ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Frawteer ดินแดนแห่งสุดท้ายของผู้ลี้ภัย

    ลำดับตอนที่ #12 : เพื่อนร่วมห้อง

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 56


        เมื่อผ่านข้ามมายังอีกฝากของประตูร่างเล็กปรารถนาจับเจ่าอยู่เพียงแค่สิ่งเดียวคือขอให้พบกับร่างสูงผู้ที่คอยชี้แนะตนหลังบานปรพตูหอดราก้อนนี้ ไม่ใช่อีกสี่บานที่เหลือ เบื้องหน้าเป็นห้องขนาดเล็กกว่าเมื่อครู่มากเฉกเช่นเดียวกับจำนวนคนภายในห้องขนาดย่อมลงที่ลดลงมาเหลือแค่เพียงน้อยนิด นัยน์ตาสีมรกตคู่สุกใสกวาดมองไปรอบๆด้วยด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าและก็มีเสียงเรียกแห่งความหวังดังขึ้น

    " ชิเอล! "

         น่าผิดหวังที่ชื่อของตนที่ถูกเรียกขึ้นมาจากคนที่ไม่ใช่ผู้ที่ตนปรารถนาจะเห็นในตอนนี้ ร่างสูงผู้ที่เอ่ยเรียกตนส่งรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้ ดวงตาสีชานั้นหยีไปพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า พร้อมที่ร่างนั้นวิ่งมาทางตนอย่างรวดเร็วจนเส้นผมสีชานั้นสบัดบัดไปมา ' คอลย์ เบโทฟิส '

    " นึกว่าจะไม่ได้อยู่หอเดียวกันซะแล้ว " คอลย์พูดยิ้มๆ ร่างเล็กเพียงแค่สบตาเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตาไปกวาดมองรอบด้านอีกครั้ง ดังกับหาบางสิ่ง " หาฟรานเหรอ? "

         ชิเอลพยักหน้าเพียงน้อยๆแทนคำตอบทั้งที่ดวงตายังไม่หยุดกวาดมองหาร่างสูง กระทั่งพบร่างหนึ่งที่เดินเข้ามาดวงตานั้นฉายแววดีใจเล็กๆซ่อนอยู่บนความขบขันก่อนจะเอ่ย " มาช้านะหนุ่มน้อย "

         ดวงตาสีมรกตมองคนที่อยู่เบื้องหน้าตนด้วยแววตาตำหนิราวกับจะต่อว่าที่ทิ้งตนไว้ แถมร่างเล็กยังพองลมใส่แก้มป่องๆทั้งสองข้างด้วยท่าทีที่ฟรานเห็นมาจนชินตา ชิเอลกำลังแกล้งทำเป็นไม่พอใจ แม้ว่าดวงตาสุกใสนั้นจะฉายแววตำหนิอีกฝ่ายแต่คนที่ถูกตำหนินั้นยังมีท่าทีราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวทั้งยังยื่นมือไปขยี้เส้นผมสีคาราเมลจนยุ่งไม่เป็นทรงเรียกค้อนลูกโตๆกลับมาได้ดีกว่าเดิมแต่แล้วก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นท่ามกลางสายตาของคนทั้งห้องเมื่อร่างเล็กของชิเอลโถมตัวเข้ามาฟรานที่กำลังขยี้หัวตัวเองอย่างเมามันจนร่างทั้งสองเสียสมดุลล้มลงไปกองกับพื้นห้อง

    พลั๊กะ!

         ชิเอลใช้สองมือเล็กๆของตนคว้าคอเสื้อของคนตัวใหญ่กว่าด้านล่างพลางออกแรงทั้งฉุดกระชากเขย่าไปมาจนหัวฟรานนั้นกระแทกกับพื้นซ้ำไปมาอย่างไม่ทันตั้งตัวแถมพวกชอบมุงก็ไม่มีท่าทีว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยซักคนแถมยังหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานด้วยซ้ำ เดี๋ยวพ่อก็เก็บค่าดูรายตัวซะหรอก จนในที่สุดร่างสูงนั้นก็ทนไม่ไหวต้องหยุดมือเล็กๆนั้นไว้เอง

    ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก!

