คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER TWENTY
[ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER TWENTY
จนถึงตอนดึกลู่หานก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะโทรหาเซฮุน . .
ตลอดทั้งวันเขาต้องอยู่กับญาติและก็คนเกือบทั้งหมู่บ้าน ทุกคนแวะเวียนมาหาเขา มาถามสารทุกข์สุขดิบทั้งๆที่ตลอดชีวิตของเขาเขาอยู่ที่เกาหลีเป็นส่วนใหญ่ไม่ใช่ที่นี่ แต่เพราะตอนเด็กๆลู่หานนิสัยดีเป็นเด็กดีของหมู่บ้านจึงมีแต่คนรักใคร่เขา บ้านไหนมีหลานสาวก็มักจะจับคู่ให้เขากับเธอเหล่านั้นอยู่เสมอ และเรื่องที่เขากลับมาที่จีนครั้งนี้ดังไปทั้งหมู่บ้าน จนมีคนมาชะเง้อคอดูจากรั้วบ้านหลายคนเพื่อมาเจอเขา . .
ทำอย่างกับเขาเป็นดาราเหมือนเซฮุน ทั้งๆที่เขาน่ะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง . .
ลู่หานค่อยๆเดินออกไปข้างนอก หยิบโทรศัพท์ของแม่ออกมาและก็เช็คดูสัญญาณ แถบนี้เป็นแถบชนบทของจีน ถ้าจะหาสัญญาณก็ค่อนข้างหายากอยู่เหมือนกัน ลู่หานถอนหายใจ เตรียมรอรับโทสะคนรักที่ต้องมาเป็นคลื่นใหญ่ถ่าโถมเข้าชายฝั่ง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ . . ก่อนที่จะกดเบอร์โทรออก
ไม่มีสัญญาณ
เวรกรรม . . “แม่ . . เดี๋ยวมานะ ออกไปโทรศัพท์แป๊บนึง” เขาร้องบอกคนในบ้าน ซึ่งกำลังง่วงเหงาหาวนอนกันหมดแล้วเนื่องจากใช้พลังงานในการเม้ามอยเรื่องของเขามากไป . . ก็อบอุ่นดี แต่การกลับมาครั้งนี้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะเขาต้องห่างจากบ้านไปนาน แต่เป็นเพราะ . . อยู่ที่นู่นผมมีใครบางคนมาช่วยเติมเต็ม แถมยังเติมเต็มเป็นอย่างดี(แบบเด็กๆ) นั่นทำให้เขารู้สึก . . มีความสุขยังไงก็ไม่รู้
คิดถึง . .
ใช่ เขากำลังคิดถึงโอเซฮุน ลู่หานเปิดประตูรั้วบ้านออกมากลางดึก ตามหาสัญญาณอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบแม้จะมีแสงไฟออกมาจากบางบ้านก็เถอะ
ไม่มีสัญญาณเลย และตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืนเข้าให้แล้วด้วย . . รอบตัวของลู่หานเงียบและก็มืดมาก เขาไม่กล้าที่จะไปไกลกว่านี้ แต่เขาก็อยากที่จะโทรหาเซฮุน เพราะพรุ่งนี้เขาเชื่อว่าเขาจะต้องไม่ว่างเหมือนวันนี้อีก ยิ่งเฉินเพื่อนเก่าของเขาจะพาเพื่อนมาถล่มบ้านเขาในวันพรุ่งนี้ ยิ่งหนักไปกว่าวันนี้อีก
อ๊ะ . . มีสัญญาณแล้ว . . หนึ่งขีดถ้วน
ลู่หานรีบกดโทรออกแล้วพยายามยืนอยู่นิ่งๆ . .โทรติดด้วย!!!!
เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ . .
ลู่หานแทบจะร้องออกมาอย่างเหลืออด กว่าจะหาสัญญาณได้ พอโทรติดกลับไม่เปิดโทรศัพท์ซะงั้น
เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ ลู่หานโทรไปอีกรอบ ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม
แว้บแรกในความคิด . . เซฮุนต้องการจะเอาคืนเขารึเปล่า . .
ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะคนอย่างเซฮุนต้องรับสายและก็โวยวายกลับมาเป็นน้ำไหลไฟดับโทษฐานที่เขาไม่รับโทรศัพท์แน่นอน แล้วทำไม . . เขาถึงปิดเครื่อง . . ทำไมกันนะ . .
ลู่หานทรุดตัวนั่งลงบนม้านั่งบนยอดเขาเตี้ยๆที่อยู่เหนือหมู่บ้าน แสงสว่างเพียงอย่างเดียวที่เขามองเห็นคือดวงจันทร์กับดวงดาวที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแบบนี้ในโซล จะว่าไป ลู่หานก็นึกสงสัยว่าเซฮุนจะเคยเห็นดาวชัดๆแบบนี้ในที่แบบนี้รึเปล่า เขาทำงานตั้งแต่เด็ก อยู่แต่ในโซล อยู่แต่ในที่ที่มีแต่แสงสีเสียง ลู่หานอยากลองพาเขามาดูดาวที่นี่ . . อยากรู้ว่าเขาเห็นดาวสวยขนาดนี้และเขาจะทำหน้ายังไง จะยิ้มมากน้อยแค่ไหน . .
ให้ตาย . . รับโทรศัพท์สิ โอเซฮุน . .
“มานั่งทำอะไรคนเดียวน่ะ”
ลู่หานสะดุ้งสุดตัว ขอย้ำว่าสุดตัวจริงๆ เพราะเขาไม่คิดว่าแถวนี้จะมีใครคนอื่นนอกจากเขา
และที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้น . . เขาไม่คิดว่าคนๆนี้จะมาอยู่แถวนี้ได้ในเวลานี้ . .
