คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : second
...
วันนี้ประตูบานเดิมดูจะมีอะไรแปลกๆ ไป...
ปกติแล้วประตูบานที่ว่าจะให้ความรู้สึกท้าทายเสมอ ถ้าเขาเป็นแมวก็คงจะคิดประมาณว่า น่าเอาเล็บข่วนชะมัด แต่ไม่ใช่วันนี้...
วันนี้ประตูบานที่ว่ากำลังแผ่รังสีอะไรบางอย่าง ที่ไม่น่าเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย
เอลวินเดินออกมาจากห้องในชุดทหารเต็มยศ ดวงตาสีฟ้าเพียงหยุดมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินนำไปข้างหน้า รีไวล์ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามแผ่นหลังของร่างสูงไป ดวงตาสีควันจ้องมองแผ่นหลังกว้างอย่างขัดใจ เขาไม่ชอบเดินตามใคร โดยเฉพาะกับทางที่ไม่รู้จะไปไหนเช่นนี้
ร่างสูงพาเขาขึ้นรถม้า วิวทิวทัศน์อันแห้งแล้งของที่ตั้งหน่วยสำรวจค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยย่านชุมชน รถม้ายังคงวิ่งต่อไปสักพัก ก่อนจะหยุดลง... ที่หน้าร้านขนมปัง...
"คุณเอลวิน..."
หญิงชราคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาจากร้านเมื่อเห็นเอลวิน รีไวล์เห็นร่างสูงยิ้มตอบ รอยยิ้มที่เป็นรอยยิ้มจริงๆ ยิ้มที่หลอมดวงตาสีน้ำแข็งนั้นให้กลายเป็นสีฟ้าของท้องนภา รีไวล์มองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ จนกระทั่งมองเข้าไปในร้านแล้วเห็นร่างสองร่างที่คุ้นเคย...
มือเรียวผลักประตูร้านเข้าไปราวกับต้องมนต์ เสียงกระดิ่งกรุ่งกริ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของคนในร้านให้หันมาที่เขาในทันที
"ยินดีต้อนรับ วันนี้จะรับขนมปังอะไรดีคะ"
"อิซาเบล.... ฟาลัน...."
...
เอลวินมองเข้าไปในร้านขายขนมปัง
อิซาเบลโผเข้ากอดรีไวล์อย่างแรงจนร่างเล็กถึงกับเซถอยหลัง ในขณะที่ฟาลันเพียงยืนมองนิ่งๆ อย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร ฉับพลันรีไวล์ก็ผละออกจากอิซาเบลแล้วสวมกอดชายร่างสูง เอลวินเห็นฟาลันจับรีไวล์หมุนรอบตัวอย่างร้อนรน มือใหญ่ๆ นั้นประคองหน้าของร่างเล็กขึ้นมาดูอย่างพินิจพิจารณา
...จะใกล้ไปไหน
"เด็กพวกนั้นขยันขันแข็งมากเลย ตอนที่คุณบอกให้ดิฉันรับเด็ก 2 คนนั้นไว้ ดิฉันละตกใจแทบแย่ นึกว่าจะเป็นอันธพาลที่ไหนเสียอีก"
รอยยิ้มของเอลวินกระตุกเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้บอกความจริงแก่หญิงชราแต่อย่างใด
"แม่เฒ่าก็พูดเกินไป ทำอย่างกับฉันเป็นมาเฟียที่ไหน"
หญิงชราหัวเราะตอบอย่างอารมณ์ดี
...
รีไวล์เดินออกจากร้านด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก...
