ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Frawteer ดินแดนแห่งสุดท้ายของผู้ลี้ภัย

    ลำดับตอนที่ #15 : ทางแพร่งที่สอง

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 56







        " มีคนอยู่ในนั้น! "

         สิ้นเสียงของคนด้านหน้าร่างทั้งสามต่างพากันกระชับอาวุธในมือให้แน่นขึ้น ฟรานปล่อยดวงไฟเวทให้ลอยเข้าไปในถ้ำทำให้ทั้งหมดมองเห็นร่างหนึ่งที่นอนคว่ำอยู่ข้างบ่อน้ำที่ไม่กว้างนัก โดยมีผ้าคลุมสึแดงทับร่างอยู่

         ร่างสูงทั้งสองก้าวนำไปด้านหน้า นักดนตรีหนุ่มใช้ดาบไทร์ซูลค่อยๆเขี่ยผ้าคลุดสีแดงที่เปียกชุ่มออกจากร่างที่นอนคว่ำ เส้นผมสีแดงหยักศกกระจายอยู่ยนพื้น ใบหน้าขาวซีดและร่างอรชรทั้งยังหูสัตว์สีดำที่อยู่บนหัว เมื่อดวงไฟลอยเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น ใบหน้าทีฟุบอยู่ต้องแสงจากดวงไฟดวงตาสีชาก็เบิกกว้างอย่างตกตะลึง

         " ผู้หญิงคนนี้เป็นคนในหอเรา! "

         " หา?! "

         พวกที่เหลือต่างร้องเสียงหลงก่อนจะพุ่งเข้าไปดูร่างนั้นให้ชัด

         ทั้งสามพยายามนึกให้ออกว่าใบหน้าคุ้นที่เห็นอยู่นี่คือใครแต่ก็นึกไม่ออก เหมือนมีเส้นบางๆมาปิดกั้นเอาไว้ ทำให้คอย์ลได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก ก็ไม่แปลกที่จะนึกไม่ออกกันเพราะตั้งแต่ที่เข้าฟรัวเทียมาพวกนี้ก็เอาแต่สุมหัวเกาะกลุ่มกันเองตลอดไม่ได้สนใจอะไรรอบตัวซักนิด แต่สำหรับเขาทุกสิ่งที่ผ่านตาล้วนถูกจดจำรวมถึงร่างของหญิงสาวตรงหน้าเองเช่นกัน

         " มิลามิว ฟิล์บพรานป่าแห่งไอออน "

         " ผู้หญิงคนนี้อยู่ในหอเดียวกับเรา " คอย์ลว่า

         ฟรานจ้องมองร่างของหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างชั่งใจ

         ไม่นานนักแพขนตาเริ่มกระพริบปรับแสงก่อนที่ดวงตาสีชมพูจะเปิดขึ้นด้วยท่าทีที่เหนื่อยล้า พร้อมเสียงกระท่อนกระแท่นที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางขาดตอนจนฟังไม่ได้ศัพท์

         " น นี....ป มิว~ "

         " ระ ...บ..ไ...ป มิว "

         ทั้งสี่ทองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าต้องการจะสื่อ ดวงตาสีชมพูของเพื่อนร่วมหอเต็มไปด้วยความอ่อนล้าจวนจะปิดลง

    ครืน!

         เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมเศษหินเม็ดเล็กที่หล่นล่วงลงมา

         " ไประ เร็ว มิว~ "

         " อะไรนะ? " เชลถาม

         หญิงสาวหูแมวพยายามจะสื่อสารด้วยเสียงขาดๆหายๆยิ่งทำให้คนฟังไม่เข้าใจ ยิ่งกว่าเดิม

         คอย์ลย่อตัวลงร่ายเวทสีน้ำตาลทองที่ตัวของหญิงสาวตรงหน้า หูแมวสีดำบนหัวสะบัดไปมา
    ริมฝีปากซีดเซียวพยายามจะพูดบางสิ่งออกมา

         " ไ....ป มิว~ "

         " 'ไป' งั้นเหรอครับ? "

         ชิเอลที่พยายามจับใจความเสียงถามออกมาอย่างไม่แน่ใจเท่าไรแต่ร่างหญิงสาวที่อยู่ในมือคอย์ลกลับพยักหน้าช้าๆ แค่คำว่า'ไป'คำเดียวไม่ได้ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น ร่างเล็กถอนหายใจออกมาอย่างอับจนหนทางในขณะที่ฟรานเริ่มร่ายยาว " ไป? ไปไหน? "