    " หยุด หยุด! " หลังคว้ามือเล็กไว้ได้ก็หันกลับไปมองอีกคนที่ไม่คิดจะห้ามแถมยังเป็นตัวนำคนยอื่นยืนหัวเราะอย่างสนุกสนานราวกับเป็นเรื่องคลายเครียดหลังการสอบก็ปานนั้นและเมื่อรับรู้ว่าถูกจ้องนานๆเข้าคอลย์ก็หยุดหัวเราะพลางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นข้างกับทั้งสองที่มือยังเป็นพัลวันกันอยู่

    " คุณทิ้งผมไว้! " ชิเอลว่าอย่างเคืองสุดๆ

    " ก็หนุ่มน้อยหลับสบายอยู่นี่ ใครจะไปปลุกลง! " คนที่ถูกกล่าวหายังเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ในขณะที่คนตัวเล็กตนโกนใส่หน้าตนอีกครั้งประมาณว่า 'ก็เลยทิ้งผมไว้ เหอะ!' แค่นั้นยังไม่พอฟรานต้องรีบคว้าข้อมือเล็กของร่างบางที่เริ่มระดมทุบตีตนอีกรอบเมื่อไม่รู้จะหันไปทางไหนฟรานจึงเริ่มพาลไปหาอีกคนที่นั่งยิ้มอย่างน่าหมั่นใส้ แบบไม่เกรงใจกัน " คอลย์ก็มา ทำไมไม่ตีมันด้วยอ่ะ! "

         คนที่ถูกพาดพิงพาลใส่ถึงกับสะดุ้งเฮือกขึ้นมาก่อนจะหันไปสบเข้ากับดวงตาสีมรกตที่จ้องมาทางตนเหมือนจะขู่ฟ่อขึ้นมา คอลย์ทำได้แค่เพียงสะบัดหน้าไปมาจนเส้นผมสีชานั้นสะบัดไปตามแรงเป็นการบอกกรายๆว่าตนนั่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วยและมันก็ได้ผลเมื่อชิเอลหันกลับไปเขย่าคอฟรานอย่างสุดแรง จนร่างที่อยู่ด้านล่างกำเอาหัวโหม่งพื้นอย่างเมามันนั้นส่งสายตาคาดโทามาให้คนที่หนีเอาตัวรอดได้อย่างหน้าตาเฉยด้วยสายตาอาฆาต ส่วนคนถูกหมายหัวไม่แม้แต่จะใส่ใจยักไหล่ให้น้อยๆพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นจนฟรานรู้สึกว่าใครก็ได้เอาค้อนมาตบหัวไอบ้านี่ซักที

    " ไม่ยักรู้ว่ารุ่นน้องปีนี้ นิยมพวกเดียวกันเอง " ร่างของผู้มาใหม่ว่าพลางยิ้มให้น้อยๆพร้อมใช้ดวงตาสีอัมพันกวาดมองไปรอบๆด้วยความขบขัน

    " แถมยังในที่แจ้งด้วยนะ " คอลย์หันกลับไปสมทบให้ด้วยความสนุกที่ทาบอยู่บนใบหน้า

    " ถึงอีกฝ่ายจะเป็นพวกน่ารัก ส่วนอีกฝ่ายหล่อแต่ก็น้อยกว่าฉันเยอะแหละ " ร่างเดิมว่าอย่างไม่ดูหนังหน้า

         ชิเอลมองคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจในการกระทำเท่าไร เมื่อหันไปททางคอลย์ก็ได้เพียงแค่สายตายิ้มทะเล้นส่งมาให้จึงย้อนกลับมามองคนที่อยู่ด้านล่างแล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าตนกำลังอยู่ในอิริยาบทท่าทางล่อแหลมชวนจิ้นฟินอย่างน่าหวาดเสียวขนาดไหนและเหมือนคนที่อยู่ด้านร่างเองก็คิดเช่นกัน หลังที่ผละแยกออกจากันได้ทั้งคู่ก็พร้อมใจหันหลังใส่แข่งกันหน้าแดงให้คนรอบห้องและผู้มาใหม่เป่าปากส่งเสียงแซวกันอย่างสนุกสนานโดนไม่ต้องบอกเลยว่าต้นเสียงมาจากใคร ท่ามกลางสายตาของคนรอบด้านว่าที่เพื่อนใหม่อย่างสดๆร้อนๆที่มองมาอย่างขบขัน จนร่างสูงนั้นพาลแก้เขินหันไปหาเรื่องกับอีกคนแทน

    " นายเป็นใคร?! "

