ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sehun x luhan } .ผู้จัดการของผม

    ลำดับตอนที่ #7 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER SIX

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.57K
      42
      13 ต.ค. 56

    [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER SIX

     

     

     

     

                ลู่หานมาเป็นผู้จัดการของผมได้สามวันแล้ว . .

                ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมันช่างดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะเก้ๆกังๆและก็ทำอะไรไม่ค่อยจะถูก แต่เขาเป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็ว และก็เฉลียวฉลาดเอามากๆ แทบจะเรียกได้ว่าตอนนี้พี่แจซอกนั้นกลายเป็นแค่คนขับรถของผม และผมก็มีลู่หานเป็นผู้จัดการของผมคนเดียว ดูเหมือนพี่แจซอกจะชอบ เพราะงานเขาเบาลง และมีเวลาไปจีบทีมงานสาวคนอื่นมากขึ้นตามประสาหนุ่มโสดวัยสามสิบกว่า

                วันนี้ก็เช่นกันในเวลาตีห้ากว่าๆ ลู่หานทำหน้าที่ได้ดีเช่นเคย เขาเข้ามาปลุกผมพร้อมขู่ว่าจะสาดน้ำใส่ถ้าผมไม่ตื่น(หลังๆปลุกแบบนี้แทบจะทุกครั้ง) จนบางครั้งผมอยากจะหยุดปากเล็กๆนั่นด้วยกันดึงเขาลงมาบนเตียงและก็สวมกอดซะเลย . . แน่นอนว่าผมทำไม่ได้ ได้แต่คิดในใจเท่านั้นไม่อย่างนั้นล่ะก็นอกจากจะโดนผู้จัดการเกลียดแล้ว ผมยังต้องโดนเขาถีบผมอีกต่างหาก . .

                แม้ว่าลู่หานจะทำหน้าที่ของเขาได้ดีขึ้น แต่เรื่องพิชิตหัวใจลู่หานของผมยังไม่ถึงไหน หนึ่งคือมีแต่เรียนและก็ทำงาน สองคือลู่หานก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องทำงานเกินไปจนผมไม่กล้ากวน ถึงอย่างนั้นก็เถอะอย่างน้อยเขาก็อยู่ข้างๆผมอยู่ใกล้ๆผมตลอด สักวันหนึ่งผมอาจจะมีโอกาส . .

                “วันนี้ถ่ายรายการลุยป่าน่ะ” ลู่หานเกาหัวงงๆ ขณะที่เดินตามผมออกมาจากอพาร์ทเมนต์ในเวลาเช้ามืด “นายต้องไปทำภารกิจลุยป่านิดหน่อย พี่แจซอกส่งชุดลุยป่าของนายมาไว้ให้แล้ว ฉันเอาไปแขวนไว้บนรถ”

                “อืม” ผมรับคำ ที่จริงผมยังไม่ตื่นเท่าไหร่เลย

                “ตั้งใจล่ะ”

                “อืม”

                สติผมไม่ค่อยมีเพราะผมยังไม่ได้กินข้าวและผมก็นอนไม่พออีกด้วย เมื่อคืนกว่าจะถ่ายแบบเสร็จก็ตีสอง เรียกได้ว่าสายตัวแทบขาด

                ผมขึ้นไปบนรถที่มีพี่แจซอกนั่งอยู่ก่อนแล้ว ท่าทางของเขาจะสบายเอามากๆเพราะงานของเขาเบาลง เขาผิวปากสบายใจ ในขณะที่ผมเดินโซซัดโซเซขึ้นไปบนรถ โดยมีลู่หานตามขึ้นมา . . ที่ข้างๆผมกลายเป็นที่ประจำของเขาไปซะแล้ว

                ผมสะบัดหัวมึนๆ ตอนที่รถตู้ของผมเคลื่อนตัวออกไปยังสถานที่ทำงานในวันนี้ พี่แจซอกยังคงเปิดเพลงเกิร์ลกรุ๊ปที่น่ารักและสดใส แต่ไม่ได้ช่วยให้ผมตื่นขึ้นมาได้เลยสักนิด

                “ถ้านายง่วง นายก็นอนสิ” ลู่หานหันมาพูดกับผม

                ผมหันไปมองเขา แต่สายตาของผมดันไปเจอะเข้ากับของบางอย่างในกระเป๋าของเขาซะก่อน ผมเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าของเขาโดยอัตโนมัติ

                เพี๊ยะ!

                ผมโดนตีมือเสียงดัง ดังจนพี่แจซอกที่ขับรถอยู่หันมามอง

                “นิสัยเก่ากำเริบเหรอ อย่ามายุ่งกับของของคนอื่นดิ” ลู่หานเอ็ดผม .  .ลืมไปว่าเขาน่ะเป็นคนหวงของขั้นเทพชนิดที่ว่าห้ามแตะอะไรของเขาสักชิ้นโดยเด็ดขาดถ้าไม่อยากตาย ผมกลืนน้ำลาย ไม่ได้ตั้งใจจะไปยุ่งกับของๆเขา แต่ที่ผมเห็นแว้บๆในกระเป๋านั่น . . มันเหมือนของๆผมมากกว่า

                “นายขโมยของฉันเหรอ” ผมถามเสียงเย็น ไม่ได้ตั้งใจให้มันดูซีเรียส แต่เพราะผมเป็นคนชอบแสดงออกแบบนี้มากกว่า

                “ฉันเปล่า”

                “เหมือนฉันเห็นหุ่นยนต์กันดั้มของฉันในกระเป๋าของนายเลย ตัวที่นายทำพัง” ผมจำหุ่นของผมทุกตัวได้แม่นซะยิ่งกว่าท่องสูตรคูณอีกนะ

                “ฉัน . .

