ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sehun x luhan } .ผู้จัดการของผม

    ลำดับตอนที่ #26 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER TWENTY

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.9K
      53
      8 ธ.ค. 56

    [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER TWENTY

     

     

     

     

                จนถึงตอนดึกลู่หานก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะโทรหาเซฮุน . .

                ตลอดทั้งวันเขาต้องอยู่กับญาติและก็คนเกือบทั้งหมู่บ้าน ทุกคนแวะเวียนมาหาเขา มาถามสารทุกข์สุขดิบทั้งๆที่ตลอดชีวิตของเขาเขาอยู่ที่เกาหลีเป็นส่วนใหญ่ไม่ใช่ที่นี่ แต่เพราะตอนเด็กๆลู่หานนิสัยดีเป็นเด็กดีของหมู่บ้านจึงมีแต่คนรักใคร่เขา บ้านไหนมีหลานสาวก็มักจะจับคู่ให้เขากับเธอเหล่านั้นอยู่เสมอ และเรื่องที่เขากลับมาที่จีนครั้งนี้ดังไปทั้งหมู่บ้าน จนมีคนมาชะเง้อคอดูจากรั้วบ้านหลายคนเพื่อมาเจอเขา . .

                ทำอย่างกับเขาเป็นดาราเหมือนเซฮุน ทั้งๆที่เขาน่ะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง . .

                ลู่หานค่อยๆเดินออกไปข้างนอก หยิบโทรศัพท์ของแม่ออกมาและก็เช็คดูสัญญาณ แถบนี้เป็นแถบชนบทของจีน ถ้าจะหาสัญญาณก็ค่อนข้างหายากอยู่เหมือนกัน ลู่หานถอนหายใจ เตรียมรอรับโทสะคนรักที่ต้องมาเป็นคลื่นใหญ่ถ่าโถมเข้าชายฝั่ง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ . . ก่อนที่จะกดเบอร์โทรออก

              ไม่มีสัญญาณ

              เวรกรรม . . “แม่ . . เดี๋ยวมานะ ออกไปโทรศัพท์แป๊บนึง” เขาร้องบอกคนในบ้าน ซึ่งกำลังง่วงเหงาหาวนอนกันหมดแล้วเนื่องจากใช้พลังงานในการเม้ามอยเรื่องของเขามากไป . . ก็อบอุ่นดี แต่การกลับมาครั้งนี้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะเขาต้องห่างจากบ้านไปนาน แต่เป็นเพราะ . . อยู่ที่นู่นผมมีใครบางคนมาช่วยเติมเต็ม แถมยังเติมเต็มเป็นอย่างดี(แบบเด็กๆ) นั่นทำให้เขารู้สึก . . มีความสุขยังไงก็ไม่รู้

                คิดถึง . .

                ใช่ เขากำลังคิดถึงโอเซฮุน ลู่หานเปิดประตูรั้วบ้านออกมากลางดึก ตามหาสัญญาณอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบแม้จะมีแสงไฟออกมาจากบางบ้านก็เถอะ

                ไม่มีสัญญาณเลย และตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืนเข้าให้แล้วด้วย . . รอบตัวของลู่หานเงียบและก็มืดมาก เขาไม่กล้าที่จะไปไกลกว่านี้ แต่เขาก็อยากที่จะโทรหาเซฮุน เพราะพรุ่งนี้เขาเชื่อว่าเขาจะต้องไม่ว่างเหมือนวันนี้อีก ยิ่งเฉินเพื่อนเก่าของเขาจะพาเพื่อนมาถล่มบ้านเขาในวันพรุ่งนี้ ยิ่งหนักไปกว่าวันนี้อีก

                อ๊ะ . . มีสัญญาณแล้ว . . หนึ่งขีดถ้วน


                ลู่หานรีบกดโทรออกแล้วพยายามยืนอยู่นิ่งๆ . .โทรติดด้วย!!!!

     

                เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ . .

     

              ลู่หานแทบจะร้องออกมาอย่างเหลืออด กว่าจะหาสัญญาณได้ พอโทรติดกลับไม่เปิดโทรศัพท์ซะงั้น

                เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ ลู่หานโทรไปอีกรอบ ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม

                แว้บแรกในความคิด . . เซฮุนต้องการจะเอาคืนเขารึเปล่า . .

                ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะคนอย่างเซฮุนต้องรับสายและก็โวยวายกลับมาเป็นน้ำไหลไฟดับโทษฐานที่เขาไม่รับโทรศัพท์แน่นอน แล้วทำไม . . เขาถึงปิดเครื่อง . . ทำไมกันนะ . .

                ลู่หานทรุดตัวนั่งลงบนม้านั่งบนยอดเขาเตี้ยๆที่อยู่เหนือหมู่บ้าน แสงสว่างเพียงอย่างเดียวที่เขามองเห็นคือดวงจันทร์กับดวงดาวที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแบบนี้ในโซล จะว่าไป ลู่หานก็นึกสงสัยว่าเซฮุนจะเคยเห็นดาวชัดๆแบบนี้ในที่แบบนี้รึเปล่า เขาทำงานตั้งแต่เด็ก อยู่แต่ในโซล อยู่แต่ในที่ที่มีแต่แสงสีเสียง ลู่หานอยากลองพาเขามาดูดาวที่นี่ . . อยากรู้ว่าเขาเห็นดาวสวยขนาดนี้และเขาจะทำหน้ายังไง จะยิ้มมากน้อยแค่ไหน . .

                ให้ตาย . . รับโทรศัพท์สิ โอเซฮุน . .

     

                “มานั่งทำอะไรคนเดียวน่ะ”

     

                ลู่หานสะดุ้งสุดตัว ขอย้ำว่าสุดตัวจริงๆ เพราะเขาไม่คิดว่าแถวนี้จะมีใครคนอื่นนอกจากเขา

                และที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้น . . เขาไม่คิดว่าคนๆนี้จะมาอยู่แถวนี้ได้ในเวลานี้ . .

