ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Frawteer ดินแดนแห่งสุดท้ายของผู้ลี้ภัย

    ลำดับตอนที่ #11 : ดวงไฟทั้งห้า

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 56





                             ...สัญญาที่ลืมเลือน
                   กู้ก้องพร้อมกรีดร้อง

                             ...เสียงไพรบรรเลงเจียน
                   จะมอดม้วยด้วยชีพลง

                             ...เหลือไว้แค่ยังคง
                   จิตอาฆาตรอทวงคืน!!!


         เจ้าอาจจะลืมเลือนข้าไป เพราะกาลเวลานับแต่นั้นช่างเนิ่นนานยิ่งนัก แต่ข้าไม่รู้เพราะเหตุใดข้าจึงยังคงอยู่ในที่แห่งนี้ ที่ซึ่งถูกกาลเวลานั้นบดบัง ที่ที่ทุกคนนั้นลืมเลือน ข้ายังอยู่ ข้ายังคงอยู่ ณ ที่แห่งนี้และหวนคิดถึงทุกสิ่ง ทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาเเล้ว แต่ข้ายังกลับรู้สึกราวกับว่าว่ามันเพิ่งเกิดเมื่อแรมวาน

         ในเวลาที่ข้าถูกทอดทิ้งไว้ในที่แห่งนี้ เวลาที่ข้านั้นสูญสิ้นซึ่งทุกสิ่งอย่างไร้ซึ่งหนทางหวนกลับ ข้ายอมทุกอย่างไม่ว่าจะต้องแลกไปด้วยสิ่งใด ขอแค่เพียงเสี้ยวนาทีให้ข้าได้มีโอกาศแก้ไข 'เรื่องนั้น' แม้จะต้องดับสูญไป แม้จะต้องมอดไหม้จนเป็นเพียงแค่เถ้าทุลี ข้าควรจะหยุดทุกสิ่งแต่ข้ามิอาจจะทำเช่นนั้นได้ แม้ตัวข้าจะจะถูกกล่าวว่าไร้ซึ่งหัวใจก็มิอาจหักห้ามส่วนลึกในจิตใจที่คอยกู่ร้องได้

         นับจากนั้นมา ช่างผ่านไปเนิ่นนานแต่เสียงที่กู่ร้องในใจยังคงดังก้องอยู่เสมอ ราวกับว่าจะตอกย้ำถึงเหตุผลในการมีตัวตนคงอยู่ของข้า แค่เหตุผลเดียวเท่านั้น

         ...อยู่เพื่อรอการทวงคืน







         ภายหลังที่การสอบค้ดเลือกประจำปีของโรงเรียนฟรัวเทียได้จบลง พร้อมกับผู้คนมากมายที่ต้องเสียน้ำตากลับไปด้วยความผิดหวังเมื่อพบว่าตนไม่ใช่ผู้ที่มีคุณสมบัติมากพอในการถูกเลือกเข้ามาในฟรัวเทีย ส่วนภายหลังจาการสอบไปนั้นกลุ่มคนที่ยืนออกันหน้าสลอนก็ต้องพบกับความแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจะรุ่นราวคลาวเดียวกันเดินเข้ามาสมทบภายในห้องอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งชิเอลได้รู้ภายหลังว่าว่ากฎเกณฑืที่ใช้ในการสอบคัดเลือกนั้น ทางฟรัวเทียไม่ได้กำหนดเอาไว้แค่การสอบเท่านั้น แต่ยังมีพวกที่สามารถชนะการแข่งขันต่างๆที่ถูกจัดไว้และได้รางวัลเป็นการเข้ามาอยู่ในโรงเรียนนี้แทน