                “บอกมาเถอะน่าว่านายขโมย” ผมกะจะพูดให้มันฟังดูเล่นๆ แต่นั่นมันทำให้ลู่หานโกรธมาก

                “ฉันเปล่า!!!!” เขาตวาดเสียงลั่น . . โอเค ผมคงเป็นคนที่แสดงออกได้ตายด้านมากเกินไป

                “นายจะจิ๊กของฉันไปทำอะไรน่ะ”

                ลู่หานพูดไม่ออกบอกไม่ถูก . . จนในที่สุดเขาก็พูดออกมา “ฉันพยายามซ่อมมันน่ะ” เสียงของเขาอ่อยลง

                ซ่อมทำไมหว่า มันไม่ได้พัง . . “ไม่ต้อง ไม่เป็นไร”

                “ฉันรู้สึกผิดนะ นี่ฉันพยายามซ่อมอยู่ ทำไมมันต่อยากจังเลยล่ะ”

                “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเองน่า”

                “มันเป็นความผิดของฉัน และที่สำคัญ . . ของพวกนี้นายก็รักมันมาก”

                “

                “ฉันทำพังฉันก็ต้องเป็นคนซ่อม” ลู่หานสรุปในที่สุด เขาคิดว่าผมจะติดใจเอาความงั้นหรือ ไอ้รุ่นที่เขาทำพังน่ะมันไม่ใช่ลิมิเต็ดอิดิชั่นสักหน่อย ผมสั่นหน้าเบาๆและก็พ่นลมออกมาทางจมูกอย่างเอ็นดูในความคิดของลู่หาน เขาคงเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นมากพอดู เพราะถ้าไม่อย่างนั้น .. ลู่หานก็คงทำหน้าที่ผู้จัดการผมไม่ดีขนาดนี้หรอก ผมคิดอย่างสุขใจ ขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างที่กลายเป็นชานเมืองของเมืองโซล วันนี้ดูเหมือนจะถ่ายรายการไกลหน่อย . . เห้อ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว . .

                ผมมองไปที่ลู่หาน ตอนนี้เขากำลังใส่ใจตารางงานของผม เห็นจ้องเอาจ้องเอาแบบนั้นมานานหลายนาทีแล้ว ไม่รู้ว่ามันน่าสนใจตรงไหน

                “มีอะไรเหรอ”

                “สิ้นเดือนหน้า . . ทำไมตารางนายว่างขนาดนี้” ลู่หานพูดขึ้นอย่างสงสัย “พี่แจซอกครับ โอเซฮุนกลายเป็นดาวดับไปแล้วเหรอครับ” เขาถามหน้าซื่อ เห้ยยยยยยยยยยยยย ไม่ขำเลยนะคนสวย ช่างเป็นคำพูดที่โคตรจะไม่ขำ!

                “ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมไม่ขำแต่พี่แจซอกขำลั่น “ไม่รู้สิ ต้นสังกัดโอเซฮุนเขาเคลียร์งานเดือนหน้าเอง ท่าทางจะมีโปรเจคใหญ่”

                ผมกลอกตา . . โปรเจคใหญ่ที่ว่าเป็นอะไรที่สัปดนสุดๆ เพราะมันต้องเหนื่อยและทุ่มเทให้ชนิดที่ว่าได้นอนเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงในแต่ละวัน

                “โปรเจคใหญ่?”

                “ซีรีย์เรื่องใหม่ อะไรทำนองนั้นน่ะ”

                “โห O_O” ลู่หานตื่นตาตื่นใจ . . ผมกระแอม โอเค . . โปรเจคใหญ่นี้มันเริ่มดูน่าสนใจขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว “แล้วคราวนี้โอเซฮุนจะได้รับบทอะไรล่ะครับ”

                “นายคิดว่าไงล่ะ”

                “ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นซีรีย์ประมาณไหน”

                “ก็ . . ทำนองรักวัยรุ่นในโรงเรียน เอาใจหนุ่มสาววัยมัธยมแบบพวกนายแหละ”

                “รักวัยรุ่น” ลู่หานทวนคำ “ถ้าอย่างนั้น . . โอเซฮุนต้องได้รับบทเป็นตัวร้ายแน่ๆ”

                ผมอ้าปากค้าง ทำท่าจะเถียงสวนขึ้นไป . . ตั้งแต่เด็กทำงานมาจนถึงป่านนี้ผมไม่เคยได้รับบทร้ายเลยนะ!!!!!!!!

                “ฮ่าๆๆๆ” พี่แจซอกเอาแต่ขำลูกเดียว ส่วนผมหน้าบูดเป็นตูดลิงเรียบร้อยแล้ว

                “เล่นตัวร้ายก็ดีออก น่าสนใจกว่าพระเอกเยอะ แสดงก็ต้องแสดงหนักกว่า และก็ต้องรับกระแสคนต่อต้านให้ได้มากกว่า . . เท่ดี” เหมือนคนสวยเขาจะไม่ได้พูดกับผมเลยสักนิด เขาพูดกับตัวเองมากกว่า

                อืม . .งั้นผมจะพิจารณาบทตัวร้ายดูก็ได้ . . (เขาว่าอะไรก็จะว่าตามเขาหมด เซเอ๋ย เซฮุน - -“)

                การเดินทางไปทำงานในวันนี้ช่างยาวนานนัก ยาวนานซะจนผมหลับไปหนึ่งตื่น และก็พบว่าลู่หานกำลังหลับอยู่เช่นกัน ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเกือบจะเก้าโมงแล้ว ยังไม่ถึงสถานที่ถ่ายทำเลย

                หลังจากที่ผมแอบเอาเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองไปห่มให้ลู่หานแล้ว ผมก็เขยิบเข้าไปกระซิบถามพี่แจซอกเบาๆ “อีกนานมั้ยเนี่ย” กลัวลู่หานจะตื่นน่ะ . .

                “ใกล้แล้วล่ะ ฉันว่าอีกประมาณสิบห้านาที”

                “ต้องถ่ายถึงกี่โมง”

                “เย็นๆ”

                “และเย็นนี้มีงานอะไรอีกรึเปล่า”

                “ลู่หานไม่ได้บอกนายเหรอ”

                “พี่แจซอก อย่าโยนงานให้ลู่หานหมดดิ”

                “โอเคๆ” พี่แจซอกทำท่านึก “ฉันก็ไม่แน่ใจ . . ดูเหมือนวันนี้นายต้องเข้าไปบริษัท”

                “ไปเจอเจ๊ใหญ่เหรอ”

                “อย่าเรียกท่านรองประธานแบบนั้นสิ!” พี่แจซอกเอ็ด . .

