ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { CHANBAEK ft.hunhan } .unconditional love

    ลำดับตอนที่ #3 : two

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 57


    TWO

     

     

     

     

                ถ้าเพื่อนไม่ชวน ผมก็ไม่ออกไปไหนหรอก

                วันนี้ก็เหมือนกัน ผมอยู่ห้องตลอดทั้งวี่ทั้งวันไม่ได้ออกไปไหนทั้งๆที่มันเป็นวันหยุด มีไม่กี่อย่างที่ผมทำ กิน นอน ดูทีวี อ่านหนังสือ และก็เหม่อลอย ส่วนใหญ่ผมจะทำอย่างหลังมากที่สุดโดยที่ผมเองก็ไม่ค่อยรู้ตัวสักเท่าไหร่

                ตอนกิน ผมเขี่ยข้าวในถ้วยไปมา

                ตอนนอน ผมลืมตาและก็มองดูเพดาน ควรจะหลับแต่ก็นอนไม่หลับ

                ตอนดูทีวี ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรหรอกครับไอ้รายการเพลงตอนวันหยุดสุดสัปดาห์เนี่ย

                และก็ตอนอ่านหนังสือ อาจจะเรียกได้ว่าหนังสือมันอ่านผมมากกว่าล่ะมั้งครับ

                คิดแล้วคิดอีก เหตุผลที่ผมเหม่อส่วนใหญ่มันก็มาจากเพื่อนตัวเล็กในกลุ่มนั่นแหละ คนที่สละโสดคนแรกก่อนใครเพื่อน ทั้งๆที่โอกาสเสี่ยงที่จะไม่โสดที่สุดน่าจะเป็นของไอ้เซฮุนมากกว่า แม้มันจะซื่อบื้อคิดไม่ทันเพื่อนแต่เรื่องสาวนี่ต้องยกให้มันเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม ดีไม่ดี อันดับหนึ่งของคณะเลยด้วย

                ผมจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ไอ้ลู่หานมันเอาแต่ก๊งเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า สาเหตุมันก็มาจากไอ้เซฮุนนั่นแหละที่ไม่รู้เรื่องว่าเพื่อนซี้มันคิดอะไรกับมัน จะว่าไป มันก็คลับคล้ายคลับคลาเรื่องของผมกับแบคฮยอนอยู่นะ แต่ก็คงจะต่างกันตรงที่ผมเลือกที่จะบอก ลู่หานเลือกที่จะปิดมันไว้

                เฮ้อทำไมความรักมันเป็นเรื่องที่ทำใจลำบากแบบนี้ล่ะครับ

                ผมกำลังนอนจ้องเพดานในเวลาสองทุ่ม ปกติเวลานี้ผมยังไม่นอนหรอก แต่วันนี้โคตรจะไม่มีอะไรทำผมก็เลยมานอนแอ้งแม้งบนเตียงในอพาร์ตเมนท์ที่แสนเงียบของตัวเอง

                มีบางสิ่งบางอย่างทำลายความเงียบผม นั่นคือโทรศัพท์

                ลู่หานโทรมา ไม่แน่มันอาจจะชวนผมออกไปที่ไหนสักที่ล่ะมั้ง

                “ว่าไง” ผมรับสายด้วยน้ำเสียงเนือย

                “ชานยอล! กูจะทำไงดี กูจะทำไงดีมึง” ลู่หานเสียงดังและเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที

                “เกิดอะไรขึ้น”

                “เซฮุน โอเซฮุนมัน มัน

                “ลู่หาน มึงใจเย็นๆและค่อยๆพูดมา” เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสุดหล่อของผม

                “มันโดนรถชน” ลู่หานเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

                “เชี่ย! จริงเหรอเนี่ย!” จากที่นั่งบนเตียงผมลุกขึ้นยืนทันที “มันอยู่โรงพยาบาลหรือยัง โรงพยาบาลไหน โอ้ย ไอ้เซฮุนเอ้ย”

                “มันอยู่โรงพยาบาลKอ่ะ นี่กูกำลังขับรถออกไปหามัน” น้ำเสียงลู่หานน่าเป็นห่วงพอๆกับเซฮุนในตอนนี้ “มึงโทรหาเชี่ยแบคฮยอนด้วยนะ ตอนนี้กูใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้ว กูต้องรีบไปดูมัน”

