คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER SIX
[ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER SIX
ลู่หานมาเป็นผู้จัดการของผมได้สามวันแล้ว . .
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมันช่างดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะเก้ๆกังๆและก็ทำอะไรไม่ค่อยจะถูก แต่เขาเป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็ว และก็เฉลียวฉลาดเอามากๆ แทบจะเรียกได้ว่าตอนนี้พี่แจซอกนั้นกลายเป็นแค่คนขับรถของผม และผมก็มีลู่หานเป็นผู้จัดการของผมคนเดียว ดูเหมือนพี่แจซอกจะชอบ เพราะงานเขาเบาลง และมีเวลาไปจีบทีมงานสาวคนอื่นมากขึ้นตามประสาหนุ่มโสดวัยสามสิบกว่า
วันนี้ก็เช่นกันในเวลาตีห้ากว่าๆ ลู่หานทำหน้าที่ได้ดีเช่นเคย เขาเข้ามาปลุกผมพร้อมขู่ว่าจะสาดน้ำใส่ถ้าผมไม่ตื่น(หลังๆปลุกแบบนี้แทบจะทุกครั้ง) จนบางครั้งผมอยากจะหยุดปากเล็กๆนั่นด้วยกันดึงเขาลงมาบนเตียงและก็สวมกอดซะเลย . . แน่นอนว่าผมทำไม่ได้ ได้แต่คิดในใจเท่านั้นไม่อย่างนั้นล่ะก็นอกจากจะโดนผู้จัดการเกลียดแล้ว ผมยังต้องโดนเขาถีบผมอีกต่างหาก . .
แม้ว่าลู่หานจะทำหน้าที่ของเขาได้ดีขึ้น แต่เรื่องพิชิตหัวใจลู่หานของผมยังไม่ถึงไหน หนึ่งคือมีแต่เรียนและก็ทำงาน สองคือลู่หานก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องทำงานเกินไปจนผมไม่กล้ากวน ถึงอย่างนั้นก็เถอะอย่างน้อยเขาก็อยู่ข้างๆผมอยู่ใกล้ๆผมตลอด สักวันหนึ่งผมอาจจะมีโอกาส . .
“วันนี้ถ่ายรายการลุยป่าน่ะ” ลู่หานเกาหัวงงๆ ขณะที่เดินตามผมออกมาจากอพาร์ทเมนต์ในเวลาเช้ามืด “นายต้องไปทำภารกิจลุยป่านิดหน่อย พี่แจซอกส่งชุดลุยป่าของนายมาไว้ให้แล้ว ฉันเอาไปแขวนไว้บนรถ”
“อืม” ผมรับคำ ที่จริงผมยังไม่ตื่นเท่าไหร่เลย
“ตั้งใจล่ะ”
“อืม”
สติผมไม่ค่อยมีเพราะผมยังไม่ได้กินข้าวและผมก็นอนไม่พออีกด้วย เมื่อคืนกว่าจะถ่ายแบบเสร็จก็ตีสอง เรียกได้ว่าสายตัวแทบขาด
ผมขึ้นไปบนรถที่มีพี่แจซอกนั่งอยู่ก่อนแล้ว ท่าทางของเขาจะสบายเอามากๆเพราะงานของเขาเบาลง เขาผิวปากสบายใจ ในขณะที่ผมเดินโซซัดโซเซขึ้นไปบนรถ โดยมีลู่หานตามขึ้นมา . . ที่ข้างๆผมกลายเป็นที่ประจำของเขาไปซะแล้ว
ผมสะบัดหัวมึนๆ ตอนที่รถตู้ของผมเคลื่อนตัวออกไปยังสถานที่ทำงานในวันนี้ พี่แจซอกยังคงเปิดเพลงเกิร์ลกรุ๊ปที่น่ารักและสดใส แต่ไม่ได้ช่วยให้ผมตื่นขึ้นมาได้เลยสักนิด
“ถ้านายง่วง นายก็นอนสิ” ลู่หานหันมาพูดกับผม
ผมหันไปมองเขา แต่สายตาของผมดันไปเจอะเข้ากับของบางอย่างในกระเป๋าของเขาซะก่อน ผมเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าของเขาโดยอัตโนมัติ
เพี๊ยะ!
ผมโดนตีมือเสียงดัง ดังจนพี่แจซอกที่ขับรถอยู่หันมามอง
“นิสัยเก่ากำเริบเหรอ อย่ามายุ่งกับของของคนอื่นดิ” ลู่หานเอ็ดผม . .ลืมไปว่าเขาน่ะเป็นคนหวงของขั้นเทพชนิดที่ว่าห้ามแตะอะไรของเขาสักชิ้นโดยเด็ดขาดถ้าไม่อยากตาย ผมกลืนน้ำลาย ไม่ได้ตั้งใจจะไปยุ่งกับของๆเขา แต่ที่ผมเห็นแว้บๆในกระเป๋านั่น . . มันเหมือนของๆผมมากกว่า
“นายขโมยของฉันเหรอ” ผมถามเสียงเย็น ไม่ได้ตั้งใจให้มันดูซีเรียส แต่เพราะผมเป็นคนชอบแสดงออกแบบนี้มากกว่า
“ฉันเปล่า”
“เหมือนฉันเห็นหุ่นยนต์กันดั้มของฉันในกระเป๋าของนายเลย ตัวที่นายทำพัง” ผมจำหุ่นของผมทุกตัวได้แม่นซะยิ่งกว่าท่องสูตรคูณอีกนะ
“ฉัน . .”
