ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลาลาลา

    ลำดับตอนที่ #6 : [ปั้นตัวให้เป็นเรื่อง - July 2014] -

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 57



     “  

     
     

    ตอนที่หญิงสาวลืมตาตื่น เธอเห็นท้องฟ้าสีครามกว้างไกล

    เธอกะพริบตาถี่ๆ หลายครั้งเพื่อปรับมันให้รับกับทัศนียภาพที่สดใสเจิดจ้าเกินขนาด ท้องฟ้าที่เธอมองอยู่ไม่มีเมฆทั้งสีขาวและสีเทา รวมทั้งไม่มีดวงอาทิตย์มาคอยสาดแสงทำลายการมองเห็น

    เธอลองขยับตัว จากนิ้วมือกับข้อมือไล่ไปสู่แขนและขา เมื่อทราบว่าอวัยวะทั้งหมดทำงานได้ปกติดี จึงค่อยๆ รวบรวมแรงกายผลักตัวเองขึ้นจากพื้น ฝ่ามือสัมผัสได้กับความนุ่มของหญ้าสีเขียวอ่อน เธอลุกขึ้นยืน กางแขนทั้งสองข้างออกเหมือนนกน้อยยามสยายปีก ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสัมผัสกลิ่นชื้นของหญ้าและผืนดินที่ตนเหยียบอยู่นั้น

    สายลมเดินทางผ่านมา เส้นผมของเธอพลิ้วไปตามแรงพัดอันแผ่วเบา ทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนได้โบยบิน ได้อาศัยอยู่ในวิถีชีวิตธรรมชาติอย่างแท้จริง

    เธอยิ้ม ชื่นชมสภาพแวดล้อมอยู่ในใจ ทันใดนั้นดอกไม้หลากสีสันก็ผุดขึ้นมา  เติบโตขึ้นและเบ่งบานในชั่วพริบตา ตามด้วยผักสวนครัวหลากหลายชนิด แล้วต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพุ่งขึ้นมาและตั้งสูงตระหง่านอยู่ข้างๆ เธอ ขนาดมันเท่าสามคนโอบ

    พืชไม้นานาพันธุ์รอบตัวเธอดูแปลกตา แต่ก็ดูน่าคุ้นเคยด้วยเหมือนกัน เธอกะพริบตาอีกหลายครั้งด้วยความสงสัยว่าไปคุ้นเคยกับพวกมันตอนไหน แต่แล้วป้ายสีชมพูหลายสิบก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า มันให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อทางวิทยาศาสตร์ ชื่อพื้นเมือง ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ความหมายกับความเชื่อมงคล และสรรพคุณต่างๆ ทั้งหมดนั่นเป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่ของเธอ แต่หญิงสาวก็ยังอ่านมันออกทั้งหมด

    ทั้งหมดนี่คือภาษาเชเอเซียน เธอนึก ใช่แล้ว ภาษาของคนในเชเอเซีย

    หญิงสาวไล่อ่านข้อมูลพันธุ์ไม้บนป้ายไปเรื่อยๆ แต่แล้วพอขยับตัวจะเปลี่ยนไปอ่านป้ายอื่นอีกทีก็รู้สึกหนักๆ ตรงด้านหลัง จึงหันไปดูด้วยความฉงนสงสัย จะสำรวจว่ามันมีอะไรกันแน่

    เธอเบิกตากว้าง

    มันคือหาง หางของเธองอกออกมาจากแผ่นหลัง เป็นข้าวโพดแปดฝักที่โตเต็มที่แล้วแต่ยังไม่ได้เผาหรือต้ม เรียงต่อกันไปจนระพื้น

    หญิงสาวจับมันอย่างไม่อยากเชื่อ สัมผัสของมันเหมือนข้าวโพดของจริงทุกประการ ป้ายทั้งหมดทั้งมวลไม่น่าสนใจอีกต่อไปแล้ว เธอชูนิ้วที่สามของมือข้างขวาจากทั้งทางด้านนิ้วโป้งและทางด้านนิ้วก้อยใส่หางตัวเอง สบถถ้อยคำหยาบคายโดยไร้เสียง

