ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sehun x luhan } .ผู้จัดการของผม

    ลำดับตอนที่ #5 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER FOUR

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.51K
      53
      28 ก.ย. 56

    [ SEHUN X LUHAN ] CHAPTER FOUR

     

     

     

     

     



     

                ใครก็ได้บอกผมทีว่าผมไม่ได้ฝันไป . .

                ลู่หานคนนั้น คนที่ขโมยจูบแรกของผม คนที่ไม่เคยลืมทั้งๆที่ผ่านมาแล้วตั้งหกปี กำลังทำงานให้ผม ผมกำลังจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่งาน แต่ผมก็รู้สึกดีมากจริงๆนะ

                ถึงแม้ว่าใบหน้าที่ผมแสดงออกไปจะเป็นใบหน้าที่เคร่งขรึมมากก็เถอะ

                ลู่หานดูเงอะๆงะๆมองดูพี่แจซอกจัดเสื้อผ้ามาให้ผม วันนี้ผมกำลังจะออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่คุณหมอในตรวจดูท้องผมแล้วว่าผมไม่มีตะกั่วหลงเหลืออยู่ เขาก็อนุญาตให้ผมออกจากโรงพยาบาลได้ มันเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างสยดสยอง และผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าแอนตี้แฟนจะแฝงตัวมาเป็นแฟนคลับผมและส่งของแบบนี้มาให้

                “คุณคิมมี่บอกให้นายตั้งใจทำงาน” ได้ยินเสียงพี่แจซอกคุยกับลู่หาน ตอนที่ผมแต่งตัวในชุดไปรเวทเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเดินออกมาจากห้องสวมมาดดารานักแสดงวัยรุ่นสุดเท่ที่ไม่เคยมีตะกั่วอยู่ในท้อง

                แต่หูน่ะ . . ตั้งใจฟังสุดฤทธิ์

                “เขาไม่มีปัญหาอะไรแน่ใช่มั้ยครับ เพราะถ้ามี . . ผมจะได้ . .

                จะได้อะไร . . ลาออกงั้นเหรอ เป็นผู้จัดการให้ผมยังไม่ถึงสามวันเลยนะ!

                “ปัญหาน่ะไม่มีแน่นอน ตอนนี้ยังมีแฟนชาวต่างชาติไปนั่งกินที่ร้านเขาอยู่เลย คงฮอตอีกนานเลยแหละ เพราะโอเซฮุนช่วยไว้แท้ๆ” พี่แจซอกกระหยิ่มยิ้มย่องใส่ผมราวกับต้องการโยนสิ่งดีๆมาให้ ผมแอบยืดอกภูมิใจนิดนึง ในขณะที่ลู่หานไม่ได้ยินดียินร้ายกับความดีของผมเลย . . “เอาเถอะ เซฮุน นายพร้อมหรือยัง”

                “กลับบ้านน่ะเหรอ พร้อมนานแล้ว” ปกติผมจะทำเสียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจเวลาอยู่กับพี่แจซอก แต่พอมีลู่หาน ผมดูเย็นชา ขี้เก๊ก และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นบวกไปอีกสามปี

                “ไม่ใช่กลับบ้าน ศึกหนัก” พี่แจซอกพยักเพยิดไปที่หน้าต่าง ผมเลยเดินไปที่หน้าต่างและก็เปิดม่านดู

                ชั่ววินาที . . แสงแฟลชนับล้านก็สาดขึ้นมาจนผมปิดม่านแทบไม่ทัน

                “อะไร!” อดตกใจไม่ได้

                “นักข่าว แฟนคลับ” พี่แจซอกตอบ “ต้นสังกัดยังไม่ให้บอกความจริงเรื่องที่นายถูกวางยา เลยปล่อยข่าวไปว่านายโหมงานหนัก ร่างกายเลยอ่อนแอน่ะ”

                “อ๋อ อืม”

                “พร้อมแล้วใช่มั้ย”

                ผมเหลือบมองไปที่ลู่หาน ผู้ซึ่งยังไม่เคยชินกับการเป็นผู้จัดการของผม . . “พร้อมแล้ว”

                “เอ้านี่ลู่หาน ช่วยถือที” พี่แจซอกโยนเป้ของผมให้ลู่หานถือ ลู่หานพยักหน้าและก็ถือเป้ของผมเอาไว้ ผมเดินเข้าไปฉวยมันมาจากมือลู่หาน

                “ฉันถือเอง” ผมบอกกับเขา

                “เอามานี่” ลู่หานทำท่าจะแย่ง

                “ฉันถือเองน่า”

                “เซฮุนน่า นายจะถือไม่ได้ นี่มันงานของผู้จัดการ”

                “แล้วพี่ทำไมไม่ถือเองเล่า” ถ้าพี่แจซอกถือ ผมจะไม่ช่วยถือเลย เพราะผมเคยชิน . .

                “ก็ . .” แววตาคนชอบอู้งานเริ่มลุกลี้ลุกลนแบบมีพิรุธ “ลู่หานเป็นรุ่นน้องนี่ ฉันสั่งเขาได้”

                ผมอ้าปากจะเถียง แต่เห็นสายตาของลู่หานมองตวัดมาอย่างขัดเคือง ผมเลยจำใจต้องปล่อยเป้ของผมให้เขาถือไป . . อันที่จริงที่ผมต้องการให้เขามาเป็นผู้จัดการเนี่ยไม่ได้เกี่ยวกับงานเลย ผมแค่อยากใกล้ชิดเขามากขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้น

                แต่ก็คงต้องปล่อยให้เขาทำหน้าที่บ้างใช่มั้ย . .

                ผมกลืนน้ำลาย ตัดใจ เดินนำหน้าลู่หานไปในทางที่พี่แจซอกชี้ เราสามคนเดินผ่านโรงพยาบาลที่มีทั้งคุณหมอ พยาบาล คนไข้ มายืนดูผมเต็มเลย ผมโบกมือให้พวกเขา ยิ้มให้พวกเขา หันกลับไปมองลู่หานอย่างเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอะไรมั้ย ลู่หานก็ดูปกติดี เดินตามผมกับพี่แจซอกมาราวกับเป็นสตาฟฟ์คนหนึ่งของผมแน่ะ

                “อปป้า หายไวๆนะคะ” เด็กผู้หญิงสี่ห้าขวบคนหนึ่งส่งกระดาษวาดรูปมาให้ผม ในรูปเป็นรูปผู้ชายบิดๆเบี้ยวๆและเธอก็เขียนว่านี่คือเซฮุนอปป้าของเธอ ผมยิ้มให้ ลูบหัว และก็บอกว่าผมไม่เป็นไรแล้ว

                ผมส่งกระดาษไปให้ลู่หาน . . และหลังจากนั้นก็มีคุณยายเอาดอกไม้มาให้อีก ผมเลยส่งดอกไม้ไปให้ลู่หาน(นี่ไม่ใช่การให้ดอกไม้ทางอ้อมนะ!) และก็มีอีกหลายสิ่งตามมา ที่ผมต้องส่งไปให้ลู่หานถือจนเต็มมือเขาไปหมด

                ผมอยากช่วย . . แต่ผมช่วยไม่ได้ TT

                พอถึงที่หน้าโรงพยาบาลผมก็โดนถ่ายรูปใหญ่เลย จากทั้งนักข่าวและก็แฟนคลับ นักข่าวจะกรูเข้ามารุมสัมภาษณ์ผมราวกับผมเป็นนักการเมืองเพิ่งได้ตำแหน่งยังไงยังงั้น พี่แจซอกบอกให้ตอบแค่ว่าสบายดีแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง และก็ให้รีบเดินหนีมาเลย . .

                ผมตอบอย่างที่พี่เขาบอกและก็รีบหนีออกมาอย่างเคยชิน แต่มีบางคน . . ที่ยังไม่ชิน

                เขาฝ่าดงนักข่าวออกมาไม่ได้ . . ลู่หานน่าสงสารมาก

                ผมเดินหันหลังกลับไปหาเขาและก็ลากข้อมือเขาออกมาให้ออกมาจากดงนักข่าวนั่น ซึ่งแน่นอนว่าภาพนั้นถูกกล้องทั้งหลายแหล่แชะ แชะ แชะ และก็แชะ

                แต่ผมไม่แคร์ ลู่หานเขาเป็นสตาฟฟ์ของผมคนหนึ่งนะ . .

                ในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงรถ ลู่หานสะบัดมือผมออก . . ผมเผลอจับนานเลย

                “นี่แค่วันแรกนะลู่หาน นายยังต้องเจอหนักกว่านี้อีกเยอะ” พี่แจซอกขู่แบบยิ้มๆ

                “ก็คงจะสมกับค่าจ้างล่ะมั้งครับ” ลู่หานตอบเสียงนิ่ง เปิดประตู ขึ้นไปนั่งข้างหน้าคู่กับพี่แจซอกคนขับเฉยเลย

                ผมขึ้นไปนั่งข้างหลัง และก็เรียกให้ลู่หานมานั่งข้างหลัง “นายมานั่งนี่”

                “ฉันอยู่ตรงนี้ถูกแล้ว”

                “ไม่ ฉันจะให้นายนั่งนี่”

                “อะไรของนาย” ลู่หานหันมาตวาด

                “มานั่งข้างๆฉัน” ผมพูดเสียงแข็งกลับ

                ลู่หานจิ๊ปากไม่พอใจ ส่วนพี่แจซอกถลึงตามองผมกับลู่หานสลับไปมา “เอางี้ ลู่หาน ตามใจเซฮุนมันเถอะนะ”

                “ได้ไง เขาเป็นดารา ส่วนผมเป็นแค่ ..

                “ก็เพราะเขาเป็นดารานั่นแหละเลยต้องตามใจเขา ไม่งั้นงานไม่เดินแน่ๆ เอ้า ไปนั่งข้างหลังซะ ที่จริงฉันก็ขับรถอยู่ข้างหน้าคนเดียวจนฉันชินซะแล้ว”

                “แต่พี่แจซอก . .

                “เซฮุนไม่กัดนายหรอกน่า”

                ลู่หานดูขัดอกขัดใจที่จะต้องมาทำตามใจของผม ส่วนผมทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อนทำท่าหยิบบทละครมาอ่าน . . อ้าวเวรกรรม เรื่องนี้ปิดกล้องไปแล้วนี่ ผมวางมันทิ้งตอนที่ลู่หานย้ายมานั่งข้างๆผมพอดี เบาะเป็นเบาะแบบไม่ติดกัน แต่ก็ใกล้ชิดมากกว่าให้เขาไปนั่งข้างหน้าล่ะนะ

                แบบนี้ . . จะให้กินตะกั่วอีกกี่ถังก็ยอม! (ไม่ใช่ละ)

                พี่แจซอกออกรถ ในขณะที่ลู่หานวางของทั้งหมดลงไปที่เบาะข้างหลังพวกเราอีกทีหนึ่ง นัยน์ตาของผมมองซ้ายมองขวา หาเรื่องที่จะคุยกับเขา แต่ทว่า . .

                “เซฮุน วันนี้นายไม่มีงาน” พี่แจซอกเล่าให้ฟัง

                “เยสสสสสสส” เผลอร้องอยากดีใจจนลืมไปว่าลู่หานมองอยู่ กลับมาเก๊กแทบไม่ทัน

                “พี่แจซอกครับ” เขามองแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรนี่หว่า TT “เล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับว่าผมต้องทำอะไรบ้าง นอกจากถือของ รับของ กันคน ผมไม่รู้เลยว่าผมต้องทำอะไร”

                “งั้นนายเอานี่ไปดูก่อน” พี่แจซอกส่งไอแพดมาให้ลู่หาน ที่รีบโค้งตัวไปรับทันที

                “มันคือ . .

                “ชีวิตของเจ้าโอเซฮุนเลยแหละ”

                ลู่หานเกาหัวงงๆ ส่วนผมก็นั่งเต๊ะท่าขรึมอยู่นั่น ราวกับว่าไม่ได้สนใจอะไรในเหตุการณ์บนรถแต่ที่จริงผมตั้งใจฟังทุกสิ่งทุกอย่าง . . รักอาชีพนักแสดงก็ตรงนี้

                “มันติดรหัสอ่ะครับ” แค่จิ้มแป๊บเดียว ไอแพดก็ให้ลู่หานป้อนรหัสสี่ตัว

                “รหัสคือวันเกิดเซฮุน”

                “” คำตอบนั้นทำให้ลู่หานนั่งนิ่ง

                “นายไม่ได้ไปทำการบ้านมาเลยเหรอ” ผมอยากจะมีบทบาทบ้างเลยโพล่งขึ้นมา

                “ว่าไงนะ” ลู่หานหันมา สีหน้าเอาเรื่อง

                “นายจะมาเป็นผู้จัดการฉัน อย่างน้อยนายก็น่าจะไปสืบประวัติฉันมาบ้างสิ” ผมพูดเสียงห้วน แต่ในใจกำลังร้องไห้คร่ำครวญ ช่วยทำเป็นเหมือนอยากรู้เรื่องของผมบ้างก็น่าจะดีนะ T^T

                “ฉันเห็นว่ามันไม่จำเป็น”

                เจ็บไปถึงหัวใจ . . แต่ก็นะ . . ผมไม่ทำให้เขารู้หรอกว่าผมน่ะช็อคแค่ไหน . .

                “แต่เมื่อวานพอฉันบอกลู่ถิงเรื่องงานใหม่ น้องสาวฉันก็ปริ๊นข้อมูลของนายออกมาให้ดูหมดเลย” ลู่หานเล่าให้ฟัง และเขาก็จิ้มตัวเลขสี่ตัวลงไปอย่างมั่นใจ 0 4 1 2 แน่นอนว่าปลดล็อคได้และหน้าจอโชว์แอพลิเคชั่นเรียบร้อย ผมอ้าปากค้างนิดหน่อย . . ทำไมต้องทำให้เสียฟอร์มด้วยฟะ ถ้ารู้ก็บอกสิ TT “แล้วไงต่ออ่ะพี่”

                “ในนั้นจะมีตารางงานทุกอย่างของโอเซฮุน อันนี้นายต้องรู้และจำให้ได้อย่างขึ้นใจทั้งวันและก็เวลา เพราะบางงานอาจจะต้องใช้เวลาเตรียมตัวมาก ถ้ามีงานต่างประเทศ เราสองคนต้องเป็นคนจัดการเรื่องซื้อตั๋วและขอวีซ่า . .

                ลู่หานอ้าปากค้าง . .

                “อันนั้นนายคงจะไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ เรื่องใหญ่ๆแบบนี้ฉันจัดการเอง นายคอยบอกและคอยเตือนเซฮุนเรื่องตารางงานก็แล้วกัน” ลู่หานค่อยทำท่าโล่งอกขึ้นมาหน่อย . . ที่จริง เพราะผมแอบส่งสายตาข่มขู่ไปให้พี่แจซอกต่างหาก ผมรู้นะว่าเขากะจะโยนงานของเขาไปให้ลู่หานรับคนเดียวด้วยซ้ำ มันจะขี้เกียจเกินไปแล้ว “และก็รายชื่อสปอนเซอร์ . . เซฮุนจะมีสปอนเซอร์สนับสนุนเสื้อผ้าของเขาอยู่ ทั้งชุดสูทออกงาน ชุดไปรเวท เครื่องแบบนักเรียน . .

                “เครื่องแบบนักเรียนมีแบรนด์ด้วยเหรอครับ”

                “มันหน้าตาเหมือนกันหมดใช่มั้ยล่ะ แต่ของเซฮุนต้องถูกสั่งตัดมาจากแบรนด์XXXเท่านั้น”

                ลู่หานทำหน้าเหมือนกำลังคิดในใจว่า อะไรมันจะช่างเวอร์วังอลังการขนาดนั้นผมแอบยืดอกภูมิใจ แต่อกนั้นก็ต้องหดลงไปถนัดตาเมื่อได้ยินเสียงลู่หานบ่น “ยุ่งยากชะมัด”

                “อะแฮ่ม” ผมกระแอม

                “หน้าที่อีกอย่างของนายคือเรื่องเสื้อผ้านี่แหละ เซฮุนเป็นพวกชอบหยิบอะไรก็ใส่อันนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขาคือสิ่งที่ผู้คนจับตามอง นายต้องดูแลให้เขาได้ใส่เสื้อผ้าของสปอนเซอร์อย่างครบถ้วน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันโดนเจ้าของแบรนด์โทรมาโวยวายแน่”

                “เอ่อ . . ได้ . . มั้งครับ” ลู่หานเลื่อนดูรายชื่อสปอนเซอร์ผม ซึ่งเลื่อนเท่าไหร่ก็ไม่สิ้นสุดสักที เขาเลยกดออกจากรายชื่อนั้นไปเลย

                “เพราะฉะนั้นนายต้องย้ายมาอยู่ที่อพาร์ทเมนต์ของเซฮุน”

                “หา ว่าไงนะครับ!!!!” ลู่หานตะโกนลั่นรถ ซึ่งผมเองก็อยากตะโกนเหมือนกัน เพราะอันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมกับพี่แจซอกวางแผนกันเอาไว้

                พี่แจซอกนี่ฉลาดเป็นกรด . . เขามองมาที่ผมผ่านทางกระจกหลังราวกับต้องการให้ผมสงบปากสงบคำเอาไว้ มันเป็นเรื่องดีสำหรับผม ผมจะเถียงขึ้นมาทำไมเล่า . .