“บอกมาเถอะน่าว่านายขโมย” ผมกะจะพูดให้มันฟังดูเล่นๆ แต่นั่นมันทำให้ลู่หานโกรธมาก
“ฉันเปล่า!!!!” เขาตวาดเสียงลั่น . . โอเค ผมคงเป็นคนที่แสดงออกได้ตายด้านมากเกินไป
“นายจะจิ๊กของฉันไปทำอะไรน่ะ”
ลู่หานพูดไม่ออกบอกไม่ถูก . . จนในที่สุดเขาก็พูดออกมา “ฉันพยายามซ่อมมันน่ะ” เสียงของเขาอ่อยลง
ซ่อมทำไมหว่า มันไม่ได้พัง . . “ไม่ต้อง ไม่เป็นไร”
“ฉันรู้สึกผิดนะ นี่ฉันพยายามซ่อมอยู่ ทำไมมันต่อยากจังเลยล่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเองน่า”
“มันเป็นความผิดของฉัน และที่สำคัญ . . ของพวกนี้นายก็รักมันมาก”
“…”
“ฉันทำพังฉันก็ต้องเป็นคนซ่อม” ลู่หานสรุปในที่สุด เขาคิดว่าผมจะติดใจเอาความงั้นหรือ ไอ้รุ่นที่เขาทำพังน่ะมันไม่ใช่ลิมิเต็ดอิดิชั่นสักหน่อย ผมสั่นหน้าเบาๆและก็พ่นลมออกมาทางจมูกอย่างเอ็นดูในความคิดของลู่หาน เขาคงเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นมากพอดู เพราะถ้าไม่อย่างนั้น .. ลู่หานก็คงทำหน้าที่ผู้จัดการผมไม่ดีขนาดนี้หรอก ผมคิดอย่างสุขใจ ขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างที่กลายเป็นชานเมืองของเมืองโซล วันนี้ดูเหมือนจะถ่ายรายการไกลหน่อย . . เห้อ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว . .
ผมมองไปที่ลู่หาน ตอนนี้เขากำลังใส่ใจตารางงานของผม เห็นจ้องเอาจ้องเอาแบบนั้นมานานหลายนาทีแล้ว ไม่รู้ว่ามันน่าสนใจตรงไหน
“มีอะไรเหรอ”
“สิ้นเดือนหน้า . . ทำไมตารางนายว่างขนาดนี้” ลู่หานพูดขึ้นอย่างสงสัย “พี่แจซอกครับ โอเซฮุนกลายเป็นดาวดับไปแล้วเหรอครับ” เขาถามหน้าซื่อ เห้ยยยยยยยยยยยยย ไม่ขำเลยนะคนสวย ช่างเป็นคำพูดที่โคตรจะไม่ขำ!
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมไม่ขำแต่พี่แจซอกขำลั่น “ไม่รู้สิ ต้นสังกัดโอเซฮุนเขาเคลียร์งานเดือนหน้าเอง ท่าทางจะมีโปรเจคใหญ่”
ผมกลอกตา . . โปรเจคใหญ่ที่ว่าเป็นอะไรที่สัปดนสุดๆ เพราะมันต้องเหนื่อยและทุ่มเทให้ชนิดที่ว่าได้นอนเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงในแต่ละวัน
“โปรเจคใหญ่?”
“ซีรีย์เรื่องใหม่ อะไรทำนองนั้นน่ะ”
“โห O_O” ลู่หานตื่นตาตื่นใจ . . ผมกระแอม โอเค . . โปรเจคใหญ่นี้มันเริ่มดูน่าสนใจขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว “แล้วคราวนี้โอเซฮุนจะได้รับบทอะไรล่ะครับ”
“นายคิดว่าไงล่ะ”
“ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นซีรีย์ประมาณไหน”
“ก็ . . ทำนองรักวัยรุ่นในโรงเรียน เอาใจหนุ่มสาววัยมัธยมแบบพวกนายแหละ”
“รักวัยรุ่น” ลู่หานทวนคำ “ถ้าอย่างนั้น . . โอเซฮุนต้องได้รับบทเป็นตัวร้ายแน่ๆ”
ผมอ้าปากค้าง ทำท่าจะเถียงสวนขึ้นไป . . ตั้งแต่เด็กทำงานมาจนถึงป่านนี้ผมไม่เคยได้รับบทร้ายเลยนะ!!!!!!!!
“ฮ่าๆๆๆ” พี่แจซอกเอาแต่ขำลูกเดียว ส่วนผมหน้าบูดเป็นตูดลิงเรียบร้อยแล้ว
“เล่นตัวร้ายก็ดีออก น่าสนใจกว่าพระเอกเยอะ แสดงก็ต้องแสดงหนักกว่า และก็ต้องรับกระแสคนต่อต้านให้ได้มากกว่า . . เท่ดี” เหมือนคนสวยเขาจะไม่ได้พูดกับผมเลยสักนิด เขาพูดกับตัวเองมากกว่า
อืม . .งั้นผมจะพิจารณาบทตัวร้ายดูก็ได้ . . (เขาว่าอะไรก็จะว่าตามเขาหมด เซเอ๋ย เซฮุน - -“)
การเดินทางไปทำงานในวันนี้ช่างยาวนานนัก ยาวนานซะจนผมหลับไปหนึ่งตื่น และก็พบว่าลู่หานกำลังหลับอยู่เช่นกัน ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเกือบจะเก้าโมงแล้ว ยังไม่ถึงสถานที่ถ่ายทำเลย
หลังจากที่ผมแอบเอาเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองไปห่มให้ลู่หานแล้ว ผมก็เขยิบเข้าไปกระซิบถามพี่แจซอกเบาๆ “อีกนานมั้ยเนี่ย” กลัวลู่หานจะตื่นน่ะ . .
“ใกล้แล้วล่ะ ฉันว่าอีกประมาณสิบห้านาที”
“ต้องถ่ายถึงกี่โมง”
“เย็นๆ”
“และเย็นนี้มีงานอะไรอีกรึเปล่า”
“ลู่หานไม่ได้บอกนายเหรอ”
“พี่แจซอก อย่าโยนงานให้ลู่หานหมดดิ”
“โอเคๆ” พี่แจซอกทำท่านึก “ฉันก็ไม่แน่ใจ . . ดูเหมือนวันนี้นายต้องเข้าไปบริษัท”
“ไปเจอเจ๊ใหญ่เหรอ”
“อย่าเรียกท่านรองประธานแบบนั้นสิ!” พี่แจซอกเอ็ด . .
