คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : `2nd break up_ (หวาน)
-1-
เสียงกดออดที่ประตูห้องทำให้ร่างโปร่งต้องละสายตาจากหนังสือนิยายที่กำลังอ่านค้างไว้หลายสัปดาห์เนื่องจากไม่มีเวลาว่าง เอื้อมมือวางนิยายเล่มหนาไว้ที่โต๊ะไม้สีขาวคล้ำก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูออกเพื่อต้อนรับผู้มาใหม่ที่เรียกรอยยิ้มพร้อมทั้งใจเต้นรัวได้เสมอ
“ทานข้าวหรือยังคยูฮยอน วันนี้พี่ไปเดินเล่นที่ตลาดข้างๆมาเห็นว่านี่มันน่าทานก็เลยจะลองซื้อมาทานกับนายดู” ปาร์คจองซูชูถุงพลาสติกที่ดูธรรมดาแต่อาหารในกล่องใสข้างในกลับไม่ใช่แบบนั้น ในนั้นเป็นกิมบับที่คยูฮยอนชอบทานเป็นของว่างจนกลายเป็นอาหารหลักไปเสียแล้ว
ร่างโปร่งส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบว่ายังไม่ได้กินก่อนจะก้าวขาเนิบนาบไปที่ห้องครัว มองหาจานใบสวยแล้วหยิบมาวางรอบนโต๊ะ จองซูเองก็เหมือนกัน ยิ้มบางสม่ำเสมอแล้วเดินมายืนเทียบข้างกับร่างโปร่ง ยกกล่องกิมบับออกจากถุงใสแล้วค่อยๆแกะมันออกอย่างใจเย็น
เพราะจองซูเป็นคนใจเย็นที่รับฟังทุกคำพูดเสมอ..
เพราะคยูฮยอนเคยเจ็บปวดจากคนใจร้อนที่ไม่ยอมฟังใคร..
เมื่อได้ที่จัดกิมบับใส่จานแล้วเรียบร้อยจองซูก็เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตามคยูฮยอนที่นังรอทานกิมบับก่อนหน้าแล้วก่อนจะใช้ซ่อมจิ้มกิมบับขึ้นมาแล้วหันไปยิ้มกว้างให้ร่างโปร่งที่นั่งมองมานิ่ง
“พี่ไม่รู้ว่ามันจะอร่อยหรือเปล่า แต่เพราะพี่เสียสละมาตลอด พี่จะเสียสละชิมมันก่อนนายจะกินแล้วกัน” พูดกลั้วหัวเราะแล้วงับสาหร่ายพันข้าวและผักนานาชนิดเข้าปากเสียจนล้นก่อนจะเคี้ยวตุ้ยเหมือนเด็กก็ไม่ปานจนคยูฮยอนหัวเราะตามออกมาเบาๆ
“อร่อยหรือเปล่าครับ” ถามไปก็หัวเราะคลอไปเบาๆพอให้บรรยากาศไม่ดูเครียดตรึงเกินไป จึงได้รับคำตอบจากจองซูที่พยักหน้าหงึกหงักสองสามทีจึงใช้ส้อมจิ้มไปที่กิมบับแล้วเอาเข้าปากตัวเองทำเลียนแบบอีกคน
“นายเลียนแบบพี่หรือไงกันคยูฮยอน” จองซูเอ่ยถามท่าทางอารมณ์ดีเพราะยังหัวเราะไม่หยุด
“ผมยังไม่ได้เลียนแบบพี่นะครับ ยังไม่ได้เลียนแบบจริงๆ” คยูฮยอนก็ปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมทั้งหัวเราะออกมา
พอนั่งทานกิมบับไปหยอกกันไปก็พาลจะอิ่มสุข จองซูอาสาเป็นคนล้างจานให้ซึ่งคยูฮยอนก็ขัดแล้วแต่ก็เกรงว่าจะแย่งจานกันจนตกแตกจึงเป็นฝ่ายยอมเองแล้วเดินมานั่งอ่านหนังสือนิยายรอที่โซฟาสีพาสเทล
“อา... พรุ่งนี้ก็วันจันทร์แล้วสิ” ร่างสูงโปร่งของจองซูเอ่ยขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวลงข้างคยูฮยอนที่นั่งจิบชาแล้วอ่านนิยายจนเงียบไปเสียนาน
“ครับ” ดวงตากลมเรียวยังจดจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือเรียงรายกันเป็นระเบียบไม่ลดละแต่ก็ขานตอบรับอีกฝ่ายอย่างรอคำตอบ
“นายก็อย่านอนดึกนักล่ะเด็กดื้อ มัวแต่อ่านนิยายจนดึกงานการก็ไม่เป็นอันทำพอดี” จองซูยกวงแขนแกร่งขึ้นโอบไหล่ของคยูฮยอนไว้หลวมๆแล้วกดให้หัวกลมทุยซบลงกับไหล่ตัวเอง
คยูฮยอนยิ้ม กำลังยิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด...