พระเอกซีรี่ส์ควรเตรียมตัวถ่ายทำพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไง ???
“อีวอน”
“ตกใจเหรอที่เจอฉัน” เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อและก็เดินมานั่งข้างๆลู่หาน ลู่หานรีบเขยิบออกไปชิดอีกข้างของที่นั่งทันทีแทบจะตกลงไปจากม้านั่ง
“มาได้ไง”
“อ๋อ มีงานที่ปักกิ่งน่ะ”
“มีงาน ทั้งๆที่นายจะถ่ายละครอยู่แล้วเนี่ยนะ” ลู่หานรู้สึกว่ามีกลิ่นตุๆสำหรับเรื่องนี้
“ก็ . .นะ” อีวอนยักไหล่ตอบเขา “หมู่บ้านนายอบอุ่นดี ฉันเฝ้าดูนายเจอคนนั้นคนนี้จับแก้ม . . อิจฉาชะมัด”
“อีวอน ฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ว่า . .” ลู่หานมองใบหน้าหล่ออย่างเกร็งๆ “ . . ฉันบอกนายตรงๆไปแล้วนี่”
“บอกเรื่อง . .”
“เรื่องที่ฉันมีแฟนแล้ว”
จากที่อีวอนทำหน้ายิ้มๆบัดนี้ใบหน้าของเขาเริ่มต่างออกไป . . “แล้วยังไง”
“นายไม่ควรมายุ่งกับฉันนะ”
“ลู่หาน . .” อีวอนเขยิบเข้ามาใกล้ลู่หาน คนตัวเล็กกว่ารีบลุกขึ้นยืนทันที “. . อะไร ฉันไม่ได้จะทำอะไรเลยนะ”
แค่มาอยู่ตรงนี้ก็ใกล้มากพอแล้ว . .
เพราะเซฮุนเป็นคนขี้หวง ทำให้ลู่หานหวงเนื้อหวงตัวเองมากยิ่งกว่าอะไร . .
มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ . .
“ฉันจะกลับบ้าน”
ลู่หานก้าวดุ่มๆลงมาจากเขาทันที โดยไม่สนใจว่าอีวอนจะว่ายังไง เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อีวอนพูดนั้นมันจริงหรือเปล่า แต่การที่อีวอนมาอยู่แถวนี้ในเวลาแบบนี้ มันทำให้เขาหวาดระแวง
เพราะตลอดเวลาที่อีวอนทักเขามาในโปรแกรมแชท ก็ใช่ว่าอีวอนจะเป็นผู้ชายปกติทั่วไป
หมอนั่นขี้ตื๊อแบบสุดๆ ตื๊อจนลู่หานต้องพูดออกไปตรงๆ
ถึงจะพูดตรงเท่าไหร่ อีวอนก็ยังไม่เลิกยุ่งกับเขา . .
นั่นแหละที่ทำให้ลู่หานกลัว . .
ลู่หานนอนไม่หลับ . .
ร่างบางในผ้าห่มนวมมองดูโทรศัพท์ของแม่อย่างเอาเป็นเอาตาย เขาติดต่อเซฮุนไม่ได้ ลู่หานวิตกกังวลกับเรื่องนี้ มันอาจจะเป็นกรรมของเขาที่ไม่ยอมหาทางติดต่อเซฮุนตั้งแต่ที่มาถึง และลู่หานก็เข้าใจแล้วว่าตอนนี้เซฮุนจะรู้สึกยังไง
นี่ถ้าเซฮุนแกล้งเขาจริงๆ ก็ขอให้เลิกแกล้งเขาเถอะ . . มันไม่สนุกเลย มันมีแต่จะทำให้ทั้งคู่คิดมากและก็เป็นห่วงอีกฝ่ายจนไม่เป็นอันทำอะไรแบบนี้ . .
“นายจะนอนหรือยังนะ” ลู่หานรำพึง เขาพลิกตัวไปมาเป็นครั้งที่หก นอนไม่หลับ ยังไงก็นอนไม่หลับ นึกถึงตอนที่เซฮุนโวยวายเรื่องการกลับมาที่นี่ของเขา ทำให้เขารู้สึกเข้าใจในหัวอกของเซฮุน เขากับดาราคนนั้นห่างกันได้แค่แป๊บเดียวจริงๆสินะ . . แค่นี้ก็คิดถึงมากแล้ว . .
และยังเหลืออีกตั้งสองวัน . .
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงกรีดร้องของแม่ทำให้ลู่หานต้องสะดุ้ง เขาลุกขึ้นออกจากผ้าห่มนวมทันที โจรขึ้นบ้านเหรอ . . ทำไมแม่กรี๊ดแบบนั้น . .
และทันทีที่ลู่หานเปิดประตูห้องนอนของเขาออกมา เขาก็ต้องผงะ . .
โอเซฮุน . . ตัวเป็นๆ . . คนเดียวกันกับเมื่อเช้าที่นอนอยู่ข้าๆเขาที่เกาหลี
“เห้ยยยยยยย!!!!” ลู่หานร้องอย่างตกใจ เซฮุนปิดปากเขาและก็ค่อยๆผลักตัวลู่หานเข้าไปในห้องนอน จากนั้นก็ปิดประตู . .
ร่างสูงปล่อยมือออกจากปากลู่หาน . . หลังจากที่หอบออกมาอย่างเหนื่อยๆเขาก็กระโจนกอดร่างบางของลู่หานแทบจะในทันทีจนหลังของลู่หานแทบหัก . .