         บัดนี้คอลย์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่พ่วงติดชิเอลและฟรานมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ หลังจากการไปแหยมเข้ากับเจ้าชายขี้โอ่อย่างโครวีรัสแล้วทำให้ทุกคนรวมหัวกันสรุปว่า ชิเอลเลือดขึ้นหน้า(?)แบบไม่รู้ตัวหรือ พวกโกรธจนหูตามัว แล้วบรรยากาศรอบด้านก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ราวกลับว่าไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นภายในห้องแห่งนี้มาก่อนเลย จะเว้นก็แต่โครวีรัสที่นั่งทำหน้าบูดจ้องมาทางด้านหลังร่างทั้งสามซึ่งเป็นผู้ที่ถูกหยามหัวให้เสียวสันหลังวาบเล่นๆ

         ในที่สุดการรอคอยก็จบลงเมื่อเหล่าเสนาธิการและท่านมหาปราชญ์ปรากฎตัวออกมาอีกครั้ง พร้อมกลับบางสิ่งที่ดูคล้ายคลึงกับถ้วยรางวัลแต่วัสดุที่ใช่สร้างดูแล้วน่าจะมาจากพวกหินแร่ ไม่ก็ทำมาจากหินอ่อนเนื้อดี รอบนอกตัวถ้วยรางวัลนั้นจารึกเป็นอักขระมากมายที่ชิเอลมองแล้วไม่เข้าใจ ร่างเล็กจึงเลิกให้ความสนใจกับมันก่อนจะเบือนหน้าไปทางผู้สูงสัยทั้งเจ็ดแทน

         เซนเทอเรียก้าวออกมาหน้าคนทั้งหกก่อนจะกวาดสายตามองรอบด้านแล้วเอ่ยขึ้นว่า " อย่างที่ทุกท่านได้รู้ การที่คนจำนวนมากจะมาอาศัยอยู่ร่วมกันเราจำเป้นต้องมีกฎและ กฎของฟรัวเทียก็คือเราจำเป็นต้องจัดระเบียบพร้อมทั้งทำข้อตกลงกัน "

    พรึบ!

         กระดาษสีขาดสะอาดมีตัวอักษรคุ้นตาขนาดราวหกคูณสิบฟุตปรากฎขึ้นนเบื้องหน้าทุกคนพร้อมกับปากกาขนนกที่พัดไปมาอยู่เบื้องหน้า ผู้คนที่อยู่ในห้องเริ่มลงมือเขียนบางสิ่งลงไปในกระดาษ ยกเว้นก็แต่ร่างเล็กที่กำลังมองมันอย่างไม่เข้าใจ

    " กระดาษสัญญาข้อตกลงน่ะหนุ่มน้อย "

    " ข้อตกลง? " ชิเอลมองกระดาษสลับกับคนให้คำตอบไปมด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าคำตอบที่ได้มานั้นไม่สามารถไขความกระจ่างได้เลย จนฟรานต้องลอบถอนหายใจออกมากับการเป็นพี่เลี้ยงจำเป็น แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้พูดอะไรคนที่พ่วงมาก็ชิงตอบขึ้นมาเสียก่อน

    " สัญญาข้อตกลงว่าหากนักเรียนคนใดบาดเจ็บ พิการระหว่างการศึกษา ทางโรงเรียนไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ รวมถึงการเสียชีวิตด้วย "

    ...ตาย!!!...



         
    ฟรานเห็นท่าทางจิตหลุดของร่างเล็กก็รู้ทันทีว่าว่าคนข้างตัวเริ่มออกอาการฟุ้งซ่านอีครั้งจนตนต้องต้องรีบแก้ข้อข้องใจก่อนที่จะเลยเถิดกันไปใหญ่

    " เลิกไร้สาระได้แล้วหนุ่มน้อย ที่ว่ากันตายเพราะพวกเจ้าหญิงเจ้าชาย ราชวงศ์ต่างๆที่มักจะมีพวกนักล่าหรือ นักฆ่าหมายหัวอยู่ตลอดเวลา " ร่างสูงกล่าวตอบแก้ข้อจิตกให้กับชิเอลที่มือยังคงกำปากกาขนนกเอาไว้ ราวกับกำลังตัดสินใจอย่างหนักว่าจะเขียนดีหรือไม่ " แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนั้น ระบบการป้องกันของฟรัวเทียน่ะไม่ใช่ธรรมดา ดังนั้นเรื่งที่จะเกิดเหตุฉุกเฉินน่ะพอเป็นไปได้อยู่แต่การตายของคนที่อยู่ใปกครองของฟรัวเทียไม่มีทางเกิดขึ้นง่ายๆ ฉะนั้นเลิกกลัวแล้วเขียนลงไปได้แล้วหนุ่มน้อย "

