ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sehun x luhan } .ผู้จัดการของผม

    ลำดับตอนที่ #9 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER EIGHT

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.94K
      50
      13 ต.ค. 56

    [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER EIGHT

     

     

     

     

     

                ปาร์คเยอึนมา . . มาหาผม . . มาทำไมวะ ????

                ถ้าเธอเข้ามาที่นี่ เธอจะกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่มาเหยียบย่ำอพาร์ตเม้นท์ของผม และยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร ลู่หานคนซื่อก็เปิดประตูให้เธอซะแล้ว

                เวรกรรม . .

                เยอึนยังอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียน เธอเดินเข้ามาในบ้านของผมพร้อมรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ จริงๆแล้วผมก็เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าเธอน่ะสวยมาก ซึ่งน่าจะสมเหตุสมผลเพียงพอว่าด้วยเรื่องที่เธอจะเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ป . . แต่ใช้เส้นพ่อเข้ามาเป็นนางเอกน่ะผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

                แต่ผมจะไม่ยุ่ง . .

                “เซฮุนน่า ไม่ได้คุยกันที่โรงเรียนเลย” เธอทักผม นั่งแหมะลงบนโซฟาอีกฝั่งหนึ่ง ผมอึ้งกิมกี่ . . ส่วนลู่หานนั้นก็ยืนงงอยู่ไม่ไกล เขาโดนเยอึนปรายตาไปมองด้วย “นายอยู่กับเพื่อนคนนี้เหรอ”

                “เขาเป็นผู้จัดการฉันน่ะ” ผมตอบงงๆ . . ถ้าเยอึนรู้ว่าลู่หานเป็นผู้จัดการผมคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะยังไงก็จะได้ทำงานด้วยกันอยู่แล้ว

                “อ๋อ เหรอ” น้ำเสียงของเธอฟังดูต่างจากที่ทักผมครั้งแรกมาก “ทำไมนายไม่โทรมาหาฉันเลยล่ะ ที่ฉันให้เบอร์นายไปน่ะ ถ้ารู้ว่าจะได้ร่วมงานกันนายก็น่าจะโทรมาบ้าง”

                เบอร์โทร??? ผมเอ๋อสุดๆ มองไปที่ลู่หานที่ยักไหล่ให้ผมราวกับต้องการบอกว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

                “เอ่อ ฉันคงทำมันหล่นมั้ง” แต่คุ้นๆว่าผมขยำทิ้งตั้งแต่รู้ว่าเธอแจกเบอร์ . . ขอโทษครับ

                “พี่แจซอกก็ไม่ยอมให้เบอร์นายกับฉัน ไม่ว่าฉันกับผู้จัดการจะตื๊อแค่ไหน แต่ก็เอาเถอะ ฉันมาหานายถึงห้องก็ได้” เยอึนบอกพร้อมรอยยิ้ม

                “เธอรู้ที่อยู่ฉันได้ไงน่ะ” ผมถามอย่างหวาดระแวง

                “ไม่เห็นจะยาก แฟนคลับนายเพียบรออยู่ที่ด้านล่าง”

                ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ . . เลยทำหน้านิ่งใส่เธอ

                “หิวน้ำจัง คุณผู้จัดการของโอเซฮุนคะ ขอน้ำหน่อย” เธอหันไปขอน้ำจากลู่หาน ซึ่งลู่หานก็สะดุ้งและก็รีบไปหยิบน้ำให้เธอ . .

                ผมมองตามหลังเขาไป . .

                “แปลกจริง ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่านายมีผู้จัดการสองคน”

                “เธอมาทำอะไรที่นี่” ควรจะเข้าประเด็นหลักได้ตั้งนานแล้ว . . ผมมองดูลู่หานเสิร์ฟน้ำให้เธอ

                เยอึนมองลู่หานและก็เงียบ ราวกับว่าเธอไม่อยากให้เขาอยู่ตรงนี้ และเธอต้องการคุยกับผมเป็นการส่วนตัว ลู่หานเหมือนจะรู้ เขาก็เลยเดินหนีไป ผมอ้าปากห้ามเอาไว้แทบไม่ทัน

                “นายไม่ควรมีผู้จัดการสองคนนะ” เธอจิบน้ำและก็พูด

                “มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ”

                “นายไม่ควรจะอยู่ใกล้ผู้จัดการคนนั้น”

                “” ยัยนี่จะมาออกความเห็นไปเพื่ออะไร ให้ตายสิ . .

                “ฉันมาเพื่อเตือนนะ”

                “อืม เหรอ ขอบใจนะ งั้นก็ . . เชิญ” ผมเอ่ยปากไล่อย่างมีมารยาท(?)

                “เซฮุน” เธอดูอึ้งๆไป

                “นี่ก็ดึกมากแล้ว สำหรับคนที่ใกล้เดบิวต์อย่างเธอควรเอาเวลาไปซ้อม ไม่ใช่มาบ้านคนอื่นแบบนี้ เข้าใจมั้ย”

                เยอึนอ้าปากค้าง “แต่ว่า . .

                “ลู่หาน ช่วยส่งแขกให้หน่อย” ผมร้องบอกลู่หาน ที่เดินออกมาทันทีที่ผมบอก . .

                เยอึนกำแก้วเสียแน่น เธอคงไม่รู้ว่าการคุยกับผมจะลงเอยแบบนี้ และมันต้องลงเอยแบบไหนกันล่ะ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมาทำไม แต่ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายละกัน

                เยอึนสะบัดตูดเดินหนีออกจากบ้านของผมไป ทิ้งให้ลู่หานปิดประตูตามหลัง เขาดูงงงันเอามากๆ

                “นายเสียมารยาทกับเธอนะ” เขารำพึง . . นั่นทำให้ผมหน้าบูด

                “ยังไง ฉันต้องทำยังไงกับเธอล่ะ”

                “ก็ . .พูดจากับเธอดีๆ”

                “ฉันพูดดีแล้ว”

                “โอเซฮุน ถ้าฉันเป็นเยอึนป่านนี้ฉันคงต่อยนายไปแล้ว” ลู่หานกอดอกยืนมองผม

                โอ้ยยยยยยยยย ต่อยมาเลยจ้า ที่รัก “แต่นายก็ไม่ใช่เยอึน” ผมยังคงหน้าบูดต่อไป

                “เธอจะเป็นเพื่อนร่วมงานของนาย นายเสียมารยาทแบบนี้ เวลาทำงานกับเธอมันจะราบรื่นได้ยังไงกันล่ะ”

                “เอ๊ะนี่!” ผมเริ่มทนไม่ไหวละนะ “นายต้องการอะไรจากฉันลู่หาน อยากให้ฉันปูพรมแดงต้อนรับเธอเข้ามาในบ้านหรือไง นายก็รู้ว่ามันไม่ใช่ฉัน!

