ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sehun x luhan } .ผู้จัดการของผม

    ลำดับตอนที่ #31 : { SEHUN x LUHAN } CHAPTER TWENTY THREE

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.13K
      33
      4 ม.ค. 57

    { SEHUN x LUHAN } CHAPTER TWENTY THREE

     

     

     

     

     

     

                              “อีวอน นี่อะไรอะ”

              “อย่าจับนะ . . เยอึน ถ้าหล่นหายทำไง”

              “คุ้นๆว่าเหมือนเป็นแหวนของเซฮุน . .

              “ก็ใช่น่ะสิ”

              “นี่นายขโมยแหวนของเซฮุนมางั้นเหรอ!

              “ขอโทษที่จะทำให้เธอช็อคนะ แต่ว่า . . นี่มาจากนิ้วมือของลู่หาน”

              “

              “กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับมัน”

              “โยนทิ้งไปเลยสิ!

              “เยอึน ใจเย็นๆสิ”

              “ไม่เย็นแล้ว!

     

     

             





              ผมหาวเป็นครั้งที่เจ็ด ขณะที่พยายามงีบบนรถตู้อีกครั้งและอีกครั้ง และมันก็ไม่สำเร็จสักที ง่วงมากแต่พี่แจซอกขับรถตู้ได้กระตุกมากเลยวันนี้ผมเลยนอนไม่ค่อยจะหลับ ลู่หานที่นั่งอยู่ข้างๆก็นอนไม่หลับเหมือนกัน พวกเราเลยลืมตาปรือๆมองไปข้างหน้าอย่างเดียวด้วยความง่วงงุน

                วันนี้ต้องไปถ่ายซีรี่ส์แต่เช้า ผมถูกปลุกตั้งแต่ยังไม่ตีห้า และเป็นอีกครั้งที่พี่แจซอกเข้ามาปลุกถึงหน้าห้อง เพราะผู้จัดการอีกคนของผมก็หมดสภาพนอนหลับลึกไม่แพ้กัน

                ก็หลังจากที่พวกเราเอ่อ . . อย่างว่ากันนั่นแหละ

                แหมะ . . แค่ออรัลอย่างเดียวได้ไง . .

                ขอโทษอีกครั้งนะที่นี้ครับ เสี่ยวลู่ T^T

                โชคดีหน่อยที่คนสวยของผมไม่มีแรงด่า นั่งนิ่งเป็นแมวง่วงอยู่ข้างๆผม ไม่พูดอะไรเลยมีแต่เก็บของให้และก็ตามลงมาขึ้นรถแบบเงียบๆ ทั้งง่วงทั้งเพลีย น่ารักไปอีกแบบ

                อันที่จริง . . ผมก็มองเขาน่ารักตลอดเวลานั่นแหละ . .

                “เมื่อคืนเมาเหรอ ทำไมขับรถแบบนี้เนี่ย หัวผมหมุนแล้วนะพี่” ขอบ่นหน่อยเหอะ . .

                “เออ นิดหน่อย”

                “ขี้เมา”

                “ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย เซฮุน”

                “ซีเรียสแต่เช้าเลย ไว้ก่อนได้ป่ะ” ผมหาวอีกครั้ง . . เอื้อมมือไปหาลู่หานที่นั่งอยู่ข้างๆ . . คว้ามือมากุมหมับ ลู่หานมองมาที่มือ และก็มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่พูดอะไรเลย

     

                แต่ปากยิ้มแฮะ . .

     

                พี่แจซอกไม่พูดอะไรต่อ เร่งเสียงเพลงเกิร์ลกรุ๊ปให้ดังขึ้น และก็ตั้งใจขับรถ

     

     

     

     

               




                กองถ่ายซีรี่ส์

                เป็นอีกครั้งที่ต้องถูกจับแต่งตัวในชุดนักเรียน ผมนั่งพลิกบทไปมา ขณะรอเข้าฉากในอีกไม่กี่นาทีที่จะมาถึง ลู่หานอยู่ไม่ห่างจากผม เขาปล่อยให้ผมท่องบทไปโดยไม่เข้ามากวน ทั้งๆที่ผมอยากให้เขากวนใจแทบขาด . .

