ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Third
เอลวินกำลังทานอาหารเช้า เมื่อรีไวล์กระโจนเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู ร่างเล็กมาถึงก็วิ่งวนไปทั่วห้อง ตามหารองเท้าของตัวเองเสียวุ่นวาย แต่ทำยังไงก็หาไม่เจอ
"ถ้ารองเท้าละก็ อยู่ที่ใต้โต๊ะนี่"
เอลวินเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีฟ้ายังไม่ละจากเอกสารในมือ รีไวล์รู้สึกหงุดหงิด ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้รู้ทันเขาไปหมดแบบนี้
ร่างเล็กก้มลงหยิบรองเท้าที่ใต้โต๊ะ จัดแจงถอดรองเท้าคู่ที่ไม่ใช่ออกและเตรียมตัวจะหันหลังจากไป
ทันใดนั้นชายหนุ่มผมทองก็เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร
"นั่งลงแล้วกินข้าวก่อนซิ กว่านายจะกลับไปก็หมดเวลาอาหารพอดีนั้นละ"
บนโต๊ะอาหารมีถาดอาหาร 2 ชุดวางเตรียมเอาไว้ แน่นอนว่าถาดแรกเป็นของเอลวิน ในขณะที่ถาดที่ 2 ยังไม่ได้รับการแตะต้อง
"นั้นเป็นประโยคขอร้องรึเปล่า"
รีไวล์ต่อปากต่อคำ ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มอย่างสนุกสนาน
"เปล่า นี่เป็นประโยคคำสั่ง"
รอยยิ้มหายไปจากหน้ารีไวล์ เจ้าตัวเพียงทิ้งตัวลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์และเริ่มยัดทุกอย่างที่ขวางหน้าเข้าปากอย่างไม่สบอารมณ์
...อะไรๆ หมอนี่ก็รู้ทันไปซะหมด น่ารำคาญเป็นบ้า
เอลวินเหยียดยิ้ม นัยน์ตาสีฟ้าลอบมองร่างเล็กที่พยายามระบายความหงุดหงิดลงกับอาหาร คิดถูกจริงๆ ที่ให้ทหารรับใช้หยิบอาหารมา 2 ชุด ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์
รีไวล์เงยหน้าขึ้นมาเห็นเอลวินมองตนอยู่พร้อมรอยยิ้ม ร่างเล็กอ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เมื่อนัยน์ตาสีควันสบกับนัยน์ตาสีฟ้าคำพูดทั้งหมดก็เป็นอันมลายหายไป เขารู้สึกว่าสีฟ้าตรงหน้าเปลี่ยนไป มันไม่ได้หนาวเย็นเหมือนทุ่งน้ำแข็งอีกต่อไป แต่กลับใกล้เคียงกับท้องฟ้าที่ทอดตัวเหนือกำแพง
"ยิ้มบ้าอะไรของนาย!"
รีไวล์ตวาดแก้เขิน เมื่อคนตรงหน้ายังนั่งจ้องเขาต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย มือเล็กจับหน้าตัวเอง พยายามดูว่ามีอะไรติดอยู่หรือไม่
"กินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ"
เอลวินกล่าว มือใหญ่เลื่อนไปปัดเศษขนมปังที่ข้างแก้มของคนตัวเล็ก
รีไวล์ชะงัก อ้าปากค้างจนไส้กรอกที่กำลังงับอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อสักครู่หล่นลงบนจาน
...บรรยากาศนี่มันอะไรกัน
"ฉ....ฉันต้องไปฝึกทหาร!!"
รีไวล์ผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้กระทันหันแล้วก้าวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
เอลวินเพิ่งรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก้มลงมองมือของตนเอง ก่อนจะเงยหน้ามองบานประตูที่เพิ่งปิดลง
"นี่ฉันทำอะไรของฉัน..."
...
ทุกครั้งที่ใบหน้าของชายหนุ่มผุดขึ้นมาในหัว คู่ต่อสู้ของเขาจะมีแผลบนใบหน้าเพิ่มขึ้น 1 แผล...