    อุ๊บส์

    เสียงหวานใสดังขึ้น หญิงสาหันไปทางต้นเสียง

    เด็กหญิงตัวน้อยสูงไม่เกินร้อยห้าสิบเซนติเมตรยืนอยู่ตรงนั้น ร่างเล็กเอามือสองข้างนั่นปิดปากเหมือนตกอกตกใจเต็มที ใส่ท่าทางมากเกินจนดูน่าหมั่นไส้ ยัยหนูเอียงคอจนมงกุฎอัญมณีสีชมพูม่วงร่วงลงบนพื้นหญ้าดังตุบ

    สายลมพัดผ่านมาอีกวูบหนึ่ง ทำให้ชุดกระโปรงฟูฟ่องสีชมพูกับเส้นผมสีน้ำตาลทองงามๆ ของเด็กหญิงพลิ้วไหว ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้ากันท่ามกลางผักสวนครัวและมวลดอกไม้ เกสรหอมฟุ้งของมันอบอวลไปทั่ว วินาทีนั้นทุกอย่างดูหวานแหววได้อย่างเหมาะเจาะและลงตัว

    ลงตัวเกินไปเหมือนจัดฉาก

    ดวงตาของทั้งสองคนสบกันอยู่นานผ่านระยะทางประมาณหนึ่งเมตร ก่อนที่เด็กหญิงจะละสายตาออกแล้วไล่มองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

    ทันใดนั้นเด็กหญิงก็เปลี่ยนสีหน้า เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหวานเหมือนลูกกวาดที่มีรสชวนแสบคอ

    ขอทานข้าวโพดนั่นได้ไหมคะ

    หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ จับหางตัวเองไว้อย่างหวาดๆ

    เด็กหญิงพูดต่อไปว่า ข้าวโพดเป็นของหายากจากโลกภายนอก ดูสิ ในไร่ผักสวนครัวของหนูไม่มีข้าวโพดเลยสักฝัก

    หญิงสาวเรียกสติตัวเองกลับมา หมุนมองรอบๆ สวน นิ่งคิด แล้วพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ “เอาฝักไหนล่ะ”

    “ฝักที่แปด ฝักที่สี่ ฝักที่สาม ฝักที่สอง แล้วก็ เอ ฝักที่ห้าค่ะ” เด็กหญิงตอบ ดูกระตือรือร้นเต็มที่ รีบพูดราวกับกำลังเลือกผักจากแม่ค้าในตลาด

    หญิงสาวมองเด็กหญิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าบ้าง จากนั้นจึงยิ้มแบบมีเลศนัย “อืม ได้สิ แต่ไม่ให้ฟรีๆ หรอกนะ”

    เด็กหญิงยิ้มเหยียดรอยยิ้มของหญิงสาว หัวเราะหึ “อยากได้อะไรตอบแทนล่ะคะ” เธอถามพร้อมเชิดหน้ามอง

    “อยากได้เธอ” หญิงสาวตอบ ไม่ลังเลแม้แต่เสี้ยววินาที  “แต่งงานกันเถอะ”

    เด็กหญิงทำท่า อุ๊บส์แบบเสแสร้งสุดใจ “จริงจังหรือคะ หนูเพิ่งอายุสิบเอ็ดเองนะ”

    หญิงสาวเองก็ตอบแบบจริงใจสุดจิต “จริงจังสิ ฉันอายุยี่สิบเอ็ด เป็นโลลิค่อนน่ะ”

    “ถ้าหากว่าหนูแต่งงานกับผู้หญิง หนูจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อม ชาติตระกูลดี มารยาทดี แล้วก็ใส่กระโปรง นั่นไม่ใช่คุณแน่ๆ ว่าไหมคะ?”