“ก็นิสัยเหมือนเจ๊ใหญ่จริงๆนี่” ผมอดบ่นไม่ได้
ในที่สุดผมก็มาถึงสถานที่ถ่ายทำรายการในวันนี้แล้ว พี่แจซอกขับรถนานเลยลงไปยืดเส้นยืดสาย . . ผมก็ตั้งท่าจะลงจากรถไปเหมือนกัน เห็นลู่หานกำลังหลับผมเลยต้องนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น . . ผมกำลังมองสำรวจใบหน้าของเขาอย่างเผลอไผล เขาเป็นเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มและขนตาเป็นแพยาว ตอนหลับยังสวยราวกับนางฟ้า และตอนตื่นจะสวยขนาดไหนนะ ผมจ้องหน้าลู่หานนานมากจนเขาตื่นขึ้นมา
เขาตกใจเมื่อเห็นผมนั่งจ้องเขาอยู่ “ทำไมนายไม่ปลุกฉันล่ะ” แม้จะทำหน้าหงิกแต่ก็ยังน่ารักมากอยู่ดี
“ก็เห็นกำลังหลับสบาย”
“รีบไปได้แล้ว” เขาดันหลังผมให้ลงจากรถ
ทันทีที่ก้าวลงจากรถ . . ความหนาวเย็นก็แผ่ซ่านเข้ามาถึงตัวผมที่มีแต่เสื้อยืดจนสั่นขึ้นมากะทันหัน
“ทำไมที่นี่หนาวแบบนี้” ผมบ่นอุบ ลู่หานวิ่งไปเอาเสื้อแจ๊คเกตมาให้ผมอย่างรู้งาน ตัวเดียวกับที่ผมเอาไปห่มมาให้เขานั่นแหละ “ขอบใจนะ แล้วของนายล่ะ” ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวของเขามาด้วย
“ฉันลืมหยิบมา” ลู่หานตัวสั่นเหมือนกัน
ผมถอนหายใจ เดินกลับขึ้นไปบนรถ หยิบเสื้อหนึ่งในร้อยตัวของตัวเองบนรถลงมา เอาตัวที่หนาและเล็กพอที่ลู่หานจะใส่ได้ ผมเอามาสวมให้เขาทางด้านหลังแบบที่เขาไม่รู้ตัว
“เห้ย” เขาตกใจ
“ฉันไม่ใช่คนหวงของ” ผมพูดแบบยิ้มเล็กๆ เล็กมากจริงๆ . .
ลู่หานทำหน้าหงิก . . คงคิดว่าผมกำลังกัดเขาอยู่กระมัง
“โอเซฮุน . . มาช้านะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น . . ผมหันไปหาคนที่ทักผมมาเมื่อตะกี้ตอนแรกคิดว่าเป็นทีมงาน แต่ที่ไหนได้ . .
คู่แข่งตลอดกาลของผมนี่เอง
แน่นอนว่าการทำงานทุกอย่างในชีวิตมันจะต้องไม่ราบรื่น ยิ่งอยู่ในวงการแบบนี้แล้วยิ่งมีคู่แข่งมากมายที่จะต้องเอาชนะและก็แย่งชิงผลงาน แม้ว่าผมจะเกลียดชังสิ่งนี้มากมายขนาดไหนแต่บางทีมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงผมจะชนะหมอนี่มาตลอดก็ตามที แต่เป็นอะไรที่ผมโคตรจะไม่ชอบขี้หน้า
อีวอน . . กับผู้จัดการที่หล่อราวกับเป็นดารานักแสดงเหมือนกัน
ผมเรียกสองคนนี้ว่าคู่หูดูโอ้ป่วนวงการ
“พาใครมาด้วยน่ะ น่ารักว่ะ” อีวอนพูดแล้วยิ้ม . . มันหล่อก็จริง แต่มันกวนประสาทเอามากๆ
“อย่ามายุ่ง” ผมรีบคว้าตัวลู่หานไปหลบหลังผมทันที
“เห้ย หวงชิบ แฟนนายเหรอ” มันถามเชิงกระเซ้าเย้าแหย่ . .
อยากจะตอบว่าใช่เอามากๆ . .แต่เกรงใจลู่หาน “ผู้จัดการของฉัน”
“เห้ยยยยยยยยยย ไปเอามาจากไหนวะ ฉันอยากได้มั่ง น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลย” อีวอนพยายามที่จะเข้ามาใกล้ลู่หาน ผมนี่แทบจะเอาเท้ายันมันให้ตกลงไปในคลองแถวนี้
“ไปไกลๆ” ผมไล่
“ชื่ออะไรน่ะ” อีวอนถามลู่หาน
“ไม่ต้องไปตอบ” ผมพูดเสียงแข็ง
“ไม่เป็นไร ฉันสืบเอง”
มันยิ้มมุมปาก และมันก็เดินจากไปพร้อมๆกับหยอกล้อกันกับผู้จัดการของมันไปด้วย เห็นอีวอนหันกลับมาหาลู่หานตั้งหลายครั้งหลายครา ผมอยากจะโยนรองเท้าไปใส่ลูกกะตาโตๆของมันจริงๆ
“ใครเหรอ” ลู่หานถาม
“สนใจมันเหรอ” ให้ตายสิ . . นี่ขนาดเขายังไม่ได้เป็นแฟนผมนะ ผมยังขี้หวงระดับเก้าสิบเจ็ด . . (สูงสุดระดับเก้าสิบเก้าน่ะ)
“ฮะ?” แน่นอนว่าลู่หานต้องงงเหมือนเดิม
“อย่าพูดกับมัน อย่าไปสนใจมัน อย่าไปบอกชื่อมัน เข้าใจนะ” ผมพูดเสียงแข็งราวกับบังคับลู่หาน
ลู่หานกระพริบตาปริบๆ . .เขาเหมือนลูกแมวขี้สงสัยเชื่องๆตัวหนึ่ง . . สาธุเถอะ ให้เชื่องจริงอย่างที่ผมเปรียบเถอะนะ ภาวนาให้เขาทำตามที่ผมพูดทีเถอะ . .