                พระเอกซีรี่ส์ควรเตรียมตัวถ่ายทำพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไง ???

               

                “อีวอน”

     

                “ตกใจเหรอที่เจอฉัน” เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อและก็เดินมานั่งข้างๆลู่หาน ลู่หานรีบเขยิบออกไปชิดอีกข้างของที่นั่งทันทีแทบจะตกลงไปจากม้านั่ง

                “มาได้ไง”

                “อ๋อ มีงานที่ปักกิ่งน่ะ”

                “มีงาน ทั้งๆที่นายจะถ่ายละครอยู่แล้วเนี่ยนะ” ลู่หานรู้สึกว่ามีกลิ่นตุๆสำหรับเรื่องนี้

                “ก็ . .นะ” อีวอนยักไหล่ตอบเขา “หมู่บ้านนายอบอุ่นดี ฉันเฝ้าดูนายเจอคนนั้นคนนี้จับแก้ม . . อิจฉาชะมัด”

                “อีวอน ฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ว่า . .” ลู่หานมองใบหน้าหล่ออย่างเกร็งๆ “ . . ฉันบอกนายตรงๆไปแล้วนี่”

                “บอกเรื่อง . .

                “เรื่องที่ฉันมีแฟนแล้ว”

                จากที่อีวอนทำหน้ายิ้มๆบัดนี้ใบหน้าของเขาเริ่มต่างออกไป . . “แล้วยังไง”

                “นายไม่ควรมายุ่งกับฉันนะ”

                “ลู่หาน . .” อีวอนเขยิบเข้ามาใกล้ลู่หาน คนตัวเล็กกว่ารีบลุกขึ้นยืนทันที “. . อะไร ฉันไม่ได้จะทำอะไรเลยนะ”

                แค่มาอยู่ตรงนี้ก็ใกล้มากพอแล้ว . .

                เพราะเซฮุนเป็นคนขี้หวง ทำให้ลู่หานหวงเนื้อหวงตัวเองมากยิ่งกว่าอะไร . .

                มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ . .

                “ฉันจะกลับบ้าน”

                ลู่หานก้าวดุ่มๆลงมาจากเขาทันที โดยไม่สนใจว่าอีวอนจะว่ายังไง เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อีวอนพูดนั้นมันจริงหรือเปล่า แต่การที่อีวอนมาอยู่แถวนี้ในเวลาแบบนี้ มันทำให้เขาหวาดระแวง

                เพราะตลอดเวลาที่อีวอนทักเขามาในโปรแกรมแชท ก็ใช่ว่าอีวอนจะเป็นผู้ชายปกติทั่วไป

                หมอนั่นขี้ตื๊อแบบสุดๆ ตื๊อจนลู่หานต้องพูดออกไปตรงๆ

                ถึงจะพูดตรงเท่าไหร่ อีวอนก็ยังไม่เลิกยุ่งกับเขา . .

                นั่นแหละที่ทำให้ลู่หานกลัว . .

     

     

               

                ลู่หานนอนไม่หลับ . .

                ร่างบางในผ้าห่มนวมมองดูโทรศัพท์ของแม่อย่างเอาเป็นเอาตาย เขาติดต่อเซฮุนไม่ได้ ลู่หานวิตกกังวลกับเรื่องนี้ มันอาจจะเป็นกรรมของเขาที่ไม่ยอมหาทางติดต่อเซฮุนตั้งแต่ที่มาถึง และลู่หานก็เข้าใจแล้วว่าตอนนี้เซฮุนจะรู้สึกยังไง

                นี่ถ้าเซฮุนแกล้งเขาจริงๆ ก็ขอให้เลิกแกล้งเขาเถอะ . . มันไม่สนุกเลย มันมีแต่จะทำให้ทั้งคู่คิดมากและก็เป็นห่วงอีกฝ่ายจนไม่เป็นอันทำอะไรแบบนี้ . .

                “นายจะนอนหรือยังนะ” ลู่หานรำพึง เขาพลิกตัวไปมาเป็นครั้งที่หก นอนไม่หลับ ยังไงก็นอนไม่หลับ นึกถึงตอนที่เซฮุนโวยวายเรื่องการกลับมาที่นี่ของเขา ทำให้เขารู้สึกเข้าใจในหัวอกของเซฮุน เขากับดาราคนนั้นห่างกันได้แค่แป๊บเดียวจริงๆสินะ . . แค่นี้ก็คิดถึงมากแล้ว . .

                และยังเหลืออีกตั้งสองวัน . .

     

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

     

                เสียงกรีดร้องของแม่ทำให้ลู่หานต้องสะดุ้ง เขาลุกขึ้นออกจากผ้าห่มนวมทันที โจรขึ้นบ้านเหรอ . . ทำไมแม่กรี๊ดแบบนั้น . .

                และทันทีที่ลู่หานเปิดประตูห้องนอนของเขาออกมา เขาก็ต้องผงะ . .

     

                โอเซฮุน . . ตัวเป็นๆ . . คนเดียวกันกับเมื่อเช้าที่นอนอยู่ข้าๆเขาที่เกาหลี

     

                “เห้ยยยยยยย!!!!” ลู่หานร้องอย่างตกใจ เซฮุนปิดปากเขาและก็ค่อยๆผลักตัวลู่หานเข้าไปในห้องนอน จากนั้นก็ปิดประตู . .

     

                ร่างสูงปล่อยมือออกจากปากลู่หาน . . หลังจากที่หอบออกมาอย่างเหนื่อยๆเขาก็กระโจนกอดร่างบางของลู่หานแทบจะในทันทีจนหลังของลู่หานแทบหัก . .