         ดวงตาสีมรกตค้อนขวับไปทางคนที่หาว่าตนกลัว ก่อนจะหวัดมือเขียนลงไปในกระดาษตรงหน้าอย่างรวดเร็วราวกับเป็นการโต้เถียงไปกรายๆว่าตนนั้นไม่กลัว  แต่เรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตายก็ต้องใช้เวลาตัดสินใจกันสักนิด จะให้ปุบปับใช้เวลาสั้นๆตัดสินใจเดี๋ยวชีวิตก็ได้สั้นตามเวลาที่ใช้กันพอดี

         " ต่อไปเป็นการจัดระเบียบนักเรียน เราจะแบ่งกันออกเป็นห้าหอได้แก่ ยูนิคอน แซพเพิร์น ฟินิกส์ กริฟฟินและ ดราก้อน " เซนเทอเรียอธิบายในขณะที่ถ้วยรางวัลหินอ่อนนั้นปรากฎเพลิงสีฟ้าลุกโหมขึ้นอย่างโชดช่วง ก่อนที่เปลวไฟจะแตกออกเป็นห้าจุดและลอยไปด้านข้างของถ้วยรางวัลที่ยังคงมีเพลิงลุกโชดช่วงอยู่

         เปลวไฟทั้งห้าเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นรูปต่างๆตามสัญลักษณ์ของแต่ละหอ หอยูนิคอน อาชาสีขาวบรืสุทธิ์ ส่วนหัวสีเขาที่บิดเป็นเกลียวอยู่กลางหน้าผากพอดี หอเซิร์พเพนท์ งูสีดำตัวใหญ่ที่แววตาและเกร็ดของมันวาววับแม้เป็นแค่เพียงภาพจากลูกไฟ หอฟินิกส์ นกตัวยักษ์ที่มีขนบริเวณหางและปีกยาวระย้าทรงสง่ากว่านกทั่วไป หอกริฟฟิน สัตว์ในเทพนิยายร่างกายครึ่งบนเป็นนกอินทรี ครึ่งสิงโตดูสง่างาม หอดราก้อน มังกรที่ปรากฎจากเปลวไปอ้าปากคำรามส่งเสียงกรรโชกออกมาราวกับจะขู่กรรโชกขวัญ

    " เซวีรัส ลัสอาเทน นักสู้แห่งดราโก้ " บัลร็อกเอ่ยนามเรียกผู้ที่อยู่ภายในห้อง
         
         ร่างเจ้าของชื่อเดินไปทำความเคารพผู้ที่เรียกชื่อและเหล่าเสนาธิการที่เหลือก่อนจะก้าวเดินออกไปหยุดอยู่ด้านหน้าถ้วยหินอ่อนที่เปลวไฟโชดช่วงโหมกระพือขึ้นมาอีกครั้ง ดวงไฟทั้งห้าลอยออกมาล้อมร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้ ดวงไฟนั้นทอแสงประกายวาบพร้อมกัน ก่อนจะมีสี่ดวงที่อ่อนแสงลงไป จนกลายเป็นเพียงดวงไฟขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ก่อนจะเหลือแค่เพียงแซพเพิร์นตัวเดียวที่กรีดร้องออกมาเบื้องหน้าของชายหนุ่มนามเซวีรัส เขามองร่างแซพเพิร์นที่อยู่เบื้องหน้าก่อนที่สตรีผู้อยู่ในชุดทรงสีน้ำเงินเข้มผู้มีใบหน้าอ่อนโยนจะเอ่ยขึ้น

    " หอเซิร์พเพนท์ ยินดีด้วยนะจ๊ะ "

