ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ++ สำนักงานของเชอร์ล็อค ++

    ลำดับตอนที่ #116 : เด็กมีปัญหา หา หา ช่วยไม่ได้เลยเธอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 213
      0
      25 พ.ย. 60

    Born to be a Bad girl.

    Elizabeth Dewain Virginio



    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่นสีขาว

    Bad girls ain't no good but good girls ain't no fun.

    การเป็นเด็กเลวมันก็ไม่ได้ดีนักหรอก แต่การเป็นผู้หญิงที่ดีมันก็ไม่สนุกเหมือนกัน : )

    -Unknown

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bad girl gif

    ชีวิตของฉันมันก็แค่กระดาษสีเทาๆแผ่นหนึ่ง มีแต่คนมองข้าม ย่ำเหยียบ ไม่สนใจใยดี แต่เฮ้.... อย่าทำหน้าสงสารกันแบบนั้นสิ ชีวิตแบบนี้บนโลกเฮงซวยนี่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะการที่ไม่มีใครสนใจนั่นแหละที่จะทำให้พวกเขาจำฉันไปจนวันตายเลย.... ในฐานะของ ตัวปัญหา ไงล่ะ

    -Elizabeth D. Virginio


    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

    Did you think we'd be fine?

    Still got scars on my back from your knife

    So don't think it's in the past

    These kind of wounds they last and they last

    Now did you think it all through?

    “All these things will catch up to you” 

    -ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นเพราะคุณทั้งนั้นแหละ จะมาสำนึกผิดตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วล่ะ เพราะทุกอย่างมันกำลังจะกลับไปหาคุณ-

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่นสีขาว

    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

    -They say I’m trouble, they say I’m bad

    They say I’m evil, and that makes me glad

    A dirty no-good, down to the bone

    Your worst nightmare, can’t take me home-

    พวกเขาบอกว่าฉันมันตัวปัญหา บอกว่าฉันมันแย่

    บอกว่าฉันมันเลวร้าย และมันก็ทำให้ฉันมีความสุขนะ

    พวกไม่มีอะไรดีแสนสกปรก เลวเข้าถึงกระดูกดำ

    เป็นฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดของเธอเลยก็ว่าได้ พาฉันกลับบ้านไม่ได้หรอก

     

    -So I’ve got some mischief in my blood

    Can you blame me? I never got no love

    They think I’m callous, a low-life hood

    I feel so useless, misunderstood-

    ฉันมีความโชคร้ายอยู่ในสายเลือด

    จะโทษฉันหรอ ฉันไม่เคยได้รับความรักจากใครหรอก

    พวกเขาคิดว่าฉันนั้นใจดำ เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ

    ฉันรู้สึกไร้ค่า รู้สึกเหมือนถูกเข้าใจผิดเสมอ

     

    -I’m rotten to the core, core

    Rotten to the core

    I’m rotten to the core, core-

    ฉันมันเน่าไปจนถึงเนื้อใน

    เน่าไปจนถึงเนื้อใน

    ฉันมันเลวร้ายจนถึงกระดูกดำ

     

    -Who could ask for more?

    I’m nothing like the kid next, like the kid next door

    I’m rotten to the, I’m rotten to the

    I’m rotten to the core-

    ใครจะขออะไรมากกว่านี้อีกล่ะ

    ฉันไม่เหมือนพวกเด็กข้างบ้านเลยสักนิด

    ฉันมันเลวร้าย

    เลวร้ายจนถึงแก่น

     ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่นสีขาว


    Elizabeth

    From the Hebrew Elisheba,

    meaning either oath of God, or God is satisfaction.

    Famous bearer Old Testament Elizabeth was mother of John the Baptist and one of the earliest known bearers of this name Dewain In Celtic the meaning of the name

    Dewain is Song Virginio as a name for boys

    has its root in Latin, and the meaning

    of the name Virginio

    is "chaste".

    -Elizabeth Dewain Virginio-

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่นสีขาว

    Application



    For More Pic } Click | Click | Click | Click

    Thanks a lot to Pinterest.


     

    ขอโทษด้วยนะ แต่เด็กผู้หญิงที่น่ารักคนนั้นน่ะคุณฆ่าเธอไปตั้งนานแล้วล่ะ

    ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็หุบปากแล้วไปนอนซะ....

    ใช่! ฉันมันเป็นเด็กมีปัญหา แต่แล้วยังไงล่ะ? ไม่มีใครเข้าใจหรือว่าช่วยอะไรฉันได้หรอก ต่อให้นายใช้เวลาทั้งชีวิตนายก็เปลี่ยนฉันไม่ได้อยู่ดี.... เพราะว่าอะไรรู้มั้ย? เพราะฉันมาไกลเกินกว่าจะกลับไปแล้ว…”

     

    ชื่อ : เอลิซาเบ็ธ ดีเวน เวอร์จินิโอ / เอลิซาเบ็ธ ดี. เวอร์จินิโอ (เอลิซาเบ็ธ เวอร์จินิโอ) / มิชิ ฮิเดอากิ } ทั้งนี้เป็นการเรียงแบบสกุล – ชื่อ ถ้าหากเรียงตามชื่อและนามสกุลปกติจะเป็น ฮิเดอากิ มิชิ’ | Elizabeth Dewain Virginio / Elizabeth D. Virginio (Elizabeth Virginio) / Mishi Hideaki

    PS. เนื่องด้วยเอลิซาเบ็ธไม่ค่อยเปิดเผยชื่อกลางของตัวเองเท่าไหร่ ทำให้ส่วนใหญ่มักจะแนะนำตัวด้วยชื่อและนามสกุลแบบละเว้นชื่อกลางเสียมากกว่า

    PS. Meaning of the name –

    Y Elizabeth } สัจจะแห่งพระเจ้า

    Y Dewain } บทเพลง

    Y Virginio } บริสุทธิ์

    -Elizabeth Dewain Virginio- บทเพลงแห่งสัจจะอันบริสุทธิ์จากพระผู้เป็นเจ้า

    Y Mishi } เส้นทางของความยุติธรรม , ความเที่ยงธรรม

    Y Hideaki } ยอดเยี่ยม

    -Mishi Hideaki- เส้นทางของความเที่ยงธรรมอันยอดเยี่ยม

     

    ชื่อเล่น : ลิซ | Liz / อากิ | Aki (ชื่อนี้เป็นชื่อเล่นที่ได้มาจากชื่อภาษาญี่ปุ่นของเธอเอง แต่นอกจากคุณแม่ที่เสียไปแล้วก็ไม่เคยมีใครเรียกชื่อนี้อีกเลย ส่วนหนึ่งเพราะเจ้าตัวมักจะทำตาขวางเวลามีคนเรียกด้วยชื่อนี้ด้วยนั่นเอง)

     

    เพศ : หญิง

     

    รสนิยมทางเพศ : Heterosexual - ชอบเพศตรงข้าม

     

    อายุ : 19 ปี

     

    ผู้จัดการดูแลปัญหา :  อเลาดิ | Alaude

     

    ลักษณะภายนอก : หากจะกล่าวถึงรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่มีชื่อว่า เอลิซาเบ็ธ ดีเวน เวอร์จินิโอแล้วหลายคนที่พบเห็นก็คงสามารถพูดว่าเจ้าหล่อนนั้นเหมาะกับคำเรียกขานว่า เทพธิดาหรือ โฉมงามได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ในชั้นแรกนั้นเอลิซิเบ็ธเป็นหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวจนสามารถเฉิดฉายอยู่บนรันเวย์ได้แบบสบายๆไม่ต่างอะไรกับนางแบบชั้นนำ หล่อนดูประเปรียวมากด้วยเสน่ห์ดึงดูดจนคนมองยังต้องแอบเหลียวหลังในยามที่เจ้าตัวย่างกรายผ่านสถานที่ใด แม้จะติดผอมบางไปเสียหน่อยทว่าก็ไม่ได้ดูเก้งก้างจนน่าเกลียด เจ้าหล่อนมีส่วนสูง 170 เซนติเมตรกับน้ำหนักอีก 56 กิโลกรัมซึ่งอยู่ในระดับที่สามารถเป็นนางแบบได้โดยที่ไม่ลำบากอะไร เอลิซาเบ็ธเป็นคนผิวขาว ผิวเนียนละเอียดนุ่มน่าสัมผัสลออตาไปด้วยสีขาวนวลเนียนสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากธารน้ำนมนั้นเจือด้วยกลิ่นสะอาดๆชวนให้รู้สึกโล่งสบายของสบู่และแป้งฝุ่จางๆนอยู่เสมอ แต่หากยามใดที่เจ้าตัวอยู่กลางแดดเป็นเวลานานก็จะปรากฏร่องรอยสีระเรื่อตามผิวกายอย่างคนผิวแดงง่าย ส่วนในชั้นที่สองเมื่อเอ่ยถึงหน้าตาของเอลิซาเบ็ธแล้วก็คงจะกล่าวได้แค่เพียงว่าเครื่องหน้าที่จัดวางอย่างพอเหมาะพอดีนั้นขับเน้นให้หญิงสาวดูงดงามไม่ต่างจากรูปสลักที่ถูกรังสรรค์ด้วยน้ำมือของเทพเจ้าแห่งความงามที่บรรจงปั้นแต่งออกมาจนกลายเป็นความงามที่ชวนชื่นชมและริษยา โครงหน้ารูปหัวใจของหญิงสาวนั้นถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมนุ่มนิ่มน่าสัมผัสราวขนแมวสีรวงข้าวยาวสลวยจนถึงบั้นเอว เรือนผมเงางามทั้งยังนุ่มลื่นไม่ต่างจากแพรไหมเนื้อดีนั้นหยักศกเป็นลอนใหญ่เล็กน้อยตามธรรมชาติ และเมื่อเส้นผมของเอลิซาเบ็ธต้องกับแสงตะวันแล้วมันก็จะส่องประกายเป็นสีจินเจอร์สวยแปลกตา หน้าผากกลมมนนั้นถูกปกปิดด้วยกลุ่มผมที่ถูกตัดเป็นหน้าม้าบางๆ แม้จะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่นักแต่ก็ช่วยขับให้วงหน้างดงามนั้นดูอ่อนกว่าวัยไม่ต่างจากดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังแย้มกลีบบานรับแสงอาทิตย์อันอบอุ่น คิ้วเรียวอันเปรียบเสมือนมงกุฎของใบหน้านั้นเรียงเส้นโก่งสวยได้รูปไม่ต่างจากคันศรคันงามเสริมให้เจ้าของมันดูสวยคมมากเข้าไปอีก ถัดจากคิ้วลงมานั้นคือแพขนตางอนยาวตามธรรมชาติขับให้ดวงตาสีหยาดโลหิตกลมโตชวนหลงใหลนั้นดูหวานล้ำมากขึ้น อัญมณีสีไพลินคู่งามนั้นแม้ส่องประกายหวานเชื่อมน่าชมดุจธารน้ำไหลที่พร่างไปด้วยกลุ่มดาวแต่ก็มักถูกฉาบทับด้วยความราบเรียบดูกร้านโลกเกินกว่าวัย แข็งกร้าวและขาดความเป็นมิตรจนหลายคนที่เผลอมองสบนัยเนตรคู่งามนั้นต้องรีบเบนหลบไปด้วยความหวั่นกลัว เมื่อไล่เรื่อยมาจนถึงจมูกรั้นๆของหล่อนก็จะเห็นว่ามันได้รูปเป็นทรงหยดน้ำทั้งยังโด่งคมเป็นสันสวยจากสายเลือดความเป็นยุโรปที่อยู่ในร่างกาย ปลายจมูกสวยนั้นเชิดรั้นขึ้นอย่างถือดีจนน่าหมั่นเขี้ยวคล้ายจะบอกนิสัยของเจ้าตัว ปลายจมูกสวยนั้นรับกันกับริมฝีปากอิ่มอ่อนนุ่มเป็นรูปกระจับแต้มสีสีกุหลาบเรื่อๆน่าประทับจุมพิต พวงแก้มทั้งสองข้างของเจ้าหล่อนซับสีเลือดฝาดเบาบางอย่างคนสุขภาพดีย้ำความละม้ายคล้ายดอกไม้แรกแย้มให้มากเข้าไปอีก และในชั้นสุดท้ายนั้นเอลิซาเบ็ธจัดว่าเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างดีคนหนึ่ง แม้จะผอมอยู่บ้างแต่ท่อนแขนกลมกลึงและช่วงขาเพรียวยาวกลับไม่ได้ดูกล้องแกล้งเป็นตะเกียบชี้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งในยามที่เจ้าหล่อนสวมใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้นก็เหมือนจะเน้นช่วงขาให้ดูยาวเรียวมากเข้าไปอีก เอวคอดเว้ารับกับสะโพกสวยที่ผายออกจนดูเป็นทรงนาฬิกาทราย หน้าอกขนาดสมตัวช่วยเน้นย้ำเสน่ห์ของความเป็นสตรีเพศให้มีมากขึ้น หน้าท้องแบนราบไร้ไขมันส่วนเกินประดับด้วยร่องรอยกล้ามเนื้อจางๆจากการออกกำลังกายไม่ได้ทำให้เจ้าหล่อนดูบึกบึนสมชายแต่กลับช่วยเพิ่มความเซ็กซี่จนกลายเป็นเสน่ห์น่าดึงดูดอีกประการไปโดยปริยาย

