมาหาคนตะโกน

    “ทนไม่ได้หรือไงวะ!?”ตอบกลับอย่างกวนส้นเท้า ไม่วายเดินกร่างเข้ามาหาเรื่องอย่างจริงจัง

     

    ปึก...

    “พอแล้วจื่อเทา...”ผมยกแขนกั้นเพื่อนตัวสูงเอาไว้ก่อนที่หมีควายสองตัวจะตะลุมบอลกัน มองผ่านแว่นสายตาไปยัง”คริส”ที่มีกิจวัตรประจำวันเป็นการกวนส้นเท้าชาวบ้านไปวันๆ

     

    “ไม่แน่จริงนี่หว่า...”ส่งรอยยิ้มกวนๆกับอาการยักคิ้ว มาให้

    “ไม่อยากมีเรื่อง...กลัวเรียนไม่จบหล่ะสิ คุณจงแดทุนมหาวิทยาลัย”พร้อมสมทบกับ”ชานยอล”เพื่อนรักส่วนสูงเดียวกัน นิสัยเสียเหมือนกัน...

     

     

    จื่อเทาทำท่าฮึดฮัดอยากจะไปซัดพวกนั้นสักยก แต่ว่าผมก็กดอกมันให้อยู่นิ่งๆแทน มันมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม กับการกระทำเย้ยหยันแบบนั้น

     

     

    “ใช่ครับ...คุณชานยอลกับคุณคริส”

     

     

    ผมตอบด้วยคำสุภาพ แล้วกดให้จื่อเทานั่งลงกับเก้าอี้เหมือนเดิม

    ผมไม่ชอบโต้ตอบด้วยการกระทำต่ำๆ เพราะผมมีทางเลือกไม่มากเท่าคนรวยพวกนั้น...

    แต่การพูดจาสุภาพกลับไป...ทำให้พวกมันหัวเสียใช่เล่น

    จริงๆแล้วมันคือการกวนประสาทชนิดหนึ่งน่ะ...

     

     

    “จงแด มึงก็เป็นอย่างนี้ตลอด พวกมันถึงดูถูกมึงตลอด”

    แบคฮยอน พูดมองหน้าผมจริงจัง สีหน้ามันก็ไม่สบอารมณ์พอๆกับจื่อเทา

    “มันไม่ได้ว่าพวกมึงสักหน่อย จะอารมณ์เสียทำไมเนี่ย หื้ม?

    ผมยิ้มน้อยๆให้ เพื่อนสนิท ของผมก่อนที่จะเอามือขยี้หัวพวกมันเบาๆอย่างเอ็นดู

    ก็พวกมันอยู่ข้างๆผมเวลาที่ผมมีปัญหาหรือเวลาไหนๆ

    มันคุ้มนะ...

     

     

    พวกผมก้มหน้าคุยกันเรื่องโปรเจกต์แบบแปลนที่ต้องส่งเทอมนี้ต่ออย่างเงียบๆ ลากนิ้วลงไปบนกระดาษที่มีลายเส้นขีดเขียนอยู่

     

    “กูว่า...มึงออกแบบแบบนี้ห้องมันทึบไปนะ แบคฮยอน”

    “...@#$&

     

     

     

    แต่ทว่าบทสนทนาเงียบๆของพวกผมก็ต้องสะดุดอีกครั้ง กับเสียงดังจากกลุ่มเดิม

    พวกมันส่งเสียงแซวอย่างไร้มารยาท

    ผมคิดว่า...ใครสักคนกำลังเดินเข้ามา ที่โรงอาหารส่วนรวมของมหาวิทยาลัยนี่

     

     

    เลื่อนเก้าอี้ออก ก่อนที่จะเอียงตัวโยกหัวมองไปยังคนที่มาใหม่

     

    ผมรู้สึกแปลกๆ...

     

     

    ร่างบางของคนที่เดินเข้ามา ทำให้ผมต้องเหลียวตาม...

    รู้สึกเหมือนห้วงเวลากำลังเดินช้าลง

     

     

    ใบหน้าได้รูป ดวงตาเรียวหวาน จมูกโด่งนิดๆหน่อยๆ บ่าขาว และอกเนียนที่โผล่พ้นขึ้นมาจากเสื้อสีขาวคอวี ริมฝีปากกระจับชมพูอย่างคนสุขภาพดี

     

    พอมองแล้ว...ผม...

     

     

    ...เป็นครั้งแรก ที่ผมคิดว่าคนๆอาจจะเป็นคนที่พิเศษกว่าใครๆ

     

     

     

    แปลกแต่จริง สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับผม

    มันเป็นสิ่งที่กะทันหันไป

    แต่จะมองยังไงเธอก็ใช่...คนเดียวที่ฉันรอ

     

    บอกผมที่ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน

    บอกผมที่ว่าเธอทำได้อย่างไร

     

     

     

    “จงแด!!!

    “ห้ะ!!!

    เสียงแหลมของแบคฮยอน ทำให้ผมกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง

    “เรียกตั้งนาน!มองอะไรของมึงวะ”

    “ปะ...ปล่าว”

     

     

    ผมว่า....ผมตกหลุกรักเขาโดยที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขาแล้วแน่เลย

     

     

     

     

     

    หลังจากเคลียร์เรื่องโปรเจ็กต์เสร็จ ผมก็แยกตัวกลับทันที

    แบคฮยอนกับจื่อเทาคงรู้สึกว่าผมแปลกๆไป

    แต่พวกมันก็ไม่ได้ซักไซ้ถาม เพราะรู้นิสัยของผม

     

    ไม่อยากบอก...ก็ไม่มีทางพูด

     

    กำลังก้าวผ่านตึกใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นล่าสุด แต่เสียงดนตรีของใครสักคนก็ดังเข้ามาในโสตประสาทเสียก่อน มันเพราะเสียจนผมเผลอยืนฟังตรงนั้นเสียนาน

     

    สะดุ้งตัวก่อนที่จะมองผ่านเข้าไปในตึก

    คณะดุริยางศาสตร์

    ป้ายหน้าตึกเขียนไว้อย่างบรรจง

     

     

    อดไม่ได้จริงๆ...

