ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กริ้ง(บทแรก)
" นายน้อย "
"..."
" นายน้อยครับ... "
"..."
" ถ้าไม่รีบตื่นจะเข้าเรียนสายเอานะครับ "
" ขออีก 5 นาทีโรล "
ชายชุดดำส่ายศีรษะเบาๆกับท่าทีของนายน้อยที่แสนจะเอาแต่ใจ ร่างบางระหงราวกับอิสตรีกำลังพยายามซ่อนเส้นผมสีคาราเมลสดใสไว้ใต้ผ้าห่มสีขาวบริสุทธื์ แม้จะทราบดีว่านายน้อยของตนยังไม่อยากลุก แต่เลือดพ่อบ้านในกายกลับกระตุ้นให้เขาต้องปลุกคุณชายตัวน้อยของตัวเองขึ้นมา มือยาวเรียวที่ถูกทับด้วยถุงมือสีขาวควานหาร่างใต้ผ้าห่มที่คุดตัวราวกับจะพึ่งพาหาไออุ่นแสนจอมและเมื่อร่างใต้ผ้าห่มสัมผัสความผิดแปลกปลอมจากภายนอกเข้ามาทำให้เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลต้องผงกศีรษะขึ้นมามองเจ้าของมือเรียวด้วยสายตาที่แสร้งเป็นไม่พอใจ พลางพยายามปรับสายตาให้ดูเหมือนการตำหนิคนที่มาขัดใจตน จนพ่อบ้านหนุ่มสุดหล่อต้องถอนหายใจกับนิสัยเด็กไม่ยอมโตของนายน้อยตัวเอง
แต่การกระทำนั่นก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาอันแสนซนที่ดูราวกับจะสนุกสนานกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปได้
" อะไรกันโรล? ยังหนุ่นยังแน่นมาถอนหายใจแบบนี้ " เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเปรยขึ้น ก่อนจะต่อประโยคที่อยู่ในใจให้ออกมาสมบูรณ์ " เดี๋ยวสาวก็หนีหมดหรอก "
" ผมไม่สนหรอกของพรรค์นั้น ก็สัญญาไปแล้วว่าจะดูแลนายน้อยเพียงคนเดียวแล้วนี่ครับ "
พ่อบ้านหนุ่มกล่าวตอบพรางทอดนัยน์ตาสีรัติกาลพร้อมระบายรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับผู้เป็นนายของตน เมื่อชิเอลเห็นแบบนั้นก็ตวัดนัยน์ตามสีมรกตสุกใสขึ้นมองแกมขุ่นเคืองพลางบ่นอุบอิบออกหลายคำ เรียกความขบขันให้กับพ่อบ้านสุดหล่อได้ไม่น้อยเหมือนกัน
'นั่นสินะ'
'ข้าได้เอ่ยคำสัตย์เอาไว้'
'นับจากเวลาผ่านมาแค่ไหนกัน'
'ช่วงเวลาที่ข้าผู้นี้...เอ่ยถ้อยคำสาบานกับโลหิต'
สองมือนี้จะขอค้ำจุล
แม้หนทางเบื้องหน้าจะต้องดับสูญ
แม้วิญญาณจะกลายเป็นเถ้าทุลี
จะขอผูกสัญญาว่าจะปกป้อง
'จนถึงเวลานี้'
'ข้าจะขอยืนหยัดคำเดิม'
'จะขออยู่เคียงข้างเพื่อป้องป้อง'
'จนนิตนิรันดร์...'