     

    ลักษณะนิสัย : หากมองเพียงรูปลักษณ์ภายนอกซึ่งเป็นเกราะแรกที่ใครๆก็พบเห็นนั้นไม่แปลกที่หลายคนจะออกปากชมว่าเอลิซาเบ็ธนั้นคือโฉมงาม แต่เมื่อลองมองให้ลึกลงไปถึงเนื้อแท้และตัวตนของผู้หญิงที่ชื่อ เอลิซาเบ็ธ ดีเวน เวอร์จินิโอแล้วก็คงจะกล่าวได้แต่เพียงว่าเธอไม่ต่างอะไรไปจากคำเรียกขานว่า โฉมงามสีเทาสีเทาอันเกิดจากผสมระกว่างสีดำและสีขาว หล่อนเปรียบเสมือนเหรียญสองด้านที่แม้นไม่ใช่หญิงสาวขาวบริสุทธิ์แต่ในทางกลับกันเจ้าหล่อนก็ไม่ได้ดำมืดจนน่าหวั่นเกรง เอลิซาเบ็ธเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่มีความรู้สึกนึกคิด มีหัวใจและความคิดเป็นของตัวเอง ความธรรมดาราบเรียบเหมือนน้ำนิ่งในแอ่งเล็กๆนั้นถูกครอบทับด้วยความแข็งกร้าวไม่ยอมใคร เกราะนั้นคล้ายกับเครื่องป้องกันตัวที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่ได้อ่อนแอและสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ หากกลายเป็นคนอ่อนแอเมื่อใดก็จะกลายเป็นคนถูกล่าและถูกเหยียบย่ำ เหตุผลนั้นหลอมรวมให้เอลิซาเบ็ธกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน ก้าวร้าว แข็งกระด้างและไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนตามอย่างคนเอาแต่ใจไม่เชื่อฟังใคร สังเกตได้จากดวงตานิ่งแข็งที่มักตวัดมองทุกสิ่งรอบกายด้วยความก้าวร้าวร้ายลึกไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าที่กำลังจะออกล่า แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่ใช่อันธพาลที่เที่ยวไปหาเรื่องใครก่อนแบบพร่ำเพรื่อนับว่าก็ยังพอมีความยับยั้งชั่งใจอยู่บ้าง เธอขาดความอ่อนหวานและความอ่อนโยนหลงเหลือเพียงความกระด้างจนน่ากลัว เอลิซาเบ็ธไม่สนว่ารอบข้างจะเป็นอย่างไรขอเพียงได้ทำในสิ่งที่ตนต้องการนั่นก็มากเพียงพอ แอบหน้าด้านขาดความเกรงใจและสำนึกในหลายๆจุด หญิงสาวไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรีอย่างที่เพศหญิงพึงจะมี การกระทำหลายๆอย่างด้วยความปราดเปรียวและมากด้วยความมั่นใจของเจ้าหล่อนนั้นออกจะห้าวหาญและมาดแมนเกินกว่าเพศกำเนิดของตนเองเสียด้วยซ้ำ เมื่อนำมารวมกับหน้าสวยๆของเจ้าตัวก็ชวนให้เพศเดียวกันรู้สึกใจเต้นตามไปด้วยอย่างห้ามไม่ได้ เจ้าหล่อนเป็นพวกประเภทยอมหักแต่ไม่ยอมงอถ้าหากว่าตัวเองไม่ผิดก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาดและจะเอาแต่เถียงหัวชนฝาลูกเดียว แต่ในตอนที่ผิดจริงนั้นก็ไม่ได้ดีกว่ากันไปสักเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวจะเชิดหน้ายืดอกรับความผิดแบบไม่รู้สึกรู้สาทั้งยังลอยหน้าลอยตาเสียจนน่าหมั่นไส้อีกต่างหาก เอลิซาเบ็ธยึดมั่นในศักดิ์ศรีและทระนงตนเกลียดการถูกลูบคมและข่มขู่ แม้ว่าในยามปกติจะดูร้ายกาจอยู่แล้วแต่ถ้าหากมีใครมาร้ายใส่ก่อนเธอก็พร้อมจะร้ายกลับอย่างไม่ยอมใครเช่นกันแน่นอนว่าการร้ายกลับของเจ้าตัวนั้นไม่เลือกวิธีการใดๆทั้งสิ้นขอแค่ได้แก้เผ็ดเพื่อให้ได้มาซึ่งความสะใจจะเป็นวิธีไหนเอลิซาเบ็ธก็ทำทั้งนั้น ดังนั้นอย่าเป็นศัตรูของเจ้าหล่อนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

                แม้จะบอกว่าเอลิซาเบ็ธเป็นผู้หญิงแข็งกระด้างไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรีแต่เจ้าหล่อนก็ไม่ได้หยาบคายมากมายอะไรหรอกนะ อาจจะมีบ้างที่เผลอสบถคำหยาบออกมาในตอนที่กำลังหัวร้อนหรือหงุดหงิดแต่ในเวลาปกติเธอก็พูดจาเหมือนอย่างคนทั่วไปเขาพูดกันนั่นแหละ หญิงสาวเป็นคนที่พูดตรงอยู่พอตัวนึกอะไรก็พูดออกมาตามที่ตัวเองคิดโดยไม่สนใจว่าคำพูดของตัวเองนั้นจะไปทำร้ายจิตใจใครเข้ารึเปล่า ถามว่าเอลิซาเบ็ธรู้มั้ยก็คงต้องตอบว่ารู้บ้างในบางครั้งซึ่งเธอก็ไม่คิดจะปรับมันแต่อย่างใด โดยพื้นฐานแล้วนั้นเอลิซาเบ็ธเป็นคนรักสนุกและติดจะกวนประสาทอยู่ไม่น้อย หญิงสาวถนัดในการใช้ถ้อยคำเชือดเฉือนจิกกัด พลิกลิ้นโกหกไปเรื่อยตามประสาคนมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมจนดูคล้ายกับเทพแห่งคำลวงและเล่ห์เหลี่ยมแต่ถ้าเลือกได้เจ้าตัวก็เลือกที่จะพูดตรงๆออกไปมากกว่า การใช้คำพูดจิกกัดคนอื่นนั้นมันก็รวมถึงการกวนประสาทให้คู่สนทนารู้สึกหงุดหงิดด้วยและหญิงสาวก็ทำมันได้เป็นอย่างดีเสียด้วยสิ ปฏิกิริยาตอบรับของคนอื่นที่มีต่อคำพูดของเธอคือสิ่งที่เอลิซาเบ็ธชมชอบมากที่สุดและปรารถนาที่จะมองมันเรื่อยไปอย่างไม่มีเบื่อ ยิ่งอีกฝ่ายแสดงออกว่าโมโหยามถูกปั่นประสาทมากเท่าไหร่เจ้าตัวก็จะยิ่งทำให้มันหนักขึ้นเข้าไปอีก จะเรียกว่าเป็นโรคจิตประเภทหนึ่งก็ไม่ผิดเท่าไหร่นัก ดังนั้นเจ้าตัวก็อาจจะรู้สึกเสียเหลี่ยมหรือหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อพูดอะไรไปแล้วบางคนทำเพียงนิ่งเฉยกลับมา ช่างเป็นปฏิกิริยาที่น่าเบื่อสิ้นดีแต่เจ้าตัวก็จะกวนต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีอะไรตอบรับกลับมาบ้างล่ะนะ แม้จะอารมณ์ร้อนถูกยั่วยุง่ายแต่ก็อย่างที่บอกว่าเอลิซาเบ็ธไม่ใช่อันธพาลที่หาเรื่องใครไปทั่วส่วนมากจึงมักจะทำแค่กวนประสาทพอหอมปากหอมคอก็เท่านั้น แต่ถ้าหากเมื่อใดที่รู้สึกว่าไม่ชอบขี้หน้า ไม่ถูกชะตาหรือมากด้วยอคติก็อาจจะมีบ้างที่จะมีการกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เมื่อพูดถึงอะไรก็ตามที่จะทำให้เอลิซาเบ็ธรู้สึกไม่ถูกชะตามันก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ที่แน่นอนที่สุดคือพวกผู้หญิงอ่อนแอประเภททำตัวเป็นผู้ถูกกระทำ เอาแต่ยอมคนเป็นนางเอกในนิยายกับพวกโลกสวยนี่ล่ะที่ทำให้หล่อนรู้สึกอคติขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล อาจเพราะเรื่องราวหลายๆอย่างที่เจ้าตัวเจอมาทำให้รู้สึกว่าโลกสวยไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา สู้มองโลกในความเป็นจริงแบบที่มันเป็นเสียยังจะดีกว่า จริงอยู่ที่หญิงสาวเป็นคนที่จัดอยู่ในประเภทง่ายต่อการยั่วยุให้โกรธหรืออารมณ์ขึ้น ว่ากันตามตรงแล้วเอลิซาเบ็ธเองก็ไม่ได้อยากจะหัวร้อนกับอะไรเทือกนี้สักเท่าไหร่เพราะมันทำให้เธอดูเหมือนคนขี้แพ้ที่วิ่งเต้นตามคำยั่วยุพวกนั้นแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดเธอไม่ใช้กำลังจัดการคนเหล่านั้นหรอก แต่จะทำเพียงแค่กวนประสาทให้หนักข้อขึ้นหรือหลุดคำหยาบคำสบถออกมามากกว่าปกติก็เท่านั้น ถ้าหากฝ่ายนั้นไม่ใช้กำลังก่อนเจ้าตัวก็จะไม่ใช้กำลังกลับไปเด็ดขาดเพราะถือว่าเสียเวลาและเปลืองแรงโดยใช่เหตุ

                อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเอลิซาเบ็ธเป็นคนไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามกับอะไรง่ายๆอย่างคนที่เอาแต่ใจนึกอยากจะทำอะไรก็ทำ นิสัยส่วนนี้ส่งผลให้หญิงสาวกลายเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ และเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมาครอบครองนั้นเจ้าตัวก็ไม่คิดที่จะเลือกวิธีการแต่อย่างใด จะเรียกว่าเป็นพวกหัวรุนแรงก็ไม่ผิดเท่าไหร่นัก เธอเกลียดการถูกขัดใจหรือการค้านความคิดเห็นของเธอเป็นที่สุด จะเรียกว่าเจ้าตัวเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้งก็ได้ แต่ก็นับว่าสมเหตุสมผลกันดีกับคนที่มีนิสัยยึดถือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล สำหรับเอลิซาเบ็ธแล้วตัวเองไม่เคยผิดหรือถ้ารู้ตัวว่าผิดจริงก็จะยังคงลอยหน้าลอยตาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความผิดที่ตัวเองทำไปเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวเกลียดการเป็นผู้ตามเพราะไม่ชอบการถูกบงการหรือถูกชี้นำแต่ก็ไม่ได้ชมชอบอะไรนักกับการเป็นผู้นำ แม้จะเกลียดการถูกขัดใจแต่สาวเจ้าก็คร้านเกินกว่าจะตั้งตัวขึ้นเป็นเพื่อทำอะไรบางอย่างเมื่อความขี้เกียจที่มีมันก็ยังซ่อนอยู่ลึกๆถึงแม้ความเป็นผู้นำและความเด็ดขาดแน่วแน่ในการตัดสินใจจะทำให้หล่อนดูเหมาะกับคำว่าผู้นำมากแค่ไหนก็ตาม เอลิซาเบ็ธไม่ได้ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วแต่ออกแนวแก้วที่มีฝาปิดเสียมากกว่า และฝาปิดในส่วนนั้นก็ครอบทับตัวตนของเธอแทบทั้งหมดทำให้เจ้าหล่อนไม่ค่อยเปิดรับอะไรจากคนอื่นมากเท่าไหร่นัก เธอใจแข็งและไว้ใจคนยากทำให้น้อยนักที่จะเปิดใจรับใครสักคนเข้ามาไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม เอลิซาเบ็ธเป็นคนหัวแข็ง ดื้อดึง ถือตัว สอนยากและไม่ค่อยจะรู้จักฟังใครเนื่องด้วยรู้สึกว่าการต่อต้านมันรู้สึกดีกว่าการทำตาม ทำให้คนรอบข้างปวดหัวกับพฤติกรรมเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง

                เมื่อพูดถึงมนุษยสัมพันธ์ของเอลิซาเบ็ธแล้วก็คงจะพูดได้เพียงว่าเจ้าหล่อนมีมันติดตัวอยู่เพียงน้อยนิด และในบางเวลาก็ไม่มีเลย เธอไม่ใช่คนเข้ากับคนยากมากมายอะไรแต่ปัญหาเหมือนจะอยู่ที่หน้าตาที่มักจะแข็งตึงไม่ก็ฉายแววกวนประสาทอยู่ตลอดเวลากับคำพูดคำจาของเจ้าตัวเสียมากกว่า เอลิซาเบ็ธชอบที่จะถูกเข้าหามากกว่าเป็นฝ่ายไปเข้าหาใครสักคนนอกเหนือจากการกวนประสาท แน่นอนว่าตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่ล้ำเส้นที่เธอกำหนดไว้เอลิซาเบ็ธก็ไม่ได้รู้สึกว่าการถูกเข้าหานั้นเป็นเรื่องที่แย่อะไร ในทางกลับกันถ้าหากว่าสนิทกับเอลิซาเบ็ธแล้วก็จะพบว่าหล่อนเป็นเด็กน่าตีคนหนึ่งที่นอกจากกวนประสาทแล้วยังแอบซนอยู่นิดๆด้วย แม้จะไม่ถึงกับเปิดเผยเรื่องของตัวเองอย่างหมดเปลือกแต่หญิงสาวก็จะแสดงอาการเด็กๆที่แอบเก็บเอาไว้ออกมามากขึ้น แต่การที่จะสนิทกับเอลิซาเบ็ธนั้นเห็นทีว่าจะยากอยู่เสียหน่อยเนื่องด้วยความใจแข็งไว้ใจคนยากที่เจ้าตัวมีอยู่ ภายใต้กิริยาแข็งกร้าวและท่าทางที่ดูเหมือนคนโง่ไม่คิดอะไรนั้นเอลิซาเบ็ธมักจะสร้างกำแพงบางๆขึ้นมาฉาบทับระหว่างตัวเองกับคนอื่นอยู่เสมอ การกระทำที่เหมือนจะสนิทแต่ก็ห่างเหินอยู่ในทีนั้นเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ความซับซ้อนและความขัดแย้งในตัวเองของเอลิซาเบ็ธเป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะรู้ แม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูเป็นหญิงสาวอารมณ์ร้อนและแข็งกระด้างแต่ลึกลงถึงเนื้อแท้แล้วนั้นเอลิซาเบ็ธเป็นคนที่ซับซ้อนและเข้าถึงยากอยู่พอสมควร แม้จะเป็นคนสนิทแต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะเปิดใจหรือมอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้โดยง่าย หรือถึงแม้ว่าเจ้าหล่อนจะเปิดใจรับใครเข้ามาแล้วแต่ความไว้ใจก็ไม่ได้มอบให้ทั้งหมด เอลิซาเบ็ธยังคงระแวงที่จะไว้ใจหรือเชื่อใจใครสักคนเพราะไม่อยากจะเจ็บปวดที่หลังหากต้องพบกับความผิดหวัง ดังนั้นถ้าหากเอลิซาเบ็ธรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกว่าถูกล้ำเส้นเมื่อไหร่เมื่อนั้นหล่อนก็พร้อมที่จะตัดความสัมพันธ์แล้วเขี่ยอีกฝ่ายออกไปจากชีวิตอย่างไร้ซึ่งความลังเล แน่นอนว่าการง้อมันก็สามารถเรียกความสัมพันธ์ที่เคยให้ไปคืนได้แต่ก็ต้องเผชิญกับความใจแข็งของเจ้าหล่อนจนมีสิทธิ์ถอดใจไปได้ทุกเมื่อก็เท่านั้น

                อย่างหนึ่งที่ควรรู้เอาไว้คือเอลิซาเบ็ธเป็นคนฉลาด ฉลาดในที่นี้นั้นครอบคลุมตั้งแต่ความหัวไวเข้าใจอะไรง่าย แต่ไม่ค่อยจะทำตาม มากด้วยความสามารถในการวิเคราะห์และสันนิษฐาน ฉลาดรู้ในตำรา ฉลาดเท่าทันคน ไปจนถึงฉลาดแกมโกง ด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวรวมไปถึงไหวพริบจนแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนยังอดที่จะรู้สึกหวั่นเกรงไม่ได้ทำให้เอลิซาเบ็ธไม่ใช่หญิงสาวแสนซื่อที่ง่ายดายต่อการชี้นำเท่าไหร่นัก เธอไม่ใช่สาวน้อยอ่อนต่อโลกเชื่อคนง่าย กลับกันเธอกร้านโลกมากกว่าที่หลายๆคนคิดเสียอีก เธอไม่ใช่คนโลกสวยและมองโลกในแง่ดีเกินความจำเป็นเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรถ้าจะไม่ยอมรับความจริงแล้วเอาแต่หลอกตัวเองอยู่แบบนั้น เธอเลือกที่จะมองโลกเป็นสีเทาแบบกลางๆค่อนไปทางแย่ไว้ก่อนเพราะหลายๆสิ่งที่ได้ประสบมาในชีวิตแต่ก็ไม่ถึงกับมองโลกในแง่ร้ายมากมายอะไร เอลิซาเบ็ธจะพยายามมองโลกในแบบที่มันเป็นอยู่และน่าจะเป็นไปได้ ถ้าหากว่าแย่ก็ยอมรับว่ามันแย่แบบไม่มีการหลอกตัวเอง เอลิซาเบ็ธไม่ค่อยจะยอมให้ใครมาจูงจมูกหรือชี้นำเท่าไหร่นักเพราะเกลียดการบงการเป็นที่สุดแต่ในบางคราก็จำเป็นจะต้องยอมบ้างถ้าหากว่าจำเป็นจริงๆ ด้วยสัญชาตญาณและการสังเกตทำให้หญิงสาวพอจะรู้ว่าใครมาดีหรือมาร้าย แต่จะแสดงออกว่ารู้ตัวรึเปล่ามันก็อีกเรื่องหนึ่งเพราะบางทีการหลอกให้คนอื่นเขาตายใจแล้วมาเปิดเผยเอาทีหลังก็เป็นสิ่งที่เอลิซาเบ็ธและคิดว่าสนุกดีอยู่เหมือนกัน นอกเหนือไปจากนั้นเอลิซาเบ็ธยังจับผิดเก่งเป็นที่หนึ่ง ความสามารถในการจับพิรุธ จับโกหกหรือเค้นคอคนอื่นบอกตามตรงว่าเจ้าตัวถนัดนักล่ะ เพียงแต่หญิงสาวไม่ใช่คนที่จะกระโตกกระตากหรือแสดงอาการว่ารู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกอยู่ เอลิซาเบ็ธชอบที่จะมองว่าพวกเขาจะโกหกแบบนั้นต่อไปได้อีกนานแค่ไหนจนกว่าจะเบื่อแล้วนั่นแหละถึงจะพูดโพล่งออกมาว่ารู้แล้ว

                แม้เอลิซาเบ็ธจะเป็นผู้หญิงอารมณ์ร้อนที่ดูพร้อมจะหัวร้อนและมีเรื่องอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่บ่อยนักที่เจ้าตัวจะโมโหขึ้นมาจริงๆ ในยามปกติแล้วเอลิซาเบ็ธก็เป็นแค่ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดง่ายคนหนึ่งที่ง่ายต่อการยั่วยุ อารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน และก้าวร้าวที่พอเวลาหงุดหงิดแล้วใครต่อใครก็เป็นอันต้องพากันหนีไปให้ไกลเพราะเจ้าตัวมักจะพาลฟาดงวงฟาดงาเอาอารมณ์ในช่วงที่หงุดหงิดมาลงกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งถ้าหากว่าหายหงุดหงิดแล้วเธอก็ยังคงลอยหน้าลอยตาไม่รู้สึกผิดและไม่คิดจะขอโทษได้น่าหมั่นไส้เป็นอย่างยิ่ง ตามปกติส่วนมากเอลิซาเบ็ธก็แค่หงุดหงิดและหัวร้อนไปตามประสาถ้าหากว่าเจอเรื่องที่ชวนให้รู้สึกไม่ชอบใจหรือถูกยั่วยุมาซึ่งนั่นก็ถือว่าเจ้าตัวพยายามอดทนอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่แน่นอนว่าความอดทนมันก็มีขีดจำกัดของมัน และถ้าหากว่าความอดทนนั้นหมดลงเมื่อไหร่จนเจ้าตัวโกรธขึ้นมาจริงๆแล้วก็คงต้องขอบอกว่ามันน่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่เธอหงุดหงิดหลายเท่าตัวนัก เพราะในยามที่เอลิซาเบ็ธโกรธนั้นก็เหมือนกับไฟแห่งโทสะจะเผาทำลายความรู้สึกนึกคิดไปเสียทุกสิ่งรวมไปถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่มีอยู่ด้วย จะเรียกว่าเป็นอีกบุคลิกที่จะแสดงออกมาในตอนโกรธก็คงจะไม่ผิดนัก เอลิซาเบ็ธในตอนนั้นก็เหมือนกับภูเขาไฟระเบิดที่ปะทุทุกสิ่งทุกอย่างออกมทำลายคนรอบข้าง และไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าหรือปีศาจกระหายเลือดที่เอาตัวรอดด้วยสัญชาติญาณ สัญชาตญาณดิบของสัตว์ป่าที่เก็บซ่อนอยู่ภายในจะถูกปลดปล่อยออกมาแบบไม่มีเหลือเห็นได้ชัดจากดวงตาแข็งกร้าวรุนแรงและออร่าบางอย่างที่แผ่กระจายอยู่รอบตัวจนรู้สึกขนลุก หญิงสาวจะขาดความยับยั้งช่างใจและใช้กำลังเป็นว่าเล่นราวกับสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้ว ดังนั้นแล้วถ้าหากว่าเอลิซาเบ็ธโมโหเมื่อไหร่ความรุนแรงของมันก็มากพอที่จะให้เธอฆ่าคนๆหนึ่งได้เลย ซึ่งบอกเลยว่าไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้เจ้าตัวหยุดได้นอกเสียจากเธอจะรู้ตัวว่าควรพอได้แล้วอาการเหล่านั้นถึงจะหายไปเองและกลับมาเป็นปกติดังเดิม ส่วนเรื่องที่จะทำให้เจ้าตัวหมดความอดทนจนถึงขั้นฟิวส์ขาดได้ก็เห็นจะมีแต่เรื่องของพี่สาวที่เสียชีวิตไปแล้วกับการขุดคุ้ยเรื่องครอบครัวของเธอเอง ดังนั้นขอเตือนว่าอย่าลองดีด้วยการทำให้เอลิซาเบ็ธโมโหจะปลอดภัยกับชีวิตมากที่สุด

                ภายนอกนั้นเอลิซาเบ็ธก็เป็นอย่างที่กล่าวมาในหลายๆย่อหน้าข้างต้น แต่เมื่อพูดกันตามตรงโดยเนื้อแท้แล้วนั้นความอ่อนแอก็เป็นส่วนที่ยึดครองพื้นที่ในจิตใจและความคิดของเอลิซาเบ็ธอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะบอกว่าความกระด้างแข็งกร้าวและก้าวร้าวรุนแรงนั้นเป็นเกราะป้องกันที่เอลิซาเบ็ธสร้างขึ้นมาเพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเองก็ไม่ผิดนัก เนื้อแท้นั้นตัวตนของเอลิซาเบ็ธก็เป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งที่อ่อนไหวง่ายและต้องการใครสักคนที่จะเข้าใจและรับได้ในสิ่งที่เธอเป็น แม้หัวใจที่ด้านชาจะถูกปิดตายแต่เจ้าของมันก็ยังหวังว่าสักวันจะมีคนที่เข้ามาเปิดประตูแน่นหนานั้นออกได้ แม้จะแสดงออกด้วยกิริยาก้าวร้าวแต่ก็ต้องบอกว่าจริงๆแล้วเจ้าหล่อนก็ค่อนข้างขี้เหงาและต้องการความรัก เพียงแต่นิสัยส่วนนั้นถูกเก็บซ่อนไว้ลึกเสียจนไม่กล้าที่จะแสดงออกมาเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นคนอ่อนแอในสายตาของคนอื่น แม้หญิงสาวจะถูกจัดอยู่ในประเภทคนอ่านความรู้สึกง่ายเพราะมีอะไรก็แสดงมันออกมาผ่านทางสีหน้าไปเสียทุกครั้ง แต่ในตอนที่เธอเศร้าก็จะพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาเพราะไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็น แม้แต่จะหลบไปร้องไห้คนเดียวก็ยังไม่คิดที่จะทำ ด้วยเพราะไม่อยากเป็นคนขี้แพ้ทำให้เจ้าตัวมักจะทำกวนโมโหใส่ชาวบ้านเป็นการกลบเกลื่อนหรือหงุดหงิดแบบไม่มีสาเหตุแม้ดวงตาจะแดงก่ำและเริ่มสูดน้ำมูกฟึดฟัดเพื่อปกปิดริ้วรอยความเศร้าที่ก่อตัวอยู่ภายในจิตใจ เอลิซาเบ็ธไม่เคยปริปากเล่าความทุกข์ของตัวเองให้ใครฟังและไม่เคยเลยสักครั้งที่จะร้องไห้ให้ใครเห็น แต่ถ้าหากว่ามีใครสักคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและปลอบประโลมในวันที่เอลิซาเบ็ธรู้สึกอ่อนแอหรือไม่โอเคในเวลานั้นเธออาจจะยอมร้องไห้ออกมาเพื่อระบายความรู้สึกที่กักเก็บเอาไว้ก็ได้ เพียงแต่จนถึงตอนนี้เอลิซาเบ็ธก็ยังไม่เจอใครสักคนที่ว่านั่นเลย

