ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Frawteer ดินแดนแห่งสุดท้ายของผู้ลี้ภัย

    ลำดับตอนที่ #13 : ทางแพร่งที่หนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 56





          ท่ามกลางทางเดินโถงที่กว้างใหญ่ที่เงียบงัน ขัดกับบรรยากาศของยามอัสดงที่ตะวันทอแสงเพียงรอนแรมจวนจะลับไป

         ร่างสี่ร่างกำลังวิ่งไปทางห้องโถงใหญ่ด้วยความกระวนกระวาย รอบด้านนั้นมีเพียงแสงแห่งอัสดงที่ทอประกายริบหรี่เต็มทน ไม่มีสิ่งมีชีวตใดอยู่รอบกายระหว่างทางที่พวกเขาทั้งหมดวิ่งมา ยิ่งกระตุ้นให้ทั้งสี่ทวีความวิตกกังวลอย่างไม่เคยปรากฎมา กระทั่งเบื้องหน้าปรากฎเป็นประตูบานยักษ์ที่ตกแต่งไว้ด้วยความงดงามของประณีตศิลป์ แต่ร่างเล็กเจ้าของดวงตาสีมรกตกับไม่รับรู้ถึงความงดงามเบื้องหน้าแม้แต่น้อย กลับยิ่งคิดมองมันด้วยความขยาดราวกับว่าซุ้มประตูอเวจีก็ไม่ปาน

         ทั้งสี่เริ่มเกี่ยงกันไปมาสักพักก็ระลึกขึ้นได้ว่ายิ่งเป็นการเสียเวลาเปล่า จึงจับผู้กล้าดันส่งออกไปเปิดประบานยักษ์ตรงหน้า

         'คอลย์' ผู้โชคร้ายมองประตูบานยักษ์เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกสิ้นหวังจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ก่อนจะเริ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากพลางนึกทบทวน บางทีเขาอาจคิดผิดที่เลือกเจ้าพวกนี้มาเป็นเพื่อน คอลย์ส่ายหัวเบาๆอย่างไร้หนทางจนต้องตัดสินใจดันประตูบานยักษ์ให้เปิดออกช้าๆ

    แอ๊ด!

    " หึหึหึ "

         กลุ่มคนไม่มากพากันจับจ้องไปยังต้นทางของเสียงตามสัญชาติญาณของมนุษย์ ตามด้วยเสียงหัวเราะโรคจิตของเจ้าชายพี่น้องแห่งไอริสที่ฟังชวนขนหัวลุก

         ร่างทั้งห้าของรุ่นพี่มองมายังรุ่นน้องสี่คนด้วยสายตาคาดโทษ อลิเซียกวาดสายตามองรุ่นน้องทั้งสี่อย่างเห็นใจทำให้ซินดี้ต้องออกมาปรามเพราะดูท่าเพื่อนตัวเล็กของเธอจะเริ่มใจอ่อนให้กับพวกตัวแสบซะแล้ว

         ทุกชีวิตอยู่ในความสงบด้วยความลุ้นระทึก กระทั่งรุ่นพี่ผู้เป็นนักบวชแห้งคินย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ

    " ชิเอล เชล ฟราน คอลย์ " เจ้าของชื่อพากันสะดุ้งเฮือกตามเสียง พร้อมส่งยิ้มแห้งไปให้เหล่าผู้พิทักษ์อีกทั้งสายตาประจบอย่างสุดฤทธิ์ แต่ดูท่าจะไม่ได้ผล " มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย? "

         ร่างทั้งสี่พยายามก้มหน้าทำคอตกหูลู่หางลีบให้ดูสำนึกผิดมากที่สุด

         บัสเดินไปหยุดอยู่หน้ารุ่นน้องของตนก่อนจะแสยะยิ้มออกมาทำให้พวกกลุ่มที่เพิ่งทำผิดมาพากันสะดุ้งเฮือกอย่างพร้อมเพรียง

         บิสการ์เดินตามมาสมทบกับพี่ชายตนและใช้ใบหน้าคล้ายกันแสยะยิ้มออกมาแบบเดียวกันอีกคน จากนั้นรุ่นพี่ก็ส่งรุ่นน้องทั้งหมดไปยังสถานที่ทดสอบ ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ ยกเว้นสี่คนที่ถูกส่งไปไกลกว่าคนอื่นเพื่อเป็นบทลงโทษ แถมยังเพิ่มกฎจากรุ่นพี่อีกว่ารุ่นน้องต้องหาทางออกจากมิติของพวกพี่ให้ได้และเจ้าตัวปัญหาทั้งสี่ต้องตามหาคนอื่นที่อยู่คนละฝากให้เจอก่อนบททดสอบจะจบลงพร้อมทั้งภารกิจที่ต้องไปจิ๊กของในสุสานถ้ำต้องสาปทำให้คนตัวเล็กถึงกับเบ้หน้าด้วยความไม่พอใจ ช่างเป็นรุ่นพี่ที่ขอบกลั่นแกล้งรุ่นน้องผู้น่ารักซะจริงๆ

         ทุกคนถูกใช้เวทเคลื่อนย้ายเพื่อไปยังสถานที่ทดสอบพร้อมกับเสียงราบเรียบสุดท้ายจากรุ่นพี่ผู้เป็นนักบวชที่ดังก้องอยู่ในหัวทุกคนไม่เว้นแม้แต่กลุ่มผู้ถูกทำโทษ