ฟาลันกับอิซาเบลสุขสบายดีอย่างไม่ต้องสงสัย เผลอๆ จะสุขสบายกว่าที่เป็นมาทั้งชีวิตด้วยซ้ำ ทั้งสองคนเล่าอย่างกระตือรือร้นว่าหลังจากที่รีไวล์จากไปไม่กี่วัน หญิงชราคนหนึ่งก็มาหาพวกเขาที่เมืองใต้ดิน บอกว่าพวกตนหน้าตาเหมือนหลานๆ ที่ตายไป และตัวนางก็ชักแก่ชราเกินกว่าจะดูแลร้านขนมปังเพียงคนเดียว อยากให้พวกเขาช่วยเหลือ... อยากให้พวกเขาไปอยู่ด้วย...
ดวงตาเป็นประกายของทั้งคู่ ทำให้รีไวล์รู้สึกจุกแน่นในอก
ยามที่ฟาลันจับตัวเขาหมุนรอบตัว ส่งเสียงสบถเรื่องบาดแผลรอบตัวเขา และต่อว่าเอลวินต่างๆ นานา รีไวล์เพิ่งจะรู้สึกตัว ว่าเขานั้นช่างโง่งม
...เรื่องทั้งหมดนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
ทั้งสองขึ้นมาอยู่บนรถม้าคันเดิมอีกครั้ง รีไวล์ได้แต่ลอบมองใบหน้าด้านข้างของเอลวินที่มองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะเสมองไปทางอื่น
คำขอบคุณติดอยู่ที่ลำคอ... เหลือเพียงแต่ต้องพูดออกไปเท่านั้น แต่ทันใดนั้นเอง ร่างสูงก็หันมามองหน้าเขา ดวงตาสีฟ้านั้นเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง
"ถ้าไม่อยากให้สองคนนั้นกลับไปอยู่ข้างถนนละก็ นายคงจะรู้นะว่าต้องทำตัวยังไง"
เอลวิลเห็นดวงตาสีควันไหววูบ วินาทีต่อมาคอเสื้อของเขาก็ถูกกระชากอย่างแรง ตามด้วยหมัดหนักๆ ที่ซัดเข้าที่ใบหน้า
"สารเลว!"
รถม้าหยุดลงที่หน้าหน่วยสำรวจ รีไวล์ปึงปังกระแทกเท้าลงจากรถไป เอลวินยกมือขึ้นสัมผัสรอยช้ำจากหมัดของคนตัวเล็กกว่า ดวงตาสีฟ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง มองออกไปยังเส้นขอบฟ้าแสนไกล เพื่ออนาคตของมวลมนุษยชาติ เขาจำเป็นจะต้องเลือก...
...
รีไวล์รู้ในที่สุดว่าเอลวินจะไม่มีวันปล่อยเขาไปไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม ร่างสูงนั้นมักจะเดินนำเขาไปก้าวหนึ่งเสมอ และนั้นทำให้รีไวล์หงุดหงิด
และคนก็หนีไม่พ้นคู่ต่อสู้ของเขาในวันนี้
พลั่ก!
หมัดหนักๆ ซัดเข้าที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้ที่ทำได้เพียงตั้งการ์ดรับเท่านั้น
รีไวล์ไม่เคยมีปัญหากับวิชาการต่อสู้ตัวต่อตัว สำหรับเขา แค่นี้ยังน้อยกว่าสิ่งที่เขาเจอบนท้องถนน สิ่งที่รีไวล์ไม่ค่อยเข้าใจก็คือกระบวนท่าอันมากมายก่ายกองชวนเวียนหัวที่ครูฝึกคอยพร่ำสอน ถึงแม้มันจะไม่เคยเข้าหัว แต่รีไวล์ก็ไม่เคยแพ้ใคร เขารู้ว่าเขาแข็งแกร่งเช่นเดียวกับที่เอลวินรู้
"รีไวล์ ผู้บังคับหมู่เอลวินเรียก"
รีไวล์ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกของครูฝึก ร่างเล็กยังคงมุ่งมั่นกับการไล่ต้อนคู่ต่อสู้ เหมือนแมวที่กำลังสนุกกับเหยื่อที่อยู่ในอุ้งมือ
"รีไวล์ พอได้แล้ว"
ใครบางคนกระชากไหล่เขาอย่างแรง วินาทีต่อมาร่างทั้งร่างก็ถูกทุ่มไปข้างหลังอย่างแรง ตามด้วยน้ำหนักของร่างสูงที่ลงมาทาบทับ ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกจ้องมองมาที่เขา รีไวล์จ้องกลับอย่างไม่ลดละ ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ข้างใต้
"ฉันบอกว่าพอได้แล้ว"
ร่างสูงกัดฟันกรอด โน้มตัวลงกระซิบเสียงเย็นที่ข้างหู แต่ร่างเล็กกลับดิ้นขลุกขลักยิ่งกว่าเดิม แขนแกร่งจึงกระชากตัวร่างเล็กขึ้นพาดบ่าทั้งอย่างนั้นแล้วเดินจากไป...
"ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!"
รีไวล์เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนั้นว่ากระบวนท่าต่างๆ นานาที่ครูฝึกพร่ำสอนนั้นมีประโยชน์ยังไง...
...มันมีไว้ให้คนอย่างเอลวินใช้กำราบคนอย่างรีไวล์...
...
เจ้าแมวขู่ฟ่อ ขนตั้ง ตัวเกร็งอยู่ในอ่างอาบน้ำที่เขาเพิ่งจับมันโยนโครมลงไป
"คืนนี้นายต้องเข้าเมืองกับฉัน ชุดสูทแขวนอยู่ที่หน้าตู้"
เอลวินหันไปสั่งเจ้าแมว ก่อนจะเดินออกไป ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า เหลือบมองชุดสูทสีดำสนิทกับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดที่แขวนอยู่ที่หน้าตู้แวบหนึ่งก่อนจะเลือกหยิบชุดสูทสีเดียวกันออกมา เหตุผลหนึ่งที่เอลวินมีห้องอาบน้ำส่วนตัวก็เพราะอย่างนี้ละ
เป็นที่รู้กันว่าหัวหน้าหน่วยสำรวจคนปัจจุบันเกลียดงานสังสรรค์ทุกชนิด ไม่เว้นแม้แต่งานที่มีคนชั้นสูงเยอะๆ ซึ่งหมายถึง... เงินเยอะๆ... ตั้งแต่มีเอลวิน คุณท่านก็ไม่ยอมไปเลยสักงาน พูดแต่ว่าเรื่องแบบนี้คงจะเหมาะกับคุณชายสมิธมากกว่า คนอย่างท่านไปก็คงจะเป็นเสนียดงานเสียเปล่าๆ เหล้าแพงๆ มันแสลงคอ เอลวินได้ฟังก็ถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร จริงๆ แล้วเอลวินค่อนข้างแน่ใจว่าเรื่องเงินทุนของหน่วยสำรวจ มาอยู่กับเขาคงจะดีกว่าตาแก่บ้าเลือดคนนั้นอย่างแน่นอน เรื่องทำสงครามขอให้บอก แต่เรื่องอื่นล้วนไม่น่าวางใจทั้งสิ้น
ชายหนุ่มกำลังใส่เสื้อ เมื่อรีไวล์เดินออกมาจากห้องน้ำในผ้าขนหนูผืนเดียว ร่างเล็กถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าของเขาเอาผ้าขนหนูอีกผืนออกมาเช็ดหัวอย่างลวกๆ เมื่อแห้งดีแล้วก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ จนเมื่อถึงชิ้นสุดท้าย... ผ้าพันคอสีขาว... รีไวล์ก็ทำหน้ายุ่ง
"หันมานี่"
เอลวินกลัวเหลือเกินว่าเจ้าแมวดื้อจะฟัดผ้าพันคอกระจุยเสียก่อน
ร่างเล็กส่งเสียง เหอะ ก่อนจะยอมหันมาหาเขาแต่โดยดี นัยน์ตาสีควันนั้นจดจ่ออยู่ที่นิ้วมือของเขา ดูสงบเรียบร้อยเสียจนเอลวินอดยิ้มไม่ได้
"ยิ้มอะไรของนาย"
ร่างเล็กมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจ ทันทีที่เอลวินผูกผ้าพันคอเสร็จ เจ้าตัวก็จัดการปัดมือนั้นให้พ้นทางในทันที
"เราจะไปที่ไหน" รีไวล์ถาม
"เราจะไปงานเลี้ยงกัน"
เอลวินเห็นรีไวล์มุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากถาม
"แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง"
"แค่เดินตามฉัน ทำตัวดีๆ แล้วก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับงานเลี้ยงก็พอ"
"อืม"
รีไวล์ตอบเสียงเรียบแล้วเดินตามร่างสูงออกไปขึ้นรถม้าอย่างว่านอนสอนง่าย เกือบจะเหมือนไร้วิญญาณ...