                “เซฮุน . .” ลู่หานดูงงงัน ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเซฮุนคือมาอย่างรีบเร่งไม่มีการปรุงแต่งใดๆ



                เซฮุนไม่พูดอะไรกับเขาเลย เอาแต่กอดเขาและก็ซุกหน้าลงมาบนไหล่ เซฮุนค่อยๆหายใจเบาลงราวกับเขาโล่งอก



                “มี . .อะไรเหรอ” ลู่หานถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ


                “บางคน . . ไม่รับโทรศัพท์”



                มาไกลถึงนี่เพราะเหตุนี้เองน่ะเหรอ . . แต่ลู่หานก็มีส่วนผิดที่เขาไม่โทรกลับไปหาเซฮุนตั้งแต่เนิ่นๆ

                และตลอดเวลาที่เขาโทรหาเซฮุนไม่ติด ลู่หานเข้าใจว่าเซฮุนรู้สึกยังไง




                เขาจึงไม่ต่อว่า . . เอื้อมมือไปกอดตอบ . . และก็เปรยออกมาเบาๆเสียงสำนึกผิด “ขอโทษ”



                “งอน”



                พูดออกมาทั้งๆที่ยังกอดอยู่ . .



                ลู่หานแอบยิ้ม “ง้อนะ”



                เซฮุนผละออกมาจากอ้อมกอดของลู่หาน มองหน้าคนรักของตัวเองในเงามืดที่มีแสงจันทร์สลัว ก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของอีกฝ่ายหนึ่งที ก่อนพูดขึ้นมาง่ายๆ “หายก็ได้”


                พูดจบก็ลงไปนอนบนที่นอน ดึงร่างของลู่หานลงกอดด้วยและก็รัดแน่นตามสไตล์ของโอเซฮุนคนปกตินั่นแหละ . .



                “มาได้ไง งานล่ะ แล้วเสียงแม่เมื่อกี้”


                “แม่ลู่หานอยู่กับพี่แจซอก และก็ . . อีกสองชั่วโมงต้องบินกลับแล้ว”



                หวะ ว่าไงนะ  . .


                ลู่หานพลิกตัวมาเท้าคางมองเซฮุนที่นอนอยู่ เตรียมตัวพร้อมบ่นเต็มที่ “เซฮุน มาทำไมแบบนี้ มันลำบากนะ และพรุ่งนี้ก็ยังต้องทำงานอีก”


                “สายนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก” อีกฝ่ายดูเพลียมาก แต่ก็เอื้อมมือมาเกลี่ยแก้มของลู่หานเล่น

                “เซฮุนน่า . .

                “ถ้านายรู้ว่าฉันได้รับข้อความว่าอะไร นายจะเข้าใจฉันเอง”


                แน่นอนว่าลู่หานไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เขาดีใจและก็เซอร์ไพรส์มากที่เห็นเซฮุนมาที่นี่ แต่ว่า . . มันกะทันหันและมันส่งผลเสียต่อร่างกายของเซฮุนมากในการเดินทางติดๆกันแบบนี้


                “นายนี่มัน . .” ลู่หานพองลมเข้าไปที่แก้ม และคำพูดของเขาก็ติดอยู่ที่แก้มไม่ได้พูดออกมา


     

                เขาทั้งสองคนเงียบกันไปอยู่นาน . .


     

                “เพราะรักไง . . จู่ๆเซฮุนที่ดูเหนื่อยล้าเต็มทีก็พูดขึ้นมาและยิ้มเบาๆให้ลู่หาน


     

                ลู่หานหน้างอง้ำ . . เขาไม่นึกว่าเซฮุนจะทำเพื่อเขาได้ถึงขนาดนี้ . .


     

                “นอกจากพี่แจซอกแล้ว ฉันยังพาอีกคนมาด้วยนะ . .


     

                เซฮุนชี้ไปที่บางสิ่งบางอย่างที่นั่งดูพวกเขาอยู่ไม่ห่าง


     

                “หมีเซฮุน?” ลู่หานอ้าปากค้าง

     
     

                “ช่าย . . ฉันจ่ายค่าตั๋วเครื่องให้มันด้วยนะ . . เหนื่อยที่ต้องคาดเข็มขัดให้ . . แต่มันก็ดูสนุกดี”

     

                “เซฮุนน่า นายโตแล้วนะ!


     

                “ก็ฉันเป็นห่วงแฟนฉันนี่! การ์ดก็ไม่เอา ให้คนมารับมาส่งก็มาเอา จะให้ฉันทำยังไงเล่า”

     

                ลู่หานไม่รู้จะพูดอะไรกับเด็กสี่ขวบในร่างเด็กโตวัยสิบเจ็ดคนนี้ดี . .


     

                “พามันกลับด้วยล่ะ” เซฮุนเอามือของหมีมาเกาพุงแบนๆของเขาเล่นๆ . . จะเอาฮาไปไหน


     

                “รู้แล้ว”


     

                “เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับแล้วนะ เผื่อเวลาเดินทาง เวลาเช็คอิน . .


     

                ทีนี้กลับกลายเป็นลู่หานที่ไม่อยากให้เซฮุนกลับ . . เซฮุนลุกขึ้นนั่ง . . ลู่หานลุกขึ้นตาม พวกเขาจ้องกันและกันไปมา ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย . .


                “ดูแลตัวเองด้วย ดูแล . . มากๆ เข้าใจใช่มั้ย”


                ลู่หานพยักหน้า . . เมื่อกี้เขายังเดินหนีอีวอนมาเพื่อเซฮุนเลย . . แค่นี้ทำไมเขาจะทำไม่ได้


                “ไม่งั้นจะให้หมีปล้ำ”

                “ยังจะมาพูดเล่น”

                “ไม่สิ ฉันปล้ำนายได้คนเดียวเท่านั้น”


                ลู่หานโผเข้ากอดเซฮุนแบบที่เซฮุนไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงดูผงะนิดหน่อยแต่ก็เอื้อมมือมากอดตอบลู่หานแต่โดยดี . .