                “อันนี้คงไม่ได้อ่ะครับ ไม่ได้แน่ๆ” ลู่หานโวยวายทันที

                “ฉันก็นอนกับเซฮุนทุกวันนะ แต่หลังจากนี้ไปมันต้องเป็นหน้าที่นายแล้ว” โห พี่แจซอก เอาออสการ์ไปเลย

                “พี่ก็ทำหน้าที่ของพี่ต่อไปดิ ผมต้องดูแลน้องดูแลยายนะ”

                “เรื่องนั้นปล่อยเป็นหน้าที่ฉัน นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนใส่ใจคนอื่นใช่มั้ยลู่หาน”

                “

                “ตอนเด็กๆนายกับน้องได้กินขนมจากฉันเยอะเลยนี่”

                “ผม . . ผม . .” ลู่หานเถียงไม่ออก หน้าตาที่แสนน่ารักของเขากำลังงองุ้มอย่างคิดหนัก . . น่าสงสารจัง

                “พี่แจซอก” ผมตัดสินใจบอกให้พี่แจซอกหยุด ผมสงสารเขา ผมไม่อยากบังคับจิตใจเขา  

                “มันเป็นงานนะลู่หาน เจ้านี่มันคืองานของนาย . .” พี่แจซอกสำทับให้ลู่หานเร่งตัดสินใจ

                “ก็ได้ครับ ..” ลู่หานรับคำเสียงเอื่อย

                “เฮ้ย!!!” ผมหลุดปากออกไปอย่างตกอกตกใจ นั่นทำให้ลู่หานหันมาทันทีอย่างงงงัน ผมปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติไม่ทันเลย . . ลู่หานคนนั้น . . ในห้องของผม . . ตาย ๆๆๆ และทุกๆวันผมจะนอนหลับยังไง

                “แต่ผมขอเวลาไปเก็บข้าวของและก็ลาคุณยายกับน้องหน่อยนะครับ”

                “วันนี้เลยเป็นไง . . เซฮุนไม่มีงานพอดี”

                “งั้นจอดแถวๆนี้ได้มั้ยครับ มันอยู่ใกล้บ้านผม”

                พี่แจซอกหันมาหาผมราวกับต้องการให้ผมตัดสินใจ ผมกลืนน้ำลาย . . ที่จริงผมไม่อยากห่างกับเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่ในเวลาแบบนี้มันช่วยไม่ได้ เพราะถึงยังไงซะ เขาก็ต้องมาเจอผมอยู่ดี

                ผมพยักหน้า  พี่แจซอกเลยขับรถไปจอดข้างทาง ให้ลู่หานได้ตรงกลับไปที่บ้านของตัวเองเพื่อเก็บของและก็มาอยู่กับผม . .

                ทันทีที่ลู่หานปิดประตูรถ ผมก็หลุดเก๊กราวกับมีคนมาขันน็อตให้มันหลุด “เฮ้ย พี่แจซอก ตื่นเต้นอะ!!! พี่คิดได้ไง พี่คิดได้ยังไง!!!!!! เก่งโคตร!!!!” ผมเขย่าแขนพี่เขาอย่างดีใจสุดขีด

                “แหม่ . . ก็ฉันมันอัจฉริยะ” พี่แจซอกทำหน้าเหมือนตัวเองเก่งซะเหลือเกิน ถึงแม้ว่าจะน่าหมั่นไส้ แต่ผมยอมก็ได้ . .

                “ลู่หานในบ้านผม ลู่หานในบ้านผม ลู่หานในบ้านผม!!!!

                “ไอ้หล่อ สงบสติอารมณ์หน่อย ถ้าเสียงหลุดไปถึงลู่หานที่อยู่ข้างนอก นายจะอายเอานะ”

                ผมหุบปากฉับทันทีที่พี่แจซอกพูด ชะเง้อคอมองไปข้างนอกรถ ไม่เห็นคนไหนคล้ายว่าเป็นลู่หานเลย

                “ฉันโกหกน่ะ ลู่หานเดินไปนู่นแล้ว . .

                “พี่นี่มัน . .

                “ทำไมฉันมันทำไม เจ้านายที่แท้จริงของลู่หานคือฉันไม่ใช่นาย เดี๊ยะฉันก็ไล่มันออก”

                “. . สุดยอดจริงๆเลย ทั้งหล่อทั้งเก่ง” กำลังจะด่า แต่ก็ต้องเปลี่ยนพูดจาเอาอกเอาใจเขาหน่อย

                “หึหึ หลังจากนี้ก็อยู่ในโอวาทหน่อยล่ะ ท่าทางจะมีงานใหญ่รออยู่”

                “งานใหญ่?”

                “ใช่ ต้นสังกัดบอกให้นายเตรียมตัวเล่นเป็นพระเอกในซีรี่ย์เรื่องใหม่”

                “พระเอกเลยเหรอ” อดอ้าปากค้างไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเป็นพระเอกนะ แต่ซีรี่ย์เรื่องใหม่ที่ว่านี่หมายถึง . . “ใช่เรื่องที่รวมดาราวัยรุ่นเยอะๆป่ะ”

                “ถูกเผง”

                “หา!”   

                “นายเจ๋งมากเลยที่แย่งซีนไอ้บอยแบนด์หล่อๆและได้เป็นพระเอก”

                “ผม . . ผม . .” ไอ้งานแบบนั้นน่ะ มันกดดันนะเฟ้ย . .

                “เอาเถอะ กว่าจะเปิดกล้องก็อีกนาน แต่ฟังๆไว้ก็ดีเหมือนกัน”

                “ช่างมันเถอะให้มันเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ผมวางแผนจีบผู้จัดการคนใหม่ของผมดีกว่า” ผมยักไหล่ และก็นั่งลงไปพิงที่เบาะอย่างสบายอกสบายใจ เก๊กขรึมมาตั้งนาน เหนื่อยเหมือนกันนะ

                “ทำไมนายต้องเก๊กด้วยล่ะ . . เป็นตัวของตัวเองสิ . .

                “ก็ผม . . เขินนี่!” ผมร้อง ตอนที่พูดนั้นผมก็หันไปมองทางอื่นเหมือนกัน ไอ้ผู้จัดการบ้านี่ต้องล้อเลียนผมแน่ๆ

                ซึ่งผมทายไม่เคยผิด  . . “หึหึ เขินหรา เซฮุนน่าเขินหรา”

                “เงียบไปเลย ไอ้พี่หมี”

                “ฉันไม่ใช่หมีนะ”

                “หมีโหด”

                “ฉันน่ารักออก”

                “ออกรถได้แล้ว!!!!!

                พี่แจซอกยิ้มเมื่อรู้ว่าผมเถียงไม่ออกผมจึงเปลี่ยนเรื่อง . . เขาออกรถไปยังอพาร์ทเมนต์ของผมที่ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงความสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ ว่าแต่ . . บ็อกเซอร์ในห้องน้ำของผมแม่บ้านจะเอาไปเก็บให้หรือยังนะ

     

     

     

     

     

     

                16.07 .

                บอกได้เลยว่าจากที่ผมนั่งเก๊กเท่ๆ หยิบนิตยสารขึ้นมาอ่าน ดูรายการกีฬา ทำทุกอย่างที่แสดงภาพลักษณ์ออกไปว่าผมเป็นคนเท่แล้วแต่ลู่หานก็ยังไม่มา T_____T จนตอนนี้ผมทั้งกิน และก็นอน และก็กดปิดและเปิดทีวีเป็นแสนเป็นล้านรอบแล้วลู่หานก็ยังไม่มา!

                พี่แจซอกออกไปกินบะหมี่และก็ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตตั้งสามสี่รอบ ลู่หานก็ยังไม่มาเช่นกัน

                “ช้า!!!” ผมโวยวายแทบจะในทันที ตอนนี้ผมกำลังต่อโมเดลกันดั้มแก้เซ็ง จนเกือบเผลอระบายอารมณ์ใส่มันไป ลูกรัก พ่อขอโทษ . .

                “อะไร ฉันออกไปแค่ห้านาทีเองนะ” พี่แจซอกวางของที่ซื้อมาลงที่โต๊ะในครัว

                “ไม่ใช่พี่ . .

