คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : fourth
...
อลิซาเบธมาหาเขา...
อยู่ๆ ก็มา ใส่ชุดทหารหน่วยสำรวจใส่ 3DMG เรียบร้อย มากับรถขนทองที่เธอสัญญาว่าจะคุยกับท่านพ่อให้ ผมสีบรอนด์สวยมัดรวบเป็นหางม้า ดวงตาสีฟ้าอ่อนยังหวานหยาดเยิ้มเหมือนเดิม ถึงจะไม่ได้ใส่ชุดราตรีโชว์นู่นนิดนี่หน่อยเหมือนเดิม เธอก็ยังสวยอย่างกับนางฟ้าเดินดินพาให้ทหารทั้งกองมองจนเหลียวหลังอยู่ดี
อยู่ๆ เธอก็ส่งจดหมายมาถามว่าวันนี้เขาอยู่ที่หน่วยรึเปล่า รู้ตัวอีกที สาวเจ้าก็มาชะเง้อชะแง้อยู่หน้าประตูเสียแล้ว ทั้งยังคะยั้นคะยอให้เขาพาชมหน่วยสำรวจ ด้วยเหตุผลสุดจะจี้ด ฟังปั๊บเอลวินปวดไปถึงตับอย่างเช่น เธอสงสัยว่าเอลวินจะเอาเงินไปทำอะไร ตาเฒ่าหัวหน้าหน่วยก็ดันบ้าจี้ไม่ว่าอะไรอีก เอลวินก็เลยจำใจต้องละทิ้งเอกสารกองโตมาพาเธอเดินชมหน่วยอย่างที่เธอต้องการ
แน่นอนว่าสุดท้ายแล้ว... มันก็คงไปจบที่เตียงอีกนั้นละ...
เอลวินไม่เรียกการกระทำของตัวเองว่าการเสแสร้ง จริงๆ เขาก็ไม่ได้เสแสร้งหรอก ก็เธอสวยออกแบบนั้น แต่เขาพอใจจะเรียกมันว่าการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมมากกว่า
ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ควงแขนเขาแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างอ่อนใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาที่สนามฝึก...
รีไวล์ที่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามธรณีประตูก็แทบจะถูกเซริมอุ้มเข้ามาโยนในสนามฝึก เมื่อทวงถาม ชายหนุ่มก็เพียงตอบสั้นๆ ว่า
"สปอนเซอร์รายใหญ่"
คิ้วเรียวขมวดแน่นแทบเป็นปม ดาบถูกยัดลงในมือของเขา สนามถูกเคลียร์ออกจนโล่ง มีเพียงเป้าที่ทำเป็นรูปไททันขนาดต่างๆ ขยับไปมาในสนามเท่านั้น
ยิ่งเมื่อเห็นเงาของร่างสูงกับหญิงสาวที่เกาะแขนอย่างแสดงความเป็นเจ้าของบนระเบียงที่สูงขึ้นไป รีไวล์ก็ยิ่งหงุดหงิด
หญิงสาวยังคงหัวเราะคิกคักอย่างร่าเริงโดยไม่รับรู้ถึงอันตรายที่มองขึ้นมาจากข้างล่าง
แวบหนึ่ง... รีไวล์นึกภาพตัวเองใช้ 3DMG ปีนขึ้นไปบนระเบียงแล้วหั่นเนื้อหลังต้นคอของเธอออก แต่เมื่อร่างสูงที่ยืนเคียงข้างโอบเธอเข้ามาใกล้แล้วส่งสายตาดุปรามลงมา เขาก็ทำได้เพียงส่งเสียงเหอะ แล้วกระชับดาบในมือให้แน่นขึ้น
...ถ้าแค่ต้องการการแสดงดีๆ ละก็
ฉันว่านายน่าจะทำได้ดีกว่าฉันเยอะเลยนะเอลวิน
ฉับพลันร่างเล็กก็ทะยานขึ้นจากพื้นดินในทันที
ร่างเล็กกระโจนผ่านเป้ารูปไททันหน้าตาทุเรศทุลังไปอย่างคล่องแคล่ว มือก็กวัดแกว่งดาบไปอย่างแม่นยำ ชิ้นเนื้อที่ต้นคอเป้าไททันถูกหั่นเป็นชิ้นอย่างสวยงาม ทุกชิ้นเท่ากันราวกับบรรจงหั่นบนพื้นราบ ไม่ใช่ทะยานไปมาแล้วหั่นแบบรีบๆ เร็วๆ เช่นที่ชายหนุ่มกำลังทำ
สปอนเซอร์รายใหญ่...