                “ก็

                “ฉันไปนอนละ” งอน! บอกได้คำเดียวว่าผมงอน! ผมสะบัดตูดเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง . . แต่ไม่ปิดประตู (หวังให้เขามาง้อ) ก็จะไม่ให้งอนได้ยังไงล่ะ จะให้พูดจาดีๆกับผู้หญิงที่บุกรุกบ้านคนอื่นกลางดึกเนี่ยนะ และที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นยังทำหน้าทำตาดูถูกคนที่ผมรักอีก . .

                เชอะ คงไม่มีวันเข้าใจสินะ

                ผมเอาผ้าห่มคลุมโปง กระแทกเท้าตัวเองไปมาอย่างอดกลั้น พลางคิดในใจว่าทำยังไงดีความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลู่หานถึงจะคืบหน้า ผมก็ได้แต่แอบมองเขาไปวันๆ แอบดูแลเขาแบบอ้อมๆแบบนี้มันใช้ไม่ได้เอาซะเลย ผมควรจะทำยังไงดี นี่ขนาดเขาอยู่บ้านเดียวกันกับผมนะ ผมยังก้าวหน้าไปได้ไม่ถึงไหน ให้ตายสิ

                หรือจริงๆในใจของผมแอบหวั่นกลัว . . กลัวว่าลู่หานจะปฏิเสธผม

                ก็แหงสิ! ดูพูดเข้าเรื่องให้พูดจาดีๆกับปาร์คเยอึน . . เขาจะจับคู่เธอกับผมเหรอ ทำไมต้องพูดออกมาถึงขนาดนั้นด้วย??

                โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เคยรักใครมากๆและคิดไปเองจนจะเป็นบ้าป่ะครับ?? นั่นแหละคือสิ่งที่ผมกำลังเป็น!

                “โอเซฮุน” เสียงลู่หานนี่ . .

                ผมที่อยู่ใต้ผ้าห่มทำตาโต แน่นอนว่าลู่หานไม่เห็น

                “มีอะไร” งอนโว้ยงอน . . รู้ซะบ้างว่างอน

                “พรุ่งนี้มีถ่ายรายการตอนตีห้า” ท่าทางจะไม่รู้ เพราะตารางงานในวันพรุ่งนี้ของผมคือสิ่งที่ลู่หานพูดให้ผมฟังก่อนนอนทุกคืน

                “อืม” ผมรู้อยู่แล้วตอนที่ผมง้อให้เขาอยู่ต่อผมก็ดึงงานนี้มาช่วยเป็นเหตุผล

                “ตื่นตีสี่ ตกลงนะ”

                “อืม”

                “เป็นไรไป นอนแบบนั้นหายใจออกรึไง”

                . . งอนอยู่ ง้อสิ

                “ช่างเถอะ ฉันไปนอนละ”

                และลู่หานก็เดินจากไป . .ทิ้งให้ผมนอนน้ำตาจะไหลอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างใจไม้ไส้ระกำสิ้นดี . .

                แต่ลู่หานจะรู้ได้ไงว่าผมงอน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมชอบเขาน่ะ เห้ออออออออออ T_____T

                “โอเซฮุน นายอย่าทำตัวเป็นเด็กได้มั้ย”

                ลู่หานกลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยน้ำเสียงโวยวาย ให้ตาย เซอร์ไพรส์ที่สุด เขารู้ด้วยว่าผมแปลกไป . . ตอนนี้เขากำลังใช้มือดึงผ้าห่มของผม ส่วนผมก็ดึงมันเอาไว้อย่างไม่ยอมสุดฤทธิ์

                “เห้ย วันนี้ยังมีเรื่องไม่พอใช่ป่ะ” ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างแรง “หยุดเล่นเป็นเด็กและทำตัวตามปกติสักที”

                แคร์กันหรือยังไง . .แคร์ก็บอกมาเหอะ . .

                “โอเซฮุน” วันนี้ทั้งแย่งช็อคโกแลต ทั้งแย่งผ้าห่ม อนาคตสงสัยลูกจะดก . . “เลิก เล่น ได้ แล้ว” ลู่หานรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายแย่งผ้าห่มผมได้และก็โยนทิ้งไป ทิ้งร่างของผมให้นอนอล่างฉ่างอย่างน่าเกลียดเพราะเป็นผู้แพ้ยับเยิน “นายโกรธอะไรฉัน”

                “เปล่า” ผมหันหน้าหนี

                “ถ้านายไม่พูด พรุ่งนี้ฉันไม่ทำข้าวเช้าให้ทานนะ” ลู่หานงัดท่าไม้ตายออกมา ทำเอาผมอ้าปากค้างลับหลังลู่หาน เขาเริ่มรู้ว่าผมจะไม่มีอารมณ์ทำอะไรเลยถ้าผมไม่ได้กินข้าว . .

                แหม รู้ดีจังนะคนสวย . .

                “ฉันแค่ . .

                “นายโกรธเรื่องที่ฉันบอกให้นายพูดดีๆกับเยอึนงั้นเหรอ” สรุปจะให้ผมพูดมั้ยเนี่ย ?? “อย่ามาตลก โอเซฮุน มันเป็นมารยาทพื้นๆที่นายควรรู้”

                “มันไม่ใช่แค่นั้น” ผมลุกขึ้นมาเถียง “เขามองนาย .. แบบดูถูก . . ฉันไม่ชอบ”

                สารภาพมันตรงๆไปเนี่ยแหละ แม้จะไม่ใช่สารภาพรักก็เหอะ ลู่หานดูอึ้งๆ เขานั่งลงบนเตียงของผมช้าๆ

                “นายโกรธแทนฉัน?”

                “ใช่” ผมตอบทันที “ฉันโกรธทุกคนที่ดูถูกผู้จัดการฉัน” ที่จริงต้องพูดว่า . . คนที่ผมรัก . .

                “นายนี่มัน . .” ลู่หานพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปเลย “นายเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย บางครั้งนายก็เย็นชาจนน่าขนลุก บางครั้งนายก็เด็กและปัญญาอ่อนจนน่าตกใจ”

                นี่ผมควรภูมิใจดีมั้ยเนี่ย ??????