                “อ๋อ เจ้าลู่หานน่ะเหรอ ฮ่าๆๆๆ”

                “ขำอะไรอ่ะ”

                “มันหลงทาง”

                “หา หลงทาง!” ผมร้องออกมาทันที “และทำไมไม่บอกตั้งนานเล่า” ผมตั้งท่าจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปช่วยเขา แต่ทว่าโดนพี่แจซอกดึงเสื้อให้นั่งลงที่เดิม

                “อย่าลืมสถานะตัวเองดิ คนอย่างนายออกไปเดินท่อมๆไม่ได้นะ”

                “ก็เขาหลงทาง จะให้ผมนั่งนิ่งๆรอเขาเฉยๆได้ยังไง ผมจะไปช่วยเขา!

                “ฉันจัดการเองน่า”

                “แล้วทำไมไม่รีบจัดการซะตั้งแต่ตอนนั้น”

                “ไอ้นี่ . .

                “เร็วๆเลย”

                “เออ ไอ้เด็กบ้า แกนี่มัน . .

                “ถ้าไม่พาเขามาให้ผมเห็นหน้า ของที่พี่ซื้อมา ผมจะกินเองคนเดียว”

                กิ๊ง ก่อง . .

              เสียงดังขึ้นที่ประตู ผมชะงักทันที ในขณะที่พี่แจซอกนั้นมองมาที่ผมและก็ยักคิ้วให้จึกๆ “นายคงไม่ได้กินแล้วล่ะ”

                แต่ผมไม่ได้สนใจชัยชนะบ้าๆนั่น ตอนนี้ผมกำลังจะเก็บโมเดลที่ผมยังต่อไม่เสร็จลงไปในกล่อง แต่เก็บตอนนี้ไม่ได้เพราะมันยังไม่สมบูรณ์เดี๋ยวมันจะพัง อา ไม่ได้นะ ลู่หานจะมาเห็นผมในมุมเด็กๆแบบนี้ไม่ได้นะ และทำไมต้องมาตอนที่ผมกำลังต่อเจ้ากันดั้มด้วยล่ะ ทำไมไม่มาตอนที่ผมทำตัวเท่ๆ T_T

                ลู่หานหอบเป้มาทั้งหมดหนึ่งใบถ้วน แต่ที่เยอะก็คือ . . ถุงในมือของเขา

                “หลงทางล่ะสิ ฮ่าๆๆ ว่าแต่หอบไรมาเยอะแยะน่ะลู่หาน” แน่นอนว่าพี่แจซอกห่วงของมากกว่าคน เขาเดินไปหาลู่หานและก็รื้อถุงในมือของเขาใหญ่เลย

                “กิมจิจากคุณยายน่ะครับ ยายฝากมาให้โอเซฮุน” ท้ายประโยคของเขาดูจะเหนื่อยหน่ายมากและที่สำคัญเรียกซะเต็มยศราวกับไม่อยากจะสนิทกัน

                หึ . . คอยดูไปเถอะ

                “ว้าว น่าอร่อยจัง ของทำเองซะด้วย” พี่แจซอกแย่งของจากลู่หานไปถือ “โน่น ห้องของนาย”

                “ครับ?”

                “ห้องของนายอยู่ทางนั้น เซฮุนพาเขาไปดูสิ”

                ถ้าเป็นตอนอื่นผมคงจะโวยวายไปแล้วว่าทำไมต้องเป็นผม แต่ตอนนี้ . . ลู่หานคนนั้นอยู่ในห้องของผม ผมจึงลุกขึ้นและเดินนำลู่หานไปที่ห้องอย่างว่าง่ายแต่ก็ไม่วายเก๊กขรึมอยู่ดี

                ลู่หานที่สะพายเป้ก็เดินตามผมมาต้อยๆเหมือนลูกแมว ลับหลังเขาผมแอบยิ้มดีใจสุดขีด แต่พอลับหน้า . .

                “นี่ห้องของนาย” . . เสียงของผมดูเย็นชาไปซะฉิบ

                “นี่ห้องพี่แจซอกจริงๆน่ะเหรอ” ลู่หานมองไปรอบๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ ที่จริงพี่แจซอกเวลามาเฝ้าผมพี่แกชอบนอนตรงโซฟาหน้าทีวีโน่น ห้องนี้เป็นห้องรับแขก ไม่เคยมีใครมานอนเลยสักคนตั้งแต่ที่ผมซื้ออพาร์ทเมนต์แห่งนี้มา “อย่างกับ . . ห้องนอนแขก”

                “อยู่ไปเถอะ ขาดเหลืออะไรก็บอก”

                ลู่หานวางของลงบนเตียง . . และก็หันมามองผม “พูดเสร็จแล้ว ทำไมไม่ออกไปล่ะ”

                นี่เขาไล่ผมเหรอ . . “เอ่อ อืม” หลุดเก๊กจนได้ . . เพราะผมคาดไม่ถึงว่าเขาจะไล่ TT

                “บอกกฎหนึ่งข้อสำหรับการที่ฉันจะมาอยู่ห้องนี้” ลู่หานพูดอย่างแข็ง “ห้ามเข้ามาในห้องฉัน ห้ามเข้ามายุ่งกับของๆฉันแม้แต่ชิ้นเดียว และที่สำคัญ . . อย่าได้ริอาจมายุ่งกับเตียงของฉันเด็ดขาด”

                กฎบ้าอะไรมากมายวะ นี่บ้านผมนะ . . “มันจะมากไปล่ะนะ!” ผมโวยวายทันที

                “ฉันขอแค่ข้อนี้ข้อเดียว มันเป็นกฎของฉัน” ลู่หานลอยหน้าลอยตา ดันตัวผมให้ออกมาจากห้อง และเขาก็ปิดประตูเสียงดังโครม

                ผู้จัดการผม . . ไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ หวงตั้งแต่ตุ๊กตายันเตียงนอน . .

                ผมเดินหัวเสียนิดๆออกมาจากหน้าห้องของลู่หาน ตอนนี้พี่แจซอกกำลังกินข้าวพร้อมกับกิมจิจากคุณยายของลู่หานอยู่

                “นี่ของผมนะ!” ถึงคราวที่ผมจะต้องหวงของบ้าง

                “อะไรของนาย” พี่แจซอกเคี้ยวตุ้ยๆ “โน่น ไปจัดการที่รักของนายโน่นไป ฉันอุตส่าห์ปูทางให้แล้ว  ทางนี้ฉันจะจัดการเอง” หมายถึงของกินใช่มั้ย . .

                “จัดการอะไรเล่า” ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างหัวเสีย “กฎของลู่หานคือผมต้องห้ามเข้าไปในห้องของเขา”

                พี่แจซอกดูไม่ประหลาดใจเลย “แล้วยังไง”

                “ทำไมไม่ตกใจสักหน่อยล่ะ”

                “นายอยากเข้าไปในห้องของเด็กนั่นรึไงเล่า ถึงมาโวยวายแบบนี้น่ะฮะ โอเซฮุน”

                “ผม ..” เออว่ะ . .

                “จะไวไฟไปหน่อยมั้ง” พี่แจซอกเอาตะเกียบมาเคาะหัวผม “ค่อยๆเป็นค่อยๆไปดิวะ เอ้อ”

                ผมหายใจฮึดฮัดอยู่ตรงนั้นอย่างขัดใจ “รีบๆกินเข้าไปเลย”

                “อะไร”

                “จะได้รีบกลับไง”

                “เห้ย . . ฉันจะอยู่ต่อ”

                “ไม่เอา”

                “อะไรของนาย เซฮุน”

                “ลู่หานมีกฎ ผมก็ต้องมีกฎบ้าง!

                ผมพูดอย่างมุ่งมั่น คอยดูเถอะลู่หาน . . ฉันจะต้องพิชิตหัวใจของนายให้ได้

     

     

     

     

     

               

                พี่แจซอกกลับไปแล้ว . .

                แต่ลู่หานก็ยังไม่ออกมาจากห้องสักที . . ผมที่ต่อโมเดลกันดั้มกำลังจะเสร็จ รอไม่ไหวเลยทำท่าจะเดินไปเคาะประตูห้องของลู่หานเพื่อเรียกให้ออกมา แค่เคาะประตูคงไม่โดนด่าหรอกมั้ง

                “ไม่ต้องเคาะ ฉันอยู่ห้องนี้” ลู่หานพูดขึ้นมาก่อนที่ผมจะเคาะประตู

                ผมหันไปตามเสียง ตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องของผม ขอย้ำ . . ของห้องผม ตัวเองเป็นคนบอกไม่ให้เข้าห้องนอนของตัวเองและทำไมเข้าห้องนอนคนอื่นหน้าตาเฉยล่ะ?!