                เพราะมันแคร์เซฮุนขนาดนี้ไงครับ ผมถึงรู้ความลับของมันเป็นคนแรก

                “อืม แล้วเจอกันที่นั่น”

                ผมกดวางสาย มือสั่นและไม่ค่อยมีสติ ไอ้บ้าเซฮุน ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถึงให้รถชนมันได้ ผมเดินไปหยิบเสื้อนอกแล้วใส่พร้อมกับกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ผมก็พร้อมที่จะขับรถไปหาเซฮุน แต่ว่า

                ผมต้องโทรหาเพื่อนในกลุ่มอีกคน ซึ่งนั่นก็คือแบคฮยอน

                ปกติเวลานี้มันจะอยู่บ้านช่วยที่บ้านมันเสิร์ฟอาหาร(บ้านมันเปิดร้านอาหารเป็นร้านไก่ทอด) วันนี้มันก็คงจะอยู่บ้านและก็ช่วยที่บ้านตามเคยนั่นแหละ

                ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ นี่เป็นการติดต่อกันครั้งแรกหลังจากที่ผมแยกกับมันและก็แย่งกันให้อีกฝ่ายมีร่มในวันนั้น

                ไม่นานนักมันก็รับโทรศัพท์

                “ฮัลโหล”

                แต่เป็นเสียงผู้หญิงรับ ไม่ใช่เสียงของแบคฮยอน

                ผมอึ้งเหมือนได้ยินเสียงผี มีอะไรที่อยากจะพูดแต่มันก็พูดไม่ออก

                “ใครคะ นี่โทรศัพท์ของแบคฮยอนค่ะ”

                น่าจะเป็นมุนแอริน แฟนดาวคณะศิลปะศาสตร์ของแบคฮยอนนั่นแหละ

                “เอ่อ สวัสดีครับ ผมปาร์คชานยอล”

                “อ๋อ สวัสดีจ้ะชานยอล มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ พอดีแบคฮยอนไปเข้าห้องน้ำน่ะ”

                เสียงจากปลายสายเหมือนพวกเขากำลังอยู่ที่ไหนบางที่มีคนพลุกพล่าน ผมอ้าปากค้าง จะพูดออกไปก็พูดตะกุกตะกัก รู้สึกเหมือนหน้าชาราวกับว่ามีคนเอาน้ำเย็นจัดมาสาดหน้า

                “คือว่า” เรื่องที่จะต้องบอกมันก็จำเป็น แต่ไม่รู้ทำไมอะไรบางอย่างในตัวผมมันบอกว่าผมไม่ควรไปรบกวนพวกเขา “ไม่มีอะไรครับ”

                “เอ๋?”

                ผมกดวางสายและก็เดินออกจากห้องของตัวเอง รู้สึกตัวหนักอึ้งเคลื่อนที่ไปได้อย่างยากลำบาก แต่อย่างน้อยตอนนี้ ผมควรจะไปดูไอ้เซฮุนก่อน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงบ้าง

     

     

     

     

     

     

     

     

               

                นี่คือภาพที่ผมเห็น

                ไอ้ลู่หานเอามือกุมขมับอยู่โซฟามุมห้อง ส่วนไอ้เซฮุนมีเฝือกอยู่บนขายาวๆของมันและก็ที่ใบหน้ามีรอยแผลนิดหน่อย จะน่าเป็นห่วงก็นี้เยอะถ้ามันไม่เคี้ยวขนมแจ้บๆทำเหมือนโรงพยาบาลเป็นโรงแรมพักผ่อนสุดหรู

                มันเจ็บแต่ไม่ได้หนักหนาสาหัสกว่าที่คิด

                ผมเลือกที่จะนั่งข้างลู่หานและเอามือแตะบ่าปลอบมันเบาๆ ไม่รู้ว่ามันรู้สึกดีที่เซฮุนไม่ได้เป็นอะไรมากหรือรู้สึกแย่ที่เผลอปล่อยไก่ออกมาซะเยอะว่าห่วงเซฮุนแค่ไหน

                โดยที่ไอ้ตัวน่าเป็นห่วง ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยว่าเพิ่งทำให้คนๆหนึ่งห่วงจนแทบอยากจะร้องไห้

                “ไปทำอีท่าไหนวะ” ผมถามทันที “แล้วใครชนมึง”