    “แต่เธอก็ไม่คิดมากกับรักร่วมเพศสินะ” หญิงสาวเลิกคิ้ว

    “ไม่คิดมากค่ะ นี่สมัยไหนกันแล้วน่ะ” เด็กหญิงว่าพลางยักไหล่

    นั่นสิเนอะ หญิงสาวหัวเราะ แล้วเอ่ยชวนว่า “เรามาเล่นเกมกันไหม ถ้าเธอชนะ ก็ทานข้าวโพดได้ตามสบายเลย แต่ถ้าไม่ล่ะก็ ต้องมาเป็นภรรยาฉันนะ” ก่อนจะขยิบตาปิ๊งๆ

    เด็กหญิงมอง ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา “ไม่เจียมตัวเลยนะคะคุณ แล้วเอ่ยเยาะเย้ย ก็เอาสิคะ ว่ากติกามาเลย”

    “ทายสิว่า ถ้าสมมติว่า ข้าวโพดมีแปดฝัก หนึ่งฝักมีสี่เมล็ดยักษ์ ในหนึ่งเมล็ดยักษ์มีสามเมล็ดย่อย ในหนึ่งเมล็ดย่อยมีสองเมล็ดจิ๋ว ในหนึ่งเมล็ดจิ๋วมีเมล็ดเล็กกว่าจิ๋วอยู่ห้า ในข้าวโพดทั้งแปดฝักมีเมล็ดเล็กกว่าจิ๋วอยู่เท่าไหร่”

    “โจทย์คิดเลขง่ายๆ แบบนี้ สบประมาทกันนี่คะ” เด็กหญิงแค่นหัวเราะ “แต่ก็ดี เก้าร้อยหกสิบค่ะ”

    หญิงสาวทำหน้าบึ้ง พึมพำเสียงแผ่ว “หัวเธอมีเครื่องคิดเลขอยู่ข้างในเหรอ”

    แต่เด็กหญิงได้ยิน และตอบหญิงสาวไปว่า“เป็นแบบที่มี sin cos tan พิมพ์แก้สมการได้ แล้วก็ทำโจทย์ลอการิทึมได้น่ะค่ะ”

                “อ้อ” หญิงสาวพยักหน้ารับ

    ดูเหมือนคณิตศาสตร์แบบเชเอเซียนจะไม่ต่างจากปกติเท่าไหร่สินะ

    “ถ้ายังไงก็ขอทานเลยนะคะ” เด็กหญิงว่า

    เด็กหญิงดีดนิ้วเรียวๆ นั่นสองครั้ง แล้วเปลวเพลิงก็ปรากฏขึ้น แต่หญิงสาวไม่ได้กลิ่นควันจากมันเลย จริงๆ แล้วหญิงสาวก็อยากรู้สึกทึ่งจนร้องโอ้โฮออกมาดังๆ อยู่หรอกนะ เสียแต่ว่าที่นี่มีเรื่องประหลาดมากมายจนเธอแปลกใจไม่ลงเสียแล้ว

    เปลวไฟของเด็กหญิงลนเข้าที่ข้าวโพดฝักที่แปด สี่ สาม สอง และห้า นับว่าโชคดีที่หญิงสาวไม่รู้สึกถึงความร้อนหรือเปลวไฟที่กำลังแผดเผาเธออยู่เลย นั่นทำให้เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่นานนักหญิงสาวได้กลิ่นข้าวโพดหอมๆ ลอยมาแตะจมูก

    เด็กหญิงนั่งแทะอยู่สักพักหนึ่ง หญิงสาวไม่กล้าหันไปมอง เพราะภาพที่หางตัวเองถูกกินคงจะสยองเกินไป

    ในที่สุด เด็กหญิงก็ชมเธอว่า “อร่อยมากค่ะ”

    แล้วหญิงสาวก็นึกภาพข้าวโพดทั้งหมดเหลือแต่แกนคาอยู่บนตัว เธอร้อง “อี๋” ดังๆ

    เด็กหญิงขมวดคิ้ว ไม่ต้องรังเกียจหรอกค่ะ แล้วปลอบใจหญิงสาวว่า เรื่องเล็กน้อย เดี๋ยวคุณก็ลืม”

    หญิงสาวทรุดลง นอนราบลงกับพื้นหญ้าอย่างหมดแรง ขอร้องเด็กหญิงว่า “ช่วยตัดมันออกไปให้หน่อยเถอะ ฉันขยะแขยง”

    เด็กหญิงพยักหน้ารับคำ “สักครู่นะคะ”