         " ไปหอ ไปฟรัวเทีย ไปกินข้าว ไปบ้าน ไปหารุ่นพี่ ไปข้างนอก ไปกับเพื่อน ไปไกลๆ ไปเที่ยว
    ไปอาบน้ำ ไปเข้าห้องน้ำ ไปเรียน ไปห้องสมุด ไปตลาด ไป...บลาๆๆๆๆ "

         " ...ไปข้างนอก ไปจากที่นี่ ไป... "

         " ใ...ช่.. "

         ทุกร่างชะงัก หญิงสาวหูแมวเริ่มพูดอีกครั้งด้วยเสียงที่พอจะจับใจความได้มากกว่าเดิมเล็กน้อย " ไป....นี่ มิว " ทุกคนเริ่มถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง เดิมทีที่เดินเข้ามาในถ้ำก็ไม่มีจุดหายปลายทางที่แน่นอนอยู่แล้ว ครั้นจะให้กลับไปก็เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นอีก หากเป็นอย่างที่ทุกคนคิด สาวหูแมวต้องการออกจากถ้ำนี้ถ้าฟังไม่ผิด แต่ถ้ากลับออกไปก็ไม่รู้ว่าจะมีตัวอะไรโผล่มาอีกรึเปล่า หรือบางทีในถ้ำอาจจะมีอะไรก็ได้

         เชลลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปรอบบริเวณ มือเล็กสัมผัสไล้ไปตามผนังถ้ำช้าๆ

         ดวงตาสีฟ้าคู่โตเบิกกว้าง ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงพร้อมกับเสียงหนึ่งที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น

    ครืน!

         " ไปเร็ว ถ้ำจะพังลงมาแล้ว!! "



         ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ดูท่าจะช้าเกินไป สายน้ำมากมายทะลุผ่านกำแพงถ้ำเข้ามาในเวลาเดียวกันกับผนังรอบตัวทั้งหมดพร้อมใจกับพังคลืนลงมา เป็นการเปิดทางให้น้ำทะลักเข้ามามากยิ่งขึ้น

     
         สายน้ำที่พุ่งผ่านกำแพงถ้ำที่ทลายตัวลง เข้ามาพุ่งกระแทกร่างที่กีดขวางเส้นทางของมันอย่างไม่ทันให้เตรียมใจ ทั้งหมดถูกแรงจากสายน้ำกระแทกออกไปคนละทิศคนละทาง พร้อมทั้งปริมาณน้ำที่เพิ่มมากขึ้นทดแทนพื้นที่ว่างในถ้ำที่เริ่มน้อยลง
     
         ฟรานที่โผล่พ้นกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดขึ้นมาได้รีบใช้ดวงตาสีอเมทิศกวาดมองหาร่างบางที่ยังบาดเจ็บอยู่ด้วยความร้อนรนท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด
     
         ชิเอลที่ถูกกระแสน้ำกดลงสู่เบื้องล่างพยายามตะเกียดตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้งเหลือบไปเห็นร่างไร้สติใต้ผ้าคลุมสีแดงที่กำลังถูกกระแสน้ำดูดกลืนลงไป คนตัวเล็กละสายตาจากแสงสว่างเหนือผิวน้ำที่อยู่เบื้องหน้าพุ่งตัวลงไปคว้าร่างที่สลบไสลอยู่ ก่อนจะใช้แรงที่เหลืออยู่พยายามทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้ง ด้วยอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายแม้ได้ฤทธิ์เวทช่วยห้ามเลือดเอาไว้อย่างพอถูพอไถสมคำที่เจ้าตัวบอก พอต้องมาฝืนร่างกายขยับมากๆเข้าทำให้ปากแผลที่ไหล่เปิดออกพร้อมหยาดโลหิตสีแงที่ย้อมสีของกระแสน้ำรอบกายร่างบาง 
     
         ดวงตาสีมรกตเหลือบมองร่างที่อยู่ในวงแขนของตนอย่างชั่งใจ หากยังคิดจะดึงดันต่อไปมีแต่จะเป็นเหตุให้ต้องตายทั้งคู่ แต่ถ้าหากที่จะปล่อยร่างในอ้อมแขนไป หญิงสาวที่ไร้สติเองก็ไม่มีทางรอดได้ 
     
         ในช่วงเวลาของความเป็นความตาย ร่างบางยังไม่คิดจะปล่อยมือจากสิ่งที่เป็นดังบ่วงผูกคอตัวเองไว้แต่กลับเลือกที่จะเสี่ยงใช่แรงเฮือกสุดท้ายถีบตัวขึ้นสู่ผิวน้ำพร้อมร่างในอ้อมแขน
     
    พรวด!
     