                “ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพื่อนที่คลับน่ะ” มันเคี้ยวไปพูดไป “เขารับผิดชอบค่าเสียหายแล้ว และกูก็ไม่เจ็บมาก กูโอเค”

                “มันเมา” ลู่หานพูดออกมาในที่สุด “เชี่ยแม่งแดกแล้วเมาเหมือนหมา เดินไปชนรถคนอื่น” นัยน์ตาของลู่หานเต็มไปด้วยความห่วงใยทั้งสิ้น ที่พูดไปคงจะประชดล้วนๆ

                แน่นอนว่าไอ้ซื่อบื้ออย่างเซฮุนมันจับไม่ได้หรอก “น้อยๆหน่อย หมาเชี่ยไรหล่อขนาดนี้”

                ผมพยายามดึงแขนลู่หานเอาไว้เพื่อที่มันจะได้ไม่ออกไปต่อยไอ้เซฮุน

                “แล้วนี่พ่อกับแม่มึงรู้ยัง”

                เซฮุนยักไหล่ “เขาหาเงินให้กูใช้อยู่ ไม่เคยรู้เชี่ยอะไรเกี่ยวกับกูหรอก” มันพูดน้ำเสียงเฉยเมย ซึ่งพวกเราในกลุ่มเป็นที่รู้กันว่าพ่อแม่มันมีเงินมากมายมหาศาลแต่ดันไม่มีเวลาให้ลูกชายซะงั้น และเพราะมันรวยนี่แหละครับ ผู้หญิงถึงเข้ามาหามันวันละหลายสิบ หลายครั้งที่ผมกับเพื่อนต้องช่วยมันเวลานางๆทั้งหลายมาหามันที่คณะ

                ผมถอนหายใจ มองดูไอ้เซฮุนอยู่บนเตียง ก่อนที่มันจะหันหน้ามา “เพื่อนเจ็บขนาดนี้ เชี่ยแบคไปไหนวะ”

                “หือ?”

                “แบคฮยอนไง ปกติตัวติดกับมึงจะตาย มันหายไปไหน”

                ผมกลืนน้ำลาย มองสบตาลู่หานที่ขยับปากพูดว่า “มึงยังไม่ได้โทรบอกมันอีกเหรอ”

                “หรือมันจะอยู่กับแฟน” เซฮุนพูด “รู้ข่าวมาจากเด็กกูแล้วว่าดาวศิลปะศาสตร์สอยมันไปได้ ตกลงยัยนั่นใช่สเปกเชี่ยแบคจริงๆเหรอ”

                ผมรู้สึกอยากหนีหายไปจากบทสนทนานี้ชะมัด “ทำไมวะ” ลู่หานส่งเสียงถาม

                “แบคฮยอนมันบอกว่ามันชอบคนร่าเริงพูดมาก แต่ยัยนั่นพูดน้อยจะตายไป”

                “พอถึงคราวจริงๆแม่งก็เลือกไม่ได้ป่ะวะ” ลู่หานร้อง “เหมือนอย่างกูนี่ กูไม่ได้ชอบคนไม่มีนมนะเว้ย” ท้ายประโยคเสียงโคตรจะแผ่ว กลัวเซฮุนมันได้ยินล่ะมั้ง

                “เมื่อไหร่มึงจะออกจากโรงพยาบาล” ผมเปลี่ยนประเด็น

                “สองสามวันมั้ง แต่ต้องใส่เฝือกไปเรียนหลายอาทิตย์เลย” เซฮุนหันมามองหน้าพวกผม “พวกมึงกับกูต้องผลัดกันมารับมาส่งกูที่อพาร์ตเมนท์กูแล้วล่ะ”

                “ไม่มีปัญหามั้ง” ผมพูด “ให้เชี่ยลู่ไปรับมึงดิ ที่พักมันอยู่โคตรจะใกล้มึง”

                “เออดี เชี่ยลู่ ต่อไปกูนั่งรถไปกับมึงนะ”

                จริงๆมันไม่ต้องพูดหรอก ทุกวันที่มาเรียนไอ้เชี่ยฮุนมันก็เกาะรถลู่หานมาโดยตลอดอยู่แล้ว น้อยวันนักที่มันนึกครึ้มอยากจะซิ่งเอาออดี้ของมันมาวิ่งบนถนนเล่นๆ

                ลู่หานยังคงหน้าบูดหน้าบึ้ง เซฮุนเลยพูดออกมาอีกครั้ง “เป็นอะไรว้า”