เมื่อการเตรียมพร้อมจะไปเรียนอย่างไม่เต็มใจของชิเอลเสร็จลง โรลก็พาเขามายังห้องรับแขกภายในคฤหาสน์เหมือนเช่นทุกวันและเมื่อนัยน์ตาสีมรกตแสนซุกซนเหลือบไปเห็นร่างที่จ้องมองตนด้วยสายตาที่เรียบเย็น ก็แบะริมฝีปากบางๆออกด้วยความหมั่นใส้
" เห็นไหมครับ เพราะนายน้อยไม่ยอมลุกคุณจิซาลเลยต้องมารออีกแล้ว "
" หึ! " ร่างสูงผู้ถูกพาดพิงสบัดหน้าไปทางอื่นราวกับเบื่อหน่ายเสียเต็มทน
" มานั่งบ้านคนอื่นเขาแล้วยังมาทำเสียงแบบนี้อีกเหรอฮะ " เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลกล่าวแกมตำหนิ ด้วยท่าทีที่น่ารักมากกว่าจะน่าเกรงใจ
" นายช้า " นัยน์ตาสีครามเย็นเอ่ยตอบ
" ใช่ครับ นายน้อยช้า "
แม้กระทั่งพ่อบ้านของตนยังไม่เข้าข้าง ชิเอลก็ได้แต่สบัดหน้าหนีอย่างงอนๆก่อนจะลากจิซาลออกมาโดยไม่ลืมจะกล่าวลาพ่อบ้านของตนด้วยท่าทีที่ชวนหัวเราะ
เมื่อพ้นบริเวณบ้านออกมาเจ้าของเรือนผมสีรัติกาลก็สบัดข้อมือบางออก พร้อมแสร้งทำเป็นรังเกียจเสียเต็มประดา จึงเรียกค้อนก้อนโตจากชิเอลได้ไม่ยาก
" วันหลังหัดตื่นให้มันเร็วๆบ้างสิ " จิซาลกล่าว
" ก็มันง่วงนี่ " คนผิดเองก็ยังไม่ยอมแพ้
" ที่หลังก็นอนไวๆ คนอื่นเค้าจะได้ไม่ต้องมานั่งรอแบบนี้ "
" ใครใช้ให้รอล่ะ! " เจ้าของนัยน์ตามรกตยิ้นทะเล้นให้กับจิซาลก่อนวิ่งหนีไป ทำให้จิซาลได้แต่ส่ายหน้าเอือมๆกับนิสัยของเพื่อนเพียงคนเดียวของตน และเตรียมจะก้าวเดินต่อตามชิเอลไป
แต่กลับมีความรู้สึกเย็นยะเยือกโถมเข้ามาเหนี่ยวรั้งจนไม่สามารถขึ้นเคลื่อนกายได้ ราวกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง มีแต่เพียงความเย็นยะเยือกที่ยังไม่ได้ละลงไป
"..."
นัยน์สีครามเย็นยะเยือกของจิซาลหรี่ลงจนน่ากลัว ราวกับเขาได้ยินเสียงของบางสิ่งที่ไม่ทราบถึงแหล่งกำเนิดแว่วมาเบาๆ จนราวกับเป็นเสียงกระซิบของสายลม
ก่อนจะหายไปเมื่อเสียงหนึ่งขัดขึ้นมา
" เฮ้! มีอะไรรึเปล่าจิซาล "เสียงของชิเอลดังขึ้นทำให้ดึงจิซาลกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
" ไม่มีอะไร "
ความรู้สึกเย็นยะเยือกหายไปจนหมด
...น่าประหลาด...
จิซาลสบัดศีรษะไล่ความรู้สึกเมื่อครู่ออกไปและพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่มีอะไร แต่ถึงกระนั้นบางสิ่งในตัวของเขายืนยันว่ามันเป็นของจริง เค้าได้ยินบางสิ่งนั่นจริงๆ
เสียงจอกแจกจอแจคุยกันดังกลบเสียงพูดของอาจารย์ประจำวิชาสังคมที่แสนจะน่าเบื่อ จิซาลเหลือบดวงตาสีครามของตนไปมองคนที่อยู่ด้านข้างซึ่งเป็นคนคนเดียวกับคนที่เกือบทำให้เขามาสายและยังเป็นคนที่ดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงจากเสียงประหลาดนั่น 'ชิเอล' ที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปนานแล้ว ด้วยความรู้แปลกประหลาด
ความรู้สึกนั่นมันทำให้เขาหวนคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนช่วงเช้าของวันนี้ รวมถึงความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ยังตรึงอยู่ในห้วงจิตใต้สำนึกจนไม่อาจจะลบเลือนมันออกไปได้เลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีวี่แววที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
...ประหลาดจริง...