“อื้อ ตกลง”
หึ . . อีวอนเอ๋ย มรึงหล่อแค่ไหนยังไงกรูก็วิน . .
กลายเป็นว่าวันนี้ผมต้องทำงานกับอีวอน
เซ็งอย่างหาที่สุดไม่ได้ รายการนี้เป็นรายการเชิงวิทยาศาสตร์น่ะครับที่ต้องแข่งกันสำรวจหาพืชที่เขากำหนด ผมต้องแข่งกับอีวอนซึ่งอารมณ์ก็ได้อินเนอร์ก็ให้เพราะแข่งกันมาตลอดตั้งแต่เป็นเด็กฝึกที่ค่ายแล้ว วันนี้ไอ้อีวอนดูเหมือนจะไม่เหมือนแต่ก่อน มันเอาแต่คุยกับผู้จัดการคู่หูดูโอ้ของมันอย่างลับๆ และเท่าที่ผมสังเกตต้นเหตุที่มันทำแบบนี้ก็คงจะเป็นเพราะผู้จัดการของผมนั่นแหละ
นี่ผมไม่ได้คิดไปเองนะ . . ไอ้บ้านั่นตั้งใจจะยุ่งกับผู้จัดการของผมจริงๆ
สงสัยไม่เคยโดนถีบ . .
“ต่อไปเราจะไปถ่ายบนเขานู่นนะคะ คุณโอเซฮุนกับคุณอีวอนเหนื่อยหน่อยนะคะ” ทีมงานผู้หญิงเข้ามาคุยด้วยหลังจากที่ถ่ายฉากเริ่มรายการตรงตีนเขาเรียบร้อยแล้ว
ผมพยักหน้า รับน้ำเปล่ามาจากมือของลู่หาน . .อย่าถามถึงพี่แจซอกเลยนะครับ ตอนนี้เขาคงกำลังนอนฟังเพลงเกิร์ลกรุ๊ปอยู่บนรถตู่นั่นแหละ
“แบกอะไรมามั่ง” ผมมองเป้ที่อยู่บนหลังของเขา ไม่ใช่ใบของเขาที่เขาหวงเข้าไส้
“ของๆนาย”
“ของๆฉัน?”
“ก็พวกน้ำเปล่า เครื่องสำอาง โทรศัพท์ กระเป๋าตังค์ ไอพอด . . ไอแพด” ลู่หานร่ายยาวมา ดูเหมือนจะมีสิ่งที่จำเป็นไว้สำหรับเดินลุยป่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นก็คือน้ำเปล่า ว่าแต่ทำไมลู่หานดูเหนื่อยๆนักล่ะ ทั้งที่เพิ่งขึ้นมาจากตีนเขาได้ไม่ถึงสามสิบเมตรเลย เขาหน้าซีดเป็นไก่ต้มแถมเหงื่อก็ยังออกนิดๆอีกด้วย
“เป็นไรไป . .”
“โอเซฮุน . . นายควรจะใส่ใจผู้จัดการนายให้มากกว่านี้นะ” อีวอนพูดยิ้มๆโชว์ฟันขาว จากที่ผมทำหน้าตาอ่อนโยนใส่ลู่หานผมก็เปลี่ยนเป็นหน้าเหม็นบูดทันทีเมื่อได้ยินเสียงอีวอน
“อะไร” ถามอย่างไม่สบอารมณ์
“เขาเป็นคนกลัวความสูง”
ว่าไงนะ . .ผมมองหน้าผู้จัดการของผมราวกับต้องการให้เขาตอบว่าจริงหรือเปล่า
“เรื่องแค่นี้ทำไมนายถึงไม่รู้ล่ะ” อีวอนยังคงกวนประสาทผมไม่เลิก มันกับดูโอ้ของมันเดินผ่านผมขึ้นไป ส่วนผมกำลังก้มหน้าก้มตาดูอาการของลู่หานที่หน้าซีดปากสั่นอย่างน่าเป็นห่วง ไอ้เขาลูกนี้มันก็ไม่ได้สูงและก็ชันอะไรมากนักหรอก แต่คนที่กลัวความสูงอย่างลู่หานคงจะคิดว่าเขานี้เป็นยิ่งใหญ่ราวกับเทือกเขาหิมาลัยเลยทีเดียว
“นายไปเรียกพี่แจซอกมาดูแลฉันดีกว่า ไปรอข้างล่างเถอะ” ผมพูด อยากจะเอื้อมมือไปจับมือเขาเอาไว้ไม่ให้เขากลัว แต่ผมก็ไม่กล้า . . (ป๊อดตลอดศก)
“ฉัน . . ไม่เป็นไร” ลู่หานเป็นเหมือนตอนที่ผมข้ามถนนไม่มีผิด เขาหลับตาปี๋พยายามเดินขึ้นเขาอย่างน่าสงสาร ผมกลืนน้ำลาย จะเป็นห่วงก็เป็นห่วงอยากพาเดินลงไปและหนีออกไปจากป่าซะเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทำไม่ได้
“แน่นะ” ถ้าเขาลืมตาขึ้นมาตอนนี้ . . เขาอาจจะตกใจกับสายตาของผมก็ได้ เพราะมันไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผมมองเขา
“อื้อ”
“ทำไมต้องเดินหลับตาด้วย”
“นายก็เดินหลับตาเหมือนกันตอนข้ามถนน” นั่นไง .. แม้จะสั่นแต่ปากเขาก็ใช้การได้ดีอยู่
“เดี๋ยวก็สะดุดล้มกลิ้งลงไปตีนเขาเหมือนเดิมทำไง” ถึงแม้ว่าเสียงผมจะเย็นชาอยู่มาก แต่มันก็ไม่สามารถปิดความรู้สึกห่วงใยที่ผมมีต่อเขาได้ อยากจะถามเหลือเกินว่าจับมือฉันดีมั้ย . . แต่เนื่องจากการที่ผมเป็นคนเย็นชา บวกกับถามไปเขาก็คงปฏิเสธมิหนำซ้ำยังโดนด่าสวนกลับมาอีก เพราะฉะนั้น . .
