ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Frawteer ดินแดนแห่งสุดท้ายของผู้ลี้ภัย

    ลำดับตอนที่ #2 : กริ้ง(บทแรก)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 126
      2
      27 มี.ค. 56

    " นายน้อย "

    "..."

    " นายน้อยครับ... "

    "..."

    " ถ้าไม่รีบตื่นจะเข้าเรียนสายเอานะครับ "

    " ขออีก 5 นาทีโรล "

         ชายชุดดำส่ายศีรษะเบาๆกับท่าทีของนายน้อยที่แสนจะเอาแต่ใจ ร่างบางระหงราวกับอิสตรีกำลังพยายามซ่อนเส้นผมสีคาราเมลสดใสไว้ใต้ผ้าห่มสีขาวบริสุทธื์ แม้จะทราบดีว่านายน้อยของตนยังไม่อยากลุก แต่เลือดพ่อบ้านในกายกลับกระตุ้นให้เขาต้องปลุกคุณชายตัวน้อยของตัวเองขึ้นมา มือยาวเรียวที่ถูกทับด้วยถุงมือสีขาวควานหาร่างใต้ผ้าห่มที่คุดตัวราวกับจะพึ่งพาหาไออุ่นแสนจอมและเมื่อร่างใต้ผ้าห่มสัมผัสความผิดแปลกปลอมจากภายนอกเข้ามาทำให้เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลต้องผงกศีรษะขึ้นมามองเจ้าของมือเรียวด้วยสายตาที่แสร้งเป็นไม่พอใจ พลางพยายามปรับสายตาให้ดูเหมือนการตำหนิคนที่มาขัดใจตน จนพ่อบ้านหนุ่มสุดหล่อต้องถอนหายใจกับนิสัยเด็กไม่ยอมโตของนายน้อยตัวเอง

         แต่การกระทำนั่นก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาอันแสนซนที่ดูราวกับจะสนุกสนานกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปได้

    " อะไรกันโรล? ยังหนุ่นยังแน่นมาถอนหายใจแบบนี้ " เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเปรยขึ้น ก่อนจะต่อประโยคที่อยู่ในใจให้ออกมาสมบูรณ์ " เดี๋ยวสาวก็หนีหมดหรอก "

    " ผมไม่สนหรอกของพรรค์นั้น ก็สัญญาไปแล้วว่าจะดูแลนายน้อยเพียงคนเดียวแล้วนี่ครับ "

         พ่อบ้านหนุ่มกล่าวตอบพรางทอดนัยน์ตาสีรัติกาลพร้อมระบายรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับผู้เป็นนายของตน เมื่อชิเอลเห็นแบบนั้นก็ตวัดนัยน์ตามสีมรกตสุกใสขึ้นมองแกมขุ่นเคืองพลางบ่นอุบอิบออกหลายคำ เรียกความขบขันให้กับพ่อบ้านสุดหล่อได้ไม่น้อยเหมือนกัน

    'นั่นสินะ'

    'ข้าได้เอ่ยคำสัตย์เอาไว้'

    'นับจากเวลาผ่านมาแค่ไหนกัน'

    'ช่วงเวลาที่ข้าผู้นี้...เอ่ยถ้อยคำสาบานกับโลหิต'

                 


                   สองมือนี้จะขอค้ำจุล
              แม้หนทางเบื้องหน้าจะต้องดับสูญ
              แม้วิญญาณจะกลายเป็นเถ้าทุลี
              จะขอผูกสัญญาว่าจะปกป้อง




    'จนถึงเวลานี้'

    'ข้าจะขอยืนหยัดคำเดิม'

    'จะขออยู่เคียงข้างเพื่อป้องป้อง'

    'จนนิตนิรันดร์...'



         




         เมื่อการเตรียมพร้อมจะไปเรียนอย่างไม่เต็มใจของชิเอลเสร็จลง โรลก็พาเขามายังห้องรับแขกภายในคฤหาสน์เหมือนเช่นทุกวันและเมื่อนัยน์ตาสีมรกตแสนซุกซนเหลือบไปเห็นร่างที่จ้องมองตนด้วยสายตาที่เรียบเย็น ก็แบะริมฝีปากบางๆออกด้วยความหมั่นใส้

    " เห็นไหมครับ เพราะนายน้อยไม่ยอมลุกคุณจิซาลเลยต้องมารออีกแล้ว "

    " หึ! " ร่างสูงผู้ถูกพาดพิงสบัดหน้าไปทางอื่นราวกับเบื่อหน่ายเสียเต็มทน

    " มานั่งบ้านคนอื่นเขาแล้วยังมาทำเสียงแบบนี้อีกเหรอฮะ " เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลกล่าวแกมตำหนิ ด้วยท่าทีที่น่ารักมากกว่าจะน่าเกรงใจ