...กริ๊ง...
เสียงทุ้มต่ำก้องกังวานเรียกจิซาลให้หลุดออกจากห้วงแห่งความนึกคิดได้อย่างรวดเร็ว ราวกับต้นกำเนิดของมันอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักและมันยังสร้างความประหลาดใจให้กับเขาอีกเมื่อทุกคนในห้องมีท่าทีราวกับไม่ได้ยินเสียงนั่นแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีครามทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่างที่บรรยากาศอึมครึมผิดแปลกจากช่วงเวลาเที่ยงของทุกวันและจุดโฟกัสของสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่กิ่งของต้นไม้ที่มีนกกระจอกตัวน้อยเกาะอยู่เดียวดาย แต่จุดที่ทำให้เขาสนใจคือกิ่งไม้ที่ห่างจากขาของเจ้านกน้อยออกไปเพียงไม่กี่นิ้ว มีกระดิ่งสีเงินปรอดกำลังกวัดแกว่งเป็นท่วงทำนองเฉกเช่นในหัวเขา
...กริ๊ง...
" มีอะไรรึเปล่าจิซาล? " ชิเอลที่ตื่นขึ้นตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบมองสีหน้ายุ่งๆของคนเบื้องหน้าและมันก็เป็นอีกครั้งที่ร่างเล็กดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงพร้อมทั้งลบความรู้สึกแปลกปลอมออกไปจนสิ้น " ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ "
" เปล่า "ร่างที่สูงกว่าของจิซาลตอบพลางลุกหนี
" ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยเล่า " ชิเอลเดินตามติดจิซาลออกมา โดยที่ไม่สนใจเสียงเรียกของอาจารย์ประจำคาบแม้แต่น้อย เพราะสำหรับเขาคำว่าเพื่อนมีความสำมากกว่าอะไรทั้งสิ้น " นี่จะหนีทำไม "
" นายจะตามมาทำไม " ร่างสูงของจิซาลหันกลับมามองคนที่สูงแค่คางคนตน " ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร "
" ผมน่ะเป็นเพื่อนคุณนะจิซาล "
"..."
" วันนี้คุณทำหน้ายุ่งแบบนั้นกี่ครั้งแล้ว ทำไมผมจะไม่เห็น "
" ไม่มีอะไร "
" แล้วคุณทำสีหน้าแบบนั้นทำไม "
จิซาลได้แต่เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดออกไปได้อย่าง ถ้าจะให้บอกอีกฝ่ายไปตรงๆเลยว่างรู้สึกแปลกๆเหมือนมีอะไรไล่ตามอยู่ทั้งยังเสียงกระดิ่งนั่นอีก ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสนิทของตน แต่ก็กลัวคำตอบว่าจะโดนหาว่าประสาทเสีย ยิ่งชิเอลเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของตน ก็ยิ่งไม่อยากจะทำลายความสัมพันธ์ดีๆนี้ไป
เมื่อกลับมาสู่ความเป็นจริง เขาก็ได้แต่ทอดมองกลับไปในนัยน์ตาสีมรกตใสที่แสนจะสะดุดตาด้วยความรู้สึกที่อึดอัดใจแต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่บอกความจริงกับชิเอลไปเช่นเดิม จิซาลจึงหันหลังกลับเดินตรงไปยังหอสมุดของโรงเรียนโดยไม่คิดที่จะจะหันกลับมามองร่างเล็กที่บ่นอุบอิบไม่เลิกไม่ลา
ด้านของชิเอลเมื่อเห็นจิซาลเดินหนี ก็รีบตามไป พลางหวนกลับไปคิดว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้จิซาลมีสีหน้าแปลกๆไป ซึ่งเขาเองก็สังเกตเห็นหลายครั้งแล้วในวันนี้ ไม่ว่าจะตอนออกจากบ้านเขามา ตอนเข้าห้องเรียน หรือจะเป็นในคาบวิชาก็ตาม บางทีจิซาลอาจจะโกรธที่เขาช้าในตอนเช้า แต่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะตั้งแต่จำความได้และจิซาลก็รอเขามาตลอดจนเกือบเท่าอายุของตนเอง คงจะไม่มาโกรธเอาตอนนี้ล่ะมั้ง
แต่แล้วคนข้างหน้าก็หยุดเดินอย่างกระทันหัน ส่งผลให้เขาที่เดินตามหลังมาอย่างไม่ทันตั้งตัวชนเข้ากับไหล่กว้างนั่นเต็มจัง จนต้องยกมือขึ้นมาลูบจมูกของตนว่ามันยังอยู่ครบสมบูรณ์ดีรึเปล่า แต่ร่างสูงข้างหน้าก็เดินนำไปไกลเสียแล้ว ส่วนชิเอลก็ไม่วายคอดค้อนในใจอยู่ดี
...เฮอะ! ไม่คิดจะสนกันบ้างรึไง...