         " อุ…แค่ก...แ..ก "
     
         ร่างสองร่างพ้นสู่ผิวน้ำด้านบนหากแต่กระแสน้ำที่เชี่ยวกราดซัดลงมากดร่างทั้งคู่ให้จมกลับลงไป แถมแขนซ้ายที่ใช้พยุงร่างของอีกคนเริ่มไร้ความรู้สึกเพราะเสียเลือดมากเกิน
     
         " เ…ค…แค่…ก "
     
         " ชิเอล! "
     
         พรานกวีตัวเล็กพุ่งกลับลงไปที่กระแสน้ำอันกราดเกรี้ยวอีกครั้งเมื่อพบร่างที่โผล่ขึ้นมา
     
         เชลเข้าไปถึงตัวอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็วก่อนจะใช้เรี่ยวแรงที่ผิดมนุษย์ว่ายฝ่ากระแสน้ำกลับไปที่เดิมอย่างง่ายดาย
     
         ร่างสูงทั้งสองเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กพ้นน้ำ ก็รีบไปดึงเอาไว้พร้อมลากตัวขึ้นมาบนโขดหินจากถ้ำที่พังลงมา ทั้งคู่ถลาเข้าไปดูชิเอลที่สำลักน้ำไม่หยุดทั้งยังเลือดที่ทะลักออกมายิ่งกว่าเปิดก๊อกจากแผลบริเวณไหล่จนท่อนแขนอาบไปด้วยสีแดง เจ้าของเรือนผมสีบอร์นรีบดึงชายเสื้อตนขึ้นมาพันรอบปากแผลให้แน่นแทนการห้ามเลือด
     
         " อุ…แค่…ก "
     
         " หนุ่มน้อยไหวมั้ย? " ฟรานถาม
     
         คนถูกถามไม่ตอบออกมาเพียงแต่พยักหน้าทั้งที่ยังสำลักไม่หยุด
     
         ชิเอลหันไปหาร่างที่ตนดึงขึ้นมาจากน้ำ เส้นผมสีแดงและหูแมวสีดำเปียกลู่ไปกับใบหน้า ร่างของหญิงสาวยังคงไม่ได้สติ
     
         คอลย์พยุงร่างอรชรขึ้นมาก่อนร่ายเวทสีส้มอ่อนสำรวจอาการ
     
         " ไม่มีอะไรน่าห่วง แค่หมดสติไปเพราะสำลักน้ำน่ะ " นักดนตรีหนุ่มว่า
     
         " แต่ที่หน้าเป็นห่วงกว่าคงเป็นถ้ำ... " เสียงลั่นแตกหักของผนังถ้ำรอบตัว คอย์ลจึงต่อประโยคให้จบพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นของพวกพ้อง " จะพังลงมา "
     
    ครืน!
     
         " เฮ้ย!!! " ราวกับถูกดึงสู่ก้นเหว ภาพรอบตัวถูกย้อมเป็นสีดำพร้อมความรู้สึกสุดท้ายคือพวกเขากำลังล่วงหล่น
     
    ตุบ!

     
     
     
     
     
    ตุบ! ปั๊ก! แอ๊ก!
     
         เสียงดังขึ้นอย่างไร่เรี่ยกันในขณะที่ผู้ได้ยินต่างรู้สึกหายใจไม่สะดวกราวกับมีบางสิ่งทับอยู่
     
         เปลือกตาแต่ละคู่กระพริบไปมาไล่ความพร่าเลือนออกไปเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างก่อนดวงตาสีชมพูใสจะเปิดรับภาพได้อย่างเต็มที่ทำให้เจ้าตัวตะลึงค้าง " แผ่นดินไหว?... "
     
         " ไม่ใช่ " เสียงหนึ่งตอบกลับมาอย่างหนักแน่น
     
         นัยน์ตาของสัตว์คู่เดิมหลุมมองทางต้นเสียงซึ่งก็คือด้านล่างตน 
     
         ดวงตาสีมรกตคู่ทรงเสน่ห์มองขึ้นมาด้วยความงุ่นง่าน ร่างที่อยู่ด้านล่างห่างออกจากพื้นดินมาอีกพยายามขยับตัวออกจากความอึดอัดทำให้เนื้อผ้าที่ลู่ไปกับผิวหนัง เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลสบตาคนด้านบนอีกครั้งอย่างตำหนิ พอมองต่ำลงลงจะพบก้อนเนื้อตูมตามทั้งสองเกยทะลักออกมาแทบจะทับอยู่บนใบหน้าหวานของอีกฝ่าย
     