                ผมเหลือบมองผู้จัดการคนสวย แล้วยิ้ม

                ลู่หานขมวดคิ้ว “ท่องบทสิ”

                “ไม่เอาแล้ว ท่องได้แล้ว” ผมวางบททิ้งลงบนโต๊ะอย่างใส่อารมณ์

                “ไม่จริง”

                “ไม่เชื่อก็ลองมาซ้อมบทให้สิ เสี่ยวสู่เป็นดารึมให้ด้วยนะ” ผมหมายถึงบทนางเอกของเยอึนที่มีชื่อว่าดารึม เพราะฉากที่ผมต้องเข้าต่อไปต้องเล่นกับนางเอก

                “อือก็ได้” ลู่หานเริ่มอ่านบท “ไอ้บ้า! นายเป็นพวกโรคจิตชอบแต๊ะอั๋งผู้หญิงรึไง!

                “ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมขำอย่างหยุดไม่อยู่

                “อะไร ฉันอ่านผิดเหรอ”

                “ทำไมเล่นดีกว่านางเอกแบบนี้เนี่ย” แถมยังสวยกว่า . . ความเห็นส่วนตัวนะครับ . . เอาลู่หานไปแคสต์บทนางเอกดีมั้ย . .

                “ฉันก็แค่อ่านตามบท” ลู่หานพูดอุบอิบ “ตั้งใจหน่อยสิเซฮุน”

                “อ่าๆ จ้าๆ ตั้งใจแล้ว” ผมยังคงยิ้มอยู่ “เปล่าสักหน่อย แต่ถ้าฉันโรคจิต . . ฉันก็โรคจิตแค่กับเธอนะดารึม”

                ผมพูดจบผมก็รอให้ลู่หานพูดบทต่อ ลู่หานจ้องกระดาษปึกนั้นเขม็ง . .

                “เป็นไรไป อ่านต่อสิ”

                “. . อิจฉานางเอกแฮะ”

                “ว่าไงนะ”

                “เปล่า” ลู่หานกระแอม “อยู่ให้ห่างจากฉัน”

                “ทำไมเธอถึงชอบไล่ฉัน ทีกับไอ้มินฮยอกเธอไม่เคยไล่มันเลยสักครั้ง เธอชอบมันรึไง” มินฮยอกคือบทของอีวอนครับ บทพระเอก

              “ฉันเปล่าสักหน่อย”

              “เธอเกลียดฉันเหรอดารึม”

              “หลีกไปนะ”

              “แต่ฉันรักนายนะ ลู่หาน”

              “ฉันบอกให้หลีกไปไง!ลู่หานเงยหน้าขึ้นมาจากบท “เมื่อกี้ว่าไงนะ เหมือนนายจะพูดผิด”

                “ฉันรักนายนะ ลู่หาน” ผมพูดอย่างจริงจังและตั้งใจสบตาเขา . . แบบยิ้มๆ

               

                และแล้ว . .

     

                โป๊ก!

     

                ผมโดนบทละครของผมฟาดหัวเข้าอย่างจังจนหัวผมหงายเงิบ โคตรเจ็บ!

                “จริงจังน่ะเป็นมั้ย จริงจังน่ะ”

                “ก็นี่ไง ก็จริงจังเนี่ย” ผมบ่นทำเสียงโอดโอย “พูดความจริงนะ จริงจังนะ จริงใจด้วย เจ็บนะTT

                “เล่นอะไรของนายไม่รู้เซฮุน” ลู่หานบ่น  . .