    ในมือเล็กๆ นั่นปรากฏมีดที่ด้ามจับสลักรูปขดหอยสีฟ้าม่วงเอาไว้ เหมือนกับเสกออกมาได้จากอากาศอย่างนั้นเลย แล้วเด็กหญิงก็เลิกเสื้อดานหลังของหญิงสาวขึ้น ตัดฉับให้ตั้งแต่โคนของข้าวโพดฝักที่หนึ่ง

    ขอบคุณ หญิงสาวพึมพำ เป็นเด็กดีจังเลยนะ

    เด็กหญิงชะงัก มีดในมือตกลงไปปักบนพื้นหญ้า เสียงดังฉึก

    เด็กหญิงสะดุ้ง รีบคว้าตัวหญิงสาวออกมาจากบริเวณนั้นด้วยแรงมหาศาลและความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ หญิงสาวงุนงง แต่เมื่อหันกลับไปมองก็เข้าใจ ว่านั่นคงจะเป็นกลไกอะไรสักอย่างที่มีคนสร้างไว้ เพราะมีรถขุดดินหลายคันมารุมกันขุดบริเวณตรงนั้นออกมา

    สายตาและท่าทางของเด็กหญิงเปลี่ยนไป เธอมองสิ่งที่ฝันอยู่ใต้ดินอย่างเย็นเยียบและทิ่มแทง เหมือนแท่งน้ำแข็งที่ทั้งแข็งและคม

    หญิงสาวลุกขึ้นแล้วมองตามลงไปในหลุมลึก เอ่ยถามเด็กหญิงว่า อะไรเหรอ

    ในนั้นมีซากสัตว์ขนาดใหญ่ที่เนื้อบางส่วนกำลังย่อยสลาย

    นั่นสามีหนูเองค่ะ เด็กหญิงบอก มันเป็นพระราชาแห่งเชเอเซีย แต่หนูใช้มีดเล่มนี้ฆ่ามันตายไปแล้ว เพราะหนูอยากปลูกผักสวนครัว ดอกไม้ แล้วก็ต้นไม้ มันมีประโยชน์มากกว่าปกติมากเลยนะคะ เวลาเป็นปุ๋ยเนี่ย

    หญิงสาวมองเด็กหญิงสลับกับซากสัตว์ขนาดใหญ่

    เด็กหญิงอธิบายต่อว่า นี่ ที่หนูไม่แต่งงานกับคุณน่ะ เพราะหนูไม่แต่งงานกับพวกที่ไม่มีเลือดขัตติยะ แล้วหนูก็อยากเป็นจักรพรรดินีด้วย เด็กหญิงนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเบือนหน้ามาสบตากับหญิงสาว ถึงหนูจะเป็นภรรยาคุณไม่ได้ แต่ก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับคุณนะคะ

    สายลมพัดผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง

    เด็กหญิงจับมือข้างขวาของหญิงสาวมาวางไว้ตรงบริเวณหน้าอกเยื้องไปทางซ้ายหน่อยๆ ของตน เสียแต่ว่าตรงนี้ของหนูมันสกปรกกว่าที่คุณคิด

    หญิงสาวถือโอกาสลูบๆ อย่างฉวยโอกาส แต่เด็กหญิงก็ปัดมืดหญิงสาวออกทันที เธอมองหญิงสาวด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยามที่แสนจริงใจ

    หญิงสาวถอนหายใจในแบบที่เด็กหญิงตีความไม่ออก แล้วต่อบทสนทนา

    แว่วว่าแม่น้ำที่อินเดียสกปรกกว่านี้เสียอีก

    ไม่เกี่ยวหรอกมั้งคะ

    แต่ห้องนอนบ้านฉันกว่าสกปรกกว่านี้นะ

    ตัดอารมณ์ดราม่ากันดื้อๆ เลยหรือคะ

    ไม่รู้สิ หญิงสาวยิ้มอย่างอ่อนโยน อยากให้เธอเชื่อฉันนะ

    เด็กหญิงขมวดคิ้วมุ่น นี่จะสื่ออะไรคะ

    หญิงสาวคุกเข่าลง กุมมือข้างซ้ายของเด็กหญิงไว้ แล้วก้มลงไปจุมพิต ราวกับอัศวินที่สาบานว่าจะภักดีและปกป้ององค์หญิงตัวน้อย เสียแต่องค์หญิงคิดว่าอัศวินเป็นไอ้โรคจิตที่คอยแต่จะลวนลามและงาบตำแหน่งสามี