...
สมกับเป็นงานเลี้ยงของคนชั้นสูง...
อาหารหมดนี่คงพอเลี้ยงคนในเมืองใต้ดินได้สักอาทิตย์หนึงด้วยซ้ำ รีไวล์คิด
เขาทำทุกอย่างตามที่เอลวินสั่งจริงๆ เดินตามชายหนุ่มไปรอบๆ งาน ทำตัวดีๆ แล้วก็ "แสร้ง" ทำเป็นรื่นเริงกับงานเลี้ยง
เอลวินแทบจะไม่ได้หยุดยิ้มสักวินาทีเดียว ตั้งแต่เดินเข้ามาในงาน เขาก็ถูกห้อมล้อมด้วยคนนั้นคนนี้มากหน้าหลายตา และทุกๆ ครั้งที่คนเหล่านั้นสังเกตเห็นรีไวล์ เขาก็จะถูกมองด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัยอย่างประเมินค่าตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งรีไวล์ไม่ชอบเลยสักนิด ถ้าเป็นแต่ก่อน เขาคงอาละวาดไปแล้ว!
"ฉันจะถามเธอได้ไหมเอลวิน ว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นใคร"
ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีกรมท่าลายทางเอ่ยถามเอลวิน จากท่าทางของชายผมทอง รีไวล์คิดว่าเขาคงเป็นหนึ่งในคนใหญ่คนโตอย่างแน่นอน
"ต้องขอโทษด้วยที่แนะนำช้าไป นี่รีไวล์ เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ แต่ฝีมือถือเป็นหนึ่งในทีมสำรวจเลยนะครับ"
คิ้วของรีไวล์กระตุกเล็กๆ เมื่อได้ยินคำว่า "ตัวเล็ก" แต่เมื่อเอลวินโอบไหล่ แล้วดึงตัวเขาเข้ามาใกล้ รีไวล์ก็ไม่รู้จะทำอะไร นอกจากก้มหัวให้ชายหนุ่มผู้ซึ่งมองมาที่เขาอย่างพิจารณา
"นี่หรือ คนที่เธอพูดถึงในจดหมายครั้งก่อน"
"ใช่แล้วละครับ"
"ดูเหมือนเธอจะกล่าวเกินจริงไปซะหน่อยนะ"
"คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยมองคนพลาด"
ชายหนุ่มตรงหน้าเพียงยกแก้วไวน์ในมือขึ้นจิบอีกคราราวกับหยั่งเชิง
"รีไวล์ ออกไปรอฉันที่ระเบียง"
ชายหนุ่มกระซิบ ก่อนจะดันหลังเขาออกไปจากวงสนทนา แน่นอนว่ารีไวล์ปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายแทบจะในทันที
"คงจะเป็นคนสำคัญซินะ"
...
เอลวินชะงัก ก่อนที่รอยยิ้มการค้าจะผุดขึ้นใบหน้าอีกครั้งเกือบจะทันทีที่มันหายไป
"แค่คนที่มีประโยชน์เท่านั้นละครับ"
...