“เซฮุน . .” ลู่หานดูงงงัน ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเซฮุนคือมาอย่างรีบเร่งไม่มีการปรุงแต่งใดๆ
เซฮุนไม่พูดอะไรกับเขาเลย เอาแต่กอดเขาและก็ซุกหน้าลงมาบนไหล่ เซฮุนค่อยๆหายใจเบาลงราวกับเขาโล่งอก
“มี . .อะไรเหรอ” ลู่หานถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“บางคน . . ไม่รับโทรศัพท์”
มาไกลถึงนี่เพราะเหตุนี้เองน่ะเหรอ . . แต่ลู่หานก็มีส่วนผิดที่เขาไม่โทรกลับไปหาเซฮุนตั้งแต่เนิ่นๆ
และตลอดเวลาที่เขาโทรหาเซฮุนไม่ติด ลู่หานเข้าใจว่าเซฮุนรู้สึกยังไง
เขาจึงไม่ต่อว่า . . เอื้อมมือไปกอดตอบ . . และก็เปรยออกมาเบาๆเสียงสำนึกผิด “ขอโทษ”
“งอน”
พูดออกมาทั้งๆที่ยังกอดอยู่ . .
ลู่หานแอบยิ้ม “ง้อนะ”
เซฮุนผละออกมาจากอ้อมกอดของลู่หาน มองหน้าคนรักของตัวเองในเงามืดที่มีแสงจันทร์สลัว ก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของอีกฝ่ายหนึ่งที ก่อนพูดขึ้นมาง่ายๆ “หายก็ได้”
พูดจบก็ลงไปนอนบนที่นอน ดึงร่างของลู่หานลงกอดด้วยและก็รัดแน่นตามสไตล์ของโอเซฮุนคนปกตินั่นแหละ . .
“มาได้ไง งานล่ะ แล้วเสียงแม่เมื่อกี้”
“แม่ลู่หานอยู่กับพี่แจซอก และก็ . . อีกสองชั่วโมงต้องบินกลับแล้ว”
หวะ ว่าไงนะ . .
ลู่หานพลิกตัวมาเท้าคางมองเซฮุนที่นอนอยู่ เตรียมตัวพร้อมบ่นเต็มที่ “เซฮุน มาทำไมแบบนี้ มันลำบากนะ และพรุ่งนี้ก็ยังต้องทำงานอีก”
“สายนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก” อีกฝ่ายดูเพลียมาก แต่ก็เอื้อมมือมาเกลี่ยแก้มของลู่หานเล่น
“เซฮุนน่า . .”
“ถ้านายรู้ว่าฉันได้รับข้อความว่าอะไร นายจะเข้าใจฉันเอง”
แน่นอนว่าลู่หานไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เขาดีใจและก็เซอร์ไพรส์มากที่เห็นเซฮุนมาที่นี่ แต่ว่า . . มันกะทันหันและมันส่งผลเสียต่อร่างกายของเซฮุนมากในการเดินทางติดๆกันแบบนี้
“นายนี่มัน . .” ลู่หานพองลมเข้าไปที่แก้ม และคำพูดของเขาก็ติดอยู่ที่แก้มไม่ได้พูดออกมา
เขาทั้งสองคนเงียบกันไปอยู่นาน . .
“เพราะรักไง . .” จู่ๆเซฮุนที่ดูเหนื่อยล้าเต็มทีก็พูดขึ้นมาและยิ้มเบาๆให้ลู่หาน
ลู่หานหน้างอง้ำ . . เขาไม่นึกว่าเซฮุนจะทำเพื่อเขาได้ถึงขนาดนี้ . .
“นอกจากพี่แจซอกแล้ว ฉันยังพาอีกคนมาด้วยนะ . .”
เซฮุนชี้ไปที่บางสิ่งบางอย่างที่นั่งดูพวกเขาอยู่ไม่ห่าง
“หมีเซฮุน?” ลู่หานอ้าปากค้าง
“ช่าย . . ฉันจ่ายค่าตั๋วเครื่องให้มันด้วยนะ . . เหนื่อยที่ต้องคาดเข็มขัดให้ . . แต่มันก็ดูสนุกดี”
“เซฮุนน่า นายโตแล้วนะ!”
“ก็ฉันเป็นห่วงแฟนฉันนี่! การ์ดก็ไม่เอา ให้คนมารับมาส่งก็มาเอา จะให้ฉันทำยังไงเล่า”
ลู่หานไม่รู้จะพูดอะไรกับเด็กสี่ขวบในร่างเด็กโตวัยสิบเจ็ดคนนี้ดี . .
“พามันกลับด้วยล่ะ” เซฮุนเอามือของหมีมาเกาพุงแบนๆของเขาเล่นๆ . . จะเอาฮาไปไหน
“รู้แล้ว”
“เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับแล้วนะ เผื่อเวลาเดินทาง เวลาเช็คอิน . .”
ทีนี้กลับกลายเป็นลู่หานที่ไม่อยากให้เซฮุนกลับ . . เซฮุนลุกขึ้นนั่ง . . ลู่หานลุกขึ้นตาม พวกเขาจ้องกันและกันไปมา ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย . .
“ดูแลตัวเองด้วย ดูแล . . มากๆ เข้าใจใช่มั้ย”
ลู่หานพยักหน้า . . เมื่อกี้เขายังเดินหนีอีวอนมาเพื่อเซฮุนเลย . . แค่นี้ทำไมเขาจะทำไม่ได้
“ไม่งั้นจะให้หมีปล้ำ”
“ยังจะมาพูดเล่น”
“ไม่สิ ฉันปล้ำนายได้คนเดียวเท่านั้น”
ลู่หานโผเข้ากอดเซฮุนแบบที่เซฮุนไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงดูผงะนิดหน่อยแต่ก็เอื้อมมือมากอดตอบลู่หานแต่โดยดี . .
“จะทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้ มีอะไรต้องโทรมาและก็รับสายด้วยนะ”
“เข้าใจแล้ว”
“…”
“จะไปแล้วเหรอ” ลู่หานถามเสียงเศร้าสร้อย . . เซฮุนกลืนน้ำลาย . .
ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป . . เขาดื้อด้านมาหาลู่หานถึงขนาดนี้ก็มากพอที่จะทำให้การถ่ายทำละครสั่นสะเทือนไปทั้งวันแล้ว . .
“ก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่หรอก” เซฮุนกระซิบเบาๆที่ข้างหูลู่หาน
ก่อนจะจุมพิตเบาๆที่ข้างแก้ม . .
“แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”
ไอ้บ้า . .
มาหลอกให้คิดถึงแล้วจะยังจะจากไปอีก . .
“รู้ใช่มั้ย ฉันมาทำไม”
ลู่หานพยักหน้า . . ให้เซฮุนรับรู้ว่าเขารู้ . .
“เพราะว่ารัก . . คำเดียว”
ลู่หานไม่เคยพูดออกมาตรงๆ แม้จะเซฮุนจะพอเดาออกว่าลู่หานรู้สักยังไงกับเขา แต่เขาก็ไม่เคยพูดตรงๆสักที
ตอนนี้แหละ . . ที่เขาต้องการจะพูด
เพราะมัน . . ตรงกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้มากที่สุด . .
“เซฮุนน่า . . ฉัน . . รักนาย”
“เซฮุนน่า . . ฉัน . . รักนาย”
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางกองถ่ายที่เก้าอี้พับได้ตัวหนึ่งหลังจากงีบหลับไปสักพัก ก็ระหว่างรอเข้าฉากมันว่างนี่หว่า และผมก็เพิ่งกลับมาจากจีนสดๆร้อนๆเมื่อเช้ามืดของวันนี้ เรียกได้ว่าร่างแทบแหลก แต่เพราะประโยคนั้น . . ประโยคของลู่หานที่ดังก้องอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ผมมีกำลังใจสู้กับการทำงานต่ออีกครั้งถึงแม้ว่าเป็นแบบง่วงๆก็เถอะ
เช้าวันนี้ผมถ่ายไปแล้วประมาณสองซีน . . บทตัวร้ายก็ไม่มีอะไรมากครับ จีบนางเอกแบบแบ๊ดๆใช้ความรุนแรงนิดหน่อย ผมต้องเล่นกับเยอึนมากกว่าไอ้อีวอนเล่นกับเธอซะอีก โคตรแปลกที่วันนี้มันเป็นพระเอกแท้ๆแต่ดันไม่มีคิว แถมยังหน้าด้านไปประเทศจีนอีก ถ้ามันกลับมาและถึงบทที่ผมต้องต่อยมันนะ ผมจะซัดมันแบบไม่ยั้ง เอาให้สมบทบาทไม่ต้องกลัวว่ามันจะผิดคิวหรือมันจะเจ็บ เพราะผมตั้งใจ . .
ป่านนี้ไม่รู้ว่าลู่หานอยู่ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง เขาคงมีความสุขที่มีญาติๆรายล้อมบวกกับเพื่อนเก่าของเขา ผมยังจำหน้าแม่ของลู่หานได้ดีตอนที่ผมโผล่เข้าไปจ๊ะเอ๋กลางดึก(ไม่งั้นผมคงเข้าบ้านลู่หานไม่ได้แน่ๆ เพราะประตูบ้านล็อค) เธอกรี๊ดเสียงดังลั่นบ้าน และมองซ้ายมองขวาหาว่ามีกล้องถ่ายทำรายการเซอร์ไพรส์แบบดาราไปเยี่ยมบ้านไรงี้รึเปล่า ซึ่งก็เปล่า . .
ลู่หานคงยังไม่ได้บอกว่าเขากำลังคบกับผมอยู่ นอกจากเป็นแฟนยังพ่วงตำแหน่งผู้จัดการของผมด้วย บางทีอาจจะยังไม่ต้องบอกก็ได้ ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอพวกท่าน ช่วงนี้มาตรึมทั้งงานราษฎร์งานหลวงแค่ถ่ายละครก็ใช้เวลาเกือบจะทั้งวันแล้ว เวลาไปเรียนยังไม่มีเลย . .
“เซฮุนน่า มาซ้อมบทกับฉันหน่อยซิ” เยอึนโผล่มา เธอมองไปที่เก้าอี้ข้างๆผมและทำหน้าเบ้ใส่หมีลู่หานที่ผมเอามากองถ่ายด้วย มันตาแป๋วจ้องมองมาที่ผมอยู่ตรงนั้นไม่ยอมห่างเลย
“พี่แจซอก ผมอยากกินชานมไข่มุก” ผมไม่สนใจเธอ และหันไปพูดกับผู้จัดการร่างท้วมที่อยู่ไม่ห่าง สภาพผมตอนนี้ไร้อารมณ์(เพราะเยอึน) ไร้พลังงาน(เพราะพักผ่อนน้อย) และไร้หัวจิตหัวใจ(หัวใจอยู่ปักกิ่ง)
“ช็อกโกแลต?”
