คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #112 : เชอร์ล็อคและการประกาศหาคนรับเลี้ยง(?)
“Once
you eliminate the impossible, whatever remains, no matter how improbable, must
be the truth.”
-Arthur
Conan Doyle-
Welcome to
Jocasta’s World
The sun
is hot in the sky
just
like a giant spotlight
The
people follow the sign and synchronize in time
It's a
joke Nobody knows
they've
got a ticket to that show
I am
just a little girl lost in the moment
I'm so
scared but don't show it
I can't
figure it out
it's
bringing me down I know
I've
got to let it go
and
just enjoy the show
曇り空のぞいた予感
แอบมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆซึ่งบอกฉันได้ว่าอะไรจะมาถึง
手をばそう いつよりも力強い勇気で
เหยียดมือของพวกเราออกพร้อมกันกับความกล้าหาญที่มีพลังมากขึ้นกว่าก่อนกันเถอะ
光も影もまた遠くで それでも僕らは
ถึงแม้ว่าทั้งแสงและเงาจะยังคงอยู่ห่างกันแสนไกล
優しさの理由が知りたい
เราก็ยังคงปรารถนาที่จะรู้ถึงเหตุผลของความอ่อนโยน
今は誰の名前でもない 輝きの彼方へ
มุ่งสู่สถานที่อันห่างไกลและเปล่งประกาย
ที่ยังไม่มีใครไปถึง
全部過去になる前に 見つけに行こう
ไปค้นหามันก่อนที่ทุกสิ่งจะกลายเป็นอดีตกันเถอะ
"อะไรกันๆ
ต่อจากนี้น่ะน่าสนุกจะตายไปไม่ใช่เหรอ!?"
“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความจริงหรอกนะ
ปริศนาที่ถูกไขน่ะสวยงามเสมอนั่นแหละ~”
“น่าเสียดายนะคะ
แต่คุณน่ะแพ้ตั้งแต่เริ่มเดินหมากตัวนั้นแล้วล่ะ : )”
ชื่อ I สกุล :: โจคาสต้า เค. ดอร์คัส /
โจคาสต้า โคกิ ดอร์คัส / โคกิ มานามิ | Jocasta K. Dorkas / Jocasta Koki Dorkas /
Koki Manami
ชื่อเล่น I ฉายา :: โจส | Jose / โคกิ | Koki (ชื่อโคกินั้นคนที่เรียกมีเฉพาะคนในครอบครัวหรือคนสนิทที่รู้ว่าเธอมีชื่อที่เป็นภาษาญี่ปุ่นกับเขาด้วย
เพราะโจสไม่ค่อยเปิดเผยชื่อภาษาญี่ปุ่นของตัวเองเท่าไหร่)
ฉายา : Little Holmes (อารมณ์ประมาณว่าโฮมส์ตัวน้อยอะไรแบบนี้ค่ะ)
/ ไอ้ลูกหมา / โกลเด้น
ความหมายของชื่อ ::
โจคาสต้า | Jocasta } ดวงจันทร์ส่องแสง
โคกิ | Koki } ส่องแสงสว่าง
ดอร์คัส | Dorkas } ฤดูหนาว
มานามิ | Manami } ความรักที่สวยงาม
[ โจคาสต้า โคกิ
ดอร์คัส | Jocasta Koki Docasta ] } ดวงจันทร์ซึ่งส่องแสงสว่างในฤดูหนาว
[ โคกิ มานามิ | Koki Manami ] } แสงสว่างจากความรักที่สวยงาม
อายุ :: 17 ปี
สัตว์ที่กลายเป็น :: ลูกสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ [ ลักษณะแบบคร่าวๆนั้นคือเป็นลูกสุนัขตัวไม่ใหญ่มากนักปกคลุมด้วยเส้นขนฟูฟ่องนุ่มลื่นมือสีทองสว่างคล้ายสีของฟางข้าว ดวงตากลมแป๋วของเจ้าลูกหมาเป็นสีฟ้าส่องประกายใสแจ๋วไม่ต่างจากท้องฟ้าในฤดูร้อน จุดเด่นคือเขี้ยวเล็กๆสองข้างและหางปุกปุยที่มักกระดิกไปมาอยู่เสมอ ]
สัญชาติ :: ญี่ปุ่น
เชื้อชาติ :: อังกฤษ - ญี่ปุ่น
ลักษณะภายนอก ::
หากจะพูดถึงลักษณะรูปร่างหน้าตาของเด็กสาวเจ้าของชื่อ ‘โจคาสต้า เค. ดอร์คัส’ แล้วคงพูดได้แต่เพียงว่าเจ้าหล่อนเป็นเด็กสาวที่มีความน่ารักแบบแก่นแก้วชวนให้หมั่นเขี้ยวมากกว่าจะงดงามอ่อนหวานอย่างเทพธิดาตัวน้อย
วงหน้าเนียนใสเป็นรูปไข่ถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีบลูเบอร์รี่นุ่มลื่นมือชวนให้สัมผัส
เรือนผมนั้นเงางามยามต้องแสงอาทิตย์จากการบำรุงดูแลอยู่เสมอโดยผู้เป็นเจ้าของ
หากจะมีข้อเสียอยู่บ้างก็คงเป็นการที่เจ้าตัวปล่อยให้แพรไหมสีเข้มซึ่งทิ้งตัวยาวจรดกลางหลังของตนยุ่งเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจจะจัดให้เรียบร้อยอยู่เสมอ
หรือถ้าหากถูกดุก็จะทำเพียงรวบลวกๆเป็นแกละต่ำๆไว้เท่านั้น โจคาสต้าตัดผมหน้าม้าสไลด์ขับให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยไปมากโขราวดอกไม้แรกแย้ม
หน้าม้าที่เริ่มยาวปกปิดหน้าผากกลมมนและคิ้วโก่งเรียงเส้นสวยได้รูปดุจคันศรเสียเกือบมิดชิด
ไล่เรียงต่ำจากคิ้วลงมาคือแพขนตางอนยาวตามธรรมชาติสีน้ำหมึก ดวงตากลมโตสีอเมทิสต์ส่องประกายแจ่มชัดราวกับอัญมณีน้ำงามมากค่า
ประกายตาของหล่อนส่องสว่างไม่ต่างจากดวงดาวพริบพราวบนนภากาศยามราตรี
แววความมั่นใจฉายเด่นชัดอยู่บนนัยเนตรที่มองตรงไปยังทุกสิ่งเบื้องหน้าด้วยความซื่อตรงราวกับมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
หางตาที่ชี้ขึ้นเล็กน้อยขับเน้นความเก๋ที่ดูคมแปลกตาให้กับใบหน้าซุกซน
จมูกเล็กของโจคาสต้าเป็นสันสวยอย่างคนมีเชื้อสายยุโรปทั้งยังเป็นทรงหยดน้ำได้รูป
ปลายจมูกที่เชิดรั้นขึ้นเล็กน้อยเพิ่มความซุกซนน่าหยิกกับเจ้าตัวมากขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
จมูกสวยนั้นรับกับริมฝีปากเรียวบางสีลูกกวาดที่นอกจากจะเคลือบด้วยลิปกลอสบางๆแล้วยังมีรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจทาบทับอยู่เสมอ
จุดเด่นของโจคาสต้าคือเขี้ยวเล็กๆที่มักจะเห็นเด่นชัดยามเจ้าตัวหัวเราะคิกคักหรือฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี
สองแก้มนุ่มนิ่มติดยุ้ยเล็กน้อยซับสีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดีไม่ต่างจากผิวเนียนนุ่มมือสีน้ำนมอมชมพูลออตา
เรือนกายของเจ้าหล่อนปราศจากกลิ่นโลชั่นประทินผิวทว่ากลับหอมอ่อนๆด้วยกลิ่นสบู่โล่งๆและแป้งเด็กแทน
รูปร่างของเด็กสาวจัดว่าดีอยู่พอสมควรแม้จะไม่ได้มีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน
หรือมีหน้าอกหน้าใจสมบูรณ์อย่างหญิงสาวทั่วไป
แต่แขนขาสมส่วน เอวที่คอดเล็กน้อยกับสะโพกผายออกพองามเมื่อรวมกับหน้าอกสมตัวแล้วก็ไม่ได้ทำให้หล่อนน่าเกลียดจนเกินไปนัก
ไหนจะหน้าท้องแบนราบไร้ไขมันส่วนเกินนั่นเล่า
เมื่อมันมีกล้ามเนื้ออ่อนๆประกอบด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์ดึงดูดมากเข้าไปใหญ่
ทว่าแม้จะพอมีสายเลือดความเป็นยุโรปแต่โจคาสต้ากลับไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างมากเท่าไหร่นัก
เด็กสาวมีส่วนสูง 160 เซนติเมตรกับน้ำหนัก 48 กิโลกรัม
ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่าอ้วนจนเกินไปหรือว่าผอมจนเกินงาม
อุปนิสัย ::
หากจะพูดถึงอุปนิสัยส่วนตัวของเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปีเจ้าของชื่อ โจคาสต้า เค.