                “แต่ก็ขอบใจนะ” ลู่หานตบบ่าของผมเบาๆ “รีบนอนเหอะ เดี๋ยวหน้าจะไม่ใส” เขากำลังจะออกจากห้องของผมไป . . “และก็ขอโทษด้วย เรื่องที่ทำให้นายเป็นข่าว และก็อีกหลายๆเรื่อง”

                นายเคยทำผิดที่ไหนกันล่ะ . . “ความผิดไอ้มินจุนต่างหาก”

                “ฉันไปนอนละนะ”

                จะไปแล้วเหรอ . .ไม่จุ๊บลาราตรีสวัสด์กันบ้างเลยเหรอ T^T

                “และถ้านายไม่นอน ฉันจะไม่ทำข้าวเช้าให้กิน”

                ผมทิ้งตัวลงไปบนเตียงโดยอัตโนมัติ . .นั่นทำให้ลู่หานถึงกับหลุดขำออกมา ไม่ได้ เรื่องข้าวต้องมาก่อน แถมเป็นกับข้าวฝีมือของลู่หานที่อร่อยเกินเชฟภัตตาคารเป็นอะไรที่ไม่สมควรพลาดแบบสุดๆ . .

                ลู่หานปิดประตูให้ผม และที่สำคัญไปกว่านั้นเขาเดินเข้ามาในห้องอีกครั้งเพื่อห่มผ้าห่มให้ผมด้วย

                ฟินไปเลยล่ะ . .

              “บางครั้งฉันก็รู้สึกว่านายหน้าตาคุ้นๆ..

                เป็นคำพูดทิ้งท้ายก่อนที่เขาจะออกจากห้องไปจริงๆ คำพูดนั้นทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมาและหลับไม่ลงไปอีกนาน . .

              ฉันคือคนที่นายขโมยจูบแรกไปไง . .

     

     

     

     



     

                ตื่นตีสี่อีกแล้วครับพี่น้อง T_T

                ตอนนี้กำลังอยู่บนรถที่พี่แจซอกเป็นคนขับ ขอย้ำนะครับว่าพี่แจซอกยังคงเป็นผู้จัดการของผมอยู่ แม้ว่าจะเป็นจอมอู้หรืออะไรก็ตามแต่แต่ถ้าไม่มีพี่เขาก็ไม่มีโอเซฮุน เห้อ เน่าแต่เช้ามืด ผมก็งีบสักพักนะ

                ผมเอาหมวกSnapbackมาปิดบังใบหน้าตอนหลับ ถึงตอนนี้ลู่หานจะอยู่ข้างๆแต่ผมก็ง่วงเกินบรรยาย

                “พี่แจซอกครับ” ลู่หานเอ่ยขึ้นมา ท่าทางเขาจะคิดว่าผมหลับไปแล้ว

                “ว่ายังไง”

                “ผมเคยเจอเซฮุนมาก่อนรึเปล่าครับ ตอนที่ผมอยู่ข้างบ้านพี่ ผมรู้สึกว่าผมคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเอามากๆ”

                พี่แจซอกหัวเราะก๊าก ส่วนผมถึงกับเกร็งตัวเองอย่างรู้ตัวว่าตอนนี้ผมกำลังจะหลับไม่ลงอีกต่อไป

                “มันยังไม่บอกนายเหรอ” พี่แจซอกพูดแบบนี้ยิ่งทำให้ลู่หานอยากรู้เข้าไปใหญ่ ผมกำลังจะเปิดหมวกออกมาและก็ตะโกนด่าว่าอย่าพูดมาก แต่พี่แจซอกก็พูดขึ้นมาซะก่อน “ผลงานชิ้นแรกของโอเซฮุนที่จริงไม่ใช่ละคร แต่เป็นงานโฆษณา ตอนนั้นเป็นโฆษณาที่ดังมาก นายคงคุ้นหน้าคุ้นตาเขามาจากโฆษณาอันนั้นนั่นแหละ”

                โห . . ส่งถ้วยรางวัลไปให้เลย ทำไมเก็บความลับได้ดีอย่างนี้ TT

                ที่จริงก็ไม่ใช่ความลับหรอก ผมอยากให้ลู่หานเขารู้เองน่ะ

                “อ๋อ นั่นสินะครับ” ลู่หานคนซื่อรับคำ ไม่รู้ว่าเขาสงสัยอะไรต่อรึเปล่า เพราะผมต้องแกล้งทำเป็นหลับ

                “ทำไมเหรอ นายคิดว่านายเคยเจอโอเซฮุนมาก่อนเหรอ”

                ลู่หานเงียบไป ผมแอบเปิดตามองลอดใต้หมวกเพราะอยากรู้ว่าลู่หานจะทำหน้ายังไง . . เขากำลังทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครับ

                “ผมคิดว่า . .ผมเคยเจอเขามาก่อน” ลู่หานรำพึง มองออกไปนอกหน้าต่าง “และถ้าเขาเป็นคนนั้นขึ้นมาจริงๆ มันเป็นความทรงจำที่ผมไม่ค่อยอยากจะนึกถึงมันเท่าไหร่ครับ”

                เพล้ง . . เสียงฝันสลาย . . นี่ผมมีหน้าตาเหมือนเจ้ากรรมนายเวรของลู่หานมาตั้งแต่ชาติปางไหนกันTT

                “ฮ่าๆๆๆ ซะงั้น ทำไมล่ะ”

                “ก็มัน . . น่าอาย” ลู่หานก้มหน้างุดและก็เอาเท้าเขี่ยพื้นรถเบาๆ . . ความทรงจำที่น่าอายนั่นจะเป็นความทรงจำเดียวกันกับที่ผมลืมไม่ลงรึเปล่านะ

                “อ้อลู่หาน ช่วยปลุกเซฮุนด้วย เขาต้องเตรียมตัวสักหน่อย สถานที่ถ่ายทำเป็นตลาดยามเช้านะ คนค่อนข้างเยอะ”

                “ปลุกมาทำไมเหรอครับ”

                “ก็ดูมันสิ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงแถมหน้ายังซูบซีดเหมือนคนนอนไม่พอ”

                ใช่ไง . . ผมนอนไม่พอเพราะนอนไม่หลับเนื่องจากมีคนมาห่มผ้าให้ . . และคนๆนั้นก็กำลังจะปลุกผมด้วย

                โทษฐานที่คิดว่าความทรงจำที่แสนสุขของผมเป็นความทรงจำที่น่าอาย . .ผมควรจะแกล้งเขายังไงดีนะ

                “โอเซฮุน ตื่น” ให้ตายเถอะ เถื่อนมากเลยคนสวยของผม เขาเอาเท้าที่เขาเพิ่งใช้เขี่ยพื้นรถตะกี้มาเขี่ยเท้าผม เอื้อมแขนมาสะกิดหน่อยไม่ได้รึไง . .