เช้าวันจันทร์ วันแรกแห่งการเริ่มต้นใหม่ของสัปดาห์ใหม่ คยูฮยอนลืมตาขึ้นอย่างอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักเพราะรู้สึกหนักหัวเล็กน้อย จึงได้แต่เอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์แล้วก็ทิ้งหัวลงกับหมอนก่อนจะหลับไปอีกรอบ
ยอมรับว่าเมื่อคืนเขาดื้อเองที่ไม่ยอมฟังในสิ่งที่จองซูบอก แต่เนื้อหาของนิยายที่เข้มข้นมันทำให้เขาอยากจะเปิดอ่านต่อเสียให้จบซะเดี๋ยวนั้น กว่าจะจบก็ปาไปตีสามกว่าเข้าให้ กว่าจะทำธุระอาบน้ำก็เกือบจะรุ่งสาง เขาเองก็รู้ดีว่ามีงานต้องเข้าตั้งแต่เก้าโมงเช้าแต่ก็อยากเล่นตัวพักผ่อน อยากป่วยบ้างให้จองซูมาดูแล...
นั่นก็เป็นไปตามที่คยูฮยอนคิดไว้ถูกต้อง จองซูรู้ว่าคยูฮยอนคงต้องป่วยอยู่ที่ห้องเป็นแน่ เพราะเด็กคนนี้ไม่เคยจะเบี้ยวงาน เป็นคนขยันตลอด จะป่วยก็นานทีเท่านั้น เขาถือวิสาสะกดรหัสประตูห้องตามที่คยูฮยอนเคยบอกไว้แล้วเข้าไปดูอาการของร่างโปร่งที่นอนหลับสนิทบนเตียง
“คยูฮยอนคนป่วยหมดแรงซะแล้ว~” จองซูเอ่ยขึ้นแผ่วเบาข้างๆร่างโปร่งอย่างแย้มยิ้ม เอื้อมมือไปอังหน้าผากเกลี้ยงแล้วค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาจับมืออีกฝ่ายไว้หลวมๆ
“เมื่อคืนนอนดึกล่ะสิ พี่บอกไม่เชื่อเลย” จองซูหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อคยูฮยอนพยักหน้ายอมรับว่านอนดึกจนไม่อยากตื่นแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“วันนี้พี่อยู่เป็นเพื่อนผมหน่อยสิครับ” พูดเสียงแหบเหมือนคนเพิ่งตื่นอย่างออดอ้อนจนจองซูต้องใจอ่อนพยักหน้ารับว่าวันนี้จะอยู่ทานอาหารด้วยจนถึงมื้อเย็นเลย
แข้งขาวิ่งของเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่กำลังเลี้ยงลูกบาสรับส่งกันผลัดเกมส์เป็นอย่างดี ทั้งเสียงรองเท้าเอี๊ยดอ๊าดที่ดังขึ้นจากพื้นรองเท้าที่เสียดสีกับพื้นโรงยิม รวมไปถึงเสียงตะโกนเอะอะให้รับส่งคนนู้นทีคนนี้ทีสร้างอรรถรสการเล่นบาสเก็ตบอลของเด็กม.ปลายได้เป็นอย่างดี
ร่างสูงรูปร่างภูมิฐานของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินสะพายเป้ด้วยไหล่เพียงข้างเดียวเดินตรงเข้ามาในยิมแล้ววางกระเป๋าเป้สีน้ำตาลเข้มไว้ข้างตัวก่อนจะถอดสูทโรงเรียนออกวางทับกันไว้แล้วนั่งลงบนสแตนด์เชียร์พร้อมกับเสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าสาวๆที่ดังขึ้นรอบๆจนเพื่อนชายที่กำลังสนุกสนานกับเกมส์ในสนามต้องหยุดชะงักแล้วโยนลูกบาสให้ร่างสูงหล่อรับไว้