ดอร์คัสแล้วสิ่งแรกที่นึกถึงหรือจำได้แม่นติดตาก็เห็นจะเป็นความมั่นใจที่มีมากล้นของเจ้าตัว
โจคาสต้าคือเด็กสาวที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจและความซื่อตรง
เธอเหมือนกับแก้วเปล่าที่พร้อมจะเปิดรับน้ำทุกหยาดหยดที่เปรียบดังเรื่องราวต่างๆที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต
เด็กสาวไม่มีความหวั่นเกรงใดๆทว่ากลับชอบเสียด้วยซ้ำตามประสาคนรักสนุกและความท้าทาย
นิสัยมากด้วยความมั่นอกมั่นใจส่วนนี้แสดงออกชัดเจนในแววตาที่มองตรงไปยังทุกสิ่งเบื้องหน้าด้วยความแน่วแน่และรอยยิ้มมั่นใจที่มักจะประทับอยู่บนริมฝีปากสีสวย
อุปนิสัยที่มีส่งผลให้โจคาสต้าเป็นคนกล้าคิดกล้าทำมินำซ้ำยังคิดเร็วทำเร็วเสียด้วย
ลองเจ้าตัวคิดว่าสิ่งที่ทำหรือกำลังจะทำมันถูกต้องแล้วก็จะตัดสินใจทำมันโดยไร้ซึ่งความลังเล
หล่อนไม่คิดเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปและจะไม่มีทางกลับมาถามตัวเองอีกเด็ดขาดว่าทำอย่างนี้ดีแล้วจริงหรือ
สิ่งใดที่เจ้าตัวคิดตกผลึกหรือประมวลผลออกมาเป็นการกระทำอย่างดีแล้วก็จะถือว่าจบกันไป
สิ่งที่โจคาสต้ามองจึงมีเพียงปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่และอนาคตที่ยังมาไม่ถึงเท่านั้น
‘ชีวิตคนต้องก้าวเดินไปข้างหน้าเสมอเพราะการย่ำอยู่กับที่ไม่ได้ช่วยให้เราพัฒนาไปไหน’
ด้วยเหตุผลนี้เองโจคาสต้าจึงมักจะไม่ใส่ใจกับอดีตที่ผ่านมาหรือนำเรื่องไม่เป็นเรื่องมาขบคิดรวมถึงเก็บเอาไว้ให้หนักใจ
หล่อนมองเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องไร้สาระที่ใส่ใจไปก็ไม่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
ดังนั้นต่อให้จะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างหรือคำติฉินนินทาโจคาสต้าก็จะยังคงยิ้มไม่หวั่นเกรงและก้าวข้ามผ่านมันไปได้เสมอจนน่าตกใจกับความเข้มแข็งที่เจ้าตัวมีเชียวล่ะ
แต่ในความละเว้นนั้นก็มีข้อจำกัดอยู่เพราะเด็กสาวเองก็ใช่ว่าจะปล่อยวางได้เสียทุกเรื่อง
หากเรื่องที่ว่านั้นเป็นเรื่องของคนในครอบครัวหรือคนใกล้ตัวแล้วเด็กสาวจะให้ความใส่ใจมันมากเป็นพิเศษและไม่ยอมปล่อยผ่านไปแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยมากแค่ไหนก็ตาม
โจคาสต้าเป็นเด็กที่ชื่นชอบการไขปริศนาเอามากๆ
จนอาจเรียกได้ว่ามันคือชีวิตของเธอ
ด้วยปฏิภาณไหวพริบบวกกับความช่างสังเกตและมันสมองมันทำให้เธอสามารถไขปริศนายากๆได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
นั่นทำให้โจคาสต้ารู้สึกชอบที่จะได้ไขมันไปเรื่อยๆตามประสาคนชอบความท้าทาย มองเผินๆแล้วเด็กสาวก็ดูเป็นคนมากความมั่นใจและดูสบายๆคนหนึ่งแต่ถ้าหากเป็นเรื่องของการไขปริศนาที่เจ้าตัวชอบนักชอบหาแล้วล่ะก็เธอจะเกลียดความพ่ายแพ้เมื่อไขไม่ออกเอามากๆ
และด้วยศักดิ์ศรีที่มีเธอก็จะไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากใครเด็ดขาด อีกสิ่งหนึ่งที่โจคาสต้ามีจนเต็มเปี่ยมพอๆกับความมั่นใจนั้นเห็นจะเป็นความร่าเริงสดใสราวกับดอกไม้แรกแย้มซึ่งเบ่งบานรับแสงอาทิตย์
เด็กสาวเป็นคนแจ่มใสสมวัยจนในบางครั้งก็อาจจะดูเด็กกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันหรือคนอายุอ่อนกว่าบางคนเสียอีก
โจคาสต้ามีความพึงพอใจที่จะได้เป็นสีสันให้กับทุกคนแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
แต่ถ้าหากเรื่องที่เจ้าตัวทำมันจะทำให้คนอื่นยิ้มออกมาแม้เพียงเล็กน้อยแต่เด็กสาวดีใจจนยิ้มหน้าบานไปหลายวันแล้วล่ะ
แต่ใช่ว่าเธอจะเข้าไปหาทุกคนที่มีความทุกข์แล้วทำให้พวกเขายิ้มหรอกนะ โจคาสต้าให้เกียรติคนที่มีเรื่องราวอะไรเก็บเอาไว้ในใจเสมอ
หล่อนจะไม่เข้าไปก่อกวนหรือทำให้พวกเขารำคาญแต่จะเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มที่มองดูแล้วชวนให้สบายใจก่อนจะนั่งอยู่เงียบๆ
อาจมีลูบหลังตบไหล่บ้างถ้าสนิทกันในระดับหนึ่งแล้วรอจนกว่าเขาจะพูดออกมาเองแม้จะพอสังเกตเห็นสาเหตุอยู่ก่อนแล้วก็ตาม
ยามใดที่อีกฝ่ายเปิดเผยมันออกมาในบางเรื่องโจคาสต้าอาจจะให้คำปรึกษาไม่ได้แต่เธอก็จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีจนเขาสบายใจและไม่นำเรื่องเล่าระหว่างกันไปแพร่งพรายต่อที่ไหนแม้เจ้าตัวจะไม่ได้สั่ง
ก็นับได้ว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีและคนที่น่าไว้ใจคนหนึ่ง โจคาสต้าเป็นเด็กยิ้มง่ายทั้งยังยิ้มเก่งเสียด้วย
เป็นพวกถือคติมีอะไรก็ขอยิ้มรับไว้ก่อนแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องรับมือยากแค่ไหนก็ตาม
นอกจากรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจที่ดูแก่แดดเกินเด็กจนน่าหมั่นเขี้ยวนั่นแล้ว
รอยยิ้มจริงใจที่มักจะเผลอยิ้มออกมาของเจ้าตัวก็น่ามองเอามากๆจนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้เลยล่ะ
หากจะเปรียบรอยยิ้มของหล่อนเป็นเหมือนกับอะไรสักสิ่งก็คงจะนึกถึงดอกทานตะวันดอกใหญ่ๆที่มอบความสดใสให้กับผู้พบเห็นเป็นแน่
ออร่าหรือลักษณะบางอย่างทำให้คนหลายคนสบายใจที่จะได้อยู่ใกล้ๆกับเธอ
บางครั้งแค่มองเวลาเจ้าตัวยิ้มหรือทำนั่นทำนี่ก็เหมือนผ่อนคลายไปในตัวแล้ว
ข้อดีอย่างหนึ่งของโจคาสต้าคือเธอเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีและเข้าถึงง่าย
ถ้าจัดประเภทแล้วก็ถือว่าเด็กสาวเป็นคนพูดเก่งอยู่พอตัว
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้เอาแต่พูดจนดูน่ารำคาญ
เธอรู้ว่าควรจะพูดอะไรตอนไหนเพื่อให้คนที่อยู่รอบข้างสบายใจมากที่สุด อีกทั้งความเป็นมิตรและท่าทางแก่นแก้วดูน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวเปรียบเหมือนแรงดึงดูดจากขั้วแม่เหล็กที่ชักนำให้ใครต่อใครเข้าหา
ด้วยความที่เป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายเธอจึงไม่ขลาดเขินหรือหวาดกลัวเมื่อจะต้องทำความรู้จักกับคนที่ไม่คุ้นเคย
รวมทั้งการตกเป็นเป้าสายตาหรือเป็นจุดสนใจก็ไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อนอะไรมากมายนัก
แต่ถึงจะบอกว่าโจคาสต้านั้นเข้ากับคนง่ายแต่ก็ใช่ว่าเธอจะดูคนไม่เป็นเอาเสียเลย
ความเฉลียวที่มีอยู่ส่งผลให้เด็กสาวค่อนข้างที่จะเท่าทันคนทำให้ยากที่จะจูงจมูกอยู่พอสมควร
แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากจะแสดงด้านนี้ออกมามากนักเพราะถึงอย่างไรโจคาสต้าก็ยังเป็นคนขี้เหงาที่ชื่นชอบการพบปะผู้คนหรือทำอะไรใหม่ๆอยู่ดี
สำหรับคนที่เพิ่งทำความรู้จักกันใหม่ๆ
ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มและท่าทีสบายๆโจคาสต้าจะตั้งกำแพงและคอยสังเกตพฤตกรรมของอีกฝ่ายแล้วตัดสินอยู่ภายในใจว่าคนตรงหน้าไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้าลองคิดดูแล้วผลออกมาว่าไม่เจ้าตัวก็จะผละจากไปอย่างสุภาพ
ดังนั้นความสนิทสนมที่เจ้าตัวมีให้ก็ไม่ได้มอบให้ใครซี้ซั้วหรอกนะ
และเมื่อสนิทกับใครแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าโจคาสต้าไม่ใช่คนที่ถือเนื้อถือตัวอะไรมากนัก
ยิ่งกับเพื่อนผู้หญิงด้วยแล้วการกอดการหอมถือเป็นเรื่องปกติสำหรับสาวลูกครึ่งอย่างเธอเลยล่ะ
กับผู้ชายเองก็อาจจะมีขี่หลังหรือกอดคอบ้างซึ่งมันก็น่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยเพราะอาจจะเป็นการไปให้ความหวังคนอื่นเข้าโดยไม่รู้ตัว
โจคาสต้าค่อนข้างติดสกินชิพเมื่ออยู่กับคนสนิท
สิ่งที่เจ้าตัวชอบที่สุดคือการถูกลูบหัวแล้วชมว่าเก่งมากๆเหมือนกับสุนัขตัวน้อยๆไม่มีผิด
ถ้าหากเจ้าหล่อนมีหูมีหางโผล่ออกมามันก็คงจะสะบัดระริกระรี้ด้วยความดีใจอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากเป็นคนที่ไม่สนิทแล้วแน่นอนว่าก็ต้องไม่ชอบใจนิดหน่อย
แต่โจคาสต้าไม่ใช่คนที่พอไม่พอใจอะไรก็จะทำตาขวางหรือแสดงอาการเกรี้ยวกราด
เด็กสาวจะทำเพียงยิ้มแล้วและปลีกตัวออกมาจากกระทำเหล่านั้นแบบเนียนๆทันที
กับคนสนิทแล้วโจคาสต้าไม่ได้ติดสกินชิพแต่เพียงอย่างเดียว
นิสัยส่วนนั้นจะมาพร้อมกับความขี้เล่นและขี้อ้อนแบบไม่จำกัดที่จะทำให้หลายคนอมยิ้มไปกับความน่าเอ็นดูแต่ในบางครั้งก็ต้องส่ายหัวให้กับความระอา
หล่อนเป็นคนเส้นตื้นหัวเราะง่าย
แม้ว่าเรื่องที่เล่ามันจะแป้กหรือไม่ตลกเลยก็ตามแต่ถ้ารู้สึกขำเจ้าตัวก็จะส่งเสียงหัวเราะออกมาจนตาหยี
ทั้งยังปรบมือเปาะแปะเหมือนแมวน้ำเสียสติ(?)