    " 'ชะตาคือผู้ลิขิต มนุษย์ก้าวเดินเพื่อหักล้าง สิ่งเดียวที่มิอาจกระทำหยุด เปลี่ยนหรือ แก้ไข' นั่นคือกุญแจสู่ทางออก จำเอาไว้ให้ดี "








         ร่างทั้งสี่ที่ต้องโทษปรากฎตัวขึ้นในทิวทัศน์ที่แปลกตาออกไป 

         รอบข้างกายเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่จนบดบังแสงจากตะวันจนไม่อาจรู้เวลาที่แท้จริงได้ เสียงคล้ายสัตว์กรีดร้องกังวานสะท้อนก้องไปมาชวนให้รู้สึกยะเยือกยิ่งกว่าเก่า ร่างทั้งสี่เกาะกลุ่มกันให้ข้อสรุปง่ายๆว่าน่าจะเป็นป่าทึบก็แน่นอนล่ะ ป่าสูงใหญ่ไม้หนาทึบจนไม่เห็นแสงแบบนี้คงไม่ใช่ทุ่งหญ้าสวันน่าแน่

         สิ่งแรกที่ต้องทำคือการตามหาคนที่เหลือ แต่ทางไหนที่จะเดินไปเมื่อพวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ใจกลางทางสี่แพร่ง

         ทุกสายตาหันมาสบกันก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงยิ่งกว่าลูกเสือสามัญ

    " ทางนี้! "

    " ทางนี้! "

    " ทางนี้! "

    " ทางนี้! "

         แม้เสียงจะออกมาอย่างพร้อมเพรียงสามัคคีแต่ทิศทางที่แต่ละคนเลือกช่างขัดกับความสามัคคีในการออกเสียงซะจริง ทั้งหมดหันกลับมามองหน้ากันอย่างหมายจะหาข้อสรุปเมื่อแต่ละคนชี้ไปในทิศทางที่ตรงข้ามกันหมด

        หาสรุปก็จบลงด้วยวิธีปัญญาอ่อนอย่างเช่นเจ้าคนที่เสนอออกมาให้เป่ายิ้งฉุบกันและผลออกมาคือพรานกวีเป็นฝ่ายชนะไป ทุกคนจึงต้องออกเดินไปตามทางที่เชลเลือก

         เบื้องหน้ายังคงเป็นป่ากว้างสุดสายตากระทั่งฟรานสัมผัสได้ถึงไอเวทแปลกๆคล้ายเส้นกั้นเขตพื้นที่


         ร่างสูงอีกคนเดินนำก้าวข้ามเส้นของเวทแบ่งเขตนั่นไปแล้วก็ต้องพบกับความตกตะลึง ด้านหน้าเป็นสวนสนุกยักษ์ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งยังเสียงหัวเราะที่ดังกึกก้องไปทั้งบริเวณ ทั้งหมดมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงละคนแปลกใจก่อนจะก้าวเดินเข้าไปตามทางเรื่อยๆ ทุกสิ่งรอบตัวดูเป็นปกติไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากที่ควรเป็นแม้แต่น้อย จนเริ่มสงสัยไปในทิศทางเดียวกับคำถามลอยๆของฟราน " เรามาผิดทางกันรึเปล่า "


    " คงงั้นนะ " คนเลือกทางตอบอ้อมแอ้ม

    " งั้นก็ไปกันเถอะ อย่ามาเสียเวลาเลย "

         ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับความคิดของนักดนตรีหนุ่ม จึงตัดสินใจมุ่งหน้ากลับไปทางเดิมซึ่งก็คือประตูทางเข้าสวนสนุก


         แต่แล้วก็ต้องชะงักลง ทุกสิ่งที่ดูปกติกลับกลายเป็นไม่ปกติขึ้นมา ท้องฟ้าที่เมื่อครู่แจ่มใสดีกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงไร้ซึ่งไอเมฆใด ดังกับทุกสิ่งนั้นได้หยุดลง ผู้คนรอบตัวเกิดอาการแข็งทื่อเหมือนไร้ซึ่งชีวิต แม้กระทั่งฝูงนกที่หยุดบินค้างอยู่กลางอากาศ

    แกร๊ก!

    หง่าง! หง่าง!


        เสียงนาฬิกาตรงใจกลางสวนสนุกดังขึ้นบอกเวลาหกมองเย็นพอดี ตามด้วยเสียงระฆังบอกเวลาติดๆ ทั้งหมดหันกลับมามองหน้าอย่างใช้ความคิดเมื่อสัมผัสถึงความผิดปกติโดยที่ไม่มีผู้ใดคิดที่จะพูดออกมา ทุกคนหันกลับมาสบตากันอีกครั้งราวกับสื่อสาร ร่างทั้งสี่พุ่งออกไปที่ประตูทางเข้าซึ่งเป็นทางเดียวกับที่พวกเขาเข้ามา แต่ดูเหมือนจะช้าไปเสียเเล้ว

         บางสิ่งขนาดยักษ์ยืนขวางประตูทางเข้าอยู่ ร่างของมันดูคล้ายกับมนุษย์แต่ก็ใหญ่เกินกว่าจะเป็นเช่นนั้นได้ ตามเนื้อตัวปรากฎเป็นรอยแผลจากการตัดเย็บอยู่ทั่วทั้งร่างที่ใหญ่โต ส่วนหัวของถูกคลุมไว้ด้วยบางสิ่งที่ดูคล้ายกับกระสอบเอาไว้ทั้งยังมีเหล็กที่ดูคล้ายเสี้ยวพระจันทร์ทะลุออกมาจึงทำให้ไม่สามารถเห็นหน้าตาของมันได้ แขนขนาดยักษ์ถูกพันด้วยโซ่เส้นโตทั้งสองข้างจนถึงลำตัวและขา มือข้างหนึ่งถือเคียวที่ใช้เกี่ยวข้าวแต่มีขนาดใหญ่กว่านับสิบเท่า ดูโดยรวมทั้งสี่พากันสรุปให้อย่างพร้อมเพรียงว่า

    ...ไม่น่าจะเป็นมิตร

         สัญชาติญาณต่างพากันร้องเตือน จนทุกคนพากันหันหลังกลับและวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับจุดหมายแรกคือ 'ประตู'


    ตึง!
     