                ผมยังคงจับหน้าผากของตัวเองอยู่ จะแดงมั้ยนะ เมื่อกี้ลู่หานฟาดมาแบบไม่ยั้งมือจริงๆครับ ไม่น่าหยอดตอนที่เขามีของหนักใกล้มือเลย ให้ตาย

                ผมก้มหน้าก้มตา . . จนมองเห็นขาของคนที่เพิ่งขยับเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆ

                “เป็นไรมั้ยอ่ะ” ลู่หานเงยหน้าขึ้นมาส่องหน้าผม

                ผมแกล้งทำหน้าบูด “ไม่เจ็บเลย สบายมาก”

                “ประชดเหรอ”

                “TT

                “ขอโทษนะ” ลู่หานจับมือผมที่แตะหน้าผากของผมเองอยู่เขย่าเบาๆ “ขอโทษนะ ขอโทษน้า”

     

     


     

                ผมยิ้มออกโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที . . “ไม่เคยโกรธหรอกค้าบบบบ”








     

    ผมเข้าฉากจนถึงเวลาพักกอง . . เหนื่อยแบบหาที่ใดเปรียบ นอกจากจะถ่ายฉากที่ซ้อมกับลู่หานแล้ว ยังมีฉากนั้นฉากนี้กับอีวอนเยอะแยะมากมายก่ายกอง โคตรเบื่อหน้ามันอ่ะ ยิ่งเวลาที่ลู่หานเอาน้ำเปล่ามาให้ผมดูดนะ แม่งโคตรมองแฟนผมเลยให้ตาย . . นี่ถ้าไม่เกรงใจผู้กำกับกับเมคอัพสไตล์ลิสต์ที่จะต้องแต่งหน้ามันใหม่ล่ะก็ ผมเอาน้ำสาดหน้ามันไปแล้ว

                “เซฮุน . . ไหวป่าว” ลู่หานผู้ยังคงรู้สึกผิดกับการเอาบทฟาดหน้าผากผมเทคแคร์ผมไม่ห่าง เอาเสื้อกันหนาวมาให้ พร้อมกับน้ำดื่มตอนที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้องพัก

                “เสี่ยวลู่ บอกให้นั่งเฉยๆไง” ผมดึงตัวเขามาใกล้ กระซิบย้ำเป็นครั้งที่ห้าแล้วมั้ง “ . . เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”

                ลู่หานถลึงตามองผม “ไอ้นี่ . . พูดถึงมันทำไมวะ”

                “ก็บอกให้อยู่เฉยๆไงเล่า”

                “ไม่เป็นไร ฉันแมน”

                . . ผมไม่รู้จะพูดว่าไง . .

                “นายล่ะ ดูเหมือนหัวนายจะเป็นรอยเลยนะ”

                “เพราะนายไง”

                ลู่หานหน้าหงิกเมื่อได้ยิน

                “เห้ย อย่าซีเรียสสิ ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เคยโกรธอ่ะ บอกให้อยู่เฉยๆ ไปนั่งในห้องรอ ไม่ต้องออกไปข้างนอกล่อเสือล่อตะเข้” ผมหมายถึงใครพวกคุณก็น่าจะรู้ใช่มั้ยครับ “ว่าแต่  .  . พี่แจซอกไปไหน ทำไมวันนี้ทำตัวแปลกๆ”

                “ขับรถออกไปไหนไม่รู้ เขาฝากฉันไว้กับนายน่ะ”

                ผมพยักหน้าเบาๆ เดินเข้าไปในห้องพักสำหรับผมที่มีของกินวางกองอยู่เต็มไปหมด “ทานด้วยกันนะเสี่ยวลู่”

                “ฉันก็อยู่ด้วยนะ เห็นหัวฉันบ้างสิเซฮุนน่า”

     

     

                เยอึน . . อยู่ในห้องนี้ด้วยเหรอ . . ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

     

     

                ผมหยิบข้าวขึ้นมาสองกล่อง “งั้นลู่หาน เราออกไปทานข้างนอกกันเถอะ”

                “เซฮุน!!!!!!” เยอึนแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ “นายจะทำเกินไปแล้วนะ!