เผด็จการแมร่ง. . ผมจับมือเขาเลย
“เห้ย โอเซฮุน” ถ้าไม่โวยวายก็ไม่ใช่ลู่หาน “ฉันเดินได้”
“แบบนี้นายจะได้เดินแบบสบายใจไง”
“แต่นี่มัน . .”
“ฉันไม่อยากให้ผู้จัดการของฉันเดินเตะก้อนหิน ไม่ก็กลิ้งหลุนๆลงไปที่ตีนเขา อย่าพูดมาก ถ้านายช้า ฉันก็จะช้า และงานก็จะช้า” แถไปไกลมากจากปลายผมจนถึงตาตุ่ม . .
ลู่หานไม่ตอบอะไร เขาหลับตาปี๋ลงเหมือนเดิม และดูเหมือนว่าเขาจะยอมให้ผมจับมือด้วย
โอเซฮุนได้กำไรแล้วสินะ . . คิกคิก ผมจูงมือเขาให้ขึ้นไปบนเขา ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นและก็อับชื้นยังไงชอบกล เหมือนฝนเพิ่งจะตกไปช่างไม่โรแมนติกเอาเสียเลย แต่ถ้ามีลู่หานและผมได้จับมือเขาไปแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ตรงไหนผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ
ถ้าไม่มี . . มารผจญ
“แค่ผู้จัดการ . .จริงๆน่ะเหรอ” อีวอนถามน้ำเสียงเย้าแหย่
ผมไม่ตอบอะไรมัน . . ให้มันคิดว่าเป็นอย่างอื่นมากกว่าผู้จัดการน่ะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมายุ่ง
“นี่ถ้าหวงขนาดนั้นทำไมนายไม่จับล่ามโซ่ไว้ที่ห้องเลยล่ะ โอเซฮุน”
“พูดจาอะไรให้เกียรติคนอื่นบ้าง” ผมสวนอย่างเรียบๆ
อีวอนเอาแต่ยิ้ม ส่วนลู่หานนั้นจิตใจคงลอยไปอยู่ที่อื่นแล้ว เขาคงกลัวความสูงมากจริงๆ เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะลืมตาขึ้นมาเลย . .
ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะดูแลเขาเอง
กว่าจะถึงจุดถ่ายที่สองก็เล่นเอาหอบ ลู่หานน่าเป็นห่วงมาก ผมต้องปล่อยมือเขาตอนที่ผมพาเขาไปนั่งรอในเต๊นท์สำหรับทีมงาน บอกตามตรงผมโคตรเป็นห่วง ไม่มีแก่จิตแก่ใจทำงานเอาซะเลย
ทีมงานส่งสคริปต์มาให้ผม ในขณะที่ผมพยายามที่จะยืนอยู่ใกล้ๆลู่หานไม่ห่าง แม้ว่าตาผมจะมองสคริปต์แต่เชื่อเถอะผมกับสคริปต์กับเขาสลับกันไปมา ไม่มีทางที่ผมจะจำสคริปต์พวกนี้ได้แน่นอน
“ต้องกินยาอะไรมั้ย” ผมถามลู่หาน ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนคนหมดเรี่ยวแรงและเพิ่งผ่านการเป็นลมมาไม่นาน
“ไม่ต้อง ฉันก็แค่ . .” เขาเหลือบมองไปข้างๆอย่างหวาดๆ “ไม่มองลงไปที่ข้างล่างนั่น”
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นลู่หานหวาดกลัวสิ่งใดสิ่งหนึ่งขนาดนี้ . . ผมถอนหายใจ ห่วงก็ห่วงแต่ก็มีงานที่ต้องทำ “รอฉันอยู่ตรงนี้นะ”
ลู่หานดูงงๆกับคำพูดของผม “ฮะ?”
“เดี๋ยวจะรีบถ่ายและก็รีบกลับมา”
ผมมองหน้าเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองผม สักพักเขาก็พยักหน้า . .
นี่ไม่รู้ตัวเลยหรือไงนะว่าผมน่ะหยอด . .
“อาลัยอาวรณ์กันเข้าไป ห่างกันแค่ไม่กี่นาทีเอง” ปากแบบนี้มีอีวอนคนเดียว มันกำลังยืนอยู่ท่ามกลางพิธีกร ทุกคนเตรียมตัวพร้อมถ่าย ว่าแต่สคริปต์เมื่อกี้ผมต้องพูดอะไรบ้างนะ?
“หุบปาก”
“ฉันนึกว่าสเปกของนาย จะเป็นเกิร์ลกรุ๊ปสักวง ไม่ก็นางแบบสักคนมากกว่า ไม่คิดว่าจะ ..” อีวอนมองไปที่ลู่หานอย่างมีความหมาย “แต่ก็นะ ถ้าฉันเห็นก่อน ฉันก็คง . .รีบคว้าไว้ก่อนที่หมาตัวอื่นมันจะมางาบไป”
ปากของมันนี่ช่าง . . ผมกัดฟันกรอดเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้กำกับสั่งให้เริ่มถ่ายทำรายการ ผมทำหน้าสดใสขึ้นมาทันทีราวกับสั่งได้ทั้งๆที่เมื่อกี้จะกินหัวคนอยู่หยกๆ นี่แหละครับวงการมายา หัวอีวอนไว้ค่อยไปกินทีหลังก็ได้ . .