                อย่างที่บอกไปแล้วว่าเอลิซาเบ็ธนั้นค่อนข้างแข็งกระด้างและขาดความอ่อนโยน นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าตัวไม่ค่อยสันทัดกับเรื่องละเอียดอ่อนสักเท่าไหร่นัก แม้จะมีความยับยั้งช่างใจอยู่บ้างแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใจดีขนาดนั้น เธอเล่นมุกตลกไม่เป็น หาเรื่องชวนคุยไม่เก่งและเข้ากับเด็กแทบจะไม่ได้เลย เรื่องละเอียดอ่อนที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องแรกเห็นจะเป็นเรื่องการเห็นอกเห็นใจและปลอบใจคนอื่น ด้วยนิสัยช่างสังเกตมันก็ทำให้เอลิซาเบ็ธพอจะรู้อยู่บ้างว่าความรู้สึกของคนรอบข้างนั้นอยู่ในอารมณ์ไหน และถ้ารู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเศร้าเมื่อไหร่ก็จะรู้สึกเป็นห่วงนิดๆขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แต่เพราะความแข็งกระด้างทำให้เธอไม่รู้ว่าจะเข้าหาหรือปลอบคนอย่างไร ยิ่งเจอคนกำลังร้องไห้ด้วยก็ยิ่งแล้วใหญ่เพราะเจ้าตัวจะแสดงอาการเก้ๆกังๆ ประดักประเดิดทำอะไรไม่ถูกออกมาจนสังเกตเห็นได้ชัด ถ้าถามว่าเป็นห่วงรึเปล่าคำตอบก็คือเป็นห่วงแต่เอลิซาเบ็ธไม่ใช่คนที่แสดงมันออกมาได้ดีนัก เลยกลายเป็นว่าหล่อนเลือกที่จะเพิกเฉยความรู้สึกนั้นไปจนกลายเป็นคนใจร้ายในสายตาของคนอื่นไปโดยปริยาย ส่วนเรื่องละเอียดอ่อนเรื่องที่สองที่เจ้าตัวไม่ค่อยเข้าใจนั้นคือเรื่องของความรัก นอกจากไม่ค่อยเข้าใจแล้วดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็จะไม่ค่อยชอบมันอยู่ลึกๆ เพราะเธอไม่ใช่คนที่ได้รับความรักจากใครแม้แต่จากคนในครอบครัวเองนอกจากแม่และพี่สาว นั่นทำให้เธอไม่เข้าใจถึงความรู้สึกเขินอายยามอยู่กับเพศตรงข้าม ความรู้สึกหึงหวง หวั่นไหวหรืออะไรก็ตามที่ผู้หญิงในช่วงมีความรักเขามักจะเป็นกัน ความรักสำหรับเอลิซาเบ็ธนั้นเห็นจะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกจางๆที่มาในช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะเลือนหายไปซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ถ้าหากเจ้าหล่อนรู้สึกเขินก็จะเผลอแสดงออกมาทางสีหน้าและการกระทำเคอะเขินแบบไม่รู้ตัวเพราะไม่คุ้นชินกับมันนั่นเองมองดูแล้วก็น่ารักไม่น้อยอยู่เหมือนกัน และถ้าหากว่าเจ้าตัวรู้สึกชอบพอใครสักคนก็มักจะไม่ค่อยรู้ตัวแต่อาการมันก็ค่อนข้างชัดเจนจนพอจะสังเกตได้อยู่นะ เพียงแต่เธอไม่รู้ตัวและไม่ค่อยจะยอมรับสักเท่าไหร่ก็เท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เอลิซาเบ็ธจะออกอาการหงุดหงิดเมื่อพูดถึงเรื่องความรักเพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตัวเองนั่นเอง

     

    ประวัติส่วนตัว :

    When the time flies seven years, We will meet again.

    มันน่าตลกดีที่ไม่ว่าเราจะอยู่ส่วนไหนของโลก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเจ็ดปี โลกก็จะเหวี่ยงให้เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

    -Elizabeth Dewain Virginio

     

    “On this different path, will there be someone

    Who can see everything and understand how I am?

    And choose to walk the same path as me, with me?

    Who is different too

     

    Elizabeth’s Side Story

    -Until we meet again-

    ก่อนจะเริ่มต้นเรื่องราวของหญิงสาวเจ้าของฉายาโฉมงามนั้น เห็นทีจะต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ช่วงเวลาเนิ่นนานคล้ายกับหนังเก่าๆที่ถูกนำกลับมากรอกลับซ้ำไปซ้ำมานั้นเริ่มต้นจากชายหญิงคู่หนึ่งที่บังเอิญพบรักกันในลอนดอนเมืองฝนพรำของประเทศอังกฤษ หญิงสาวชาวญี่ปุ่นได้พบกับชายหนุ่มจากเมืองผู้ดีและตัดสินใจแต่งงานกันหลังจากคบกันเป็นเวลาหลายปี

     

    ชีวิตคู่ที่แสนสงบสุขเริ่มต้นขึ้นด้วยความรักความผูกพันธ์ของชายหญิงที่ปรารถนาจะมีชีวิตคู่ไม่นานทั้งสองก็ได้โซ่ทองคล้องใจเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงเจ้าของชื่อ อลิเซีย ดีเวน เวอร์จินิโอผู้เป็นพี่สาวและในเวลาถัดมา เอลิซาเบ็ธ ดีเวน เวอร์จินิโอก็ถือกำเนิดขึ้น เด็กหญิงเกิดในครอบครัวที่อบอุ่น เต็มเปี่ยมด้วยความรักจากพ่อแม่และพี่สาว ทุกอย่างดูเหมือนจะสงบสุขเมื่อเอลิซาเบ็ธมีชีวิตที่ดี เธอมีคุณแม่ที่น่ารักมีพี่สาวที่ใจดีและฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ย่ำแย่จนรู้สึกเครียดอะไร และถึงแม้คุณพ่อของเธอจะเอาแต่ทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวแต่สี่คนพ่อแม่ลูกก็มีความสุขดี

     

    แล้วในวันหนึ่งวันที่เอลิซาเบ็ธอายุได้ห้าขวบเธอก็ได้เจอกับเขา….

     

    ในวันนั้นเป็นวันที่เด็กหญิงตัวน้อยได้ไปเที่ยวสวนสนุกกับคนในครอบครัว เด็กหญิงตัวน้อยกับพ่อแม่และพี่สาวใช้ช่วงเวลาที่มีความสุขราวกับเวลาทั้งโลกหยุดหมุน เอลิซาเบ็ธได้เล่นทั้งเครื่องเล่น กินขนม ยิ้มและหัวเราะไปกับคนในครอบครัว แต่เมื่อเข็มนาฬิกาหยุดเดินช่วงเวลาแห่งความสุขก็หายไป

     

    อ๊ะ.. ทะ ทุกคนหายไปไหนกันน่ะ

     

    เสียงเล็กๆดังขึ้นแผ่วเบาจากริมฝีปากนุ่มนิ่มที่กำลังสั่นระริก ปลายเสียงสั่นเครือด้วยความหวาดกลัวเมื่อดวงตากลมโตกวาดมองรอบข้างแล้วไม่เห็นใครนอกจากผู้คนที่เดินสวนกันไปมา เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงเอลิซาเบ็ธรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กไปถนัดตา

     

    ใบหน้าน่ารักซีดเผือดในขณะที่สองเท้าพาร่างเล็กๆสูงไม่ถึงหนึ่งร้อยสามสิบเซนติเมตรของตัวเองไปตามทางเดินในสวนสนุก ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเบลอจากหยดน้ำตาที่เอ่อท่วมขังอยู่บริเวณหัวตา เด็กหญิงขยับศีรษะหันมองรอบด้านด้วยความเป็นกังวล

     

    ฮึกหะ หายไปไหนกันน่ะ คุณพ่อ คุณแม่พี่คะ

     

    ฮึก ฮือ…. อยู่ไหนกันนะ ทำไมไม่เจอเลยล่ะ

     

    ปึ้ก!

     

    เด็กน้อยหงายหลังล้มลงเมื่อชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่ตัวเองไม่ทันมองในตอนที่กำลังเดินแล้วหันมองซ้ายขวา ริมฝีปากเด็กเบะออกพร้อมกับน้ำตาเม็ดโตไหลรดแก้ม เสียงสะอื้นน้อยๆดังผะแผ่วในขณะที่เอลิซาเบ็ธเงยหน้าขึ้น

     

    อะ….”

     

    เส้นผมสีบลอนด์สว่างส่องประกายสะท้อนกับแสงอาทิตย์คือสิ่งที่เด็กน้อยมองเห็นเป็นอันดับแรก ไล่เรื่อยมาถึงดวงตาเรียวคมสีท้องนภา จมูกโด่งเป็นสั่นและริมฝีปากรูปกระจับ ในตอนนั้นเด็กหญิงไม่รู้จักคำว่าหล่อหรืออาการใจเต้นเพราะยังไร้เดียงสาเกินกว่าจะรู้ความ แต่เอลิซาเบ็ธก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนกับเทวดาจริงๆ

     

    ฮึกขะ ขอโทษค่ะ

     

    เด็กหญิงเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ไหล่เล็กสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวเมื่อคนที่ดูเหทือนกับเทวดาคนนั้นก้มหน้าลงมาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย เอลิซาเบ็ธมองท่าทางนั้นก่อนเปลือกตาจะปิดลงแน่น

     

    ทะ ทำยังไงดี…. คุณเทวดาคนนั้นต้องดุเราแน่ๆเลย

     

    เราจะทำยังไงดี พ่อคะ แม่คะ พี่คะ!!

     

    หลงทางมาเหรอ…?”

     

    เอ๊ะขะ เขาไม่ดุเรา

     

    เปลือกตาสีไข่ไก่ค่อยๆเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้าเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ดุหรือทำร้ายเธออย่างที่คิดเอาไว้ ดวงตากลมหวานสีทับทิมกระพริบปริบขณพที่มองสบดวงตาสีสว่างของผู้ชายตัวสูงเบื้องหน้ามือเล็กเอื้อมจับมือที่ใหญ่กว่าที่ยื่นเข้ามาหาเป็นเชิงช่วยเหลือก่อนจะลุกขึ้น ปัดชุดเปื้อนฝุ่นแล้วมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาน้อยๆ

     

    นะ หนูหลงทางกับคุณพ่อ คุณแม่แล้วก็พี่ค่ะ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลย ฮึกพี่ชาย…. จะพาหนูไปหาทุกคนใช่มั้ยคะ

     

    “... ผมคงไม่พาคุณเดินไปทั่วสวนสนุกหรอกนะ จะพาไปที่ประชาสัมพันธ์ก็แล้วกัน

     

    เด็กหญิงเอลิซาเบ็ธในตอนนั้นไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าอุกคนกำลังพูดอะไรกันแน่ ร่างเล็กเดินตามคนตัวสูงกว่าอย่างคนไร้ที่พึ่ง สัมผัสอบอุ่นที่ฝ่ามือทำให้เด็กน้อยอายุห้าขวบรู้สึกสบายใจได้อย่างประหลาด เขาพาเธอมาที่ป้อมประชาสัทพันธ์ บอกรายละเอียดกับประชาสัมพันธ์สาวจนได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นสองสามครั้ง

     

    ยืนรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวก็จะมีคนมารับแล้วล่ะ

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัวจนร่างเล็กต้องเงยหน้าเพื่อมองใบหน้าของคนที่พูดประโยคเมื่อครู่ออกมา และเมื่อผู้ชายตัวสูงตั้งท่าจะเดินออกไปจากประชาสัมพันธ์มือเล็กก็คว้าเข้าที่ชายเสื้อด้วยใบหน้าตื่นๆ

     

    ฮึก ฮึก ดะ เดี๋ยวก่อน…. พี่ชายอย่าทิ้งหนูไป

     

    “.....”

     

    อย่าทิ้งหนูไว้ตรงนี้คนเดียวนะคะ ฮืออ

    เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีบลอนด์ทำเพียงลอบถอนหายใจแล้วเบนสายตาหลบใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาไปอีกทาง ไหล่ที่เริ่มกว้างจากวัยกำลังโตยกขึ้นก่อนจะเลื่อนมือไปจับมือเล็กของเด็กหญิงเอาไว้ เอลิซาเบ็ธเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าของอีกคนไว้ด้วยรอยยิ้ม

     

    ผมจะอยู่รอจนกว่าจะมีคนมารับแล้วกัน…”

     

    อะ อื้อ!!