    ไปด้วยกันไหมล่ะ ข้างนอกนั่น บ้านของฉัน หรือแม่น้ำที่อินเดีย

    หนูชนะแล้ว ก็อย่ามาพูดอะไรที่มันเหมือนขอแต่งงานอีกสิคะ เด็กหญิงสะบัดมือออก สีหน้าบูดบึ้ง มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะ แต่เดี๋ยวพอถึงเวลา คุณก็ลืม

                “ลืม? พูดอะไรของเธอ หญิงสาวมองคนตรงหน้า ท่าทางสับสน

    ไม่รู้สิคะ เด็กหญิงยิ้มอย่างเศร้าสร้อย อยากให้คุณเชื่อหนูนะ

    .

    แล้วภาพทั้งหมดก็หยุดหายไปตรงนั้น

    .

     

     

    ตอนที่หญิงสาวลืมตาตื่น เธอเห็นเพดานห้องนอนสีครีมทึบทึม

    พระอาทิตย์สาดแสงลอดเข้ามาผ่านม่านหน้าต่าง เธอขยี้ตา ก่อนจะเหลือบไปเห็นปฏิทินสีชมพู

    ปฏิทินถูกเขียนด้วยภาษาไทย...

    ก็แน่สิ เธอห่วยอังกฤษจะตาย ถึงจะเรียนสายภาษา แต่ก็แค่หนีวิทย์กับคณิตมาจากตอนมัธยมปลายเท่านั้นเองนี่นา

    ดังนั้น เธออ่านได้แต่ภาษาไทย แล้วก็ไม่รู้จักภาษาต่างประเทศอื่นๆ เลยด้วย

     

     

    ในโลกอีกใบหนึ่ง เด็กหญิงจ้องลงไปในแม่น้ำสีชมพูจากเลือดสามีที่สะท้อนภาพของหญิงสาว ผู้ซึ่งไม่มีข้าวโพดอยู่ที่หางอีกต่อไปแล้ว

    เดี๋ยวพอเวลาผ่านไป คุณก็ลืม เด็กหญิงพึมพำ มือซ้ายกำซากของข้าวโพดแปดฝักไว้แน่น เธอถอนหายใจ เอ่ยต่อด้วยเสียงนิ่ง ฟังดูเฉยชาไร้อารมณ์ แล้วพอเวลาผ่านไป หนูก็เลือน

    ภาพสะท้อนของหญิงสาวยังคงอยู่

    แต่เด็กหญิงและทุกสรรพสิ่งในเชเอเซียกลับสูญหาย

    สิ้นสลายลงทั้งหมด... ไม่เหลือแม้เพียงธาตุอากาศ

     

    _________________

     

    กิจกรรมปันตัวในเป็นเรื่องของสมาคมนัก(อยาก)เขียนค่ะ

    เราเขียนจาก

    สิ่งที่ 03 เคียซา ต้องนำไปเขียน

    คุณลักษณะตัวละคร
    - หญิงสาวอายุยี่สิบเอ็ด
    - ไม่เป็นกุลสตรี
    - เมล็ดในฝักกินได้
    - ตามหาเมีย
    - 8-4-3-2-5

    ประเด็นหรือ "ของ" ที่ต้องมีในเรื่อง
    - อาวุธ
    - ก็อย่างที่รู้ว่ามันสกปรก ไม่ใช่สกปรกธรรมดานะ สกปรกมาก แต่แว่วว่าแม่น้ำที่อินเดียสกปรกมากกว่านี้เสียอีก
    - ขุดพบซากสัตว์ขนาดใหญ่
    - การอ่านภาษาไทย
    - เกม
    - รูปหอย

    เราพยายามมีสาระนะคะ แต่เหมือนจะไม่สำเร็จ ขออภัย

    ธีมเสริมคือ Oblivion ค่ะ แต่เขียนออกมาไม่ชัดเท่าไหร่ แฮะๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×