    " นายช้า " นัยน์ตาสีครามเย็นเอ่ยตอบ

    " ใช่ครับ นายน้อยช้า "

         แม้กระทั่งพ่อบ้านของตนยังไม่เข้าข้าง ชิเอลก็ได้แต่สบัดหน้าหนีอย่างงอนๆก่อนจะลากจิซาลออกมาโดยไม่ลืมจะกล่าวลาพ่อบ้านของตนด้วยท่าทีที่ชวนหัวเราะ

         เมื่อพ้นบริเวณบ้านออกมาเจ้าของเรือนผมสีรัติกาลก็สบัดข้อมือบางออก พร้อมแสร้งทำเป็นรังเกียจเสียเต็มประดา จึงเรียกค้อนก้อนโตจากชิเอลได้ไม่ยาก

    " วันหลังหัดตื่นให้มันเร็วๆบ้างสิ " จิซาลกล่าว

    " ก็มันง่วงนี่ " คนผิดเองก็ยังไม่ยอมแพ้

    " ที่หลังก็นอนไวๆ คนอื่นเค้าจะได้ไม่ต้องมานั่งรอแบบนี้ "

    " ใครใช้ให้รอล่ะ! " เจ้าของนัยน์ตามรกตยิ้นทะเล้นให้กับจิซาลก่อนวิ่งหนีไป ทำให้จิซาลได้แต่ส่ายหน้าเอือมๆกับนิสัยของเพื่อนเพียงคนเดียวของตน และเตรียมจะก้าวเดินต่อตามชิเอลไป 

         แต่กลับมีความรู้สึกเย็นยะเยือกโถมเข้ามาเหนี่ยวรั้งจนไม่สามารถขึ้นเคลื่อนกายได้ ราวกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง มีแต่เพียงความเย็นยะเยือกที่ยังไม่ได้ละลงไป

    "..."

         นัยน์สีครามเย็นยะเยือกของจิซาลหรี่ลงจนน่ากลัว ราวกับเขาได้ยินเสียงของบางสิ่งที่ไม่ทราบถึงแหล่งกำเนิดแว่วมาเบาๆ จนราวกับเป็นเสียงกระซิบของสายลม

         ก่อนจะหายไปเมื่อเสียงหนึ่งขัดขึ้นมา

    " เฮ้! มีอะไรรึเปล่าจิซาล "เสียงของชิเอลดังขึ้นทำให้ดึงจิซาลกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

    " ไม่มีอะไร "

    ความรู้สึกเย็นยะเยือกหายไปจนหมด 


    ...น่าประหลาด...

     
         จิซาลสบัดศีรษะไล่ความรู้สึกเมื่อครู่ออกไปและพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่มีอะไร แต่ถึงกระนั้นบางสิ่งในตัวของเขายืนยันว่ามันเป็นของจริง เค้าได้ยินบางสิ่งนั่นจริงๆ






       

         เสียงจอกแจกจอแจคุยกันดังกลบเสียงพูดของอาจารย์ประจำวิชาสังคมที่แสนจะน่าเบื่อ จิซาลเหลือบดวงตาสีครามของตนไปมองคนที่อยู่ด้านข้างซึ่งเป็นคนคนเดียวกับคนที่เกือบทำให้เขามาสายและยังเป็นคนที่ดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงจากเสียงประหลาดนั่น 'ชิเอล' ที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปนานแล้ว ด้วยความรู้แปลกประหลาด


         ความรู้สึกนั่นมันทำให้เขาหวนคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนช่วงเช้าของวันนี้ รวมถึงความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ยังตรึงอยู่ในห้วงจิตใต้สำนึกจนไม่อาจจะลบเลือนมันออกไปได้เลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีวี่แววที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

    ...ประหลาดจริง...

    ...กริ๊ง...

         เสียงทุ้มต่ำก้องกังวานเรียกจิซาลให้หลุดออกจากห้วงแห่งความนึกคิดได้อย่างรวดเร็ว ราวกับต้นกำเนิดของมันอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักและมันยังสร้างความประหลาดใจให้กับเขาอีกเมื่อทุกคนในห้องมีท่าทีราวกับไม่ได้ยินเสียงนั่นแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีครามทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่างที่บรรยากาศอึมครึมผิดแปลกจากช่วงเวลาเที่ยงของทุกวันและจุดโฟกัสของสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่กิ่งของต้นไม้ที่มีนกกระจอกตัวน้อยเกาะอยู่เดียวดาย แต่จุดที่ทำให้เขาสนใจคือกิ่งไม้ที่ห่างจากขาของเจ้านกน้อยออกไปเพียงไม่กี่นิ้ว มีกระดิ่งสีเงินปรอดกำลังกวัดแกว่งเป็นท่วงทำนองเฉกเช่นในหัวเขา

    ...กริ๊ง...