                “ก็นิสัยเหมือนเจ๊ใหญ่จริงๆนี่” ผมอดบ่นไม่ได้

                ในที่สุดผมก็มาถึงสถานที่ถ่ายทำรายการในวันนี้แล้ว พี่แจซอกขับรถนานเลยลงไปยืดเส้นยืดสาย . . ผมก็ตั้งท่าจะลงจากรถไปเหมือนกัน เห็นลู่หานกำลังหลับผมเลยต้องนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น . . ผมกำลังมองสำรวจใบหน้าของเขาอย่างเผลอไผล เขาเป็นเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มและขนตาเป็นแพยาว ตอนหลับยังสวยราวกับนางฟ้า และตอนตื่นจะสวยขนาดไหนนะ ผมจ้องหน้าลู่หานนานมากจนเขาตื่นขึ้นมา

                เขาตกใจเมื่อเห็นผมนั่งจ้องเขาอยู่ “ทำไมนายไม่ปลุกฉันล่ะ” แม้จะทำหน้าหงิกแต่ก็ยังน่ารักมากอยู่ดี

                “ก็เห็นกำลังหลับสบาย”

                “รีบไปได้แล้ว” เขาดันหลังผมให้ลงจากรถ

                ทันทีที่ก้าวลงจากรถ . . ความหนาวเย็นก็แผ่ซ่านเข้ามาถึงตัวผมที่มีแต่เสื้อยืดจนสั่นขึ้นมากะทันหัน

                “ทำไมที่นี่หนาวแบบนี้” ผมบ่นอุบ ลู่หานวิ่งไปเอาเสื้อแจ๊คเกตมาให้ผมอย่างรู้งาน ตัวเดียวกับที่ผมเอาไปห่มมาให้เขานั่นแหละ “ขอบใจนะ แล้วของนายล่ะ” ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวของเขามาด้วย

                “ฉันลืมหยิบมา” ลู่หานตัวสั่นเหมือนกัน

                ผมถอนหายใจ เดินกลับขึ้นไปบนรถ หยิบเสื้อหนึ่งในร้อยตัวของตัวเองบนรถลงมา เอาตัวที่หนาและเล็กพอที่ลู่หานจะใส่ได้ ผมเอามาสวมให้เขาทางด้านหลังแบบที่เขาไม่รู้ตัว

                “เห้ย” เขาตกใจ

                “ฉันไม่ใช่คนหวงของ” ผมพูดแบบยิ้มเล็กๆ เล็กมากจริงๆ . .

                ลู่หานทำหน้าหงิก . . คงคิดว่าผมกำลังกัดเขาอยู่กระมัง

                “โอเซฮุน . . มาช้านะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น . . ผมหันไปหาคนที่ทักผมมาเมื่อตะกี้ตอนแรกคิดว่าเป็นทีมงาน แต่ที่ไหนได้ . .

                คู่แข่งตลอดกาลของผมนี่เอง

                แน่นอนว่าการทำงานทุกอย่างในชีวิตมันจะต้องไม่ราบรื่น ยิ่งอยู่ในวงการแบบนี้แล้วยิ่งมีคู่แข่งมากมายที่จะต้องเอาชนะและก็แย่งชิงผลงาน แม้ว่าผมจะเกลียดชังสิ่งนี้มากมายขนาดไหนแต่บางทีมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงผมจะชนะหมอนี่มาตลอดก็ตามที แต่เป็นอะไรที่ผมโคตรจะไม่ชอบขี้หน้า

              อีวอน . . กับผู้จัดการที่หล่อราวกับเป็นดารานักแสดงเหมือนกัน

              ผมเรียกสองคนนี้ว่าคู่หูดูโอ้ป่วนวงการ

                “พาใครมาด้วยน่ะ น่ารักว่ะ” อีวอนพูดแล้วยิ้ม . . มันหล่อก็จริง แต่มันกวนประสาทเอามากๆ

                “อย่ามายุ่ง” ผมรีบคว้าตัวลู่หานไปหลบหลังผมทันที

                “เห้ย หวงชิบ แฟนนายเหรอ” มันถามเชิงกระเซ้าเย้าแหย่ . .

                อยากจะตอบว่าใช่เอามากๆ . .แต่เกรงใจลู่หาน “ผู้จัดการของฉัน”

                “เห้ยยยยยยยยยย ไปเอามาจากไหนวะ ฉันอยากได้มั่ง น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลย” อีวอนพยายามที่จะเข้ามาใกล้ลู่หาน ผมนี่แทบจะเอาเท้ายันมันให้ตกลงไปในคลองแถวนี้

                “ไปไกลๆ” ผมไล่

                “ชื่ออะไรน่ะ” อีวอนถามลู่หาน

                “ไม่ต้องไปตอบ” ผมพูดเสียงแข็ง

                “ไม่เป็นไร ฉันสืบเอง”

                มันยิ้มมุมปาก และมันก็เดินจากไปพร้อมๆกับหยอกล้อกันกับผู้จัดการของมันไปด้วย เห็นอีวอนหันกลับมาหาลู่หานตั้งหลายครั้งหลายครา ผมอยากจะโยนรองเท้าไปใส่ลูกกะตาโตๆของมันจริงๆ

                “ใครเหรอ” ลู่หานถาม

                “สนใจมันเหรอ” ให้ตายสิ . . นี่ขนาดเขายังไม่ได้เป็นแฟนผมนะ ผมยังขี้หวงระดับเก้าสิบเจ็ด . . (สูงสุดระดับเก้าสิบเก้าน่ะ)

                “ฮะ?” แน่นอนว่าลู่หานต้องงงเหมือนเดิม

                “อย่าพูดกับมัน อย่าไปสนใจมัน อย่าไปบอกชื่อมัน เข้าใจนะ” ผมพูดเสียงแข็งราวกับบังคับลู่หาน

                ลู่หานกระพริบตาปริบๆ . .เขาเหมือนลูกแมวขี้สงสัยเชื่องๆตัวหนึ่ง . . สาธุเถอะ ให้เชื่องจริงอย่างที่ผมเปรียบเถอะนะ ภาวนาให้เขาทำตามที่ผมพูดทีเถอะ . .