                ผมแกล้งหลับต่อไป

                “โอเซฮุน ตื่นเดี๋ยวนี้นะ” คราวนี้เขาใช้นิ้วจิ้มสะกิดที่สีข้าง “อุ๊ยนั่น! มิแรนด้าเคอร์กำลังข้ามถนน!!

                ผมสะดุ้งพรวด หมวกหล่นลงไปกองกับพื้นขณะที่ตัวเองกำลังสอดส่องมองหานางแบบในดวงใจสุดฤทธิ์ “ไหนๆๆๆๆ”

                “นายนี่มัน . .” ลู่หานส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

                ที่แท้ผมโดนแกล้งหรอกเหรอ . . “รู้ได้ไงว่าฉันชอบมิแรนด้านูน่า?”

                “บทสัมภาษณ์ของนายมีให้อ่านเกลื่อนเต็มท้องถนน” ลู่หานพูด หยิบของออกมาจากกระเป๋า “นี่สเปรย์น้ำแร่ ฉีดซะจะได้สดชื่น นี่แวกซ์ เครื่องสำอาง กระจก . .และก็ . .

                “โอ้ย เยอะ ขี้เกียจทำ ทำให้หน่อย” ผมที่เพิ่งถูกหลอกมาหยกๆสะบัดตัวทำท่าจะนอนอีกครั้ง

                “ไม่ได้” ลู่หานจับแขนผมไว้ทันที “อย่ามาขี้เกียจ ทำเอง เดี๋ยวนี้เลย”

                “ฉันไม่ทำ”

                “โอเซฮุน”

                “นายเป็นผู้จัดการของฉันนะ” ผมงัดไม้ตายออกมาเพื่อตอกย้ำเขา ซึ่งทำให้เขาชะงักและไม่พูดอะไรต่อ

                “ก็ . . ก็ได้” ท่าทางของเขากลัวนิดๆซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขากลัวอะไร

                ผมหลับตายื่นหน้าเข้าไปหาเขาด้วยท่าทางที่น่าหมั่นไส้ ผมขี้เกียจจริงๆนะครับไม่ได้ต้องการแกล้งลู่หานแต่อย่างใด(?) แต่สมัยที่มีแต่พี่แจซอกไอ้เรื่องพรรค์นี้ผมต้องทำเองคนเดียวทั้งนั้นนั่นแหละเพราะพี่แจซอกเองมือก็ไม่ว่างต้องขับรถ(และกดเปลี่ยนเพลงวงเกิร์ลกรุ๊ป) พอมีลู่หานแล้วผมก็สบายขึ้น มีความสุขขึ้น ทุกๆวันมีแต่ความแฮปปี้ . .

                “ผมของนายคงไม่ต้องทำอะไรมากมั้ง . .” ลู่หานนิ่งไปนานก่อนจะพูด

                “แล้วแต่นาย”

                “แต่หน้านี่ . .ดูท่าจะไม่ไหว”

                หืม ตอนนี้ผมขี้เหร่มากเหรอ “อ๊ากกกกก” สเปรย์น้ำแร่ถูกฉีดเข้าใส่ใบหน้าของผมอย่างจังและอย่างไม่ทันตั้งตัว

                “ตื่นขึ้นมาเลยสินะ ฮ่าๆๆ” ลู่หานแกล้งผม เขาหัวเราะอย่างมีความสุข ผมลืมตาขึ้นมากะจะบ่นเขาสักหน่อย แต่เห็นรอยยิ้มและรอยย่นที่ปลายตาของเขานิดๆนั่นมันทำให้ผมบ่นเขาไม่ลง

                โหยคนอะไร มีตรีนกาแล้วยังน่ารักสาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

                ผมตะลึงพรึงพรืดเมื่อเห็นรอยยิ้มลู่หานใกล้ๆ เผลอจ้องใบหน้านั่นอยู่นาน . .

                “มองทำไม . .หลับตาสิ” ลู่หานกำลังจะหยิบบีบีขึ้นมาทาให้ผมแล้ว . .

                “ฉันลืมตานายก็ทาได้นี่ ไม่ใช่อายเมคอัพสักหน่อย” ก็คนมันอยากจะจ้องอ่ะ . .

                “หลับ ตา” ลู่หานพูดอย่างเน้นในแต่ละพยางค์อย่างชัดเจนซะจนผมขนลุกและก็ไม่กล้าดื้อดึงให้มากความ (อนาคตกลัวเมียเห็นๆ)

                ผมจึงหลับตา และลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อแกล้งเขา นั่นทำให้ผมโดนขวดบีบีเขกเข้าที่กะโหลกเต็มๆ

                “ฉันบอกให้นายหลับตา . .

                ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าเขากลัวอะไร . .

              สายตาของผมนี่เอง

              หรือผมชัดเจนเกินไปจนทำให้เขาเขินกันนะ????

               

     

     

     

                ตลาดยามเช้า . .

                ทันทีที่ผมก้าวลงมาจากรถ แฟนคลับรุ่นป้าก็พากันหอบข้าวหอบของมาใส่มือผมกันยกใหญ่ ทั้งๆที่ผมยังไม่ทันได้ปิดประตูรถเลย

                ลู่หานรู้หน้าที่วิ่งเข้ามาช่วยกันป้าๆให้ไม่ให้รุมผมมากจนเกินไป

                “โอเซฮุน ทานเยอะๆนะลูก ผอมไปรึเปล่า เอาปลาทูที่เข่งของป้าได้ฟรีตลอดชีวิตเลยนะ”

              “ป้าหอมแก้มหนูได้มั้ยจ๊ะเซฮุนนี่”

              “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด หล่อมาก จะเป็นลม”

              “ขอบคุณนะครับๆ ขอบคุณมากครับ” แฟนคลับรุ่นนี้น่ารักมากจริงๆ พวกเธอดูบริสุทธิ์ใจและดูจะรักผมจากใจจริงมากมายเหลือเกิน ทุกคนดูดีใจที่ผมมาถ่ายรายการแถวนี้มาขอถ่ายรูปกับผมยกใหญ่ ซึ่งผมเองก็ยินดี แหม มาทำงานแบบนี้ก็ต้องการคนรักคนชอบคนให้กำลังใจบ้างแหละ