“ว่าไงซีวอนไม่เห็นนานเชียว มาแก้มผ.หรอวะ 555555555555555555” เสียงพรรคพวกหัวเราะลั่นแซวเพื่อนนายแบบจนร่างสูงต้องลุกขึ้นแกล้งโยนลูกบาสอัดท้องคนชักชวนพูดใส่เขาเสียๆหายๆ
“ซักเกมส์เพื่อน” พูดชวนแล้วรีบวิ่งลงสนามไปดวลบาสกับเพื่อนสักตาก่อนจะขึ้นเรียนในภาคบ่ายในสภาพเหงื่อโชกซึ่งเป็นปกติสำหรับเขาอยู่แล้ว (ยักไหล่)
บรรยากาศในห้องเรียนก็ยังคงน่าเบื่อเหมือนเดิม ซีวอนเบะปากออกมาพลางวางคางไปบนหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนา นานได้ที่เลยที่เขาไม่ได้มาเรียน สักอาทิตย์หนึ่งก็ถือว่านานโขแล้ว ไม่รู้อาจารย์ที่สอนวิชานี้เขาเปนอะไรมากหรือเปล่าที่เอาแต่พูดจาเรื่อยเปื่อยจนหมดชั่วโมง แต่พอได้ยินเสียงเพื่อนหันมาพูดกับเขาว่าวันนี้จะมีอาจารย์พิเศษเข้ามาสอนวิชาวาดเส้นนั่นก็ทำให้ซีวอนตาลุกวาวพร้อมรับกับสิ่งแปลกใหม่ในห้องเรียนที่น่าเบื่อแห่งนี้
นั่นก็เป็นไปตามคาด ร่างโปร่งของอาจารย์พิเศษที่เข้ามาสอนวาดเส้นเล่นเอาซีวอนต้องนั่งตัวตรงตั้งใจฟังคำเอื้อยเอ่ยนุ่มหูของอาจารย์หน้าชั้นที่เอ่ยแนะนำตัวแล้วจึงได้รู้ว่าอาจารย์คนนี้มีชื่อว่าคยูฮยอน หรี่ตาคะเนความสูงของอาจารย์ตีไปก็ตัวไม่เกินกับเขามากแล้วก็พยักหน้าเบา จนดวงตาคมเรียวหรี่มองมาที่เขาจึงได้แต่สะดุ้งแล้วมองหน้าอาจารย์อาหารตา
“วันนี้เรามาวาดภาพจากมุมเงยก็แล้วกัน” ยังไม่ทันจะสบตากันนานเท่าไรร่างโปร่งของอาจารย์พิเศษก็หันหลังใส่เขาไปสนใจกระดานวาดรูปนั่นแทน
ซีวอนนั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้ตัวปลิวมองร่างโปร่งที่ละเลงเส้นสีดำลงไปบนกระดาษหนังไก่ที่ทาบติดกับกระดานไม้แข็งจนงานเสร็จจึงได้เห็นรอยยิ้มนิ่งๆนั่นผุดออกมาจากริมฝีปากจนร่างสูงต้องเผลออมยิ้มตาม
รู้สึกถูกชะตาทันทีที่สบตา..
นั่งอดรนทนวาดรูปตามที่อาจารย์คยูฮยอนสั่งไปจนหมดชั่วโมง งานของซีวอนก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างจนร่างโปร่งของคยูฮยอนมายืนอยู่ข้างๆ ลมร้อนถูกเป่าออกจากริมฝีปากหนาพร้อมกับสีหน้าขี้เล่นที่ไว้ขยี้ใจสาวๆเงยขึ้นมองคยูฮยอนที่ส่งสายตานิ่งเฉียบกลับมาให้
ริมฝีปากอิ่มนั่นเบะออกเล็กน้อยแล้วแบมือขอกระดาษวาดรูปจากซีวอน ถ้าลองมาเป็นเขาแล้วนั่งมองอาจารย์คยูฮยอนจากมุมนี้น่าช่างน่ารักเสียเหลือเกินครับ อา...
“แต่มันยังไม่เสร็จเลยนะครับ”
อิอิมาแล้ว . _.
ความคิดเห็น