    " นั้นสินายเป็นใคร? " คอลย์ถามขึ้นซ้ำ

    ทั้งหมดทุกคนในห้องรวมทั้งชิเอลและฟรานพร้อมทั้งผู้มาใหม่พากันหันไปมองคอลย์อย่างไม่เชื่อหู เจ้าของดวงตาสีชาเช่นเดียวกับเส้นผมยังคงทำหน้าระรื่นไร้ความรู้สึกใดที่ควรจะมีจากการถูกจ้องมองด้วยสายตาประนามจากรอบด้านเลยแม้แต่น้อย จนทำให้สรุปได้อย่างง่ายที่สุดว่า ไอบ้านี่ผสมโรงไปกับเค้าเต็มที่ทั้งที่ไม่รู้จักกัน เป็นครั้งที่สองที่ฟรานรู้สึกอยากเปลี่ยนจากหินเป็นดาบที่พึ่งซื้อมาเอามาเฉะหัวมันซักที

         คนที่ถูกตั้งคำถามใส่แต่กลับโดนแย่งความสนใจไปเสียดื้อๆมองกลุ่มคนเบื้องหน้าอย่างขำๆก่อนจะส่งเสียงกะแอมไอเพื่อดึงความสนใจกลับมาก่อนที่จะถูกลืมไปจริงๆ " อะแฮ่ม! ไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าฉันเป็นใคร "

    " คุณเป็นใครล่ะครับ " ร่างเล็กถาม

         นัยน์ตาสีมรกตสุกใสเริ่มฉายแววงุ่นง่านราวกับรำคายทุกสิ่งรอบตัวพร้อมทั้งเอนตัวพิงเสาด้านหลังด้วยความรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบนี้กำลังทิ้งน้ำหนักมาที่เปลือกตาของตน แสงสะท้อนในดวงตาคู่สุกใสนั้นหรี่ลงจนแทบจะดับไป ฟรานเห็นดังนั้นก็รีบเรียกสติคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งและยังไม่ทันที่ชายเจ้าของดวงตาสีอัมพันจะได้ตอบคำถามหรือแก้สายตาข้องใจของใครหลายคนก็ถูกร่างที่ดูบอบบางราวกับอิสตรีดึงความสนใจไปอีกครั้ง

         เจ้าของดวงตาสีอัมพันยังไม่จะได้เรียกร้องความสนใจกลับมาอีกครั้งก็ถูกร่างอรชรอ้อนแอ้นของสตรีนางหนึ่งผู้มีดวงตาสีไม้โอ๊คเช่นเดียวกับเส้นผมที่ระย้าไปถึงกลางหลังลากคอไปอยู่หน้าประตูที่มีกลุ่มคนอีกสามรออยู่ก่อนแล้ว

         ร่างทั้งห้าที่บัดนี้ดึงดูดสายตาของทุกคนในห้องให้พากันจับจ้องด้วยความสงสัยใคร่รู้ คนแรกที่อยู่ซ้ายสุด ชายผู้มีดวงตาสีเขียวขุ่นตัดกับเส้นผมสีแดงเพลิงที่ยุ่งเหยิงดูไม่เป็นทรง ใบหน้าหล่อเหลาคนคายประดับด้วยรอยยิ้มวอนส้นเท้าอยู่ตลอด คนที่สองเป็นผู้หญิงตัวเล็กเส้นผมซอยละต้นคอนั้นเป็นสีของรัตติกาลตัดกับนัยน์ตาที่เป็นสีชมพู เจ้าตัวกำลังกุมขมับมองเพื่อนทั้งสองของตน คนที่สามเป็นผู้ชายร่างผอมบางพอๆกับชิเอลแต่กับฉายแววของความน่ายำเกรงออกมา ดวงตาสีเทาฉายแววเบื่อหน่ายเจ้าคัวสับัดเส้นผมสีส้มเบาๆด้วยความรำคาญใจ คนถัดมาเป็นสาวอรชรใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักที่ลากร่างที่ใหญ่กว่าตนออกมาได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายคือเจ้าของนัยน์ตาสีอัมพันกับเส้นผมสีแดงผู้มีรอยยิ้มกวนประสาทให้ความรู้สึกเดียวกับชายคนแรก

         คนในห้องต่างพากันมองผู้มาเยือนทั้งห้าด้วยความสงสัย กระทั่งชายผู้มีนัยน์ตาสีอัมพันหลุดจากการเกาะกุม มายืนส่งยิ้มกวนประสาทอีกครั้ง ก่อนจะพูดคำที่อยู่ในใจทุกคนออกมา " น้องคนสงสัยกันใช่มั้ย ว่าพวกพี่เป็นใคร "