“ช่าย ไปซื้อให้หน่อยนะ”
“ได้สิ” พี่แจซอกลุกขึ้นยืน พี่เขาก็เพลียพอกัน ต้องขอโทษด้วยที่ต้องมาดูแลดาราตัวแสบแบบผม เขาโดนผมบังคับให้ไปปักกิ่งด้วยและกว่าจะตอบตกลงเล่นเอาผมต้องขุดทุกมุขมาใช้ “เดี๋ยวฉันมานะ อ้อ” เขาหยิบโทรศัพท์ของผมส่งมาให้(เครื่องใหม่เอี่ยม แกะออกมาจากกล่องที่สปอนเซอร์ส่งมาให้เมื่อเช้า ของผมจริงๆนั้นอยู่กับลู่หาน คิดว่าสัญญาณน่าจะดีกว่าของเก่าที่ลู่หานใช้)
“อะไรเหรอ”
“เมสเสจจากลู่หาน”
ผมรีบคว้ามือไปรับทันที แต่ . . เยอึนคว้าไปซะก่อน
“อะไร” ผมโวยทันที . . มองหน้าเยอึนที่มองดูโทรศัพท์เครื่องใหม่ผมยิ้มๆ “เยอึน . . ยัยขี้ขโมย”
“ฉันจะกดลบเดี๋ยวนี้”
“อย่ามากวนประสาทนะ”
“นายต้องซ้อมบทกับฉันก่อน”
“เธอก็เอามาก่อนสิ”
“สัญญานะ”
“รู้แล้ว ให้ตายสิ ฉันตัวร้ายนะไม่ต้องมาเล่นจริงจังกับฉันมากนักก็ได้” ผมอารมณ์บูดสุดๆพลางกระชากมือถือคืนมาจากมือเธอ เยอึนเชิดหน้าอีกครั้งก่อนที่จะบอกกับผม
“หลังกำแพงตรงนั้นนะ ฉันจะรอ”
“เออๆ”
ให้ตายสิ กว่าจะถ่ายเรื่องนี้เสร็จก็อีกตั้งหลายเดือน ผมอยากจะเอาหัวโขกพื้นตอนนี้เลยผมไม่อยากเล่นกับเยอึนจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงที่กวนประสาทผมมากๆ
ผมสั่นหัวไล่ความโกรธไร้สาระออกไป และกดอ่านเมสเสจของลู่หาน . .
ตั้งใจทำงานหรือเปล่า รักษาคอของนายดีๆด้วยล่ะ
เขาหมายถึงที่ผมเป็นหวัดหรือคอที่ตั้งอยู่บนบ่า . . แอบคิดนิดๆหลังจากที่ลู่หานบอกรักผมในคืนนั้น . . เขาก็ทิ้งคำพูดอีกคำเอาไว้ ‘ถ้านายไม่ทำตัวดีๆล่ะก็ นายคอขาดด้วยมีดฉันแน่’
โอเค รู้แล้วว่าหมายถึงเรื่องอะไร ผมอ่านต่อ . .
และก็วันนี้ . . ฉันจะดื่มกับเพื่อนนะ ไม่ต้องเป็นห่วง
เดี๋ยวนะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ดื่ม ดื่มเนี่ยนะ อายุเพิ่งสิบเจ็ดสิบแปดเองไม่ใช่หรือไง อะไรกัน ทำไมต้องดื่ม ไม่เข้าใจ . .
นึกย้อนไป . .ที่ผ่านมาลู่หานก็ใช่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มใสๆ(?) เขาอยากดื่มเมื่อไหร่เขาก็ดื่ม และเขาก็เมาต่อหน้าผมสองครั้งแล้วด้วย ผมรู้ดีว่าลู่หานตอนเมาเป็นยังไง น่า . .ฟัดแค่ไหน ขี้อ้อนซะยิ่งกว่าตอนก่อนนอนซะอีก และถ้าไปเมาต่อหน้าคนอื่น ไปอ้อนคนอื่นล่ะ . .
โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อกโอเซจะระเบิด . .
ผมไม่สามารถบินไปหาเขาแบบที่ทำเมื่อคืนวานได้ ผมจึงต้องกดกระหน่ำโทรศัพท์ไปหาลู่หาน
สัญญาณดังปกติ ผมรอลู่หานรับสายอย่างร้อนใจ จนกระทั่ง . .
“ฮัลโหล !@#$%^&*”
อะไรนะ ???? ภาษาจีนรัวมาใส่ผมแบบนี้ทำเอาผมงง . . และลู่หานให้ใครมารับสายเนี่ย ผู้ชายซะด้วย
“เอ่อ ขอสายลู่หานหน่อย” ผมพูดจีนไม่เป็นด้วยน่ะสิ เลยต้องพูดเกาหลีใส่ปลายสายอย่างอารมณ์เสีย
“ลู่หาน !@#$%^&*()”
อะไรของแม่งวะ . . งงชิบเป๋งเลย
“!@#$%^&*()”
“!@#$%^&*(!@#$%^&*()”
“!@#$%^&*()@#$%^&*()#$%^&*()$%^&*()@@#$%^&*()_#$%^&*()”
อะไร อะไร อะไร . . เสียงปลายสายดูเหมือนจะมีคนเข้ามาคุยด้วย แต่ไม่ใช่เสียงของลู่หานแน่ๆ
“อ๋อ โทษทีๆ เกาหลีใช่มั้ย” ปลายสายถูกสับเปลี่ยนไปให้อีกคนคุย อีกคนที่พูดภาษาเกาหลีได้
“อืม เกาหลี” ผมอารมณ์เสียเอามากๆ “ลู่หานอยู่ไหน”
“โอ๊ะ คุณคือคนที่ทำให้แม่ลู่หานเกือบจะเป็นลมเมื่อคืนใช่มั้ย”
“ลู่หานอยู่ไหน” ทำไมมีแต่คนมีปัญหาวะเนี่ย . .