รายการนี้ช่างเหมาะกับเด็กที่ชอบเรียนสายวิทย์อย่างผม ผมต้องแข่งกับอีวอนตามล่าหาต้นไม้แยกตามไฟลัมและดิวิชั่น ซึ่งไอ้ป่าแบบนี้มันหาง่าย . . มันมีเยอะชนิดที่ว่าเต็มจนล้น ผมพยายามเอาชนะอีวอนตามสิ่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาก็คือต้องจริงจังกับทุกการแข่งขันในรายการ ผ่านไปนานๆเข้าผมก็เริ่มรู้สึกว่าไอ้ป่าที่เป็นจุดวางเต๊นท์ของทีมงานเริ่มห่างไกลไปทุกที
แต่ผมคิดว่าผมไม่น่าจะหลง เพราะผมมีกล้องตามมา พร้อมทีมงานตามมาด้วยอีกสองสามคน . .
ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ฟ้าร้องเสียงดัง จนผมสะดุ้ง . .ช็อตนั่นเข้ากล้องเต็มๆ โคตรน่าอาย
“เหมือนฝนจะตก” ผมพูดกับกล้อง “ต้องถ่ายต่อมั้ยอ่ะ” ด้วยความซื่อจริงๆผมพูดออกไปหมดเลย รอคำตอบจากทีมงานที่วอไปถามกัน ขณะที่พี่ตากล้องก็ถ่ายผมอยู่นั่นแหละ อะไรจะขยันปานนั้น
ซ่า . .
ตกจนได้ . . ผมรีบสวมฮู้ดเข้าไปทันทีอากาศทั้งหนาวเย็นและก็ฝนตกหนักแบบนี้เอาสุขภาพตัวเองไว้ก่อน . .
“คุณโอเซฮุน เข้ามาหลบใต้ต้นไม้นี้ก่อน” ทีมงานเรียกผมให้ไปหลบที่ต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีใบเบ้อเริ่ม พอที่จะให้หลบฝนได้ “อา ทำไมจู่ๆถึงตกลงมาได้ T_T”
เวลานี้จะหมดต้นทุนไปเท่าไหร่ก็เรื่องของทีมงานแล้ว ผมอยากไปหาลู่หานสุดหัวใจ . .
“เราอยู่ส่วนไหนของป่าครับ”
“เอ่อ ไม่ไกลจากจุดที่ตั้งเต๊นเท่าไหร่ค่ะ”
“รอฝนหยุดก่อนแล้วค่อยกลับไปก็ได้นะครับ” ทีมงานอีกคนพูดเสริม สักพักหนึ่งก็มีคนวิ่งมากันเป็นพรวน ดูจากสีเสื้อแล้วน่าจะเป็นอีวอน อะไรกัน . . “พวกนาย!ทำอะไรกันน่ะ!” ทีมงานก็สงสัยเหมือนกันเลยตะโกนถามพวกนั้น
“ผู้กำกับบอกให้ถ่ายต่อ” ทีมงานฝั่งอีวอนตะโกนตอบกลับมา ตอนนี้อีวอนกำลังไล่ตามเก็บพืชตามโจทย์ที่เขาได้รับอย่างไม่กลัวฟ้าหรือฝน ผมกำหมัดแน่นตอนที่มันยักคิ้วท้าทายใส่ก่อนที่มันจะวิ่งไปอีกทาง
ผมเลยต้องกระซิบบอกพี่ตากล้อง “เปิดกล้องต่อเลยครับ”
วันนี้เลยต้องตากฝนถ่าย . .
หลังจากนั้นผมก็ใช้เวลาอยู่นานในการตามหาต้นไม้ในโจทย์ ติดอยู่ที่ต้นสุดท้ายที่แหละที่มันหลบอยู่ในมุมของฐานต้นไม้ใหญ่ เรียกได้ว่ากว่าจะเสร็จป่านนี้ไอ้อีวอนมันคงชนะผมไปแล้วมั้ง เห้อ
ตอนนั้นฝนเริ่มหยุดตก แต่ทว่าก็ยังตกอยู่ ผมรีบเดินนำหน้าทีมงานกลับไปยังเต็นท์ทันที ถ้าหากว่าผมชนะผมจะได้เอาไปอวดลู่หานสักหน่อย แต่เมื่อไปถึงทำไมทีมงานทุกคนดูแปลกๆกันก็ไม่รู้
“เกิดอะไรขึ้น” ผมถามทุกคน ทุกคนดูดีใจที่เห็นผมกลับมา ราวกับว่ากำลังรออยู่ยังไงยังงั้น
“พวกเราตามหาคุณแทบแย่ ฝนตกหนักขนาดนี้ต้องพักกองนะครับ” ผู้กำกับดูโล่งใจมาก
“พักกอง?” ผมทวนคำถาม “ก็ไหนไอ้อีวอน เอ๊ย . . พวกอีวอนบอกว่าฝนตกก็ต้องถ่ายไม่ใช่เหรอครับ”
“มันก็จริงครับ แต่หลังจากที่จอมอนิเตอร์เจ๊งบ๊งผมก็เลยต้องบอกให้ยกเลิก แต่วอไปหาไม่ติดเลย” ผู้กำกับหันไปติทีมงาน
“เป็นเพราะผมเองมั้งครับ เป็นเพราะผมเอง” ผมคงทำให้ทีมงานง่วนอยู่กับการถ่ายผมมากเกินไป “งั้นพักกันก่อนใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับ เชิญคุณโอเซฮุนไปนั่งพักตรงนู้นก่อนเลย”
ผมส่งต้นไม้ให้ทีมงานและก็เดินเข้าไปในเต็นท์ พยายามมองหาลู่หานที่น่าจะนั่งอยู่แถวนี้ แต่ไม่มี . . ผมมองซ้ายมองขวาตามหาคนตัวบาง
“ผู้จัดการของผมล่ะ” ผมถามเสียงดังแข่งกับเสียงฝน
“เพราะคุณไม่กลับมาสักที เขาเลยออกไปตามหาคุณน่ะครับ”
“ว่าไงนะ” สติของผมขาดผึงทันที “เขาไปทางไหน ไปคนเดียวรึเปล่า!!!” ทำไมถึงปล่อยให้คนอาการไม่ดีออกไปด้วยนะ ไอ้ทีมงานพวกนี้นี่ . .