         ชายผู้นั้นโค้มตัวให้น้อยๆแทนคำขอบคุณก่อนจะเดินอ้อมหลังออกไปทางประตูที่มีสัญลักษณ์ของแซพเพิร์น จนหมายเลขถัดมาถูกเรียกขึ้นเรื่อยๆ หลายคนที่เดินออกไปยืนหน้าถ้วยรางวัลคนแล้วคนเล่า ร่างเล็กที่หลบมุมอยู่ตามเคยเริ่มทิ้งเปลือกตาเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งๆที่ยังยืน

         เวลายังคงดำดนินต่อไป บัลร็อก เซนเทอเรียและเสนาธิการที่ต่างผลัดกันออกมาเรียกชื่อของเหล่าสมาชิกใหม่แห่งฟรัวเทียที่เหลืออยู่ กระทั่งผู้คนเริ่มบางตาเพราะมีหลายคนเดินผ่านไปสู่ทางของตนและในที่สุด " ชิเอล เซโรท นักเดินทาง "

    " ชิเอล เซโรท นักเดินทาง " เซนเทอเรียเรียกซ้ำอีกครั้งเมื่อมีการตอบกลับ

    " ชิเอล เซโรท "

         ภานในห้องเริ่มเกิดเหตุการณ์ชุลมุนย่อมๆขึ้นมาเนื่องจากเจ้าของชื่อนั้นไม่ปรากฎออกมาตามเสียงเรียก จนลำบากเสนาธิการต้องช่วยตะโกนเรียกหาเจ้าตัวปัญหาสลับกัน โดยที่เจ้าของชื่อนั้นเอาหัวพิงเสาไปเฝ้าพระเยซูอยู่อย่างสบายใจเฉิบ จนผู้สมัครหลายคนเริ่มหันไปถามคนข้างตัวว่าใช่เจ้าของชื่อหรือไม่แต่ก็ได้รับการปฎิเสธมาจนสิ้นเพราะเจ้าตัวนนั้นยืนพิงเสาหลับอย่างเดียวดาย

         มหาปราชญ์ผู้ทรงคุณวุฒิมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นราวกับหยั่งรู้สิ่งที่จะเกิด แต่กระนั้นก็ยังไม่คิดที่จะห้ามหรือหยุดยั้ง พลันบรรยากาศก็เงียบสงบลงเมื่อเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มแผ่ไอเย็ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อเจ้าตัวปัญหาพร้อมกับจิตสังหารมากมายที่พุ่งออกไปพร้อมเสียงเรียก

         " ชิเอล เซโรท! "

    เฮือก!

         ร่างเล็กที่พิงเสาเฝ้าพระเยซูแทบจะสำลักอากาศหัวทิ่มลงโหม่งพื้นแต่เมื่อดวงตาสีมรกตเปิดขึ้นมาเจ้าของร่างกลับรู้สึกราวกับอยากหลับไปอีกรอบแบบไม่ต้องตื่นขึ้นมา ไม่ก็มุดแทรกเข้าไปในเสาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเมื่อสายตาเฉือดเฉือนจากทุกคนถูกส่งมารวมที่จุดเดียวแถมยังมีแกนนำเป็นบุรุษผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงินที่ไม่เพียงส่งสายตาอาฆาตมาอย่างเดียวยังมีการแถมสายตาที่มุ่งร้ายราวกับจะฆ่ากันให้สิ้นซากพ่วงท้ายมาด้วย