        เสียงพื้นดินสะเทือนทำให้ทั้งหมดรับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวยักษ์นั้นคงเริ่มตามมาแล้วเป็นแน่ กระนั้นก็ไม่มีใครคิดที่จะหันหลังกลับไปมองแต่แล้วทั้งสี่ก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง


         ผู้คนมากมายที่เมื่อครู่แข็งเป็นหินไร้ชีวิตเริ่มขยับขึ้นมา ด้านข้องของชิเอลเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กในชุดกระโปรงสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ร่างของเธอค่อยๆขยับบิดไปมาราวกับตุ๊กตาที่โดนชักใยบังคับ ใบหน้าเเละดวงตาไร้แววหันกลับมาสบกับนัยน์ตาสีมรกต คนตัวเล็กเริ่มมองเด็กน้อยอย่างหวาดระแวง

         ท่าทางบิดเบี้ยวของเด็กเด็กหญิงตรงหน้าเริ่มเคลื่อนไหว ริมฝีปากสีกุหลาบนั้นฉีกออกเป็นรอยยิ้มที่แลดูบิดเบี้ยว รอยยิ้มบนใบหน้าน่ารักที่บิดเบี้ยวนั้นกว้างขึ้น กว้างขึ้นเรื่อยๆจนผิวหนังอมชมพูนั้นฉีกขาดออกจากกัน หยาดโลหิตสีแดงซาดกระเซ็นเข้าเปื้อนใบหน้าของชิเอล ดวงตาสีมรกตสั่นระริกมองภาพเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง ร่างเด็กหญิงตัวน้อยที่บัดนี้ริมฝีปากฉีกกว้างไปจนถึงใบหูจนกลายเป็นภาพหน้าสยดสยองก่อนจะขยับออกมาช้าๆก่อนได้ยินคล้ายเสียงพูด

    " ส...วัส...สวั...ส...ดี "

         เสียงที่ขาดหายไปมาจับใจความได้อย่างเลือนลางและดูเหมือนจะไม่หยุดแค่คำพูด ร่างนั้นโถมตัวเข้าหาชิเอลที่ยืนมองค้างด้วยความตกตะลึง เสี้ยววินาทีก่อนที่ผู้มุ่งร้ายจะถึงตัว ฟรานตวัดขาเตะร่างเด็กน้อยจนกระเด็นไปกระแทกเครื่องเล่นม้าหมุนที่อยู่ไม่ห่างไป ร่างน้อยๆที่บิดเบี้ยว แขนและขาพับไปมาโอนเอียงอย่างผิดรูป ยันกายยืนขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งสี่

         ดวงตาสีอเมทิสฉายแววเคร่งเครียดอย่างไม่เคนเป็น

    ตึง!

         แรงกระเทือนพร้อมเสียงดังขึ้นมาด้านหลัง ทำให้รู้ว่าร่างของตัวประหลาดตัวยักษ์กำลังคลืบคลานเข้ามาทางด้านหลังของทั้งคู่ ส่วนเบื้องหน้าผู้คนที่แข็งเป็นหินเริ่มขยับเขยื้อนดังเช่นเด็กน้อยที่ลุกขึ้นมาอีกครั้ง

         รอบตัวของทั้งสี่ถูกรุมไปด้วยร่างที่บิดเบี้ยว ทางออกเพียงทางเดียวก็มีตัวประหลาดร่างยักษ์ไม่เป็นมิตรขวางอยู่ หญิงท้องแก่ใกล้ตัวใช้มือทั้งสองข้างควักท้องของตัวเอง มือสองข้างตะกุยเนื้อสดออกมาพร้อมทั้งโลหิตมากมายที่ซาดกระเซ็นทั่ว ข้างนั้นชายชราที่แต่งกายคล้ายผู้ดูแลสวนสนุกพุ่งเข้าหาเชลด้วยความเร็วที่เกินมนุษย์ จากระยะห่างไม่มีทางที่ทั้งสามจะสามารถยื่นมือให้ความช่วยเหลือกับเพื่อนได้ทันเป็นแน่ แต่แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อแขนขวาของชายชรานั้นขาดลงทำให้ร่างที่พุ่งเข้ามาล้มลงเพราะเสียหลักการทรงตัว บนมือของเชลนั้นปรากฎมูมเมอแรงสีแดงจากคราบเลือดไหลหยดลงมา ย้ำเตือนว่าใครเป็นคนกระทำ

    " โธเว้ย! "

         เสียงสบถะของคอลย์ดังออกมาเพราะดูเหมือนพวกคนที่พุ่งเข้ามาจะมีอยู่นับไม่ถ้วน ทั้งสี่มองรอบตัวอย่างตึงเครียดเมื่อไม่พบหนทางที่จะฝ่าไปได้เลย ภาพของบางสิ่งซ้อนทับเข้ามาในดวงตาของฟราน เหตุการณ์เช่นนี้นั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ต่างกันที่ทุกร่างไม่มีไอสีดำหุ้มอยู่รอบตัวไว้ ร่างสูงวาดมือไปข้างตัว