                “นายไปทำอะไรในห้องนอนของฉัน” ผมไม่โกรธเขาหรอก แต่ทำเป็นโกรธไปงั้น ตอนนี้ผมย่างสามขุมเข้าไปอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ห้องที่กว้างกว่าห้องนอนของลู่หานประมาณสี่เท่า

                “ห้องนอนเหรอ ฉันนึกว่าพิพิธภัณฑ์โชว์หุ่นยนต์ซะอีก” ลู่หานกำลังดูโมเดลกันดั้มของผมอย่างตื่นตาตื่นใจ “นายต่อเองทั้งหมดเลยเหรอ”

                เขาอึ้งในสิ่งที่ผมทำงั้นรึ เห้ย . . นี่แอบดีใจนะ “ก็อืม”

                โมเดลหลายร้อยรุ่นในกระจกติดผนังเป็นฝีมือการต่อของผมเอง ตั้งแต่ที่พี่แจซอกหว่านล้อมผมให้มาเป็นนักแสดงของเขาเขาก็คอยซื้อมาให้ผมตลอด แต่หลังๆดูเหมือนจะคอยพาผมไปซื้อไปมากกว่า

                ผมปล่อยให้ลู่หานชมผลงานของผมสักพัก . . จนกระทั่งเขาพอใจ และเขาก็หันมามองผมที่ยืนมองเขาอยู่

                “นายมองอะไร” เขาถามผม

                ยังจะมาถามอีก . . แต่ตอนนี้ผมยังไม่กล้าแม้แต่ที่จะหยอดคำจีบใส่เขา เซฮุนเอ้ย ไอ้ขี้ป๊อด . . “นายมีกฎ ฉันก็มีกฎ”

                ลู่หานเลิกคิ้ว . . เขายืนกอดอกและตั้งใจฟังผม “ว่ามาสิ”

                กฎอะไรล่ะวะเซฮุน ทำเป็นพูดเท่ ดูซิ ไม่ได้เตรียมตัวก็ชิบหายน่ะสิ! . . “ออกไปคุยกันข้างนอก” อยู่ในนี้นานไม่ได้ กลัวอดใจไม่ไหว จับผู้จัดการคนใหม่ปล้ำ . .

                “อืม”

                ผมให้ลู่หานเดินนำออกจากห้องไป ลับหลังลู่หานผมหันมาหาลูกชายของผมทั้งหลายที่จ้องมองผมอยู่พร้อมๆกับเอามือกุมหัวใจตัวเองไปด้วย

                “พ่อใจเต้นจะแย่อยู่แล้ว” ผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทุบอกตัวเองสองสามครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา และก็เดินออกไปข้างนอกห้อง

                ผมนั่งลงบนโต๊ะที่ตรงข้ามกับลู่หาน . . ไม่อยากจะเชื่อ . . ตอนนี้ผมอยู่ในห้องกับลู่หานสองคน แค่สองคนเท่านั้น . . ฟินมาก บอกเลย T_T

                แต่จะแสดงออกมากไม่ได้ . .

                “ว่ามาสิ” ลู่หานพูด

                “กฎการอยู่ร่วมกันกับฉันก็คือ . .  บางครั้งนายก็ต้องตามใจฉัน เพราะฉันเป็นดาราของนาย”

                “เช่นอะไร”

                “ฉันสั่งอะไร นายก็ต้องทำ”

                ลู่หานเม้มปาก . . ราวกับเก็บกดอะไรบางอย่าง “หวังว่านายจะมีมนุษยธรรมพอ”

                โธ่ ทูนหัว . .  เค้าไม่กล้าทรมานตะเองหรอก T^T (โอเซฮุนพูดได้แค่ในใจ)

                “นายห้ามพาคนนอกมาที่นี่”

                “ตกลง”

                “นายห้ามกลับไปนอนที่บ้านโดยที่ไม่บอกฉันก่อน”

                “ . . ตกลง”

                “ทำกับข้าวเป็นมั้ย”

                “ค่อนข้างเป็น”

                “ทำให้กินด้วย” ผมพูดเสียงเรียบ แต่ทำไมมันดูอ้อนแหม่งๆวะ ลู่หานจะจับได้ป๊ะน่ะ?

                “ไม่มีปัญหา” แน่นอนว่าเขาจับไม่ได้ . .

                “แต่งหน้าเป็นมั้ย”

                “ไม่เป็น”

                “เซ็ทผมล่ะ”

                “ไม่เป็น” ลู่หานทำหน้าเหมือนอยากจะเตะคนถาม “ทำไมฉันต้องทำเรื่องแบบนี้เป็นด้วย ฉันไม่ใช่ผู้หญิง”

                “บางครั้งนายก็ต้องทำให้ฉัน ฉันเป็นดารา ฉันห้ามขี้เหร่”

                “อืมๆๆๆๆ” เขารับคำส่งๆ . . น่ารักชะมัด ฮ่าๆๆ “หมดหรือยัง ฉันต้องหากระดาษมาจดมั้ย” ลู่หานประชดผม

                “และก็ . .” ผมทำท่านึก ที่พูดไปมันหมดยังวะ . . . . ข้อสุดท้าย”

                ลู่หานดูโล่งใจที่ในที่สุดกฎของผมมันจะสิ้นสุดลงเสียที . . “ว่ามา”

                “ตอนนี้นายเป็นผู้จัดการของฉัน . .

                “

              “. . นายห้ามมองคนอื่น” 

                ผมพูดไปใจเต้นไป . . แอบกลืนน้ำลายเล็กน้อยไม่ให้ลู่หานเห็น แต่ดูเหมือนเขาจะงงมากกว่า ที่ผมพูดไปน่ะ มันมีความหมายลึกซึ้งมากนัก ลู่หานคงไม่เก็บไปคิดใส่ใจ

                แต่ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ . .

                . . นายต้องสนใจแต่ฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น”

              ลู่หานทำหน้าไม่เข้าใจ . . ส่วนผมก็ทำหน้าขรึมตามเคย ถึงแม้ว่าในใจอยากจะกระโดดลงไปชักดิ้นชักงอบิดตัวด้วยความเขินก็ตาม

              “ก็ได้ . .มั้ง”

                เขาตอบรับอย่างงงๆ แต่นั่นทำให้ผมมีความสุขได้ทั้งวี่ทั้งวันจริงๆ . .

                หลังจากที่ชี้แจงกฎต่างๆเสร็จผมก็ลุกขึ้นไปนั่งต่อโมเดลต่อ . . ขอบคุณพระเจ้าที่มีอะไรให้ผมทำขณะที่มีลู่หานอยู่ในห้องแบบนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมคงต้องเผลอจ้องมองเขาตลอดเวลาแน่ๆเลย

                “นาย . .” ลู่หานเดินเข้ามาหา พร้อมๆกับชูโทรศัพท์ให้ดู . . “เหมือนจะมีงานเข้า”

                มันเป็นข้อความจากโปรแกรมแชทที่พี่แจซอกส่งมาคุยกับลู่หาน เนื้อความมีใจความว่า . . พรุ่งนี้ผมมีถ่ายสกู๊ปสั้นๆลงนิตยสารวัยรุ่น . . ให้หาชุดของแบรนด์ X แบรนด์ Y และแบรนด์ Zมาใส่บนตัวผมซะ

                “ชุดอะไร” สีหน้าของลู่หานเป็นเครื่องหมายคำถามอันเบ้อเร่อ

                “ตามมานี่” ผมเดินนำลู่หานไปยังห้องแต่งตัวของผม ซึ่งเป็นห้องที่ยาวที่สุดของบ้าน

                “เห้ย O_O” ลู่หานทึ่งกับจำนวนเสื้อผ้าที่เรียงรายอยู่หลายร้อยชุด แยกเป็นโซนสำหรับไปรเวทและเป็นทางการ จากเสื้อกล้ามไปจนถึงเสื้อโค้ทหนัง แต่ส่วนที่ผมชอบ . . คือหมวกต่างหาก ผมพูดได้เลยว่าผมมีเกือบสามร้อยใบ

                “เสื้อผ้าหาได้จากในนี้” ผมพูดจบผมก็เดินออกไป

                “เดี๋ยวนะ แล้วนายไม่คิดจะทำอะไรเลยรึไง”

                “มันเป็นงานของนาย” . . อย่าให้ผมทำเลย . . เพราะสกิลแฟชั่นของผมนั้นติดลบมาก เรื่องแต่งตัวผมต้องมีผู้ช่วย . .

                “แต่ว่า . .