         ทุกคนตอบว่าใช่ในใจดังๆโดยมีแค่ไม่กี่คนที่พยักหน้าออกมาเลย ชายผู้อยู่เบื้องหน้าสายตามองเห็นความสงสัยในแววตาของทุกคนในห้องแล้วยิ้มออกมาจนตาหยี ก่อนจะโบ้ยไปให้ชายคนแรกที่ดูคล้ายเจ้าตัวมากที่สุดอย่างหน้าตาเฉย ส่วนคนที่ถูกโบ้ยมาก็ได้แต่กระตุกยิ้มคาดโทษอย่างกวนประสาท ก่อนจะออกก้าวเดินมาด้านหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้

    " เอาละ! คงต้องกล่าวทักทายกันก่อนสินะ ยินดีต้อนรับสู่หอดราก้อน " ชายผู้ยืนอยู่ด้านหน้าสุดกล่าวพร้อมยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแต่ยังไม่วายทิ้งท่าทางกวนประสาทแถมท้ายให้ก่อนจะแนะนำตัวออกมา " พี่ชื่อ บัส ริออน รัชทายาทลำดับที่สามแห่งไอริส อยู่ปี่สองตำแหน่งผู้พิทักษ์ทิศตะวันตก "

    " อลิเซีย อลิส กวีแห่งเอ็นดิ ผู้พิทักษ์ทิศเหนือ ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ " รุ่นพี่ตัวเล็กแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มละลายใจจนเริ่มมีรุ่นน้องบางคนตั้งเป้าหมายชีวิตใหม่

    " คิริว อเรสต้า นักบวชแห่งคินยา "

    " ซินดี้ เมจิคอป นักเวทแห่งวาเดน ผู้พิทักษ์ทิศใต้ "

    " บิสการ์ ริออน รัชทายาทแห่งไอริส ผู้พิทักษ์ทิศตะวันออก จะเรียกพี่สุดหล่อก็ไม่ว่า " รุ่นพี่บิสการ์กล่าวพร้อมรอยยิ้มทะเล้นจนโดนรุ่นพี่ซินดี้คว้ากรอบรูปที่อยู่ใกล้ๆมาฟาดไล่หัวจนเพื่อนที่เหลือได้แต่ทำหน้าอ่อนใจ

    " ท่าทางพวกน้องมีอะไรอยากจะถามกันใช่มั้ยจ๊ะ " รุ่นพี่สาวตัวเล็กถามพร้อมรอยยิ้มแจกจ่ายให้รุ่นน้องอย่างทั่วถึงจนผู้ชายบางคนเรื่อยออกอาการเป็นภาชนะหุงต้มตอนเห็นรอยยิ้มระลายใจส่งมา อลิเซียยิ้มเพียง้อยเมื่อพบเห็นท่าทางของเหล่าทโมนตรงหน้า ก่อนจะผู้(ใจ)กล้ายกยกมือขึ้นถาม อลิเซียผายมือไปทางรุ่นน้องคนนั้นแทนคำอนุาติ

    " กิลกาลัด วิส นักเดินเรือแห่งคารอน รุ่นพี่บัสกับรุ่นพี่บิสการ์เป็นอะไรกันครับ "

    ...เป็นอะไรกัน...

         คำถามที่ดูไม่มีอะไไรแต่กับส่อแววสองแง่งสองง่ามเข้าทางเหล่าทโมนเรียกเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่อีกสามคนไม่รวมคนถูกถามว่าเป็นอะไรกับอีกคน แต่แล้วกลิ่นทะแม่งก็เริ่มรุนแรงขึ้นตอนที่ซินดี้ไปกระซิบอลิเซียที่ทำหน้างงดังๆ ราวกับเป็นเชื้อไฟชั้นดีกับคำว่า 'คู่ขา' 

         รุ่นน้องเริ่มส่งเสียงเป่าปากแซวรุ่นพี่กลับ ส่วนคนถูกแซวสองคนหน้าเปลี่ยนสีจนแทบจะระเบิดออกมาไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรือเขินกันแน่

