ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ostracize
ตึก ตีก
เสียงรองเท้าหนังส้นโตกระทบพื้นหินเป็นจังหวะ กลุ่มคนแต่งกายด้วยชุดประหลาดบ้างก็ยาวละพื้น บ้างก็ลากจนสะดุดหวิดหัวทิ่มอยู่หลายหนแต่ก็ดูท่าจ่าจะไม่มีใครสนใจเรื่องนั้น
ชายวัยรุ่นวิ่งนำกลุ่นคนนั้นออกมาทะยานตัวตามบรรวนที่แสนปวดแต่เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะเข้าสู่หอคอยตะวันตก แสงอาทิตย์เล็ดลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างกำแพงหินสะท้อนไปตามทางเดินที่กระทบไปกับเสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่ม
เหงื่อพรายไหลย้อยตามใบหน้าอ่อนเยาว์ยังไม่เท่าสีหน้าร้อนรน
ทันทีที่ก้าวผ่านบรรไดขั้นสุดท้ายชายหนุ่มโถมตัวเข้าหาประตูไม้เพียงบานเดียวโดยไม่สนมรรยาทในการเคาะอีกต่อไป
" องค์ชายพระราชาเรียกตัว! "
" อย่ามัวแต่นอนลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้องค์ชาย! "
เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นบนเตียงสีขาวฝั่งซ้ายพร้อมเขย่าเรียกร่างที่จมมิดอยู่ในผ้านวมสีแดงเลือดหมู เสียงแปดหลอดตะโกนกรอกหูไปมาซ้ำอยู่หลายรอบยังไม่มีท่าทีว่าจะมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ชายหนุ่นรอบยิ้มเจ้าเล่ห์ถอยตัวออกมายืนอยู่ปลายเตียง
" ข้าเตือนท่านแล้วนะ "
สิ้นเสียงยังคงไม่มีสิ่งใดขยับเด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะโถมตัวกระโดดทับร่างใต้ผ้าห่มสีเลือดหมูแบบไม่คิดจะออมแรง
" อั๊ก! "
ชายหนุ่มคนเดิมหัวเราะคิกยังอยู่บนร่างที่ตนกระโดดทับ
ผ้าห่มสีเลือดหมูถูกเปิดออกเจ้าของเส้นผมสีบร์อนยุ่งเหยิงกำลังใช้ดวงตาสีขี้เถ้าจ้องมองร่างที่ทับอยู่บนตัวด้วยสายตาตำหนิจนเด็กหนุ่มถึงกระสะดุ้งโหยงลุกออกจากตัวแทบไม่ทัน
" ทะ ท่านเนล กระหม่อมขออภัยอย่างยิ่งโทษนี้สมควร โปรดจงพิจารณา "
เด็กหนุ่มคนเดิมทรุดตัวหมอบอยู่กับพื้นด้วยร่างสั่นระริกเหตุเพราะทำอะไรโดยไม่คิด ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบร์อนยุ่งเหยิงยังคงนั่งอยู่บนเตียงด้วยดวงตาที่ยังไม่เปิดดีก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงดังฝ่าอากาศยิ่งกว่าฟ้าถล่มดังขึ้นหน้าประตู " เจ้าชายยยยยย!!! "
ดวงตาสีขี้เถ้าที่เปิดได้เพียงแค่ครึ่งเดียวตะหวัดมองร่างของกลุ่มสิ่งมีชีวิตหน้าประตูด้วยสายตาขุ่มมัวแสดงถึงความไม่พอใจที่ถูกปลุกอย่างสุดๆ
" จะ เจ้าชายเนล... "
" พะ พวกกระหม่อมหาได้ตั้งใจรบกวนเวลาพักของพระองค์ ตพแต่ว่าตอนนี้องค์ราชา เอ่อ..พระบิดาของพระองค์มีรับสั่งให้เข้าพบ เอ้ย!เข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้เลยพะย่ะค่ะ "
กลุ่มชายหลากวัยหน้าประตูต่างละล่ำลักรีบแก้ตัวออกมาทันเมื่อเจ้าชายผู้มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตตัวเองมีสีหน้าไม่พอจากจากการถูกขุดขึ้นมาจากที่นอน ใครจะรู้บางทีทุกคนในห้องนี้อาจต้องโทษประหารโทษฐานปลุกเจ้าชายให้ตื่นนอนก็เป็นได้ใครจะล่ะ จริงไหม
ชายหนุ่มบนเตียงยังนั่งเอนไปมาเป็นการบอกได้ว่ายังไปตื่นดี กระนั้นก็ยังไม่มีใครเบาใจได้ว่าหัวจะยังอยู่บนบ่าเพราะเมื่อครู่องค์ชายเเสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างสุดๆต่างจากทุกครั้งที่มีคนมาปลุกแม้จะมีท่าทีมึนๆแต่องค์ไม่เคยแสดงสีหน้าเช่นนี้จึงเป็นสาเหตุทำให้ทุกร่างต่างหวาดผวา
ร่างบอบบางก้าวลงจากเตียงช้าๆพร้อมผ้าห่มผืนโต ทั้งที่ดวงตายังไม่เปิดดีก่อนจะเดินโซเซไปที่เตียงโดยที่หวิดจะล้มหลายครั้งจนคนที่ยืนมองต่างพากันหวาดเสียวแต่ก็ไม่กล้าเข้ามาพยุงเพราะยังห่วงสวัสดิภาพของชีวิตตัวเองอยู่ ร่างของเนลหยุดลงที่ข้างเตียงสีขาวก่อนจะยกเท้าขึ้นมาและถีบลงไปที่ก้อนขาวๆตรงเต็มแรง
ผัวะ!