                “ฉันทำเกินไปตรงไหน”

                “มารยาทน่ะ!

                “สำหรับเธอ ไม่ต้องก็ได้มั้ง . .” ลู่หานกระตุกแขนเสื้อผมอย่างเตือนๆ

                “งั้นนายก็อยู่ที่นี่แหละ ฉันจะไปเอง” เยอึนกอดอก มีสีหน้าท่าทางเย่อหยิ่ง “แต่จะบอกอะไรให้อย่าง . . นายอาจจะรับศึกหนักหน่อยนะช่วงนี้”

                ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับคำพูดของเธอ “ใครจะมาทำสงครามแถวนี้เหรอ”

                “คอยดูก็แล้วกัน ฉันแค่มาเตือน ” เยอึนหันขวับมาหาลู่หาน ไม่พูดอะไร และก็เดินหนีออกจากห้องไป

                “อะไรของหล่อน” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่คนของผมตัวแข็งทื่อ “ลู่หาน เป็นอะไร มานั่งทานด้วยกันสิ”

                “เยอึนหมายความว่าไง”

                “ไม่ต้องไปสนใจ”

                “ไม่ได้ ฉันต้องสนใจสิ” เขาเอามือกัดเล็บตัวเองอย่างเครียดๆ

                ผมมองเขาอย่างฉงนสนเท่ห์ . .

                “เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวกับท่าทีที่แปลกๆไปของพี่แจซอก”

                “อย่าคิดมากสิ” ผมพยายามเชิญชวนเขาให้นั่งลง แต่เขาก็ไม่ยอมนั่งสักที

                “เกิดอะไรขึ้นนะ”

                “มันไม่มีอะไรหรอกน่า”

                “มันต้องมีอะไรสักอย่างสิ . .

                ด้วยความที่ผมหิวข้าวบวกกับไม่อยากให้เขาคิดมาก  . . ผมจึงเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับสวมกอดจากทางด้านหลัง และก็ลากเขาไปนั่งด้วยท่าทางอย่างนั้นจนเท้าเขาลอย

                “เซฮุน!

                “หิวข้าวจะแย่”

                “ไอ้บ้านี่”

               

     

                “โอเซฮุน”

                เสียงหนึ่งทำให้ผมลู่หานชะงักค้าง . . หันไปมองที่ประตูพร้อมกัน . . เสียงนั้นทำให้ลู่หานแกะมือผมออกจากตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อรู้ว่าเป็นใครเขาก็ยิ่งแกะมือผมออกใหญ่เลย

                “เจ๊ใหญ่”

                ท่านรองประธานค่ายต้นสังกัดของผม และที่อยู่ข้างหลังนั่น . . คือพี่แจซอก . . ที่ดูอิดโรยและเคร่งเครียดมากจนผิดปกติ

                “ทำไมมาถึงนี่ได้อ่ะ” ผมถามอย่างเป็นกันเอง ในขณะที่นางพญาอย่างเจ๊ใหญ่ทำคนอื่นโค้งจนหน้าจะติดพื้นอยู่แล้ว รวมทั้งลู่หานด้วย

                “เลิกกอง” เธอหันไปสั่งผู้กำกับที่วิ่งหน้าตื่นมารับเธอ “แจซอก ปิดประตู”

                พี่แจซอกพยักหน้า . . และก็ปิดประตู

                ในห้องจึงแต่ผม ลู่หาน เจ๊ใหญ่ และก็พี่แจซอกเท่านั้น . .

               

                คำถามแรกในหัวผม . . เกิดอะไรขึ้น . . เจ๊ใหญ่มาถึงกองถ่ายเองขนาดนี้ทั้งๆที่เป็นผู้อำนวยการผลิตละครเรื่องนี้แสดงว่าไม่ธรรมดาแน่ๆ

     

                เธอหันไปมองหน้าลู่หาน . . มองอยู่นาน . . และเธอก็ถอนหายใจ

     

                “ฉันคิดสงสัยมาตลอดว่าโตขึ้นนายจะได้เป็นแฟนกับใคร”

     

                “

     

                “คนนี้เองเหรอคือเจ้าของหัวใจนาย”

     

                น้ำเสียงของเธอเหมือนพี่สาวกำลังพูดกับน้องชาย . . ผมกลืนน้ำลาย . . ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามาราวกับห่าคลื่นขนาดใหญ่

                เธอรู้แล้ว . .