                “จะทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้ มีอะไรต้องโทรมาและก็รับสายด้วยนะ”

                “เข้าใจแล้ว”

                “

                “จะไปแล้วเหรอ” ลู่หานถามเสียงเศร้าสร้อย . . เซฮุนกลืนน้ำลาย . .


     

                ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป . . เขาดื้อด้านมาหาลู่หานถึงขนาดนี้ก็มากพอที่จะทำให้การถ่ายทำละครสั่นสะเทือนไปทั้งวันแล้ว . .


     

                “ก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่หรอก” เซฮุนกระซิบเบาๆที่ข้างหูลู่หาน

     


     

                ก่อนจะจุมพิตเบาๆที่ข้างแก้ม . .



     

                “แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”

     


     

                ไอ้บ้า . .

     

                มาหลอกให้คิดถึงแล้วจะยังจะจากไปอีก . .


     

                “รู้ใช่มั้ย ฉันมาทำไม”


     

                ลู่หานพยักหน้า . . ให้เซฮุนรับรู้ว่าเขารู้ . .

     

     

               

                “เพราะว่ารัก . . คำเดียว”

     

     

              ลู่หานไม่เคยพูดออกมาตรงๆ แม้จะเซฮุนจะพอเดาออกว่าลู่หานรู้สักยังไงกับเขา แต่เขาก็ไม่เคยพูดตรงๆสักที

     

                ตอนนี้แหละ . . ที่เขาต้องการจะพูด

     

                เพราะมัน . . ตรงกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้มากที่สุด . .


     

     

              “เซฮุนน่า . . ฉัน . . รักนาย”

















     

              “เซฮุนน่า . . ฉัน . . รักนาย”

              ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางกองถ่ายที่เก้าอี้พับได้ตัวหนึ่งหลังจากงีบหลับไปสักพัก ก็ระหว่างรอเข้าฉากมันว่างนี่หว่า และผมก็เพิ่งกลับมาจากจีนสดๆร้อนๆเมื่อเช้ามืดของวันนี้ เรียกได้ว่าร่างแทบแหลก แต่เพราะประโยคนั้น . . ประโยคของลู่หานที่ดังก้องอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ผมมีกำลังใจสู้กับการทำงานต่ออีกครั้งถึงแม้ว่าเป็นแบบง่วงๆก็เถอะ

                เช้าวันนี้ผมถ่ายไปแล้วประมาณสองซีน . . บทตัวร้ายก็ไม่มีอะไรมากครับ จีบนางเอกแบบแบ๊ดๆใช้ความรุนแรงนิดหน่อย ผมต้องเล่นกับเยอึนมากกว่าไอ้อีวอนเล่นกับเธอซะอีก โคตรแปลกที่วันนี้มันเป็นพระเอกแท้ๆแต่ดันไม่มีคิว แถมยังหน้าด้านไปประเทศจีนอีก ถ้ามันกลับมาและถึงบทที่ผมต้องต่อยมันนะ ผมจะซัดมันแบบไม่ยั้ง เอาให้สมบทบาทไม่ต้องกลัวว่ามันจะผิดคิวหรือมันจะเจ็บ เพราะผมตั้งใจ .  .

                ป่านนี้ไม่รู้ว่าลู่หานอยู่ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง เขาคงมีความสุขที่มีญาติๆรายล้อมบวกกับเพื่อนเก่าของเขา ผมยังจำหน้าแม่ของลู่หานได้ดีตอนที่ผมโผล่เข้าไปจ๊ะเอ๋กลางดึก(ไม่งั้นผมคงเข้าบ้านลู่หานไม่ได้แน่ๆ เพราะประตูบ้านล็อค) เธอกรี๊ดเสียงดังลั่นบ้าน และมองซ้ายมองขวาหาว่ามีกล้องถ่ายทำรายการเซอร์ไพรส์แบบดาราไปเยี่ยมบ้านไรงี้รึเปล่า ซึ่งก็เปล่า . .

                ลู่หานคงยังไม่ได้บอกว่าเขากำลังคบกับผมอยู่ นอกจากเป็นแฟนยังพ่วงตำแหน่งผู้จัดการของผมด้วย บางทีอาจจะยังไม่ต้องบอกก็ได้ ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอพวกท่าน ช่วงนี้มาตรึมทั้งงานราษฎร์งานหลวงแค่ถ่ายละครก็ใช้เวลาเกือบจะทั้งวันแล้ว เวลาไปเรียนยังไม่มีเลย . .

                “เซฮุนน่า มาซ้อมบทกับฉันหน่อยซิ” เยอึนโผล่มา เธอมองไปที่เก้าอี้ข้างๆผมและทำหน้าเบ้ใส่หมีลู่หานที่ผมเอามากองถ่ายด้วย มันตาแป๋วจ้องมองมาที่ผมอยู่ตรงนั้นไม่ยอมห่างเลย

                “พี่แจซอก ผมอยากกินชานมไข่มุก” ผมไม่สนใจเธอ และหันไปพูดกับผู้จัดการร่างท้วมที่อยู่ไม่ห่าง สภาพผมตอนนี้ไร้อารมณ์(เพราะเยอึน) ไร้พลังงาน(เพราะพักผ่อนน้อย) และไร้หัวจิตหัวใจ(หัวใจอยู่ปักกิ่ง)

                “ช็อกโกแลต?”