                “อื้อ ตกลง”

     

              หึ . . อีวอนเอ๋ย มรึงหล่อแค่ไหนยังไงกรูก็วิน . .

     

     

     

     

                กลายเป็นว่าวันนี้ผมต้องทำงานกับอีวอน

                เซ็งอย่างหาที่สุดไม่ได้ รายการนี้เป็นรายการเชิงวิทยาศาสตร์น่ะครับที่ต้องแข่งกันสำรวจหาพืชที่เขากำหนด ผมต้องแข่งกับอีวอนซึ่งอารมณ์ก็ได้อินเนอร์ก็ให้เพราะแข่งกันมาตลอดตั้งแต่เป็นเด็กฝึกที่ค่ายแล้ว วันนี้ไอ้อีวอนดูเหมือนจะไม่เหมือนแต่ก่อน มันเอาแต่คุยกับผู้จัดการคู่หูดูโอ้ของมันอย่างลับๆ และเท่าที่ผมสังเกตต้นเหตุที่มันทำแบบนี้ก็คงจะเป็นเพราะผู้จัดการของผมนั่นแหละ

                นี่ผมไม่ได้คิดไปเองนะ . . ไอ้บ้านั่นตั้งใจจะยุ่งกับผู้จัดการของผมจริงๆ

                สงสัยไม่เคยโดนถีบ . .

                “ต่อไปเราจะไปถ่ายบนเขานู่นนะคะ คุณโอเซฮุนกับคุณอีวอนเหนื่อยหน่อยนะคะ” ทีมงานผู้หญิงเข้ามาคุยด้วยหลังจากที่ถ่ายฉากเริ่มรายการตรงตีนเขาเรียบร้อยแล้ว

                ผมพยักหน้า รับน้ำเปล่ามาจากมือของลู่หาน . .อย่าถามถึงพี่แจซอกเลยนะครับ ตอนนี้เขาคงกำลังนอนฟังเพลงเกิร์ลกรุ๊ปอยู่บนรถตู่นั่นแหละ

                “แบกอะไรมามั่ง” ผมมองเป้ที่อยู่บนหลังของเขา ไม่ใช่ใบของเขาที่เขาหวงเข้าไส้

                “ของๆนาย”

                “ของๆฉัน?”

                “ก็พวกน้ำเปล่า เครื่องสำอาง โทรศัพท์ กระเป๋าตังค์ ไอพอด . . ไอแพด” ลู่หานร่ายยาวมา ดูเหมือนจะมีสิ่งที่จำเป็นไว้สำหรับเดินลุยป่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นก็คือน้ำเปล่า ว่าแต่ทำไมลู่หานดูเหนื่อยๆนักล่ะ ทั้งที่เพิ่งขึ้นมาจากตีนเขาได้ไม่ถึงสามสิบเมตรเลย เขาหน้าซีดเป็นไก่ต้มแถมเหงื่อก็ยังออกนิดๆอีกด้วย

                “เป็นไรไป . .

                “โอเซฮุน . . นายควรจะใส่ใจผู้จัดการนายให้มากกว่านี้นะ” อีวอนพูดยิ้มๆโชว์ฟันขาว จากที่ผมทำหน้าตาอ่อนโยนใส่ลู่หานผมก็เปลี่ยนเป็นหน้าเหม็นบูดทันทีเมื่อได้ยินเสียงอีวอน

                “อะไร” ถามอย่างไม่สบอารมณ์

                “เขาเป็นคนกลัวความสูง”

                ว่าไงนะ . .ผมมองหน้าผู้จัดการของผมราวกับต้องการให้เขาตอบว่าจริงหรือเปล่า

                “เรื่องแค่นี้ทำไมนายถึงไม่รู้ล่ะ” อีวอนยังคงกวนประสาทผมไม่เลิก มันกับดูโอ้ของมันเดินผ่านผมขึ้นไป ส่วนผมกำลังก้มหน้าก้มตาดูอาการของลู่หานที่หน้าซีดปากสั่นอย่างน่าเป็นห่วง ไอ้เขาลูกนี้มันก็ไม่ได้สูงและก็ชันอะไรมากนักหรอก แต่คนที่กลัวความสูงอย่างลู่หานคงจะคิดว่าเขานี้เป็นยิ่งใหญ่ราวกับเทือกเขาหิมาลัยเลยทีเดียว

                “นายไปเรียกพี่แจซอกมาดูแลฉันดีกว่า ไปรอข้างล่างเถอะ” ผมพูด อยากจะเอื้อมมือไปจับมือเขาเอาไว้ไม่ให้เขากลัว แต่ผมก็ไม่กล้า . . (ป๊อดตลอดศก)

                “ฉัน . . ไม่เป็นไร” ลู่หานเป็นเหมือนตอนที่ผมข้ามถนนไม่มีผิด เขาหลับตาปี๋พยายามเดินขึ้นเขาอย่างน่าสงสาร ผมกลืนน้ำลาย จะเป็นห่วงก็เป็นห่วงอยากพาเดินลงไปและหนีออกไปจากป่าซะเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทำไม่ได้

                “แน่นะ” ถ้าเขาลืมตาขึ้นมาตอนนี้ . . เขาอาจจะตกใจกับสายตาของผมก็ได้ เพราะมันไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผมมองเขา

                “อื้อ”

                “ทำไมต้องเดินหลับตาด้วย”

                “นายก็เดินหลับตาเหมือนกันตอนข้ามถนน” นั่นไง .. แม้จะสั่นแต่ปากเขาก็ใช้การได้ดีอยู่

                “เดี๋ยวก็สะดุดล้มกลิ้งลงไปตีนเขาเหมือนเดิมทำไง” ถึงแม้ว่าเสียงผมจะเย็นชาอยู่มาก แต่มันก็ไม่สามารถปิดความรู้สึกห่วงใยที่ผมมีต่อเขาได้ อยากจะถามเหลือเกินว่าจับมือฉันดีมั้ย . . แต่เนื่องจากการที่ผมเป็นคนเย็นชา บวกกับถามไปเขาก็คงปฏิเสธมิหนำซ้ำยังโดนด่าสวนกลับมาอีก เพราะฉะนั้น . .