         สาวผมแดงนิ่งค้างอย่างตกตะลึงก่อนที่ใบหน้าสวยจะขึ้นสีแข่งกับผมตัวเอง
     
         คนที่อยู่ด้านล่างดูจะหงุดหงิดไม่น้อย ไม่ว่าจะด้วยขนาดตัวของตนที่เล็กจนเกินไปหรือไอก้อนภูเขาไฟยักษ์ตรงหน้ามันใหญ่จนเกินไปทำให้ไม่สามารถดันตัวเองให้หลุดออกมาจากการถูกทับได้ ร่างที่อยู่ใต้มองคนด้านบนที่ไม่ยอมขยับอย่างอ่อนใจก่อนตัดสินใจใช้มือดันก้อนเนื้อมหึมาที่เกยอยู่บนใบหน้าออกไปให้พ้น
     
         " กรี้ดดด! "
     
    เพียะ!
     
         คนด้านบนผละออกไปด้วยควาเร็วยิ่งกว่าน้ำร้อนลวก แถมมิวายให้ของฝากประทับเป็นที่ระทึกทำให้คนโดนตบค้อนกลับมาทันที
     
    " ยัยแมวบ้าเอ้ย "
     
         ชิเอลเคลื่อนตัวลงมองนั่งด้านล่างด้วยสีหน้าบูดบึ้งพร้อมรอยประทับตราที่แดงขึ้นมาเป็นแถบ 
     
         สามคนที่เหลือจึงค่อยๆคลานอออกจากกันอย่างยากลำบากทิ้งไว้เพียงนักดนตรีหนุ่มที่นอนแผ่หลาโกยอากาศเข้าปอดยกใหญ่ หลังกลายเป็นเบาะชีวภาพแบบไม่ค่อยเต็มใจ
     
         หลังจากหอบกันอยู่พักใหญ่ทั้งหมดก็เริ่มสำรวจรอบด้านกันอีกครั้ง
     
         ดวงตาสีมรกตของคนตัวเล็กเหลือบไปสบเข้ากับดวงตาคู่สวยทำให้สาวเจ้าสะบัดหน้าไปอีกทางด้วยใบหน้าขุ่นเคืองทำให้ร่างเล็กถึงกับเปรยออกมาอย่างหมายจะจิกกัดอีกฝ่ายโดยตรง
     
         " แบบนี้เค้าเรียกทำคุณบูชาโทษ โปรด'สัตว์'ได้บาปของแท้เลยนะครับ "
     
         ดวงตาสีชมพูตวัดกลับมามอบค้อนให้กับคนพูดซะลูกโต แถมยังไม่วายมีเถียงกลับออกไปอย่างไม่มียอม
     
         " หึ! เพราะใครบางคนขาดความเป็นสุภาพบุรุษมากกว่า มิว" ว่าจบก็ถลึงตาใส่คนตรงหน้าที่นอนแหมบอยู่บนพื้น
     
         " ความเป็นสุภาพบุรุษมีไว้ใช้กับสุภาพสตรี แต่ผมไม่เห็นว่าแถวนี้จะมีผู้หญิงสักคน "
     
         " นาย! มิว~ "
     
         ริมฝีปากบางกระตุกเป็นยิ้มน้อยๆอย่างมีชัยเหนือกว่า ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนอ้าปากพะงาบๆชี้มือขึ้นๆลงๆต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ
     
         พวกที่เหลือที่อยู่ดีๆกลายเป็นตัวประกอบที่ถูกละเลยได้แต่ส่ายหน้าอย่างขำๆกับท่าทีของเพื่อนตรงหน้า ดวงหน้ามนที่หวานกว่าผู้หญิงบางคนซีดจนแทบจะไม่มีสีอยู่แล้วแต่ยังไม่วายจะทำเป็นเก่งอีก ทั้งหมดปล่อยคนตัวเล็กให้นั่งพิงต้นไม้ข้างทางเอาไว้ก่อนจะหันกลับไปสนใจสิ่งรอบตัว
     
         บรรยากาศรอบตัวไม่มีอะไรเฉียดไปใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่าถ้ำเลยแม้แต่น้อยดูแล้วน่าจะใกล้เคียงกับคำว่าป่ามากกว่า
     
         คอย์ลเดินสำรวจอาการของแต่ละคนก่อนจะมาหยุดลงหน้าคนตัวเล็กที่ตอนนี้เสื้อที่ใส่อยู่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงทั้งตัวแถมใบหน้าติดหวานยังซีดจนไม่มีสีเลือดอีกด้วย นักดนตรีเปิดคอเสื้อให้กว้างขึ้นก่อนจะเบนหน้าออกมาอย่างหนักใจ ทำให้คนอื่นเริ่มวิตก
     