ทำให้ในบางครั้งเธอหัวเราะจนหายใจไม่ทันแล้วสะอึกไปเลยก็มี เมื่อพูดถึงนิสัยขี้เล่นของเธอแล้วความขี้เล่นของเด็กสาวอาจมาในรูปแบบการแซวหรือการแกล้งเล็กๆน้อยๆพอเป็นสีสัน
แต่จะไม่ถึงขั้นเลยเถิดจนทำให้คนถูกแกล้งไม่พอใจหรือเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน โจคาสต้าเป็นคนที่มีสัมผัสไวถ้าหากบรรยากาศรอบตัวนั้นเริ่มตึงเครียดหรือว่าหดหู่
ในบางครั้งเด็กสาวก็มักจะเล่นมุขที่คิดเองหรือจำมาจากที่อื่นเพื่อให้บรรยากาศนั้นดีขึ้นซึ่งก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างตามแต่สถานการณ์จะพาไป
โจคาสต้าชินเสียแล้วที่จะอ้อนใครก็ตามเมื่อสนิทกัน
ที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นการอ้อนคนอายุมากกว่าเพราะพอสบกับดวงตาใสแจ๋วไร้พิษภัยนั่นแล้วมันก็ยากที่จะทำใจปฏิเสธไปเสียทุกราย
มันไม่ใช่การอ้อนแบบแมวเพียงแต่เวลาอยากได้หรืออยากทำอะไรเจ้าตัวก็มักจะเข้ามาอ้อนหรือคลอเคลียทำตาแป๋วไม่ก็ทำหน้าละห้อยขอความเห็นใจไม่ต่างจากลูกหมาขอความรักจากเจ้าของเลยแม้แต่นิด
และถ้าหากคุณติดกับดักและตามใจเจ้าหล่อนเมื่อไหร่รอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจก็จะปรากฏขึ้นพร้อมกับการกอดรัดแบบแน่นๆจากเธอหนึ่งที
ความขี้เบื่อเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของเด็กสาวเจ้าของชื่อโจคาสต้า
ด้วยนิสัยนี้เองทำให้ถ้าไม่ใช่เรื่องที่สนใจเธอก็จะจดจ่ออยู่กับมันได้ไม่นานนักและหันเหไปทำอย่างอื่นด้วยความรวดเร็ว
แต่ถ้าหากได้ลองทำบางสิ่งบางอย่างแล้วรู้สึกชอบเธอก็จะติดทำมันจนกลายเป็นงานอดิเรกหรือทำจนเป็นนิสัยไปเลย
ความขี้เบื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โจคาสต้าเป็นคนไฮเปอร์ไม่ชอบอยู่เฉย
นานๆครั้งที่เธอจะจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่างจนลืมความเคลื่อนไหวรอบข้าง ในบางครั้งถึงกับลืมกินลืมนอนหรือลืมวันลืมคืนเลยด้วยซ้ำแต่ก็จะเกิดกับเรื่องที่เธอสนใจเท่านั้น
แหละ ในบางครั้งนิสัยรักความท้าทายของเจ้าตัวก็มักจะเป็นเหตุผลให้โจคาสต้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับอันตรายอยู่บ่อยๆจนน่าเป็นห่วง
แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังรอดมาได้แบบงงๆแทบจะทุกครั้ง ความช่างสังเกตและช่างจดช่างจำของโจคาสต้าทำให้เด็กสาวกลายเป็นคนที่มักจะเอาใจใส่กับรายละเอียดหรือคนรอบตัวอยู่ตลอดเวลา
เธอรับรู้ว่าพวกเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร
ควรทำอะไรให้พวกเขาพอใจได้จากการสังเกตและการพูดคุยเล็กๆน้อยๆ
โจคาสต้านั้นว่ากันตามตรงแล้วเธอแคร์คนอื่นมากกว่าที่จะนึกถึงตัวเองเสียอีก
ทั้งยังเป็นคนใจดีให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถกับคนที่ต้องการแบบไม่หวังในสิ่งตอบแทนใดๆแม้คนๆนั้นจะไม่ใช่คนที่ชมชอบเธอมาตั้งแต่แรกก็ตาม
ในบางครั้งเธอก็เป็นห่วงคนอื่นมากจนเกินเหตุทั้งๆที่เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยด้วยซ้ำ
เพื่อปกป้องคนอื่นหรือทำให้คนอื่นมีความสุขแล้วตัวเองจะเป็นอย่างไรก็ช่าง
ขอเพียงแค่รักษาคนสำคัญและรอยยิ้มของพวกเขาเอาไว้ได้แม้ต้องแลกด้วยชีวิตแต่เด็กสาวก็จะยอมเสี่ยง
เพราะเหตุการณ์หนึ่งที่เคยเกิดขึ้นทำให้โจคาสต้าเรียนรู้ได้ว่าเธอไม่ควรจะอยู่เฉยหรือหวาดกลัวเพราะผลสุดท้ายแล้วเธออาจจะสูญเสียคนๆนั้นไปตลอดกาล
หากจะพูดถึงจุดเด่นของเด็กสาวคนนี้แล้ว
มันสมองของโจคาสต้าก็เป็นจุดเด่นที่สำคัญประการหนึ่ง
ฉลาดในที่นี้ไม่ได้หมายถึงฉลาดในตำราแต่เพียงอย่างเดียวแต่เธอยังมากด้วยความรู้รอบตัวจนน่าแปลกใจอีกด้วย
ความสนใจจากการสังเกตสิ่งรอบตัวทำให้เด็กสาวชอบที่จะได้ศึกษาหรือบันทึกข้อมูลของสิ่งที่ตัวเองสนใจเอาไว้
หลายครั้งที่เจ้าหล่อนจะพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ซึ่งในบางครั้งมันอาจจะเป็นความรู้รอบตัวธรรมดาๆหรือความรู้แบบเจาะลึกที่ไม่ค่อยมีใครรู้ออกมาได้หน้าตาเฉยทำให้ในสายตาของหลายๆคนโจคาสต้าเป็นคนอันตรายที่รู้อะไรมากเกินเด็กทั่วไป
นิสัยอีกหนึ่งอย่างของโจคาสต้าคือการเป็นคนเถรตรงและมากด้วยความยุติธรรม
หรือจะบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนรักความยุติธรรมก็ไม่ผิดนัก เจ้าหล่อนจะไม่ยอมเป็นอันขาดหากต้องถูกใส่ร้ายหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ
ต่อให้เป็นคนสบายๆแค่ไหนแต่ก็ต้องมีน้ำโหกันบ้าง
และโจคาสต้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
แน่นอนว่าถ้าหากเธอผิดจริงเธอก็มีความกล้าและความรับผิดชอบมากพอที่จะยอมรับและแก้ไขมัน
โจคาสต้าชอบความเท่าเทียมและความเป็นธรรม
อะไรที่ดีเจ้าตัวก็ว่าดีอย่างว่ากันไปตามเนื้อผ้า
แต่ถ้าอะไรที่ไม่ดีเจ้าตัวก็จะไม่ปล่อยผ่าน
แม้จะเป็นคนสบายๆและโอนอ่อนกับอะไรก็ตามได้โดยง่ายแต่ถ้าหากมีเรื่องไม่ปกติหรือไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นเจ้าหล่อนก็พร้อมที่จะตัดสินด้วยความเด็ดขาดแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนสนิทก็ตาม
สิ่งที่เจ้าตัวไม่ชอบเอามากๆคือการรังแกคนที่อ่อนแอหรือด้อยกว่า
เห็นทีไรเป็นต้องเข้าไปช่วยตามประสาพลเมืองดีเสียทุกทีไป
โจคาสต้าเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง
ส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้ถึงนิสัยในส่วนนี้คือรอยยิ้มที่มักจะประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มมั่นใจหรือรอยยิ้มสดใสก็ตามแต่
หากมองเพียงผิวเผินแล้วเด็กสาวก็เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปที่มีความร่าเริงแจ่มใสมากมายอยู่จนล้น
เธอดูเหมือนไม่มีเรื่องเครียดหรือเรื่องทุกข์ใจจนน่าอิจฉา แต่ทว่าในความเป็นแล้วความร่าเริงสดใสในบางคราก็เป็นเพียงหน้ากากที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมาเพื่อปกปิดอารมณ์ที่มีอยู่ภายใน
ด้วยนิสัยของโจคาสต้านั้นการเปิดเผยมุมที่อ่อนแอของตัวเองออกมาให้ใครเห็นย่อมไม่สิ่งที่ต้องการเป็นธรรมดา
นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าตัวมักจะกดอารมณ์ด้านลบหลายๆอย่างเอาไว้แล้วฉาบหน้าด้วยรอยยิ้ม
ยิ่งเป็นเวลาเศร้าหรือรู้สึกไม่โอเคแล้วโจคาสต้าจะไม่ปริปากบอกใครเด็ดขาด
แม้ภายในจะเจ็บปวดมากแค่ไหนแต่เธอก็เลือกที่จะข่มมันไว้ด้วยรอยยิ้มและพยายามทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่แน่นอนว่าทำนบน้ำตามันก็สามารถพังทลายลงได้ทุกเมื่อนั่นล่ะ
ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่เธอไว้ใจมากพอเพียงแค่ไถ่ถามเสียหน่อยว่าเป็นอะไรหรือยกมือแตะไหล่เจ้าหล่อนเบาๆเท่านั้นโจคาสต้าก็พร้อมจะปล่อยโฮร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครในเวลานั้นไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย
แค่กอดเธอเอาไว้แน่นๆเท่านั้นก็พอแล้ว เด็กสาวมักจะพูดคำว่า ‘ไม่เป็นไรๆ’ ออกมาเสมอไม่ใช่เพียงเพราะอยากเป็นผู้ปกป้องหรือให้กำลังใจ
ลึกๆแล้วเธอก็ยังต้องการคำปลอบประโลมอยู่บ้างตามประสาเด็ก
แต่ด้วยทิฐิรวมถึงไม่อยากจะทำให้คนรอบข้างที่เธอให้ความสำคัญต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วยทำให้เลือกที่จะเก็บมันเอาไว้กับตัวเองจนบางครั้งรอยยิ้มที่สร้างขึ้นก็เหมือนกับเป็นการหลอกตัวเองอยู่กลายๆ
นิสัยส่วนนี้ทำให้โจคาสต้าดูเหมือนจะเป็นคนโกรธยากซึ่งก็จริงอยู่ส่วนหนึ่ง เด็กสาวไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดหรือโกรธใครไปทั่วส่วนมากจึงอาจจะแค่งอนๆตามประสาพอให้เป็นสีสันเท่านั้น
แต่ความอดทนที่มีก็ใช่ว่าจะสูงเสียด้วย เจ้าหล่อนจะยิ่งหงุดหงิดถ้าหากเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนสำคัญหรือเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เธอไม่ชอบ
โจคาสต้าในเวลาโกรธนั้นไม่ใช่คนเกรี้ยวกราดที่พร้อมทำลายล้างทุกอย่าง
เด็กสาวจะเก็บความรู้สึกไม่พอใจนั้นไว้ใต้รอยยิ้มหากทว่าคำพูดคำจาในยามโกรธมันช่างฟังดูเชือดเฉือนบาดลึกจนน่าเหลือเชื่อว่าจะเป็นคำพูดของเด็กอายุสิบเจ็ด
ไหนจะบรรยากาศกดดันที่แผ่ออกมารอบตัวนั่นอีก
แม้ภายนอกจะยังยิ้มอยู่แต่คนรอบข้างก็คงพอจะรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าเธอโกรธเข้าให้แล้ว
ดังนั้นแล้วอย่าทำให้โจคาสต้าโกรธก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพราะเจ้าตัวเองก็ไม่ใช่คนที่หายโกรธง่ายสักเท่าไหร่
ด้วยความที่โจคาสต้าเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง
แต่ดูเหมือนนิสัยส่วนนั้นจะมีปัญหาเล็กน้อยในยามที่เจ้าตัวกำลังเขินจนได้ที่
เพราะสองแก้มของเด็กสาวจะแดงจนแทบร้อนฉ่าไม่ต่างจากมะเขือเทศลูกโตอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อนำมารวมกับอาการลนลานทำอะไรไม่ถูกในตอนที่เจ้าตัวพยายามปฏิเสธด้วยแล้วมันก็ดูน่ารักน่าแกล้งไม่น้อยทีเดียว
โจคาสต้าไม่ใช่คนที่ประสีประสากับความรักเท่าไหร่นัก
แม้จะมีประสาทสัมผัสไวและไขปริศนาเก่งมากแค่ไหนแต่กับเรื่องคงต้องบอกว่าเจ้าตัวความรู้สึกช้าและไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวจนน่าเป็นห่วง
โจคาสต้ามักจะดูไม่ค่อยออกว่าคนรอบข้างคนไหนมีความรู้สึกพิเศษให้กับตัวเองบ้างตามประสาคนที่จับพิรุธคนร้ายเป็นอย่างเดียวแถมยังดูเหมือนจะมีสมองเอาไว้เฉพาะตอนไขปริศนา
นั่นทำให้เวลามีคนมาสารภาพรักเจ้าตัวเลยมักจะเขินจนลนลานอยู่บ่อยๆ และแน่นอนว่าเวลาที่เด็กสาวมีความรักคนเขาก็รู้กันไปทั่วทั้งบางเพราะเก็บมันเอาไว้ไม่อยู่นั่นเอง
โจคาสต้ามักจะแอบมองคนที่ตัวเองรู้สึกชอบอยู่บ่อยๆ
มองแล้วมองอีกจนเขารู้ตัวแล้วถึงจะเฉไฉหลบตาไปแบบไม่เนียน
ยิ่งได้คุยด้วยก็จะออกอาการประหม่าแก้มแดงมือไม้พันกันแม้จะพยายามทำตัวให้ปกติแล้วก็ตาม
อีกทั้งยังแสดงอาการหวงเวลาเขาคนนั้นไปสนิทสนมกับคนอื่นอย่างไม่ปิดบังแต่พอถูกถามแล้วก็ปฏิเสธตาใสไปเสียทุกที
เผลอๆยังจะแกล้งโวยวายเพื่อตัดปัญหาอีกแน่ะ มองดูแล้วก็น่ารักไม่หยอกอยู่เหมือนกัน
ประวัติ ::
โจคาสต้า เค.
ดอร์คัส
เป็นเด็กสาวที่เกิดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขตฮอกไกโด
เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านที่มีทั้งพ่อและแม่
พ่อของโจคาสต้าเป็นนายตำรวจชาวญี่ปุ่นที่มีฝีมือ
และด้วยฝีมือของเขาก็ทำให้เขาได้เป็นถึงสารวัตร
ส่วนแม่ของเธอนั้นเป็นชาวอังกฤษที่ประกอบอาชีพเป็นนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
แม่ของเธอทิ้งเมืองฝนพรำแล้วย้ายมาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อของเธอที่ประเทศญี่ปุ่นถาวร
โจคาสต้าเป็นเด็กหญิงที่เกิดจากความรักอย่างแท้จริง
เธอได้รับความอบอุ่นและความรักอย่างเต็มที่จากผู้ให้กำเนิดทั้งสอง
เด็กน้อยชื่นชอบการไขปริศนาเพราะหน้าที่การงานของคนเป็นพ่อรวมถึงได้คลุกคลีกับงานเขียนของแม่มาตั้งแต่อายุยังน้อย
บ่อยครั้งที่เธอมักจะเอาแฟ้มคดีของพ่อมาอ่านรวมถึงช่วยไขปัญหาต่างๆอยู่หลายครั้ง
เด็กหญิงถูกส่งไปใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษตอนอายุเจ็ดขวบ
เธอใช้ชีวิตอยู่กับคุณยายที่บ้านหลังหนึ่งในลอนดอน โจคาสต้าเป็นเด็กฉลาด
แม้จะอยู่ต่างบ้านและใช้ต่างภาษาแต่ก็ได้ผลการเรียนดีเป็นที่น่าพอใจมาโดยตลอด
เธอใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษห้าปีก่อนจะกลับมาที่ญี่ปุ่นหลังจากจบประถมหก
ชีวิตของโจคาสต้าเป็นไปด้วยความสุขมาโดยตลอด
เธอมีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อน ได้ทำในสิ่งที่รักอย่างการไขปริศนา
มันควรจะเป็นอย่างนั้นต่อไปจนกระทั่งวันหนึ่งมาถึง…. วันชมดอกซากุระที่จะอยู่ในความทรงจำของเธอไปตลอดกาล
“เร็วค่ะพ่อ! เรากำลังจะสายแล้ว”
เด็กหญิงเอ่ยเร่งขณะย่ำเท้ารัวเร็วอยู่กับที่
ดวงตาสีลาเวนเดอร์ส่องประกายด้วยความตื่นเต้น มันเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้า
ในตอนนั้นโจคาสต้าอายุสิบสี่
มันเป็นวันที่เด็กน้อยจะได้ไปเที่ยวกับคุณพ่อหลังจากที่นายตำรวจทำงานมานาน
นายตำรวจส่งยิ้มอ่อนโยนให้ลูกสาวขณะใส่รองเท้า
“ช้าๆก็ได้โคกิ
เราไปทันอยู่แล้วล่ะ”
ร่างเล็กทำหน้ามุ่ย
เธอส่งเสียงกระเง้ากระงอดพลางกระชับสายเป้สีแดงบนไหล่ “เดี๋ยวคนก็เยอะหรอกค่ะ
ชมซากุระทีไรคนก็เยอะทุกที”
ร่างสูงสมส่วนของคนเป็นตำรวจส่ายหน้า
ริมฝีปากเปื้อนรอยยิ้มบางให้กับท่าทางของลูกสาวตัวน้อย
เพราะวันนี้อากาศแจ่มใสบวกกับถึงฤดูใบไม้ผลิพอดีสองพ่อลูกจึงตั้งใจว่าจะไปดูดอกซากุระบาน
น่าเสียดายที่ภรรยาของเขาไม่ได้ไปด้วยเพราะติดงาน
“โอเคๆ พ่อจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
สองพ่อลูกนั่งรถที่เคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วปานกลางบนถนนในฤดูใบไม้ผลิ
ใช้เวลาพักหนึ่งก็เดินทางมาถึงบริเวณที่มีเทศกาลชมดอกซากุระ โจคาสต้ากระโดดลงจากรถด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง
หมวกแก๊ปสีแดงถูกมือเล็กๆกระขับขณะวิ่งไปตามทางโดยมีผู้เป็นพ่อตามอยู่ไม่ห่าง
“ตามมาเร็วๆสิคะคุณพ่อ!