รีไวล์เตร็ดเตร่อยู่ที่ระเบียงพักใหญ่ๆ นัยน์ตาสีควันเริ่มชะเง้อชะแง้เข้าไปในงาน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็มองไม่เห็นร่างสูงที่คุ้นเคย
...เจ้าบ้านั้น ทิ้งฉันไว้กลางดงหมาป่าแล้วก็หายหัวไป
เมื่อมองไม่เห็น ร่างเล็กจึงต้องก้าวเท้าพาตัวเองเข้าไปในงานอย่างจำยอม เดินวนไปได้ครึ่งงาน รีไวล์ก็สังเกตเห็นเรือนผมสีทองแวบๆ ที่หางตา เมื่อตามสีทองๆ นั้นไป รีไวล์ก็พบว่าตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่ง
"หายไปไหนของมัน"
รีไวล์หันซ้ายหันขวาอย่างไม่แน่ใจ ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินอะไรบางอย่าง
"ถ้าใครผ่านมาได้ยิน จะไม่ดีต่อคุณนะครับ"
นั้นเสียงของเอลวิน...
"ไม่มีใครผ่านมาทางนี้หรอก..."
"นะคะ...เอลวิน ฉันแทบจะรอเจอหน้าคุณไม่ไหว"
อีกเสียงเป็นเสียงของ... ผู้หญิง
"คุณจะรักษาสัญญาใช่ไหม....อลิซาเบธ"
"คุณก็รู้... ว่าฉันจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ... วีรบุรุษของฉัน"
เสียงต่อมาที่รีไวล์ได้ยินมีเพียงเสียงหอบหายใจและเสียงของบานประตูที่สั่นเทา
...เสียงของเสื้อผ้าที่เสียดสีกัน เสียงเนื้อแนบเนื้อ และเสียงครางอย่างสุขสม...
รีไวล์ถอยห่างจากบานประตูโดยอัตโนมัติ...
...
เอลวิน สมิธไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้...
เขาเตรียมใจกับการขายศักดิ์ศรีและวิญญาณเพื่อทีมสำรวจ แต่ไม่เคยคิดว่าแม้แต่ตัว ก็ยังต้องขาย...
ชายหนุ่มคิดอย่างอ่อนล้าขณะจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย ผมสีทองที่หวีเรียบเป็นทรงอย่างดี หลุดลุ่ยจนเกินเยียวยา กระดุมเสื้อเม็ดบนถูกกระชากหลุดกระเด็นไปที่ไหนก็ไม่รู้ เอลวินเพียงหยิบเนคไทด์สีแดงขึ้นมาผูกปกปิดอย่างเหนื่อยใจ ขณะที่เขากำลังจะหยิบเข็มขัดมาใส่ สตรีที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ยื่นแขนของเจ้าหล่อนมาโอบกอดเขาไว้ บดเบียดหน้าอกอวบอึ๋มเข้ากับแผ่นหลังแกร่งอย่างจงใจ
"แล้วฉันจะคุยกับท่านพ่อให้"
นิ้วเรียวสวยที่แต่งแต้มด้วยยาทาเล็บสีแดงเหมือนเลือดของหล่อนยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าของเขาอย่างยั่วยวน เจ้าหล่อนเขย่งตัวขึ้นอย่างคาดหวัง
เอลวินไม่มีทางเลือกนอกจากประคองใบหน้าของหล่อนขึ้น แล้วบรรจงแนบริมฝีปากลงไป
"ผมคงต้องขอตัวก่อน มีคนรอผมอยู่ข้างนอก"
“คงจะเป็นคนสำคัญซินะ คุณถึงต้องรีบไปขนาดนั้น”
เจ้าหล่อนประชดประชัน ร่างเพรียวนั้นหันไปอีกทางอย่างแสนงอน
“ก็แค่คนที่มีประโยชน์เท่านั้นละครับ”
เอลวินคว้าร่างเพรียวตรงหน้ามากอดไว้อย่างอ่อนโยน เพียงแต่ว่า... เขาเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่ากำลังพูดให้หญิงสาวในอ้อมกอดฟัง หรือพูดให้ตัวเองฟังกันแน่
...