     

    หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวของเอลิซาเบ็ธก็มาถึงป้อมประชาสัมพันธ์ คนที่ร่างสูงคาดว่าเป็นแม่คว้าตัวเด็กหญิงตัวเล็กข้างเขาไปกอดเอาไว้พร้อมกับลูกหน้าลูบหลังด้วยสีหน้าโล่งใจแม้จะมีคราบน้ำตาจางๆ ส่วนผู้ชายที่น่าจะเป็นพ่อก็กอดทั้งแม่และลูกสาวเอาไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนี้อีกแล้ว

     

    อ๊ะ.. ขะ ขอบคุณมากนะคะพี่ชาย!! พี่ชายใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ!

     

    ภาพสุดท้ายที่เอลิซาเบ็ธเห็นคือแผ่นหลังที่ห่างออกไปจากกรอบสายตา และนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขา

     

    หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเอลิซาเบ็ธก็ไม่ได้พบกับผู้ชายคนนั้นอีกเลย วันเวลาเคลื่อนผ่านจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี เอลิซาเบ็ธใช้ชีวิตเรื่อยมาอย่างมีความสุขดีกับครอบครัวจนกลายเป็นเด็กหญิงอายุสิบขวบที่โตมากพอจะรู้ความ ชีวิตปกติสุขดำเนินเรื่อยมาจนชวนรู้สึกว่าอยากให้เวลาหยุดลงและเป็นเช่นนั้นตอดไป

     

    แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปจนคล้ายกับผู้หญิงที่ชื่อซินเดอเรลล่าเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันทีไม่ต่างอะไรกับการพลิกหนังสือหน้าหนึ่ง

     

    ชีวิตที่มีความสุขถูกหยุดลงด้วยสิ่งที่เรียกว่าโรคภัย แม่ของเอลิซาเบ็ธล้มป่วยลงด้วยโรคที่รักษาไม่หาย สิ่งที่พอจะทำได้จึงมีเพียงแค่ให้ยาเพื่อรักษาไม่ให้อาการทรุดลงไปหนักกว่าเดิมก็เท่านั้น ทั้งเอลิซาเบ็ธและอลิเซียถูกเกาะกุมด้วยความเศร้า ร่างกายของแม่ที่เคยแข็งแรงและจิตใจที่สดใสถูกโรคภัยกัดกินจนทำได้เพียงนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงด้วยร่างกายซูบผอม

     

    และที่น่าเศร้ายิ่งไปกว่านั้น…. คือพ่อของเธอก็ยังคงจมจ่อมอยู่กับงานโดยไม่คิดจะสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเลยแม้แต่นิด

     

    คะ คุณแม่ฮึก ทะ ทำใจดีๆเอาไว้นะคะ

     

    ฮึก คุณแม่ขะ เข้มแข็งไว้นะคะ ฮืออ

     

    เด็กหญิงสองคนยืนอยู่ขอบเตียงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียหญิงสาวผู้เป็นที่รักไปกลั่นตัวเป็นหยดน้ำอุ่นมากมายไหลอาบแก้มของเด็กน้อยทั้งสอง มือเล็กๆเอื้อมจับมือซูบจนเหลือเพียงแต่กระดูกทั้งยังเย็นชืดขึ้นมาจับไว้ด้วยความรู้สึกเศร้าจับใจ

     

    หญิงสาววัยกลางคนส่งยิ้มชืดจางให้ด้วยลมหายใจรวยริน เรี่ยวแรงที่คล้ายกับถูกสูบหายไปจากร่างกายทำให้หล่อนไม่มีแม้แต่แรงที่จะยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบศีรษะลูกน้อยของตนเพื่อปลอบประโลม มือบางที่ถูกกุมไว้ขยับเล็กน้อย ใช้แรงทั้งหมดที่มีลูบแผ่วเบาไปบนแก้มชื้นน้ำตาของอลิเซียและเอลิซาเบ็ธ

     

    อึกอย่าร้องไห้ไปเลยนะจ๊ะยูกิอากิก็ด้วย

     

    ฮึกแม่คะ

     

    เอลิซาเบ็ธยกมือขึ้นจับมือเย็นเฉียบไม่ต่างอะไรกับร่างไร้ชีวิตขึ้นมาเกาะกุมไว้ ความทรงจำมากมายที่เปี่ยมด้วยความผูกพันธ์หลั่งไหลเข้ามาไม่ต่างจากสายน้ำไหลบ่าพาให้น้ำตาไหลออกมามากขึ้น เอลิซาเบ็ธและพี่สาวสะอื้นจนหัวไหล่สั่น เสียงสะอื้นแผ่วเบาดังก้องในห้องนอนเงียบเชียบ

     

    คะ คุณแม่ฮึก อย่าทิ้งหนูกับพี่ไปนะคะ ฮึก ฮือ

    อย่าร้องไห้นะอากิ อึกลูกต้องเข้มแข็งเอาไว้นะ..หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับน้ำตาที่ไหลผ่านปลายหางตาและแห้งเหือดไป อากิกับยูกิต้องเข้มแข็งให้มากๆนะเวลาของแม่ อึก คงเหลือไม่มากแล้ว ขอโทษนะจ๊ะทั้งๆที่สัญญาว่าจะไปงานจบดารศึกษาของพวกลูกๆแท้ๆ

     

    ทั้งสองคนจำเอาไว้นะจ๊ะ.. อึก แม่รักพวกลูกนะจ๊ะ รักมาก…. รักมากกว่าอะไรทั้งหมดบนโลกใบนี้ อึกและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่จะอยู่ในใจของลูกๆเสมอนะ

     

    คำพูดสุดท้ายจากริมฝีปากสีซีดนั้นเอ่ยแผ่วเบาพร้อมกับลมหายใจที่หมดลง มือซีดขาวนั้นทิ้งลงกับเตียงเมื่อไร้ซึ่งสัญญาณของชีวิต เอลิซาเบ็ธยืนนิ่ง การสูญเสียทำให้หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกบีบรัดอย่างแรงจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี เสียงร้องไห้ดังก้องในท่ามกลางบรรยากาศความเศร้าที่ทิ้งตัวเข้าปกคลุม เอลิซาเบ็ธผวากอดอลิเซียคนเป็นพี่สาวไว้แน่นเด็กหญิงส่งเสียงสะอื้นออกมาจนไหล่ขยับขึ้นลงตามแรงสะอื้นหนักหน่วง สองพี่น้องกอดกันร้องไห้อยู่ภายในห้อง

     

    แต่คนเป็นพ่อก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา….

     

    งานศพของคุณแม่ผ่านเลยไปท่ามกลางความเศร้าที่ยังไม่จางหาย ในวันนั้นกว่าพ่อของเธอจะกลับมาก็เย็นมากแล้ว เขาร้องไห้และเอาแต่โทษตัวเองที่มัวแต่ทำงานจนไม่ได้กลับมาดูแลภรรยาที่ป่วยอยู่ที่บ้าน แต่นั่นไม่ช่วยทำให้จิตใจที่แหลกสลายของอลิเซียและเอลิซาเบ็ธดีขึ้นมาได้ เมื่อคนที่ต้องการมากที่สุดกลับไม่อยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการ

     

    หลังจากนั้นได้ไม่นานพ่อของเอลิซาเบ็ธก็แต่งงานใหม่ อีกฝ่ายเป็นหญิงหม้ายที่สูญเสียสามีไปเมื่อหลายปีก่อน หล่อนเป็นผู้หญิงหัวสูงและมากด้วยจริตจก้านความเป็นหญิง แม่ใหม่ของเอลิซาเบ็ธมีลูกสาวติดมาด้วยหนึ่งคน และด้วยอายุที่มากกว่าทำให้ทั้งเธอและอลิเซียต้องเรียกเด็กคนนั้นว่าพี่

     

    เธอจะมาเป็นแม่ใหม่ของลูก เธอเป็นผู้หญิงที่ดีนะ พ่อหวังว่าพวกลูกๆจะเข้ากับเธอได้

     

    อลิเซียทำเพียงพยักหน้าอย่างคนเรียบร้อยไม่อยากมีปากเสียงในขณะที่เอลิซาเบ็ธส่งดวงตาแข็งกร้าวจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นแววตาของเด็กอายุสิบขวบ

     

    ใครจะเข้าก็เข้าไปเถอะแต่หนูไม่! ไม่มีใครแทนที่แม่ได้ และจะไม่มีวันด้วย

     

    ลิซทำไมลูกพูดแบบนั้นล่ะ

     

    คุณพ่อควรจะถามตัวเองมากกว่านะคะว่าทำไมถึงทำแบบนี้ คุณพ่อเอาแต่ทำงานทิ้งแม่เอาไว้ให้หนูกับพี่! แล้วแต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ คิดว่าจะให้หนูทำใจได้รึไงคะ!!?”

     

    หนูไม่รู้หรอกนะคะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่แม่ของหนูมีคนเดียว พี่ของหนูก็มีแค่พี่อลิเซียคนเดียวรู้ไว้ด้วย!

    เหตุการณ์ในบ้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักหลังจากพ่อของเอลิซาเบ็ธแต่งงานใหม่ เขาไม่ได้ทำงานน้อยลง ยังคงบ้างานเหมือนเดิมจนเด็กหญิงคร้านและเหนื่อนเกินกว่าจะห้ามปราม ส่วนสองแม่ลูกคู่นั้นในแรกเริ่มก็พยายามทำตัวดีเพื่อเอาใจ แต่เมื่อถูกเอลิซาเบ็ธต่อต้านบ่อยครั้งก็เปิดเผยนิสัยหัวสูงและดีแต่กดขี่บงการออกมา สองแม่ลูกใช้งานโขกสับและกลั่นแกล้งอลิเซียที่ไม่มีปากมีเสียงอะไรทำให้มักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเอลิซาเบ็ธที่ไม่ยอมใครอยู่เสมอ

     

    จนกระทั่งในวันหนึ่งเอลิซาเบ็ธในวัยสิบสองปีก็ได้เจอกับเขาอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปเจ็ดปี…..

     

    วันนั้นเป็นวันเกิดของพี่สาวที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยง เอลิซาเบ็ธเลือกที่จะหันหลังให้งานเลี้ยงแสนน่ารำคาญนั้นแล้วหลบออกมาจากบ้านในตอนเย็น ร่างเล็กเดินเตร่ไปตามทางก่อนจะมาหยุดที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน อากาศในตอนเย็นลดต่ำลงแต่ไม่ได้ทำให้เด็กหญิงอยากกลับบ้านเลยแม้แต่น้อย เอลิซาเบ็ธทิ้งตัวนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ยกขาขึ้นชันเข่าก่อนวาดแขนโอบมันเอาไว้

     

    สวนสาธารณะในยามเย็นร้างผู้คนแล้วเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำ ไม่มีใครอยู่ที่สวนสาธารณะอีกแล้วนอกจากคนที่เดินผ่านไปมาเพื่อกลับบ้าน ดวงตาสีโลหิตเหม่อมองไกลสุดสายตา ชั่วครู่ที่คิดถึงแม่ทำให้หัวใจของเอลิซาเบ็ธหดหู่

     

    แต่แล้วภาพทิวทัศน์ของสวนสาธารณะที่ย้อมด้วยแสงสีส้มของอาทิตย์อัสดงก็ถูกบดบังด้วยร่างของคนๆหนึ่งในชุดเสื้อโค้ทสีดำ เอลิซาเบ็ธเงยหน้าขึ้น มองเส้นผมสีบลอนด์ส่องประกายล้อแสงอาทิตย์ด้วยความรู้สึกว่าเหมือนเหตุการณ์แบบนี้จะเคยเกิดที่ไหนมาก่อน เด็กหญิงนึกไม่ออกทว่าดวงตาเรียวคมสีท้องนภากลับดูคุ้นเคยแจ่มชัดในความรู้สึก

     

    คุณมาทำอะไรตรงนี้คนเดียว…”

     

    เอลิซาเบ็ธขมวดคิ้วให้กับคำถามนั้น ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนเสียงใสจะเอ่ยตอบดเวยท่าทางที่เหมือนจะไม่ไว้ใจนัก

     

    ไม่อยากกลับบ้าน…. ที่บ้านมันน่าเบื่อ

     

    ไม่หนาวรึไง

     

    หนาวแต่ดีกว่าที่บ้านเยอะ

     

    เมื่อเด็กหญิงตอบคำถาม สัมผัสอุ่นๆก็ทาบแนบลงกับผิวแก้มที่เริ่มเย็นเฉียบจากอากาศภายนอก เอลิซาเบ็ธเลิกคิ้วก่อนจะเอื้อมมือหยิบกระป๋องอะลูมิเนียมที่อุ่นเล็กน้อยให้ออกห่างจากใบหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอามันมาแนบแก้มแล้วขมวดคิ้ว

     

    มันช่วยให้คุณอุ่นขึ้นดื่มแล้วก็กลับบ้านซะ

     

    อะไรของเค้า…” เอลิซาเบ็ธขมวดคิ้วพึมพำเสียงแผ่วกับกระป๋องสีเข้มในมือ สายตาทอดมองแผ่นหลังที่ไกลออกไปเหทือนกับใครสักคนในความทรงจำก่อนจะกลับมาสนใจกระป๋องในมือ

     

    มันคืออะไรเนี่ย…. เอามาให้ทำไม?