         " เป็นไงบ้าง? " ฟรานถาม
     
         " เสียเลือดไปเยอะ ต้องหาทางห้ามเลือดก่อน "
     
         ดวงตาสีชาเงยขึ้นมาสบอย่างจริงจังทำให้คนที่เหลือต่งพากันทวีความวิตกเข้าไปอีก สาวหูแมวที่ยืนมองเหตุกรณ์วิตกอยู่เงียบๆล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าข้างเข็มขัดก่อนยื่นขวดแก้วขนาดพอกับนิ้วโป้งที่มีผงสีเขียวแก่อยู่ด้านในให้กับนักดนตรีหนุ่ม
     
         ทั้งสามมองขวดในมือของหญิงสาวผมแดงกับร่างบอบบางของเพื่อนที่ใบหน้าสวยซีดลงเรื่อยๆอย่างไม่ค่อยวางใจเท่าไร ทำให้คนถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
     
         " จะเอานี่ไปหรือปล่อยให้เพื่อนนายเลือดหมดตัวตายล่ะ มิว "
     
         " มันคืออะไร " เชลถามขณะที่มือกระชับมูมเมอแรงแน่น
     
         " ผงไอโอพิทสกัดมาจากต้นวาเกล มีฤทธิ์ทำให้ชาและห้ามเลือด พวกนายพรานมักใช้ทาที่อาวุธเพื่อประหยัดแรงในการล่า มิว~ "
     
         " ผงไอโอพิทที่พวกนายพรานชอบใช้เป็นสีเขียวอ่อน " นักดนตรีแย้งด้วยสีหน้าระแวงยิ่งกว่าเก่า
     
         พรานสาวแห่งไอออนได้แต่ถอนหายใจมองคนทั้งสามสลับกันไปมา ทั้งร่างบอบบางยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนที่ตอนนี้ใบหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม นี่ไม่ใช่เวลามาบรรยายสรรพคุณยาซะหน่อย ดวงตาสีชมพูหันกลับมามองร่างของคนที่ยังมีสติอยู่ด้วยความไม่สบอารมณ์
     
         " ที่สีอ่อนเพราะสกัดมาจากต้นอ่อนของวาเกล ซึ่งทำให้มีฤทธิ์เป็นยาชาได้รุนแรงกว่า นายพรานจึงนิยมใช้ไอโอพิทจากต้นอ่อนเพราะเป็นประโยชน์ในการล่า การตอบสนองของสัตว์ที่โดนไอโอพิทจากต้นอ่อนผ่านทางปากแผลจะให้ผลเร็วกว่าชนิดอื่นและต่อให้เป็น Cyclops แค่โดนถากๆก็ล้มตึงได้ ส่วนต้นแก่จะให้ฤทธิ์ในการห้ามเลือดได้ดีกว่าและนี่มาต้นแก่ของวาเกล ฉันเอาไว้ใช้ห้ามเลือดเผื่อเกิดบาดเจ็บขึ้นมากระทันหัน " เจ้าของดวงตาสีชมพูเงยมาสบตาพวกผู้ชายที่ยืนล้อมตัวเองอยู่ " รู้ว่าพวกนายห่วงเพื่อน แต่มัวมาระแวงเพื่อนนายจะตายเอานะ มิว "
     
         พูดจบแม่สาวหูแมวก็จัดการแหวกผู้ชายทั้งสามคนออก ตรงไปหาร่างบางที่นั่งพิงต้นไม้อยู่ พรานสาวใช้มือดึงคอเสื้อให้เปิดออกก่อนจะใช้หางแมวเกี่ยวคอเสื้อให้เปิดค้างเอาไว้ สองมือเปิดจุกขวดผงไอโอพิท ดวงตาสีชมพูคู่โตมองบาดแผลที่ถูกกรีดเป็นรอยยาวตั้งแต่ต้นคอถึงหัวไหล่ด้วยความกังวลเตรียมจะโรยผงไอโอพิทลงไปถ้าไม่ติดว่ามีมือบางที่ขาวซีดมาหยุดเอาไว้ก่อน
     
         ดวงตาสีมรกตเปิดขึ้นเพียงครึ่งดวง แววตาที่ทอออกมาสะท้อนความอ่อนล้าที่อยู่ข้างในแต่ยังไม่ลดความระแวงลง พรานสาวใช้มือข้างที่ว่างจับแขนที่ซีดจนไร้สีเลือดออกอย่างเบามือ
     
