คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นแห่งตำนาน
ปิรามิด1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ถูกกล่าวขานมาจวบจนทุกวันนี้ด้วยความสวยงามและรูปร่างที่น่าประหลาดใจของมันทำให้หลายคนสงสัยว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากฝีมือมนุษย์จริง หรือหากไม่ใช่ฝีมือมนุษย์แล้วเป็นฝีมือใคร!? มนุษย์ต่างดาวหรือ?! ปริศนาในเรื่องนี้ยังคงเป็นความลับอยู่แต่ถึงกระนั้นก็ตามก็มีหลายข้อสันนิฐานและอีกหลายตำนานเกี่ยวกับการกำเนิดเจ้าสิ่งนี้... และนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตำนานของเรื่องราวเกี่ยวกับปิรามิด…..
ย้อนไปเมื่อประมาณ 2640 ปี ก่อนคริสตกาล ยุคสมัยแห่ง ฟาโร ดีโจเซอร์กษัตริย์แห่งอียิปต์ผู้เกรียงไกล มีกองกำลังที่เชี่ยวชาญศึก ด้วยความแข็งแกร่งของกองกำลังของพระองค์จึงเป็นที่โจทย์ขานกันไปทั่วทุกแว่นแคว้น เมื่อพระองค์ปรากฏขึ้นที่ใดที่นั้นจะเกิดไฟแห่งสงครามที่นั้น กองซากศพที่กองเท่าภูเขาถูกเรียงรายตามเมืองต่างๆที่พระองค์ได้ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกหลายเมืองที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของอียิปต์จึงอยู่กันอย่างสงบสุข....
ณ เมือง มิเดียน ในค่ำคืนเดือนมืดแสงดาวสุกสว่าง ส่องแสงระยิบระยับอยู่บนฝากฟ้า มีเด็กชายคนหนึ่งนั่งอยู่กลางทุ่งทะเลทราย เหม่อมองดูดวงดาวเหล่านั้นด้วยสีหน้าที่ฉงนและสงสัยว่าบนดวงดาวเหล่านั้นจะมีใครบ้างไหม พวกเขาจะเป็นคนเช่นไร... แล้วพวกเขาจะแหงนหน้ามองท้องฟ้าแบบเขาบ้างหรือป่าว... เขายิ่งใช้ความคิดเขายิ่งรู้สึกเหน็บหนาวแม้ว่าเขาจะอยู่ข้างกองไฟก็ตาม... เขาโอบกอดตัวเองให้แน่นขึ้น เขาเริ่มสั่น ที่สั่นนั้นมิใช่เพราะอากาศรอบกายแต่มันสั่นสะท้านมาจากข้างใน... จากใจของเขาเอง... ในขณะที่เขาอยู่ในห้วงแห่งความคิดก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังของเขา เสียงก้าวเท้าของอูฐที่ย่ำอยู่บนทะเลทรายดังขึ้นเด็กชายหันกลับไปมองเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนหลังอูฐ แสงจากกองไฟที่เขาได้ส่องกระทบใบหน้าของเด็กผู้หญิง ทำให้เด็กชายรู้ทันที่ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวของเขาเอง
“นี่ก็มืดแล้วนะ ออกมาทำอะไรข้างนอกหรือ..คราร่า อากาศข้างนอกนี้แสนหนาวเย็นเดี่ยวก็ไม่สบายหรอก” เด็กชายเอ่ยขึ้นบอกกับน้องสาวของตน
“ข้าก็มาตามท่านพี่นั้นแหละ มิคคาเอล ท่านแม่บอกว่าดึกแล้วกลับบ้านกันเถอะ”คราร่าเอ่ยขึ้น
“ข้าก็กำลังจะกลับอยู่พอดี ราฟ เราก็ไปกันเถอะ” เมื่อเขากล่าวจบเขาก็หยิบท่อนไม้ ขึ้นมาท่อนหนึ่งจากกองไฟ จากนั้นก็โดดขึ้นสู่หลังอูฐ
“กลบไฟเถอะ”เมื่อสิ้นเสียงของมิคคาเอล ขาหลังของอูฐก็กระทืบทรายจนฟุ้งกลบกองไฟจนสนิท ควันไฟพวยพุงขึ้น
“กลับบ้านกันเถอะ”ทั้งสองกระแทกเท้าเบาๆลงบนสีข้างของอูฐ ในขณะที่พวกเขาเดินทางกลับ มิคคาเอลมองไปที่ท้องฟ้า เขาเห็นดาวดวงหนึ่งวิ่งเป็นลำแสง แต่มันกลับตกเข้าใกล้ขึ้นมาเลื่อยๆ ขนาดของมันก็ขยายขึ้นเลื่อยๆเช่นกัน และในที่สุดมันก็หายไป จากนั้นไม่นานก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาเป็นแสงสีทองที่สุกสว่างราวกับดวงตะวันกำลังตก ในขณะที่แสงส่องสว่างอยู่นั้นก็เกิดแผ่นดินไหว... พื้นทะเลทรายเริ่มยุบตัวลงอย่างช้าๆ
“ไปเร็ว!!!...คราร่าพื้นทรายยุบตัวอย่างนี้เราคงจมแน่”
พวกเขากระแทกสีข้างอูฐอย่างแรงให้อูฐออกวิ่งไป พื้นทรายก็ยุบตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเลื่อยๆ เกิดฝุ่นตะลบอบอวนอยู่เบื้องหลังของพวกเขา พวกเขาบังคับให้อูฐกระโดดขึ้นสู่ภูเขาหิน พวกเขาพยายามไปให้สูงขึ้น บนนั้นมีเพียงแค่การสั่นไหวอย่างเบาบางฝุ่นละอองกระจายไปทั่ว ไฟที่คบเพลิงในขณะนี้ดับลงแล้ว
แล้ว ความมืดเริ่มปกคุม เหลือเพียงแต่แสงจากดวงดาวบนทองฟ้าเท่านั้น ทั้งสองเริ่มลงจากอูฐ แต่เมื่อเท้าของพวกเขาแตะพื้นเรี่ยวแรงที่มีก็หายไป พวกเขาทรุดตัวลงกองอยู่กับพื้น ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะนั่ง พวกเขานั่งพิงหลังก้อนหินขนาดใหญ่ ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“น...........นั้นมัน อ......อะไรกันนะ.. มิค ม.........มันเกิดอะไรขึ้น...?!” คราร่าพูดด้วยน้ำเสียงหวาดๆๆ
“ม....ไม่รู้สิ ข้าก็พึ่งเคยเห็นนี่แหละ”มิคคาเอลตอบด้วยเสียงสั่น “ข้าว่าเราพักที่นี้ก่อนดีกว่า รุ่งเช้าแล้วค่อยไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น...”
เมื่อรุ่งเช้าพวกเขาเดินทางไป ณ จุดที่คาดว่าน่าจะเป็นที่ส่องแสงสว่างเมื่อคืน
เมื่อใกล้ถึงพวกเขาก็พบภูเขาทรายขนาดยักษ์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปีนขึ้นไปสู่ยอด
ของภูเขา เมื่อไปถึงพวกเขาต้องตะลึงลานกับภาพที่เห็น...
ความคิดเห็น