                เผด็จการแมร่ง. . ผมจับมือเขาเลย

                “เห้ย โอเซฮุน” ถ้าไม่โวยวายก็ไม่ใช่ลู่หาน “ฉันเดินได้”

                “แบบนี้นายจะได้เดินแบบสบายใจไง”

                “แต่นี่มัน . .

                “ฉันไม่อยากให้ผู้จัดการของฉันเดินเตะก้อนหิน ไม่ก็กลิ้งหลุนๆลงไปที่ตีนเขา อย่าพูดมาก ถ้านายช้า ฉันก็จะช้า และงานก็จะช้า” แถไปไกลมากจากปลายผมจนถึงตาตุ่ม . .

                ลู่หานไม่ตอบอะไร เขาหลับตาปี๋ลงเหมือนเดิม และดูเหมือนว่าเขาจะยอมให้ผมจับมือด้วย

                โอเซฮุนได้กำไรแล้วสินะ . . คิกคิก ผมจูงมือเขาให้ขึ้นไปบนเขา ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นและก็อับชื้นยังไงชอบกล เหมือนฝนเพิ่งจะตกไปช่างไม่โรแมนติกเอาเสียเลย แต่ถ้ามีลู่หานและผมได้จับมือเขาไปแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ตรงไหนผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ

                ถ้าไม่มี . . มารผจญ

                “แค่ผู้จัดการ . .จริงๆน่ะเหรอ” อีวอนถามน้ำเสียงเย้าแหย่

                ผมไม่ตอบอะไรมัน . . ให้มันคิดว่าเป็นอย่างอื่นมากกว่าผู้จัดการน่ะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมายุ่ง

                “นี่ถ้าหวงขนาดนั้นทำไมนายไม่จับล่ามโซ่ไว้ที่ห้องเลยล่ะ โอเซฮุน”

                “พูดจาอะไรให้เกียรติคนอื่นบ้าง” ผมสวนอย่างเรียบๆ

                อีวอนเอาแต่ยิ้ม ส่วนลู่หานนั้นจิตใจคงลอยไปอยู่ที่อื่นแล้ว เขาคงกลัวความสูงมากจริงๆ เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะลืมตาขึ้นมาเลย . .

                ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะดูแลเขาเอง

                กว่าจะถึงจุดถ่ายที่สองก็เล่นเอาหอบ ลู่หานน่าเป็นห่วงมาก ผมต้องปล่อยมือเขาตอนที่ผมพาเขาไปนั่งรอในเต๊นท์สำหรับทีมงาน บอกตามตรงผมโคตรเป็นห่วง ไม่มีแก่จิตแก่ใจทำงานเอาซะเลย

                ทีมงานส่งสคริปต์มาให้ผม ในขณะที่ผมพยายามที่จะยืนอยู่ใกล้ๆลู่หานไม่ห่าง แม้ว่าตาผมจะมองสคริปต์แต่เชื่อเถอะผมกับสคริปต์กับเขาสลับกันไปมา ไม่มีทางที่ผมจะจำสคริปต์พวกนี้ได้แน่นอน

                “ต้องกินยาอะไรมั้ย” ผมถามลู่หาน ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนคนหมดเรี่ยวแรงและเพิ่งผ่านการเป็นลมมาไม่นาน

                “ไม่ต้อง ฉันก็แค่ . .” เขาเหลือบมองไปข้างๆอย่างหวาดๆ “ไม่มองลงไปที่ข้างล่างนั่น”

                เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นลู่หานหวาดกลัวสิ่งใดสิ่งหนึ่งขนาดนี้ . . ผมถอนหายใจ ห่วงก็ห่วงแต่ก็มีงานที่ต้องทำ “รอฉันอยู่ตรงนี้นะ”

                ลู่หานดูงงๆกับคำพูดของผม “ฮะ?”

                “เดี๋ยวจะรีบถ่ายและก็รีบกลับมา”

                ผมมองหน้าเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองผม สักพักเขาก็พยักหน้า . .

                นี่ไม่รู้ตัวเลยหรือไงนะว่าผมน่ะหยอด . .

                “อาลัยอาวรณ์กันเข้าไป ห่างกันแค่ไม่กี่นาทีเอง” ปากแบบนี้มีอีวอนคนเดียว มันกำลังยืนอยู่ท่ามกลางพิธีกร ทุกคนเตรียมตัวพร้อมถ่าย ว่าแต่สคริปต์เมื่อกี้ผมต้องพูดอะไรบ้างนะ?

                “หุบปาก”

                “ฉันนึกว่าสเปกของนาย จะเป็นเกิร์ลกรุ๊ปสักวง ไม่ก็นางแบบสักคนมากกว่า ไม่คิดว่าจะ ..” อีวอนมองไปที่ลู่หานอย่างมีความหมาย “แต่ก็นะ ถ้าฉันเห็นก่อน ฉันก็คง . .รีบคว้าไว้ก่อนที่หมาตัวอื่นมันจะมางาบไป”

                ปากของมันนี่ช่าง . . ผมกัดฟันกรอดเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้กำกับสั่งให้เริ่มถ่ายทำรายการ ผมทำหน้าสดใสขึ้นมาทันทีราวกับสั่งได้ทั้งๆที่เมื่อกี้จะกินหัวคนอยู่หยกๆ นี่แหละครับวงการมายา หัวอีวอนไว้ค่อยไปกินทีหลังก็ได้ . .