                ผมไม่รู้ว่าเธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และแน่นอนมันต้องกระทบกับหน้าที่การงานของผมไม่ทางบวกก็ทางลบ

     

                ผมมีแฟน . . และแฟนคนนั้นก็เป็นผู้ชาย . .

     

                คิดดูอีกที . . ผลที่ตามมาอาจจะมีแต่แง่ลบก็ได้ 

     

                ผมหันไปมองลู่หานที่หน้าเสียและก็หลุบสายตาลงต่ำ เครียดยิ่งกว่าเอาบทละครมาตีหัวผมเป็นร้อยแผล . .

     

                สักวันวันนี้ก็ต้องมาถึง . . วันที่ทุกคนต้องรับรู้ความจริงทั้งหมด . .

     

                “ครับเจ๊” ผมพูดอย่างหนักแน่น “ผมคบกับผู้จัดการของผม”

                เจ๊ใหญ่ถอนหายใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด . . ลู่หานโค้งให้เจ๊ใหญ่และบอกว่าจะขอตัวออกไปข้างนอก แต่โดนพี่แจซอกรั้งเอาไว้ . .

                “เจ๊จะว่าอะไรมั้ย” ผมถามเหมือนเด็กเพิ่งขอบุพการีซื้อของเล่นราคาแพงให้ ดวงตาของผมลุ้นมากมายกับปฏิกิริยาของเจ๊ใหญ่

                เธอถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ . . “ฉันจะว่าอะไรได้”

                “หมายความว่า . . เจ๊ไฟเขียวใช่มั้ย!!!!” ผมดวงตาเบิกโพลงอย่างกระตือรือร้น “แถลงข่าวเลยสิ พรุ่งนี้น่ะ แถลงไปเลย!

                “เซฮุน . . มันไม่เคยมีอะไรง่าย นายอยู่วงการมานานนายก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเครียด “แจซอก . .” เธอพยักหน้าให้พี่หมีที่กลายเป็นผู้ช่วยเฉพาะกิจของเธอ

                พี่แจซอกมองผมอย่างเศร้าสร้อย และเขาก็ส่งไอแพดมาให้ผม

                “อะไรเหรอ . .

                “เปิดดูสิ”

     

                ผมมองหน้าลู่หานที่สบตาผม . . ก่อนที่จะกดเปิดดู . .

     

                รูปผมกับลู่หาน . .

     

                มีแทบจะทุกอิริยาบถด้วยซ้ำ . . .ใครกันที่มันมาถ่าย . .

     

                เยอะแยะจนผมทนดูไม่ไหว . .

     

                การเป็นห่วงความเป็นส่วนตัวของลู่หานทำให้สติผมขาดผึง “นี่มันอะไรกัน”

                “ฉันกับบริษัทปิดข่าวได้ไม่หมดหรอกนะเซฮุน”

                “

                “กระแสวิพากษ์วิจารณ์มันเริ่มเกิดจากคนกลุ่มเล็กๆ จนตอนนี้ . . มันขยายไปจนเกินกว่าที่ฉันจะควบคุมไหว”

                “...

                “ไม่นาน . . เราอาจจะต้องจัดงานแถลงข่าว”

     

                “ก็ดีครับ!” ผมพูดขึ้นมาทันที “ผมจะได้ประกาศไปเลยว่าผมคบกับลู่หานอยู่ ผมรอโอกาสนี้มานานแล้ว!

                ทุกคนในห้องนั้นกลั้นหายใจ . .