         ร่างเล็กที่ยืนพิงเสาอยู่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมคำกำชับไม่ให้หลับ ยืนมองรุ่นพี่ที่มีดวงตาสีอัมพันซึ่งเป็นคนเดียวกับที่แกล้งตนร่างเล็กพบช่องทางหากินทันที ชิเอลขยับมุมปากกระดกขึ้นมาเป็นรอยยิ้มแพรวระยับอย่างนึกสนุกจนคนข้างตัวทั้งสองคนเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันถ้วนหน้าและยังไม่ทันที่จะห้ามปรามคนตัวเล็กซุกซนก็เริ่มปากหาเรื่องไปซะแล้ว

    " แหมรุ่นพี่ ที่มาแกล้งแซวพวกผมเมื่อครู่ก็แสดงว่าอิจฉาที่ไม่ได้ทำในที่แจ้งใช่มั้ยครับ "

         'ทำในที่แจ้ง' คำพูที่ล่อแหลมยิ่งกว่าเก่าออกมาจากปากคนตัวเล็กเเล้วยิ่งสร้างความเข้าใจผิดให้คนอื่นได้มากกว่าเดิมเพราะหน้าตาคนพูดแคมองก็แทบจะเห็นสวรรค์อยู่รำไร คอลย์กับฟรานมองรุ่นพี่สองคนที่แข่งกันหน้าแดงจนพูดไม่ออกอย่างสนุกสนานก่อนที่เจ้าผู้ใหญ่ปัญญาอ่อนจะเริ่มได้สติก่อน คำพูดของร่างเล็กที่ว่า 'อิจฉา' ก็แปลว่ายอมรับแล้วสิว่าเมื่อกี้...หนุ่มน้อยพูดอะไรออกไปรู้ตัวมั้ย!

    " แถมยังนามสกุลเดียวกันอีก เป็นการจดทะเบียนสมรสรึเปล่าครับรุ่นพี่ "

         คนในห้องเริ่มหัวเราะอย่างสนุกสนานจนลืมบรรยากาศตรึงเครียดจากการสอบและการคัดเลือกหอไปจนสิ้น แต่ดูว่าจะมีสองคนที่ไม่ได้รู้สึกสนุกสนานไปด้วยเพราะแม้แต่เพื่อนตัวเองก็พาหัวเราะกันจนท้องแข็งไปหมด จนคนตาสีเขียวขุ่นหมดความอดทนก่อนจะแหวขึ้นทั้งที่ใบหน้ายังไม่หยุดขึ้นสี

    " พี่น้องเฟ้ย! คิดบ้าอะไรกันฮะ! "

    " เออใช! พวกบ้านี่คิดอะไร " คนเป็นพี่น้องกันร้องเสริมขึ้นมา

         ชิเอลมองรุ่นพี่สองคนที่แม้เกมส์ก่อนจะส่งสายตากวนอวัยวะเบื้องล่างให้อย่างเสียดายปนปลงตก กำลังสนุกได้ที่เลยแท้ๆ หลังจากที่ทุกคนหยุดหัวเราะกันได้บะะยากาศก็เริ่มกลับสู่ความสงบอีกครั้ง รุ่นพี่เริ่มเข้าสู่สาระที่คนอื่นพร้อมใจกันคิดว่าน่าจะเข้าได้ตั้งนานแล้ว พวกรุ่นพี่ทั้งห้าพากันสลับร่ายกฎยาวเหยียดที่ไม่รู้ว่าเอาสมองที่ไหนจำกันได้หมด หลายคนเริ่มสัปหงกกันรวมถึงชิเอลที่หลับไปทั้งที่ยังยืนปล่อยให้ร่างสูงสองคนมองอย่างไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายดี

         ในที่สุดการร่ายกฎบ้าบออันยาวนานนั้นก็จบลงพร้อมรุ่นพี่บัสที่ออกมากล่าวตบท้าย

    " ไม่ว่าน้องจะมีเรื่องอะไร เจอเรื่องอะไรมาก็ปรึกษาพวกพี่ได้ทุกเรื่อง ขอให้คิดว่าพวกเราคือครอบครัวเดียวกัน "

         รุ่นน้องมองพวกพี่ที่พากันส่งยิ้มมาให้ด้วยความรู้สึกที่อุ่นวาบไปทั้งหัวใจ บางทีนี่อาจจะเป็นที่สำหรับพวกที่หลบหลีกจากทุกสิ่งมา หอนี้อาจจะเป็นที่สำหรับพวกเขาทุกคน