“ไปคนเดียวครับ เขาเพิ่งจะออกไปเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วนี่เอง”
“ยี่สิบนาที!” ผมร้อง “ผมกลับมาแล้ว คุณจะบอกผู้จัดการผมยังไงว่าผมกลับมาแล้ว” (ถ้าโอเซฮุนจะวีนแตกขึ้นมาสักหนึ่งครั้งล่ะก็ . . สาเหตุก็คงจะเป็นเพราะผู้จัดการคนใหม่ของเขานี่แหละ . .) “ให้ตายสิ” ผมสบถ เดินดุ่มๆออกไปจากเต็นท์ “เขาไปทางไหน”
ผู้กำกับชี้นิ้วไปที่ฝั่งตรงข้ามจากที่ผมเดิน . . นั่นทำให้ผมรู้สึกอยากจะกลิ้งหลุนๆตกลงไปที่ตีนเขา
ลู่หาน . . ทำไมต้องไปคนเดียวด้วย!
“ผมจะไปตามหาเขา” ผมเดินออกไปทันที โดยไม่สนใจเสียงทักท้วงคนอื่น ทีมงานทุกคนรีบกรูกันเข้ามาห้ามผม
“อย่าไปเลยนะคะ คุณจะทำเราลำบากนะคะ”
“ทำไมเหรอ ผมสำคัญกว่าผู้จัดการของผมงั้นเหรอ” ตอนนี้ผมโกรธจนเหวี่ยง . . อันที่จริงทีมงานน่าจะช่วยๆกันออกไปตามหาผม ไม่ใช่ให้ลู่หานไปคนเดียว มันทุเรศสิ้นดี “สำหรับผม เขาสำคัญมากกว่าชีวิตของผมอีก . .ถอยไป”
“คือที่เราไม่ออกไป เพราะคุณอีวอนก็ออกไปด้วยน่ะค่ะ เราก็เลย . .”
อะไรนะ . . “ไหนว่าลู่หานไปคนเดียวไง!” สาบานได้ผมจะไม่มาออกรายการนี้อีก . . ตอนนี้ผมทั้งตะโกนแข่งกับเสียงฝนทั้งตะโกนใส่ทีมงานจนตัวเธอหงอไปหมดแล้ว
“เขาออกไปทีหลังน่ะค่ะ”
ให้ตาย! นั่นยิ่งต้องรีบออกไปหาอย่างเร็วที่สุด ผมหลบมือของทีมงานทุกคนไปเพื่อที่จะออกไปตามหาลู่หาน ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจนกว่าผมจะเจอลู่หาน หายไปยี่สิบนาที และที่สำคัญไอ้อีวอน(ส้น)มันก็ไปด้วย มันเป็นอะไรที่ผมรับไม่ได้ที่สุด . .
ผมเดินเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะทีมงานตามผมมาเป็นพรวน ฮึ่ย คิดแล้วหมั่นไส้ ผู้จัดการของผมก็สำคัญนะ ทำไมไม่ตามออกมาแบบนี้บ้าง โด่วเอ๊ย!
ผมมองซ้ายมองขวาตามหาลู่หาน มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าและน้ำที่หยดติ๋งๆ ไม่เห็นมีเงาของผู้จัดการผมเลย หรือว่าไอ้อีวอนมันจะวอนส้นผม จับลู่หานเอาไปซ่อนไว้ในถ้ำ และพอตกดึก . . มันก็จะจับลู่หาน . . ปล้ำ ไอ้ชิบหายยยยยยยยยยยยยย แค่คิดผมก็อยากจะถลกหนังหน้ามันออกมากระทืบเล่น อย่านะโว้ย . . ของของใครก็รู้ๆกันอยู่ไม่ใช่เรอะ!!!!
“เซฮุน” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังผม “นายอยู่ที่นี่เอง ฉันตามหาตั้งนาน” ลู่หานนั่นเอง บอกไว้เลย ณ ตรงนี้ว่าผมอยากจะดึงเขาเข้ามาสวมกอดมาก ถ้าไม่ติดอยู่ที่คนที่เดินตามหลังมามันคือไอ้อีวอน มันเดินมาอย่างหน้าระรื่นราวกับว่ามันกำลังมิได้ตามหาคนหายอย่างผมอยู่
มันกำลังแอบเต๊าะลู่หานของผมใช่มั้ย
“นายไม่น่าออกมาตามหาฉันแบบนี้เลย” ผมพูดเสียงไม่สบอารมณ์
“ก็ไม่มีใครติดต่อนายได้นี่”
“ฉันไม่เป็นไร วันหลังนายไม่ต้องออกมาทำอะไรแบบนี้คนเดียวอีกนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกนะโอเซฮุน ‘ลู่หาน’เขามีคนช่วยตามหานายอยู่” อีวอนพูดยิ้มๆ ซึ่งผมไม่เห็นจะยิ้มด้วยเลย . . แอบไปถามชื่อกันมา แนะนำตัวกันมางั้นสิ . . “คนจีนนี่น่ารักดีจัง คุยสนุ๊กสนุก”
ยังตามหาผมไปคุยไปด้วยเหรอ!!!!!!!!!!! นี่ถามจริง ตามหาคนหายหรือไปเดทกันวะ!!!!!!!!!!
สุดจะทน ผมลากข้อมือลู่หานแล้วรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที ไม่ถ่งไม่ถ่ายมันแล้ว กลับบ้านเท่านั้นคือคำตอบ!