"รีไวล์ พอได้แล้ว เมื่อไหร่นายจะเข้าใจว่าเราแค่ซ้อมกัน ไม่จำเป็นต้องซัดกันจนเยินขนาดนี้ก็ได้"
ครูฝึกพูดอย่างปลงตก
ไอ้เรื่องเก่งน่ะ เขารู้กันทั้งหน่วยสำรวจแล้ว แต่ไอ้ความเก่งที่ว่านั้นมันออกจะเกินเลยไปสักหน่อย รีไวล์ไม่สามารถเอาชนะใครโดยไม่ซัดอีกฝ่ายจนเลือดตกยางออกได้ ไม่สามารถบินต่ำกว่าใครหรือหยุดรอใครได้
มันก็แค่นิสัยเก่าๆ ของหมาข้างถนนที่จำเป็น ที่เจ้าแมวเรียนรู้มา ว่าต้องกัดให้ตายเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมากัดตนได้ ต้องวิ่งเร็วกว่าใครเพื่อมีชีวิตรอด แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมไปว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ข้างถนนอีกต่อไป แต่อยู่ในค่ายทหารที่มีศัตรูเพียงหนึ่งเดียวคือเจ้ายักษ์นอกกำแพงนั้น
ครูฝึกมองคู่ต่อสู้ของรีไวล์ที่ลุกจากพื้นอย่างยากเย็นและเดินกระฟัดกระเฟียดไปหาเพื่อนในหน่วย ในขณะที่ตัวต้นเรื่องเดินเหม่อลอยไปนั่งแหมะอีกฝั่ง
สัญชาตญาณบางอย่างบอกเขาว่าเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น
...
โรงอาหารกลางยังคงคราคลั่งไปด้วยทหารฝึกหัดจำนวนมากที่จำเป็นจะต้องกินอาหารในเวลาเดียวกัน
รีไวล์นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งเหมือนเคย มือถือส้อมจิ้มอาหารอย่างเซ็งๆ เขาอยู่คนเดียวเหมือนเช่นเคย ดูเหมือนว่าคนที่เขามีปฏิสัมพันธ์ด้วยมากที่สุดในสถานที่แห่งนี้จะเป็นผู้บังคับหมู่และคนสนิทอย่างมิเกะ เขาจมอยู่กับความคิดของตัวเองเสียจนไม่ทันสังเกตว่ากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาที่ตน
เคร้ง...
ถอดอาหารถูกปัดกระเด็น
"คิดว่าผู้บังคับหมู่ถูกใจแกแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอวะ!"
คอเสื้อของเขาถูกกระชากขึ้น ร่างทั้งร่างถูกกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง รีไวล์คว้าคอของผู้ที่ทำร้ายเขาแล้วบีบแน่น ชายตรงหน้าปล่อยมือออกจากเขาโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ทันที่ขาจะถึงพื้นดี รีไวล์ก็ถูกกระชากไปข้างหลัง ชายอีกคนจับหน้าเขากระแทกลงกับโต๊ะอาหารอย่างแรง รีไวล์คว้าเอาส้อมที่กระจายอยู่บนโต๊ะปักเข้าไปที่คอของชายคนนั้น สะบัดตัวเป็นอิสระได้อีกครั้ง เหตุการณ์เริ่มจะเลวร้ายขึ้นเมื่อรีไวล์เป็นอิสระ ถึงอีกฝั่งจะมีคนมากกว่า แต่ร่างเล็กก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือเช่นกัน
เอลวินสังเกตเห็นทหารไปรวมตัวกันที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร เมื่อพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งเขาก็รับรู้ว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น
"ให้ตายเถอะ นี่ไม่คิดจะห้ามกันเลยใช่ไหม"
ร่างสูงหงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อไม่มีใครคิดจะห้ามการทะเลาะวิวาท กลับกัน ทหารพวกนั้นกำลังตั้งวงพนันและส่งเสียงเชียร์ด้วยซ้ำ!