                “อย่างมึงน่ะควรเจ็บหนักกว่านี้นะ”

                ลู่หานเดินตึงตังออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมอยู่กับไอ้เซฮุนในห้อง ผมหยิบหนังสือในห้องขึ้นมาอ่านเล่น ในขณะที่เซฮุนคิ้วขมวด

                “ลู่หานมันเป็นอะไรวะ

                ผมยิ้มมุมปาก “มันเป็นห่วงมึงไง” ถ้าจะให้ผมเดา ลู่หานคงโล่งใจแหละที่เซฮุนไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ที่แสดงออกมาแบบนั้น คงเป็นเพราะ

                “กูก็ไม่เป็นอะไรนี่หว่า”

              มันคงจะห่วงเซฮุนมากเกินไป ก็เท่านั้นเอง

               

     

     

     

     

     

                กลายเป็นว่าคืนนั้นไอ้ลู่หานต้องนอนเฝ้าไอ้เซฮุนไปครับ ที่บ้านมันเหมือนจะส่งคนมาแต่โดนเซฮุนไล่ตะเพิดออกไปข้างนอกเสียอย่างนั้น ผมอยู่กับพวกมันจนดึก และก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้วที่เซฮุนมันต้องนอนหลับพักผ่อนสักที

                ผมโบกมือลาเซฮุนกับลู่หานในห้องพักพิเศษ เปิดประตูออกมา

                คนที่อยู่หน้าประตูคือแบคฮยอน สภาพมันเหงื่อท่วมตัว สงสัยรีบมาจากที่ไหนสักที่

                “ชานยอล” มันพูด “ทำไมมึงไม่บอกกู!

                เพราะเสียงมันดังขึ้นผมก็เลยต้องดันตัวมันออกไปและก็ปิดประตู

                “เชี่ยนี่” แบคฮยอนตีไหล่ผมตีแขนผม “ทำไมไม่บอก มึงโทรไปแล้วทำไมไม่บอกว่าเซฮุนมันเจ็บตัว!

                ผมรีบลากมันให้ออกห่างจากรัศมีห้องพักของคนไข้บนชั้นนี้ทั้งหมด โคตรเจ็บเลย ตัวก็เล็กแค่นั้นเอาแรงมาจากไหนวะ

                “ปล่อยกู!

                “มึงเสียงดัง!

                “ก็กูจะเสียงดัง เพื่อนเจ็บขนาดนี้ไม่บอกให้กูรู้ กูกลายเป็นเพื่อนที่เหี้ยไปเลย”

                “แบคฮยอน” ผมออกเสียงปรามมัน “ใจเย็นๆ เซฮุนมันไม่ได้เป็นอะไร”

                “จะเป็นหรือไม่เป็นมึงก็ควรจะบอกกู”

                “กูก็จะบอกนั่นแหละ แต่ว่า” ให้ตาย นี่ผมต้องพูดเรื่องนี้กับมันอย่างนั้นเหรอ

                “แต่ว่าทำไม!

                “มึงอยู่กับแฟนไง!” ผมพูดเสียงดังบ้าง “กูไม่อยากขัดเห็นว่าเพิ่งจะคบกัน”

                “ไอ้เวร นี่มึงถามกูบ้างมั้ยวะ”

                เงียบฉี่

                ผมกับแบคฮยอนจ้องหน้ากัน มีอารมณ์โกรธและหงุดหงิดแผ่ซ่านไปรอบตัวผมกับมัน ในที่สุดผมก็ยอมแพ้

                “โอเค กูผิดเอง กูควรจะบอกมึง”

                มันหลุบตาลงต่ำและก็มองไปทางอื่น

                “มันนอนไปแล้วใช่มั้ย ใครอยู่กับมัน”

                “อืม ลู่หานอยู่กับมันคืนนี้”

                ผมกับแบคฮยอนมีสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือคิดว่าเซฮุนมันเป็นคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดในกลุ่ม และก็คิดว่าเซฮุนจะปลอดภัยที่สุดเมื่ออยู่กับลู่หาน นั่นทำให้แบคฮยอนไม่ดื้อดึงดันที่จะไปเยี่ยมเซฮุนในเวลานี้