“แม่เล่าให้ฟังว่าคุณหล่อมาก ว่างๆคุณแวะมาที่หมู่บ้านเราอีกทีได้มั้ยครับ ทุกคนอยากเห็นคุณกันใหญ่เลย”
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย” ผมพยายามใจเย็นให้ถึงที่สุด “ลู่หานอยู่ไหน”
“ไปเก็บผักครับ” ปลายสายตอบเสียงใสซื่อ
เก็บผัก . . เก็บผักเนี่ยนะ อืม คงจะน่ารักน่าดู ตัวเล็กๆบางๆก้มๆเงยๆเก็บผัก . . แต่อย่าเพิ่ง . . โอเซฮุนกลับมาก่อน . . มันยังไม่จบ
“และทำไมเขาไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย”
“แถวนั้นไม่มีสัญญาณหรอกครับ แถวนี้สิมี”
“แล้วนายเป็นใคร”
“ผมชื่อเฉิน ผมเป็นเพื่อนไอ้ลู่”
ลู่หานไม่ค่อยเล่าเรื่องของเขาให้ผมฟังสักเท่าไหร่ . .
“ถ้ามันมาแล้วผมจะให้มันโทรกลับนะครับ!”
“เดี๋ยว” ผมรีบพูดเมื่อรู้ว่าเฉินจะวางสาย
“ครับ?”
“นายจะดื่มกับเสี่ยวลู่ใช่มั้ยเย็นนี้”
“อ๋อ ใช่ครับ เหล้าเบียร์ให้พรึ่บแถมมีเพื่อนมาอีกเป็นโขยง”
ผมรู้สึกได้ว่ามือของผมนั้นกำโทรศัพท์แน่นขึ้นมาก . . ผู้ชายล้อมรอบตัวเสี่ยวลู่ . . อืม . . ก็ไม่น่าหวงเท่าไหร่ ไม่เลย ไม่เลยยยยยยยยยย . .
ถ้าเวลาเขาเมาแล้วเขาหลับผมจะไม่ห่วงเลย แต่นี่เมาแล้วโคตรน่ารัก นั่นมันทำให้ผมจะบ้าตายเมื่อคิดว่าถ้าลู่หานเมาท่ามกลางดงเพื่อนผู้ชายจะเป็นยังไง
อย่างน้อยก็น่าจะมีผมอยู่ด้วยสิ TT
“นายต้องดูแลเสี่ยวลู่ดีๆนะ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เลยต้องหาตาที่สามคอยสอดส่อง “อย่าให้ใครมาแตะต้อง แม้แต่นายก็ห้ามแตะ”
“โอ๊ะ คุณดูหวงเพื่อนผมจังเลยนะครับ”
“แหงสิ ก็ฉันเป็น . .” เมื่อนึกถึงหน้าลู่หานตอนโดนเพื่อนล้อว่ามีแฟนแล้ว ผมจึงต้องกล้ำกลืนเอาคำเหล่านั้นลงคอ “ช่างเถอะ เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันพูด”
“แล้วผมจะได้อะไรล่ะครับ” ไอ้บ้านี่มันฉลาดแฮะ . .
“นายจะได้ลายเซ็นฉัน” ผมพูดอย่างมั่นใจในตัวเอง ลายเซ็นผมแพงนะครับคุณๆ ตั้งแต่ที่อ่านมาผมแจกลายเซ็นบ่อยที่ไหนกัน
“ลายเซ็นคุณ?”
“ใช่”
“แล้วคุณเป็นใครอ่ะ”
อ้าว ไอ้นี่! นึกว่ารู้ว่าผมเป็นดาราซะอีก . .
“คุณดังด้วยเหรอครับ ผมรู้แค่ว่าคุณหล่อมากเฉยๆ”
อยากจะเอาฝ่าเท้ามากุมขมับจริงๆ . . ให้ตาย
“ฉันชื่อโอเซฮุน” หวังว่าที่ไปๆมาๆประเทศจีนบ่อยๆเมื่อครั้งกระโน้นจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ของผมในตอนนี้ได้
“โอเซฮุน???”
“ใช่”
“ใครอ่ะ . .”
ให้ตาย . .ผมอยากจะเงิบหงายหลังลงไปตรงนี้
“โอเซฮุน โอเซฮุน อ๋ออออออออออออออ องค์ชายรัชทายาท!”
ในที่สุด . . มันก็จำผมได้ TT
“ผมกรี๊ดคุณมาก!”
เอ็งกรี๊ดด้วยเหรอ แปลกๆนะเอ็งน่ะ . .
“ได้เลย ผมจะดูแลลู่หานให้เป็นอย่างดี ไม่ให้ใครก็ตามมาแตะต้อง”
“อย่าให้เขาเมามากด้วยนะ อันนี้ห้ามเด็ดขาด”
“ไอ้ลู่มันสายแข็ง มันไม่เมาง่ายๆหรอกครับ”
ผมลองนึกย้อนกลับไปถึงจำนวนกระป๋องเบียร์ที่เคยเก็บในห้องนอนที่โรงแรมคราวก่อนนู้น . . เกือบเต็มถังขยะ . . โอเค . . เสี่ยวลู่ แข็งจริงก็ขอให้แข็งต่อไปเถอะ มันจะดีกับตัวนาย
“นายสัญญาแล้วนะ”
“อย่าลืมเซ็นให้ผมนะครับ!”
“ไม่มีปัญหา”
“เซ็นว่า ให้เฉิน สุดหล่อแห่งสำนักวัดใบไผ่หล่น”
อะไรของแม่งงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไม่เข้าใจ . .
“ตกลงๆ” ตอบไปงั้นแหละ . .
“ผมจะรอ!”