         " ถือว่าใช้คืนเรื่องที่ไปตบนายนะ มิว~ "
     
         ชิเอลค่อยๆลดมือลง ก่อนจะปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน อีกคนจึงรีบโรยผงไอโอพิทที่อยู่ในขวดลงไปทั่วแผล

         หลังจากนั้นหางแมวที่เกี่ยวก็ปล่อยคอเสื้อให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมพลางมองร่างของคนตัวเล็กที่เส้นผมสีคาราเมลลู่ไปกับใบหน้าเพราะน้ำ 
     
         จังหวะการหายใจของคนตรงหน้าเริ่มสม่ำเสมอแมวสาวหันกลับมามองผู้ชายอีกสามคนที่กำลังมองไปยังคนที่หลับอยู่ด้วยความเป็นห่วง
     
         " ไม่เป็นไรแล้ว มิว~ " ดวงตาสีชนพูมองร่างที่เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง " แค่หลับไปเพราะเหนื่อย ฤทธิ์ชาอ่อนๆของวาเกลต้นแก่ทำให้ไม่ปวดแผลมากด้วยล่ะ มิว~ "
     
         " งั้นเหรอ "
     
         พวกที่เหลือทั้งหมดต่างรับคำอย่างโล่งอกก่อนจะพากันทรุดตัวนั่งลงข้างทั้งคู่
     
         คนตัวเล็กอีกคนเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสัญญาณเข้าสู่ช่วงราตรีจึงลุกไปหากิ่งไม้เล็กๆมาจุดเป็นกองไฟเพื่อไล่ความหนาวเย็นจากอุณหภูมิที่ลดตัวลงเรื่อยๆ
     
         รอบกองไฟที่กำลังประทุมีร่างทั้งห้าล้อมรอบ พรานกวีตัวเล็กหักเศษกิ่งไม้เล็กโยนเข้ากองไฟไปด้วยความเบื่อหน่ายไม่ต่างจากคนที่เหลือที่ต้องมานั่งแหง็กอย่างไม่มีทางเลือกเพราะยิ่งใกล้มือ ป่าในเวลากลางคืนยิ่งเป็นสถานที่ๆอันตรายเกินกว่าจะคาดเดาและเพื่อนนักเดินทางตัวเล็กกำลังบาดเจ็บจึงทำให้บทสรุปออกมาเป็นการพักแรมอยู่ตรงที่โล่งกลางป่า 
     
         ท่ามกลางความมืดมิดคอลย์เอ่ยขึ้นมา
     
         " เธอ…ไปอยู่ในถ้ำนั้นได้ยังไง มิลามิว? "
     
         พรานสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนถามหูและหางแมวสีดำกระดิกไปมาก่อนจะเอ่ยตอบ
     
         " หลังจากที่รุ่นพี่ส่งตัวมา รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในถ้ำนั้นแล้วล่ะ มิว~ …"
     
         ทุกคนเริ่มมองหน้ากันเองด้วยความคิดบางอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นมา
     
         " ทีแรกคิดว่าน่าจะเดินออกจากถ้ำดีกว่าเผื่อจะได้เจอคนอื่นๆ แต่มาได้ยินเสียงน้ำก็เลยลองเข้าไปดูแล้วอยู่ดีๆก็มีน้ำซัดกระเด็นออกมาเจอพวกนาย ฉันพยายามบอกพวกนายให้ออกไปแล้วแต่ดูเหมือนไม่มีใครเข้าใจเลยล่ะมิว " มิลามิวตอบแต่ยังไม่วายมีตำหนิทางสายตาทำให้ทั้งสามพากันเบือนหน้าหนีไปคนละทิศก่อนที่ซีคเกอร์จะถามต่อ
     
         " แล้วคนอื่นๆล่ะ "
     
         " อันนี้ฉันก็ไม่รู้  พอตื่นมาก็อยู่คนเดียวแล้วล่ะมิว " หญิงสาวเพียงคนเดียวตอบพลางใช้ไม้เขี่ยกองไฟตรงหน้าก่อนจะเอ่ยลอยๆขึ้นมา " แต่แบบนี้ไม่เล่นแรงไปเหรอมิว พวกรุ่นพี่น่ะ "
     
         พวกผู้ชายต่างหันมามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นความคิดเดียวกับนักดนตรี
     
         " ฉันว่าไม่ใช่พวกรุ่นพี่หรอก "
     