คำพูดของเซริมทำให้รีไวล์เริ่มจะปะติดปะต่ออะไรๆ ได้ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้รีไวล์หงุดหงิดน้อยลงอยู่ดี
เนื้อ (ปลอมๆ) ของไททันตัวสุดท้ายถูกหั่นออกมาอย่างสวยงาม พร้อมๆ กับร่างเล็กที่ตีลังกากลับหลังลงพื้นอย่างสวยงาม เขาโค้งคำนับให้คนทั้งคู่ 1 ที ก่อนจะเขวี้ยงดาบทิ้งแล้วเดินออกจากสนามไป
...วินาทีนั้น รีไวล์ก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาคือการตกหลุมรักเอลวิน สมิธ...
เอลวินขมวดคิ้วเล็กๆ แต่ยังคงยิ้มหวานให้หญิงสาวข้างกายที่เอ่ยชื่นชมรีไวล์ไม่ขาดปาก เอลวินค่อนข้างแน่ใจ ว่าการแสดงครั้งนี้จะเรียกเงินให้หน่วยสำรวจได้อีกหลายเกวียนทีเดียว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะหงุดหงิดอะไรสักอย่างที่เอลวินไม่เข้าใจ
...ก็เพิ่งไปหาฟาลันมาไม่ใช่หรอ?
แต่ความคิดทั้งหมดของเอลวินก็ต้องหยุดลงเมื่อหญิงสาวข้างกายส่งเสียงเรียก
แน่ละ...ยังไงเรื่องมันก็ต้องไปจบที่เตียง...
...
ระหว่างที่รีไวล์กำลังเดินออกจากสนามฝึกอย่างหงุดหงิด เซริมกับบรรดาครูฝึกก็มาลากคอเขาไป....
รู้ตัวอีกที เขาก็อยู่ท่ามกลางโรงอาหารที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นบาร์เหล้า ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องให้กับชัยชนะ (ทางการเงิน) อันยิ่งใหญ่ของหน่วยสำรวจ แก้วเหล้าถูกยัดใส่มือ รีไวล์กลอกตาไปมา แต่เมื่อเพื่อนทหารเริ่มเข้ามาแสดงความยินดี เขาจึงเริ่มรู้สึกว่าตนควรจะทำตัวให้สนุกสนานกว่านี้ เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าหน่วยสำรวจที่เขารับรู้ว่าทุกคนในหน่วยสำรวจต่างชื่นชม (ปนหมั่นไส้และอิจฉา) เขาขนาดไหน
รู้ตัวอีกที... เขาก็ยืนอยู่บนโต๊ะ กำลังสาปส่งพวกไททัน...
รู้ตัวอีกที... เขาก็เห็น.... เอลวิน...
...
ตาเฒ่าหัวหน้าหน่วยลงทุนถ่อมาลากคอเขาถึงห้องเพียงเพื่อหาเพื่อนดื่มเหล้าเฮฮาปาจิงโกะเนื่องในโอกาสฉลองชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ (ทางการเงิน) ของหน่วยสำรวจ แต่ดันลงท้ายด้วยการร้องไห้ฟูมฟายใส่เขาซะงั้น ตาเฒ่าบอกเขาว่า ตัวเองกำลังจะตาย... เขาเห็นภาพในกระเพาะของไททันชัดแจ๋วอย่างกับบ้านตัวเอง
เอลวินถอนหายใจ พยายามแงะแก้ววิสกี้ออกจากมือชายสูงวัยกว่า แต่ก็ไม่เป็นผล ชายตรงหน้ายังคงพร่ำฝากฝังสิ่งต่างๆ กับเขา เขาได้ยินคำว่าบ้าน คำว่าไททัน คำว่าอนาคตของมนุษยชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย
มองไปมากๆ เอลวินก็รู้สึกเหมือนเห็นตัวเอง...