เดี๋ยวเราจะไม่มีที่นั่งนะคะ”
“จ้าๆ”
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มของยามสนธยาเมื่อสองพ่อลูกตัดสินใจจะกลับบ้าน
โจคาสต้าเอ่ยเร่งคนเป็นพ่อที่กำลังเดินตามหลัง
คนในบริเวณงานบางตาจนแทบมองไม่เห็นใครนอกจากเธอและพ่อ
แสงสีส้มอาบไล้พื้นเบื้องล่างและต้นซากุระโดยรอบเป็นสีแปลกตา
นายตำรวจร่างสูงหยุดเดินหลังจากตอบรับประโยคของลูกสาวได้ไม่นานเมื่อเห็นโจคาสต้าหยุดเดิน
ดวงตาสีอเมทิตส์ของเด็กจ้องเป๋งไปทางห้องน้ำที่แยกออกมาจากบริเวณจัดงาน
มันเป็นห้องน้ำสาธารณะที่อยู่ใกล้กับซากุระต้นใหญ่
เขาไล่สายตามองตามก่อนจะพบกับชายสองคนท่าทางน่าสงสัยในชุดเครื่องแต่งกายมิดชิดสีทึบ
กิริยามีพิรุธไม่เป็นที่สังเกตเมื่ออยู่บริเวณห้องน้ำที่ไม่ค่อยมีคน
“พวกเขาจะทำอะไรกันคะคุณพ่อ” โจคาสต้ากระซิบถาม
คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย พ่อเดินเข้ามาประชิดตัวเธอแล้วส่ายหน้า
“โคกิ… ลูกรออยู่ตรงนี้นะ
พ่อจะเข้าไปดูสักหน่อย ถ้ามีอะไรขึ้นมาจริงๆจะได้จัดการได้”
คุณพ่อกำชับพร้อมกับบีบมือข้างหนึ่งของเด็กหญิงแน่น
เขาบอกให้โจคาสต้าโทรหานายตำรวจอีกคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานก่อนจะบอกให้รออยู่ตรงนี้ ดวงตาคู่โตมองแผ่นหลังของพ่อที่ห่างออกไป
มือเล็กกดโทรศัพท์
บอกเรื่องที่พบตามที่พ่อสั่งก่อนจะก้าวเท้าตามคนเป็นพ่อไปอย่างเงียบเชียบ
ท่าทางของคนพวกนั้นคล้ายกับกำลังคุยอะไรบางอย่างเมื่อทั้งพ่อและเธอเข้าไปใกล้ขึ้น
พ่อของเธอหลบอยู่หลังต้นซากุระส่วนเธอก็กระชับหมวกลงปิดใบหน้า
แต่ยังไม่ทันจะด้าวตามแผ่นหลังนั้นไปแรงสั่นในกระเป๋ากางเกงก็เกิดขึ้นจนรู้สึกได้
โจคาสต้าหันหลังก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับ
“มาถึงแล้วเหรอคะ….” ร่างเล็กกระซิบตอบคนปลายสายเจ้าของเบอร์ที่โทรไปก่อนหน้านี้
ดวงตาสีสวยลอบมองด้านหลังอย่างระมัดระวัง เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นข้างขมับ
[อยู่ตรงไหนกันเนี่ยฉันจะได้เข้าไป
ตอนนี้มีกำลังเสริมมาด้วย อย่าบอกนะว่าเขาเข้าไปแล้วน่ะ!?]
“ชะ ใช่ค่ะ คุณพ่อเข้าไปแล้ว…”
[บ้าจริง! เอาอย่างนี้นะ หนูออกมาตรงหน้าทางเข้า
จะได้บอกว่าเขาอยู่ที่…..]
ปัง!!
เสียงปืนดังขึ้นแหวกอากาศทั้งที่ปลายสายยังพูดไม่ทันจบเลยด้วยซ้ำ
เสียงนั้นดังก้องอยู่ในพื้นที่ร้างผู้คนยามสนธยา โจคาสต้าหันหน้ากลับไปทางต้นเสียง
มองเห็นพ่อของตนล้มลงและชายสองคนนั้นที่เดินออกไป ใบหน้าขาวซีดเผือด
ภาพเบื้องหน้าทำให้รู้สึกมึนเบลอเหมือนถูกทุบด้วยค้อนปอนด์ ตัวเธอชาวาบ
รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนพร้อมกับหัวใจที่เต้นช้าลงเป็นจังหวะที่เจ็บปวด
ถ้าหากตอนนั้นเธอมองไม่เห็นพวกมัน
ถ้าหากตอนนั้นเธอบอกคุณพ่อให้กลับบ้านให้เร็วกว่านี้
หรือถ้าหากตอนนั้นเธอไม่มาที่นี่….
ทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้
[เสียงอะไรน่ะ!? ฮัลโหล
หนูน้อย!! ตอบหน่อย]
[ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น! ตอบหน่อย!!]
มือของโจคาสต้าสั่นจนเผลอปล่อยโทรศัพท์หลุดมือ
ดวงตากลมโตปริ่มน้ำมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาร้าวรานไม่ต่างจากแก้วน้ำหวานที่ใกล้ปริแตก
น้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านแก้มขาว เสียงหนึ่งดังจากริมฝีปากที่สั่นระริก
“คุณพ่อคะ!!!?”
โจคาสต้าวิ่งตรงไปหาร่างแน่นิ่งของผู้เป็นพ่อ
ลำแขนเล็กโอบกอดร่างที่ใกล้ไร้ลมหายใจของอีกฝ่ายไว้
เลือดอุ่นๆจากปากแผลซึมผ่านฝ่ามือ
เด็กหญิงสะอื้นจนไหล่สั่นก่อนซบใบหน้าลงกับหัวไหล่กว้าง
รู้สึกถึงสัมผัสเบาบางจากฝ่ามืออ่อนแรงของคนเป็นพ่อลูบเส้นผมสีเข้มเหมือนอย่างที่เคยทำประจำ
“โคกิ….” เสียงของพ่อสั่นพร่าและแผ่วเบา “พ่อรักลูกนะ”
“พ่อคะ!!? ฮึก ไม่นะ!
คุณพ่อ!!!”
หลังจากเหตุการณ์นั้นนายตำรวจและคนอื่นๆตามเข้ามายังที่เกิดเหตุ
ภาพเด็กหญิงกอดร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อด้วยแววตาเลื่อนลอยสร้างความสะเทือนใจและหดหู่แก่ผู้พบเห็น
โจคาสต้าถูกพาตัวไปสถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำก่อนจะถูกพากลับบ้าน
งานศพของพ่อดำเนินไปอย่างเงียบๆ โจคาสต้านั่งนิ่ง มองหลุมศพของพ่อด้วยแววตาสั่นไหว
“หนูจะต้องรู้ให้ได้ค่ะพ่อ…. ว่าคนพวกนั้นมันเป็นใคร”
โจคาสต้าใช้เวลาจากวันเป็นเดือน
จากเดือนเป็นปี
เธอใช้เวลากว่าสามปีในการสืบหาเบาะแสว่าชายสองคนในเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นใครกันแน่
แน่นอนว่าการสืบหาของเธอใช่ว่าจะราบรื่นนักเพราะดูเหมือนคนที่โจคาสต้าสืบหาจะฉลาดและไหวตัวทันพอดู
นอกจากฉลาดยังโหดร้ายมากเสียด้วย….
การเตือนครั้งแรกของพวกมันคือบ้านของเธอถูกรื้อค้น
และโจคาสต้าถูกแม่สั่งห้ามไม่ให้ข้องเกี่ยวกับคนร้ายพวกนั้นอีก
“เลิกยุ่งกับเรื่องนี้เถอะนะโคกิ
แม่เหลือลูกแค่คนเดียวแล้วนะ….”
คำพูดที่เต็มไปด้วยแวววอนขอของคนเป็นมารดาไม่อาจหยุดเป้าหมายของโจคาสต้าได้
เด็กสาวดื้อดึงที่จะตามหาจึงถูกรถปริศนาเฉี่ยวเข้าแทนการเตือนครั้งที่สอง
และเมื่อโจคาสต้าจับเบาะแสได้บ้านของเธอก็ถูกปิดไฟมืดในวันที่เธอกลับมาที่บ้านพร้อมกับของขวัญเนื่องในวันเกิดของแม่
“แม่คะ… ทำไมปิดไฟมืดอย่างนี้ล่ะคะ?”
“อื้อ!!”
“เสียงอะไรน่ะ!? แม่คะ!!
แม่อยู่ที่ไหน!!?”
“หุบปากซะ…”
เสียงทุ้มกร้าวดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับแววแปลบปลาบจากของมีคมส่องสว่างในความมืดรู้ตัวอีกทีโจคาสต้าก็ถูกท่อนแขนของใครบางคนล็อคตัวเอาไว้
คมมีดที่จ่ออยู่ลำคอทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกนัก
เด็กสาวอายุสิบเจ็ดปีเม้มริมฝีปากขณะกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ
“พะ พวกแกต้องการอะไร….”
ไฟในบ้านถูกเปิดแทนคำตอบ
เด็กสาวหรี่ตาลงเมื่อต้องเจอแสงสว่างแบบไม่ทันตั้งตัว
ภาพตรงหน้าทำให้หล่อนเบิกตากว้าง หญิงวัยกลางคนถูกจับมัดมือมันเท้า
ริมฝีปากสวยถูกพาดทับด้วยเทปสีดำ
ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาทว่าหล่อนยังคงดิ้นสุดความสามารถ
ผัวะ!!
“แม่คะ!!”
โจคาสต้าร้องออกมาด้วยความตกใจ
ดวงตาใสเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตา
ในตอนที่ขยับตัวคมมีดก็กดลงมาแน่นขึ้นกลายเป็นรอยแผลพอได้เลือด เด็กสาวมองใบหน้าของคนร้ายด้วยแววตาโกรธแค้น
ลึกลงในแววตาวาวโรจน์ด้วยแรงโทสะ
“ถ้าไม่อยากโดนแบบแม่แก…” มันกดมีดลงมาอีกครั้งขณะขู่เสียงเย็น
“เลิกยุ่งกับพวกเราซะ!!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยแม่ไป!!