เมื่อเอลวินไปถึง รีไวล์กำลังคร่อมตัวชายคนหนึ่ง ในมือกำส้อมไว้แน่นพยายามจะแทงลงบนคอของร่างข้างใต้
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
เอลวินกระโจนเข้าไปกลางวง แขนแกร่งคว้าเอวคนตัวเล็กกว่าแล้วยกตัวรีไวล์ออกมาจากนายทหารเคราะห์ร้าย ส้อมหล่นออกจากมือ ร่างในอ้อมกอดดิ้นไปมาอย่างเดือดดาล ร่างที่อยู่บนพื้นได้ทีก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว คว้าเอาส้อมบนพื้นแล้วพุ่งถลามาหารีไวล์ที่ยังคงถูกเอลวินล็อคตัวไว้
กึก...
ส้อมปักเข้าที่แขนของเอลวินที่หันตัวมาขวางจนจมลงไปในเนื้อ
"พอสักทีได้ไม๊!!!!!!"
ร่างสูงตวาดลั่น
"มิเกะ!!!! จัดการตรงนี้ที!!!!"
สิ้นเสียง มิเกะแหวกเข้ามากลางวงล้อมพร้อมทหารในหน่วย และเริ่มจัดการพาตัวทหารออกไปทีละคน
รีไวล์เงยหน้ามองคนที่ล็อคตัวเขาไว้อย่างไม่แน่ใจ เอลวินมองกลับด้วยสายตาเอาเรื่อง ชายหนุ่มลากตัวรีไวล์ออกจากโรงอาหารอย่างไม่ปราณี
"ปล่อย!"
ร่างเล็กส่งเสียงประท้วงตลอดเวลาที่ถูกลากผ่านโถงทางเดินจนมาถึงห้องที่คุ้นเคย ทันทีที่ประตูปิดลง ร่างสูงก็หันมาตวาดเขาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
"นายจะสร้างปัญหาไปถึงไหน!!"
"กี่ครั้งที่ฉันต้องเจอนายในสภาพนี้ ไม่ปีนกำแพง ก็ทำร้ายร่างกายเพื่อนทหาร แล้วนี่ยังทะเลาะวิวาทอีก! นายไม่ใช่อันธพาลข้างถนนแล้วนะรีไวล์ เมื่อไหร่จะเลิกสักที!"
"ครั้งนี้ฉันไม่ใช่คนเริ่มก่อนนะ!"
รีไวล์เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
"ยังจะมาโกหกอีกหรอ ฉันเห็นอยู่กับตาสองข้าง ว่านายนั้นแหละ ที่ถือส้อมอันนี้ไปไล่แทงชาวบ้านเขา!"
เอลวินกระชากส้อมออกมาจากแขนของตัวเองแล้วเขวี้ยงใส่รีไวล์ ร่างสูงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
รีไวล์คว้าส้อมเปื้อนเลือดที่ถูกโยนใส่เอาไว้
เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง เรื่องทั้งหมดในวันนี้ มันเกิดขึ้นเพราะเอลวินคนเดียว! ที่พวกนั้นไม่พอใจก็เพราะเอลวิน ที่เขาถูกครูฝึกด่าก็เพราะเอลวินอีกนั้นละ!! ผู้ชายคนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความซวยทั้งหมดในชีวิตเขา!
"นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่เอลวิน!"
"ถ้านายอยากได้แค่เบี้ย ข้างนอกนั้นก็มีให้นายหยิบใช้เป็นสิบเป็นร้อย ไม่จำเป็นต้องเป็นฉันซะหน่อย"
รีไวล์ระเบิดอารมณ์ออกมา ร่างเล็กผลักหน้าอกร่างสูงกว่าอย่างแรงทำให้ร่างนั้นเซถอยหลังไปชนโต๊ะทำงาน
"วันหนึงนายดีกับฉัน วันรุ่งขึ้นนายกลับเย็นชาใส่ ทำเหมือนว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก ตกลงว่านายจะเอายังไงกับฉั....."