                “ลองหยิบเสื้อมาให้ฉันลองนะ ฉันจะรออยู่ข้างนอก อ้อและก็อีกอย่างหนึ่ง . .” ผมหันมาหาลู่หาน ในขณะที่คนฟังนั้นหน้าซีดเผือด กลัวงานแรกจะไม่สำเร็จ “เสื้อผ้าในนี้นายเลือกหยิบใส่ได้ทุกอย่าง”

                ดูเหมือนเขาจะหน้าซีดกับคำนั้นของผมมากกว่า . . ผมกระหยิ่มยิ้มย่องคนเดียวตอนที่เดินออกมา . .

                ในเวลาต่อมา . .

                “เอ้านี่” ลู่หานวางชุดไว้ที่ข้างตัวผม “ดูดีใช่มั้ย” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ ผมหยิบแต่ละชิ้นขึ้นมาดู โห เลือกเก่งเหมือนกันนี่นา . .

                แต่ผมอยากแกล้งเขาน่ะ . .

                “ไปเอามาใหม่”

                “หา . .

                “ไปเอามาใหม่”

                ลู่หานจิ๊ปาก . . แต่เขาก็ไปหยิบมาใหม่อยู่ดี

                เลือกได้ดีถูกใจผมอีกแล้ว แต่ทว่า . . “ไปเอามาใหม่” ผมก็ยังอยากแกล้งเขาอยู่ . . ก็ตอนเห็นเขาทำหน้าโกรธแล้วมันน่ารักอ่ะ จะให้ผมทำไงเล่า???

                “ทำไมนายไม่ลองดูบ้างล่ะ” ลู่หานเริ่มจะโวยวายขึ้นมาบ้างแล้ว

                “ดูก็รู้ว่าใช้ไม่ได้”

                “เอ๊ะ”

                “ไปเอามา”

                ลู่หานทำหน้าเหมือนอยากจะบ่นแต่ก็บ่นไม่ได้ เขาฮึดฮัดขัดใจเข้าไปในห้องเสื้อผ้า ส่วนผมหลุดขำพรืดออกมาอย่างสุขใจมองดูชุดที่ลู่หานเลือกมาให้อย่างเห่อๆ . . พรุ่งนี้ใส่ชุดแรกนี่แหละ มะรืนนี้ใส่ชุดที่สอง และวันต่อจากมะรืนก็ชุดที่ลู่หานกำลังจะหยิบมาให้ . .

                ช่างสุขีอะไรอย่างนี้ . . ไม่ได้ต่างอะไรจากภรรยาเลือกเสื้อผ้าให้สามีเลย >///<

                ผู้ชายทั้งโลกจะต้องอิจฉาผม . .

                “ชุดสุดท้ายละนะ” ลู่หานพูดอย่างเหลืออด และเขาก็ประชดด้วยการวางชุดหนังหนักๆนั่นลงบนโต๊ะโซฟา

                ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก . . โมเดลกันดั้มของผมที่ผมตั้งใจต่อเอาไว้ กระจัดกระจายไม่มีชิ้นดี

                หัวใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม . . ลูกพ่อ T___________________T

                “เห้ยยยย” ลู่หานร้องอย่างตกใจ ส่วนผมเข้าไปหาเจ้ากันดั้มและก็หยิบเศษซากของมันขึ้นมาอย่างช็อคสุดขีด “ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”

                ผมยังคงช็อคอยู่ . .

                “เซฮุน ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ขอโทษ”

                และผมก็ยังคงช็อคอยู่ . .

                “ทำไมนายไม่ด่าฉันบ้างล่ะ ฉันต่อให้นายใหม่ก็ได้”

                ใช้เวลาในการต่อทั้งหมดสามสิบกว่าชั่วโมงถ้วน (รวมชั่วโมงก่อนผมนอนโรงพยาบาลด้วย) . . สุดท้ายสิ่งที่ผมอยากบอกลู่หานก็คือ “ไม่เป็นไร”

                ลู่หานยืนอึ้ง . . ส่วนผมเก็บซากเจ้ากันดั้มยัดลงกล่อง ไว้พ่อมีเวลา พ่อจะกลับมาต่อนะลูก TT

                “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

                “ไม่เป็นไรหรอกน่า” . . นายไม่เคยทำอะไรผิดอยู่แล้วสำหรับฉัน

                “ฉันจะต่อใหม่ให้”

                “ทำซุปกิมจิให้ฉันทานก็พอ” ผมบอกกับลู่หาน ลู่หานทำหน้ารู้สึกผิดมากแต่ก็พยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจ นี่ผมไม่ได้โกรธอะไรเขาจริงๆนะ ผมแค่ช็อคกับสิ่งที่ผมต่อมันขึ้นมาเองและมันก็พังลงไปกับตาแค่นั้นเอง

                เย็นวันนั้นผมได้ทานซุปกิมจิ เนื้อผัดซอส และก็บีบิมบับ . . ดูเหมือนว่าลู่หานจะต้องการแสดงออกอย่างรุนแรงว่าเขาขอโทษขอโพยผม ผมแอบทานข้าวไปยิ้มไป บางทีเห็นลู่หานหงอก็เหมือนแมวน้อยดีเหมือนกัน น่ารักไปอีกแบบ . .

                และคืนวันนั้นนั่นเอง . .

                “พรุ่งนี้นายต้องตื่นตีสี่ เพื่อที่จะออกจากที่นี่ตีห้า ถ่ายสกู๊ปหกโมง แปดโมงเช้าต้องถึงโรงเรียน” ลู่หานสาธยายตารางชีวิตผมให้ฟังก่อนที่เขาจะไปนอน เพราะผมยังดูทีวีอยู่บนโซฟาอยู่เลย

                “นายจะนอนละเหรอ”

                “ก็ . . อืม”

                “ทำไมนอนเร็วนักล่ะ”

                “ไม่เห็นจะมีอะไรให้ฉันทำ”

                เออว่ะ . . งานสบายกว่าส่งบะหมี่สินะ . .แต่พอถ้าผมมีงานเมื่อไหร่ ลู่หานนั่นแหละที่จะเหนื่อยสายตัวแทบขาด เตรียมใจไว้ได้เลย T^T

                “อืม งั้นก็ . . ฝันดีนะ” ผมอวยพรเสียงสั้น จริงๆอย่างพูดให้หวานกว่านี้จัง

                “อืม” ลู่หานพยักหน้า และก็เดินกลับเข้าไปในห้องตัวเอง เสียงประตูที่ปิดนั่น หมายความว่าผมจะต้องห้ามรบกวนเขาอีก

                “เฮ้อ ช่างเป็นคืนแรกที่น่าจดจำ” ผมเผลอบ่นออกมากับตัวเอง ไม่ได้สนใจทีวีแล้ว ตอนนี้กำลังจ้องประตูอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง “ลู่หาน นี่ฉันนอนไม่หลับนะ ใครจะไปหลับลงเมื่อมีนายมานอนอยู่ในห้องข้างๆ หา นายหลับลงได้ยังไง เปิดประตูออกมาสิ มาคุยกันก่อน เปิดออกมา เปิดออกมา เปิดออกมา ..

                ราวกับว่าลู่หานได้ยินเสียงผม เขาเปิดประตูออกมา ผมหันกลับมาดูทีวีจนคอเคล็ดเพราะหันเร็วไปหน่อย . . อา ปวดคอ

                ผมได้ยินเสียงเขาเปิดตู้เย็น เสียงปิดตู้เย็น และก็เสียงปิดประตูห้องนอน

                แค่ออกมากินน้ำเหรอ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

                ผมถึงกับโยนรีโมทไปที่อื่นเพื่อระบายอารมณ์ . .

                ประตูเปิดออกอีกครั้ง . .

                ผมกลับมานั่งท่าเดิมแทบไม่ทัน ลู่หานเล่นอะไรเนี่ย . . ปรับตัวไม่ทันนะ “อะไรของนาย” ขอบ่นหน่อยเหอะ เข้าออกอะไรเห็นใจคนหัวใจจะวายมั่ง

                “นอนไม่หลับ” เขาพูดในที่สุด ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแต่คนละตัวกับผม “นายทำอะไรอยู่”

                “ดูทีวีน่ะ” ผมตอบ ยังอึ้งไม่หายที่เขามานั่งใกล้ๆ

                “ทีวีปิดอยู่” ลู่หานพยักเพยิดไปทางทีวีที่ดับลงไปเรียบร้อยแล้ว คงเป็นตอนที่ผมโยนรีโมทแน่เลย

                “ฉันปิดเมื่อกี้” หวังว่าจะไม่ติดใจอะไรต่อนะ

                “นายจะไปนอนแล้ว?”