                “นู่นแน่ะ ทีมงานอยู่นู่น ไปได้แล้วเซฮุน” พี่แจซอกมากระซิบบอก ผมจึงได้ฤกษ์เอ่ยลาแฟนคลับเหล่านั้น

                “แม้จะมีข่าวออกมาแบบแปลกๆ ก็ยังมีคนชอบนายแฮะ” พี่แจซอกตั้งข้อสังเกต

                “พวกเธอคงไม่รู้มากกว่า ผมดีใจจัง ผมรักคนที่เขารักผมแบบนี้มากเลย” น้ำตาจะไหล . . “ว่าแต่ . .คนที่เป็นข่าวกับผมล่ะ? อยู่ไหน” ผมมองซ้ายมองขวาตามหาลู่หาน

                “ดูนั่นสิ ฮ่าๆๆ”

                ลู่หานอยู่กลางวงล้อมของแฟนคลับรุ่นป้าของผม และกำลังจะโดนรุมราวกับเป็นดาราซะเอง มีป้าจับแก้ม มีป้าจับผม มีป้าจับตามเนื้อตัวของลู่หานด้วย ซึ่งล่หานเองก็ดูงงๆแต่ก็ยอมให้จับโดยดีอย่างเลี่ยงไม่ได้

                ป้าครับ!!!!!!!!!!!!!! อย่าจับแบบนั้น ผมอิจฉา!!!!!!!!!!!!!!!!!!

                “ลู่หาน อย่าอู้งาน” ผมเดินกลับไปลากลู่หานออกมาจากกลางวง

                “ฉันเปล่าอู้นะ”

                “ถ้านายเป็นนักแสดงคงฮอตกว่าฉันซะอีก”

                “เป็นผู้จัดการก็สนุกดี”

                คำพูดนั้นของลู่หานทำให้ผมเผลอมองหน้าเขาอย่างตกตะลึง . . จนในที่สุดพี่แจซอกก็มาเรียกให้รีบไปทำงานอีกครั้ง ผมจึงได้ฤกษ์ทำงานเสียที

                งานในวันนี้ก็คือรายการเที่ยวตลาดสดในยามเช้ายาวไปจนถึงตลาดอย่างอื่นในยามบ่าย คล้ายจับไอดอลมาเดินตลาด ผมก็ทำหน้าที่ของผมได้ดีอย่างเคยคือยิ้มและก็ทักทายแม่ค้าในตลาดอย่างรู้งาน และที่สำคัญผมได้เป็นตัวของตัวเองอย่างสุดๆ อะไรที่ผมไม่รู้จักไม่เคยกิน ผมก็จะบอกออกอากาศไปเลยไม่มีเตี๊ยมกับผู้กำกับรายงาน

                ลู่หานเดินตามผมและทีมงานตลอดไม่ว่าจะเดินไปทางไหน(พี่แจซอกหายตัวไปอีกแล้วครับ) เขาเดินไปทำงานไป(กันคน)เที่ยวไปอย่างสนุกสนานจนน่าอิจฉา บางครั้งที่ผมอยู่ต่อหน้ากล้อง ผมก็แอบมองลู่หานที่กำลังเคี้ยวไอติมกะทิอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างอิจฉา ไม่ใช่อิจฉาลู่หาน แต่ผมอิจฉาไอติม

                ให้ตายเถอะ อยากถูกกินTT

                “คุณโอเซฮุนครับ ช่วยเล่าเหตุการณ์ประทับใจประสบการณ์การกินหอยนางรมครั้งแรกหน่อย . .” ผมไม่ได้ยินประโยคนั้นเพราะมัวมองแต่ลู่หาน “คุณโอเซฮุน . .

                “”ครับ ฮะ ว่าไงนะครับ”

                “ดูคุณเหม่อลอยบ่อยนะครับเนี่ย คุณกำลังมีความรักรึเปล่าครับ”

                ถามได้ตรงประเด็นสุดๆ ผมมองหน้าลู่หานทันที ลู่หานกำลังจ้องมองมาเหมือนกัน ไม่รู้ได้ยินคำพูดพิธีกรรึเปล่า

                แต่ด้วยเนื้องาน . . และอนาคตของงานที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า “ยังครับ”

                “โหวววววว จะว่าไปคุณโอเซฮุนก็อายุเพิ่งแค่สิบเจ็ดเองเนอะ”

                คำพูดนั้นผมไม่ได้ยินอีกแล้ว เพราะตอนนี้ผมเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้ามาทักลู่หาน หมอนั่นใส่หมวกปิดหน้าปิดตามิดชิด แต่ดูจากออร่าและก็รูปร่างภายนอก ดูดีระดับพระเอกซีรี่ย์ทีเดียว

                ก็นั่นมันไอ้อีวอน . . พระเอกซีรี่ย์ส้มหล่นที่ผมโยนบทพระเอกไปให้มันนั่นไง

                ช่างเรื่องพระเอกก่อน มันมาทำอะไรแถวนี้ และมันมาคุยอะไรกับลู่หาน ????

                “เรื่องหอยนางรม คุณโอเซฮุนเคยทานมันมาก่อนรึเปล่าครับ . .

                “” ผมเริ่มได้ยินคำพูดพิธีกรแล้ว แต่สายตาและความคิดกลับโฟกัสไปที่ผู้จัดการของผมและไอ้ขี้หลีของของคนอื่น “เอ่อ เพิ่งเคยได้ทานครั้งแรกเมื่อกี้นี่เองครับ”

                “เป็นไงบ้างครับ รสชาติอร่อยดีมั้ย”

                “ก็ . .” เมี่ยงเอ๊ยยยย มันชวนคุยไม่พอยังมาจับผมของลู่หานอีกด้วย! ผู้จัดการ! สนใจดาราในความดูแลของตัวเองตรงนี้นิดนึง! มันหึงจะแย่อยู่แล้ว . . “รสชาติขมใช้ได้”

                “ขม??”