ริมฝีปากของร่างสูงทาบทับลงมาอย่างจาบจ้วงกลืนคำพูดทั้งหมดของร่างเล็กให้หายไปในลำคอ ลิ้นถูกสอดเข้ามาควานหาความหวานจากโพรงปากเล็ก ทำให้เขาหายใจไม่ออก
ภาพมืออันอบอุ่นที่ทำแผลให้เขาอย่างอ่อนโยนผุดขึ้นมาในหัวรีไวล์ ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นภาพใบหน้าอันเย็นชาที่เอาชีวิตคนสำคัญของเขามาเป็นข้อต่อรอง เสียงครางกระเส่าจากห้องที่ริมระเบียงกับเสียงทุ้มแหบพร่าที่เรียกชื่อเขายามหลับใหล ผู้ชายที่ยิ้มให้เขาเมื่อเช้า เป็นคนเดียวกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาหรือเปล่า เขาเองก็ไม่แน่ใจ
รีไวล์รู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าว ร่างทั้งร่างสั่นเทาไปหมดด้วยแรงอารมณ์ที่บอกไม่ถูก แต่คนที่ครอบครองริมฝีปากเขากลับไม่สนใจ
ความรู้สึกโกรธ สับสน และไม่เข้าใจ ปะปนอยู่ในหัวของรีไวล์ เช่นเดียวกับความรู้สึกบางอย่าง...
ริมฝีปากนั้น... กำลัง.... จูบเขา
"อื้อ!"
รีไวล์ส่งเสียงประท้วง มือเล็กพยายามผลักหน้าอกของร่างสูงออก แต่เหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาจะถูกผู้ชายตรงหน้าสูบไปเสียหมด จนเมื่อร่างสูงผละออกไป เขาจึงได้อิสรภาพทั้งหมดคืนมา
วินาทีที่ร่างเล็กเดินออกจากห้องไปแล้วกระแทกประตูปิดตามหลัง เอลวินรู้สึกเหมือนบางสิ่งบางอย่างในตัวกำลังหลอมละลายกลายเป็นเพียงของเหลว ไม่แน่ว่าสิ่งนั้นอาจจะเป็นหัวใจของคนเลือดเย็นอย่างเขาก็เป็นได้
...
ครูฝึกไล่เขาออกจากสนาม หลังจากไล่อัดกลุ่มคนที่รุมทำร้ายเขาเมื่อวานจนนอนจมกองเลือด รีไวล์เดินเตร็ดเตร่อยู่ริมประตู เนื้อตัวยังมอมแมมจากการต่อสู้ ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองประตูหน่วยสำรวจ เขารู้สึกเหมือนกำแพงนั้นกำลังเยาะเย้ยเขา
เขาที่เป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือของเอลวิน สมิธ...
รีไวล์ยกมือขึ้นถูริมฝีปากแรงๆ
...เขาเกลียดเอลวิน สมิธ เกลียดจนไม่รู้จะเกลียดยังไง...
"อ้าว รีไวล์..."
ใบหน้าที่คุ้นเคยโผล่ออกมาจากป้อมข้างประตู
"ฟาลัน..."
แวบแรก รีไวล์นึกถึงคนสนิทที่อยู่ไกลออกไปหลังกำแพงสูงตระหง่าน
"หือ?"
แต่เมื่อร่างนั้นเลิกคิ้วขึ้นอย่างงงวย เขาก็ระลึกได้ ว่าคนตรงหน้าคือ เซริม
"ผู้บังคับหมู่เซริม..."
"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละรีไวล์"
เขาคิดถึงฟาลันเหลือเกิน
ถึงอีกฝ่ายจะพึ่งพาไม่ค่อยได้ แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดี เป็นคนประเภทที่มีพรสวรรค์ในการทำให้คนหัวเราะอยู่เสมอ
ตอนนี้รีไวล์ไม่ต้องการอะไรมากกว่านั้น...
ร่างเล็กโผเข้ากอดชายหนุ่ม หน้าซบลงกับอกกว้าง
"ขอฉันออกไปข้างนอกได้ไหม"
...
เอลวิน สมิธ เดินเข้าไปในสนามฝึก นัยน์ตาสีฟ้ามองกวาดไปรอบๆ จากสภาพของสนาม ชายหนุ่มก็เดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น
"หมอนั้นอยู่ที่ไหน?"