“พี่แจซอก ออกรถ!” ผมตะโกนลั่น ตอนที่เห็นร่างหมีๆพี่แจซอกเหนื่อยหอบ ท่าทางพี่แกจะเพิ่งขึ้นมาบนเขา
“อะไรนะ . .แฮ่ก นี่ฉันเพิ่งขึ้นมาเองนะ!”
แต่ผมไม่สนใจ . . ตอนนี้ผมอยากจะรีบออกไป ไปไหนก็ได้ที่ไกลจากที่นี่ . .
ตลอดทางบนรถ . . มีเพียงความเงียบคนมนุษย์สามคนและเสียงเครื่องยนต์เท่านั้น อันที่จริงมีเสียงลมหายใจคุกรุ่นของผมที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อด้วย
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปยุ่งกับมัน” ผมเริ่มเปิดประเด็น พี่แจซอกกลืนน้ำลายมองผมผ่านทางกระจกมองหลังอย่างหวาดๆ เขาไม่ค่อยเห็นผมโกรธจริงจังแบบนี้หรอก
“ฉันไม่ได้ยุ่ง ฉันออกไปตามหานาย” ลู่หานเถียง
“วันหลังอย่าทำแบบนี้ เข้าใจมั้ย ถ้าเป็นลมตอนเห็นหน้าผาและตกลงไปขึ้นมาจะทำไง”
“ฉัน . .ไม่มีทางเป็นลม!” เขาเถียงอีกครั้งอย่างไม่เต็มปากเต็มคำเท่าไหร่ เชื่อเถอะ เห็นอาการในวันนี้ก็ชัดแล้วว่า Acrophobia หนักขนาดไหน
“นายผิดสัญญา”
“สัญญาอะไร”
“นายไปบอกชื่อนายให้มันรู้ทำไม”
“ไอ้ . .” ลู่หานกำลังจะด่าผม แต่เขาระงับปากได้ทัน
“ชอบมันเหรอ สนใจมันเหรอ!”
“จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว” ลู่หานดูเริ่มโกรธขึ้นมาเรื่อยๆ “พี่แจซอก จอดรถหาโรงพยาบาลทีครับ โอเซฮุนไม่ปกติ”
“ฉันปกติ!”
“แล้วนายจะสนใจทำไมว่าฉันสนใจไม่สนใจใคร นายเป็นดาราควรใส่ใจงานของนายดีกว่า ไม่ต้องมาใส่ใจผู้จัดการของนายหรอก!!!”
“ก็ฉัน . .”
“ฉันไม่ได้บอกเขา!” ลู่หานร้องอย่างเหลืออด “จู่ๆเขาก็รู้ชื่อฉัน และก็เรียกฉัน ฉันไม่ได้บอกเขา!”
เมื่อลู่หานพูดแบบนั้นออกมา ทำให้สติที่ไม่ค่อยจะมีของผมเริ่มกลับเข้ามาสู่ร่างกายผม . . อะไรกัน แค่เรื่องบอกชื่อไม่บอกชื่อก็ทำให้ผมโกรธถึงขนาดนี้ได้
ทำไมผมถึงไม่ดีใจว่าลู่หานเป็นห่วงผมบ้าง . .
ลู่หานหันหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่าง ส่วนผมจ๋อยแด-ก . . ผมสงบปากสงบคำลงพลางเอื้อมมือจะไปสะกิดเขา แต่ผมก็ไม่กล้า . .
อารมณ์อยากจะง้อ . .
“โทษที งานฉันหนัก ฉันเลย . . อารมณ์เสียไปหน่อย” เกี่ยวกับงานที่ไหนล่ะ ความขี้หวงส่วนตัวล้วนๆต่างหาก
“ไม่เป็นไร” ลู่หานตอบ . . “นายชอบว่าฉันหวงของ นายก็คงหวงเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ”
อะไรกัน นี่เขารู้เหรอว่าผมน่ะหวงเขา . .
“ไม่ต้องห่วงหรอก ตั้งแต่ฉันมาเป็นผู้จัดการนาย ฉันก็ไม่กล้าจะเป็นผู้จัดการให้ใครอีกแล้วล่ะ ฉันเหนื่อย”
ไหงเข้าใจไปในความหมายแบบนั้นเล่า!!!!!!
แต่ก็โอเค . . อย่างน้อยจะได้ไม่มีใครจิ๊กผู้จัดการผมไปไหน
“เออนี่เซฮุน ดูเหมือนว่านายจะต้องเจอกับอีวอนอีกยาว” พี่แจซอกพูดแทรกขึ้นมา หลังจากที่บรรยากาศเริ่มจะเย็นลง
“ทำไมเหรอ”
“เจ๊ใหญ่ เอ๊ย ท่านรองประธานของนายบอกว่าเขาจะต้องมารับบทประชันกับนายในซีรี่ย์เรื่องใหม่ที่จะถ่ายเดือนหน้าอ่ะ”
บอกผมมาสิว่าไม่จริง . . บอกผมมาสิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมอ้าปากค้างเหลือบมองไปที่ลู่หาน ที่ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาซ้ำยังหยิบเอาไอแพดขึ้นมาเล่นเกมส์แก้เบื่อด้วย . .
ไม่ได้มีความเข้าอกเข้าใจเลยว่าฉันน่ะหวงนายขนาดไหน!!!!!!!!!!!!!!!
chiffon_cake say hi : ติดสอบจ้าติดสอบ . . เมื่อไหร่จะสอบเสร็จ T^T
อยากให้คนอ่านช่วยแสดงตัวนิดนึง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เป็นกำลังใจให้มือใหม่หัดเขียนฟิคคนนี้บ้าง โอเคนะ นะ นะ
ชวนเพื่อนพี่น้องมาอ่านกันเยอะๆจะดีมาก
รักนะ <3
ความคิดเห็น