เรื่องนี้คนอื่นไม่เกี่ยว!”
“เหอะ
ถ้าแกฟังที่พวกเราขู่ไปสักนิดก็ไม่ต้องโดนแบบนี้หรอก”
“น่าเสียดายนะ”
ปัง!!
“แม่คะ!! ม่ายยยยยยย!!”
ลูกกระสุนที่ฝังลงข้างขมับทำให้เธอเสียชีวิตในทันที
โจคาสต้ากรีดร้อง ใบหน้าขาวซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก
น้ำตาเม็ดโตหลั่งไหลอาบแก้มหากแต่มือของหล่อนสั่นและไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะเช็ดมันออก
ภาพเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนฉายชัดในความทรงจำ
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งแล้วพรากคนสำคัญของเธอจากไปตลอดกาล
“พวกแกมันเลว! เลว!
เลวยิ่งกว่าหมาเสียอีก!! ก็บอกว่าเรื่องนี้คนอื่นไม่เกี่ยวยังไงเล่า!
โธ่เว้ยยยยยยย!!”
ถ้าหากตอนนั้นเธอฟังคำพูดของแม่สักนิด
ถ้าหากตอนนั้นเธอไม่มัวดื้อดึงที่จะตามหาพวกมันให้ได้
อย่างน้อยถ้าเธอรู้ตัว….. ทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้
ทุกอย่างเกิดเพราะเธอ
เธออีกแล้ว….
แรงดิ้นของเด็กสาวพาให้หยดเลือดสีแดงไหลออกมาจากแผลที่ลำคอมากขึ้น
ร่างเล็กกรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง ความรู้สึกมากมายกลั่นตัวออกมาเป็นหยาดน้ำตาหวังระบายความเจ็บปวดที่ก่อตัวจนคับแน่นในอก
“ฆ่าฉันเลยสิ! ฆ่าฉันเลย!!
ไม่อยากให้ฉันรู้เรื่องพวกแกมากนักก็กำจัดฉันไปอีกคน!!”
“ทำเซ่!! ทำเหมือนที่แกทำกับพ่อฉัน!
กับแม่ฉัน! กับคนอื่นๆที่พวกแกทำ! ฆ่าฉันสิวะไอ้พวกโง่!!”
ฉึก!!
และภาพสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำคือภาพของเด็กสาวที่หลับตารอรับความตาย
น้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านใบหน้าก่อนร่างปวกเปียกจะล้มลงตามแรงโน้มถ่วง
ลมหายใจขาดห้วงไร้ซึ่งวิญญาณและสัญญาณของการมีชีวิต
หัวใจก่อนสิ้นชีวิตเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ชิงชังและหวาดกลัว
‘พ่อคะ แม่คะ หนูขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ…..’
หนาว…..
ความรู้สึกเย็นเยือกจับถึงขั้วกระดูกส่งผลให้ร่างกายขดตัวลงโดยอัตโนมัติเพื่อซุกหาไออุ่น
เปลือกตาขยับยุกยิกอย่างไม่เต็มใจนัก
ดวงตากลมโตเปิดขึ้นอย่างเกียจคร้านก่อนจะพบว่าตนอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่คุ้นเคย
ที่นี่….. ที่ไหนกัน
ทุกสิ่งรอบตัวสูงใหญ่แปลกตา
ต้นไม้ทุกต้น ตึกทุกหลัง รถทุกคันรวมถึงถนนหนทาง
มันเหมือนจะชินตาแต่ก็ไม่ใช่เอาเสียเลย
โจคาสต้ารู้สึกว่ามันใหญ่ขึ้นอย่างน่าประหลาด
แต่ยิ่งคิดมากเท่าไหร่สมองก็ยิ่งปวดตุบ
ทำไมกันล่ะ….. เราไม่ได้ตายไปแล้วหรอกเหรอ….
เด็กสาวยกมือขึ้นหมายจะสัมผัสลำคอที่ถูกฟันด้วยมีด
หากทว่าสัมผัสนุ่มฟูทำให้โจคาสต้าตกใจ เด็กสาวเบิกตากว้าง
ละมือออกก่อนจะต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อพบกับอุ้งมือสุนัขแทนที่จะเป็นมือของตัวเอง
อุ้งมือ!? ขน!? นะ
นี่มันอะไรกันเนี่ย!!
ไม่ต้องบรรยายสถานการณ์กันให้เยอะรถคันหนึ่งก็แล่นฉิวผ่านไป
แอ่งน้ำขังบนท้องถนนกระเซ็นถูกตัวที่ปกคลุมด้วยเส้นขนสีสว่างเมื่อล้อรถเลื่อนผ่าน
ทว่านั่นไม่ชัดเจนเท่าเงาของเธอที่สะท้อนกับตัวรถสีดำมันวาวไม่ต่างจากกระจกเงาชั้นดี
“โฮ่งๆ!” เธอกลายเป็นหมาโกลเด้นไปแล้ว!!!
โจคาสต้าในร่างลูกสุนัขแสนเชื่องพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์เร่ร่อนอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคยเป็นเวลาหลายวัน
เด็กสาวที่กลายเป็นสุนัขตัวน้อยไม่ได้แตะหรือเฉียดใกล้อาหารเลยสักมื้อ
มิหนำซ้ำยังถูกสุนัขตัวอื่นขู่เพราะเห็นว่าเป็นลูกหมาหน้าใหม่อีกต่างหาก
ชีวิตรันทดชะมัด….
วิญญาณเด็กสาวในร่างสุนัขตัวจ้อยคิดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา
แต่ในจังหวะที่กำลังเดินด้วยสี่ขาไปเรื่อยเปื่อยใบหูก็กระดิกเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์เคลื่อนเข้ามาใกล้
โกลเด้นตัวน้อยหันมองดวงตาเบิกกว้าง เสียงที่ออกมากลายเป็นเสียงเห่าบ๊อกแบ๊ก
มอเตอร์ไซค์!!? ถ้าถูกชนฉันตายอีกรอบแน่!!
“โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!!”
ไม่นะฉันยังไม่อยากตายยยยยยยย
บรื้นนน~~
“มาอยู่ตรงนี้ไม่ดีเลยนะครับ
เกือบถูกชนแล้วไหมล่ะ…”
โจคาสต้าเงยหน้าขึ้น
ใบหน้าหล่อเหลาสะท้อนเข้าสู่แก้วตาสีฟ้าใส มือใหญ่สัมผัสเส้นขนมอมแมมด้วยความอ่อนโยนอย่างไม่นึกรังเกียจ
และตอนนี้เขากำลังอุ้มเธออยู่!
เด็กสาวอยากถามเหลือเกินว่าเขาเป็นใคร
แต่กลายเป็นเสียงเห่าออกมาแทน
“โฮ่ง!”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มจาง
รอยยิ้มนั้นดูอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า รอยยิ้มที่ทำให้โจคาสต้านึกถึงพ่อ
เขายังคงลูบเส้นขนสีสว่างอย่างเบามือก่อนจะเลื่อนมือมาลูบเบาๆบนศีรษะกลมดิก
“ไม่มีปลอกคอด้วย…. ไม่มีเจ้าของสินะครับ
ยังเป็นลูกหมาอยู่แท้ๆใครกันนะช่างใจดำขนาดนี้”
โจคาสต้าทำเพียงฟังเสียงทุ้มนุ่มพูดกับตัวเองไปตลอดทาง
สุนัขตัวน้อยเห่าบ๊อกแบ๊กไม่ได้ศัพท์แทนคำพูด
รู้ตัวอีกทีเด็กสาวในร่างลูกสุนัขก็ถูกปล่อยจากอ้อมแขนแข็งแรงในบ้านหลังหนึ่ง
สภาพแวดล้อมแปลกตาเรียกให้สุนัขสูดจมูกฟุดฟิดและสะบัดศีรษะมองรอบด้าน
“ต่อไปนี้ก็มาอยู่กับผมนะครับ…” ร่างสูงยังคงยิ้ม
เขาย่อตัวลงแล้วลูบหัวกลมๆของสุนัขตัวเล็กด้วยความเอ็นดู “ผมชื่อฟง
ต่อไปนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ….”