เบื้องหน้าของชิเอลตอนนี้เป็นหอสมุดขนาดใหญ่ประจำโรงเรียน ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเขามักจะมาในที่แห่งนี้บ่อยๆไม่เฉพาะเวลาที่มีรายงานเล่มโตภาคบังคับเท่านั้นและอีกอย่าง เขากับหนังสือก็ไม่ใช่ญาติที่ห่างกันมาเท่าไรด้วยซ้ำ แต่คนขี้เซาอย่างจิซาลมาในที่แบบนี้ทำไม หมอนั่นเป็นโรคแพ้ตัวหนังสือไม่ใช่หรือไง ถึงผลการเรียนที่ออกมาจะอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าดีจนดีมากไม่ต่างจากเขาก็ตาม
...แต่จิซาลมาที่นี่ทำไมกันนะ?...
[TBC]
"..."
" นายน้อยครับ... "
"..."
" ถ้าไม่รีบตื่นจะเข้าเรียนสายเอานะครับ "
" ขออีก 5 นาทีโรล "
ชายชุดดำส่ายศีรษะเบาๆกับท่าทีของนายน้อยที่แสนจะเอาแต่ใจ ร่างบางระหงราวกับอิสตรีกำลังพยายามซ่อนเส้นผมสีคาราเมลสดใสไว้ใต้ผ้าห่มสีขาวบริสุทธื์ แม้จะทราบดีว่านายน้อยของตนยังไม่อยากลุก แต่เลือดพ่อบ้านในกายกลับกระตุ้นให้เขาต้องปลุกคุณชายตัวน้อยของตัวเองขึ้นมา มือยาวเรียวที่ถูกทับด้วยถุงมือสีขาวควานหาร่างใต้ผ้าห่มที่คุดตัวราวกับจะพึ่งพาหาไออุ่นแสนจอมและเมื่อร่างใต้ผ้าห่มสัมผัสความผิดแปลกปลอมจากภายนอกเข้ามาทำให้เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลต้องผงกศีรษะขึ้นมามองเจ้าของมือเรียวด้วยสายตาที่แสร้งเป็นไม่พอใจ พลางพยายามปรับสายตาให้ดูเหมือนการตำหนิคนที่มาขัดใจตน จนพ่อบ้านหนุ่มสุดหล่อต้องถอนหายใจกับนิสัยเด็กไม่ยอมโตของนายน้อยตัวเอง
แต่การกระทำนั่นก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาอันแสนซนที่ดูราวกับจะสนุกสนานกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปได้
" อะไรกันโรล? ยังหนุ่นยังแน่นมาถอนหายใจแบบนี้ " เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเปรยขึ้น ก่อนจะต่อประโยคที่อยู่ในใจให้ออกมาสมบูรณ์ " เดี๋ยวสาวก็หนีหมดหรอก "
" ผมไม่สนหรอกของพรรค์นั้น ก็สัญญาไปแล้วว่าจะดูแลนายน้อยเพียงคนเดียวแล้วนี่ครับ "
พ่อบ้านหนุ่มกล่าวตอบพรางทอดนัยน์ตาสีรัติกาลพร้อมระบายรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับผู้เป็นนายของตน เมื่อชิเอลเห็นแบบนั้นก็ตวัดนัยน์ตามสีมรกตสุกใสขึ้นมองแกมขุ่นเคืองพลางบ่นอุบอิบออกหลายคำ เรียกความขบขันให้กับพ่อบ้านสุดหล่อได้ไม่น้อยเหมือนกัน