                “ช่าย ไปซื้อให้หน่อยนะ”

                “ได้สิ” พี่แจซอกลุกขึ้นยืน พี่เขาก็เพลียพอกัน ต้องขอโทษด้วยที่ต้องมาดูแลดาราตัวแสบแบบผม เขาโดนผมบังคับให้ไปปักกิ่งด้วยและกว่าจะตอบตกลงเล่นเอาผมต้องขุดทุกมุขมาใช้ “เดี๋ยวฉันมานะ อ้อ” เขาหยิบโทรศัพท์ของผมส่งมาให้(เครื่องใหม่เอี่ยม แกะออกมาจากกล่องที่สปอนเซอร์ส่งมาให้เมื่อเช้า ของผมจริงๆนั้นอยู่กับลู่หาน คิดว่าสัญญาณน่าจะดีกว่าของเก่าที่ลู่หานใช้)

                “อะไรเหรอ”

                “เมสเสจจากลู่หาน”

                ผมรีบคว้ามือไปรับทันที แต่ . . เยอึนคว้าไปซะก่อน

                “อะไร” ผมโวยทันที . . มองหน้าเยอึนที่มองดูโทรศัพท์เครื่องใหม่ผมยิ้มๆ “เยอึน . . ยัยขี้ขโมย”
                “ฉันจะกดลบเดี๋ยวนี้”

                “อย่ามากวนประสาทนะ”

                “นายต้องซ้อมบทกับฉันก่อน”

                “เธอก็เอามาก่อนสิ”

                “สัญญานะ”

                “รู้แล้ว ให้ตายสิ ฉันตัวร้ายนะไม่ต้องมาเล่นจริงจังกับฉันมากนักก็ได้” ผมอารมณ์บูดสุดๆพลางกระชากมือถือคืนมาจากมือเธอ เยอึนเชิดหน้าอีกครั้งก่อนที่จะบอกกับผม

                “หลังกำแพงตรงนั้นนะ ฉันจะรอ”

                “เออๆ”

                ให้ตายสิ กว่าจะถ่ายเรื่องนี้เสร็จก็อีกตั้งหลายเดือน ผมอยากจะเอาหัวโขกพื้นตอนนี้เลยผมไม่อยากเล่นกับเยอึนจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงที่กวนประสาทผมมากๆ

                ผมสั่นหัวไล่ความโกรธไร้สาระออกไป และกดอ่านเมสเสจของลู่หาน . .




     

              ตั้งใจทำงานหรือเปล่า รักษาคอของนายดีๆด้วยล่ะ



     

              เขาหมายถึงที่ผมเป็นหวัดหรือคอที่ตั้งอยู่บนบ่า . . แอบคิดนิดๆหลังจากที่ลู่หานบอกรักผมในคืนนั้น . . เขาก็ทิ้งคำพูดอีกคำเอาไว้ ถ้านายไม่ทำตัวดีๆล่ะก็ นายคอขาดด้วยมีดฉันแน่

                โอเค รู้แล้วว่าหมายถึงเรื่องอะไร ผมอ่านต่อ . .



     

                และก็วันนี้ . . ฉันจะดื่มกับเพื่อนนะ ไม่ต้องเป็นห่วง



     

                เดี๋ยวนะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

                ดื่ม ดื่มเนี่ยนะ อายุเพิ่งสิบเจ็ดสิบแปดเองไม่ใช่หรือไง อะไรกัน ทำไมต้องดื่ม ไม่เข้าใจ . .

                นึกย้อนไป . .ที่ผ่านมาลู่หานก็ใช่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มใสๆ(?) เขาอยากดื่มเมื่อไหร่เขาก็ดื่ม และเขาก็เมาต่อหน้าผมสองครั้งแล้วด้วย ผมรู้ดีว่าลู่หานตอนเมาเป็นยังไง น่า . .ฟัดแค่ไหน ขี้อ้อนซะยิ่งกว่าตอนก่อนนอนซะอีก และถ้าไปเมาต่อหน้าคนอื่น ไปอ้อนคนอื่นล่ะ . .

                โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อกโอเซจะระเบิด . .

                ผมไม่สามารถบินไปหาเขาแบบที่ทำเมื่อคืนวานได้ ผมจึงต้องกดกระหน่ำโทรศัพท์ไปหาลู่หาน

                สัญญาณดังปกติ ผมรอลู่หานรับสายอย่างร้อนใจ จนกระทั่ง . .

                “ฮัลโหล !@#$%^&*

                อะไรนะ ???? ภาษาจีนรัวมาใส่ผมแบบนี้ทำเอาผมงง . . และลู่หานให้ใครมารับสายเนี่ย ผู้ชายซะด้วย

                “เอ่อ ขอสายลู่หานหน่อย” ผมพูดจีนไม่เป็นด้วยน่ะสิ เลยต้องพูดเกาหลีใส่ปลายสายอย่างอารมณ์เสีย

                “ลู่หาน !@#$%^&*()

                อะไรของแม่งวะ . . งงชิบเป๋งเลย

                “!@#$%^&*()

                “!@#$%^&*(!@#$%^&*()

                “!@#$%^&*()@#$%^&*()#$%^&*()$%^&*()@@#$%^&*()_#$%^&*()

                อะไร อะไร อะไร . . เสียงปลายสายดูเหมือนจะมีคนเข้ามาคุยด้วย แต่ไม่ใช่เสียงของลู่หานแน่ๆ

                “อ๋อ โทษทีๆ เกาหลีใช่มั้ย” ปลายสายถูกสับเปลี่ยนไปให้อีกคนคุย อีกคนที่พูดภาษาเกาหลีได้

                “อืม เกาหลี” ผมอารมณ์เสียเอามากๆ “ลู่หานอยู่ไหน”

                “โอ๊ะ คุณคือคนที่ทำให้แม่ลู่หานเกือบจะเป็นลมเมื่อคืนใช่มั้ย”

                “ลู่หานอยู่ไหน” ทำไมมีแต่คนมีปัญหาวะเนี่ย . .