         " นั่นสิ ถึงจะทำโทษหรือหมั่นไส้รุ่นน้องก็ไม่น่าจะเล่นแรงขนาดนี้ ทั้งสถานการณ์ ความรู้สึกและบาดแผลความเจ็บปวด ทุกอย่างเป็นของจริงหมด " ฟรานเสริม

         ดวงตาคู่สวยของพรานสาวไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อย แต่ประกายในแววตากลับทอความไม่เข้าใจก่อนจะถามขึ้นมาว่า" ใครเป็นคนทำ "ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้เช่นกัน
     
         ทั้งสี่ต่างสบตากันด้วยความหนักใจ ระบบการป้องกันของฟรัวเทียนั้นทั้งแข็งแกร่งและเเน่นหนามาก การที่จะมีคนแฝงตัวเข้ามาทำเรื่องแบบนี้นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปได้ง่ายๆเลย แถมยังเกิดขึ้นในโรงเรียนภายในหอตั้งแต่วันแรกเข้า ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบไม่มีโอกาศเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำไป แต่เรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้นั้นเกิดขึ้นมาแล้ว มันหมายถึงตัวผู้ลงมือต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่ที่ผ่านการป้องกันของฟรัวเทียเข้ามาได้
     
         ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่อาจหาข้อสรุปได้ เรื่องพวกนี้เกินกว่าเด็กปีหนึ่งที่พึ่งเข้ามาใหม่สดๆร้อนๆจะเข้าใจได้ สิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คงเป็นการออมแรงเอาไว้เพื่อจัดการกับเรื่องที่จะเกิดและหาทางกลับไปฟรัวเทีย
     
         ในตอนนี้สิ่งที่ทุกทำได้ก็มีแต่การพักเอาแรงให้มากที่สุดเท่านั้น
     
     
     
     
     
     
     
         ในม่านราตรีอันมืดมิดเสียงกองไฟประทุ บรรเลงขับกล่อมไปกับเสียงยามวิกาลของเรไร อุณหภูมิตอนกลางคืนลดต่ำกว่าเดิมบวกกับสายลมที่หอบเอาความหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงรอบกองไฟลุกโชนเท่านั้นที่ยังคงมีไออุ่นเบาบางล้อมรอบ
     
         แสงสีส้มอ่อนจากเปลวเพลิงเจิสจรัดท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุม ร่างทั้งห้านอนคุดคู้อยู่ใกล้กองไฟประทังความหนาวเหน็บ ด้านหลังพุ่มไม้มีดวงตาคู่โตสะท้อนแสงไฟจากเปลวเพลิง
     
         ร่างบอบางที่อยู่ในห้วงนิทรานานแล้วขยับตัวเข้าไปหาไออุ่นจากกองไฟ เส้นผมสีคาราเมลยุ่งเหยิงทอดตัวลงบนพื้นดินใกล้กองไฟที่กำลังประทุ สะเก็ดไฟเล็กๆที่แตกตัวออกมาแปลเปลี่ยนกลายเป็นร่างภูตตัวน้อยที่กำลังเริงระบำก่อนจะจางหายไปเมื่อเสียงปริศนาดังขึ้น
     
    …กริ๊ง…
     
         ดวงตาสีมรกตเปิดขึ้นมาจากการหลับไหลหน้าเปลวไฟที่ประทุเป็นเสียงดนตรีขับกล่อม ร่างบอบบางที่ยันตัวลุกขึ้นมาถูกความเจ็บปวดจากบาดแผลเข้าจู่โจมจนต้องเบ้หน้า
     
         ชิเอลมองหาต้นเสียงประหลาดที่ปลุกตนขึ้นมาก่อนจะไปหยุดสายตาอยู่หลังกองเพลิง
     
         ดวงตาตู่โตเกินกว่าจะเป้นมนุษย์สะท้อนอสงจากกองเพลิงตรงหน้า เขี้ยวคู่โตที่โผล่พ้นขากรรไกรออกมาแยกออกเตรียมขู่คำราม ร่างที่โดนแสงจากเปลวเพลิงย้อมจนดูเป็นสีเหลืองอ่อน ขนหนาฟูฟ้องขึ้นมาเมื่อมันส่งเสียงคำรามในลำคอ " กรร "
     
         ชิเอลกระเถิบตัวออกห่างจากกองเพลิงอย่างช้าๆในขณะที่ร่างเบื้องหลังเปลวเพลิงกำลังหมอบต่ำในท่าเตรียมตระครุบเหยื่อ ดวงตาสีมรกตหรี่ลงหันมามองเพื่อนตัวเล็กฉายานักล่ากวีที่ยังคงหลับอุตุอย่างไม่รู้เรื่องราวว่ามีญาติมาเยี่ยมเยียน
     