ภายนอกที่แข็งแกร่งสมชายชาตรี ใบหน้าที่สวมหน้ากากหนาเต๊อะเอาไว้ดูเหมือนจะถูกแอลกอฮอลล์แซะออกมาจนไม่เหลือ พวกเขามีชีวิตที่พร้อมจะตายตลอดเวลา จึงแบกรับอะไรไว้มากมาย ยิ่งยืนอยู่บนจุดสูงสุดด้วยแล้ว ก็ไม่น่าแปลกที่จะมองเห็นกองซากศพได้เยอะกว่าชาวบ้านชาวช่อง
เอลวินตัดสินใจรินเหล้าที่เหลืออยู่ทั้งหมดลงในแก้วของหัวหน้าหน่วยสำรวจ เฝ้ามองหัวหน้าหน่วยสำรวจซบหน้าลงกับโต๊ะ จนแน่ใจว่าชายหนุ่มหลับไปแล้วจึงลุกขึ้นยืน
"คีธดันโจว..."
"ตาเฒ่ากร้านโลกอย่างคุณน่ะ หนังเหนียวจะตาย ไททันเคี้ยวไม่ได้หรอก คุณจะต้องอยู่ไปอีกนานเลยละ อยู่จนแก่จับดาบไม่ไหว แล้วผมจะบังคับให้คุณเกษียน ผมจะยึดหน่วยสำรวจของคุณ เพราะฉะนั้นแล้ว... ไม่ต้องรีบตายหรอกนะครับ..."
เอลวินเอ่ยขณะแงะแก้วเหล้าออกจากมือชายสูงวัยแล้วพาร่างนั้นไปนอนที่เตียง เอลวินเดินออกจากห้องแล้วถอนหายใจ ขายาวพาร่างสูงสง่าเดินกลับห้องตัวเอง แต่ทันใดนั้นเอง ร่างๆ หนึ่งก็วิ่งเข้ามากระแทกเขาอย่างแรง เมื่อเอลวินก้มลงมอง เขาก็เจอรีไวล์ ในสภาพกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง...
"เอลวิน..."
เอลวินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง เขาก้มลงสำรวจร่างเล็กที่ยังยึดชายเสื้อของเขาไว้แน่น รีไวล์เงยหน้ามองเขา ดวงตาสีเทาหยาดเยิ้มไปด้วยพิษแอลกอฮอล์ที่ต้นคอมีรอยแดงๆ อยู่ 2-3 รอย
"ไปโดนอะไรมา..."
"นายคงเกลียดฉันมากใช่ไหม ฮ่าๆๆๆๆ"
"..."
“นายมันเลว...”
“นายเมาแล้วนะรีไวล์”
เอลวินเอ่ยเสียงดุ ชายหนุ่มพยายามแกะมือเล็กที่เกาะแน่นอยู่ที่ชายเสื้อออกแต่ก็ไม่เป็นผล กลับกันตัวเขาเสียอีกทีถูกร่างเล็กกว่าเบียดเสียจนหลังติดกำแพงทั้งยังทำอะไรไม่ได้อีกต่างหาก ไม่รู้ว่าร่างเล็กๆ ตรงหน้าเอาแรงมากมายมหาศาลมาจากไหน
“เอลวิน...”
“ถ้านายเกลียดฉัน... จะมาทำดีกับฉันทำไม”
รีไวล์เบียดตัวเข้ามาจนชิด มือเล็กกระชากคอเสื้อดึงคอเขาให้ก้มลงมาหา ใบหน้าคมนั้นอยู่ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจ
เอลวินไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงดี แวบหนึ่งในความคิด เขาอยากจะยกแขนขึ้นโอบร่างเล็กนั้นเข้ามาในอ้อมแขนแล้วบอกรีไวล์ว่าเขารักรีไวล์มากแค่ไหน แต่อะไรบางอย่างก็ฉุดรั้งเขาไว้ ราวกับโซ่ตรวน ดึงเขาให้ถอยห่างจากร่างเล็ก ตะโกนบอกให้เขาหันหลังจากไป ทำเป็นไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างที่ทำมาตลอด
“ฉันมันโง่เหลือเกิน... ตลอดมาในสายตาของนาย ฉันก็เป็นแค่คนที่มีประโยชน์เท่านั้นแหละ”
“แต่ฉัน...”