                “แม่เล่าให้ฟังว่าคุณหล่อมาก ว่างๆคุณแวะมาที่หมู่บ้านเราอีกทีได้มั้ยครับ ทุกคนอยากเห็นคุณกันใหญ่เลย”

                “ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย” ผมพยายามใจเย็นให้ถึงที่สุด “ลู่หานอยู่ไหน”

                “ไปเก็บผักครับ” ปลายสายตอบเสียงใสซื่อ

                เก็บผัก . . เก็บผักเนี่ยนะ อืม คงจะน่ารักน่าดู ตัวเล็กๆบางๆก้มๆเงยๆเก็บผัก . . แต่อย่าเพิ่ง . . โอเซฮุนกลับมาก่อน . . มันยังไม่จบ

                “และทำไมเขาไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย”

                “แถวนั้นไม่มีสัญญาณหรอกครับ แถวนี้สิมี”

                “แล้วนายเป็นใคร”

                “ผมชื่อเฉิน ผมเป็นเพื่อนไอ้ลู่”

                ลู่หานไม่ค่อยเล่าเรื่องของเขาให้ผมฟังสักเท่าไหร่ . .

                “ถ้ามันมาแล้วผมจะให้มันโทรกลับนะครับ!

                “เดี๋ยว” ผมรีบพูดเมื่อรู้ว่าเฉินจะวางสาย

                “ครับ?”

                “นายจะดื่มกับเสี่ยวลู่ใช่มั้ยเย็นนี้”

                “อ๋อ ใช่ครับ เหล้าเบียร์ให้พรึ่บแถมมีเพื่อนมาอีกเป็นโขยง”

                ผมรู้สึกได้ว่ามือของผมนั้นกำโทรศัพท์แน่นขึ้นมาก . . ผู้ชายล้อมรอบตัวเสี่ยวลู่ . . อืม . . ก็ไม่น่าหวงเท่าไหร่ ไม่เลย ไม่เลยยยยยยยยยย . .

                ถ้าเวลาเขาเมาแล้วเขาหลับผมจะไม่ห่วงเลย แต่นี่เมาแล้วโคตรน่ารัก นั่นมันทำให้ผมจะบ้าตายเมื่อคิดว่าถ้าลู่หานเมาท่ามกลางดงเพื่อนผู้ชายจะเป็นยังไง

                อย่างน้อยก็น่าจะมีผมอยู่ด้วยสิ TT

                “นายต้องดูแลเสี่ยวลู่ดีๆนะ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เลยต้องหาตาที่สามคอยสอดส่อง “อย่าให้ใครมาแตะต้อง แม้แต่นายก็ห้ามแตะ”

                “โอ๊ะ คุณดูหวงเพื่อนผมจังเลยนะครับ”

                “แหงสิ ก็ฉันเป็น . .” เมื่อนึกถึงหน้าลู่หานตอนโดนเพื่อนล้อว่ามีแฟนแล้ว ผมจึงต้องกล้ำกลืนเอาคำเหล่านั้นลงคอ “ช่างเถอะ เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันพูด”

                “แล้วผมจะได้อะไรล่ะครับ” ไอ้บ้านี่มันฉลาดแฮะ . .

                “นายจะได้ลายเซ็นฉัน” ผมพูดอย่างมั่นใจในตัวเอง ลายเซ็นผมแพงนะครับคุณๆ ตั้งแต่ที่อ่านมาผมแจกลายเซ็นบ่อยที่ไหนกัน

                “ลายเซ็นคุณ?”

                “ใช่”

                “แล้วคุณเป็นใครอ่ะ”

                อ้าว ไอ้นี่! นึกว่ารู้ว่าผมเป็นดาราซะอีก . .

                “คุณดังด้วยเหรอครับ ผมรู้แค่ว่าคุณหล่อมากเฉยๆ”

                อยากจะเอาฝ่าเท้ามากุมขมับจริงๆ . . ให้ตาย

                “ฉันชื่อโอเซฮุน” หวังว่าที่ไปๆมาๆประเทศจีนบ่อยๆเมื่อครั้งกระโน้นจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ของผมในตอนนี้ได้

                “โอเซฮุน???”

                “ใช่”

                “ใครอ่ะ . .

                ให้ตาย . .ผมอยากจะเงิบหงายหลังลงไปตรงนี้

                “โอเซฮุน โอเซฮุน อ๋ออออออออออออออ องค์ชายรัชทายาท!

                ในที่สุด . . มันก็จำผมได้ TT

                “ผมกรี๊ดคุณมาก!

                เอ็งกรี๊ดด้วยเหรอ แปลกๆนะเอ็งน่ะ . .

                “ได้เลย ผมจะดูแลลู่หานให้เป็นอย่างดี ไม่ให้ใครก็ตามมาแตะต้อง”

                “อย่าให้เขาเมามากด้วยนะ อันนี้ห้ามเด็ดขาด”

                “ไอ้ลู่มันสายแข็ง มันไม่เมาง่ายๆหรอกครับ”

                ผมลองนึกย้อนกลับไปถึงจำนวนกระป๋องเบียร์ที่เคยเก็บในห้องนอนที่โรงแรมคราวก่อนนู้น . . เกือบเต็มถังขยะ . . โอเค . . เสี่ยวลู่ แข็งจริงก็ขอให้แข็งต่อไปเถอะ มันจะดีกับตัวนาย

                “นายสัญญาแล้วนะ”

                “อย่าลืมเซ็นให้ผมนะครับ!

                “ไม่มีปัญหา”

                “เซ็นว่า ให้เฉิน สุดหล่อแห่งสำนักวัดใบไผ่หล่น”

                อะไรของแม่งงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไม่เข้าใจ . .

                “ตกลงๆ” ตอบไปงั้นแหละ . .

                “ผมจะรอ!