    ขาก้าวเข้ามาตามเสียเปียโนหวานๆที่กำลังบรรเลงช้าๆ

    จนมาถึงห้องๆหนึ่ง กระจกบานใสทำให้ผมมองเห็นคนด้านใน...

     

    เจอกันอีกแล้ว...

     

    มันเป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไปหรือเปล่า?

    โลกมันจะกลม

    พรหมมันจะลิขิต

    แบบนี้เลยหรอ...

     

     

    แค่เห็นว่าเป็น”เขา”

    ผมก็เผลอระบายยิ้มออกมาอย่างเงียบๆ

     

    ท่าทีและท่าทางของเขาช่างดูนุ่มนวล

    มือเรียวขาวที่บรรจงกดลงไปที่โน้ตเปียโนย่างช้าๆ รอยยิ้มหวานที่ติดอยู่กับริมฝีปากสีชมพูอิ่ม แววตาสดใสขณะที่เล่นเปียโน

     

    เป็นภาพที่น่าประทับใจ...

     

    ผมไม่รู้ว่าผมชมเขา(ในใจ)มากเกินไปหรือเปล่า แต่การยืนจังก้าอยู่หน้ากระจกใสแบบนี้ ทำให้คนในห้องนั่น หันหน้าออกมามองผมอย่างงงงัน

     

     

    เพียงเสี้ยวเดียวที่สายตาสอดประสานกัน...

    พอรู้ตัวว่าโจ่งแจ้งเกินไป ผมจึงละลายตาออกจากเขาอย่างนิ่งๆ ก่อนที่จะเกาหัวเก้อๆแล้วปั้นหน้านิ่งเดินต่อไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    พอพ้นแถวๆนั้นแหล่ะ วิ่งเลยครับ!

     

     

    มานั่งหยุดพยายาม KEEP CLAM ที่หน้าตึกอะไรสักตึก ยืนคอพับเกาท้ายทอย อดยิ้มขำตัวเองคนเดียวไม่ได้

     

    “ทำไปได้ไงวะกู...ฟู่”

    ส่ายหัวกับท่าทางทุเรศของตัวเอง มือที่ชื้นเหงื่อกระชับแบบแปลน

     

    ห้ะ....รู้สึกแปลลกๆ

    ก้มมองของที่ถือไว้ในมือ

     

     

    เวรแล้วไง!!!

    ใบงานสรุปข้อสอบหาย!!!

     

     

    งานเข้าแล้วกู!!!

     

     

     

     

    เฟี้ยว...

    ปั่ก!ตุบ

     

    “โว้ย!!!”ร้องจ๊ากออกมาเมื่ออะไรบางอย่างมากระแทกที่หัว ก่อนที่จะก้มหยิบของที่กระแทกหัวที่นอนแอ้งแม้งกับพื้น

     

    “จงแด!!!

    “มึง!!!

     

     

     

     

     

     

    เดินไปฟังพวกมันคุยกันไป...

    ไอเพื่อนเวรสองตัวแม่งโยนของใส่หัวผมเพื่อเรียกร้องความสนใจให้ผมหันไปหา

     

    แม่ง...คิดได้เนอะ

     

    สรุปแล้ววันนี้ผมต้องเดินกลับบ้านกับพวกมัน...

     

    “มึงออกมาตั้งนานแล้ว ไหงไปยืนที่ตึกอื่นวะ”

    แบคฮยอนถามด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนที่จะกระโดดกอดคอผม เล่นเอาเซ...

    “...ก็กู...”เออ จะตอบว่าไรดีวะ

    “อ้ำๆอึ้งๆอะไรของมึง?”จื่อเทาถามอีกคน

    “ตั้งแต่เช้าแล้ว”แบคฮยอนต่อ

     

    “เปล่าเถอะวะ ก็ปกติเฮอะ”ผมปฏิเสธอย่างไม่เนียนสักเท่าไร ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี

     

    “หรือว่าติดใจสาวคนไหนวะ กิ้วๆ”แบคฮยอนแซว แล้วเริ่มเกาะหลังจนกลายเป็นขี้หลังแทน

     

    “โอ้ย!มึงลงไปเลยนะ...หนัก”

    “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องๆ”

    “อะไรของพวกมึงเล่...”

     

     

     

    ยังไม่ทันพูดจบ ประโยคของผมก็หยุดเสียก่อน

    มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างนิ่งๆ

     

    บังเอิญอีกแล้วหรอ...

     

     

    คงเป็นเพราะปกติผมรีบกลับไปทำงานพิเศษทันที ทำให้ไม่ได้กลับมืดแบบนี้

    แต่วันนี้...

     

     

     

    ร่างบางในชุดคอวีสีขาวที่จำได้ดี เดินยิ้มออกมาจากรั้วของมหาวิทยาลัย มือไม้หอบหิ้วของไว้ในอกอย่างน่ารัก...

     

    มีเพียงถนนสายใหญ่ที่ทำให้ผมกับเขายืนห่างกันในคนละฟาก

     

    ใบหน้าหวานนั่นกำลังมองหาบางสิ่ง เขายืนรอด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงหน้ามหาวิทยาลัย ก้มหน้างุดเมื่อคนเดินผ่านแซวเล่น

     

    คงจะไม่ชอบแบบนั้นสักเท่าไร...

     

     

    “จงแดโว้ย!!!

    !!!”ผมตกใจอีกรอบกับการแหกปากเรียกชื่อผมของแบคฮยอน จนหันมามองหน้ามันแทบไม่ทัน

    “มึงเหม่ออีกแล้ว”งุ้งงิ้งบอกผมด้วยสีหน้าน้อยใจ

     

     

    แต่หางตาผมก็ยังคงสนใจคนที่อยู่อีกฟากของถนน ผมหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้...เขากำลังมองมาที่ผมพอดี คงเป็นเพราะเสียงดังๆของแบคฮยอน

     

    รอยยิ้มหวานหุบลงช้าๆ ก่อนที่จะมองผมด้วยความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจ

     

    เพียงแค่เดี๋ยวเดียว รถคันใหญ่ก็มาจอดขวาง...เรา

    เขาละสายตาจากผมไปชั่วครู่ ก่อนที่จะกลับมามองหน้าผมอีกนิดหน่อย และขึ้นรถออกไป

     

     

    ทิ้งไว้แค่ความไม่เข้าใจของผม...