"ฉันก็รักนายอยู่ดี”
เหมือนโซ่ตรวนที่ตรึงเอลวินเอาไว้ถูกมือที่มองไม่เห็นกระชากจนหลุดกระจาย
ร่างเล็กถูกอุ้มลอยขึ้นจากพื้น ริมฝีปากบดเบียดแนบชิดเสียจนรีไวล์แทบหายใจไม่ออก ลิ้นถูกแทรกเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ รีไวล์ได้ยินเสียงประตูเปิด ร่างทั้งร่างถูกเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างแรง ตามด้วยร่างสูงที่ตามมาทาบทับ นิ้วเรียวไล่ปลดกระดุมเสื้อออกอย่างชำนาญ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอ กดจูบขบเม้มอย่างหื่นกระหาย
...ทำอะไรสักอย่างซิรีไวล์ พูดอะไรก็ได้ ทำให้เขาหยุด...
แต่สุดท้ายแล้วรีไวล์ก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น เขาปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามอำเภอใจโดยไม่ขัดขืน เขาก็เป็นเหมือนผู้หญิงพวกนั้น เพียงแค่มัจจุราชตรงหน้ากระซิบเรียกชื่อ รีไวล์ก็พร้อมจะตายในอ้อมกอดนั้น
"รักฉันไหม..."
เอลวินนิ่งเงียบ ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร
ร่างเล็กหลับไปทั้งแบบนั้นโดยที่ไม่ได้ฟังคำตอบ...
และเอลวินก็ไม่ได้คิดจะพูดให้รีไวล์ได้ยิน
คำๆ นั้นดังก้องอยู่เพียงข้างใน และอาจจะเป็นแบบนั้นตลอดกาล...
คนที่ไม่สามารถทิ้งสิ่งที่สำคัญ ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรได้...
ถ้าวันหนึงจะต้องทิ้งไป สู้ไม่มีแต่แรกจะดีกว่ารึเปล่า...
เอลวิลจับร่างเล็กให้นอนบนเตียง ก่อนจะลุกออกจากเตียง
เขาพบว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองร่างเล็กหลับไหลอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น...
แต่เมื่อรีไวล์ลืมตาขึ้นมาอีกที เอลวินก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
ครั้งต่อมาที่รีไวล์เห็นเอลวินคือวันต่อมาที่หน้าประตูกำแพง....
หน่วยสำรวจกำลังจะออกไปนอกกำแพง...
เอลวินกำลังจะออกไปนอกกำแพง...
วินาทีนั้นรีไวล์รู้สึกเหมือนตัวเองจะเริ่มเข้าใจไททันขึ้นมาหน่อยๆ
เจ้ายักษ์พวกนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกินมนุษย์ แต่พวกมันก็หยุดกินมนุษย์ไม่ได้
รีไวล์ก็ไม่จำเป็นต้องรักเอลวิน แต่เขาก็หยุดรักชายหนุ่มไม่ได้
สุดท้ายแล้ว... เขาก็คงจะเป็นแค่คนที่มีประโยชน์จริงๆ ใช่ไหม
เขาไม่เข้าใจความคิดของชายหนุ่มเลยสักนิด และไม่คิดว่าจะมีวันเข้าใจ
ประตูเมืองค่อยๆ ปิดลง
เอลวินถอนหายใจ ร่างสูงต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่หันกลับไป
ครั้งหน้าที่เจอหน้ารีไวล์ เขาจะทำยังไงดีละทีนี้ ร่างเล็กคงไประบายอารมณ์กับคู่ซ้อมในสนามฝึกเหมือนเดิมละมั้ง
เอาเถอะ... ถ้ามันจะมีครั้งหน้า... ก็ค่อยคิดแล้วกัน
...
ความคิดเห็น