                “ครับ ขมมาก” ผมกัดฟันพูด

                “โอ๊ะ นั่น ผมรู้สึกว่าผมจะมีแขกมาเซอร์ไพรส์นะ คุณอีวอน!!!!!!” อีวอนได้ยินเสียงพิธีกรเลยเปิดหมวกออก หน้าตาของมันมาเต็มแถมผมยังเซ็ทเป๊ะ คือมันมาทำงานแน่นอน “แขกเซอร์ไพรส์ในรายการของเราวันนี้ คุณอีวอน!!!!

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

              อืม . . เซอร์ไพรส์มากจริง ดีใจจนอยากจะถีบมันลงคลอง . .

                “เมื่อกี้คุยอยู่กับสตาฟฟ์ของคุณโอเซฮุน จนผมนึกว่าคุณเป็นแฟนเขานะเนี่ย เนียนจริงๆ”

                พิธีกรพล่ามไปเรื่อย . . ไอ้พิธีกร . . พูดผิดพูดใหม่ได้ให้โอกาสแก้ตัว

                “เหรอครับ ฮ่าๆๆ สตาฟฟ์คนนั้นเป็นผู้ชายนะครับ ผมจะเป็นแฟนเขาได้ไง . . แต่ถ้าเป็นคุณโอเซฮุน อาจจะไม่แน่ จริงมั้ย” อีวอนหันมาถามพร้อมรอยยิ้ม นั่นทำให้ผมหน้าชา ข่าวที่เพิ่งแก้ออกไปจะกลับกลายเป็นประเด็นอีกครั้งเพราะคำพูดนี้ของอีวอน

                แกล้งเหรอ . .  สงสัยจะอยากตาย “ก็ไม่รู้สิครับ”

                “เอ่อ แหะๆ เรากำลังชิมหอยนางรมอยู่ คุณอีวอนลองชิมดูสิครับ”

                จากที่ทำงานอย่างมีความสุข หลังจากนั้นงานก็กร่อยทันที . .

                ในช่วงพักผมเลยลากลู่หานออกไปไกลๆไอ้อีวอนโดยถือกล่องข้าวมาสองกล่องเพื่อที่จะไปกินที่อื่น ที่ๆไม่มีอีวอน

                “ลากมาตั้งไกล เดี๋ยวทีมงานเขาก็คิดว่านายหนีงาน” ลู่หานบ่นอุบ

                “ทำไม หรือนายอยากกินกับไอ้อีวอน”

                “อะไรอีกล่ะ . .ทำไมชอบหาเรื่องอยู่เรื่อย”

                “ฉันไม่ได้หาเรื่อง” ผมนั่งลงบนพื้นหญ้าและก็ตบพื้นข้างๆให้ลู่หานนั่งตาม ซึ่งเขาก็นั่ง . .

                “อย่ามาทำตัวเป็นเด็กหน่อยเลยน่า เอาข้าวฉันมา หิวจะแย่”

                ผมยังคงหน้าบึ้งตึงอยู่

                “เกิดอะไรขึ้น โอเซฮุนในวันนี้ไม่อยากกินข้าวจริงๆน่ะเหรอ”

                “

                “เฮ้ นายเป็นอะไรของนายน่ะ”

                “เปล่าสักหน่อย” ผมส่งข้าวกล่องของลู่หานให้เขา “ฉันก็แค่ . .โว้ยยยยยยยย!” ผมโวยวาย

                งับ . .  

              ลู่หานจับเอาข้าวยัดปากผม

                “พูดมาก”

                เขาบ่น และเขาก็ตักข้าวยัดปากของผมอีกคำ . .

                นี่ผมกับเขามาปิกนิกกันรึไงเนี่ย . . (ลืมความโกรธไปซะงั้น)

                แชะ แชะ แชะ

              เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นที่พุ่มไม้ ทันทีที่ผมรู้ตัว ผมก็หากล้องนั้นเจอทันที มันแอบอยู่ที่พุ่มไม้และก็กำลังถ่ายรูป . . บอกเลยว่าคงเห็นใบหน้าของลู่หานเต็มๆ

                นั่นเป็นเรื่องที่ผมยอมไม่ได้

                “จะไปไหนน่ะ โอเซฮุน”

                ผมไม่ทันได้ตอบลู่หาน เพราะผมมัวแต่วิ่งตามไอ้ปาปารัซซี่บ้าคนหนึ่งอยู่อย่างบ้าคลั่ง







    มันวิ่งเร็วมาก . .

                มันพาผมทะลุตรอกซอกซอยต่างๆจนทำให้ชาวบ้านแตกตื่น แต่ผมไม่คิดอะไรทั้งนั้นนอกจากตามมันให้ทันอย่างเดียวและก็ทำลายรูปที่มันถ่ายซะ ปกติผมโดนอะไรแบบนี้บ่อยแต่ไม่มีตอนไหนที่ผมอยากจะตั๊นหน้าให้ปาปารัซซี่มากเท่าครั้งนี้

                ผมน่ะเสียหายได้นะ แต่ลู่หานเนี่ยสิ . .

                พอวิ่งไปได้สักพัก . . ไอ้ปาปารัซซี่มันก็โผล่หน้ามายืนประจันหน้ากับผม ผมหักนิ้วเตรียมต่อสู้เพื่อแย่งกล้องเต็มที่แต่ไม่นานนัก . . พรรคพวกของมันก็มา พวกมันมีกล้องกันทุกคนและก็เริ่มแชะๆมาที่ผมแล้ว

                เล่นเป็นกองทัพเลยเรอะ!

                “เซฮุน ทางนี้” ลู่หานตะโกนเรียกที่ซอยหนึ่ง ผมเลยต้องไปหาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตอนแรกจะวิ่งไล่มันกลับกลายเป็นผมที่โดนไล่แทน เป็นอะไรที่อัปยศสุดๆ “วิ่งหนีก่อนเหอะ”

                ลู่หานจับข้อมือผมและก็พาวิ่ง . . ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าฝนจะใกล้ตกเต็มที ป่านนี้ผมไม่รู้ว่าทีมงานจะว่ายังไงบ้าง เพราะผมกำลังอยู่ในสถานที่ที่ห่างออกมาจากตลาดสดยามเช้าอย่างมากมาย

                “จะจับมันได้อยู่แล้ว” ผมอดบ่นไม่ได้

                “คนเยอะอย่างนั้นนายสู้ไม่ไหวหรอก”

                “มันถ่ายรูปนาย!