                “เปล่า” บอกแล้วไงว่านอนไม่หลับ! (ใครจะไปรู้กับเอ็งล่ะ เอ็งพูดในใจนะโอเซฮุน)

                ลู่หานเงียบไป เขามองดูความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้าเขา โดยมีผมจ้องมองใบหน้าติดจะน่ารักนั้นอยู่ไม่ห่าง . . ตอนนี้เขาอยู่ใกล้ผมมาก ใกล้จนสามารถใช้มือสัมผัสใบหน้าของเขาได้ แต่ทว่าผมกลับทำอย่างนั้นไม่ได้

                “ทำไมนายถึงมาเป็นผู้จัดการของฉันล่ะ” ผมถามขึ้นมา ที่จริงผมก็สงสัยมากพอดู

                ลู่หานดูไม่ค่อยตกใจกับคำถาม “ก็อย่างที่บอก นายเหมือนเด็ก ดูแลตัวเองไม่ค่อยได้”

                “แต่ฉันไม่ . .

                “อย่าคิดอะไรให้มาก . . ฉันทำเพราะเงินมันดีเท่านั้น”

                คำตอบของเขาทำให้ผมช็อค . . หัวใจของผมหล่นวูบไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม . .

                ผมไม่มีแรงแม้แต่ที่จะขยับปากพูดต่อ . . ในใจนึกอยากตีอกชกหัวตัวเองที่เผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปที่ว่าเขาเองก็เป็นห่วงผม ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันไม่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่ในใจของลู่หานเลย

                ถึงแม้ว่าผมจะเป็นดาราในความดูแลของเขา . . ผมก็คงเป็นได้แค่ดารา . . และก็งานของเขาจริงๆ

                ผมกลืนน้ำลาย . . ลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบเครื่องสำอางที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องแต่งตัว และก็นำทั้งหมดมาวางกองไว้ตรงหน้าของลู่หาน

                ลู่หานดูงงกับการกระทำของผม . . ไม่ต้องงงหรอก ผมแค่เป็นคนไม่ชอบจมอยู่กับความเศร้า ความทุกข์และความกังวล

                “ถ้างั้นก็ต้องตั้งใจทำงาน” ผมนั่งลงตรงหน้าเขาบนโต๊ะหน้าโซฟาตัวเตี้ย วางของแต่ละอย่างลงบนตรงหน้าให้เขาเห็นได้ชัดๆ ลู่หานลงจากโซฟามานั่งลงข้างๆผมทันที ท่าทางเขาก็อยากเรียนรู้งานเหมือนกัน “อันนี้เรียกว่ารองพื้น อันนี้เรียกว่าบีบี” ผมชี้ให้เขาดู ลู่หานตอนนี้เหมือนเด็กที่ตื่นตาตื่นใจกับของแปลกใหม่ “สองอันนี้ใช้ต่างกัน ความหนาบางไม่เท่ากัน วันไหนฉันไปเรียนฉันจะใช้บีบี วันไหนงานใหญ่และหนัก ฉันจะใช้รองพื้น แต่ไม่ต้องห่วง น้อยครั้งนักที่จะได้แต่งหน้าเอง”

                ลู่หานพยักหน้ากึกๆอย่างพยายามเข้าอกเข้าใจ ผมแอบยิ้ม . . ผมโกรธเขาไม่ลงจริงๆแม้แต่วินาทีเดียว “นี่เรียกบลัชออน นี่เรียกอายไลน์เนอร์ แต่พี่แจซอกชอบให้ใช้อายแชโดว์แบบฝุ่น เพราะมันดูเป็นธรรมชาติกว่า แต่ฉันใช้แค่นิดเดียวเท่านั้น ฉันเป็นพวกชอบแสบตา”

                ลู่หานหยิบอายไลน์เนอร์ขึ้นมาสำรวจอย่างตื่นตาตื่นใจ

                “พรุ่งนี้นายแต่งหน้าให้ฉันนะ” ผมแอบกระซิบข้างหูลู่หาน เขาอยู่ห่างจากผมไม่ถึงสิบเซ็นต์เอง

                “เห้ย!!!! ถ้าฉันทำหน้านายเละขึ้นมาล่ะ” และคำพูดของผม . . ช่างทำให้บรรยากาศมันโคตรไม่โรแมนติกเอาซะเลย

                “ฉันก็ไปถ่ายสกู๊ปไม่ได้ไง”

                “ไม่ได้นะ ฉันทำไม่ได้”

                “มันเป็นงานของนาย”

                “แต่ว่า . .

                “ฉันไปนอนละ”

                ผมโบกมือลาลู่หาน . . ทิ้งให้เขาอยู่กับสิ่งประหลาดแปลกใหม่อยู่คนเดียวที่ห้องนั่งเล่น บอกตามตรง แกล้งลู่หานนี่มันสนุกที่สุด . .

                เพราะผมไม่รู้ว่า . . ผมจะมีเวลาแกล้งเขาอีกนานแค่ไหน กับคำพูดนั้นของเขา มันทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจยังไงก็ไม่รู้ผมเองก็บอกไม่ถูก

     

     

     

     

     

               

                04.00 .

                “นาย . .ตื่นได้แล้ว” ลู่หานเข้ามาในห้องผมและกำลังปลุกผม . . อา ยังง่วงอยู่เลย . . “ต้องรีบแต่งตัวนะ”

                “อือออออออ” สติผมอยู่ในชีวิตจริงแค่ 5 % อยู่ในความฝัน 95 % เมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็ปาเข้าไปตีสองกว่า ผมหลับไม่ลงจริงๆ ผมตื่นเต้นเพราะลู่หานอยู่ห้องข้างๆ TT

                “ตื่นเดี๋ยวนี้”

                “อืออออ” ผมส่งเสียงได้แค่นี้จริงๆ

                “เซฮุนน่า”

                สติบวกเพิ่มขึ้นมาเป็น 35 % เพราะเสียงเรียกชื่อนั่น

                “จะตื่นไม่ตื่น ถ้าไม่ตื่นฉันจะเอาน้ำสาด” ลู่หานจะเดินออกไปเอาน้ำมาสาดจริงๆด้วย

                โอเค สติเพิ่มขึ้นมาเป็น 85 % ก็ได้ “นายอยากให้ดาราของนายหน้าพังก่อนไปทำงานรึไง” ผมลุกขึ้นมานั่งบ่น นัยน์ตาของผมยังคงปรือ ลืมตาได้ไม่มากเท่าไหร่

                “ดีมาก อาบน้ำซะ”

                “ผ้าเช็ดตัว” ผมเอื้อมมือไปขอ

                “อะไร”

                “ผ้าเช็ดตัว” ผมพูดเสียงเนือย “พี่แจซอกยื่นมาให้ฉันทุกเช้า”

                “นายนี่มัน . .” ลู่หานบ่น “ก็ได้” เขาเดินไปหยิบมาให้จริงๆ รู้ตำแหน่งที่อยู่ของมันด้วย เก่งมากๆ “เอ้า ไปอาบน้ำได้แล้ว”

                “ตอนเช้าฉันกินได้ทุกอย่าง ยกเว้นของทอดและก็ของมันๆ” ผมพูดไปง่วงไป ระหว่างที่เดินไปห้องน้ำ “และก็จัดโลชั่นให้ถูกด้วย แม่บ้านเขาจัดผิดอีกแล้ว”

                “ว่าไงนะ”

                “ถ้าไม่ทำฉันจะเสียเวลาเพิ่ม”

                “โลชั่นอะไร”

                “เรียงให้ถูกด้วยนะ เซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ ครีมกันแดด และก็ค่อยแต่งหน้า”

                “เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้หยิบปากกา” ลู่หานตอนนี้เหมือนคนกำลังจะเป็นบ้าตอนตีสี่ . .

                “ทาตัวด้วย มอยส์เจอไรเซอร์ และก็ครีมกันแดด”

                “เซฮุน ฉันไม่เข้าใจ . .

                แต่ผมปิดประตูห้องน้ำไปแล้ว . . นี่แค่วันแรกเท่านั้นนะลู่หาน ชีวิตผมยังมีอะไรให้จดอีกเยอะ

                ผมอาบน้ำเสร็จก็สวมผ้าเช็ดตัวครึ่งท่อนออกมาตามหาชุด ลู่หานกำลังง่วนอยู่กับการเรียงโลชั่นให้ผมอยู่เลย ท่าทางของเขางกๆเงิ่นๆและก็รีบมาก แปลกแต่จริงผมเห็นเขาอยู่ในชุดนักเรียนของเขาเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่มันเพิ่งแค่ตีสี่ครึ่งเท่านั้น

                “ชุดของฉันล่ะ”

                “ห้อยอยู่โน่น” ลู่หานหันมาตอบ ท่าทางของเขาร้อนรนและก็ดูตื่นเต้นทำตัวไม่ถูก กลัวไม่ทันเวลามั้ง “สามชุดนั่น นายยังไม่ได้เลือกเลย”

                ผมเช็ดผมไปด้วยขณะที่เดินไปหาชุดแรกที่ลู่หานเลือก ลู่หานเห็นดังนั้นเขาก็หันมาโวยวาย “ถ้าชอบชุดนี้แล้วให้ฉันหาชุดต่อไปทำไม!