ครูฝึกส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เอลวินจึงเดินออกจากสนาม ชายหนุ่มเดินไปทุกที่ที่ร่างเล็กเคยไปแอบซุกตัวอยู่ เขาแปลกใจตัวเองเหลือเกินที่รู้หลายอย่างเกี่ยวกับรีไวล์
รีไวล์รักสะอาดถึงขั้นเกือบจะโรคจิต เวลาที่รีไวล์ขย้ำเหยื่อ ร่างเล็กจะกัดไม่ปล่อย จนกว่าเหยื่อจะตาย เวลาที่รีไวล์ทำเหมือนไม่สนใจอะไรบางอย่าง จริงๆ คือกำลังสนใจมาก เวลาที่รีไวล์พูดมาก คือเวลาที่เจ้าตัวกำลังตื่นตระหนกหรือกังวลกับอะไรสักอย่าง เอลวินเผลอยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ถึงร่างเล็กจะดูเย็นชาและไม่แยแสใคร แต่จริงๆ แล้ว ค่อนข้างจะกังวลว่าจะมีใครเกลียดตัวรึเปล่า
คิดมาถึงตรงนี้ เอลวินก็ชะงัก...
เจ้าแมวนั้นไม่ได้พยายามเป็นเจ้าของมนุษย์เลยสักนิด...
แต่มนุษย์อย่างเขาต่างหากที่ตกเป็นทาสของมันอย่างยินยอม...
เขาจะตามหารีไวล์ไปเพื่ออะไร? ขอโทษกับจูบนั้นทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เสียใจ หรือขอโทษที่ตวาดร่างเล็ก เพราะแค่ทนเห็นเจ้าตัวเนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยแผลทุกครั้งที่มีเรื่องกับคนอื่นไม่ได้ แล้วต่อไปเขาจะทำยังไงเมื่อชายหนุ่มกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ยืนอยู่ที่แถวหน้า เผชิญหน้ากับไททัน ตอนนั้นหัวใจเขาจะไม่แหลกเป็นชิ้นๆ หรอ?
เอลวินเงยหน้ามองฟ้า
สวรรค์... ถ้าหมอนั้นเป็นแค่คนที่มีประโยชน์ก็ดีซิ...
เขาน่าจะเลือกหมาล่าเนื้อดีๆ มาสักตัว แทนเจ้าแมวที่มีนิสัยเหมือนหมาล่าเนื้อ
นี่เป็นการลงทุนที่เขาขาดทุนแบบย่อยยับ ทั้งตัวทั้งหัวใจ
แต่ถึงจะมาตระหนักได้ในที่สุดว่า ของที่หยิบติดมือมาเพราะมีประโยชน์ในตอนแรก ได้กลายมาเป็นของสำคัญไปซะแล้ว เอลวินก็คงไม่ทำอะไรกับสถานการณ์นี้ทั้งสิ้น ไม่ซิ... เขาตัดสินใจว่าจะไม่ทำต่างหาก
คนที่ไม่สามารถทิ้งสิ่งที่สำคัญ ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรได้...
และเขาจะไม่ยอมตาย... จนกว่าความเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นจะเกิดขึ้นด้วยมือของเขาเอง
ป่านนี้หมอนั้นคงออกนอกประตูไปแล้ว... แต่เขาแน่ใจว่าเจ้าแมวจะกลับมา เขารู้ว่ารีไวล์รักฟาลัน..................
และ อิซาเบล มากแค่ไหน
ถึงคำขู่นั้นจะไม่มีเค้ามูลความจริง แต่เจ้าแมวจะไม่รู้ ความอคติจะบังตาสีควันนั้น เขาจะยังเป็นคนสารเลวของรีไวล์ต่อไป มันไม่สำคัญหรอก ว่ารีไวล์จะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน ขอแค่ยังคงมองมาที่เขาก็พอ...
"ผู้บังคับหมู่เอลวิน... จดหมายจากคุณอลิซาเบธครับ"
...