    " มีอะไรรึเปล่าจิซาล? " ชิเอลที่ตื่นขึ้นตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบมองสีหน้ายุ่งๆของคนเบื้องหน้าและมันก็เป็นอีกครั้งที่ร่างเล็กดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงพร้อมทั้งลบความรู้สึกแปลกปลอมออกไปจนสิ้น " ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ "

    " เปล่า  "ร่างที่สูงกว่าของจิซาลตอบพลางลุกหนี

    " ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยเล่า " ชิเอลเดินตามติดจิซาลออกมา โดยที่ไม่สนใจเสียงเรียกของอาจารย์ประจำคาบแม้แต่น้อย เพราะสำหรับเขาคำว่าเพื่อนมีความสำมากกว่าอะไรทั้งสิ้น " นี่จะหนีทำไม "

    " นายจะตามมาทำไม " ร่างสูงของจิซาลหันกลับมามองคนที่สูงแค่คางคนตน " ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร "

    " ผมน่ะเป็นเพื่อนคุณนะจิซาล "

    "..."

    " วันนี้คุณทำหน้ายุ่งแบบนั้นกี่ครั้งแล้ว ทำไมผมจะไม่เห็น "

    " ไม่มีอะไร "

    " แล้วคุณทำสีหน้าแบบนั้นทำไม "

         จิซาลได้แต่เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดออกไปได้อย่าง ถ้าจะให้บอกอีกฝ่ายไปตรงๆเลยว่างรู้สึกแปลกๆเหมือนมีอะไรไล่ตามอยู่ทั้งยังเสียงกระดิ่งนั่นอีก ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสนิทของตน แต่ก็กลัวคำตอบว่าจะโดนหาว่าประสาทเสีย ยิ่งชิเอลเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของตน ก็ยิ่งไม่อยากจะทำลายความสัมพันธ์ดีๆนี้ไป

         เมื่อกลับมาสู่ความเป็นจริง เขาก็ได้แต่ทอดมองกลับไปในนัยน์ตาสีมรกตใสที่แสนจะสะดุดตาด้วยความรู้สึกที่อึดอัดใจแต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่บอกความจริงกับชิเอลไปเช่นเดิม จิซาลจึงหันหลังกลับเดินตรงไปยังหอสมุดของโรงเรียนโดยไม่คิดที่จะจะหันกลับมามองร่างเล็กที่บ่นอุบอิบไม่เลิกไม่ลา

         ด้านของชิเอลเมื่อเห็นจิซาลเดินหนี ก็รีบตามไป พลางหวนกลับไปคิดว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้จิซาลมีสีหน้าแปลกๆไป ซึ่งเขาเองก็สังเกตเห็นหลายครั้งแล้วในวันนี้ ไม่ว่าจะตอนออกจากบ้านเขามา ตอนเข้าห้องเรียน หรือจะเป็นในคาบวิชาก็ตาม บางทีจิซาลอาจจะโกรธที่เขาช้าในตอนเช้า แต่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะตั้งแต่จำความได้และจิซาลก็รอเขามาตลอดจนเกือบเท่าอายุของตนเอง คงจะไม่มาโกรธเอาตอนนี้ล่ะมั้ง

         แต่แล้วคนข้างหน้าก็หยุดเดินอย่างกระทันหัน ส่งผลให้เขาที่เดินตามหลังมาอย่างไม่ทันตั้งตัวชนเข้ากับไหล่กว้างนั่นเต็มจัง จนต้องยกมือขึ้นมาลูบจมูกของตนว่ามันยังอยู่ครบสมบูรณ์ดีรึเปล่า แต่ร่างสูงข้างหน้าก็เดินนำไปไกลเสียแล้ว ส่วนชิเอลก็ไม่วายคอดค้อนในใจอยู่ดี

    ...เฮอะ! ไม่คิดจะสนกันบ้างรึไง...

         เบื้องหน้าของชิเอลตอนนี้เป็นหอสมุดขนาดใหญ่ประจำโรงเรียน ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเขามักจะมาในที่แห่งนี้บ่อยๆไม่เฉพาะเวลาที่มีรายงานเล่มโตภาคบังคับเท่านั้นและอีกอย่าง เขากับหนังสือก็ไม่ใช่ญาติที่ห่างกันมาเท่าไรด้วยซ้ำ แต่คนขี้เซาอย่างจิซาลมาในที่แบบนี้ทำไม หมอนั่นเป็นโรคแพ้ตัวหนังสือไม่ใช่หรือไง ถึงผลการเรียนที่ออกมาจะอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าดีจนดีมากไม่ต่างจากเขาก็ตาม 

    ...แต่จิซาลมาที่นี่ทำไมกันนะ?...







    [TBC]



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×