" ทะ ท่านเนลทำเช่นนั้นไม่ได้นะขอรับ "
" ใช่ขะ ขอรับกิริยาเช่นนั้นเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่งยิ่ง "
กลุ่มชายหลากวัยต่างโอดครวญไม่เป็นภาษาแต่แทนที่เนลจะสนรึ ไม่เลยร่างบอบบางทิ้งตัวลงบนเตียงสีขาวตรงหน้าที่เคยมีขยุกขยุยสีขาวกองอยู่ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เตียงว่างฉนั้นนอนได้
ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญก้อน'ขยุกขยุย'สีขาวมีร่างหนึ่งกระเสือกกระสนออกมา เส้นผมสีดำฟูฟ่องยุ่งเหยิงดูไม่ได้ ดวงตาสีอัมพันส่อเค้าความไม่เป็นมิตร ดวงตาคู่คมตวัดมองยังร่างที่แออัดกับอยู่หน้าประตูอย่างหัวเสียทำให้พวกที่ถูกจ้องต่างพร้อมใจสะดุ้งเฮือกขึ้นมาพร้อมเพรียง
" ท่านอัล..."
คนถูกเรียกไม่แม้แต่จะใส่จ้องมองไปบนเตียงที่มีก้อนสีแดงเลือดหมูขดตัวอยู่อย่างไม่เป็นมิตร ดวงหน้าหล่อเหลาเริ่มยิ้มร้ายออกมาจนพวกที่อยู่ข้าหลังได้แต่รูดซิบปากนั่งมองความกลหลที่จะเกิดขึ้นด้วยอาการเหงื่อท่วม
อัลมองร่างเด็กหนุ่มที่หมอบอยู่บนพื้นด้วยแววตาพอใจและหันกลับมาสนใจเป้าหมายเดิมที่ขดอยู่บนเตียงสีขาว เจ้าของนัยน์ตาสีอัมพันกระโดดทับร่างที่อยู่ใต้ผ้าห่มก่อนจะใช้มือความเข้าไป เมื่อจับได้แน่นดวงตาสีอัมพันก็แพรวระยับจนพวกที่เหลือขนลุกซู่ คนด้านบนหัวเราะคิกคักก่อนจะเปลี่ยนเป็นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหัวจากออกแรงกระชากสิ่งที่อยู่ในมือ
" อ้ากกก! "
ร่างที่ขดตัวหาไออุ่นผุดลุกขึ้นมาร้องเสียงหลงในทันที
ดวงตาสีขี้เถ้ามองคนที่คร่อมตัวเองยิ้มหน้าระรื่นก่อนจะเบนไปสบกับหลักฐานที่อยู่คามือเจ้าตัวแสบที่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดแม้ในมือกำลังกำ
...เส้นผมสีบร์อน เป็นกระจุกเลยด้วย
เนลมองคนด้านบนด้วยสายาเคียดเเค้นก่อนจะประเคนบาทาให้อีกครั้งพร้อมเสียงตะหวาดเรื่องอัปยศออกมาโดยไม่สนสายตาตัวประกอบรอบห้อง
" เจ้า! อัลเจ้าแค้นที่คิตตี้รักข้ามากกว่าเจ้าใช่มั้ยเลยหาเรื่องข้าไม่เลิก! "
" คิตตี้รักข้าไม่ใช่เจ้า! อย่ามาละเมอตอนเช้าเนล! "
เมื่อการตบด้วยคำพูดไม่เจ็บพอ ทั้งคู่จึงจัดการสาธยายเรื่องทุกเรื่องออกมาประจานแบบลืมชีวิตที่เหลืออยู่ในห้องไม่ว่าเรื่งที่พูดออกมาจะต่ำกว่าใต้เข็มขัดมากแค่ไหนหรือ บางทีสองคนนี้อาจลืมไปแล้วว่าในห้องนั้นมีสิ่งมีชีวิตอื่นยืนหน้าสลอนพร้อมกระดิกหางตั้งฟังกันหน้าระรื่นอย่างไม่กลัวฟ้าผ่าเปรี้ยงซักนิด