สายถูกตัดไป . . ผมนี่แหละกดตัดสายเอง . . แต่ลืมย้ำกับเฉินไปเลยว่าถ้าลู่หานกลับมาให้เขาโทรกลับหาผม ไม่ทันซะแล้ว . . ผมต้องไปซ้อมบทกับปาร์คเยอึนตามที่ผมสัญญา
พี่แจซอกกลับมาพอดีพร้อมกับแก้วชานมไข่มุกรสช็อกโกแลต ผมรับมาและก็ส่งโทรศัพท์คืนไปให้พี่แจซอก และก็เดินไปหาเยอึนที่รอซ้อมบทอยู่
จู๊ด จู๊ด เสียงผมดูดชานมไข่มุกเข้าไปในปาก
“อะไรน่ะ . . ไม่ซื้อมาเผื่อเลยเหรอ” เธอกลืนน้ำลายเหมือนจะอยากกินด้วย
“ช่วงนี้ขาเธอดูใหญ่ ไม่ต้องกินหรอก”
เยอึนก้มหน้ามองดูขาตัวเองทันที “ขาฉันใหญ่เหรอ นายคิดงั้นเหรอ”
“ช่ายยยยย ไม่เห็นเหมือนเกิร์ลกรุ๊ปที่ฉันเคยเจอ เธอจะดังมั้ยเนี่ย ถ้าขาเธอใหญ่ขนาดนี้” ผมยังคงดูดชานมไข่มุกต่อไป แม้จะเป็นห่วงเสี่ยวลู่ แต่เจ้าแก้วนี้ก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาได้
“ออนนี่!” เธอวิ่งจู๊ดไปหาสต๊าฟของเธอทันที และก็บิดซ้ายบิดขวาให้สต๊าฟดูว่าขาเธอใหญ่จริงหรือเปล่า ผมกลั้นขำ . . ดูดเครื่องดื่มในมือต่อไป และในที่สุดเวลาเข้าฉากของเยอึนก็มาถึง ผมจึงไม่ได้ซ้อมบทกับเธอ และเธอก็ยังคงวิตกกังวลมากเรื่องที่ผมทักว่าขาเธอใหญ่
ก็ทำไงได้ . . ผมไม่อยากซ้อมกับเธอนี่ . . แค่ทำใจเข้าฉากด้วยก็ลำบากจะแย่ . . เธอร่วมสมคบคิดแผนกับไอ้อีวอนนะ . . จะให้ผมบริสุทธิ์ใจที่จะซ้อมบทด้วยได้ยังไง
อีวอน
ลืมไปว่ามันอยู่จีน . . ผมลืมไปเลย . .
เดินไปหาสต๊าฟของกองถ่ายอย่างรีบเร่ง
“พี่ครับ คิวถ่ายอีวอนเริ่มเมื่อไหร่เหรอครับ”
สต๊าฟมองดูตารางในมือก่อนตอบ “พรุ่งนี้น่ะ”
“เอ่อ ขอบคุณครับ”
พรุ่งนี้ . .พรุ่งนี้ . . พรุ่งนี้ . . กว่าจะถึงพรุ่งนี้ก็อีกตั้งหลายชั่วโมง
หรือจะโทรไปย้ำไปเจ้าเฉินแห่งสำนักใบไผ่หล่นว่ามีคนอันตรายอยู่ใกล้ลู่หาน . .
ให้ตาย . . ห่วงจนหัวจะระเบิด . .
“คุณโอเซฮุนเตรียมเข้าฉากครับ”
ไม่มีเวลาให้โทร . .
ถ้าดูแลดีนะ . . ผมจะเซ็นให้เฉินตัวเท่าผนังบ้านเลย ให้ตายสิ . .
ตีหนึ่งครึ่ง . .
ผมเข้ามาในห้องหลังจากถ่ายทำวันแรกเสร็จ(ถ่ายได้เยอะเหมือนกัน แต่กว่าจะจบเรื่องนี้ผมคงต้องนอนดึกกลับดึกอีกนาน) ผมเหวี่ยงกระเป๋าลงบนพื้นพร้อมๆกับลากหมีลู่หานให้มานั่งที่โซฟาข้างๆกัน อีกมือกดโทรศัพท์ยิกๆ ไร้การติดต่อจากลู่หาน ไม่มีแม้แต่เมสเสจ ไม่เป็นไร . . ผมโทรหาเขาก็ได้
แต่ไม่มีใครรับ . . นี่มันสายที่ห้าแล้วนะว้อยยยยยยยยยยยยยยยย!
ไอ้เฉินเอ็งรีบทำอะไรสักอย่างเดี๋ยวนี้ ก่อนที่สำนักเอ็งจะไม่มีใบไผ่ให้หล่น!
คิดไปเองเสร็จสรรพว่าเฉินคือพรรคพวก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การที่ลู่หานไม่รับสายในเวลาที่เขามีปาร์ตี้สังสรรค์แบบนี้มันน่าห่วงน่าหวงน้อยที่ไหนกัน ผมควรจะทำไงดี . .
“เซฮุนน่า อย่านอนดึกนะ พรุ่งนี้ตีห้า”
พี่แจซอกพูดผ่านอินเตอร์คอม แต่ผมไม่ได้สนใจ เดินไปเดินมาต่อหน้าหมีลู่หานอย่างร้อนรน
“ลู่หาน ทำไมไม่รับโทรศัพท์” หันมาหาหมีตัวแทนอย่างจนปัญญา “จะให้ใจขาดตายก่อนมั้ย ถึงจะรับสายอ่ะ ให้ตายสิ”
นั่งลงบนโซฟาอย่างเซ็งๆ . . ก่อนที่จะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เดินไปเข้าห้องน้ำในห้องนอนของตัวเองเพื่อที่จะอาบน้ำ ถอดคอนแทคเลนส์ เปลี่ยนเป็นชุดนอนเตรียมพักผ่อน . .