         เมื่อเงยหน้าขึ้นมาร่างบางก็ต้องชะงักล้อมรอบกองเพลิงมีหมาป่ามากพอจะรวมเป็นฝูงได้พวกมันต่างพากันส่งเสียงคำรามในลำคอพร้อมหมอบต่ำลงเตรียมพร้อมกระโจนเข้าหา
     
         ข้อมือบางเอื้อมไปทึ้งผมสีบอล์นของคนข้างๆอย่างแรง
     
         " โอ้ย! "
     
         " ชู่ว! " ชิเอลปราม
     
         ดวงตาสีอเมทิศเปิดขึ้นทอแววขุ่นมัวก่อนจะชะงักเมื่อพบบรรยากาศรอบตัว ฟรานใช้ขาถีบคนที่เหลือให้ตื่นมาตะลึงกับรอบด้าน เจ้าหมาป่ายักษ์พากันหมอบต่ำยิ่งกว่าเดิม
     
         " เชลนายไปเคลียร์กับญาตินายสิครับ " ชิเอลว่า
     
         " ญาติกับผีสิ! "
     
         ต่างพากันมองหน้าด้วยความกังวล เชลกระชับมูมเมอแรงในมือแน่นเช่นเดียวกับคนอื่นๆที่เริ่มเรียกอาวุธออกมาเตรียมพร้อมเรื่องที่เหนือความคาดหมายเต็มที่ ด้านหลังกองเพลิงมีเงาตะคุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจอนกลายเป็นถูกล้อมไว้รอบด้าน
     
         ฟรานมองไปรอบตัวก่อนหันมาส่งสัญญาณเสียง " วิ่ง! "
     
         " บรู๋วววววว! "
     
         เสียงเห่าหอนตามไล่หลังมาในขณะทีี่ทั้งหมดตั้หน้าโกยอย่างไม่คิดชีวิต 
     
         จากป่าทึบผ่านพื้นที่กว้างพอให้แสงสาดส่องเข้ามาได้ ดวงตาสีชาเหลือบมองภาพด้านข้างที่ผ่านไปรวดเร็วอย่างตกตะลึงแต่ไม่อาจหาข้อยืนยันกับความคิดหรือแม้แต่จะหยุดเหลียวหลังกลับไปได้เมื่อหมาป่าทั้งฝูงไล่บี้มาจนติด

         ฟรานจับข้อมือบางของชิเอลวิ่งฝ่าหน้าทุกคน เบื้องหน้าเป็นบริเวณที่แสงจันทร์เด่นชัดมากที่สุด 
     
         สองร่างที่นำหน้าพุ่งเข้าไปหาแสงจันทร์ราวกับเป็นแสงสุดท้ายแห่งความหวังอย่างไม่ลังเล ก่อนที่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีทั้งคู่จะพากกับเบกตัวตัวโก่งอย่างสุดตัวด้วยใบหน้าซีดเผือดลืมเลือนความเหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งหนีตายไปจนสิ้น พลางชะเง้อมองเบื้องล่างที่มีเศษหินตกลงไปยังผาน้ำตก
     
         ชิเอลเงยหน้าจากภาพตรงหน้าก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ไม่นานดวงตาสีมรกตก็ต้องเบิกกว้างขึ้นกว้างยิ่งกว่าเดิมเช่นเดียวกับคนข้างตัวเมื่อร่างหนีตายที่เหลือต่างพากันพุ่งมาพร้อมกับหมาป่าทั้งฝูง
     
         " ดะ เดี๋ยว! "
     
         พวกที่พุ่งเข้ามาประทะกับร่างที่กีดขวางโดยตรงอย่างไม่มีแรงต้านทำให้ทุกสิ่งต่างเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษที่โด่งดังว่าด้วยแรงดึงดูดมวลของโลกต่อวัตถุ เพื่อดึงดูดวัตถุนั้นเข้าสู่จุดศูนย์กลางของโลก
     
         ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันโหยหวนราวกับคนสติไม่เต็มเต็ง
     
    ผลักะ!
     
         " เอ๋ง! "
     
         " ว้ากกกกกกกกกกกก! "
     
     
     
     
    [TBC]
     
    เปิดเรียนแล้วบทต่อไปคงช้านิดหน่อย
     
    ไรเตอร์เรียนวิทย์วันสองชั่วโมง วันศุกร์เรียนฟิสิกส์สามชั่วโมงติดT^T
     
    ยังไงก็จะพยายามอัพให้เร็วที่สุดนะเจ้าคะ
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×