หลังจบการโต้วาทีเจ้าชายทั้งสองที่เพิ่งผลัดกันสาธยายความลับของตัวเองออกมาจนหมดเปลือกสะบัดหน้าไปคนละทางยังไม่วายที่เนลจะแอบเอาขาไปถีบอีกฝ่ายเป็นระยะๆโดยที่อัลก็ไม่มีอ่อนข้อแอบกระตุกเส้นผมสีทองทุกทั้งที่อีกฝ่ายเผลอ ร่างตัวประกอบทั้งหลายในห้องบ้างก็หัวเราะคิกคักแต่มีชายชราคนเดียวทีโอดควรญออกมาเสียง
" แย่แน่ๆ ท่านองค์ราชรู้ว่าท่านเนลติดโรคไร้สัมมาคราวะ ไร้ระเบียบวินัย กริยาไม่เหมาะสม คำพูไม่สุภาพ ลืมเลือนมรรยาทเบื้องต้น แถมติดนิสัยหน้าหด้านไร้ยางอายจากท่านอัลไปต้องแย่แน่ อ้ากกก "
เชิงเทียนลอยข้ามหัวชายชราไปประทะกำแพงเพียงไม่กี่เซ็น
เนลหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเห็นหน้าคนขว้าง ตาแดงก่ำ หน้าเขียวปูด เส้นเลือดโปน คิ้วกระตุก อัลเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่สบอารมณ์แต่มิวายถามออกมาทั้งๆที่หัวเสีย " พวกเจ้าโผล่มาทำไมให้ข้าหงุดหงิดแต่เช้า ถ้ามีเรื่องด่วนวันหลังก็ส่งนางกำนัลเอ๊าะๆมาไม่เอาตาแก่หงำเหงือกแบบพวกเจ้า! "
เหล่าคนที่ถูกเรียกเหมารวมว่าเป็นตาแก่หงำเหงือกส่ายหน้าอย่างอ่อนในกับพฤติกรรมของเจ้าชายที่ห่างไกลจากคำว่าเจ้าชายอยู่มากโขก่อนจะชะงัก สาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกเขาต้องกระหืดกระหอบมาให้เจ้าชายถอนหงอกถึงนี่
" แย่แล้วพะเจ้าค่ะ องค์ราชาทรงเรียกพบตัวเจ้าชายทั้งสองเดี๋ยวนี้เลยพะย่ะค่ะ! "
ทรงพระโอ่อ่าเต็มไปด้วยเหล่าข้าราชกาลอมาตย์มากมายที่รอเข้าเฝ้ารวมถึงทหารมากมายที่รออารักขา
ด้านบนขึ้นไปเป็นชายวันกลางท่าทางทรงภูมิฐาน ดวงตาสีอัมพันคมกริบกับเส้นผมสีบอร์นสว่าง แต่งกายทรงภูมิฐานต่างจากพวกที่อยู่ในห้องมากมายบนหัวสวมมงกุฎสีทองประดับพลอยหลากสีบ่งบอกยศคนตรงหน้าได้เป็นอย่างยิ่ง ร่างทรงภูมิฐานอยู่บนบรรลังค์สีทองดวงตาสีอัมพันเหม่อมองไปไกล
ชายชราแต่งกายรุ่มร่ามกระหืดกระหอบมาถวายบังคมก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
" เจ้าชายทั้งสองมาแล้วพระเจ้าค่ะองค์ราชา "
ชายวัยกลางเดินลงจากบรรลังค์ท่ามกลางกริยาการทำความเคารพของรอบด้าน
ขบวนทหารกลุ่มเล็กเดินเข้ามาในห้องก่อนหยุดทำความรพและหันกลับไปประจำที่เหลือไว้เพียงชายหนุ่มสองคนที่หนึ่งทำหน้าตาเรียบนิ่งบอกบุญไม่รับ อีกหนึ่งยืนยืนยักคิ้วหน้าตากวนบาทามาให้อย่างไม่มีเกรงกลัว
องค์ราชาลอบถอมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน้าเมื่อเห็นหน้าบุตรชายของตน
" ลูกข้าเอ๋ย เหตุที่ข้าเรียกเจ้ามานั้น.. "
" โห่ ลุงอย่ามาพูดเป็นทางการแบบนั้น " ชายหนุ่มกล่าวขัดขึ้นมาอย่างไม่สนคำว่ามรรยาททำให้ราชาชะงัก พร้อมคนอื่นๆที่เริ่มหาอะไรมาอุดหูอย่างรู้งาน " ฟังเเล้วขนจะลุก "