    " ข้าผู้ทำพันธะสัญญา เอ่ยเรียกนามแห่งเจ้า จงมาหาผู้เป็นนาย 'เลอร์ดัว'!!! "

         ตัวดาบสีเงินปรอดถูกโอบอุ้มด้วยแสงสีม่วงอ่อน ด้ามจับของ'เลอร์ดัว'มีปีกสีขาวสองปีกพันอยู่รอบด้าม เจ้าของดาบยกขึ้นกวัดแกว่ง ตัวดาบพุ่งเข้าตัดชิ้นส่วนร่างกายของสิ่งที่เคยเป็นมนุษย์จนชิ้นส่วนที่ขาดออกจากร่างหล่นล่วงลงสู่พื้นพร้อมหยาดโลหิตสีแดงสดที่พุ่งทะลักออกมาจากร่างพวกนั้นนองไปทั่วทั้งบริเวณ ราวกับพื้นที่ยืนถูกย้อมไปด้วยของเหลวสีแดงสด

         ร่างทั้งสามเข้าโรมรันกับภัยที่คุกคามเข้ามาในขณะที่เจ้าตัวประหลาดร่างยักษ์ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชิเอลยืนนิ่งอยู่กลางวงล้อมของเพื่อนที่กำลังสู้กับสิ่งที่ไม่ปกติ นัยน์ตาสีมรกตมองสีของโลหิตที่เปรอะเปื้อนไปตามตัวและที่กระจายทั่วบริเวณ ภาพของสิ่งที่เคยเป็นคนมากมายจมอยู่บนกองโลหิตทับซ้อนขึ้นมากับภาพตรงหน้า เรียกเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ไม่มีอยู่จริงดังก้องอยู่ในโสตประสาท นัยน์ตาสีมรกตสุกใสหม่นแสงลง ไอพลังสีเขียวอ่อนโอบอุ้มล้อมร่างบอบบางราวกับจะปกป้องก่อนจะพุ่งผ่านไปปักทะลุศีรษะของร่างที่คิดพุ่งเข้ามา ร่างของมันล้มลงโดยไร้ซึ่งเสียงกรีดร้องและพวกต่อไปก็ก้าวเข้ามาอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัวจนดูเหมือนพวกมันนั้นเป็นแค่ซากศพเดินได้เท่านั้น

         เเสงสีเขียวพุ่งเข้าทะลวงหัวของซากศพเดินได้ด้วยความแม่นยำจนลดทอนจำนวนของพวกมันไปได้มาก แต่กระนั้นพวกมันก็ยังมีมากเกินไป สามคนหยุดการกระทำทุกสิ่งแล้วหันกลับไปมองต้นตอของแสงสีเขียวด้วยความตกตะลึง คอลย์กำลังคิดว่าไอเวทนั้นไม่ธรรมดา มันปรากฎขึ้นมาโดยไม่มีการเอ่ยร่ายเวท ส่วนเชลกำลังกังขาว่าร่างตรงหน้านั้นใช่นักเดินทางธรรมดาแน่หรือและอีกคนที่เคยเฉียดเข้าเหตุการณ์เช่นนี้ยังคงตกตะลึงพร้อมตะโกนซ้ำไปซ้ำมาในหัวว่าร่างตรงหน้านั้นเป็นแค่คนนอก คนที่หลุดเข้ามาในอิเดโก้นั้นล้วนไร้ซึ่งพลัง!

    ตึง!

         นัยน์ตาสีมรกตคู่หม่นแสงหันกลับไปมองร่างยักษ์ที่จวนจะถึงตัวพร้อมสติที่เริ่มกลับมาทำให้รับรู้ได้ถึงไอพลังที่พุ่งพล่านอย่างชัดเจน

    ...กริ๊ง...

         เสียงประหลาดที่ห่างหายไปนานดังขึ้นแหวกเข้าสู่โสตประสาตของผู้ได้ยินที่คล้ายจะมีเพียงคนเดียว

    ...กริ๊ง...

    ตึง!

         สองเสียงดังขึ้นพร้อมกันแต่หนึ่งในนั้นใกล้ยิ่งกว่า ไม่มีเวลาตัดสินใจมากนัก ร่างเล็กของชิเอลตัดสินใจวิ่งตามเสียงปริศนานั่นไปโดยไม่ลืมที่จะคว้ามือคนตัวสูงไปด้วย ทำให้พวกที่เหลือต้องรีบวิ่งตามไปอย่างไม่มีทางเลือก

    ...กริ๊ง...

         ร่างบางหันซ้ายขวาหาต้นตอเสียงด้วยอัปกริยาร้อนรน เมื่อด้านหน้านั้นแยกออกเป็นสองทาง โดยที่สองทางนั้นเต็มไปด้วยซากศพมากมายที่บัดนี้มุ่งเข้าหากลุ่มคนที่อยู่กลางแยกทั้งสอง

    ...ทางไหน? เร็วเข้าสิ!...

         พวกซากเหล่านั้นเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนน่ากลัวทำให้คนที่ตามมาเริ่มเร่งให้ก้าวต่อไป ส่วนชิเอลที่ไม่เคยรู้สึกปรารถนาเสียงปริศนาเช่นนี้มาก่อน ได้แต่ภวานาให้มันดังขึ้นอีกครั้งโดยเร็วด้วยจิตอันแรงกล้าพอๆกับเหล่าซากที่พุ่งเข้ามาอย่างเต็มแรงที่ผิดมนุษย์จากทั่วทุกด้าน

    ตึง!