         ชิเอลก้าวเดินออกไปเบื้องหน้าอย่างไม่ค่อยมั้นคงเท่าที่ควร พลางพยายามปรับสีหน้าให้ดูสำนึกผิดมากที่สุดพอใกล้กับเสนาธิการมากขึ้น เซนเทอเรียส่งสายตาตำหนิมาให้ ส่วนบัลร็อกกำลังยิ้มพราวอย่างอารมณ์ดี เลโกลัสยืนทำหน้าโหดให้ เหล่าเสนาธิการมองมาที่ร่างเล็กอย่างเห็นใจและให้กำลังใจ ส่วนมหาปราชญ์เธโอเดนยังคงยืนนิ่งแต่ท่าทีแบบนั้นก็ไม่มีทางรอดพ้นสายตาซุกซนของร่างเล็กไปได้เพราะริมฝีปากภายใต้เคราสีเทานั้นกำลังยกกระดกขึ้นเป็นรอยยิ้มอยู่เป็นแน่ ถึงกระนั้นชิเอลก็ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อยังมีสายตาเย็นยะเยือกบวกจิตสังหารจากเจ้าเก่าส่งมาเป็นระยะๆ

    พรึ่บ!

         ชั่งพริบตาที่ร่างเล็กก้าวเข้าไปอยู่กลางวงล้อมของลูกไฟที่กำลังลุกโหมกระพืออย่างโชดช่วงรายล้อมร่างอยู่นั้น นัยน์ตาสีมรกตทอประกายประหลาดราวกับกำลังบงการเปลวเพลิง โดยที่เจ้าของร่างนั้นหาได้รู้สึกตัว

    ...ขอให้อยู้หอเดียวกับฟราน กับฟราน!...

         เปลวไฟทั้งสี่มอดลงทันตาราวกับตอบรับคำปรารถนาของผู้เป็นนาย จนกระทั่งเหลือดวงไปอยู่แค่เพียงดวงเดียว ลูกไฟขนาดเท่าฝ่ามือมีเพียงดวงเดียวเท่านั้นที่ยังโหมกระหน่ำลุกฮือไม่หยุด ก่อนที่เปลวไฟนั้นจะเริ่มจับตัวเป็นรูปร่างของปีคู่โตและส่วนหัว ตัวของสัตว์ประจำสัญลักษณ์ของหอนั้น มันใช้ดวงตาที่เป็นเปลวเพลิงสีฟ้าจ้องมองร่างที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมา

    กรร!

    " หอดราก้อน " บัลร็อกเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันไปสบตากับมหาปราชญ์ราวกับจะสื่อสารกันผ่านทางสายตาและหันกลับมายิ้มแพรวระยับ เอ่ยกับร่างเล็กเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตเบาๆเหมือนกับต้องการให้ได้ยินเพียงแค่สองคน

    " หอดราก้อนมีแค่เด็กน่าสนใจทั้งนั้น "

         ชิเอลก้มหัวแทนคะขอบคุณพลางหันเดินเลี่ยงออกมาจากคนตรงหน้าและเสนาธิการที่จับจ้องมาทางตน เข้าไปทางประตูที่มีสัญลักษณ์ประจำหอเป็นรูปมังกร

         ลับตาร่างบางราวกับอิสตรีที่หายไปหลังประตู เธโอเดนก็ปรากฎยิ้มบางบนใบหน้า ก่อนจะทอดสายตาไปมองเหล่าเสนาธิการที่เหลือและหยุดลงที่บุรุษผู้มีดวงตาสีน้ำเงินเข้มท่ียังทอประกายส่อเค้าความไม่พอใจ เหล่าคนที่เหลือเห็นเช่นนั้นก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจอย่างปลงไม่ตกกับท่าทีที่ดูคล้ายกับเด็กทะเลาะกันของเพื่อนร่วมชะตากรรม จนหนึ่งในเสนาธิการหญิงผู้สูงศักดิ์ที่มักจะมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้าเสมอเอ่ยประโยคเดียวกับบัลร็อก

    " หอดราก้อนนี่มีแต่คนน่าสนใจจริงๆ "

         และก็มีอีกเสียงราบเรียบเจ้าเดิมที่ขัดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์

    " ตัวป่วนสิไม่ว่า "








    ...กริ๊ง...

         เสียงประหลาดกรีดกรายแพร่แหวกผ่านอากาศเข้ามาภายในห้องที่มีคนมากมายแต่ราวกับว่าไม่มีใครได้ยินเสียงหรือรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันเลย ยกเว้นก็แต่...

    ...กริ๊ง...