" ไอลูกบ้.า! ชีวิตวันๆนึงแกจะทำอะไรบ้างนอกจากหาเรื่องใส่หัว ก่อปัญหาเที่ยวเล่น ม่อสาวจนชาวบ้านเขาเรียกแกว่า'เจ้าชายขี้หลี'กันทั่วบ้านทั่วเมือง! งานไส้จริงๆไอลูกต.ะไลแกจะให้พ่อแบกหน้าไว้ที่ไหนฮะ! ไอ้เมืองอื่นก็เอาเจ้าชายมาอวดเบ่งว่าลูกมันทำอย่างนู่นได้ ทำอย่างนี้ บำเพ็ญประโยชน์เป็นคุณค่าแก่บ้านเมืองจนคนนับถือ แต่ลูกข้านี่อะไร โดยชาวเมืองเรียกว่าเจ้าชายขี้หลี! หัดอับอายซะบ้างเถอะวันๆเอาแต่หายใจทิ้ง เที่ยวเล่น ไม่คิดจะช่วยงานสักอย่างไม่รู้ว่ามีลูกอย่างแกหรือเอาหมามาเป็นลูกจะดีกว่ากัน! ไอครั้นจะให้เป็นฝั่ง เจ้าก็ดันไม่แย่งคู่มั่นเจ้าเนลมา นั่นมันน้องเจ้านะเว้ย! จะม่อก็ให้มันมีขอบเขตซะบ้าง! ที่จะให้แต่งเองก็ล่อฟาดซะตั้งแต่ราชินียันนางสนม นี่พอคลำไปไม่มีหางเจ้าก็เอาหมดใช่มั้ย หัดคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองซะบ้าง เจ้าเป็นเจ้าชายนะ....บลาๆๆๆ "
" เอิ่ม.. องค์ราชาจะรับยาดมหรือน้ำผลไม้รึไม่พระเจ้าค่ะ " อมาตย์ทางด้านขวากล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆแต่ได้คำตอบกลับมาเป็นเสียงว้ากใส่
เนลเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ส่วนอัลกลั้นหัวเราะจนตัวงอ
องค์ราชาหันกลับมามองลูกชายทั้งสองสองตนด้วยอาการหอบ พอจะหันไปหาเจ้าลูกอีกคนก็เดินหนีไปปลีกวิเวกยืนพิงหน้าต่างไม่สนใจโลกอีกทาง ส่วนที่เหลืออยู่ก็เป็นเจ้าตัวแสบกวนประสาทที่วันๆไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากจะหาเรื่องเข้ามาให้ปวดหัว
ดวงตาสีเดียวกับเด็กหนุ่มตรงหน้ากรอกไปมาอย่างสุดจะกลั้น ข้าราชบริพาลต่างอยู่ในอาการปกติราวกับชินกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี
" อัล ชีวิตนี้เจ้าคิดจะทำสิ่งใดให้เป็นประโยชน์บ้างรึไม่ "
น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน อัลเพียงเงยหน้าขึ้นมามองเพียงนิดเดียวก่อนจะกลับไปทำหน้าวอนส้นต่ออย่างไร้สำนึก คนเป็นพ่อจึงได้แต่ถอมหายใจ
" ถ้าหากทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ ก็อยู่นิ่งเอาไว้อย่าสร้างปัญหาให้เพิ่มพูนขึ้นมา หัดเอาอย่างเนลซะบ้างสิ "
คนถูกเปรียบเทียบไม่วายมีสีหน้าขัดใจน้อยๆ
ร่างที่ถูกเอ่ยหันกลับมามองสองคนที่อยู่ในระหว่างการสนทนาด้วยแววตาเซ็งจิต ก่อนรำพึงออกมาช้าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่ทำให้อัลถึงกับระเบิกเสียงหัวเราะออกมาดังยิ่งกว่าครั้งไหนๆเช่นเดียวกับชายผูเป็นราชาที่แทบจะสั่งจับเจ้าสองตัวตรงหน้าไปถ่วงน้ำซะให้สิ้นซาก