     

    ไม่ใช่ว่าแอบใส่ยาอะไรไว้หรอกนะ

     

    แกร๊ก

     

    ปลายนิ้วเปิดกระป๋องออกจนมองเห็นควันกรุ่นขาวจากของเหลวภายในลอยตัวอ้อยอิ่งขึ้นมาเมื่อปะทะกับอากาศที่เย็นกว่า เอลิซาเบ็ธเหม่อมองไอควันที่ม้วนตัวอยู่เบื้องหน้าก่อนจะยกกระป๋องในมือขึ้นจรดริมฝีปาก ปลายลิ้นลิ้มรสขมปร่าจากของเหลวสีเข้มที่ไหลผ่านลำคอ

     

    มันเป็นครั้งแรกที่เอลิซาเบ็ธได้รู้จักกับรสชาติของกาแฟ แต่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอได้พบกับเขาผู้ชายที่มีเส้นผมสีบลอนด์และดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้าในฤดูหนาว

     

    ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นเอลิซาเบ็ธก็ไม่ได้เจอกับผู้ชายคนนั้นอีก เด็กหญิงใช้ชีวิตของตัวเองอย่างที่มันควรจะเป็น หากแต่อะไรหลายๆอย่างหลอมรวมให้เธอเปลี่ยนไป สีดำเข้มปะปนกับสีขาวสะอาดกลายเป็นเฉดสีเทาแก่แต่งแต้มลงบนผืนผ้าที่มีชื่อว่าเอลิซาเบ็ธ ดีเวน เวอร์จินิโอ

     

    ในตอนแรกนั้นมันเริ่มจากการโดดเรียน ทำตัวเป็นเด็กเกเรเพื่อต่อต้านแม่เลี้ยงและประชดคนเป็นพ่อ เมื่อนานวันเข้าจากการโดดเรียนก็เป็นการจงใจทำให้คะแนนของตัวเองลดลง มีเรื่องชกต่อย หาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว ในชั้นแรกนั้นหล่อนทำไปเพื่อหาเรื่องและประชดคนที่บ้านจนในที่สุดมันก็กลายกิจวัตรที่เอลิซาเบ็ธขาดไม่ได้

     

    จนกระทั่งเด็กสาวอายุได้สิบห้าปี วันหนึ่งก็มาถึง…  วันที่ความดื้อดึงของตัวเองจะทำให้เอลิซาเบ็ธจดจำมันไปตลอดกาล

     

    ในวันนั้นเอลิซาเบ็ธเดินกลับจากโรงเรียนกับพี่สาว คำบอกเล่าจากพี่สาวที่ว่าต้องกลับไปเพื่อทำงานบ้านและทำงานให้พี่สาวที่เป็นลูกติดเพราะถูกขู่ทำให้เด็กสาวโกรธมาก ใบหน้าน่ารักบูดบึ้งด้วยแรงอารมณ์ เสียงที่พูดกับอลิเซียดังขึ้นโดยอัตโนมัติ

     

    ทำไมพี่ต้องไปทำตามคำสั่งของคนพวกนั้นด้วย!? บ้าไปแล้วรึไง!!

     

    เราก็ไม่จำเป็นจะต้องต่อต้านทุกเรื่องนี่ลิซ ที่เราทำมาพี่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลยนะ

    เอลิซาเบ็ธขมวดคิ้ว ใบหน้าบูดบึ้งก่อนพรูลมหายใจยาว ฉันรู้…. แต่แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้ฉันมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับแล้วนะพี่

     

    พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมลิซถึงต้องทำขนาดนั้น

     

    ถ้าเป็นคนดีแบบพี่แล้วต้องมาโดนแบบนี้ก็สู้ให้ฉันเป็นแบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ? สองแม่ลูกนั่นทำอะไรบ้างนอกจากอยู่ไปวันๆ แล้วนับวันพ่อก็เอาแต่ทำงานแล้วก็สนใจสองคนนั้นมากกว่าพวกเรา

     

    เด็กสาวมุ่ยหน้าก่อนยกมือขึ้นเป็นเชิงเนื่องด้วยรู้ว่าพี่สาวจะพูดอะไร ฉันรู้ว่าพี่จะพูดอะไร แต่ฉันจะไม่ถอยกลับไปแล้ว พ่อทำให้ฉันเป็นแบบนี้และทุกอย่างกำลังจะย้อนกลับไปหาเขา ที่สำคัญเลยนะวันนี้ฉันต้องจัดการกับสองแม่ลูกนั่น!

     

    เอลิซาเบ็ธเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพร้อมกับก้าวเท้ายาวๆไปตามทางเดิน ในหูได้ยินเสียงปรามของอลิเซียลอยเข้ามาทว่ากลายเป็นเสียงจางๆจากด้านหลัง เด็กสาวก้าวเท้าเร็วๆไปตามถนน หมุนตัวข้ามทางม้าลายด้วยอารมณ์เดือดดาลจนไม่ทันสังเกตไฟคนข้ามที่เป็นสีแดงและรถคันหนึ่งที่พุ่งตรงมาด้วยความเร็ว

               

    ลิซ!!!

     

    เอี๊ยดดดด!

     

    โครมมมม!!

     

    อึกพะ พี่คะ!!

     

    รถคันนั้นพุ่งตรงมาทางเอลิซาเบ็ธทว่ามือข้างหนึ่งผลักแผ่นหลังของเธอออกไปอย่างแรง เด็กสาวล้มลงกับพื้นถนนคอนกรีต เนื้อตัวถลอกจนแสบไปหมดทว่าร่างที่อยู่ตรงหน้าทำให้รู้สึกชาหนึบไปทั่วทั้งร่างกายจนไม่รู้สึกถึงอาการปวดแปลบของแผลที่ได้รับจนเลือดไหลซิบ

     

    เบื้องหน้าคือร่างของพี่สาวในชุดนักเรียนซึ่งถูกย้อมด้วยหยาดโลหิตแดงฉาน ร่างกายของอลิเซียกระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนแน่นิ่งไป ดวงตาคู่งามปิดลงพร้อมกับลมหายใจที่ถูกพรากไปจากร่าง เอลิซาเบ็ธตัวสั่น น้ำตาเอ่อคลอจวนเจียนจะไหลแต่หล่อนพยายามกลั้นมันไว้ ร่างเล็กขยับตัวเข้าใกล้พี่สาว ยกมืออ่อนแรงเพราะไร้ชีวิตขึ้นมาแนบแก้มด้วยดวงใจที่แหลกสลายอีกเป็นครั้งที่สอง

     

    เพราะความดื้อดึงของเธอทำให้ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้

     

    ถ้าหากเธอฟังพี่สักนิดทุกอย่างก็คงไม่ต้องจบลงแบบนี้

    ทั้งหมดนี้…. เป็นความผิดของเธอเอง

     

    เด็กสาวโน้มตัวลง วาดแขนโอบกอดร่างไร้วิญญาณจนหยดเลือดเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าแต่หล่อนไม่นึกรังเกียจ น้ำตาหยดหนึ่งไหลรดแก้มขาวหยดลงบนใบหน้านิ่งเรียบของอลิเซีย ไหล่บางสั่นไหวกระเพื่อมส่งเสียงสะอื้นเงียบงันกลายเป็นภาพชวนเวทนาสำหรับผู้พบเห็น

     

    พี่คะ…. ฉันขอโทษจริงๆ ขอโทษ ฮึก

     

    เรื่องที่เกิดขึ้นรู้ถึงครอบครัวในเวลาไม่นาน เอลิซาเบ็ธมองผู้เป็นพ่อที่นั่งทำหน้านิ่งในห้องนั่งเล่นด้วยสายตาว่างเปล่าทว่าลึกลงในแววตามากด้วยความอ้างว้างและเปลี่ยวดาย

     

    เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าลูกไม่ใจร้อนและเกเรแบบนี้!!

     

    พี่ตายไปแล้ว ตายตอนที่พ่อยังนั่งทำงานงกๆอยู่ด้วยซ้ำหล่อนยักไหล่ด้วยดวงตาแข็งกร้าว พูดตอนนี้ไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา

     

    ลิซ! ลูกไม่ควรพูดแบบนั้น!

     

    แล้วยังไง! ถ้าคนที่พุ่งออกไปกลางถนนแล้วถูกรถชนเป็นหนูไม่ใช่พี่พ่อก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ใช่มั้ย!!?”

     

    เอลิซาเบ็ธ!!!

     

    เพี๊ยะ!!

     

    เหมือนเข็มนาฬิกาและความเคลื่อนไหวรอบกายหยุดลง ทั้งห้องพร้อมใจกันเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจเมื่อเสียงฝ่ามือกระทบกับผิวแก้มดังขึ้น ใบหน้าของเอลิซาเบ็ธหันไปตามแรงตบ แก้มขาวขึ้นรอยฝ่ามือแดงเป็นปื้นอย่างรวดเร็ว เธอเจ็บจนชาแต่ไร้คำพูดและหยดน้ำตา

     

    ทั้งหมดเริ่มต้นเพราะพ่อมันมาจากพ่อทั้งนั้น

     

    เสียงของเอลิซาเบ็ธดังฝ่าความเงียบคล้ายเสียงกระซิบที่กรีดร่องลึกของความเงียบงัน สองมือของเด็กสาวสั่นแต่ไม่มีะไรเกินไปกว่านั้น แววตาแข็งกระด้าวจ้องลึกลงในแววตาของคนเป็นพ่อก่อนจะเดินกระแทกไหล่ของเขาออกไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามองอีกเลย

     

    หลังจากพี่สาวตายความแข็งกระด้างในตัวของเอลิซาเบ็ธนั้นมีมากขึ้น แม้จะมีอยู่บ่อยครั้งที่หล่อนเผลอร้องไห้และเสียสติในยามที่นึกถึงเหตุการณ์ตอนสูญเสียพี่สาวและงานศพที่เธอไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด เอลิซาเบ็ธกลายเป็นเด็กมีปัญหาอย่างเต็มรูปแบบทั้งร่างกายและจิตใจ จนกระทั่งวันที่เธออายุสิบเจ็ดปีผู้เป็นพ่อก็จากไปอย่างสงบด้วยอาการของเส้นเลือดในสมองแตก เอลิซาเบ็ธไม่เหลือครอบครัวและกลายเป็นเพียงเด็กสาวก้าวร้าวผู้โดดเดี่ยว แม่เลี้ยงตั้งตัวเป็นผู้ปกครองบ้านพร้อมด้วยลูกสาวที่พร้อมจะหาเรื่องเธออยู่ตลอดเวลา

     

    อ๊ะๆ ดูสิว่านั่นใคร…. เด็กมีปัญหา

     

    เสียงแหลมสูงนั่นดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักจากกลุ่มผู้หญิงที่มีพี่เลี้ยงเป็นคนนำ เอลิซาเบ็ธยืนนิ่งก่อนถอนหายใจอย่างไม่ยี่หระแล้วเดินต่อ มันเป็นเหมือนทุกวันที่หล่อนมักจะถูกหาเรื่องและปั่นประสาทด้วยคำพูดของพี่เลี้ยง

     

    มันก็เหมือนกับทุกวันนั่นแหละอย่าหัวร้อนลิซท่องไว้ อย่าหัวร้อน….

     

    จะรีบเดินไปไหนล่ะ เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ เรื่องที่เธอโดนพ่อตบวันนั้นไง เพราะอะไรนะ? อ๋อ ปล่อยให้พี่สาวตาย

     

    เอลิซาเบ็ธหยุดเดิน ดวงตาแข็งกร้าวร้ายลึกเหลือบมองตัวคนพูด เรื่องมันนานมาแล้ว หุบปากไปซะ

     

    คำพูดนั้นยิ่งทำให้อีกคนยิ้มเยาะ ทำไม รับไม่ได้งั้นเหรอ?” เจ้าหล่อนลอยหน้าลอยตาหาเรื่อง เธอมันก็แค่เด็กมีปัญหา ทำตัวเกเรเพราะหวังว่าพ่อจะหันมาสนใจ แต่สุดท้ายก็ไม่! แล้วก็ต้องมาเสียพี่ไปเพราะความดื้อด้านของตัวเอง ฉันพูดถูกมั้ย…”

     

    เอลิซาเบ็ธกำมือแน่นขึ้นจนเส้นเลือดปูดโปน เลือดในกายเดือดพล่านไปด้วยแรงปะทุของโทสะ ริมฝีปากของหล่อนสั่นระริกจนควบคุมไม่ได้ ลมหายใจสั่นเครือถูกพ่นเข้าและออกช้าๆเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังจะปะทุออกมา

     

    น่าเสียดายนะที่คนตายเป็นพี่ของแก อุตส่าห์จะเก็บไว้ใช้งานสักหน่อย เสียของชะมัด…”

     

    ถ้าแก….” เสียงของหล่อนสั่นและแหบห้าว ใบหน้าเริ่มแดงก่ำจากความโกรธที่ปะทุออกมามันรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าแกไม่รู้อะไรก็หุบปากไปซะ!!!