         หอดราก้อนคือ 'บ้าน' ของพวกเขาทุกคน







         หลังจากไร้สาระมาสักพักรุ่นพี่ก็พาทั้งหมดเข้าสู่หอดราด้อนที่แท้จริง ภายในห้องนั่งเล่นของปีหนึ่งถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม มีทั้งของอำนาวยความสะดวกจัดวางไว้อย่างครบครันทั้งรูปแบบการวางแปรนดูหรูหรางดงามอย่างไร้ที่ติ รุ่นพี่ทั้งห้าปล่อยให้รุ้นน้องทั้งหมดได้ชื่นชมจนพอใจและดูเหมือนจะมีคนพอใจมากเสียด้วย 'บาริก ชาร์ดเดอะทีฟออฟเติร์ด' ถึงกับหลุดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างไม่ตั้งใจ " โหว แฮพไปซักชิ้นคงกินได้อีกยาว "

         แม้เจ้าตัวหัวขโมยจะคิดออกมาซะดังลั่น แต่ก็ยังเป็นได้แค่ความพียงคิดเมื่อเหล่ารุ่นพี่และเพื่อนพ้องพร้อมใจกันมองงมาอย่างคาดโทษ จนเจ้าตัวได้แต่หัวเราะแก้เก้อออกมาเบาๆ ส่วนที่เหลือก็หามุมส่วนตัวกับเก้าอี้ บ้างก็โซฟา ร่างสูงทั้งสองยืนพิงเสาข้างชิเอลที่นั่งยืนขาเข้าไปพอดีกับช่องหน้าต่างบานยักษ์ ฟรานเห็นก็เลยทิ้งตัวแทรกลงไปจนกลายเป็นหน้าต่างขนาดพอดีคนนั้นมีร่างสองรร่างเบียดกันอยู่ คนนึงยิ้มระรื่น อีกคนค้อนขวับไปทางคนที่เบียดอย่างเอาเรื่อง คอลย์ยืนพิงเสาอยู่ยิ้มขำๆกับเพื่อนใหม่ทั้งสอง แต่แล้วความสนใจก็ถฃุกเบี่ยงเบนไปเมื่อรุ่นพี่คิริวเริ่มดึงเข้าสู่สาระ

    " โซนนั่งเล่นสำหรับปีหนึ่ง ต่อไปทางเข้าหอจะแยกเป็นฝ่ายหญิง-ฝ่ายชาย "

    " พวกผู้ชายอย่าคิดจะแหยมเข้าไปวุ่นวายเด็ดขาด พี่ขอเตือน " รุ่นพี่บัสพูดพร้อมทำท่าขนลุก จนโดนเจ้าแม่ซินดี้โบกเข้าให้อย่างจัง

         แต่แล้วก็มีอีกเสียงขัดขึ้นมาลอยๆปนขำๆประมาณว่า 'พูดแบบนี้แสดงว่าเคย' ทุกคนหันตามเสียงก็พบเจ้าเก่าที่นั่งหัวเราะคิกคัก ดวงตาสีมรกตแพรวระยับอย่างนึกสนุกพร้อมทั้งคนข้างๆที่มองไปทางรุ่นพี่หนุ่มที่มองค้อนกลับมาด้วยสสายตาเอาเรื่อง แถมยังมีเสียงแว่วกลับมาจากพี่น้องด้วเองว่า 'ก็ใช่นน่ะสิ' ทำให้เหล่าเด็กใหม่พากันปล่อยก๊ากออกมาอย่างสนุกสนาน

         จากนั้นฝ่ายหญิงก็ตามรุ่นพี่สาวทั้งสองไปทางหอหญิง ส่วนฝ่ายชายก็ตามรุ่นพี่อีกสามคนไปทางหอชายในขณะที่รุ่นพี่อธิบายเรื่องราวต่างๆเป็นการค่าเวลา และในการแบ่งห้องนั้นจะต้องมีหนึ่งกลุ่มที่ต้องไปนอนเบียดกันสี่คน ถึงจะบอกว่าห้องใหญ่ขึ้นก็เถอะแต่สี่คนก็ยังเบียดไปอยู่ดี ทุคนจึงได้แต่ภวานาให้ตนไม่ใช่หนึ่งในผู้โชคร้ายและเป็นธรรมดาที่รุ่นพี่เห็นรุ่นน้องที่น่ารักเริ่มวิตกก็เกิดความรู้สึกสนุกและสุขใขขึ้นอย่างพร้อมเพรียง แต่ดูเหมือนจะมีคนสงสารพวกเจ้าหนู รัชทายาทอันดับสามจึงถามออกมา " มีใครอยากอยู่บ้างมั้ย "