รีไวล์กำลังยืนพิงเสาอย่างเบื่อหน่ายอยู่ในมุมๆ หนึ่งของงานเลี้ยงเมื่อเอลวินเดินมาหา รีไวล์เห็นชายหนุ่มแวะหยิบแก้วไวน์จากบริกรพร้อมกันสองแก้ว ก่อนจะมาหยุดยืนข้างๆ เขาและกระดกไวน์ทั้งสองแก้วลงคอ
"กลับกันเถอะ ฉันเหนื่อย"
...ร้อนแรงขนาดนั้น ก็คงจะเหนื่อยอยู่หรอก...
สุดท้ายแล้วหมอนั้นก็แค่มาหาความสุขส่วนตัวเท่านั้นละ
...
"แวะไปอาบน้ำที่ห้องฉันก่อนแล้วค่อยกลับ"
นั้นเป็นประโยคคำสั่ง ไม่ใช่ประโยคขอร้อง หรือแม้แต่ประโยคคำถาม
รีไวล์กลอกตาอย่างหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พระจันทร์สีเหลืองนวลตาลอยเด่นอยู่บนหัวของทั้งคู่ กว่าจะกลับมาถึง เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืนแล้ว
เอลวินรู้ว่ารีไวล์รักความสะอาด
ตอนนี้ก็เลยเวลาเคอร์ฟิวแล้วเสียด้วย อย่าว่าแต่อาบน้ำเลย แค่พยายามแอบเข้าโรงนอนก็ยากแล้ว อีกอย่างก็เป็นเพราะเขาเองไม่ใช่หรอที่ทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากลำบนขนาดนี้
เอลวินถอดเสื้อสูทออก คลายเนคไทด์ที่คอ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้
"นายอาบก่อนเลย"
เสียงงัวเงียนั้นกล่าว รีไวล์ก็ไม่ขัดศรัทธา ร่างเล็กเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าคว้าเอาผ้าเช็ดตัวราวกับเป็นของตัวเอง แล้วก็เดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป
เริ่มจะอารมณ์ดีแล้วซินะ...
เอลวินมองไล่หลัง ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นแล้วหลับตา
...
รีไวล์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยอารมณ์แจ่มใส ชายหนุ่มโยนเสื้อผ้าทั้งหมดลงไปในตะกร้าผ้า มือก็จัดการเช็ดผมของตัวเองไป เมื่อแห้งดีแล้วชายหนุ่มก็หันไปหยิบรองเท้าทหารของตัวเองที่ถอดทิ้งไว้มาใส่ เขารู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย ดูเหมือนว่ารองเท้าข้างหนึ่งจะใหญ่กว่าปกติ แต่เมื่อนี่เป็นรองเท้าเพียงคู่เดียวในห้อง รีไวล์จึงค่อนข้างแน่ใจว่านี่เป็นรองเท้าของเขา
รีไวล์กำลังจะเปิดประตูออกจากห้อง เมื่อสังเกตเห็นเอลวิน
ยามที่ดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นเหมือนหัวใจของชายหนุ่มถูกซ่อนไว้หลังเปลือกตา ใบหน้ายามหลับของเขาที่ถูกล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีทองก็ดูสงบอย่างน่าประหลาด ราวกับเทวดาหรืออะไรเทือกๆ นั้น แต่รีไวล์จะไม่หลงกลหรอก จะไม่หลงกลเป็นอันขาด
นัยน์ตาสีควันไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก
ริมฝีปากสวยๆ นั้นพร้อมจะเอ่ยคำพูดอันสวยหรู ถ้อยคำที่แสนดีให้ใครก็ตามที่ไม่ใช่เขา และพร้อมจะจุมพิตผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่ยินยอมทอดกายให้เขาเชยชม รีไวล์อยากรู้นักว่าผู้หญิงพวกนั้นรู้สึกยังไง ยามที่ริมฝีปากตรงหน้าทาบทับอย่างเร่าร้อน ป้อนคำหวานจนพวกหล่อนยินยอมพร้อมใจที่จะตายในอ้อมกอดของมัจจุราช เพียงแค่เขากระซิบชื่อ
"รีไวล์..."
เสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนดังกึกก้อง
รีไวล์ถอยห่างจากร่างนั้นโดยอัตโนมัติแล้วรีบร้อนออกจากห้องไป
คงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์กระมัง เขาถึงได้รู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนฉ่าจนแทบไหม้...
เสียงนาฬิกายังคงดังต่อไป ปลุกเอลวินให้ตื่นจากห้วงนิทรา ดวงตาสีฟ้ากระพริบถี่ ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างงงงวย ทันใดนั้นเขาก็สะดุดสิ่งของบางอย่างจนหน้าทิ่ม
รองเท้า...
รองเท้าข้างหนึ่งกระเด็นออกมาจากใต้เตียง เมื่อพิจารณาดู เอลวินก็พบว่ารองเท้าข้างนั้นไม่ใช่ของเขา
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว อยู่ๆ นิทานปรัมปราที่เขาเคยอ่านสมัยใหม่เด็กก็ผุดขึ้นมาในหัว
รู้สึกว่า... นิทานเรื่องนั้นจะชื่อว่า ซินเดอเรลล่า...
ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะออกมา
เจ้าหญิงคนนี้ คงไม่ต้องให้ใครเอารองเท้าไปให้ลองกระมัง เผลอๆ จะเดินเข้ามาในปราสาท ใช้กำลังยื้อแย่งรองเท้าคืนไปและตะโกนใส่หน้าเขาว่า "ใครจะไปแต่งกับคนสารเลวแบบนาย!"
Writer's Talk
คือนั่งพิมพ์ทอล์คนานมากงะ แล้วเนตหลุด บายยย 555 เลยต้องมาพิมพ์ใหม่
อย่างแรกเลยคือต้องขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตาม คือเราไม่ได้เข้ามานานมาก คิดว่าร้างแน่ๆ แต่ก็ยังมีคนมาเม้นต์มาบอกให้อัพ ตื้นตันน้ำตาจะไหลอะ กระซิกๆ (นี่ก็เว่อร์)
ในทวิตเตอร์คืออีเตี้ยจะโคตรเล่นตัว ปากแข็งสุด อะไรสุด ส่วนป๋าก็จะตามง้อตลอด (นี่มันโกโบริกับฮิเดโกะนิ! ไม่เลิก 55)
ส่วนในฟิคเราคือ เตี้ยวันๆ ก็พร่ำเพ้อหาแต่ฟาลัน อีป๋าก็ทำอะไรแล้วก็เงียบไม่บอก ไม่พูด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย งงๆ งุงิ คุคิ กันไป
แต่งไปแต่งมาหลายๆ ที เราก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าถ้าตัวเองเป็นรีไวล์จะทนเอลวินได้รึเปล่า คือนิยามของความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ของเรา มันเป็นความสัมพันธ์บนพื้นฐานคำว่าเข้าใจและยอมรับในตัวตนของอีกฝ่าย (อย่างจริงจัง) เพราะทั้งคู่มีชีวิตที่พร้อมจะตายกันตลอดเวลาและยังต้องรับผิดชอบชีวิตคนข้างหลังอีกตั้งมากตั้งมาย
ส่วนฟาลัน... คือนางเป็นมนุษย์เพื่อนสนิท ก็ต้องติดตามบทบาทของนางกันต่อไป
เราคิดไว้ว่าจะไม่แต่งยาวมากน้า อีกสัก 2-3 ตอนก็น่าจะจบ (ถ้าไม่งอก)
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ :)
ความคิดเห็น