     

     

     

    “อย่าบอกนะ...ว่าที่มึงเหม่อตั้งแต่เช้าเนี่ย เพราะคนนี้อ่ะ”แบคฮยอนมาจับบ่าผมไว้ แล้วพูดถามตรงจุด

     

     

    “จาง อี้ชิงน่ะหรอ...จงแด”จื่อเทาก็อีกคน

     

     

     

     

     

     

     

     

    เมื่อคืนผมนอนไม่ได้นอนสักเท่าไร งานพาร์ทไทม์ที่ต้องอยู่ทำล่วงเวลาเพราะมาเข้าสายก็ปาไปเกือบตีสอง... แล้วกว่าจะมาถึงหอพักอีก ล้มตัวหลับตาลงนอน ใบหน้าของคนๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา

    ชื่ออะไรนะ...จื่อเทาบอกว่าอะไรนะ

     

     

    จาง อี้ชิง....

     

    ขนาดชื่อฟังดูยังนุ่มนวลแบบนี้

    เฮ้อ...ผมว่า

     

    งานนี้มัน...ดอกฟ้ากับหมาวัด แน่เลยว่ะ

     

     

    เช้านี้เดินเข้ามหาวิยาลัยด้วยอาการอึนๆ มือกร้านขยี้ผมเรียกให้ตัวเองตื่นจากอาการเบลอ

    ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

    นอนไม่หลับ...เลยลุกมาปั่นงานจนเกือบเสร็จ ดูนาฬิกาอีกทีก็เช้าแล้ว เลยลุกมาอาบน้ำแต่งตัวเข้าคลาสเช้าอย่างคนใกล้น็อค

     

     

    ชายเสื้อเชิ้ตขาวที่ปกติจะเก็บใส่ทับกางเกงไว้อย่างดีหลุดลุ่ยไม่เหลือเค้าเดิม แล้วยังแขนเสื้อที่พับขึ้นมาชุ่ยๆ คอเสื้อปลดกระดุมเม็ดสองเม็ด

    แบบแปลนที่สะพายไขว้อกไว้ ในมือก็ถือแว่นสายตาไว้

     

     

    สภาพดูไม่เหมือน”คิมจงแด”คนเก่าสักเท่าไร

     

    ผมว่าสภาพผมคงดูไม่จืด...

    พอเดินเข้ามาที่ตึกคณะเท่านั้นแหล่ะ คนเดินไปมาแถวนั้นก็แทบเอี้ยวมองผมซะแบบว่า...

    เออ!เอากันเข้าไป

     

    ปกติผมก็เป็นแบบนี้นะ แต่ว่าถ้าออกมานอกสถานที่ผมจะต้องเนี๊ยบ

    แต่วันนี้ขอเถอะ...ผมไม่ไหวจริงๆ

     

     

     

    ผมเดินเข้าไปใต้อาคาร มองหาเพื่อนสองคนที่มารอก่อนอยู่แล้ว ก็เห็นมันสองคนจุ้มหัวคุยกันเคร่งเครียด...

     

    ปึก!

    พอถึงโต๊ะแค่นั้น ก็ทิ้งตัวนั่งลงอย่างหมดแรง

     

    “เฮ้ย!ทำไมมาสภาพนี้วะ จงแดย๊าห์”แบคฮยอนเลิกสนใจงาน แล้วรีบเดินมายืนจ้องหน้าผม

    “กูสภาพแย่มากเลยหรอวะ”

     

     

    “เปล่า...ดูแบดดี”

    “ชอบ”

     

     

    ห้ะ...แบคฮยอนแม่งเป็นอะไรป่าววะ อยู่ๆแม่งมาชม...

     

     

    “เออ...ดูดีอีกแบบว่ะ”จื่อเทาแม่งก็อีกคน

    ผมเลยนั่งหน้าตาย ถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ เอนหลังไปกับเก้าอี้ ก่อนที่จะถอดสายสะพายแบบแปลนวางลงบนโต๊ะ ไม่ได้ตอบอะไร

     

     

     

    “เออ!มีคนอยากเจอมึงด้วยว่ะ”จู่ๆแบคฮยอนก็พูดขึ้นมา หลังจากผมเกือบจะงีบหลับ

    “ใครวะ...คนมาหาเรื่องไม่เอานะเว้ย”

    “โน่นๆ...เขารอมึงตั้งนานล้ะ”

     

     

    ผมหันไปตามแรงกระแทกของข้อศอกแบคฮยอน แล้วมองอย่างงงๆ

     

    ไหน...ใครวะ

     

     

    “จางอี้ชิ้งๆ...จงแดมาแล้ว”

     

     

     

    ห้ะ

     

    จางอี้ชิง......

    !!!

     

    เวรแล้ว!!!

     

    ใบหน้าหวานหันมาตามเสียงเรียก ก่อนที่จะคลี่ยิ้มให้แบคฮยอนอย่างเป็นกันเอง แต่พอเบนสายตามามองผมแค่นั้นหล่ะ...หุบยิ้มหวานนั่นทันทีเลยหล่ะ

     

    ผมพยายามไม่ทำตัวผิดปกติ เก้ๆกังๆ

    ลุกขึ้นเกาหัวอย่างช้าๆ ในขณะที่พยายามหุบยิ้มเก็บความรู้สึกเอาไว้

     

    เขาลุกขึ้นจากโต๊ะใกล้ๆก่อนที่จะเดินมาทางผม

    อ่า...ให้ตายเถอะ

     

    ผมรู้สึกประหม่าจัง

     

    เรายืนหันหน้าเข้าหากันโดยที่ต่างคนต่างมองไปที่อื่น...

     

    ปึก!