                “เซฮุน เรื่องรูปนั่นนายต่างหากที่เสียหาย ไม่ใช่ฉัน นายเป็นดาราดังนะ”

                ผมพูดไม่ออก . . แต่ไม่ว่าจะยังไงความคิดของผมก็คือลู่หานสำคัญที่สุดอยู่ดี “แล้วนายจะพาฉันวิ่งไปไหน”

                “วิ่งไปอีกประมาณสองร้อยเมตรก็บ้านฉันแล้ว” ลู่หานหันมาตอบ “ไปหลบกันที่นั่นก่อนก็ได้”

                จริงๆด้วย แถวนี้มันเป็นย่านบ้านของลู่หานนี่นา ผมเลยวิ่งตามลู่หานไปจนกระทั่งมาถึงที่หน้าบ้านของเขา

                ลู่หานเคาะประตูเรียกคุณยาย “คุณยายครับ ผมลู่หานนะ เปิดประตูให้ผมที”

                ไม่นานนักคุณยายก็เดินมาเปิดประตู . . เธอดูดีใจที่ได้เห็นหน้าลู่หานแต่ไม่ทันจะพูดอะไรลู่หานก็ดึงผมให้เข้าไปในบ้านและก็ปิดประตูซะงั้น

                ราวกับว่ามีความโชคดีอยู่ในความโชคร้าย ฝนเทกระหน่ำลงมาหลังจากที่ผมเข้าไปในบ้านได้เรียบร้อย

                “โอ ตายละ วันนี้พาเพื่อนมาด้วยTT” คุณยายอ้าปากค้าง “ไม่ได้นะ วันนี้ยายต้องขอลายเซ็นพ่อหนุ่มคนนี้ให้ได้”

                “สวัสดีครับคุณยาย” ผมโค้งให้คุณยายอย่างนอบน้อมและแฝงไปด้วยเสียงหอบ

                “หวัดดีจ้ะลูก ท่าทางเหนื่อยๆนะ วิ่งหนีอะไรกันมารึ” คุณยายเดินเข้ามาจับหลังของผมดูด้วยความเป็นห่วง

                “ก็

                “ไม่มีอะไรครับยาย แค่. .พวกแฟนคลับน่ะ” ลู่หานตอบ เขาเดินไปหยิบน้ำชาร้อนๆมาวางที่โต๊ะและรินให้ผม ผมเลยต้องนั่งอยู่ที่บริเวณนั้น โดยมีคุณยายคอยจับสัมผัสคอยดูแลไม่ห่าง “โธ่คุณยายครับ หลานยายอยู่ทางนี้นะ ไม่ใช่ทางนั้น”

                “แหม ลู่หานนี่ก็ . .

                “ลู่ถิงไปเรียนใช่มั้ยครับ”

                “ใช่จ้ะ แต่คงกรี๊ดสลบแน่เมื่อรู้ว่าองค์ชายรัชทายาทเสด็จมาที่บ้านเราอีกหนน่ะ” บทนั้นมันสร้างชื่อเสียงให้ผมจริงๆใช่มั้ยครับเนี่ย ทำไมมีแต่คนพูดถึงตลอด . . “เอ้าดื่มชาสิ พักผ่อนนะจ๊ะ ถือซะว่าหลบฝนสักพักละกัน”

                ผมยิ้มเหนื่อยๆให้คุณยาย มองออกไปที่หน้าต่างผมยังเห็นเงาของพวกปาปารัซซี่อยู่เลย เพราะฉะนั้นนอกจากหลบฝนแล้วผมยังต้องหลบพวกนั้นอีกด้วย . . น่ารำคาญชะมัด

                เสียงฝนสาดเทกระหน่ำไม่หยุดทำให้ผมนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น โทรศัพท์ก็ไม่มีอยู่กับพี่แจซอก ป่านนี้ไม่รู้ว่าทีมงานจะตามหาผมสักแค่ไหน ผมมองดูคุณยายดองกิมจิอยู่ที่ห้องครัว มองลู่หานเดินไปเก็บผ้ามาพับไว้ และเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่เองว่าการที่ผมอยู่นิ่งๆนั้นไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาเลย

                “มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ” ผมเลยเดินเข้าไปหาคุณยาย เพราะถ้าไปหาลู่หาน หมอนั่นก็คงตวาดฉับและก็ให้ผมไปนั่งรอนิ่งๆ

                “โอยยย ไม่มีหรอกจ้า นู่น ไปนั่งเซ็นลายเซ็นตรงนู้นดีกว่านะ ยายขอสักห้าแผ่น ยายจะเอาไปแจกยายซุนคนข้างบ้าน ><

                “แต่ว่า ..

                “หรืออยากจะดองกิมจิล่ะ”

                “ผม . . ทำไม่เป็น”

                “ฮ่าๆๆ งั้นดูยายอยู่อย่างนั้นแหละลูก ยายทำไม่เยอะเพราะบ้านนี้ไม่ค่อยชอบกิมจิกันสักเท่าไหร่น่ะ เหมือนจะชอบติ่มซำกันมากกว่า” . .เกือบลืมไปเลยว่าลู่หานน่ะคนจีนแท้ๆ

                “แล้วพ่อกับแม่ของลู่หานล่ะครับ” ผมตัดสินใจนั่งลงข้างๆคุณยายเพื่อชวนยายคุย มองไปที่ข้างหลังเห็นลู่หานยังคงทำงานบ้านอยู่ไกลๆ มาถามซอกแซกคงไม่โดนด่ามั้ง

                “พ่อกับแม่ของเขาน่ะเหรอ ทำงานอยู่ที่จีนนู่นแน่ะ”

                อ้าว . . แล้วลู่หานย้ายกลับมาที่นี่ทำไมล่ะ ? “แล้วทำไมเขาถึง . .

                “เรื่องที่ย้ายกลับไปกลับมาใช่มั้ย ยายก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่” คุณยายลงมือพลิกผักดองไปมา “เพราะสุขภาพของยายกระมัง ยายรักษากับหมอที่นี่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรและอีกอย่างหนึ่ง . .

                “อะไรเหรอครับ”

                “เหมือนเขาจะตามหาคนน่ะ”

                “ตามหาคน???”

                “โอเซฮุน นายอย่าไปกวนยายของฉัน” ลู่หานเดินเข้ามาโวยวายทันที “มานั่งนิ่งๆอยู่หน้าทีวีซะ”

                “แต่ฉัน ..” ผมอยากที่จะถามคุณยายต่อ

                “มาเลย”

                ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้รูปแบบไหนเชื่อเถอะว่ายังไงผมก็แพ้ลู่หาน ผมเดินคอตกไปนั่งหน้าทีวีโดยมีคุณยายยิ้มขำอยู่ด้านหลัง ลู่หานหายไปทำงานบ้านต่อ ส่วนผมก็มีเพียงแต่เสียงฝนเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน

                นายตามหาใครอยู่เหรอลู่หาน ???