                “งั้นกูกลับเลยละกัน” มันเดินไปทำท่าจะไปที่บันได

                “เดี๋ยว มึงจะกลับยังไง” เรื่องจริงอีกเรื่องของแบคฮยอนคือเขาขับรถไม่เป็น

                “รถเมล์”

                มันเดินลงบันไดไวมากด้วยขาสั้นๆของมัน ลำบากผมที่ต้องรีบเดินลงตามมันไป

                “ดึกแล้วนะโว้ย”

                แบคฮยอนไม่สนใจผม มันก้าวเท้าไวมาก และเมื่อผมเดินตามมันทัน มันก็รีบสาวเท้าให้ออกห่างจากผมให้มากขึ้นอีก อะไรของมันวะเนี่ย ยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ

                มันยืนรอรถเมล์ ในขณะที่ผมมายืนข้างๆมัน หอบนิดหน่อยเพราะมันเดินไวจริงๆ

                “อะไร” แบคฮยอนเงยหน้ามองหน้าผมแล้วถามเสียงเหวี่ยง “ทำไมมึงยังไม่กลับไปอีก”

                ผมกระพริบตาปริบๆ “ก็มารอรถเหมือนกันไง” ให้ตายเถอะ ผมโกหก เพราะเมอร์ซิเดสเบนซ์ของผมจอดสวยรวยสง่าอยู่ลานจอดรถของโรงพยาบาล

                “มึงมารถเมล์?”

                “อืม”    

                “มึงเนี่ยนะ?”

                “ใช่”

                มันมองผมอย่างจับผิด

                “ก็ไอ้ไอ้มินซอกภาคโยธาอ่ะ มันยืมรถไปขับ” ลากคนอื่นมาโดนร่างแหด้วย หวังว่ามินซอกเพื่อนคนละเอกจะไม่ว่ากัน

                “งั้นเหรอ” แบคฮยอนทำหน้าเหมือนจะเอะใจ แต่ผมก็พยายามเนียนต่อไป

                สักพักรถเมล์สายของแบคฮยอนก็มา

                มันเหลือบมองผมนิดหน่อย และก็เดินขึ้นรถไป คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นเชิงบอกลา ปกติมันจะบอกลาผมชิบหาย ดีไม่ดีอาจจะอ้อนผมให้ไปส่งมันด้วยซ้ำ ตอนที่มันไม่รู้ความลับของผม

                แต่ทว่าตอนนี้ มันกลับเงียบ และใช้สายตาเป็นการบอกความหมายของทุกอย่างแทน

                ผมเดินขึ้นไปบนรถเมล์ตามหลังแบคฮยอน เป็นการกระทำที่เกินความคาดเดาของมันมาก และรถเมล์ก็ออกไปทั้งๆที่ผมไม่ควรจะขึ้นรถสายนี้ด้วยซ้ำ

                มันดึกมาก สิ่งที่ผมอยากเห็น คืออยากเห็นมันกลับเข้าที่พักของมันอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย

                “อะไรของมึง” แบคฮยอนโวยวาย มันนั่งลงแล้วและมันก็อ้าปากถามผมมาแบบนั้น

                “ทางผ่าน กูมีธุระไปที่หนึ่งพอดี” ผมพูดแบบขอไปที เดินอ้อมไปที่นั่งด้านหลังของมันที่ถัดออกไปประมาณสองที่

                มองดูด้านหลังของมันไปเรื่อยๆ และรถเมล์ก็จอดที่ป้ายรถเมล์ป้ายแล้วป้ายเล่า

                หลังของแบคฮยอนนิ่งมาก บางครั้งก็ก้ม บางครั้งก็มองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ไม่มีเลยสักครั้งที่เขาจะหันมามองผมที่นั่งอยู่ตรงนี้

     

                เรื่องของผมกับมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้วนี่นา

     

                ในที่สุดก็ถึงป้ายที่พักของมัน ก่อนที่มันจะลงมันเหลือบมามองผมแว้บหนึ่งและก็เดินลงไปเลย ผมมองมันไปจนสุดสายตา จนรถเมล์เคลื่อนและทำให้ผมมองไม่เห็นมันอีก

     

                ผมถอนหายใจ เอนตัวล้มลงนอนพิงไปกับที่นั่งบนรถเมล์ อีกนานเลยกว่าจะวนไปที่โรงพยาบาลที่ที่ไอ้เซฮุนมันนอนรักษาตัวอยู่







                © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×