'นั่นสินะ'
'ข้าได้เอ่ยคำสัตย์เอาไว้'
'นับจากเวลาผ่านมาแค่ไหนกัน'
'ช่วงเวลาที่ข้าผู้นี้...เอ่ยถ้อยคำสาบานกับโลหิต'
สองมือนี้จะขอค้ำจุล
แม้หนทางเบื้องหน้าจะต้องดับสูญ
แม้วิญญาณจะกลายเป็นเถ้าทุลี
จะขอผูกสัญญาว่าจะปกป้อง
'จนถึงเวลานี้'
'ข้าจะขอยืนหยัดคำเดิม'
'จะขออยู่เคียงข้างเพื่อป้องป้อง'
'จนนิตนิรันดร์...'
เมื่อการเตรียมพร้อมจะไปเรียนอย่างไม่เต็มใจของชิเอลเสร็จลง โรลก็พาเขามายังห้องรับแขกภายในคฤหาสน์เหมือนเช่นทุกวันและเมื่อนัยน์ตาสีมรกตแสนซุกซนเหลือบไปเห็นร่างที่จ้องมองตนด้วยสายตาที่เรียบเย็น ก็แบะริมฝีปากบางๆออกด้วยความหมั่นใส้
" เห็นไหมครับ เพราะนายน้อยไม่ยอมลุกคุณจิซาลเลยต้องมารออีกแล้ว "
" หึ! " ร่างสูงผู้ถูกพาดพิงสบัดหน้าไปทางอื่นราวกับเบื่อหน่ายเสียเต็มทน
" มานั่งบ้านคนอื่นเขาแล้วยังมาทำเสียงแบบนี้อีกเหรอฮะ " เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลกล่าวแกมตำหนิ ด้วยท่าทีที่น่ารักมากกว่าจะน่าเกรงใจ
" นายช้า " นัยน์ตาสีครามเย็นเอ่ยตอบ
" ใช่ครับ นายน้อยช้า "
แม้กระทั่งพ่อบ้านของตนยังไม่เข้าข้าง ชิเอลก็ได้แต่สบัดหน้าหนีอย่างงอนๆก่อนจะลากจิซาลออกมาโดยไม่ลืมจะกล่าวลาพ่อบ้านของตนด้วยท่าทีที่ชวนหัวเราะ
เมื่อพ้นบริเวณบ้านออกมาเจ้าของเรือนผมสีรัติกาลก็สบัดข้อมือบางออก พร้อมแสร้งทำเป็นรังเกียจเสียเต็มประดา จึงเรียกค้อนก้อนโตจากชิเอลได้ไม่ยาก
" วันหลังหัดตื่นให้มันเร็วๆบ้างสิ " จิซาลกล่าว
" ก็มันง่วงนี่ " คนผิดเองก็ยังไม่ยอมแพ้
" ที่หลังก็นอนไวๆ คนอื่นเค้าจะได้ไม่ต้องมานั่งรอแบบนี้ "
" ใครใช้ให้รอล่ะ! " เจ้าของนัยน์ตามรกตยิ้นทะเล้นให้กับจิซาลก่อนวิ่งหนีไป ทำให้จิซาลได้แต่ส่ายหน้าเอือมๆกับนิสัยของเพื่อนเพียงคนเดียวของตน และเตรียมจะก้าวเดินต่อตามชิเอลไป
แต่กลับมีความรู้สึกเย็นยะเยือกโถมเข้ามาเหนี่ยวรั้งจนไม่สามารถขึ้นเคลื่อนกายได้ ราวกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง มีแต่เพียงความเย็นยะเยือกที่ยังไม่ได้ละลงไป
"..."