    “เอ้า!!!ไปคุยกันให้รู้เรื่องกันสองคนไป๊”

    แบคฮยอนจัดการพลั่กผมแถออกมาจากวง ก่อนที่จะตามด้วยจับแขนอี้ชิงให้เดินตามผมมา

     

    ก่อนที่จะโบกมือไล่เราสองคน...

     

    ผมเลยต้องเล่นไปตามบท(?)เดินนำหน้าอี้ชิงมาก่อน ไม่รู้ว่าขาแม่งเป็นบ้าอะไร พากันเดินมาเรื่อยที่สวนขนาดเล็กที่ไม่วุ่นวาย

    ผมหยุดฝีเท้าก่อนที่จะหันหลังกลับไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อทันทีที่หยุดหันไปก็เกือบจะชนกับคนที่เดินตามมาต้อยๆเสีย เลยถอยหลังมาสักก้าวสองก้าว ทิ้งระยะไว้

     

    “...”

    เราเงียบกันไปสักพัก

     

    “เอ่อคุณ.../เอ่อ”จู่ๆพวกเราก็พูดออกมาพร้อมกัน นั่นทำให้เราเงยหน้ามองกัน ก่อนที่จะหลุดยิ้ม หัวเราะเล็กน้อยอย่างไร้สาเหตุ

    “คุณก่อนเลยครับ...”ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ(?) ผมเลยให้เขาพูดก่อน

     

    “อ่ะอื้อ...”

    “...”

    “คือเราเจอใบงานของคุณน่ะ...เมื่อวานตอนเย็น เราเลยเอามาคืน”

     

    !!!

     

    อื้อหื้อ...พูดเราด้วยอ่ะ

    น่ารัก!!!

     

    จงแดจะไม่ทน!

    “อ๋อ...เอ่อครับ”ผมเลยจัดการรับมาอย่างเก้ๆกังๆ มองนิ้วมือของเขาก็อดทำตัวโรคจิตไม่ได้

     

    ผู้ชายอะไร นิ้วมือเรียว ขาว ขนาดนี้เนี่ย...

     

    “อ...เอ่อ แล้วคุณหาผมเจอได้ไงครับ”

    นั่นดิ ผมไม่ใช่คนโด่งคนดังอะไร ที่คนทั้งมหาลัยจะรู้จัก แล้วเขาหาผมเจอได้ยังไงเนี่ย

    แล้วยังมานั่งรอให้ผมด้วยตัวเองแบบนี้...

     

    “...ก็ เราก็ถามๆคนอื่นมานั่นแหล่ะ”ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แก้มเนียนๆนั่นขึ้นสีเลือดฝาดเล็กน้อย ปากชมพูเม้มกันนิดๆ ในขณะที่ไม่มองหน้าผมเลย

    “อ๋อ...ครับ”

    “...ชื่อจงแดจริงๆใช่ไหม”เขาถามต่อ

    “ครับ...จงแดจริงๆครับ คิมจงแด”เมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้แล้ว ผมเลยยื่นมืออกไปหาเขา

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ...คิมจงแด”ลักยิ้มที่แก้มของเขาบุ๋มลงไปตามกลีบปากอิ่มที่ค่อยๆคลี่ยิ้มอย่างขัดเขิน ก่อนที่มือเรียวจะยื่นมาหาผม

     

    ปลายนิ้วเรียวลากผ่านฝ่ามือของผมก่อนที่จะจับไว้อย่างนุ่มนวล

    ผมอมยิ้มแล้วก็ค่อยๆบีบมือเรียวเบาๆ กลัวว่ามันจะทำให้เขาเจ็บหรือเปล่า แต่ใบหน้าหวานกลับเงยขึ้นมามองตาก่อนที่จะส่งยิ้มหวานมาให้ผมอีกรอบ

     

    “แล้วคุณ...”

    “จางอี้ชิง...อี้ชิงก็ได้”

     

     

    ผมว่า...ตอนนี้ตัวผมอาจจะกำลังลอยก็ได้

    หรือไม่ผมก็อาจจะกำลังหลับในแล้วฝัน...

     

    รอยยิ้มร่าเริงส่งมาให้ผม มันทำให้ผมรู้สึกว่าโลกทั้งใบสดใสขึ้นทันที...

     

    เขาน่ารักน่าเอ็นดูจังเลย...

     

     

     

     

    จากคนแปลกหน้า...เรากลับกลายคนรู้จักกัน เพียงเพราะการแอบดูอี้ชิงเล่นเปียโนในวันนั้น...

    ขอบคุณที่โชคชะตาขีดให้เราได้มาเจอกัน

     

    “สวัสดีครับ...คุณอี้ชิง”ผมรับสายอย่างอารมณ์ดี เมื่อคนน่ารักโทรมา

    “งื้อ...จงแด ไม่เรียกคุณอี้ชิงสิ อี้ชิงเฉยๆน่ะ”เจอคนน่ารักอ้อนอมยิ้มคนเดียวอีกตามเคย

    “ครับๆ...อี้ชิงเฉยๆ ฮ่าๆ”การกวนประสาทเล็กๆน้อยๆเป็นกิจวัตรประจำวันกับคนในสายเสียแล้ว

    “งื้อ!จงแดอ่า”

    เป็นแบบนี้ตลอด อี้ชิงไม่ได้ทำอะไรนอกจากบ่นง้องแง้งมาตามสาย แล้วผมก็คิดว่าเขาคงกระทืบเท้าย่ำๆอยู่น้อยๆคนเดียวน่ะนะ

    “ไม่แกล้งแล้วก็ได้ครับๆ”

     

     

    “จงแดอ่า...พาไปเลี้ยงไอศกรีมหน่อยสิ”

    พอยิ่งรู้จัก ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าอี้ชิงขี้อ้อนเป็นไหนๆ นั่นเป็นความน่าเอ็นดูของเขาอีกข้อหนึ่ง

     

    ยิ่งทำให้ผมชอบเขาเข้าไปอีก

    ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่การแอบชอบก็เถอะ

     

    “ผมไม่ว่างน่ะสิครับ อี้ชิงก็รู้ว่าผมต้องทำงานต่อนะครับ”

    “ฮื้อ...เราอุตส่าห์สอบได้ท้อปของภาคเลยนะ จงแดไม่ดีใจหรอ”น้ำเสียงสดใสดูหม่นลง เหมือนเด็กน้อยถูกขัดใจ

    แต่อี้ชิงก็รู้ว่าผมต้องทำงานจริงๆ มีบ้างที่เขาอ้อนแบบนี้ก่อนหน้านี้ แต่ผมก็ต้องปฏิเสธอยู่ดี

     

     

    คนจนคนธรรมดาอย่างผม ถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีเงินมาใช้จ่าย

    ไม่เหมือนเขา...