                สายถูกตัดไป . . ผมนี่แหละกดตัดสายเอง . . แต่ลืมย้ำกับเฉินไปเลยว่าถ้าลู่หานกลับมาให้เขาโทรกลับหาผม ไม่ทันซะแล้ว . . ผมต้องไปซ้อมบทกับปาร์คเยอึนตามที่ผมสัญญา

                พี่แจซอกกลับมาพอดีพร้อมกับแก้วชานมไข่มุกรสช็อกโกแลต ผมรับมาและก็ส่งโทรศัพท์คืนไปให้พี่แจซอก และก็เดินไปหาเยอึนที่รอซ้อมบทอยู่

                จู๊ด จู๊ด เสียงผมดูดชานมไข่มุกเข้าไปในปาก

                “อะไรน่ะ . . ไม่ซื้อมาเผื่อเลยเหรอ” เธอกลืนน้ำลายเหมือนจะอยากกินด้วย

                “ช่วงนี้ขาเธอดูใหญ่ ไม่ต้องกินหรอก”

                เยอึนก้มหน้ามองดูขาตัวเองทันที “ขาฉันใหญ่เหรอ นายคิดงั้นเหรอ”

                “ช่ายยยยย ไม่เห็นเหมือนเกิร์ลกรุ๊ปที่ฉันเคยเจอ เธอจะดังมั้ยเนี่ย ถ้าขาเธอใหญ่ขนาดนี้” ผมยังคงดูดชานมไข่มุกต่อไป แม้จะเป็นห่วงเสี่ยวลู่ แต่เจ้าแก้วนี้ก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาได้

                “ออนนี่!” เธอวิ่งจู๊ดไปหาสต๊าฟของเธอทันที และก็บิดซ้ายบิดขวาให้สต๊าฟดูว่าขาเธอใหญ่จริงหรือเปล่า ผมกลั้นขำ . . ดูดเครื่องดื่มในมือต่อไป และในที่สุดเวลาเข้าฉากของเยอึนก็มาถึง ผมจึงไม่ได้ซ้อมบทกับเธอ และเธอก็ยังคงวิตกกังวลมากเรื่องที่ผมทักว่าขาเธอใหญ่

                ก็ทำไงได้ . . ผมไม่อยากซ้อมกับเธอนี่ . . แค่ทำใจเข้าฉากด้วยก็ลำบากจะแย่ . . เธอร่วมสมคบคิดแผนกับไอ้อีวอนนะ . . จะให้ผมบริสุทธิ์ใจที่จะซ้อมบทด้วยได้ยังไง

                อีวอน

              ลืมไปว่ามันอยู่จีน . . ผมลืมไปเลย . .

                เดินไปหาสต๊าฟของกองถ่ายอย่างรีบเร่ง

                “พี่ครับ คิวถ่ายอีวอนเริ่มเมื่อไหร่เหรอครับ”

                สต๊าฟมองดูตารางในมือก่อนตอบ “พรุ่งนี้น่ะ”

                “เอ่อ ขอบคุณครับ”

                พรุ่งนี้ . .พรุ่งนี้ . . พรุ่งนี้ . . กว่าจะถึงพรุ่งนี้ก็อีกตั้งหลายชั่วโมง

                หรือจะโทรไปย้ำไปเจ้าเฉินแห่งสำนักใบไผ่หล่นว่ามีคนอันตรายอยู่ใกล้ลู่หาน .  .

                ให้ตาย . . ห่วงจนหัวจะระเบิด . .

                “คุณโอเซฮุนเตรียมเข้าฉากครับ”


                ไม่มีเวลาให้โทร . .


                ถ้าดูแลดีนะ . . ผมจะเซ็นให้เฉินตัวเท่าผนังบ้านเลย ให้ตายสิ . .

     

     

               

     

                ตีหนึ่งครึ่ง . .

                ผมเข้ามาในห้องหลังจากถ่ายทำวันแรกเสร็จ(ถ่ายได้เยอะเหมือนกัน แต่กว่าจะจบเรื่องนี้ผมคงต้องนอนดึกกลับดึกอีกนาน) ผมเหวี่ยงกระเป๋าลงบนพื้นพร้อมๆกับลากหมีลู่หานให้มานั่งที่โซฟาข้างๆกัน อีกมือกดโทรศัพท์ยิกๆ ไร้การติดต่อจากลู่หาน ไม่มีแม้แต่เมสเสจ ไม่เป็นไร . . ผมโทรหาเขาก็ได้

                แต่ไม่มีใครรับ . . นี่มันสายที่ห้าแล้วนะว้อยยยยยยยยยยยยยยยย!

                ไอ้เฉินเอ็งรีบทำอะไรสักอย่างเดี๋ยวนี้ ก่อนที่สำนักเอ็งจะไม่มีใบไผ่ให้หล่น!

                คิดไปเองเสร็จสรรพว่าเฉินคือพรรคพวก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การที่ลู่หานไม่รับสายในเวลาที่เขามีปาร์ตี้สังสรรค์แบบนี้มันน่าห่วงน่าหวงน้อยที่ไหนกัน ผมควรจะทำไงดี . .

              “เซฮุนน่า อย่านอนดึกนะ พรุ่งนี้ตีห้า”

                พี่แจซอกพูดผ่านอินเตอร์คอม แต่ผมไม่ได้สนใจ เดินไปเดินมาต่อหน้าหมีลู่หานอย่างร้อนรน

                “ลู่หาน ทำไมไม่รับโทรศัพท์” หันมาหาหมีตัวแทนอย่างจนปัญญา “จะให้ใจขาดตายก่อนมั้ย ถึงจะรับสายอ่ะ ให้ตายสิ”

                นั่งลงบนโซฟาอย่างเซ็งๆ . . ก่อนที่จะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เดินไปเข้าห้องน้ำในห้องนอนของตัวเองเพื่อที่จะอาบน้ำ ถอดคอนแทคเลนส์ เปลี่ยนเป็นชุดนอนเตรียมพักผ่อน . .