         เสียงพร้อมแรงกระเทือนไล่หลังกลุ่มคนที่กำลังฟาดฟันกับเหล่าซากอย่างสุดกำลัง ฟรานเริ่มมองรอบด้านด้วยสายตาวิตกกังวลเช่นเดียวกับคอลย์ ทั้งสองสบตากับก่อนจะพยักหน้าเบาๆแต่ทันใดนั้นดวงตาสีอเมทิศก็เหลือบไปเห็นร่างที่ไม่หวังดีพุ่งเข้าใส่ร่างเล็กที่อยู่ข้างตนและดูเหมือนร่างเล็กนั้นจะไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว เป็นอีกครั้งที่ฟรานเห็นภาพหนึ่งซ้อนทับขึ้นมาในนัยน์ตาคู่ทรงเสน่ห์ วูบเดียวเท่านั้นที่สายพลังสีม่วงพุ่งเข้ากระซวกร่างนั้นตามคำร่ายเวทก่อนที่มันจะทันสัมผัสคนที่อยู่ด้านข้าง หยาดโลหิตย้อมใบหน้าน่ารักกับเส้นผมสีคาราเมลจนกลบสีเดิมมิด ชิเอลมองฟรานและคราบเลือดบนตัวด้วยความตกตะลึง

    " อ่ะ! "

         ดวงตาสีมรกตเงยขึ้นสบตาคนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดแห่งโลหิด ดวงตาสีอเมทิศทอประกายเคร่งเครียดอย่างผิดวิสัย

    ...กริ๊ง...

         เสียงประหลาดที่ร่างบางภวานาให้ได้ยินดังก้องมาจากด้านขวา เจ้าของร่างหันไปตามทิศทางนั้นทันที ซากมากมายพุ่งเข้าหาร่างบางแต่แทนที่คนตัวเล็กจะเปลี่ยนใจหยุดกลับพุ่งเข้าใส่กลุ่มซากศพเดินได้ จนคนที่เหลือต่างพากันร้องเสียงหลง

    " เฮ้ย! "

    ชัวะ!

         ดาบสีดำสนิทปรากฎขึ้นในมือบอบบางพร้อมกวัดแกว่งตัดร่างของเหล่าซากที่คิดพุ่งเข้ามาก่อนจะถึงตัว การปรากฎของมันทั้งที่ไร้ซึ่งการเอ่ยอัญเชิญสร้างความประหลาดใจให้คนที่เหลืออีกครั้ง ดาบสีดำที่บัดนี้กวัดแกว่งไปมาบนมือเจ้าของราวกับมีชีวิต

    ...ดาร์ดวอร์ปรากฎขึ้นเพื่อปกป้องนายแห่งตน...

         ร่างทั้งสี่พร้อมใจกันบุกฝ่าเหล่าซากมากมายที่มากันไม่หยุดหย่อนและดูเหมือนกับพวกมันนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่มีหมดสิ้น แม้ทั้งหมดออกห่างจากต้นเสียงแรงสะเทือนนั้นมามากแล้วแต่ยังไม่มีใครคิดที่จะวางใจ จนกระทั่งร่างเหวอะหวะของเด็กชายตัวน้อยพุ่งเข้าใส่พรานกวีตัวเล็กอย่างเร็วโดยที่ไม่มีการเปิดช่องให้ตั้งตัว

    " โอ้ย! "

         เสียงร้องของเพื่อนในกลุ่มดึงความสนใจทุกคนกลับมาที่เจ้าของเสียงที่บัดนี้ไหล่ซ้ายปรากฎแผลยาวชุ่มโชกไปด้วยเลือดตั้งแต่หัวไหล่จนถึงศอก ข้างๆนั้นมีเด็กชายที่ร่างนั้นเหวอะหวะไปด้วบบาดแผลมากมาย พร้อมมีดมีอยู่ในมือทำให้ทุกคนเดาไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น

         ร่างเด็กชายตัวน้อยที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมายเงื้อมือข้างที่มีดอีกครั้งหมายจะจ้วงแทกซ้ำลงมา ดวงตาคู่สีฟ้าเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่กระที่คมมีดนั้นจะลงถึงตัวพรานกวี เจ้าของเรือนผมสีชาพุ่งเข้าไปฟาดท่อนไม้ในมือใส่เด็กน้อยที่กลายเป็นซากจนร่างนั้นกระเด็กไปกระแทกต้นไม้ด้านหลังอย่างจัง

    ผัวะ!

    " ไปเร็ว! "

         ฟรานที่ได้สติคนแรกกระชากร่างเล็กที่อยู่ใกล้ตัว ก่อนจะตะโกนเรียกอีกสองคนด้านหลังให้ตามมาทางเดียวกันกับที่ร่างเล็กได้ยินเสียงปริศนา อีกเพียงไม่กี่ก้าวทางด้านหน้าที่ถูกจำลองให้ดูคล้ายถ้ำ ยังไม่ทันที่พวกเข้าจะเหยียบย่างเข้าไปในนั้น

    ตึง!

    ตึง!