                รายการนี้ช่างเหมาะกับเด็กที่ชอบเรียนสายวิทย์อย่างผม ผมต้องแข่งกับอีวอนตามล่าหาต้นไม้แยกตามไฟลัมและดิวิชั่น ซึ่งไอ้ป่าแบบนี้มันหาง่าย . . มันมีเยอะชนิดที่ว่าเต็มจนล้น ผมพยายามเอาชนะอีวอนตามสิ่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาก็คือต้องจริงจังกับทุกการแข่งขันในรายการ ผ่านไปนานๆเข้าผมก็เริ่มรู้สึกว่าไอ้ป่าที่เป็นจุดวางเต๊นท์ของทีมงานเริ่มห่างไกลไปทุกที

                แต่ผมคิดว่าผมไม่น่าจะหลง เพราะผมมีกล้องตามมา พร้อมทีมงานตามมาด้วยอีกสองสามคน . .

                ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

              ฟ้าร้องเสียงดัง จนผมสะดุ้ง . .ช็อตนั่นเข้ากล้องเต็มๆ โคตรน่าอาย

                “เหมือนฝนจะตก” ผมพูดกับกล้อง “ต้องถ่ายต่อมั้ยอ่ะ” ด้วยความซื่อจริงๆผมพูดออกไปหมดเลย รอคำตอบจากทีมงานที่วอไปถามกัน ขณะที่พี่ตากล้องก็ถ่ายผมอยู่นั่นแหละ อะไรจะขยันปานนั้น

              ซ่า . .

              ตกจนได้ . . ผมรีบสวมฮู้ดเข้าไปทันทีอากาศทั้งหนาวเย็นและก็ฝนตกหนักแบบนี้เอาสุขภาพตัวเองไว้ก่อน . .

                “คุณโอเซฮุน เข้ามาหลบใต้ต้นไม้นี้ก่อน” ทีมงานเรียกผมให้ไปหลบที่ต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีใบเบ้อเริ่ม พอที่จะให้หลบฝนได้ “อา ทำไมจู่ๆถึงตกลงมาได้ T_T

                เวลานี้จะหมดต้นทุนไปเท่าไหร่ก็เรื่องของทีมงานแล้ว ผมอยากไปหาลู่หานสุดหัวใจ . .

                “เราอยู่ส่วนไหนของป่าครับ”

                “เอ่อ ไม่ไกลจากจุดที่ตั้งเต๊นเท่าไหร่ค่ะ”

                “รอฝนหยุดก่อนแล้วค่อยกลับไปก็ได้นะครับ” ทีมงานอีกคนพูดเสริม สักพักหนึ่งก็มีคนวิ่งมากันเป็นพรวน ดูจากสีเสื้อแล้วน่าจะเป็นอีวอน อะไรกัน . . “พวกนาย!ทำอะไรกันน่ะ!” ทีมงานก็สงสัยเหมือนกันเลยตะโกนถามพวกนั้น

                “ผู้กำกับบอกให้ถ่ายต่อ” ทีมงานฝั่งอีวอนตะโกนตอบกลับมา ตอนนี้อีวอนกำลังไล่ตามเก็บพืชตามโจทย์ที่เขาได้รับอย่างไม่กลัวฟ้าหรือฝน ผมกำหมัดแน่นตอนที่มันยักคิ้วท้าทายใส่ก่อนที่มันจะวิ่งไปอีกทาง

                ผมเลยต้องกระซิบบอกพี่ตากล้อง “เปิดกล้องต่อเลยครับ”

                วันนี้เลยต้องตากฝนถ่าย . .

                หลังจากนั้นผมก็ใช้เวลาอยู่นานในการตามหาต้นไม้ในโจทย์ ติดอยู่ที่ต้นสุดท้ายที่แหละที่มันหลบอยู่ในมุมของฐานต้นไม้ใหญ่ เรียกได้ว่ากว่าจะเสร็จป่านนี้ไอ้อีวอนมันคงชนะผมไปแล้วมั้ง เห้อ

                ตอนนั้นฝนเริ่มหยุดตก แต่ทว่าก็ยังตกอยู่ ผมรีบเดินนำหน้าทีมงานกลับไปยังเต็นท์ทันที ถ้าหากว่าผมชนะผมจะได้เอาไปอวดลู่หานสักหน่อย แต่เมื่อไปถึงทำไมทีมงานทุกคนดูแปลกๆกันก็ไม่รู้

                “เกิดอะไรขึ้น” ผมถามทุกคน ทุกคนดูดีใจที่เห็นผมกลับมา ราวกับว่ากำลังรออยู่ยังไงยังงั้น

                “พวกเราตามหาคุณแทบแย่ ฝนตกหนักขนาดนี้ต้องพักกองนะครับ” ผู้กำกับดูโล่งใจมาก

                “พักกอง?” ผมทวนคำถาม “ก็ไหนไอ้อีวอน เอ๊ย . . พวกอีวอนบอกว่าฝนตกก็ต้องถ่ายไม่ใช่เหรอครับ”

                “มันก็จริงครับ แต่หลังจากที่จอมอนิเตอร์เจ๊งบ๊งผมก็เลยต้องบอกให้ยกเลิก แต่วอไปหาไม่ติดเลย” ผู้กำกับหันไปติทีมงาน

                “เป็นเพราะผมเองมั้งครับ เป็นเพราะผมเอง” ผมคงทำให้ทีมงานง่วนอยู่กับการถ่ายผมมากเกินไป “งั้นพักกันก่อนใช่มั้ยครับ”

                “ใช่ครับ เชิญคุณโอเซฮุนไปนั่งพักตรงนู้นก่อนเลย”

                ผมส่งต้นไม้ให้ทีมงานและก็เดินเข้าไปในเต็นท์ พยายามมองหาลู่หานที่น่าจะนั่งอยู่แถวนี้ แต่ไม่มี . . ผมมองซ้ายมองขวาตามหาคนตัวบาง

                “ผู้จัดการของผมล่ะ” ผมถามเสียงดังแข่งกับเสียงฝน

                “เพราะคุณไม่กลับมาสักที เขาเลยออกไปตามหาคุณน่ะครับ”

                “ว่าไงนะ” สติของผมขาดผึงทันที “เขาไปทางไหน ไปคนเดียวรึเปล่า!!!” ทำไมถึงปล่อยให้คนอาการไม่ดีออกไปด้วยนะ ไอ้ทีมงานพวกนี้นี่ . .