     

     

    เขารวย....มีเงินใช้สบายๆโดยไม่ต้องทำงานแลกเหงื่อ

     

    “ดีใจสิครับ...ผมขอโทษจริงๆนะ ผมต้องทำงาน เรื่องงานสำคัญกับผมจริงๆ”ผมพยายามพูดอย่างช้าๆให้อีกคนค่อยๆฟัง เพื่อเขาจะได้เข้าใจผม

    “ฮื้อ จงแดอ่ะ!

     

    ติ้ด...

     

    จบประโยคปุ้ป อี้ชิงก็ตัดสายผมทิ้งเฉยเลย

    เอาเข้าไปสิครับ!

    งานเข้าแล้ว

    งานนี้ต้องง้อสินะ...

     

     

    ผมกดโทรออกเป็นสิบๆสาย ตอนแรกเขาก็ตัดสายทิ้ง ต่อมาเริ่มปล่อยไปไม่สนใจ

    โดนงอนแล้วไงเนี่ย...

     

    “จงแดเว้ย...มึงนั่งกดโทรหาใครยิกๆเนี่ย มาช่วยกูแก้งานดิ้”จื่อเทาเรียกผม ผมจึงเลิกโทรจากนั้นก็ลุกเข้าไปหาโต๊ะทำงานของพวกมัน

    “อี้ชิงงอนอีกแล้วหรอวะ คิกคิก”แบคฮยอนชอบใจกับโมเม้นต์ที่ผมถูกอี้ชิงงอนแบบนี้ตลอดเวลา

     

    ดูท่าพวกมันคงจะชอบอี้ชิงมากกว่าผมซะอีก

     

    “หยุดหัวเราะเลยนะมึง...เดี๋ยวกูงอนมึงบ้างเถอะ”จัดไปดอกหนึ่ง ก่อนที่จะจับคอมันกดต่ำลากเข้าไปหาโต๊ะ

     

    “คิกคิก เจ็บนะโว้ย”

     

     

     

    แต่ก็ต้องขอบใจพวกมันจริงๆที่พวกมันไม่เกลียดคนที่ผมชอบ

    เพื่อรักใครก็รักตาม...

     

    เกือบมืดหลังจากเสร็จงานผมก็มานั่งรอรถประจำทางคนเดียว มือก็ยังไม่เลิกกดโทรหาอี้ชิงที่ป่านนี้ไม่รับสายผมสักที

     

    เขาทำให้ผมอยู่ไม่เป็นสุข...

     

    “จางอี้ชิง รับสิ”ผมงึมงำคนเดียวในขณะที่ยังก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ พลางชะเง้อมองรถประจำทาง

     

     

     

    ตึก...ตึก

    รองเท้าคู่สวยหยุดยืนตรงหน้าของผม ก่อนที่ไอศกรีมสีสวยจะถูกยื่นมาแทบจิ้มหน้าผม

     

    ไอศกรีมโคนเล็กๆที่ซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ...

     

    ผมมองหน้าคนที่ยืนข้างหน้าผมอมยิ้มออกมากับการทำตัวน่ารักๆของเขา

    ใบหน้าหวานหันหนีในขณะที่ริมฝีปากกระจับสวยกำลังเม้มเลียไอศกรีมอย่างน่าเอ็นดู...

     

    “เราไม่รับโทรศัพท์หรอกนะ...”

    “...”

    “จะกินไหมไอศกรีมอ่ะ”

    “...”

    มือเรียวยื่นเข้ามาขยับไปขยับมา ผมเลยรีบคว้าเอาไว้ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

    “เราเลี้ยงเองก็ได้...เช้อะ”มีการงอนใส่อีก

     

    หมับ...

    ผมเอื้อมมือไปจับปลายคางเขาไว้ ก่อนที่จะจับให้เขาหันหน้ามามองผมตรงๆ

     

     

    “...คุณน่ารัก ผมชอบ”

     

     

    ประโยคสั้นๆห้วนๆแต่ทำให้อี้ชิงถึงกับอึ้งนิ่งไปทันที ดวงตาเรียวเบิกกว้างกับคำชมของคนตรงหน้า กว่าจะรู้ตัวอีกที...ริมฝีปากร้อนของจงแดก็ทาบทับลงมาที่แก้มนิ่มอย่างรวดเร็ว

     

    “จงแด...”

     

    รู้สึกจักจี้เวลาลมหายใจร้อนรินโดนที่ใกล้ใบหู จงแดกดริมฝีปากจูบลงไปที่ปลายคางอีกครั้ง จึงรู้ว่าต้องสะดุ้งตัวหนี

     

    “ฮื้อ!!!ทำอะไรเรา!!!”ปากอิ่มเชิดพูดทันที มือเรียวข้างที่ว่างจากไอศกรีมจับไปที่แก้มข้างที่โดนขโมยจุ้บอย่างไม่เชื่อ

     

     

    “ให้รางวัล...”รอยยิ้มมีเสน่ห์ที่ตอบกลับมาทำให้อี้ชิงรีบหันขวับหนี ใช้มือปิดหน้าที่แดงร้อนอย่างทำอะไรไม่ถูก

     

    “คนบ้าจงแด...ขี้ขโมยหอแก้มคนอื่น ฮื้อ”พูดงึมงำคนเดียว หารู้ไม่ว่าจงแดขยับเข้ามาใกล้ตัวเองแล้ว

    “อะไรครับ อี้ชิง...”