ผมกำลังแปรงฟันอยู่ ตอนที่ริงโทนเพลง ‘Growl’ ดังขึ้นมา (ลืมกันไปหรือยังว่าผมเป็นแฟนบอยวงนี้)
วิ่งออกมารับสายทั้งๆที่พันผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียว . . หนาวเป็นบ้า
“ฮัลโหล!”
“…”
“เสี่ยวลู่”
“…”
“ฮัลโหล ได้ยินมั้ย”
ปลายสายตะกุกตะกักเหมือนกำลังพลิกตัวนอนหรืออะไรสักอย่างก่อนพูดขึ้นมา “เซฮุนนี่”
. . ชัดเจน
เสียงแบบนี้ไม่เมาก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว . .
“เมาใช่มั้ย เฉินไม่ห้ามหรือไง บอกมันว่าให้เตรียมโดนโค่นต้นไผ่ของสำนักมันได้เลย” ผมพูดอย่างโมโห
“เซ ฮุน นี่ . .”
ควรจะช่างเฉินมันก่อน และควรให้ความสนใจกับคนแมน เอ๊ย . . คนเมา
“ว่าไง”
“ฉัน . . เมา” เสียงยานคางและเอื่อยมาก แต่ก็ยังน่าฟังอยู่
“ครับ รู้อยู่” พูดไปกัดฟันไป . . ไม่อยากให้เขาเมาตอนที่เขาอยู่ห่างจากผมจริงๆ
“นาย . . อยู่ที่ไหนนนนน”
“โซลไง”
“เมื่อคืนยังอยู่นี่อยู่เลยยยยย”
ทำไมต้องอ้อนด้วยนะ . . ถ้าบินไปได้ก็จะบินไปหาแล้ว
“ขอโทษน้า ที่ตอนนี้อยู่โซล” กะจะบ่นเสียให้เต็มที่ว่าไม่อยากให้ดื่ม แต่พอได้ยินแบบนี้แล้วมันบ่นไม่ลงจริงๆ ได้แต่ยอม “เมาแล้วโทรมาถูกเบอร์ด้วยแฮะ เก่งนะเรา”
“ใช่! ฉันเก่งมาก!” ไม่น่าไปชมเลย “ฉันชนะไอ้เฉินด้วย มันอ้วกไปแล้วตั้งสองครั้งแน่ะ ตอนนี้นอนน็อค”
-_- นี่คือสีหน้าของผมเมื่อได้ยินเรื่องราวของเฉิน . . ไว้อาลัยให้กับต้นไผ่ที่ผมกำลังจะไปโค่น
“ฉันเป็นคนเก่งของเซฮุนใช่มั้ย”
จากที่ผมเอามือกุมขมับ เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมจึงเงยหน้าขึ้นมา . .
“ใช่มั้ยเซฮุน ตอบมาสิ!”
“ครับ เก่งครับ” ทำไมไม่อยู่ใกล้ๆผมนะ ทำไมต้องอยู่กันคนละประเทศด้วย
หรือเขาจะรู้ว่าถ้าอยู่ใกล้ผมคือเขาจะไม่รอด . .
“ได้ไปอ้อนใครแบบนี้ที่ไหนหรือเปล่า”
“อ้อน?”
“ใช่” หลอกถามความจริงจากคนเมาดูดีกว่า . .
“เปล่าซักหน่อย” โล่งใจไปหนึ่งเปราะ
“มีใครมายุ่มย่ามอะไรมั้ย”
“ม่ายมี . .”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิ”
โล่งอก . . ผมเอามือกุมอกตัวเองและเดินไปที่ห้องนอนของตัวเอง นั่งลงบนเตียงในขณะที่อีกมือถือโทรศัพท์ไปด้วย
“ทำไม . . ไม่หอมแก้ม”
“หา”
“หอมแก้มเป็นรางวัลสิ”
จะหอมได้ไงฟะ . . ไม่ได้อยู่ใกล้ๆสักหน่อย . .
“จะหอมได้ไงครับ”
“บอกให้หอมก็คือหอมไงเล่า”
เวรของกรรม . . ตูจะหอมยังไงของตูดีเนี้ยยยยยยยย . .
ผมทำเสียงสูดลมหายใจเข้าเต็มแรง . . “ฟอดดดดดดดด” . . เออว่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนหอมจริงๆ แม้มันจะเป็นการหอมแบบมโนก็เหอะ เขาพาผมเล่นอะไรเนี่ย ขำว่ะ . .
“คิกคิกคิก”
โอ้ย ยอมเขาเลย . .
“นอนได้แล้ว จะได้กลับมาให้ฉันหอมจริงไวๆ”
“อื้อ”
“...”
“เซฮุน . . ทำตัวดีใช่มั้ย”
“ดีสิ กลัวคอขาด” ได้ยินเสียงลู่หานหัวเราะคิกคักอีกครั้ง
“พรุ่งนี้อย่าตื่นสายล่ะ”
“จ้า”
ก่อนจะกดวางสาย . . ผมก็ยังไม่วายแกล้งลู่หาน
“คนทางนู้นยังไม่หอมคนทางนี้เลยนะ”
ลู่หานพลิกตัว “ไอ้บ้า จะหอมยังไง บ้าหรือเปล่า”
“ไหงงั้นอ่ะ”
ได้ยินแค่เสียง ‘ฟอด’ ส่งผ่านมาเบาๆ ก็ทำให้คืนนี้ของผมนอนหลับฝันดีได้แล้ว
“กลับมาเร็วๆนะที่รัก คิดถึงมาก”
ความคิดเห็น