รีไวล์นึกแปลกใจที่เซริมให้เขาออกมาอย่างง่ายดาย แต่เรื่องอะไรร่างเล็กจะอยู่รอให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ เมื่อให้ออกรีไวล์ก็ออก
คราวที่แล้วออกมากับเอลวินในรถม้าสุดหรู แต่คราวนี้เขาออกมาคนเดียวกับม้าแก่ๆ ที่เซริมให้ยืม ชายหนุ่มขี่ม้าไปตามทาง ใช้ความรู้สึกนำทาง ดวงตาสีควันสอดส่องไปรอบๆ เขตนี้ถือเป็นเขตชานเมือง ไม่ได้ยากจนข้นแค้น แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร บรรยากาศก็ดีกว่าเมืองใต้ดินอยู่มากโข ที่สำคัญ... เห็นท้องฟ้าด้วย
รีไวล์เงยหน้ามองฟ้า
...ฉันออกจากนรก มาเพื่อเจอกับปีศาจและนรกอีกที่หนึ่งซินะ...
ม้าสูงวัยเดินไปตามทาง จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขนมปัง รีไวล์เอาม้าไปเก็บไว้ในคอกม้าแถวนั้น จ่ายเงินค่าดูแลม้า แล้วก็เดินออกมา เขาเห็นอิซาเบลอยู่ในร้าน แต่ก็ไม่ได้เดินเข้าไปในร้านทันที เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ จนกระทั่งใครคนหนึ่งยื่นมือมาสะกิด
"เฮ้..."
เมื่อเขาหันหลังกลับไป ก็ได้พบกับร่างที่คุ้นเคยของฟาลัน ชายหนุ่มเอียงคอมองอย่างสงสัย เมื่อร่างเล็กกว่าเพียงเงยหน้ามองนิ่งๆ ไม่เอ่ยคำทักทายเหมือนเคย
"ทำหน้าอย่างกับแมวหลงทาง เอาปลาไม๊เจ้าแมว"
พูดจบ มือใหญ่ๆ ก็ขยี้หัวเพื่อนจนยุ่งเหยิง เรียกเสียงโวยวายจากร่างเล็กได้ในที่สุด ฟาลันหัวเราะชอบใจ โอบคอเพื่อนเดินออกไปจากหน้าร้าน ร่างสูงเล่าเรื่องราวของตัวเองให้รีไวล์ฟัง ตอกย้ำว่าเพื่อนนั้น อยู่ดีกินดีมีความสุขกว่าที่เป็นมาทั้งชีวิต ตอกย้ำว่าเขาไม่มีวันจะไปจากเอลวิน สมิทได้...
ฟาลันพาเขาเดินลงจากสะพาน เลาะไปตามทางเดินเล็กๆ ริมลำธาร ก่อนจะหยุดลงที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ชี้ชวนให้รีไวล์นั่งลง
"ยัยอิซาเบลน่ะ ขี้บ่นกว่าแม่เฒ่าเสียอีก มีลูกค้าคนหนึงชอบมาที่ร้านบ่อยๆ ฉันรู้หรอกว่ามันต้องมีอะไรระหว่างสองคนนี้แน่ๆ แต่ฉันไม่ชอบผู้ชายคนนั้นเลย เขาทำให้ฉันคิดถึงหัวหน้าของนาย เห็นแล้วมันหมั่นไส้ยังไงไม่รู้ ชื่ออะไรนะ เอลวินรึเปล่า?"
พูดมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็เอนหลังลงกับพื้นหญ้าอย่างหงุดหงิด
เอลวิน...
รีไวล์หวนนึกถึงเจ้าของชื่อ
ความรู้สึกของเขาต่อเอลวิน เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
บางทีชายหนุ่มก็ดีกับเขา และรีไวล์ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ว่าเขาเองก็แอบรู้สึกดีกับการกระทำเหล่านั้น แต่บางทีที่ชายหนุ่มร้ายกับเขา รีไวล์ก็รู้สึกเกลียดเขาจนเข้ากระดูกเช่นกัน
"นี่ฟาลัน... นายเคยเจอใครที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไหม"
"หา!? ทำเป็นเล่นไป ก็นายไงรีไวล์"
"ทำไมถามแบบนั้นละ?"