         เสียงกระเทือนจากพื้นดินดังขึ้นพร้อมกันทั้งด้านหน้าและหลัง ดวงตาทั้งสี่คู่เมื่อมองดูแน่ชัดแล้วก็ต้องตกตะลึง ร่างสัตว์ประหลาดยักษ์ขวางทางหนีทั้งสองด้านเอาไว้ทำให้จะก้าวต่อก็ไม่ได้และจะถอยกลับก็ไม่ได้แถมมันยังมีถึงสองตัว!

         ร่างยักษ์ที่อยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำเริ่มขยับก่อน ท่อนแขนขนาดยักษ์ที่ถูกพันด้วยโซ่เส้นโตทำให้เกิดเสียงทุกครั้งที่มันขยับ มือคู่ยักษ์ข้างหนึ่งนั้นถือดาบเล่มโตที่ใหญ่กว่าตัวมันเองและมือข้างนั้นกำลังเงื้อขึ้นเช่นเดียวกับดาบเล่มโตที่ลอยจากพื้นหมายจะฟาดฟัน ทั้งหมดกำลังวิตกอย่างถึงที่สุดเมื่อเมื่อทางหนีทั้งหมดถูกปิดกั้นไว้ ทั้งยังพวกซากมากมายที่บุกเข้าไม่หยุด

         เสียงดาบกับโซ่ยักษ์ดังขึ้นในวินาทีที่ทุกคนต้องตัดสินใจ ฟรานที่อยู่ด้านหน้าใกล้เจ้าตัวประหลาดนั้นที่สุดพุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล ดาบสีเงินนามเลอร์ดัวถูกยกขึ้นมากันวิถีของดาบเล่มโตก่อนที่มันจะได้ลิ้มเลือดตนและพวกพ้อง แต่ด้วยขนาดที่แตกต่างกันมากเกินไปทำให้คนที่ดูกลายเป็นตัวเล็กถูกแรงผลักจากดาบกระเด็นออกไปกระแทกต้นไม้ใหญ่ด้านข้างจนมันหักลง

    ตึง!

    " อั๊กะ! "

    " ฟราน! " ชิเอลร้องเสียงหลงเมื่อพบว่าคนที่ถูกปัดกระเด็นเริ่มกระอักออกมาเป็นเลือด

         เจ้าตัวยักษ์นั้นไม่ปล่อยโอกาศให้หลุดลอยไป มันตั้งท่าเตรียมจะโจมตีซ้ำ ซึ่งเป้าหมายของมันก็คือคนที่อยู่ใกล้สุดที่มัวแต่มองฟรานด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้เลยว่าภภัยร้ายกำลังคลืบคลานมาถึงตน

         พริบตาเดียวที่ดาบเล่มยักษ์ตวัดผ่าอากาศลงมา ดาบสีทมิฬถูกยังขึ้นมากันได้อย่างทันท่วงที

    เคร้ง!

         ด้วยแรงและขนาดตัวที่ให้ความแตกต่างกันมากยิ่งกว่าเก่า ทำให้คนตัวเล็กถูกดันถอยหลังไปเรื่อยๆ ข้อมือขาวสั่นระริกพยายามต้านแรงดาบที่ส่งมาอย่างสุดกำลัง ฝ่ามือที่กุมดาบอยู่เริ่มมีเหงื่อกาฬไหลซึมออกมามากพอๆกับแรงที่เริ่มหดหายไป

    " ข้าผู้เป็นนาย ขอเอ่ยเรียก ปฐพีจงเป็นพยาน วารีจงเอ่ยตอบ ออกมา 'ไทร์ซูล'! "

         ดาบสีน้ำตาลทองเล่มใหญ่ของนักดนตรีพุ่งเข้าสกัดรับเคียวอีกอันที่กดลงมาหมายจะคร่าลมหายใจของพวกตน

         ฟรานยันกายขึ้นด้วยความยากเย็นมองดูเพื่อนของตน คอลย์กำลังกันเคียวยักษ์ที่กดลงมาเหมือนร่างบอบบางของชิเอลที่ใช้ดาร์กวอร์หยุดการโจมตีของดาบเล่มโต ส่วนเชลร่างนั้นกำลังกันซากมากมายออกจากกลุ่มเพื่อนของตนเพื่อนเปิดทางเข้าสู่ปากถ้ำ

         เจ้าของนัยน์ตาสีอเมทิศเริ่มวิตกเข้าไปอีก ดูท่าจะไม่มีโอกาศได้ชัยเลยแม้แต่น้อยเพราะในขณะที่พวกมันดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เรี่ยวแรงของเพื่อนเริ่มลดหายไปเช่นเดียวกับความเหยื่อยล้าที่เริ่มเข้ามาแทนที่ ดูท่าทางพวกเพื่อนของตนจะเริ่มหมดแรงกันแล้ว ไม่ทันขาดคำร่างเล็กที่บอบบางเกินไปไม่อาจต้านทานแรงของตัวประหลาดได้ ร่างผอมบางถูกเหวี่ยงออกไปกระแทกเข้ากับทางเข้าถ้ำ เหนือไหล่บอบบางถูกกรีดเป็นแนวยาว เจ้าตัวประหลาดยักษ์ท่าจะซ้ำลงไปอีก