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของโจคาสต้า
ชีวิตใหม่ในร่างสุนัขกับวายุหนุ่มผู้อบอุ่นอ่อนโยน อัลโกบาเลโน่ ฟง
คู่ :: อัลโกบาเลโน่
ฟง
สิ่งที่ชอบ :: ปริศนาหรืออะไรก็ตามที่ชวนให้ขบคิด
(โจคาสต้าชอบมันเพราะรู้สึกเหมือนได้ฝึกสมองอยู่ตลอดเวลา
ดวงตาของเธอจะเป็นประกายเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นโปรดเมื่อเจอเรื่องเหล่านั้น
ก่อนตายหล่อนมักจะมีสมุดพกเล่มเล็กๆไว้จดนั่นแก้นี่ติดตัวอยู่เสมอ) / โคล่า
(เพราะมันทำให้สดชื่น ได้กินสักกระป๋องเวลาเครียดๆความไม่สบายใจก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
ตอนที่เป็นสุนัขก็มักจะตะกุยๆทำตาแป๋วอ้อนขอโคล่าอยู่เสมอ) / หมากรุก
(โจคาสต้าชอบที่จะได้เล่นหมากรุกในเวลาว่างเนื่องด้วยเป็นการละเล่นที่ฝึกสมองได้ดีอีกวิธีหนึ่ง
เธอชอบที่จะสังเกตสีหน้าและท่าทางของคนที่เล่นด้วยคล้ายเป็นการประเมินนิสัยและความคิดของพวกเขาไปในตัว)
/ ก้านอมยิ้ม (โจคาสต้าเป็นคนติดอมยิ้ม แต่ก้านอมยิ้มนั้นดูเหมือนหล่อนเพิ่งจะมาชอบหลังจากที่เป็นสุนัขได้ไม่นาน
ที่ชอบเห็นจะเป็นเพราะมันดูเหมือนเป็นของที่เอาไว้เคี้ยวเล่นเพลินๆเวลาต้องการใช้ความคิด)
/ สีแดง (เวลาแต่งตัวมักจะมีเครื่องแต่งกายอย่างน้อยหนึ่งอย่างที่เป็นสีแดง
ที่ใส่บ่อยที่สุดเห็นจะเป็นเสื้อคลุมแขนยาวแบบมีฮู้ดสีแดงเลือดนก) / ของหวาน
(ของหวานเหมือนจะเป็นตัวช่วยที่ดีอีกตัวหนึ่งเวลาเจ้าตัวคิดอะไรไม่ออก
โจคาสต้าชอบกินของหวานแทบทุกชนิดและดูเหมือนจะเป็นคนติดรสหวานมากเสียด้วย) / สถานที่สูงๆหรือเครื่องเล่นหวาดเสียว
(เป็นของโปรดสำหรับคนชอบความท้าทายอย่างโจคาสต้าเลยล่ะ
โจคาสต้าชอบเวลาที่ได้ขึ้นไปบนสถานที่สูงๆอย่างหอคอยแล้วมองลงมาข้างล่าง
รวมไปถึงเครื่องเล่นหวาดเสียวนานาชนิดเป็นต้นว่า รถไฟเหาะ บันจีจัมพ์ ช่วงเวลาที่เด็กสาวชอบมากที่สุดคือช่วงที่มีลมมาปะทะใบหน้าและสามารถส่งเสียงออกมาได้เต็มที่นั่นเอง)
สิ่งที่ไม่ชอบ I เกลียด :: ความไม่ยุติธรรมและการรังแกคนที่อ่อนแอกว่า
/ กระโปรง
(เพราะมันทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกและต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลาซึ่งไม่ใช่นิสัยของโจคาสต้าเท่าไหร่นัก
ดังนั้นนอกจากกระโปรงนักเรียนแล้วโจคาสต้าก็ไม่แตะกระโปรงตัวอื่นอีกเลย
และถึงแม้จะใส่กระโปรงนักเรียนอยู่แต่ข้างในก็มักจะสวมกางเกงขาสั้นอยู่เสมอ) / รองเท้าส้นสูง
(ด้วยเหตุผลเดียวกันกับกระโปรงเพราะทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกและยังทำให้เจ็บส้นเท้าเลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
มักจะใส่รองเท้าผ้าใบไม่ก็รองเท้าแตะมากกว่า) / ผัก
(โจคาสต้าเกลียดผักและไม่ค่อยถูกกับกลิ่นเหม็นเขียวของมันเท่าไหร่นัก
จึงมักจะทำหน้าเหมือนเห็นผีแล้วรีบเขี่ยมันออกอยู่เสมอเวลาที่เห็นผักอยู่ในจานของตัวเอง)
สิ่งที่กลัว I เเพ้ :: การสูญเสีย /
คนร้ายในคดีเมื่อสามปีก่อน (คาดว่าปัจจุบันยังคงลอยนวลอยู่ เอาจริงๆก็ทั้งเกลียดและกลัวนั่นแหละ
แต่ในความรู้สึกจะหนักไปทางกลัวมากกว่า แม้จะพยายามทำตัวเป็นปกติแต่โจคาสต้าจะรู้สึกอึดอัดและแสดงอาการสั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัดถ้าหากมองเห็นหรือได้ยินชื่อ)
งานอดิเรก :: อ่านนิยายสืบสวนสอบสวน /
เดินเล่นรอบๆเมือง
(โจคาสต้าชอบที่จะได้เดินเล่นแล้วสังเกตสิ่งของรวมถึงผู้คนรอบๆตัว
ด้วยประสาทสัมผัสที่ค่อนข้างดีทำให้หล่อนเป็นคนชอบฟังเสียงรองเท้าแล้วทายว่าเป็นรองเท้าประเภทไหน
ซึ่งตอนที่เป็นสุนัขก็ยังติดนิสัยเดินเล่นเป็นงานอดิเรกอยู่เลยมักจะหายออกไปจากบ้านบ่อยๆ)
/ เล่นหมากรุก (โจคาสต้าเล่นหมากรุกเก่งมาก นอกจากนี้ยังอ่านทางเดินได้ค่อนข้างขาด
สามารถรู้ได้ว่าฝ่ายไหนจะแพ้หรือชนะจากการเดินหมากเพียงหนึ่งหรือสองตัว) /
เล่นสเก็ตบอร์ด / กระโดดเล่นในแอ่งน้ำ (พอเป็นสุนัขก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปย่ำหรือกระโดดเล่นในแอ่งน้ำขังจนตัวมอมแมมลำบากเจ้าของต้องอาบน้ำให้บ่อยๆ)
/ อ้อนเจ้าของ
ลักษณะการพูด :: ตามปกติแล้วโจคาสต้าไม่ใช่คนพูดเสียงดังเว้นเสียแต่จะตื่นเต้นจนเกินเหตุแต่ก็ไม่ได้เบาจนฟังไม่ได้ศัพท์
ดังนั้นจะบอกว่าโทนเสียงของเธออยู่ในระดับพอดีก็ได้
เสียงของเด็กสาวหวานใสตามประสาเด็กผู้หญิง เธอมักจะแทนตัวเองว่าฉันแล้วเรียกคนอื่นว่านายหรือเธอแม้จะจำชื่อของอีกฝ่ายได้อยู่แล้วก็ตาม
กับคนอายุไล่เลี่ยกันโจคาสต้าจะพูดจาตามปกติไม่ค่อยมีหางเสียงสักเท่าไหร่
ซึ่งระยะห่างแค่ปีหรือสองปีสำหรับโจคาสต้าก็ถือว่าไล่เลี่ยกันนะ
แต่ถ้าหากคุยกับคนที่อายุมากกว่านั้นเธอก็จะเรียกเขาว่าคุณแล้วใช้หางเสียงลงท้ายด้วยท่าทางสุภาพทันที
ตัวอย่างคำพูดสถานการณ์ที่หนึ่ง : แนะนำตัว
“สวัสดีๆ! ฉันโจคาสต้านะ แต่จะเรียกว่าโจสก็ได้
จะเรียกชื่อไหนฉันก็ไม่ขัดทั้งนั้นแหละ!” โจคาสต้ายกยิ้มเผล่บนใบหน้า
ดวงตาที่หยีลงเล็กน้อยกับเขี้ยวเสน่ห์ทำให้เจ้าหล่อนดูซุกซนมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ
มาสนิทกันเถอะ!!”
ตัวอย่างคำพูดสถานการณ์ที่สอง : โจคาสต้าดีใจ
“เอ๋~~ จริงเหรอเนี่ย แบบนี้ก็น่าสนุกสุดๆไปเลยน่ะสิ!” เด็กสาวพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติเล็กน้อย
ดวงตาสีสวยเป็นประกายราวกับเด็กๆ
ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเล็กลงคล้ายรูปจันทร์เสี้ยว
“ของฉัน! อันนี้น่ะเหรอให้ฉัน
ขะ ขอบคุณนะ! จะเก็บรักษาไว้อย่างดีเลย”
“ไม่มีอะไรน่ายินดีไปมากกว่าปริศนาที่ถูกไขออกแล้วล่ะ
ดูสิ! พอทุกอย่างกระจ่างชัดอะไรๆก็ดูสวยงามใช่มั้ยล่ะ~”
ตัวอย่างคำพูดสถานการณ์ที่สาม : โจคาสต้าเสียใจ
ร่างเล็กยืนนิ่งด้วยความรู้สึกหม่นเศร้านับร้อยนับพันที่ก่อตัวทบทวี
โจคาสต้าพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกที่ชวนขมปร่าลงในอก
กดมันไว้ให้ลึกสุดของจิตใจก่อนจะขยับริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแม้แววตาจะหม่นแสง “ไม่เป็นไรๆ....”
หล่อนว่าแล้วโบกมือไปมาระดับอก “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า
เลิกห่วงได้แล้ว!”