              รู้สึกตัวอีกทีผมก็โดนสะกิดให้ตื่น สงสัยผมจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย คุณยายเลยบอกให้ผมไปนอนในห้องของลู่หานดีกว่า ทั้งหลับสบายและก็อุ่น ผมขยี้ตา ฝนยังคงตกหนักอยู่ภายนอกท่าทางงานของผมวันนี้จะล่มไม่เป็นท่าซะแล้วล่ะมั้ง

                ผมเลยเดินไปที่ห้องของลู่หาน คุณยายปูที่นอนให้เสร็จสรรพนั่นทำให้ผมเกรงใจเอามากๆ

                “จุ๊ๆ” คุณยายส่งเสียง “อย่าให้เขารู้ว่ายายพาเธอมานอนที่นี่เชียว เจ้าเด็กนั่นหวงของอย่างกับอะไร”

                “หึ ผมพอจะทราบครับ”

                “รีบหลับนะ ก่อนที่เขาจะรู้ตัว”

                “ได้ครับ” ผมง่วงเกินกว่าที่จะพูดอะไรมาก ตอนตื่นขึ้นมาค่อยสำรวจห้องของลู่หานอีกทีก็แล้วกัน ตอนนี้ขอนอนก่อน

     


     

     

                ผมคงหลับไปนานมากๆใช่มั้ย . .

                “โอเซฮุน นายอย่ามาหลับในที่นอนของฉัน!” ลู่หานเข้ามาเขย่าตัวผม นั่นทำให้ผมที่กำลังหลับอยู่ดีๆถึงกับตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

                “อือออออ” นอนนิดนอนหน่อยไม่ได้รึไง หวงทำไมฟะกะอีแค่ที่นอนเนี่ย

                “ตื่นเดี๋ยวนี้ พี่แจซอกอยู่ข้างนอก”

                ไม่ตื่นเฟ้ย . . ตื่นแล้วต้องเจอยิงคำถามจนตัวพรุนแน่ หลับดีกว่า . .

                “เซฮุน นี่มันจะหกโมงเย็นเข้าให้แล้วนะ”

                “อืออออ”

                “เซฮุน” ป๊าบ ผมโดนตีเข้าให้ทีหลัง เจ็บเป็นบ้า!

                โวยวายนักใช่มั้ย หวงนักใช่มั้ย . . มานอนด้วยกันเลยมา

                ผมดึงตัวของลู่หานลงมานอนด้วย แน่นอนว่าเขาดิ้นพล่านผมเลยเอาขาเกี่ยวตัวเขาเอาไว้ อย่าได้มาสู้กับโอเซฮุนตอนหิวหรือตอนง่วง

                “นี่นาย!” ถ้าไม่โวยวายก็ไม่ใช่คนสวยของผมแล้ว . .

                “เห็นมั้ย นอนด้วยกันก็ไม่เสียหาย เลิกหวงได้แล้วที่นอนหรือเตียงน่ะ”

                “ไอ้โอเซฮุน!” ท่าทางเขาจะเดือดปุดๆ

                “ชู่ววว หลับกันเถอะ” ผมฉวยโอกาสนี้กอดเขาเอาไว้จากด้านหลัง ใบหน้าของผมซุกอยู่ที่ซอกคอของเขาแบบอัตโนมัติ ที่จริงผมเอาหน้าเข้าไปซุกเองน่ะ (มารยาสุดไรสุด)

                “เซฮุน . .” เสียงของลู่หานเบาลงแต่ก็ยังคงดังอยู่ . .

                “ฉันขอหลับแบบนี้ . . แป๊บนึงนะ” ผมกระซิบบอกเขาที่ข้างหู . . ลู่หานเลยนิ่งไป ที่จริง . . ผมว่าผมเริ่มไม่ง่วงแล้วล่ะ ได้นอนกอดเขาแบบนี้ ได้อยู่ใกล้ๆเขาแบบนี้ . . เขาทำให้ผมสติกระเจิดกระเจิง

                ผมกระชับกอดให้แน่นขึ้น มองใบหน้าด้านข้างของเขาอย่างเผลอไผล ลู่หานยังคงมีดวงตาที่เบิกโพลงและท่าทางเขาจะทำอะไรไม่ถูกเลยนิ่งอยู่อย่างนั้น . .

     

     

                นายสัมผัสได้ใช่มั้ย . .

     

     

     

     

              หัวใจของฉัน . . มันเต้นแรงและก็เต้นดังมากขนาดไหน . .

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     










    chiffon_cake say hi : กว่าจะครบร้อย T_T
    อย่าแปลกใจนะคะที่ฟิคนี้ไม่มีอะไรเลยจริงๆ มีแต่ความเขินสนองตัณหาของตัวเองล้วนๆ
    พอดีเป็นคนที่อวยเมนน่ะค่ะ 555555555555555555555
    คนอ่านน่ารักกันมากๆเลย ทั้งอ่าน ทั้งเม้น ทั้งเฟพ และก็ติดแท็คน่ารักที่สุด T_T
    บางคนที่ไม่มีแอคเคาท์ของเด็กดีแต่ก็ยังเข้ามาอ่านและก็เม้นคือเป็นอะไรที่ดีมากเลยนะคะ
    แสดงว่าเข้ามาดูบ่อยใช่มั้ยว่าอัพรึยัง TT ไรท์ซึ้งค่อดดดดดดดด
    ต่อไปจะชี้แจงข่าวร้ายนะ . . อ้าวๆตกใจกันล่ะสิ 555555
    ไม่มีอะไรค่ะ แค่ไรท์อาจจะฝากรีทวิตในบ้านแฟนเบสลดลง 
    เพราะเกรงใจชาวบ้านแบบสุดๆค่ะ ช่วงนี้อัพบ่อยแทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้
    เลยอยากรบกวนให้คนอ่านที่น่ารักส่องแทค ส่องหน้าฟิค ส่องทวิตคนเขียนหน่อยนะ
    ด้วยความเลิฟแบบฝุดๆ ตอนหน้าจะมาเร็วเหมือนเดิมนะ เม้นกันหน่อย โหวตกันหน่อย
    แทคกันหน่อย #ผู้จัดการของผม เลิฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟยูวววววววววววววว <3

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×