         มหาปราชญ์เธโอเดนมองหาต้นตอของเสียงประหลาดที่เกิดขึ้นและดูเป็นเหตุจงใจราวกับว่าเป็นความต้องการของมันที่ให้ตนเพียงผู้เดียวได้รับรู้

    ...กริ๊ง...

         นอกหน้ต่างขนาดใหญ่เบื้องหน้าสายตาของชายชราผู้ทรงอำนาจมีนกตัวน้อยเกาะอยู่เดียวดายใต้กิ่งไม้ใหญ่ ใกล้กับขาของมันมีกระดิ่งสีขาวปรอดกวัดแกว่งช้าๆเป็นทำนองเช่นเดียวกับที่ตนนั้นได้ยิน

    ...กริ๊ง...
     
         นัยน์ตาสีเทามองไปที่ตัวกระดิ่งราวกับจะคาดเดาบางสิ่งในตัวกระดิ่งที่เป็นสีเดียว ก่อนที่ชายชราผู้ที่เป็นถึงมหาปราชญ์จะทอยิ้มอ่อนโยนไปทางด้านนั้นและราวกับเห็นนกตัวน้อยที่บินจากไป พร้อมกับตัวกระดิ่งสีขาวที่เริ่มเลือนลาง ก่อนจะทิ้งไว้แค่เพียงเสียงสุดท้ายและได้จางหายไปในที่สุด

    ...กริ๊ง...






    [TBC]-to be continued-


    hooooo baby>_<
    สวัสดีเจ้าค่าาาาาา ข้าน้อยกลับมาอีครั้งหลังจากที่แก้ไขบทนี้มาหลายยยครั้งฟุดๆ-w-
    เพราะโดนยึดไอโฟนไปเลยต้องมานั่งพิมพ์ทีละตัวทำให้เกิดความเชื้องช้าในการลง
    ต้องขออภัยจริงเจ้าค่ะ
    และก็ขอขอบคุณคำวิจารณ์ คำติชม คำแนะนำ กำลังที่มีคนให้มาที่ทำให้มือใหม่มีกำลังใจขึ้นมาอย่างเหลือล้น ขอบคุณจริงๆเจ้าค่ะ

    เดิมทีแรกที่ทุกคนโพสมาในคอมเม้น ข้าน้อยตอบไปทุกความคิดเห็นเลยนะเจ้าคะ
    แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่คนตอบข้าน้อยกลับมาแค่คนเดียวT^T
    ตอบผ่านข้อความลับไปนะเจ้าคะ ข้าน้อยไม่หยิ่ง ไม่กัด ฉีดยาแล้วเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวล
    เข้ามาทักทายคุยกันได้ตลอดนะเจ้าคะเพราะข้าน้อยเป็นพวกเปล่าเปลี่ยว หว่างแหว่งเหง่งเอกายิ่งนัก(แปลว่าอะไร)
    เอาเป็นว่าแล้วเจอกันในบทต่อไปนะเจ้าคะ^/|\^

    Salut, A tout 'a l'heure
    A tout de suite
    Bye Bye


    P.S.ใช่ค่ะอี' แซพเพิร์น' ก็คือ -'เซิร์พเพนท์'- <serpent> นั่นเองเจ้าค่ะ
    เขียนผิดมาต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ>_<
    เดินทีเจ้า 'Serpent' นี้น่ะตามความหมายในdicแล้วหมายถึงผู้ชั่วร้ายหรืองูใหญ่เจ้าคะ
    แต่ก็มีอีกความหมายนึงก็คือ เทพแห่งความหวาดกลัว บิดาแห่งทุกๆสรรพสิ่ง ผู้ที่คิดจะตั้งตนให้ทัดเทียมเทพสูงสุดของนอร์เวย์แถมยังคิดจะชิงบรรลังค์ด้วยนะเจ้าคะ
    เป็นเรื่องของตำนานนะเจ้าคะ ส่วนที่อยู่ในFrawteerนี้ก็คือ งูใหญ่ เจ้าค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×