" ท้องฟ้าเปิด อากาศแจ่มใสลมเย็นสบาย เสียงนกร้องบรรเลงขับกล่อมช่างไพรเราะ ใยข้าต้องมายืนฟังตาแก่บ่นกับพวกสติไม่ดีด้วย ช่างเป็นเวรกรรมแต่ชาติเก่าจริงๆ "
คนเป็นราชาถึงกับกุมขมับด้วยความอ่อนใจ เช่นเดียวกับตัวประกอบที่อยู่ในท้องพระโรงที่เริ่มกลั้นหัวเราะจนปวดท้อง บ้างก็หลุดหัวเราะออกมา
เป็นเรื่องตลกร้ายของคนเป็นพ่อที่ลูกคนหนึ่งวันๆไม่ทำอะไรเอาแต่กวนประสาทสร้างปัญหา อีกคนก็รักสันโดดแต่แอบดื้อเงียบ เปิดปากเมื่อใดไม่วายจิกกัดหาเรื่องคนอื่นแม้จะเป็นพวกที่นิ่งเงียบก็ตาม องค์ราชาได้แต่ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจกับนิสัยลูกทั้งสองคน
" พวกเจ้ามีอะไรดีกันบ้างนอกจากหน้าตา "
" ว่าอะไรเช่นนั้นลุง ต่อให้ไม่ใส่เสื้อผ้าก็ยังมีดีนะจะบอกให้ " พูดจบมิวายยิ้มกวนส้นมาให้คนเป็นพ่อ
" มุขนั้นใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอกอัล เนลใช้บ่อยเกินไปจนข้าเริ่มชินแล้ว "
เจ้าตัวแสบถึงกับตวัดสายตาไปมองร่างที่กลั้นยิ้มจนคิ้วกระตุอยู่ข้างกำแพง
ราชาเพียงถอนหายอีกครั้งก่อนจะออกคำสั่งออกมาที่ทำให้ลูกชายที่เงียบนิ่งถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนในท้องพระโรง
" ข้าขอถอดยศออกจากการเป็นรัชทายาทให้เหลือแค่เป็นเจ้าชาย 'อัล' "
" เฮ้ย! ไม่ได้นะลุง ข้าโดนเจ้าเนลก็ต้องโดนหรือท่านรักลูกไม่เท่ากัน "
" อย่าเอาข้าไปเกี่ยวเจ้าสมองหมี! "
คนเป็นพ่อต้องถอนหายใจออกมาไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวัน มองดูลูกชายสองคนยืนกัดกันด้วยเสียงหน้าอ่อนใจก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆเล่นเอาลูกชายคนลองถึงกับช็อกค้าง
" เจ้าก็ด้วยเนล "
" ตาแก่อย่ามาเอาข้าไปเกี่ยว พวกเจ้าจะทะเลาะกันก็ทะเลาะกันไปสองคนสิ! "
" ใช่ว่าข้าจะไม่รู้ เจ้าเองก็ไม่ได้น้อยไปกว่าพี่ชายเจ้าเลยถึงจะทำได้แนบเนียกว่าก็ตาม "
เนลถึงกับสะอึกกับคำพูดของชายตรงหน้า
ท้องพระโรงต่างเงียบด้วยความลุ้นระทึกอย่างสุดตัว ไม่ต่างกับร่างทั้งสองของเจ้าชายรัชทายาทที่เพิ่งถูกถอดยศให้เป็นเพียงเจ้าชายที่ลุ้นตัวโก่งยิ่งกว่าใครๆพร้อมทั้งหัวงในใจอย่างพร้อมเพรียงให้ตาลุงนั้นแค่เล่ยตลกออกมา แต่เสียงที่ดังขึ้นยิ่งซ้ำเติมฝันร้ายยิ่งกว่าการถูกถอดยศ ทั้งคู่ต่างรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าใส่กลางท้องพระโรง
" พวกเจ้าทั้งคู่ถูกเนรเทศออกนอกราชอาณาจักรมาเนียริส เป็นเวลาสิบสี่ปี ! "
..
..
..
..
..
...นี่ไม่ใช่รามเกียรติ์นะที่จะเนรเทศกันง่ายๆสิบสี่ปี!
To be continue...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น