     

    สิ้นเสียงนั้นร่างของเอลิซาเบ็ธพุ่งเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว มันเร็วและแรงจนกลุ่มแตกฮือและแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวปนตระหนกตกใจ ใบหน้าแข็งกร้าว ดวงตาสีเลือดเจือแววร้ายลึกและกระหายเลือดไม่ต่างจากสัตว์ป่า เมื่อความยับยั้งช่างใจหายไปเอลิซาเบ็ธก็แค่ตัวอันตรายตัวหนึ่ง

     

    หญิงสาวผลักอีกคนล้มลงกับพื้น ขยับตัวขึ้นคร่อมทับก่อนจะใช้ฝ่ามือบีบลงบนลำคอของอีกฝ่าย ปลายเล็บจิกลงบนผิวเนื้อจนเลือดซิบ พี่เลี้ยงของหล่อนหน้าเขียวและดิ้นพราดจากการอากาศหายใจแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเอลิซาเบ็ธจะหยุดมือ

     

    เธอกำลังจะกลายเป็นปีศาจ ร่างกายในตอนนี้เธอควบคุมมันไม่ได้เลยสักนิด….

     

    ผลั่ก!!!

     

    นักศึกษาหยุดเดี๋ยวนี้!!

     

    ร่างของเอลิซาเบ็ธกระเด็นออกตามแรงผลัก เหมือนสติสัมปชัญญะกลับคืน ดวงตาของหล่อนกระพริบสองสามครั้ง หล่อนก้มหน้าลง จ้องมองมือที่สั่นน้อยๆจากเหตุการณ์เมื่อครู่พร้อมกับหอบหายใจ พี่เลี้ยงของเธอหอบเอาอากาศเข้าปอดอยู่เบื้องหน้า ร่างผอมบางของอีกคนเกาะแขนอาจารย์ไว้แน่นจนตัวสั่น แววตาสีอ่อนจ้องมองมายังเอลิซาเบ็ธด้วยความหวาดกลัว

     

    เธอมันบ้า! เอลิซาเบ็ธ เธอมันบ้าไปแล้ว!!

     

    เสียงตะโกนนั้นดังก้องอยู่ภายในหู และมันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทไม่ต่างจากเทพที่ถูกกรอซ้ำ มันยังคงดังอยู่ในหัวของเอลิซาเบ็ธแม้แต่ในวันที่หล่อนถูกแม่เลี้ยงเรียกเข้าไปในห้องนั่งเล่น

     

    ได้ข่าวว่าเธอทำร้ายลูกสาวฉันที่มหาลัย..

     

    แล้วไง เธอทำตัวเองทั้งนั้น

     

    ต้องขอพูดตามตรงว่าฉันเหลืออดกับเธอแล้ว ฉันควรจะส่งเธอไปที่นั่นตั้งแต่อายุสิบห้า แต่รู้อะไรมั้ย? พ่อของเธอเขาขอให้ฉันเก็บเธอไว้ เขาไม่อยากเสียเธอไปทั้งๆที่เธอมันก็แค่เด็กมีปัญหา

     

    ใช่!ลูกสาวของหล่อนเสริม เธอควรจะไปที่นั่นตั้งนานแล้ว นี่มันตัวปัญหาชัดๆคำพูดของหล่อนหยุดลงเมื่อเอลิซาเบ็ธปรายสายตาแข็งกร้าวไปหา

     

    ไปซะ…” แม่เลี้ยงพูดเสียงเรียบ มือเรียววางเงินจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะพร้อมตั๋วเครื่องบินและแผนที่ ฉันจะถือว่าเรื่องที่เธอทำกับลูกสาวฉันไม่เคยเกิดขึ้น แต่เธอต้องไปเพราะฉันถือว่าได้ตัดหางปล่อยวัดเธอแล้ว

     

    เอลิซาเบ็ธหัวเราะขึ้นจมูก เธอคว้าของบนโต๊ะใส่กระเป๋าเสื้อแล้วลุกขึ้นยืนจากโซฟาภายในบ้านที่ เคยเป็นของเธอเอง

     

    ได้ฉันจะไป แลกกับการที่พวกคุณลบนามสกุลเวอร์จิเนียออกไปจากชื่อสกปรกๆของพวกคุณซะ! แล้วหลังจากนั้นอะไรในบ้านนี้จะเอาอันไหนก็เอาไป ฉันจะไม่กลับมาอีก

     

    นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่หล่อนได้พูดกับแม่เลี้ยงก่อนจะออกจากบ้านมา เธอมาตามคำบอกของแม่เลี้ยงอย่างคนที่ไม่รู้จะไปที่ใด คำบอกเล่าจากคนใจร้ายนำพาเอลิซาเบ็ธมาพบกับคนๆหนึ่ง คนที่เคยพบเขาเมื่อเจ็ดปีก่อนในตอนเย็นของช่วงอายุสิบสองปี

     

    ไงเราคงได้เจอกันอีกนานเลยล่ะคุณกาแฟดำ

    -Elizabeth’s Side Story

    END-

     

    สิ่งที่ชอบ : ปฏิกิริยาตอบรับจากคนรอบข้างเวลาถูกเธอกวนประสาท (ยอมรับว่าเธออาจจะเป็นโรคจิตก็ได้ แต่เอลิซาเบ็ธรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เห็นคนเหล่านั้นหงุดหงิดหรือแสดงอาการหัวเสียออกมาแล้วไม่สามารถเอาคืนได้) / อากาศเย็นๆค่อนไปทางหนาว (เพราะมันทำให้รู้สึกเย็นสบายและไม่ร้อนมากจนเกินไป ยิ่งเป็นบรรยากาศหลังฝนตกหรือช่วงที่ฝนกำลังตกเอลิซาเบ็ธก็จะยิ่งชอบมากเป็นพิเศษ) / กาแฟดำรสเข้มจัดๆ (เพราะมันหอมแล้วก็อร่อยดี ช่วงเวลาที่จำเป็นต้องอดนอนเธอก็มักจะพึ่งกาแฟอยู่บ่อยๆจนกลายเป็นว่าตอนนี้ติดจนต้องดื่มทุกวันไปเสียแล้ว ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะใครคนหนึ่งเคยให้เธอดื่มมันเมื่อเจ็ดปีก่อนนั่นแหละ) / ฟังเพลง (เพราะการฟังเพลงเป็นการพักผ่อนที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างหนึ่ง เอลิซาเบ็ธจึงมักจะมีเฮดโฟนสีดำคล้องคอและมีหูฟังม้วนไว้อย่างเรียบร้อยติดตัวอยู่เสมอ ส่วนเพลงที่ฟังบ่อยๆนั้นถ้าไม่ใช่เพลงร็อคที่มีทำนองหนักๆก็จะเป็นเพลงคลาสสิคที่มีแต่ทำนองไม่มีเนื้อร้อง) / สีดำ (เพราะเป็นสีพื้นๆไม่โดดเด่นที่มองแล้วสบายตาดี อีกส่วนหนึ่งเพราะเอลิซาเบ็ธรู้สึกว่ามันเข้ากับตัวเอง ของใช้และเครื่องแต่งกายส่วนมากจึงมักจะมีสีดำประกอบอยู่ด้วยเสมอ) / รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ (ส่วนหนึ่งเพราะเอลิซาเบ็ธชอบความเร็วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับรูปร่างของมอเตอร์ไซค์ที่ดูแล้วรู้สึกว่าเท่ดีและไม่ได้เป็นสาวน้อยมากเกินไปก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวชอบมากเข้าไปอีก) / วรรณกรรมตะวันตก (เพราะทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้พอๆกับการฟังเพลง ส่วนมากที่เอลิซาเบ็ธอ่านนั้นถ้าไม่ใช่วรรณกรรมสืบสวนสอบสวนที่มีเนื้อหาเข้มข้นชวนให้ใช้สมองและชวนให้ติดตามแล้วก็จะเป็นแนวสยองขวัญเนื้อหามืดดำไม่ก็แนวปรัชญาชีวิตเสียมากกว่า)

     

    สิ่งที่เกลียด : คนที่มายุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัว (เพราะการยุ่งเรื่องส่วนตัวนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการล้ำเส้นแบ่งที่เอลิซาเบ็ธได้ขีดเอาไว้ เธอเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของตัวเองบ้างแต่ก็ในระดับที่กะเกณฑ์เอาไว้ว่าควรจะมากน้อยแค่ไหนสำหรับแต่ละคน ถ้าหากอยากรู้มากนักเจ้าตัวก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน) / แม่เลี้ยงและพี่เลี้ยงของตัวเอง (อย่าพูดถึงสองคนนี้ในเอลิซาเบ็ธได้ยินก็พอ เธอเกลียดทั้งสองคนนี้เข้ากระดูกดำเลยเสียด้วยซ้ำจึงไม่ค่อยพูดถึงเท่าไหร่ ถ้าหากได้ยินเมื่อไหร่ก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากและอารมณ์ขุ่นมัวไปทั้งวัน) / คนที่มาขุดคุ้ยเรื่องครอบครัว (เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรกับการยุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวเลยแม้แต่นิด และมันยังทำให้เอลิซาเบ็ธโมโหได้แบบสุดๆด้วยซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ค่อยชอบใจช่วงเวลาที่ควบคุมตัวเองไม่ได้หรอกนะ) / พวกโลกสวยและพวกเหยาะแหยะอ่อนแอ (ไม่ถึงขั้นเกลียดมากมายอะไร แต่แค่รู้สึกอคติเพราะมองแล้วมันขัดสายตาและขัดใจมากๆก็เท่านั้น) / การถูกบังคับหรือถูกบงการ (เอลิซาเบ็ธรู้สึกเหมือนตัวเองตกเป็นหมากตัวหนึ่งที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามคำสั่ง ซึ่งขัดกับนิสัยของเจ้าตัวเอามากๆ ทางเดินของตัวเองเธอขอเป็นคนเลือกเองดีกว่า) / การถูกขัดใจ (หงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผลเพราะไม่ชอบการถูกต่อต้าน นอกเสียจากว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายต่อต้านเสียเอง) / ของหวาน (ไม่ถึงขั้นเกลียดมากจนกินไม่ได้ แต่กินแล้วแค่รู้สึกว่ามันเลี่ยนและมีปริมาณน้ำตาลมากเกินพอดี ถ้าหากว่าทำให้หวานน้อยลงเสียหน่อยหรือทำเป็นรสขมๆอย่างกาแฟหรือดาร์ค ช็อคโกแลตไปเลยเธอก็กินได้นะ)

     

    เพิ่มเติม :

                v เอลิซาเบ็ธเกิดวันที่ 31 ตุลาคม ราศีตุลย์และเลือดกรุ๊ป B

                v เมื่อพูดถึงลักษณะการพูดจาและน้ำเสียงของเอลิซาเบ็ธ เจ้าหล่อนไม่ใช่คนพูดเสียงดังนอกเสียจากว่าตอนนั้นกำลังหงุดหงิดอยู่ หญิงสาวเป็นคนที่เสียงไม่ได้ออกหวานเหมือนอย่างผู้หญิงปกติ เสียงของเอลิซาเบ็ธติดจะห้าวและแอบแหบเล็กน้อยเหมือนกับนักร้องเพลงร็อคที่ใช้เสียงมานาน แต่มันกลับไม่ได้ดูสากจนห้าวเกินกว่าจะเป็นหญิง เพราะในเสียงที่ออกห้าวหน่อยๆนั้นก็มีความนุ่มละมุนหูแบบพอดีๆปะปนอยู่ด้วย ดังนั้นก็ถือว่าเป็นคนที่มีเสียงฟังสบายหูคนหนึ่ง น้ำเสียงของเอลิซาเบ็ธเป็นเหมือนเครื่องมือชิ้นหนึ่งที่ทำให้คนรอบข้างจับสังเกตได้ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอะไรรองลงมาจากสีหน้าและการแสดงออก

                ตามปกติแล้วเอลิซาเบ็ธจะแทนตัวเองว่าฉันแล้วเรียกคนอื่นว่านายหรือเธอแทนที่จะเรียกด้วยชื่อ ไม่ใช่เพราะเธอจำชื่อใครไม่ได้แต่แค่รู้สึกว่าขี้เกียจเรียกก็เท่านั้นเอง ถ้าหากว่าคู่สนทนาเป็นผู้อาวุโสเสียหน่อย ซึ่งคำว่าอาวุโสสำหรับเอลิซาเบ็ธคือคนที่ถ้าอายุไม่ใกล้เคียงก็มากกว่าพ่อของตัวเองไปเลย กับคนเหล่านั้นเอลิซาเบ็ธจะเรียกว่าคุณแล้วแทนตัวเองว่าฉันตามปกติ แต่ก็จะมีความนอบน้อมเล็กๆกับหางเสียงนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไปนัก แต่ถ้าหากว่ากำลังโมโหหรือหงุดหงิดก็อาจจะเรียกคนรอบข้างว่าแกออกมาเลยก็ได้นะ โดยพื้นฐานแล้วเอลิซาเบ็ธไม่ใช่คนที่พูดคำหยาบเป็นกิจวัตร แต่จะพูดออกมาเฉพาะตอนที่รู้สึกหงุดหงิดหรือตกใจ

                ตัวอย่างการพูดของเอลิซาเบ็ธ

                ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะ ขี้เกียจฟังอ่ะพอดีว่ามันเสียเวลาชีวิต

                “นายนี่เห็นหน้าโง่ๆแบบนี้ไม่คิดว่าจะโง่จริงนะเนี่ย

                “อ้าวๆ อะไรกัน.... เป็นคนอยู่ดีๆไม่ชอบรึไง มาต่อสู้กันด้วยวิถีปัญญาชนไม่ดีกว่าเหรอ มารุมกันเป็นหมาหมู่แบบนี้มันวิถีของพวกขี้แพ้ชัดๆเลยนา...