นัยน์สีครามเย็นยะเยือกของจิซาลหรี่ลงจนน่ากลัว ราวกับเขาได้ยินเสียงของบางสิ่งที่ไม่ทราบถึงแหล่งกำเนิดแว่วมาเบาๆ จนราวกับเป็นเสียงกระซิบของสายลม
ก่อนจะหายไปเมื่อเสียงหนึ่งขัดขึ้นมา
" เฮ้! มีอะไรรึเปล่าจิซาล "เสียงของชิเอลดังขึ้นทำให้ดึงจิซาลกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
" ไม่มีอะไร "
ความรู้สึกเย็นยะเยือกหายไปจนหมด
...น่าประหลาด...
จิซาลสบัดศีรษะไล่ความรู้สึกเมื่อครู่ออกไปและพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่มีอะไร แต่ถึงกระนั้นบางสิ่งในตัวของเขายืนยันว่ามันเป็นของจริง เค้าได้ยินบางสิ่งนั่นจริงๆ
เสียงจอกแจกจอแจคุยกันดังกลบเสียงพูดของอาจารย์ประจำวิชาสังคมที่แสนจะน่าเบื่อ จิซาลเหลือบดวงตาสีครามของตนไปมองคนที่อยู่ด้านข้างซึ่งเป็นคนคนเดียวกับคนที่เกือบทำให้เขามาสายและยังเป็นคนที่ดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงจากเสียงประหลาดนั่น 'ชิเอล' ที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปนานแล้ว ด้วยความรู้แปลกประหลาด
ความรู้สึกนั่นมันทำให้เขาหวนคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนช่วงเช้าของวันนี้ รวมถึงความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ยังตรึงอยู่ในห้วงจิตใต้สำนึกจนไม่อาจจะลบเลือนมันออกไปได้เลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีวี่แววที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
...ประหลาดจริง...
...กริ๊ง...
เสียงทุ้มต่ำก้องกังวานเรียกจิซาลให้หลุดออกจากห้วงแห่งความนึกคิดได้อย่างรวดเร็ว ราวกับต้นกำเนิดของมันอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักและมันยังสร้างความประหลาดใจให้กับเขาอีกเมื่อทุกคนในห้องมีท่าทีราวกับไม่ได้ยินเสียงนั่นแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีครามทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่างที่บรรยากาศอึมครึมผิดแปลกจากช่วงเวลาเที่ยงของทุกวันและจุดโฟกัสของสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่กิ่งของต้นไม้ที่มีนกกระจอกตัวน้อยเกาะอยู่เดียวดาย แต่จุดที่ทำให้เขาสนใจคือกิ่งไม้ที่ห่างจากขาของเจ้านกน้อยออกไปเพียงไม่กี่นิ้ว มีกระดิ่งสีเงินปรอดกำลังกวัดแกว่งเป็นท่วงทำนองเฉกเช่นในหัวเขา
...กริ๊ง...
" มีอะไรรึเปล่าจิซาล? " ชิเอลที่ตื่นขึ้นตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบมองสีหน้ายุ่งๆของคนเบื้องหน้าและมันก็เป็นอีกครั้งที่ร่างเล็กดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงพร้อมทั้งลบความรู้สึกแปลกปลอมออกไปจนสิ้น " ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ "
" เปล่า "ร่างที่สูงกว่าของจิซาลตอบพลางลุกหนี
" ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยเล่า " ชิเอลเดินตามติดจิซาลออกมา โดยที่ไม่สนใจเสียงเรียกของอาจารย์ประจำคาบแม้แต่น้อย เพราะสำหรับเขาคำว่าเพื่อนมีความสำมากกว่าอะไรทั้งสิ้น " นี่จะหนีทำไม "
" นายจะตามมาทำไม " ร่างสูงของจิซาลหันกลับมามองคนที่สูงแค่คางคนตน " ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร "
" ผมน่ะเป็นเพื่อนคุณนะจิซาล "
"..."