     

                ทำไม . . ทำไมต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องยากด้วย

     

                “ลู่หาน . . นายไม่เห็นด้วยกับฉันเหรอ” ผมพูดกับลู่หาน . . เมื่อไม่มีใครอยู่ข้างผมตอนนี้ผมก็เริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมาบ้างแล้ว . . “แต่นาย . .

                “สักวันวันนี้มันก็ต้องมาถึงเซฮุน . .” ลู่หานพูดอย่างเครียดๆ

                “แล้วนาย . . ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น . . ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นด้วย . .

                “. . เรื่องนี้มันอยู่ในใจของฉันมานานแล้ว”

                “เดี๋ยว . . นี่มันอะไรกัน . .” สติผมเริ่มจะหลุด . . ความกลัวเริ่มเกาะกินหัวใจผมทีละนิดๆ ผมมองหน้าเจ๊ใหญ่ที่หลุบตาลงต่ำ พี่แจซอกหันไปมองอย่างอื่น และลู่หาน . . เขาไม่กล้าสบตากับผม

     

                ทำไมทุกคนต้องเป็นแบบนี้กันไปหมด . . มันไม่ใช่เรื่องยากเลยไม่ใช่หรือยังไง . .

     

                “นาย . . ไว้ใจฉันใช่มั้ย เซฮุน”

                “ทำไมถามแบบนี้” ผมเริ่มน้อยใจลู่หานขึ้นมาเรื่อยๆ ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้น ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น . .

     

                ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ . .

     

              “นายรู้ใช่มั้ย เวลาที่นายคิดถึงฉัน . . ฉันจะคิดถึงนาย”

              “เดี๋ยว เสี่ยวลู่ นี่มัน . .

     

                “แจซอก . . ตอนนี้เลย” เจ๊ใหญ่สั่งพี่แจซอก ที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากทำตามคำสั่ง

     

                พี่แจซอกเดินมาจับตัวลู่หาน และก็พาเดินออกไปช้าๆ

     

                “จะพาเขาไปไหน”

     

                ลู่หานยังคงมองผม . . ทำหน้าเศร้าสร้อย . .

     

                “อะไรกัน นี่มันอะไร! พี่แจซอก เจ๊ใหญ่!” ผมเริ่มเอะอะโวยวาย “มันกะทันหันไปนะ อะไรน่ะ ผมไม่เข้าใจ!

               

                “จากนี้ไปนายต้องถูกจับแยกกับผู้จัดการของนาย ถูกยึดโทรศัพท์ ถูกกักบริเวณ จนกว่ากระแสข่าวเรื่องนายคบกับผู้จัดการจะซาลง . .

     

                คำพูดของเจ๊ใหญ่เป็นคำประกาศิตที่เหมือนมีดกรีดหัวใจผม . .

     

                “ว่าไงนะ”

                “ฉันเสียใจเซฮุน ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากทำแบบนี้”

                “ไม่นะ ไม่เอา . . ไม่เอาแบบนี้!” ผมโวยวายไม่เป็นภาษา มองดูลู่หานที่กำลังจะออกไปจากห้อง “ลู่หาน นายอย่าเพิ่งไปนะ! ฉันจะขอเจ๊ใหญ่เอง แป๊บเดียวรับรองได้ ฉันสัญญา”

                “นี่มันเรื่องใหญ่นะเซฮุน”

                “ใช่สิครับ มันเป็นเรื่องใหญ่!

                “นายถึงจะทำตามใจนายไม่ได้”

                “เจ๊ใหญ่ . .

                “ฉันขอโทษ”

     

                เหมือนผมโดนขโมยหัวใจอย่างกะทันหัน ผมอ้าปากค้าง มองดูลู่หานถูกลากออกไปจากห้องโดยพี่แจซอก . . โดยมีเจ๊ใหญ่เดินตามออกไป

                ทิ้งให้ผมอยู่ในห้องคนเดียว . .