                “จุ๊ๆ ไม่เอาไม่ทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเธอเลยนะ เดี๋ยวหน้าที่เหี่ยวอยู่แล้วก็ยิ่งเหี่ยวหนักกว่าเดิมกันพอดี

                “อะ อะไรกัน! ฉันไม่ได้เขินสักหน่อย!! อย่ามากล่าวหากันพล่อยๆนะ พูดอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระสิ้นดีเลย เหอะ!!!”

                “ออกไปให้พ้นๆหูพ้นตาเลยไป! เกะกะจริงๆเลย ไม่รู้จะทำอะไรแล้วหรือไงนอกจากหายใจแล้วก็ยืนโง่ๆน่ะ โอ๊ยยยย หลบไปสิ! คนกำลังหงุดหงิดอยู่นะ!!”

                “ใครจะร้องไห้กัน! หุบปากไปซะ!!”

                v ลักษณะการแต่งกายของเอลิซาเบ็ธจะค่อนไปทางแฟชั่นแบบสตรีทของวัยรุ่นในอังกฤษหรืออเมริกาเสียมากกว่าการแต่งการด้วยชุดกระโปรงหวานแหวว เสื้อผ้าที่เจ้าตัวชอบสวมใส่มักจะเป็นสีเข้มหรือไม่ก็สีพื้นที่ไม่มีลวดลายอย่างสีดำ สีเทาแก่หรือสีกรมท่ามากกว่าเสื้อผ้าสีอ่อนหรือสีหวานๆ เอลิซาเบ็ธชอบที่จะใส่กางเกงมากกว่ากระโปรง ถ้าไม่ใช่กางเกงขาสั้นอวดช่วงขาเพรียวยาวก็จะเป็นกางเกงยีนส์ขาเดฟที่มีดีเทลขาดๆเล็กน้อยให้ดูเท่ หญิงสาวชอบสวมเสื้อแขนยาวสีเข้มที่หลวมกว่าตัวเล็กน้อย ไม่ก็เสื้อกล้ามสีขาวที่คลุมทับด้วยแจ็คเก็ตหรือเสื้อคลุมผ้านิ่มแขนยาวแบบมีฮู้ด ในบางครั้งก็เป็นเสื้อครอปขนาดพอดีตัวสีเข้มที่สกรีนลายกราฟฟิคหรือตัวหนังสือพองาม ส่วนรองเท้าที่มักจะใส่บ่อยๆก็จะเป็นรองเท้าผ้าใบไม่ก็รองเท้าแตะแบบสบายๆ

                ส่วนเรื่องของทรงผมนั้นเอลิซาเบ็ธไม่ใช่คนที่พิถีพิถันอะไรกับมากเท่าไหร่นัก เธอจึงทำเพียงแค่หวีให้มันดูไม่ยุ่งมากจนเกินไปนักแล้วปล่อยมันไว้อย่างนั้นแบบไม่คิดจะทำอะไรเพิ่มเติม ยิ่งเป็นเรื่องของเครื่องประดับแล้วเจ้าหล่อนก็ยิ่งมีน้อยชิ้นเข้าไปกันใหญ่ ที่มีอยู่ก็มีเพียงแค่จิลสีดำที่ติดไว้กับหูด้านซ้ายและนาฬิกาข้อมือยี่ห้อ G-Shock สีดำเอาไว้ดูเวลาเท่านั้น

                v เอลิซาเบ็ธสักทั้งหมดสองแห่งในร่างกาย ที่แรกเป็นรูปปีกนกที่มีลูกธนูปักอยู่เป็นรูปเล็กๆที่ข้อมือขวาด้านใน ส่วนอีกที่นั้นเป็นคำสั้นๆขนาดไม่ใหญ่มากนักคำว่า ‘Frei Sein’ เป็นภาษาเยอรมันแปลว่าอิสระ โดยรอยสักนี้อยู่บริเวณต้นคอด้านหลังซึ่งถ้าเจ้าตัวรวบผมก็จะมองเห็นชัดทันที

                v งานอดิเรกของเอลิซาเบ็ธนอกจากการหาเรื่องกวนประสาทชาวบ้านเขาเรื่อเปื่อยแล้วจะเป็นการฟังเพลง อ่านหนังสือไม่ก็ขับมอเตอร์ไซค์ซิ่งไปที่นั่นที่นี่แล้วแต่ว่าอยากจะไปไหน ในบางครั้งก็ขับรถกินลมเล่นให้หัวโล่งๆหรือไปดูพวกรถสวยๆตามโชว์รูมบ้างแล้วแต่อารมณ์ ส่วนการวาดรูปและการเล่นดนตรีนั้นเจ้าตัวทำมันได้ดีมากแต่ก็ไม่ได้ทำบ่อยจนเป็นงานอดิเรก

    v เอลิซาเบ็ธเป็นคนวาดรูปสวยและภาพส่วนมากก็มักจะเป็นสิ่งรอบตัวที่เธอมองเห็นหรือสิ่งที่คิดอยู่ในหัว หญิงสาวชอบที่จะได้วาดรูปลงในเศษกระดาษ หน้าหนังสือหรือสมุดที่ไม่ใช้แล้ว ไม่ก็กระดาษเช็ดปากที่มักจะติดมากับแก้วกาแฟมากกว่าจะวาดจริงจังบนกระดาษหรือผืนผ้าใบ ในบางครั้งเธอยังเอาปากกาสีดำมาเพนท์แขนหรือเขียนเล็บตัวเองเวลาไม่มีอะไรทำเลยด้วยซ้ำ

    v ความสามารถพิเศษของเอลิซาเบ็ธนั้นส่วนมากจะค่อนไปทางศิลปะเสียมากกว่าจะเป็นเรื่องวิชาการ เพราะเจ้าตัวนั้นสามารถวาดรูปและเล่นดนตรีได้ เอลิซาเบ็ธเชี่ยวชาญในการเล่นกีตาร์ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์โปร่ง กีตาร์คลาสสิคหรือกีตาร์ไฟฟ้ารวมไปถึงการเล่นเบส นอกเหนือจากนั้นยังสามารถเล่นเปียโนและคีย์บอร์ดที่มีลักษณะการเล่นคล้ายๆกันได้นิดหน่อย ส่วนเรื่องของการร้องเพลงนั้นก็นับว่าเสียงเพราะพอฟังได้ แต่เจ้าตัวไม่ค่อยจะร้องให้ใครฟังสักเท่าไหร่

    v เอลิซาเบ็ธพอจะมีความสามารถทางด้านกีฬาติดตัวอยู่บ้าง เธอเป็นคนวิ่งเร็วและเคยเป็นนักกีฬาฟรีรันนิ่งเมื่อตอนอายุประมาณสิบสามถึงสิบห้าปี ส่วนกีฬาอื่นๆที่เล่นจะเป็นบาสเกตบอล Kick Boxing เทควันโด้ไม่ก็ยิงปืนเสียมากกว่า นอกจากนี้เอลิซาเบ็ธก็ชอบที่จะออกกำลังกายด้วยการซิทอัพอยู่หน้าทีวีแล้ววิ่งจ๊อกกิ้งในวันที่มีเวลาว่าง

    v เห็นแบบนี้ก็แอบรักสุขภาพอยู่พอสมควร จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เอลิซาเบ็ธจะต้องตื่นตอนเช้าเพื่อมาลุกนั่งและซิทอัพอย่างน้อยวันละสิบนาที

    v ไม่ค่อยชอบกินพวกขนมจุกจิก แต่มักจะพกหมากฝรั่งติดตัวเอาไว้เคี้ยวแล้วเป่าเป็นลูกโป่งเล่นเพลินๆ

    v อย่างที่บอกว่าเอลิซาเบ็ธไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรีหรือมารยาทอย่างที่หญิงสาวพึงจะมี นั่นเป็นเหตุผลที่หญิงสาวไม่มีความถนัดในเรื่องของการทำงานบ้าน งานเย็บปักถักร้อยและเสน่ห์ปลายจวักติดตัว แค่ต้มมาม่ากับทำอาหารแช่แข็งได้และล้างจานได้โดยที่จานไม่แตกก็ถือว่าเก่งมากแล้วเพราะในบางครั้งเธอยังแยกผ้าขาวกับผ้าสีไปซักไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะมีความถนัดในเรื่องของงานช่างมากกว่าการทำอะไรจุกจิกเหมือนอย่างผู้หญิง

    v เอลิซาเบ็ธสามารถพูดได้สี่ภาษา คือภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่นและภาษาฝรั่งเศส

    v อลิเซีย ดีเวน เวอร์จินิโอ / มิชิ มิยูกิ | Alicia Dewain Virginio / Michi Miyuki  – พี่สาวของเอลิซาเบ็ธ เสียชีวิตตอนอายุสิบหกปี } Click

    v บริเอตต้า | Brietta – พี่เลี้ยงของเอลิซาเบ็ธ ปัจจุบันอายุยี่สิบเอ็ดปี } Click

    v Character Voice : https://www.youtube.com/watch?v=_Wg2E3r6aWM

     ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่นสีขาว

    Talk  With  Writer

    สวัสดีค่า~ เราแม่มดสีแดงนะ เรียกสั้นๆว่าเรดก็ได้ ท่านผปค.ที่น่ารักชื่ออะไรเหรอคะ?

    :: สวัสดีค่ะคุณแม่มดสีแดง (〃▽〃) เราชื่อเชอร์ล็อคนะคะ! จะเรียกว่าเชอร์ก็ได้น้า~

     

    อยากได้แนวความรักแบบไหนให้ลูกๆของท่านล่ะคะ? // อยากรู้มากมาย

    :: คิดว่าคงเป็นความรักที่ออกสีเทาหน่อยๆมั้งคะ มันไม่ได้หวานจ๋าเพราะพอจะดราม่าได้บ้างแต่ก็ไม่ได้ดราม่าน้ำตาแตกอะไรขนาดนั้นเหมือนเอาทุกอารมณ์มาปนกันจนเป็นสีเทาเสียมากกว่า ให้อารมณ์ประมาณผู้หญิง gangster กับผู้ชายนิ่งๆเย็นชาดูตัดกันดีค่ะ มันเหมือนจะร้อนแรงก็ไม่ใช่แต่โรแมนติกก็ไม่เชิงเพราะทั้งสองคนนี้ต่างกันมากจริงๆค่ะ ฮา แต่คิดว่าน่าจะยังพอมีความอบอุ่นอยู่บ้างเพราะน้องลิซเองก็อายุไม่ได้มากมายอะไรแล้วก็ไม่ค่อยประสาเรื่องความรักด้วย ส่งไปเจอคุณปู่ให้แกล้งให้น้องเขิน(?) ก็น่าสนุกดีค่ะ 5555555

     

    ถ้าเราดองล่ะคะ? // เตรียมหลบไหดอง

    :: เรื่องนี้เราไม่มีปัญหานะคะ เข้าใจด้วยแหละในฐานะนักเขียนเหมือนกัน ฟฟฟฟฟ #สายดอง2017 แต่อย่าดองนานเกินไปนะคะ เราอยากเจอ ฮ่า

     

    สุดท้าย ถ้าลูกท่านติดขึ้นมาจะทำอย่างไรกับเราเอ่ยคะ? // ถามแบบลุ้นๆ *O*

    :: จะจับคุณแม่มดสีแดงมากกอดน้วยหนุบหนับแน่นๆนานๆไม่ยอมปล่อยเลยค่ะ!! แฮร่---- ω

     

    ขอบพระคุณที่เข้ามาสมัครนะคะ!!! รักทุกคนน้าา

    B
    E
    R
    L
    I

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×