" วันนี้คุณทำหน้ายุ่งแบบนั้นกี่ครั้งแล้ว ทำไมผมจะไม่เห็น "
" ไม่มีอะไร "
" แล้วคุณทำสีหน้าแบบนั้นทำไม "
จิซาลได้แต่เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดออกไปได้อย่าง ถ้าจะให้บอกอีกฝ่ายไปตรงๆเลยว่างรู้สึกแปลกๆเหมือนมีอะไรไล่ตามอยู่ทั้งยังเสียงกระดิ่งนั่นอีก ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสนิทของตน แต่ก็กลัวคำตอบว่าจะโดนหาว่าประสาทเสีย ยิ่งชิเอลเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของตน ก็ยิ่งไม่อยากจะทำลายความสัมพันธ์ดีๆนี้ไป
เมื่อกลับมาสู่ความเป็นจริง เขาก็ได้แต่ทอดมองกลับไปในนัยน์ตาสีมรกตใสที่แสนจะสะดุดตาด้วยความรู้สึกที่อึดอัดใจแต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่บอกความจริงกับชิเอลไปเช่นเดิม จิซาลจึงหันหลังกลับเดินตรงไปยังหอสมุดของโรงเรียนโดยไม่คิดที่จะจะหันกลับมามองร่างเล็กที่บ่นอุบอิบไม่เลิกไม่ลา
ด้านของชิเอลเมื่อเห็นจิซาลเดินหนี ก็รีบตามไป พลางหวนกลับไปคิดว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้จิซาลมีสีหน้าแปลกๆไป ซึ่งเขาเองก็สังเกตเห็นหลายครั้งแล้วในวันนี้ ไม่ว่าจะตอนออกจากบ้านเขามา ตอนเข้าห้องเรียน หรือจะเป็นในคาบวิชาก็ตาม บางทีจิซาลอาจจะโกรธที่เขาช้าในตอนเช้า แต่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะตั้งแต่จำความได้และจิซาลก็รอเขามาตลอดจนเกือบเท่าอายุของตนเอง คงจะไม่มาโกรธเอาตอนนี้ล่ะมั้ง
แต่แล้วคนข้างหน้าก็หยุดเดินอย่างกระทันหัน ส่งผลให้เขาที่เดินตามหลังมาอย่างไม่ทันตั้งตัวชนเข้ากับไหล่กว้างนั่นเต็มจัง จนต้องยกมือขึ้นมาลูบจมูกของตนว่ามันยังอยู่ครบสมบูรณ์ดีรึเปล่า แต่ร่างสูงข้างหน้าก็เดินนำไปไกลเสียแล้ว ส่วนชิเอลก็ไม่วายคอดค้อนในใจอยู่ดี
...เฮอะ! ไม่คิดจะสนกันบ้างรึไง...
เบื้องหน้าของชิเอลตอนนี้เป็นหอสมุดขนาดใหญ่ประจำโรงเรียน ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเขามักจะมาในที่แห่งนี้บ่อยๆไม่เฉพาะเวลาที่มีรายงานเล่มโตภาคบังคับเท่านั้นและอีกอย่าง เขากับหนังสือก็ไม่ใช่ญาติที่ห่างกันมาเท่าไรด้วยซ้ำ แต่คนขี้เซาอย่างจิซาลมาในที่แบบนี้ทำไม หมอนั่นเป็นโรคแพ้ตัวหนังสือไม่ใช่หรือไง ถึงผลการเรียนที่ออกมาจะอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าดีจนดีมากไม่ต่างจากเขาก็ตาม
...แต่จิซาลมาที่นี่ทำไมกันนะ?...
[TBC]
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น