    “อ้ะ!”ตกใจกับเสียงข้างๆหู แต่ยังไม่ทันได้หนีก็ถูกรั้งข้อมือไว้ ก้มหน้างุดไม่น่ามองหน้าจงแดเลย

     

    กลัวว่าจะแสดงอาการมากเกินไป...

     

     

    “งั้นผมต้องไปส่งอี้ชิงที่บ้านสินะ...”ถูกมืออุ่นลากให้เดินตามไป อี้ชิงก็เดินตามต้อยๆโดยไม่ขัดขืนซะงั้น

     

    งื้อ...จงแดคนบ้า!

     

     

     

     

    ก๊อกแก๊ก...

    มือกร้านที่กำลังไขกุญแจห้องต้องชะงักเมื่อสังเกตเห็นคนแปลกหน้าสี่ห้าคนที่เดินดุ่มๆเข้ามาใกล้ขึ้น สักพักจึงละสายตาไม่สนใจ พวกนั้นเดินผ่านไปอย่างไม่มีท่าทีอะไร แต่ทันทีที่เปิดประตูห้อง ตัวผอมก็ลอยวืดจากพื้น

     

    โครม!!!

     

    “อึก...”

    จงแดถูกยกตัวลอยสูงก่อนที่จะถูกกระแทกลงมาที่ผนังรั้วซีเมนต์อย่างจัง ร่างที่ขดงอตัวตามความจุกค่อยๆขยับแว่นตาให้ชิดใบหน้าก่อนที่จะพยายามโก่งตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก

     

    พลั่ก!

    “อั่ก...”ยังไม่ทันพยุงตัวได้ก็ถูกเตะเข้าที่สีข้างอีกที มือไม้เริ่มสั่น ก่อนที่จะหงายหลังไปกับพื้น เลือดคาวเริ่มกระอั่กออกมาในช่องปาก

     

    “แก...ทำแบบนี้กับฉันทำไม...”น้ำเสียงแหบถามออกไป

     

    “ทำให้แกเลิกยุ่งกับคุณหนูอี้ชิง...”

     

    !!!

     

    “โถ่เว้ย!!!

     

    นีมันละครน้ำเน่าหลังข่าวป้ะว่ะ!!!สมัยนี้เขาเลิกการเลื่อมล้ำทางฐานะทางสังคมแล้วเว้ย!!!

     

    หวืด...ผลั่วะ!

     

    จงแดโถมตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกระแทกหมัดไปอย่างสะเปะสะปะกับคนที่มาทำเขาด้วยเหตุผลไร้สาระแบบนี้ แต่เพราะร่างผอมแถมยังสูงใหญ่ไม่เท่าพวกมันห้าคนอีก เลยทำอะไรพวกมันไม่ค่อยได้

     

     

    “อ้าว...ใจกล้าขนาดนี้ จัดให้หน่อยไหม...”

    “เฮ้ย!!!จับมันไว้!!!

     

     

    !!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อืม...

    พยายามยีตาเพื่อปฏิเสธแสงจากด้านนอกที่รบกวน พลิกตัวเพื่อหันหลังหนี..

     

    โอย...

     

    เชี่ยเอ้ย!เจ็บสัส!

    สบถคำหยาบเป็นสิบๆในใจ ปากยังไม่มีแรงแหก...

    สุดท้ายก็ปล่อยตัวนอนแผ่ไปกับพื้นแข็งๆจนได้...สายตาพร่ามัวเพราะแว่นที่เคยใส่ไม่รู้ว่ามันไปตกอยู่ไหน มือเปื้อนเปรอะพยายามลากเกลี่ยหา...

     

    ครืด...

     

    เมื่อสัมผัสเจอจึงค่อยๆเกี่ยวขาแว่น แล้วสวมลงใบหน้าอย่างช้าๆ หลับตาลงก่อนจะยัดตัวพิงผนังอย่างช้าๆ ริมฝีปากแห้งแตกเม้มสกัดความเจ็บเสียงร้องเอาไว้

    ยกเข่าชันข้างหนึ่งก่อนที่จะก้มลงปัดเนื้อตัว ทิ้งตัวลู่ไปกับผนังอย่างหมดแรง

     

     

    เจ็บตัวอีกจนได้...

     

    ช่วงบ่ายมีส่งโปรเจ็กต์อีก...

    ยังไงวันนี้ก็ต้องไปมหาลัย

    ด้วยสภาพยับเยินแบบนี้...

     

    จงแดพยายามฝืนตัวลุกยืนก่อนที่จะลากตัวเดินเข้าห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...และเตรียมไปมหาลัย

    นี่มันเรื่องอะไรของเขาที่ต้องมาเจ็บตัว...

     

    อะไรก็แค่...เขามันจน

    เนี่ยนะ?

     

     

     

     

    แซ่ดๆ...

    ทันที่ก้าวเข้ามาในตัวตึกคณะ เสียงนินทาพูดถึงเขาก็ดังขึ้นทันที...จะไม่ให้ถูกนินทาได้ไง ในเมื่อสภาพคิมจงแดตอนนี้แทบไม่เหลือเค้าเดิมเลย

     

    เขาอยู่ในชุดลำลอง เสื้อยืดคอวีสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีด

    แว่นตาที่ร้าวเป็นรอบเกือบพังเกี่ยวอยู่ที่นิ้วกร้าน ผมที่เพิ่งสระมาหมาดๆยังไม่แห้งดีนัก ใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำ...หางคิ้วและมุมปากถูกติดพลาสเตอร์อย่างลวกๆ ตามลำคอและแขนมีรอบช้ำโผล่พ้นออกมา แล้วยังสีหน้าเจ็บปวดทุกย่างก้าวที่เดิน

     

    ทุลักทุเล...

     

    ทันทีที่แบคฮยอนและจื่อเทาเห็นพวกเขาก็รีบทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งหน้าตั้งมาช่วยพยุงจงแดทันที...

    กว่าจะเห็นกูนะสัส...