    ...ทั้งที่รู้อยูว่าไกลเกิน

    ...ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางทัน

    ...แต่ร่างของตนก็พุ่งเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิต


         จังหวะเดียวก่อนที่ดาบเล่มยักษ์จะบั่นต้นคอระหง ดาบสีดำถูกยกขึ้นมากันอย่างทันท่วงทีอีกครั้ง แต่แรงอันน้อยนิดที่ส่งจากข้อมือบางก็ไม่มีทางสู้แรงสัตย์ประหลาดได้ ทั้งดาบที่ฟันลงมาและยกขึ้นขึ้นกันเริ่มถูกกดลงมาแทบจะบาดลงมาบนใบหน้าอยู่รอมร่อ ฟรานมองดูร่างนั้นด้วยความหวาดกลัว่าคนตัวเล็กจะปล่อยให้ดาบนั้นกดลงที่คอตัวเอง แม้จะพยายามพุ่งเข้าไปแค่ไหนก็ยังมีเหล่าซากที่ขวางอยู่มากมาย ต่อให้กวัดแกว่งดาบแค่ไหนเหล่าซากก็ยังโถมเข้ามาอย่างไม่หมดสิ้น และที่น่ากลัวสุด เมื่อใดก็ตามที่ร่างเล็กผ่อนแรงลงดาบนั้นจะปลิดชีวิตลงในชั่วพริบตา

         ดวงหน้าหวานของชิเอลเริ่มส่อแววเหนื่อยล้าในขณะที่ดาบทั้งสองเริ่มกดลงมาใกล้ตัวยิ่งขึ้น

    ...ไม่ไหวแล้ว...

         ดวงตาสีมรกตหรี่ลงจนแทบจะปิดไป เพื่อนทั้งสามเห็นดังนั้นเริ่มหวาดกลัวว่าชิเอลจะทนไม่ไหวและไม่ใช่แค่พวกเขาทั้งสามที่เห็น เจ้าตัวประหลาดไม่ปล่อยโอกาศทองให้หลุดมือไปอย่างไร้ค่า มันยกดาบขึ้นอีกครั้งหวังจะฟาดลงสุดแรงในคราวเดียว ดังกับทุกสิ่งหยุดนิ่ง ดวงตาสีมรกตมองดาบที่วาดลงมาอย่างเชื่องช้าก่อนใช้ชั่ววูบในการพลิกตัวหลบออกมาอีกทางก่อนที่ดาบจะถึงตัว ส่งผลให้ดาบเล่มโตนั้นจมหายไปในพื้นเกือบมิดด้าม

         ไม่มีเวลาให้พักหายใจนักเพราะพวกซากเริ่มจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง ชิเอลและเชลใช้แผ่นหลังเล็กๆชนกันดังกับจะระวังภัยให้แก่กัน ในขณะที่มือยังพะวนไม่หยุดฟาดฟันซากที่โถมเข้ามา เจ้าตัวประหลาดยักษ์ตัวเดิมยังคงพยายามใช้เรี่ยวแรงมหาศาลดึงดาบออกมาจากพื้นซึ่งดูไม่น่าง่ายเลย แต่ก็ถือว่าเป็นการถ่วงเวลาให้กับทั้งสี่ได้ชั่วขณะหนึ่ง และด้วยสีหน้าของนักดนตรีที่ใกล้จนหมดเชื้อเพลิงเต็มทน หยาดเหงื่อมากมายชโลมกายเช่นเดียวดับเรี่ยวเเรงที่ถูกลดทอนหายไปส่งผลให้การโจมตีและการตั้งรับเริ่มช้าลง

         ร่างสูงที่อยู่อีกฝั่งเห็นเพื่อนนักดนตรีเริ่มไม่ไหวก็วาดดาบสีเงินฝ่ากลุ่มซากศพมารับเคียวยักษ์ไว้แทนเพื่อนำด้ทันท่วงที

    เคร้ง!

         เลอร์ดัวสีเงินทอประมายแสงสีม่วงอ่อนจากร่างสูงของฟรานที่เริ่มดันเคียวยักษ์ออกไปจากตัวได้ คอยล์ที่อยู่ข้างๆไม่รอช้าร่ายเวทอัดพลังเข้าใส่ไทร์ซูลเล่มโตของตนก่อนฟาดใส่ตัวประหลาดสุดเเรงเกิด

    ตึง!

         ร่างขนาดยักษ์ของมันล้มลงกระแทกพื้น จากแรงฟันของคอลย์เมื่อครู่ปรากฎบาดแผลฉกรรจ์จนเห็นซี่โครงใหญ่โผล่ออกมาแต่กลับไร้ซึ่งโลหิตใดๆ ไม่ช้ามันก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่มีท่าทีแสดงถึงความเจ็บปวดเลยซักนิด

         ร่างสูงสองคนพุ่งเข้าโรมรันตัวประหลาดถือเคียวนั้นอีกครั้ง ในขณะที่ฝั่งชิเอลและเชลต่างก็ร่วมกันจัดการกับพวกซากและเจ้าตัวถือดาบที่ดึงออกมาได้สำเร็จ

         เจ้าตัวยักษ์ย่างก้าวเข้าหาร่างเล็กทั้งสองที่หันหลังชนกันอย่างระวังภัย ก่อนจะวาดดาบเล่มยักษ์ที่ดึงออกมาจากพื้นได้สำเร็จลงมาด้วยควาแม่นยำและรวดเร็ว เพียงวูบเดียวที่เชลกลั้นหายใจทุ่มแรงทั้งหมดพุ่งเข้ากระแทกชิเอลเต็มแรงทำให้ทั้งคู้พ้นวิถีดาบได้อย่างเฉียดฉิว

         ชิเอลเบือนสายตาไปมองเส้นผมที่ถูกตัดไปบางส่วนบนพื้นอย่างหวาดเสียว หากช้ากว่านิดคงไม่ใช่แค่เส้นผมที่จะหลุดแน่