                “ไปคนเดียวครับ เขาเพิ่งจะออกไปเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วนี่เอง”

                “ยี่สิบนาที!” ผมร้อง “ผมกลับมาแล้ว คุณจะบอกผู้จัดการผมยังไงว่าผมกลับมาแล้ว” (ถ้าโอเซฮุนจะวีนแตกขึ้นมาสักหนึ่งครั้งล่ะก็ . . สาเหตุก็คงจะเป็นเพราะผู้จัดการคนใหม่ของเขานี่แหละ . .) “ให้ตายสิ” ผมสบถ เดินดุ่มๆออกไปจากเต็นท์ “เขาไปทางไหน”

                ผู้กำกับชี้นิ้วไปที่ฝั่งตรงข้ามจากที่ผมเดิน . . นั่นทำให้ผมรู้สึกอยากจะกลิ้งหลุนๆตกลงไปที่ตีนเขา

                ลู่หาน . . ทำไมต้องไปคนเดียวด้วย!

                “ผมจะไปตามหาเขา” ผมเดินออกไปทันที โดยไม่สนใจเสียงทักท้วงคนอื่น ทีมงานทุกคนรีบกรูกันเข้ามาห้ามผม

                “อย่าไปเลยนะคะ คุณจะทำเราลำบากนะคะ”

                “ทำไมเหรอ ผมสำคัญกว่าผู้จัดการของผมงั้นเหรอ” ตอนนี้ผมโกรธจนเหวี่ยง . . อันที่จริงทีมงานน่าจะช่วยๆกันออกไปตามหาผม ไม่ใช่ให้ลู่หานไปคนเดียว มันทุเรศสิ้นดี “สำหรับผม เขาสำคัญมากกว่าชีวิตของผมอีก . .ถอยไป”

                “คือที่เราไม่ออกไป เพราะคุณอีวอนก็ออกไปด้วยน่ะค่ะ เราก็เลย . .

                อะไรนะ .  . “ไหนว่าลู่หานไปคนเดียวไง!” สาบานได้ผมจะไม่มาออกรายการนี้อีก . . ตอนนี้ผมทั้งตะโกนแข่งกับเสียงฝนทั้งตะโกนใส่ทีมงานจนตัวเธอหงอไปหมดแล้ว

                “เขาออกไปทีหลังน่ะค่ะ”

                ให้ตาย! นั่นยิ่งต้องรีบออกไปหาอย่างเร็วที่สุด ผมหลบมือของทีมงานทุกคนไปเพื่อที่จะออกไปตามหาลู่หาน ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจนกว่าผมจะเจอลู่หาน หายไปยี่สิบนาที และที่สำคัญไอ้อีวอน(ส้น)มันก็ไปด้วย มันเป็นอะไรที่ผมรับไม่ได้ที่สุด . .

                ผมเดินเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะทีมงานตามผมมาเป็นพรวน ฮึ่ย คิดแล้วหมั่นไส้ ผู้จัดการของผมก็สำคัญนะ ทำไมไม่ตามออกมาแบบนี้บ้าง โด่วเอ๊ย!

                ผมมองซ้ายมองขวาตามหาลู่หาน มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าและน้ำที่หยดติ๋งๆ ไม่เห็นมีเงาของผู้จัดการผมเลย หรือว่าไอ้อีวอนมันจะวอนส้นผม จับลู่หานเอาไปซ่อนไว้ในถ้ำ และพอตกดึก . . มันก็จะจับลู่หาน . . ปล้ำ ไอ้ชิบหายยยยยยยยยยยยยย แค่คิดผมก็อยากจะถลกหนังหน้ามันออกมากระทืบเล่น อย่านะโว้ย . . ของของใครก็รู้ๆกันอยู่ไม่ใช่เรอะ!!!!

                “เซฮุน” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังผม “นายอยู่ที่นี่เอง ฉันตามหาตั้งนาน” ลู่หานนั่นเอง บอกไว้เลย ณ ตรงนี้ว่าผมอยากจะดึงเขาเข้ามาสวมกอดมาก ถ้าไม่ติดอยู่ที่คนที่เดินตามหลังมามันคือไอ้อีวอน มันเดินมาอย่างหน้าระรื่นราวกับว่ามันกำลังมิได้ตามหาคนหายอย่างผมอยู่

                มันกำลังแอบเต๊าะลู่หานของผมใช่มั้ย

                “นายไม่น่าออกมาตามหาฉันแบบนี้เลย” ผมพูดเสียงไม่สบอารมณ์

                “ก็ไม่มีใครติดต่อนายได้นี่”

                “ฉันไม่เป็นไร วันหลังนายไม่ต้องออกมาทำอะไรแบบนี้คนเดียวอีกนะ”

                “ไม่เป็นไรหรอกนะโอเซฮุน ลู่หานเขามีคนช่วยตามหานายอยู่” อีวอนพูดยิ้มๆ ซึ่งผมไม่เห็นจะยิ้มด้วยเลย . . แอบไปถามชื่อกันมา แนะนำตัวกันมางั้นสิ . . “คนจีนนี่น่ารักดีจัง คุยสนุ๊กสนุก”

                ยังตามหาผมไปคุยไปด้วยเหรอ!!!!!!!!!!! นี่ถามจริง ตามหาคนหายหรือไปเดทกันวะ!!!!!!!!!!

                สุดจะทน ผมลากข้อมือลู่หานแล้วรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที ไม่ถ่งไม่ถ่ายมันแล้ว กลับบ้านเท่านั้นคือคำตอบ!