    “มึงทำไมเป็นแบบนี้วะ...”จื่อเทาถามอย่างอึ้งๆ มองจงแดที่ทิ้งน้ำหนังนั่งลงแล้ว

    “...”จงแดไม่ตอบ เขาวางงานที่ต้องส่งไว้บนโต๊ะ และถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ

    “แม่งดูไม่จืด...”อีกคำชมของแบคฮยอนสร้างความสนใจจากคิมจงแดอย่างดีด้วยสายตานิ่งๆที่ส่งไปพิฆาต

     

    “เออน่า...ช่างหัวกูเถอะ ส่งงานให้กูที”จงแดปัดเพื่อเลี่ยงคำถาม แล้วดันงานยัดใส่มือแบคฮยอน...

    เพื่อนสนิทจึงไม่ถามอะไรต่อดูจากหน้าจงแดแล้วแค่พูดนี่ก็ลำบากแล้ว รับงานเอามาไว้ที่ตัวก่อนที่จะลูบหัวเพื่อนอย่างเข้าใจ มือเรียวๆของแบคฮยอนค่อยๆแกะพลาสเตอร์ชุ่ยๆทิ้ง ก่อนที่จะล้วงพลาสเตอร์ลายการ์ตูนน่ารักแบบกันน้ำของเขามาแปะให้จงแดใหม่...

     

    น่ารักเชียวนะมึง...จงแดมองหน้าเพื่อนนิ่งๆ ในขณะที่แบคฮยอนก็ยิ้มบางๆให้แค่นั้น

     

     

     

    ตึก ตึก ตึก

    “จงแด!!!จงแด!!!

     

    เสียงเรียกจากคนที่วิ่งเข้ามากระหืดกระหอบ ตาเรียวมองหาคนสำคัญอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะเจอกับเจ้าตัวที่นั่งหันมามองอี้ชิงด้วยสีหน้าเฉยๆ ร่างบางกลืนน้ำลายลงคออย่างช้าๆก่อนที่จะเดินเข้ามาหาอย่างเงียบๆ

    ยืนตรงหน้าของจงแด แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา

    จื่อเทากับแบคฮยอนมองหน้ากันงงๆ

     

    “ป...เป็นอะไรมากไหม”

    “...”

    อี้ชิงกำมือแน่นเมื่อไม่ได้คำตอบจากคนตรงหน้า เม้มปากแน่นจนเริ่มรู้สึกเจ็บ

    จงแดเอง...ก็ทำเย็นชาใส่ เบนสายตาและใบหน้าหนีทั้งๆที่อี้ชิงอยู่ตรงหน้าแท้ๆ

    “เรา...ขอโทษ...เรา...”

     

    ยังพูดไม่ทันขาดคำจงแดก็ลุกพรวดขึ้น

    “มึงส่งงานให้กูด้วยนะ กูไม่ไหวแล้ว กลับไปนอนพักก่อน”

     

     

    ทำไมจงแดต้องทำไม่สนใจอี้ชิงด้วย

     

    ฮื่อ...

     

    เดินตามจงแดไปเงียบๆ ไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดตรงไหน

     

    “จงแดอา...ฟังเราก่อน”

     

    ปึก

     

    ชนเข้ากับแผ่นหลังของคนที่เดินนำหน้า ก่อนที่จะก้าวถอยหลังยืนนิ่ง จงแดหันมาแล้ว

    “เราขอโทษ...พวกเขาทำตามที่พ่อเราสั่ง...”

     

    “...”

     

    “เรา...”

     

    “...”

     

    “จงแดจะไม่พูดกับเราจริงๆใช่ไหม”น้ำเสียงเริ่มสั่นเมื่อพูดคนเดียวมานาน

    “...”

    “เรื่องจะจบเพราะแบบนี้ใช่ไหม”

     

     

    “คุณอยู่สูงห่างจากผมเกินไป...”ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไรดี ไม่ได้อยากตัดใจเพียงแค่ความต่างของเราสองคน แต่ถ้าหากมันเป็นแบบนี้ คนธรรมดาไม่มีอะไรอย่างเขาจะทำอะไรได้...

     

    หมับ!

     

    ร่างบางโถมเข้ากอดจงแดแน่น หน้าหวานซบลงกับต้นคอจงแดซุกเข้าไปเพื่อปกปิดสีหน้าของตัวเองเอาไว้ แขนขาวรัดแน่นไว้อย่างไม่อยากจะปล่อย

     

    “ไม่เอา...ไม่เอาแบบนี้ ฮึก”อี้ชิงเริ่มพูดไม่เป็นภาษา ส่ายหัวไปมาร่างกายเริ่มสั่นเทา

     

    “...อี้ชิง”

     

    “จงแดก็รู้ว่าเรารู้สึกกับจงแดยังไง ทำไมจงแดต้องใจร้ายกับเราด้วย ฮึก”สะอึกสะอื้นหนักกว่าเก่า

     

    “...”

     

    “ไม่เอาแล้ว...เราขอโทษที่พ่อเราทำแบบนั้น เราขอโทษ

    จงแดอย่าพูดแบบนี้นะ...

    ให้เราไปอยู่กับจงแดก็ได้

    เราไม่เอาหรอกเงินทอง เราไม่อยากได้

    เราแค่อยากอยู่ใกล้ๆจงแด...นะ”

     

    มื้อกร้านค่อยๆดันตัวอี้ชิงออก ก่อนที่จะไล้ไปที่กรอบหน้าหวาน ที่ตอนนี้น้ำตาไหลพราก ร้องไห้อย่างกับเด็กน้อย ค่อยๆเช็ดน้ำตายออกด้วยมือที่สั่นเทา

     

    “พูดมันง่าย แต่มันทำยากนะอี้ชิง...

    วันหนึ่งคุณอาจจะเจอกับคนที่ดีพอสำหรับคุณ

     

     

    ผมไม่ใช่คนที่กล้ามากขนาดนั้น

    คุณเป็นใคร ผมเป็นใคร เรื่องนั้นเราต่างรู้ดี

    ผมก็อยากอยู่ใกล้ๆคุณ ใช้เวลาร่วมกัน”

     

    “ก็ทำสิ!!!ฮึกฮื่อ”ตะคอกแว้ดเสียงดังใส่คนตรงหน้า มือเรียวตีป้าปไปที่อกของจงแดอย่างแรง ทำให้จงแดเจ็บหนักกว่าเก่า มือกร้านกุมไปที่อกตัวเองแทน

     

    “โอ้ย!เจ็บนะคุณ!