    " ผม! "

    " ไม่อนุญาติ! "

         เร็วกว่าที่คิดร่างเล็กลุกขึ้นยืนพร้อมแสดงเจตจำนงอันแน่วแน่ออกมาอย่างไม่อายใครและอีกเสียงก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเช่นกัน

        รุ่นพี่บิสการ์มองมองชิเอลอย่างคนที่มีชัยเหลือกว่าก่อนจะส่งรอยยิ้มของผู้ชัยชนะที่วอนส้นไปให้ ทำให้ร่างเล็กค้อนลูกโตๆกลับไปพร้อมพองลมใส่แก้มป่องๆทั้งสอองข้างอย่างที่ทำทุกครั้งเมื่อถูกขัดใจ คอลย์หัวเราะออกมาเบาๆ คอลย์หัวเราะออกมากับท่าทีเหมือนเด็กถูกขัดใจของคนข้างๆ ทำให้เจ้าเด็กถูกขัดใจที่อารมณ์บูดอยู่แล้วค้อนขวับหนักกว่าเดิมอีก จนฟรานต้องรีบคว้าคนตัวเล็กเอาไว้เพราะดูเหมือนชิเอลทำท่าจะไปตะกุยหน้าของคอลย์เข้าจริง ชิเอลหันไปมองเป้าหมายเดิมคือรุ่นพี่บัสพร้อมสงสายตาอ้อนสุดฤทธิ์จนรุ่นที่ทุกคนแทบจะมาคว้าเข้าไปซุกออกถ้าไม่ติดว่ารุ่นพี่บิสการ์ห้ามเอาไว้ เห็นแบบนั้นแล้วชิเอลก็ได้แต่พองลมเข้าแก้มอย่างขัดใจโดยที่ไม่รู่ว่าหลังจากนี้ไปอาจจะต้องขอบคุณรุ่นพี่ทุกคนทั้งชีวิตที่ทำให้ตนได้อยู่ห้องสี่คนและก่อนที่จะได้เอ่ยคำขอบคุณ บางทีรุ่นพี่อากจะเสียใจไปทั้งชาตที่เลือกให้เขาได้อยู่ห้องสี่คนเช่นกัน
     
    " ห้องแรก ริชาร์ด วิลนักปราชญ์แห่งเดนเบิร์ก  ปาร์กเกอร์ สมิธเบ็กการ์ดออฟเติร์ด ราส กิล ทีฟออฟดราโก้ "

    " ห้องต่อมา โย วิราสนักเวทแห่งไอออน พีช พิชโทปเอลล์แห่งเอลล์ รีฟ พาทนักฆ่าแห่งเชดแพร..."

         รุ่นพี่ประกาศให้ทุกคนรับน้องพร้อมกันตอนเย็นก่อนหกโมง ตามด้วยการไล่รายชื่อรุ่นร้องที่จะอยู่ในห้องด้วยกันแต่ละห้อง ชื่อของคนที่ถูกขานออกมาขึ้นพร้อมกันก็จะแนะนำตัวทำความรู้จักกันไปจนเหลือแค่เพียงไม่กี่คนในห้อง รุ่นพี่บัสก็เอ่ยขึ้น " เห็นแก่พวกที่ต้องอยู่กันสี่คนจะประกาศชื่อเลยก็แล้วกัน "

    " คนที่ต้องอยู่ด้วยห้องสี่คน คอลย์ เบโทฟิสนักดนตรีแห่งเซลวาส ฟราน ฟรานซิสกา มาเดคอฟซีคเกอร์ออฟเคอวา " สิ้นเสียงรุ่นพี่บัสเจ้าของชื่อทั้งสองพากันสะดุ้งโหยงขึ้นมาเมื่อดูเหมือนว่าโชคจะกลั่นแกล้งกันแบบไม่รู้ตัวและรุ่นพี่บัสก็ไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้งอะไรออกมาก็จัดการเอ่ยชื่อคนต่อไปที่ทำให้ทั้งสองนั้นเบาใจได้เปราะนึงแต่เหมือนคนนั้นจะอารมณ์บูดไม่หาย " ชิเอล เซโรทนักเดินทางและอีกคน... "