                “พี่แจซอก ออกรถ!” ผมตะโกนลั่น ตอนที่เห็นร่างหมีๆพี่แจซอกเหนื่อยหอบ ท่าทางพี่แกจะเพิ่งขึ้นมาบนเขา

                “อะไรนะ . .แฮ่ก นี่ฉันเพิ่งขึ้นมาเองนะ!

                แต่ผมไม่สนใจ . . ตอนนี้ผมอยากจะรีบออกไป ไปไหนก็ได้ที่ไกลจากที่นี่ . .

     

               

     

     

    ตลอดทางบนรถ . . มีเพียงความเงียบคนมนุษย์สามคนและเสียงเครื่องยนต์เท่านั้น อันที่จริงมีเสียงลมหายใจคุกรุ่นของผมที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อด้วย

    “บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปยุ่งกับมัน” ผมเริ่มเปิดประเด็น พี่แจซอกกลืนน้ำลายมองผมผ่านทางกระจกมองหลังอย่างหวาดๆ เขาไม่ค่อยเห็นผมโกรธจริงจังแบบนี้หรอก

    “ฉันไม่ได้ยุ่ง ฉันออกไปตามหานาย” ลู่หานเถียง

    “วันหลังอย่าทำแบบนี้ เข้าใจมั้ย ถ้าเป็นลมตอนเห็นหน้าผาและตกลงไปขึ้นมาจะทำไง”

    “ฉัน . .ไม่มีทางเป็นลม!” เขาเถียงอีกครั้งอย่างไม่เต็มปากเต็มคำเท่าไหร่ เชื่อเถอะ เห็นอาการในวันนี้ก็ชัดแล้วว่า Acrophobia หนักขนาดไหน

    “นายผิดสัญญา”

    “สัญญาอะไร”

    “นายไปบอกชื่อนายให้มันรู้ทำไม”

    “ไอ้ . .” ลู่หานกำลังจะด่าผม แต่เขาระงับปากได้ทัน

    “ชอบมันเหรอ สนใจมันเหรอ!

    “จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว” ลู่หานดูเริ่มโกรธขึ้นมาเรื่อยๆ “พี่แจซอก จอดรถหาโรงพยาบาลทีครับ โอเซฮุนไม่ปกติ”

    “ฉันปกติ!

    “แล้วนายจะสนใจทำไมว่าฉันสนใจไม่สนใจใคร นายเป็นดาราควรใส่ใจงานของนายดีกว่า ไม่ต้องมาใส่ใจผู้จัดการของนายหรอก!!!

    “ก็ฉัน . .

    “ฉันไม่ได้บอกเขา! ลู่หานร้องอย่างเหลืออด “จู่ๆเขาก็รู้ชื่อฉัน และก็เรียกฉัน ฉันไม่ได้บอกเขา!

    เมื่อลู่หานพูดแบบนั้นออกมา ทำให้สติที่ไม่ค่อยจะมีของผมเริ่มกลับเข้ามาสู่ร่างกายผม . . อะไรกัน แค่เรื่องบอกชื่อไม่บอกชื่อก็ทำให้ผมโกรธถึงขนาดนี้ได้

    ทำไมผมถึงไม่ดีใจว่าลู่หานเป็นห่วงผมบ้าง . .

    ลู่หานหันหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่าง ส่วนผมจ๋อยแด-. . ผมสงบปากสงบคำลงพลางเอื้อมมือจะไปสะกิดเขา แต่ผมก็ไม่กล้า . .

    อารมณ์อยากจะง้อ . .

    “โทษที งานฉันหนัก ฉันเลย . . อารมณ์เสียไปหน่อย” เกี่ยวกับงานที่ไหนล่ะ ความขี้หวงส่วนตัวล้วนๆต่างหาก

    “ไม่เป็นไร” ลู่หานตอบ . . “นายชอบว่าฉันหวงของ นายก็คงหวงเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ”

    อะไรกัน นี่เขารู้เหรอว่าผมน่ะหวงเขา . .

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ตั้งแต่ฉันมาเป็นผู้จัดการนาย ฉันก็ไม่กล้าจะเป็นผู้จัดการให้ใครอีกแล้วล่ะ ฉันเหนื่อย”

    ไหงเข้าใจไปในความหมายแบบนั้นเล่า!!!!!!

    แต่ก็โอเค . . อย่างน้อยจะได้ไม่มีใครจิ๊กผู้จัดการผมไปไหน

                “เออนี่เซฮุน ดูเหมือนว่านายจะต้องเจอกับอีวอนอีกยาว” พี่แจซอกพูดแทรกขึ้นมา หลังจากที่บรรยากาศเริ่มจะเย็นลง

                “ทำไมเหรอ”

     

                “เจ๊ใหญ่ เอ๊ย ท่านรองประธานของนายบอกว่าเขาจะต้องมารับบทประชันกับนายในซีรี่ย์เรื่องใหม่ที่จะถ่ายเดือนหน้าอ่ะ”

             

     

                บอกผมมาสิว่าไม่จริง . . บอกผมมาสิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

                ผมอ้าปากค้างเหลือบมองไปที่ลู่หาน ที่ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาซ้ำยังหยิบเอาไอแพดขึ้นมาเล่นเกมส์แก้เบื่อด้วย . .

     

     

                ไม่ได้มีความเข้าอกเข้าใจเลยว่าฉันน่ะหวงนายขนาดไหน!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

     

     

     








    chiffon_cake say hi : ติดสอบจ้าติดสอบ . . เมื่อไหร่จะสอบเสร็จ T^T
    อยากให้คนอ่านช่วยแสดงตัวนิดนึง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
    เป็นกำลังใจให้มือใหม่หัดเขียนฟิคคนนี้บ้าง โอเคนะ นะ นะ
    ชวนเพื่อนพี่น้องมาอ่านกันเยอะๆจะดีมาก 
    รักนะ <3

     

     





     

     Shalunla :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×