                ผมยักไหล่ และก็เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัว สร้างความเจ็บใจให้ลู่หานมากพอดู . .

                พอแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมานั่งทีโต๊ะเครื่องแป้ง

                “ลู่หาน นายต้องเป่าผมให้ฉัน!” ผมร้องบอกลู่หานที่เตรียมอาหารเช้าให้ผมอยู่

                “อะไรนะ!” เขาร้องตอบกลับมา

                “นายต้องเป่าและเซ็ทผมให้ฉัน ตอนนี้เลย” ผมหยิบโลชั่นต่างๆที่ลู่หานเรียงให้มาทา เขาเรียงถูกซะด้วย

                “โอเค แป๊บนึง!

                บอกแล้วใช่มั้ยว่าวันไหนถ้าผมมีงานคือลู่หานงานจะหนักยิ่งกว่าผมหลายเท่านัก ที่จริงผมก็แกล้งเขาด้วยนั่นแหละ เห็นเขากุลีกุจอรีบทำงานมันน่ารักดี เขาเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นและก็ความตั้งอกตั้งใจสูง ผมชอบที่จะเห็นน่ะ

                สงสัยลู่หานจะรู้ว่าผมแกล้งมั้ง เขาเอาไดร์เป่าผมมาเป่าหน้าซะจนโลชั่นจะละลาย

                “ร้อน!” ผมร้อง

                “ไม่ได้ตั้งใจ” ลู่หานพูดเสียงเรียบ

                นี่มันตั้งใจชัดๆ . . “เร็วๆเข้า เดี๋ยวจะไม่ทัน”

                “ครับผม” น้ำเสียงประชดประชันมาก

                ลู่หานเป่าผมให้ผมในขณะที่ผมมองดูเขาทุกอิริยาบถผ่านกระจก . . มีความสุขเหลือเกิน แต่ต้องเก๊กหน้าขรึมเป็นอะไรที่เหนื่อยชะมัด เมื่อไหร่ผมจะได้แสดงออกไปอย่างตรงๆซักทีนะ

                “แล้วไงต่อ” ลู่หานถามเมื่อผมของผมเริ่มจะแห้ง

                “นั่นแวกซ์” ผมบอก

                ลู่หานหยิบแวกซ์ขึ้นมาและก็จัดการเซ็ทผมให้ผม “เอาทรงไหน”

                “นายคิดว่าฉันดูหล่อในทรงไหนล่ะ”

                “ไม่มี”

                “ลู่หาน . .” ผมพูดโทนเสียงต่ำอย่างข่มขู่ แต่ลู่หานแค่ยักไหล่ตอบกลับมาเท่านั้น มันคุ้นๆป่ะวะ

                ทำไมผมกับเขาถึงแกล้งกันไปแกล้งกันมาแบบนี้ล่ะเนี่ย . . ลู่หานเซ็ทผมให้ผมในทรงที่เรียกว่าตามใจเขา ซึ่งก็ออกมาหล่อดูดีมากเลยทีเดียว . .

                “โห นี่ฉันก็มีความสามารถ”

                “หึ แค่ครั้งแรกอย่าเหลิงหน่อยเลยน่า” ผมแอบขัดอย่างหมั่นไส้ . . ถ้าทำได้ดีก็รบกวนเซ็ทผมให้ทุกวันเลยนะ . .

                “ทีนี้ทำไรต่อ”

                “แต่งหน้าน่ะสิ”

                “เซฮุน ฉันทำไม่เป็น”

                “ต้องทำเป็น”

                “วันนี้งานหนักหรืองานเบา”

                “เบา”

                “บีบีใช่มั้ย” เขาเรียนรู้เร็วมาก ผมพยักหน้าเมื่อสิ่งที่เขาเลือกมันเป็นสิ่งที่ถูก “ต้องบีบออกมาเยอะรึเปล่า”

                “ลองกะดูสิ” ผมหลับตา เงยหน้าเตรียมให้คนอื่นแต่งหน้าให้ด้วยความเคยชิน ลู่หานแตะบีบีลงบนหน้าผมอย่างแผ่วเบา “เกลี่ยด้วยนะ”

                “อืม”

                “อย่าให้มันเป็นรอย”

                “อืม”

                “อย่าให้มันติดร่องจมูก”

                “รู้แล้วล่ะน่า”

                ผมแอบพ่นลมหายใจออกมานิดนึงเพราะกำลังแอบขำลู่หานอยู่ . . และเมื่อผมลืมตา

                ใบหน้าของผมกับลู่หานก็ห่างกันไม่ถึงห้าเซนต์ด้วยซ้ำ ใกล้กว่าเมื่อคืนอีก!!!!!!

                สงสัยเขากลัวว่าเขาจะเกลี่ยบีบีไม่ละเอียด เลยเข้ามาใกล้ถึงขนาดนี้ . .

                “เซฮุน หลับตาซะ”

                “

                “บอกให้หลับตาไง!

                ผมกระพริบตาปริบๆสบตากับเขาชั่วขณะหนึ่งและก็หลับตา สัมผัสได้เลยว่าหัวใจของผมเต้นแรงมากซะจนผมคิดว่าลู่หานเองอาจจะได้ยิน . .

                เมื่อกี้ผมกับเขาอยู่ใกล้กันมากจริงๆ . . ให้ตายเถอะ . . ผมตื่นเต้นชะมัด

                “ทำอะไรกันอยู่!” พี่แจซอกจู่ๆก็โผล่เข้ามาในห้องแต่งตัวของผม “โอ๊ะ แต่งหน้ากันอยู่เหรอ ว่าแต่ลู่หาน . . นายหน้าแดงทำไมน่ะ”

                ผมได้ยินดังนั้นจึงลืมตาขึ้นมาดูหน้าของลู่หานทันที . .

                เออเว้ย . . แดงจริงๆด้วย

                “เซฮุน ฉันบอกให้นายหลับตาไง!

                เวรกรรม โดนด่าซะงั้น . . แต่ไม่เป็นไร ถือว่าคุ้มที่ได้เห็นลู่หานหน้าแดง. .

                มีความสุขอ่ะ . .

              “เอ้าลู่หาน แต่งหน้าต่อสิ นี่จะไม่ทันละนะ”

                “อ๋อ ครับพี่แจซอก” และลู่หานก็มาลงมือแต่งหน้าให้ผมอีกรอบ . . คราวนี้ใบหน้าของเขาคงห่างไกลโขกับใบหน้าของผม . .

                “นายหน้าแดงทำไม” ผมถามเสียงเย็นตามแบบฉบับคนฟอร์มเยอะ

                “ฉันเปล่า”

                “นายหน้าแดง เมื่อกี้ฉันเห็น”

                “หุบปาก”

                “น่ารักดี”

                ผมกล่าวชมจากใจทั้งๆที่หลับตา . . ลู่หานชะงักค้าง ไม่ลงมือทำอะไรกับหน้าของผมอยู่นานเลยทีเดียว

                ผมเลยลืมตาขึ้นมาดู . . ทีนี้แดงจริงอะไรจริงแบบนี้แมวเห็นมันก็ยังตอบว่าแดง!

     

     

     

     

     

                “ฉันบอกให้หลับตาไง!!!!!









     

     

     

     

     




    CHIFFON_CAKE SAY HI : สวัสดีนักอ่านทุกคนนะคะ
    ขอขอบพระคุณมากๆเลยที่เข้ามาอ่านฟิคของคนเขียนมือสมัครเล่น TT
    ซึ้งใจมากเลยค่ะ . . ช่วงนี้ติดสอบอาจมีหายไปบ้าง
    แต่จะพยายามรีบมาต่อให้เร็วที่สุดนะคะ 
    เพราะเซฮุนกับลู่หานคือลมหายใจของคนเขียนคนนี้เลยทีเดียว T_T
    รักคนอ่านน้าาา >////<
    ปล.จะทำยังไงคนอ่านจะได้รู้ว่าฟิคเค้าอัพแล้ว TT
    ส่องแท็คกันด้วยน้าา #ผู้จัดการของผม






     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×