     

                ผมไม่รอช้า . . รีบเดินตามออกไปแต่ . . ประตูโดนปิดแถมยังล็อคออกมาจากข้างนอก

     

                “นี่!” ถ้าไม่โวยวายก็ไม่ใช่ผมแล้ว ผมทุบประตูเสียงดัง “ปล่อยผมนะ! ทำไมทำแบบนี้ ทำไมเร็วขนาดนี้ ทำไมปุบปับแบบนี้ ทำไมอ่ะ!

               

                ไม่มีใครตอบผมเลย . .

     

                “ลู่หาน! อย่าไปนะ อย่าไปยอมพวกเขา ฉันสู้ไหวนะ เชื่อใจฉันสิ!

     

                . . .

     

                “ทำไมยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ล่ะเสี่ยวลู่”

     

                . . เสียงทุบประตูของผมเบาลง . . และเสียงของผมก็เบาลงเช่นเดียวกัน

     

                ผมหลับตาลงและร่างของผมก็อ่อนปวกเปียกนั่งลงหันหลังพิงประตูอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง

     

                ผมรู้ . . ว่าสักวันมันจะต้องเป็นแบบนี้

                ไม่ว่าผมจะได้รับสิทธิพิเศษจากต้นสังกัดมากสักแค่ไหน . . สักวันมันก็ต้องเป็นแบบนี้

     

                แต่มันหักดิบ มันรวดเร็ว มันตั้งตัวไม่ทัน . .

     

                เร็วจนเกินไป

     

                เมื่อเช้าเรายังหวานกันอยู่เลย TT

     

     

              “ถ้าไม่มีนายอยู่ข้างๆ ฉันจะสู้ไหวได้ยังไง . . เสี่ยวลู่”

     

              ผมพูดออกมาอย่างหมดหวัง . .

     

     

     

     

     

              “พี่แจซอก . . คือว่า . .

              “ว่าไงลู่หาน หน้าตาสดใสนะเรา แต่ทำไมดูกังวลแปลกๆ”

              “พี่รู้มั้ย . . ว่าผมน่ะ . .

              “อะไร . . เรื่องที่นายคบกับเซฮุนเหรอ”

              “เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่รู้เหรอ!!!!!!!!!

              “ฮ่าๆๆๆ เซฮุนมันเป็นดาราของฉัน ทำไมฉันจะไม่รู้”

              “

              “ไม่ต้องเขินหรอกน่า พวกนายเหมาะสมกันดีออก”

              “พี่แจซอกครับ . .

              “ว่าไง”

              “อนาคตผมกับเซฮุน . . จะไปได้สวยมั้ยครับ”

              “ไปได้สวยสิ . . ขึ้นอยู่กับนายสองคน”

              “และถ้าวันหนึ่ง . . ผมเป็นต้นเหตุให้เซฮุนต้องมีอุปสรรคเรื่องงานของเขา”

              “

              “พี่ช่วย . . จับผมแยกกับเซฮุนทีนะครับ”

              “เดี๋ยวนะ แล้วไอ้บ้านั่นมันจะไม่ขาดใจตายก่อนเหรอ!!!!!!!!!!!!!

              “ผมเข้าใจดีครับ”

              “

     

              “ผมก็คงไม่แตกต่างกัน”

     

     

     

     

     

     

             

              โทรศัพท์โดนยึด

    อินเตอร์เน็ตถูกตัด

                ถูกกักบริเวณอยู่แต่ในอพาร์ตเม้น ข้างนอกมีคนของบริษัทเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง

     

                ผมนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา รู้สึกช็อคเกินกว่าจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ ข้าวของของลู่หานถูกเก็บออกไปก่อนที่ผมจะกลับมาถึง . . เหลือเพียงแต่ตุ๊กตาหมีสองตัวเท่านั้นที่ยังอยู่และเป็นความทรงจำระหว่างสองเรา

     

                มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ . .

     

                สิ่งเดียวที่เจ๊ใหญ่เหลือไว้ให้คือทีวี . . ทีวีที่ผมไม่มีอารมณ์จะเปิดเลยแม้แต่นิดเดียว ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ และมืดลงไปมากทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มืดขนาดนั้น

                ผมกำลังจะเป็นบ้า . .

                “เซฮุนน่า” พี่แจซอกเดินเข้ามาในห้องพร้อมๆกับของกิน

                “พี่แจซอก” ผมเดินเข้าไปหาเขา เขย่าคอเสื้อเขา “ทำไมทำกับผมแบบนี้ ทำไมๆๆๆ”

                “

                “ผมไม่ยอม ไปเอาลู่หานกลับมา ไปเอาลู่หานกลับมา!!!!!!!

                “เซฮุน”

                “ผม . . ผม . .” ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง “. . ผมรู้นะ . . แต่ผม . . ไม่ทันได้ตั้งตัว ผมขอร้อง . . อย่างน้อยก็น่าจะให้ผมได้ใช้โทรศัพท์บ้างสิ”

                “ไม่ได้ เซฮุน”

                “

                “นี่เป็นคำสั่งของต้นสังกัด”

                “แล้วผมต้องทนอยู่ในสภาพนี้อีกนานเท่าไหร่”

                “อาจจะซักเดือนสองเดือน” พี่แจซอกพูดอย่างไม่แน่ใจและเศร้าสร้อย ผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ไม่ร้อง “หรือไม่ก็ . .

                “ก็อะไร”

               

                “โธ่เซฮุน อย่าให้ฉันพูดเลย”

     

                “พูดมาสิ!

     

              “จนกว่านายจะเลิกกับลู่หาน”

             

              “ไม่มีทาง” ผมพูดออกมาทันที “ไม่มีทาง!!!!!!!!!!!

                “ฉันรู้เซฮุน ฉันรู้” พี่แจซอกกล้ำกลืนฝืนพูดกับผม “แต่ฉันทำอะไรไม่ได้ ฉันทำอะไรไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ชีวิตฉันก็ถูกควบคุมไม่แพ้กับนาย เพราะฉันเป็นผู้จัดการของนาย”

                “ให้ตายสิ” ผมเอามือแตะหน้าผากตัวเองอย่างปวดหัว

                “ครั้งนี้ต้นสังกัดเอาจริง . .

               

                “

     

                “นายตามใจตัวเองเรื่องนี้ไม่ได้ . . เซฮุน”

               

                ผมนั่งนิ่งเงียบบนพื้น . . พี่แจซอกทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆกับผม . .

                “หิวมั้ย” เขาถามผม

                “ผมจะกินลงได้ยังไง”

                “ฉันเอากิมจิฝีมือยายของลู่หานมานะ”

                ผมเริ่มมีความสนอกสนใจมากขึ้น “พี่ไปส่งเขามาเหรอ!

                “แหงสิ”

                “เขาเป็นไง เขาว่าไง เขาคิดถึงผมมั้ย”

                “ฉันไม่รู้”

                “

                “เขาซึม และไม่พูดอะไรเลย”

                “

                “ฉันไม่อยากแยกพวกนายสองคนออกจากกันจริงๆ เซฮุน ฉันขอโทษ”

     

               

                ผมเอาหน้าตัวเองลงไปซุกกับเข่าของตัวเองที่ชันขึ้น . .

     

                นี่เรื่องจริงเหรอ . . นี่เรื่องจริงแน่เหรอ . .

     

                ผมไม่คิดว่าผมสามารถรับมันได้ไหว . .

     

     

     

     

     

     

                “นาย . . ไว้ใจฉันใช่มั้ย เซฮุน”

     

    “นายรู้ใช่มั้ย เวลาที่นายคิดถึงฉัน . . ฉันจะคิดถึงนาย”

     

     

     

     

     

    นายต้องคิดถึงฉันมากแน่ๆ

               

     



     

    เพราะตอนนี้ฉันคิดถึงนายจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว  . .

     

     

     

     

     

     

     

     

     



















    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×