                ผมกำลังแปรงฟันอยู่ ตอนที่ริงโทนเพลง ‘Growl’ ดังขึ้นมา (ลืมกันไปหรือยังว่าผมเป็นแฟนบอยวงนี้)

                วิ่งออกมารับสายทั้งๆที่พันผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียว . . หนาวเป็นบ้า

                “ฮัลโหล!

                “

                “เสี่ยวลู่”

                “

                “ฮัลโหล ได้ยินมั้ย”

                ปลายสายตะกุกตะกักเหมือนกำลังพลิกตัวนอนหรืออะไรสักอย่างก่อนพูดขึ้นมา “เซฮุนนี่”

                . . ชัดเจน

                เสียงแบบนี้ไม่เมาก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว . .

                “เมาใช่มั้ย เฉินไม่ห้ามหรือไง บอกมันว่าให้เตรียมโดนโค่นต้นไผ่ของสำนักมันได้เลย” ผมพูดอย่างโมโห

                “เซ ฮุน นี่ . .

                ควรจะช่างเฉินมันก่อน และควรให้ความสนใจกับคนแมน เอ๊ย . . คนเมา

                “ว่าไง”

                “ฉัน . . เมา” เสียงยานคางและเอื่อยมาก แต่ก็ยังน่าฟังอยู่

                “ครับ รู้อยู่” พูดไปกัดฟันไป . . ไม่อยากให้เขาเมาตอนที่เขาอยู่ห่างจากผมจริงๆ

                “นาย . . อยู่ที่ไหนนนนน”

                “โซลไง”

                “เมื่อคืนยังอยู่นี่อยู่เลยยยยย”

                ทำไมต้องอ้อนด้วยนะ . . ถ้าบินไปได้ก็จะบินไปหาแล้ว

                “ขอโทษน้า ที่ตอนนี้อยู่โซล” กะจะบ่นเสียให้เต็มที่ว่าไม่อยากให้ดื่ม แต่พอได้ยินแบบนี้แล้วมันบ่นไม่ลงจริงๆ ได้แต่ยอม “เมาแล้วโทรมาถูกเบอร์ด้วยแฮะ เก่งนะเรา”

                “ใช่! ฉันเก่งมาก!” ไม่น่าไปชมเลย “ฉันชนะไอ้เฉินด้วย มันอ้วกไปแล้วตั้งสองครั้งแน่ะ ตอนนี้นอนน็อค”

                -_-  นี่คือสีหน้าของผมเมื่อได้ยินเรื่องราวของเฉิน . . ไว้อาลัยให้กับต้นไผ่ที่ผมกำลังจะไปโค่น

                “ฉันเป็นคนเก่งของเซฮุนใช่มั้ย”

                จากที่ผมเอามือกุมขมับ เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมจึงเงยหน้าขึ้นมา . .

                “ใช่มั้ยเซฮุน ตอบมาสิ!

                “ครับ เก่งครับ” ทำไมไม่อยู่ใกล้ๆผมนะ ทำไมต้องอยู่กันคนละประเทศด้วย

     

                หรือเขาจะรู้ว่าถ้าอยู่ใกล้ผมคือเขาจะไม่รอด . .

     

                “ได้ไปอ้อนใครแบบนี้ที่ไหนหรือเปล่า”

                “อ้อน?”

                “ใช่” หลอกถามความจริงจากคนเมาดูดีกว่า . .

                “เปล่าซักหน่อย” โล่งใจไปหนึ่งเปราะ

                “มีใครมายุ่มย่ามอะไรมั้ย”

                “ม่ายมี . .

                “แน่ใจนะ”

                “แน่ใจสิ”

                โล่งอก . . ผมเอามือกุมอกตัวเองและเดินไปที่ห้องนอนของตัวเอง นั่งลงบนเตียงในขณะที่อีกมือถือโทรศัพท์ไปด้วย

                “ทำไม . . ไม่หอมแก้ม”

                “หา”

                “หอมแก้มเป็นรางวัลสิ”

                จะหอมได้ไงฟะ . . ไม่ได้อยู่ใกล้ๆสักหน่อย . .

                “จะหอมได้ไงครับ”

                “บอกให้หอมก็คือหอมไงเล่า”

                เวรของกรรม . . ตูจะหอมยังไงของตูดีเนี้ยยยยยยยย . .

     

                ผมทำเสียงสูดลมหายใจเข้าเต็มแรง . . “ฟอดดดดดดดด” . . เออว่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนหอมจริงๆ แม้มันจะเป็นการหอมแบบมโนก็เหอะ เขาพาผมเล่นอะไรเนี่ย ขำว่ะ . .

     

                “คิกคิกคิก”

     

                โอ้ย ยอมเขาเลย . .

     

                “นอนได้แล้ว จะได้กลับมาให้ฉันหอมจริงไวๆ”

                “อื้อ”

                “...”

                “เซฮุน . . ทำตัวดีใช่มั้ย”

                “ดีสิ กลัวคอขาด” ได้ยินเสียงลู่หานหัวเราะคิกคักอีกครั้ง

                “พรุ่งนี้อย่าตื่นสายล่ะ”

                “จ้า”

     
     

     

                ก่อนจะกดวางสาย . . ผมก็ยังไม่วายแกล้งลู่หาน

     

     

                “คนทางนู้นยังไม่หอมคนทางนี้เลยนะ”



     

                ลู่หานพลิกตัว “ไอ้บ้า จะหอมยังไง บ้าหรือเปล่า”


     

                “ไหงงั้นอ่ะ”

     


     

               

                ได้ยินแค่เสียง ฟอดส่งผ่านมาเบาๆ ก็ทำให้คืนนี้ของผมนอนหลับฝันดีได้แล้ว





     

     

              “กลับมาเร็วๆนะที่รัก คิดถึงมาก”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             

     

     

     






















    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×