     

    “ตีให้เจ็บ จะได้รู้ว่าเราเจ็บกว่า”

     

    “คุณมาเจ็บอะไรกับผม...”จงแดถามนิ่งๆ มองหน้าอี้ชิงอย่างไม่เข้าใจ

    นั่นสิ...อี้ชิงไม่เคยพูดสักครั้งว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาคืออะไร มีแต่จงแดคนเดียวก็พูดซ้ำซากอยู่แบบนั้น

     

    ให้มันรู้ซะบ้างว่าจงแดทำได้แค่ไหน

     

    “ก...ก็”

     

    “อะไร...”

     

    มองด้วยสายตาคาดคั้น ทำให้อี้ชิงก้มหน้างุดคางจะชิดอกอยู่รอมร่อ

    หามองเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าคนที่ปั้นหน้านิ่งไม่

     

    “...”

     

     

    “คุณก็รู้ว่าผมรักคุณ แต่คุณน่ะสูงเกินที่ผมจะกล้าเอื้อม ตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่ผมฝ่ายเดียวที่เข้าหาคุณ คุณคงไม่รู้สึกอะไรกับผม แล้วทำไมการที่ผมจะถอยมันจะมีอิทธิพลอะไรกับคุณ...”

     

     

    “ผมว่า...ตั้งแต่นี้ เรา...”

     

     

    ป้าป

    “ก็บอกว่าไม่ให้พูดไงเล่า!!!ใช่ตลอดเวลาเราไม่เคยพูดอะไรเลย แล้วทำไมจงแดไม่สังเกตหรือไง

     

    เราน่ะ...เรายอมจงแดตลอด

    เราไม่เคยงอน ไม่เคยโกรธ

    เราเข้าใจจงแดตลอดทุกอย่างที่จงแดทำ

     

    แล้วแค่นี้ทำไมจงแดถึงโง่ดูไม่ออกเล่า ว่าเราน่ะ!!!

     

    “คุณอะไร...”ยังคงถามด้วยสีหน้านิ่งๆ ในขณะที่อี้ชิงเริ่มตัวสั่นโยน ทั้งโมโหในความโง่ของจงแด ทั้งโมโหเรื่องที่เกิดขึ้น และทั้งเสียใจที่จงแดกล้าพูดคำๆนั้นออกมา

     

     

     

     

    “เรารักจงแดไงเล่า!!!จางอี้ชิงน่ะหลงรักจงแดไปแล้ว!!!”ตะคอกสุดเสียง ตามด้วยฝ่ามือตีซ้ำๆลงไปที่อกของอกแด

     

    ฮื่อ...เอาให้ช้ำตายไปเลย ไอคนโง่ ไอผู้ชายบ้า!!!

     

     

     

     

     

    หมับ!!!

    “แค่นี้ก็จบเรื่อง...”

     

     

    “?”

    แดกจุด จางอี้ชิงงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้ว...

    ยืนมองจงแดตาปริบๆ มองมือจงแดที่จับมือของเขาไว้ ก่อนที่จะพรมจูบอย่างน่ารัก

     

    อ้ะ!!!

     

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนมุมปาก ตามด้วยแววตาขี้เล่นที่ช้อนมองอี้ชิง

     

    เดี๋ยวนะ...

     

    “จงแด...จงแดหลอกแกล้งเราใช่ไหม?”

    กัดฟันถามออกไปนิ่งๆ หน้าเริ่มแดง ไม่ใช่แดงเพราะเขิน ...แต่เพราะเริ่มโกรธ

     

    “โถ่...ก็บอกกันบ้างสิ ผมจะได้รู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกันแน่”

    “นี่!!!

    “ครับ...”

    “จงแดย๊าห์!!!

    คนหน้าหวานเริ่มทุบตีไปที่จงแดอีกรอบ แต่คราวนี้เอาแบบเน้นๆหนักๆ

     

     

    “โอ้ย.........”

    “...”

     

    “อย่าเพิ่งลงไม้ลงมือสิครับ...”

    “ไม่ต้องพูดเลยนะ!!!

     

    “พาไปบ้านอี้ชิงหน่อย...”

    “หา..?”

     

     

    “จะไปขอพ่ออี้ชิง ว่าจะขออี้ชิงเป็นแฟนน่ะ!!!

    >///<!!!

     

    งื้อ...

     

     

     

    ถ้าคุณคิดว่าผมจะปอดแหกขนาดถอดใจง่ายๆล่ะนะ

    ขอบอกว่าคุณคิดผิดแล้วล่ะครับ

     

    คิมจงแดคนนี้ใช่เล่นซะที่ไหน

     

    อะไรที่ยากยิ่งท้าทาย...

    อีกอย่างใครจะบ้าปล่อยพรหมลิขิตตัวเองลอยหายไปซึ่งๆหน้าล่ะ

    บอกแล้วไงว่า...คนนี้น่ะ อี้ชิงต้องคู่กับจงแดเท่านั้น

     

     

    ส่วนเรื่องอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง...เราไม่ต้องไปคิดถึงมันหรอก

    ผมว่าผมจะทำตอนนี้ให้ดีที่สุด

    พ่อเมีย...เอ้ย พ่อแฟนจะดุ จะเดือด จะโหด สักแค่ไหน

    แต่ขอบอกก่อนไว้เลย...จงแดไม่ยอมแพ้นะครับ!!!

     

     

    [The End : กะทันหัน (chen x lay)]




     

    ไรต์หายไปซะนาน มีคนอ่านอยู่ไหมน้อ

    เรื่องนี้มาแบบยาวๆ
    เฉินเลย์น่ารักอ่ะนะ
     
    แต่รู้สึกเหมือนทั้งเรื่องจะมีแค่จงแด
    คิดเสียว่ามันเป็น #จงแดไดอารี่ ซะนะ
    คิคิ
     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×