    " เชล บัทโลพรานกวีแห่งบารอน "

         ชานร่างเล็กที่สูงกว่าชิเอลเพียงเล็กน้อยเส้นผมสีแดงยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตาสีฟ้าใสแจ๋วจ้องมองเพื่อนใหม่ด้วยความยินดีผิดกับเพื่อนใหม่ทั้งสามที่ดูหน้าตาหนักโลกมากมายและเป็นอีกครั้งที่ไมามีสิทธทัดท้วงใดๆออกมาเมื่อรุ่นพี่สองคนที่ออกอาการหมั่นไส้มาตั้งแต่แรกแล้วประเคนบาทาส่งรุ่นน้องทั้งสี่พร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ สามคนจึงในใจอย่างเข่าเขี้ยว อย่าให้เผลอเมื่อไหร่ละก็โดนแน่ ผิดกับอีกคนที่ดูตื่นเต้นกับเพื่อนใหม่ทั้งส่มโดยเฉพาะคนตัวเล็กพอๆกับตน

    " ยินดีที่ได้รู้จัก! "

    " อะ อืม " ยังไม่ทันที่จะได้ตอบร่างเล็กของเชลก็พุ่งผ่านคนตัวสูงทั้งสองไปจับบางของคนที่อยู่หลังสุดเขย่าไปมาอย่างดีใจพร้อมกับบอกว่า " ดีใจที่ได้เจอนายจริงๆ ไม่คิดว่าจะมีคนตัวเล็กกว่าฉันอีก "

    ...ตัวเล็กกว่าอีก...

         คนที่ถูกหาว่าตัวเล็กได้แต่มองคนที่กำลังเขย่ามือตนไปมาด้วยสายตาแบบเหวอรับประทาน

         สองคนด้านหลังเห็นแบบนั้นก็พร้อมใจกันปล่อยก๊ากออกมาแบบไม่เกรงใจ ทำให้คนที่ถูกหาว่าตัวเล็กพุ่งเข้าตะกุยหน้าหล่อของสองคนด้านหลัง จนได้รอยประทับเป็นแนวยาวฝากเอาไว้เป็นที่ระทึกกันถ้วนหน้า

         เชลที่มองอยู่ได้แต่ยิ้มดูสามคนที่เพิ่งแยกออกมาจากกันด้วยความขบขันทำให้ร่างเล็กที่เหลือบไปเห็นพองลมใส่แก้มเข้าอย่างงอนๆก่อนจะกระโดดหนีขึ้นเตียงคลุมโปรงทิ้งให้อีกสามคนแอบหัวเราะคิกคักอยู่ เจ้าคนตัวเล็กต้องแหวขึ้นมาอีกรอบ

    " จะนอนน่ะเข้าใจมั้ยครับ! "







    [TBC]


    talk

    ฮาโหลลลลลลล ท่านผู้ชมทั้งหลาย>_<

         หลายคนคงแปลกใจกันบทนี้มากมาย ที่อยู่ดีๆข้าน้อยมาลงทีเซอไว้นิดแล้วหายหัวไปยาวนาน
    แถมตอนกลับมาอัพนิยายยังมีการมาลงแบบ 50% 60% 80%และ 99%
    หลายคนถามว่าเพื่ออะไร อันนี้ข้าน้อยก็ตอบมิได้ที่ไม่สามารถลงทีเดียวให้จบเพราะสกิลความอดทนในการพิมพ์นั้นอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากกกกและพระราชาก็ตะโกนบอกทุกสิบนาทีว่า 'เลิกเล่น!'
    เป็นการทำร้ายจิตใจกันอย่างมากT-T

    ที่แน่ๆเลยรู้สึกว่าบทนี้จะยาวกว่าบทอื่นมากจนขี้เกียจพิมพ์เลย
    แต่บทต่อไป บทที่ 13 ขอยอมรับจากใจว่าแต่งยากมากกกกกก-0-
    ยากจนแบบไม่รู้จะเขียนยังไง รวมถึงบทนี้เองเช่นกัน
    แต่ในที่สุดก็เขียนออกมาได้แม้ไม่น่าพอใจนักก็ตาม=_="

    ยังไงก็ขอความกรุณาอ่านแล้วช่วยคอมเม้นด้วยนะเจ้าค่ะ
    แล้วพบกันใหม่ เมื่อชะตาลิขิต
    A tout de suite




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×