รีไวล์ขมวดคิ้ว
"ฉันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายตรงไหนกัน"
"ทุกตรงนั้นละ!"
"นายนะ พอไม่พอใจก็โมโหร้ายใส่ทุกคนที่ขวางหน้า พอหายหงุดหงิด ดั๊นกลับมาง้อ กลัวว่าพวกฉันจะเกลียดนาย บ้ารึเปล่า"
รีไวล์หัวเราะหึ
เขาเองก็เป็นคนแบบนั้นเหมือนกันนี่นาจะว่าไป
"แต่พวกฉันไม่เคยเกลียดนายหรอกนะ พวกเราอยู่ด้วยกันมานานเสียจนเข้าใจและยอมรับไปได้แบบงงๆ เหมือนที่อิซาเบลเกลียดผู้ชายไว้เครา หรือฉันปากหาเรื่องอะไรทำนองนั้น"
"แล้วตกลงทำไมอยู่ดีๆ ถึงถาม?"
"เปล่า"
เขาได้ยินตัวเองตอบไปแบบนั้น
ฟาลันถอนหายใจ
"ถ้าไม่มีอะไร นายไม่พูดมากแบบนี้หรอกรีไวล์ ไม่มายืนทำหน้าแมวหลงให้ฉันเห็น ไม่พูดอะไรประหลาดๆ แบบนี้แน่ๆ เพราะฉะนั้นมีอะไรก็พูดมา เราไม่ได้เจอกันบ่อยๆ หรอกนะ"
คราวนี้เป็นรีไวล์ที่ถอนหายใจ
"ถ้าให้ฉันพูดอีก มันต้องประหลาดกว่าเดิมแน่ๆ"
"จะมีดอกไม้ร่วงออกปากนายหรอ?"
รีไวล์หัวเราะหึ ชันเข่าขึ้นมาแนบหน้าอก เอาคางวางบนเข่าตัวเองแล้วกอดเอาไว้
"ทีนี้นายทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจูบแฟนครั้งแรกแล้วกลัวแม่ว่าแล้ว"
ฟาลันพูดกลั้วหัวเราะ ยังคงเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้นหญ้า
"นายเคยจูบผู้ชายไหม?"
"ห๊ะ..."
ฟาลันชันตัวขึ้นจากพื้นโดยอัตโนมัติ
"นายจูบผู้ชาย?"
"อ...อื้ม...."
เพราะฟาลันตกใจ รีไวล์เลยพลอยทำตัวไม่ถูกไปด้วย
สมัยยังอยู่เมืองใต้ดิน พวกเขาเองก็เคยจูบผู้หญิง เคยมีอะไรกับผู้หญิง สำหรับฟาลัน มันเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่ง แต่สำหรับรีไวล์ มันคืองาน... ผู้หญิงชอบความท้าทาย... ชอบความอันตราย
แน่นอนว่ารีไวล์ไม่เคยบอกเพื่อน เงินที่ได้มาก็ทำเหมือนได้มาจากที่อื่น นานๆ ครั้งเมื่อเงินขาดมือ รีไวล์ก็เลือกขายศักดิ์ศรีแลกเงินบ้างเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าเขาไม่เคยนอนกับผู้ชาย... ถึงจะราคาดีกว่ามากก็เถอะ และนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รีไวล์ไม่รู้สึกอะไรกับการจูบผู้หญิง และพลอยคิดไปว่า จูบผู้ชายก็คงเหมือนๆ กัน จนกระทั่ง...
"นายจูบผู้ชาย?"
ฟาลันทวนคำพูดของตัวเอง ชายหนุ่มยังคงอยู่ในอาการช็อค
"มันต่างจากจูบผู้หญิงไหม?"
รีไวล์พยักหน้าเงียบๆ
"ยังไง..."
...
"มัน......"
...
ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างไปแค่คืบผุดขึ้นมาบนหัว
" มันควรจะเหมือนซิ!"
"โอ๊ยรีไวล์ ทำไมต้องเสียงดัง?!"
ดวงหน้าคมขึ้นสีจัด เจ้าตัวเลยซุกหน้าลงกับเข่าตัวเองอีกรอบ
ฟาลันถอนหายใจ
"นี่รีไวล์..."
"ฉันรู้นะเรื่องที่นายได้เงินจากผู้หญิงพวกนั้น..."
...ฉันก็ทำอย่างเดียวกับนายนั้นละ...
"ถ้านายจูบเขาคนนั้นแล้วรู้สึกว่ามันประหลาด..."
...
"ทำไมนายไม่ลองจูบผู้ชายคนอื่นดูละ"
...
รีไวล์เงยหน้าขึ้นจากเข่าตัวเองแล้ว คิ้วเรียวขมวดแน่น นัยน์ตาสีควันเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด
วินาทีนั้นเอง ริมฝีปากของเขาก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของฟาลัน ร่างสูงเอื้อมมือมากดท้ายทอยของเขา บดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างแนบแน่นแล้วก็ถอนออกไป
รีไวล์กระพริบตามองเพื่อนอย่างงงๆ
ร่างสูงหันหน้าไปอีกทางหลบสายตา
"เจ้าบ้า... ทำไมมีแต่ฉันที่เขินฟ่ะ..."
รีไวล์อ้าปากหัวเราะจนท้องแข็ง เกลือกกลิ้งไปมากับพื้นหญ้า
ฟาลันหันกลับมามองเพื่อนตัวเล็ก เสี้ยววิรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป แต่เมื่อรีไวล์เงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นก็กลับมาประดับบนใบหน้าของเขาแล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พื้นที่พร่ำบ่น
ช่วงนี้ยุ่งมาก... ด้วยสถานการณ์บ้านเมือง ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ช่วงเวลาที่ได้นอนกลิ้งบนเตียงแล้วฝันถึงเอลวินกับรีไวล์น้อยลงไปมาก
เมื่อเอลวินละลาย รีไวล์ก็รู้เรื่องอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น จากความบังเอิญ (?) และเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดต่อเนื่องกันมา
ฟาลันกับอลิซาเบธ และตัวประกอบที่ไม่จืดจางบางตัวกำลังจะกลายเป็นตัวแปรผกผัน (?) ที่ทำให้แผนการทั้งหมดของคนฉลาดอย่างเอลวิน (ที่บางครั้งก็ไม่ต้องพยายามฉลาดกับเรื่องหัวใจก็ได้) เริ่มจะพังทลาย แหลกราญกลายเป็นผุยผง บู้มเป็นโกโก้ครั้นซ์
คนอ่านอยากเห็นป๊าหึงเตี้ย อันนี้คงยากหน่อยแล้วละ ป๋าเรื่องนี้คือซึนมากอะไรมาก บอกตรงว่าอยู่ในเหตุการณ์ (ข้างบน) ก็คงยิ้มหน้าระรื่นเป็นทองไม่รู้ร้อนให้อยู่ดี (ถึงในใจจะอยากกระโจนไปกระชากฟาลันออกมา โยนให้ไททันกินและผ่าท้องไททันออกมาโยนให้ไททันกินใหม่อีกทีก็ตาม)
แต่งไปแต่งมาเริ่มจะชอบฟาลัน พ่อคุณน่ารักน่ายิกกว่าเอลวินมากเลยนะจะว่าไป ป๋าทำตัวไม่น่ารัก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแถมยังชอบใช้กำลังอีกต่างหาก ถึงลับหลังจะพยาย๊ามพยายามทำดีด้วย แต่ก็นะ... ถ้าไม่เห็น ก็เท่านั้นไม๊ป๋า นี่หงุดหงิดแทนรีไวล์ ตกลงว่าเธอจะเอายังไงกับช้านนนน
เจอกันตอนหน้าค่ะ (กราบ 3 ที โทษฐานที่อัพช้ามาก) -/l\-
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น