    " โธ่เว้ย! " เสียงสบถะจากอีกฝั่งเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กเริ่มหืดขึ้นคอ

         ทั้งสี่ยังคงประทะเข้ากับตัวประหลาดทั้งสองและเหล่าซากที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอย่างไม่ได้พักแม้หยุดหายใจ แต่ความเหยื่อยล้าเกาะกุมทั้งสี่เรื่อยๆจนในที่สุดก็มีคนพลาดท่า

         อีกครั้งที่ดาบยักษ์ของสัตว์ประหลาดตวัดลงมาหมายจะพรากวิญญาณของร่างเล็กทั้งคู่ที่โถมแรงหลบดาบไปในทางเดียวกัน แต่เพราะความอ่อนล้าทำให้การเคลื่อนไหวนั้นช้าลง เชลพลาดท่าถูกดาบเล่มโตฟันเข้าที่ไหล่อย่างจัง เลือดสีแดงไหลทะลักกระเซ็นสาดใส่คนตัวเล็กที่อยู่ด้านหลังอีกครั้ง เชลทรุดลงกับพื้นอบ่างไม่อาจพยุ่งตัวไว้ ใบหน้าบอบบางซีดเซียวไร้สีเลือดฝาดเหงื่อเม็ดกาฬปรากฎบนดวงหน้าที่ยังไม่วายยิ้มกลับมาทั้งที่ดาบเล่มโตวาดลงมาจะถึงตัวอยู่แล้ว

    " ถ้าได้เจอกันเร็วกว่านี้ก็ดีสินะ "

         เสียงที่ราวกับคำตัดพ้อกับโชคชะตาดังขึ้น ก่อนที่เชลจะทุ่มแรงที่มีทั้งหมดผลักร่างเล็กอีกร่างไปให้พ้นแนวดาบที่ฟาดลงมาพร้อมส่งรอยยิ้มสุดท้ายให้ราวกับคำกล่าวลา " ขอโทษนะชิเอล "

    " ม่ายยยยย!!! "










    [TBC]



    กลับมาแล้วเจ้าค่าาาาาาาาา^0^~
    ช่วงนี้รู้สึกว่าชีวิตหนักหนาสาหัสมากมาย แถมยังเรียนไม่รู้เรื่องอีก ทำให้ไม่มีเวลามาลงนิยายต่อ
    แต่ตอนนี้ก็จบบทที่สิบสามแล้วนะเจ้าคะ>_<
    จะคุ้มค่ากับการเฝ้ารอรึเปล่า ยังก็ช่วยแสดงความคิดเห็นและนำติติงผลงานของข้าน้อยในบทนี้ด้วยนะเจ้าคะ

    เรื่องที่มีคนบอกว่าตัวหนังสือที่ใช้เล็กมากกกกกก
    ขอบอกว่ากดที่เลือกว่าขนาด 'ใหญ่' แล้ว
    ผลออกมาเป็นยังไงบอกด้วยนะเจ้าคะ

    และอีกหนึ่งที่มีคนสำลักกลิ่นวายจนสลบไปและมิวายในอีกคนมาเม้นแทน
    ข้าน้อยต้องฝากบอก'คุณเนโร่'ด้วยนะเจ้าคะว่าถ้าหนุ่มน้อยชิเอลไปอยู่หอหญิงขึ้นมาจริงๆ สภาพออกมาคงได้เป็นน้องบลายให้พวกคุณหนูแต่งตัวเป็นแน่
    และอีกอย่างคุณฟรานคงไม่ยอมหรอกค่ะ ทั้งหวงทั้งห่วงขนาดนั้น55555

    ล้อเล่นนะเจ้าค่ะ เรื่องนี้มีใช่วายแน่นอน แต่ก็รับประกันว่ากลิ่นวายรุนแรงตาความฟินและ จิ้นเองของผู้เขียนแน่นนอนค่ะ(หนักแน่น)
    -ผัวะ!-

    ผู้เขียน: เฮ้ย! รองเท้าใคร บอลลี่ด้วยเดี๋ยวเก็บไปใช้ต่อหรอก

    โอเคเจ้าค่ะสำหรับท่านที่สายตาสั้นกรุณาถนอมสายตาด้วยนะเจ้าคะ 
    ถ้าสั้นมากๆแล้วลำบาก ข้าน้อยรู้ดีเพราะประสบมากับตัว
    และมีที่บอกว่าเนื้อเรื่องขาดความน่าสนใจT^T 
    ข้าน้อยจะรีบปรับปรุ่งแก้ไข พัฒนาฝีมือในบทต่อไป
    ขอบพระคุณมากนะเจ้าคะที่ช่วยให้คำติชม

    ผู้ใดก็ตามที่อ่านแล้ว ขอความกรุณาติชมแนะนำผู้เขียนให้เดินไปสู่จุดหมายอย่างถูกต้องด้วยนะเจ้าคะ
    จะติแรงๆก็ไม่ว่าเจ้าค่ะ ถือเป็นความจริงใจที่ผู้อ่านมอบให้มา ข้าน้อยในฐานะผู้เขียนขอน้อมรับไว้ด้วยความเต็มใจ^-^


    ไว้พบกันใหม่ในบทต่อไปเจ้าค่ะ~


    P.S.ความจริงข้าน้อยแอบเขียนตาเรคเตอร์ตัวประหลาดเอาไว้ด้วยแต่เครื่องปริ้นเสีย ถ้าซ่อมเมื่อไหร่จะรีบเอามาอวดนะเจ้าคะ><


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×