“ทำไม.... ทำไม” โจคาสต้าพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายลมหายใจจะขาดห่วง
ใบหน้าน่ารักซีดเผือดไร้สีเลือดพร้อมกับแขนที่ทิ้งลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง
หล่อนขยับตัวซุกเข้าหาไออุ่นของคนที่ไว้ใจก่อนซบใบหน้าลงกับหัวไหล่อย่างต้องการที่พักพิง
ทำนบน้ำตาพังทลายจากคนที่สะอื้นไห้จนตัวโยน “ฮึก... เพราะฉัน
พะ เพราะฉันอีกแล้วใช่มั้ย ฮึก ทุกอย่างถึงต้องเป็นแบบนี้”
ตัวอย่างสถานการณ์ที่สี่ : โจคาสต้าโกรธ
รอยยิ้มกว้างยังคงระบายอยู่บนริมฝีปากสีลูกกวาด
เด็กสาวข่มความรู้สึกภายในที่เริ่มคุกกรุ่นด้วยแรงโทสะ แววตาวาวโรจน์เลือนหายเมื่อเด็กสาวหลับตาลงก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดันด้วยรอยยิ้มที่กว้างมากขึ้น
“น่าเสียดายนะที่เหตุผลคงจะใช้ไม่ได้กับพวกคุณ
มันสมองของปัญญาชนเนี่ยมีไว้เพื่ออะไรกันนะ ถ้าจะมาสนทนากันด้วยอารมณ์แบบนี้”
“นายน่ะออกไปจากที่นี่เถอะ
คงไม่อยากให้ฉันพูดซ้ำหรอกนะใช่มั้ย : )”
เพิ่มเติม ::
v
โจคาสต้าเกิดวันที่ 6 มกราคม (เกิดวันเดียวกับเชอร์ล็อค โฮมส์)
ราศีมกรและมีเลือดกรุ๊ป AB
v เธอเป็นแฟนคลับเชอร์ล็อคโฮมส์
จึงมีบ่อยครั้งที่เธอมักจะหยิบยกคำพูดของเขามาใช้อยู่บ่อยๆ
v ความสามารถทางด้านกีฬาของโจคาสต้าค่อนข้างเด่นชัด
เด็กสาวเคยเป็นนักกีฬาฟรีรันนิ่งตั้งแต่อายุสิบสามถึงสิบหกปี
นอกจากนี้ยังมักจะถูกทาบทามให้ลงแข่งวิ่งอยู่บ่อยๆเพราะเป็นคนวิ่งเร็ว
นอกจากนี้ยังเล่นฟุตบอลและบาสเกตบอลได้ดีในระดับหนึ่ง
v โจคาสต้ามีความสามารถทางด้านศิลปะการป้องกันตัวเล็กน้อยจากการเรียนมวยสากลและเทควันโด้
นอกจากศิลปะการป้องกันตัวแล้วเด็กสาวยังรู้จักวิธีใช้ปืนจากการสอนของผู้เป็นพ่อ
โจคาสต้าสามารถจับปืนแล้วเหนี่ยวไกยิงได้แบบไม่พลาดเป้า และแม้จะไม่ได้ทำจนเป็นงานอดิเรกแต่ก็จะไปซ้อมมือที่สนามยิงปืนอยู่บ้างเป็นบางคราว
v
เมื่อพูดถึงการแต่งกายของโจคาสต้าแล้วขอให้คุณนึกถึงแฟชั่นสตรีทแบบวัยรุ่นอเมริกันไม่ก็วัยรุ่นอังกฤษเอาไว้ก่อน
เพราะนั่นเป็นการแต่งตัวแบบที่โจคาสต้าชอบมากที่สุด เจ้าหล่อนชอบที่จะใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่เนื้อผ้าหนากับกางเกงสีเข้มที่มักจะเป็นขาสั้นบ่อยกว่าขายาว
ชุดโปรดของเด็กสาวคือเสื้อแขนยาวแบบมีฮู้ดสีแดงเลือดนกที่มักจะใส่คลุมเวลาออกไปไหนมาไหน
โจคาสต้าชอบใส่เสื้อยืดไม่ก็เสื้อเชิ้ตสีพื้นแล้วคลุมด้วยเสื้อคลุมตัวเก่ง
ใส่กางเกงขาสั้นตามด้วยถุงน่องและรองเท้าใบเพื่อความคล่องตัวก็เป็นอันออกจากบ้านได้
หรือในบางครั้งเธออาจจะใส่เสื้อกล้ามไม่ก็เสื้อยืดแบบเรียบกับกางเกงยีนส์ขายาวแล้วสวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวบางลายสก็อตสีแดง
เด็กสาวมักจะปล่อยชายเสื้อยาวๆนั่นไว้เฉยๆหรือในบางครั้งก็ยัดมันลงไปในกางเกงแบบลวกๆแต่ถ้าอากาศร้อนมากๆก็อาจจะทำเพียงเอาเสื้อตัวนั้นไปผูกเอวไว้
ส่วนเครื่องประดับนั้นโจคาสต้าไม่ชอบอะไรที่รกและเกะกะเพราะจะทำให้รู้สึกรำคาญ
เครื่องประดับของเจ้าตัวจึงมีเพียงสายรัดข้อมือแบบหนังสีน้ำตาลกับนาฬิกาข้อมือยี่ห้อ
G-shock สีดำเท่านั้น
v หากว่าถึงความสามารถทางงานบ้านงานเรือนของโจคาสต้าแล้วเจ้าตัวพอจะมีมันติดตัวเป็นวิชากันตายอยู่นิดหน่อยจากการบังคับเคี่ยวเข็ญให้ดูแลตัวเองจากคนเป็นแม่
โจคาสต้าพอที่จะทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ อย่างการซักผ้า
รีดผ้าหรือว่าล้างจานได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องของเสน่ห์ปลายจวักหรูสุดคงทำได้แค่ข้าวผัด
ปกติถ้าไม่กินอาหารฝีมือแม่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารเวฟจะเป็นสิ่งที่เด็กสาวฝากท้องไว้มากที่สุดตามประสาคนขี้เกียจทำอาหารและทำอาหารเป็นอยู่ไม่กี่อย่าง
v
ว่ากันตามตรงแล้วดูเหมือนเธอจะถนัดงานช่างมากกว่างานบ้าน จะเปลี่ยนหลอดไฟหรือซ่อมนั่นซ่อมนี่ก็ดูเหมือนจะทำได้คล่องหมด
เพราะต้องคอยดูแลบ้านแทนผู้เป็นพ่อนั่นเอง
v โจคาสต้ามีประสาทสัมผัสค่อนข้างดีทางการมองเห็นและการได้ยิน
(พอเป็นสุนัขก็เหมือนจะได้การได้กลิ่นเพิ่มเข้ามาด้วย)
นั่นทำให้เธอสามารถมองเห็นในที่มืดได้ดีกว่าคนทั่วไป ส่วนความสามารถทางการได้ยินนั้นเธอสามารถแยกเสียงนั้นเสียงนี้ออกจากกันได้และสามารถปรับจูนเครื่องดนตรีได้แม่นแม้ไม่ต้องใช้จูนเนอร์
(โจคาสต้าเล่นกีตาร์ได้บ้าง
ส่วนเรื่องร้องเพลงก็พอจะร้องได้บ้างแต่ไม่บ่อยจนเป็นงานอดิเรก)
v สามารถพูดภาษาญี่ปุ่น
อังกฤษและฝรั่งเศสได้
v
คนร้ายเมื่อสามปีก่อนที่โจคาสต้าพยายามหาเบาะแสอยู่นั้น
แท้จริงแล้วเป็นกลุ่มคนผิดกฎหมายที่มีส่วนข้องเกี่ยวกับการค้ามนุษย์
น่าเสียดายที่พอจะได้เบาะแสตามตัวพวกมันแล้วโจคาสต้าก็ต้องมาตายไปเสียก่อน
v Character Voice :
Character
Talk
"เอ้า ตื่นเถอะๆ
ลุกมาคุยกันหน่อยนะ!" เด็กสาวผมสีทองสว่าง
นัยน์ตาสีฟ้าแย้มยิ้มขณะจิ้มที่แก้มของคุณ "สวัสดีคุณชื่ออะไรงั้นเหรอคะ?" เธอเอียงคอถามอย่างน่าเอ็นดู
Ans.
สัมผัสแผ่วเบาจากปลายนิ้วแตะเข้าที่ผิวแก้มเย็นเฉียบเรียกสติจากคนที่จมลึกอยู่ในห้วงนิทราให้ตื่นขึ้น
“อือ.....” หล่อนส่งเสียงครางในลำคอ
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันคล้ายจะบ่งบอกว่าหงุดหงิดที่ถูกปลุก “ขออีกห้านาทีค่ะแม่.....”
ถ้อยคำผะแผ่วดังลอดริมฝีปากสีลูกกวาด
ร่างเล็กขดตัวซุกหาไออุ่นเพียงไม่นานเปลือกตาสีมุกก็ขยับเล็กน้อยด้วยความเกียจคร้านก่อนจะขยับเปิดออกอย่างเชื่องช้า
ภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอจนต้องยกมือขึ้นขยี้ตา
โจคาสต้าสะบัดศีรษะเล็กน้อยก็จะเบิกตากว้าง
มือเรียวขาวยกขึ้นคลำลำคอของตัวเองก่อนจะไล่จับไปทั่วผิวกาย ดวงตาสีลาเวนเดอร์ฉายแววแปลกใจขณะจ้องมองไปยังคู่สนทนาเจ้าของเส้นผมสีทอง
“ฉะ ฉันชื่อโจคาสต้า โจคาสต้า เค.
ดอร์คัส” เด็กสาวพึมพำตอบก่อนจะส่งเสียงถามด้วยอาการที่แสดงออกถึงความตกใจไม่น้อย
“ละ แล้วเธอล่ะ!! เธอเป็นใคร
ที่นี่ที่ไหน!? ฉันไม่ได้ตายแล้วงั้นหรอกเหรอ!!?”
"ตอนนี้คุณตายแล้วนะคะ
รู้ตัวใช่มั้ยล่ะ?" เด็กสาวเอามือไขว้หลังแล้วยิ้มอย่างซุกซนให้คุณ
Ans.
“อะ....” โจคาสต้าไม่ได้ตอบอะไรเมื่อข้อสงสัยเมื่อครู่ถูกอีกฝ่ายเฉลยด้วยรอยยิ้มซุกซน
ใบหน้าน่ารักที่มักจะประดับด้วยรอยยิ้มมั่นใจหมองลงเล็กน้อย
ทว่าเด็กสาวอายุสิบเจ็ดกลับกดอารมณ์ทั้งมวลให้เลือนหายไปในเวลาอันรวดเร็ว
ใบหน้าหมองหม่นถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอวดเขี้ยวเสน่ห์
“งี้นี่เอง....
นี่ฉันตายแล้วสินะ” เสียงหวานเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะแผ่วเบา “จะว่ารู้ตัวก็คงรู้ตัวล่ะมั้ง ก็แหงล่ะนะ มีดมันปาดหอหอยเลยนี่นา
ตายคาที่เลยสินะ ฮะๆๆ”
"อ๊ะๆ
แต่ไม่ต้องสลดไป เพราะว่าคุณจะได้ไปเกิดใหม่อีกครั้งล่ะ!"
กล่าวอย่างตื่นเต้นแล้วรอคอยปฏิกริยาของอีกฝั่งหนึ่ง
Ans.
ม่านตาขยายขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้นข้างหนึ่ง
โจคาสต้าทำปากเป็นรูปตัวโอแล้วหลังจากนั้นก็มีเสียงแหลมๆคล้ายลมหวิวดังออกมาเมื่อเจ้าตัวเป่าปาก
“จริงดิ?”
ใบหน้าใสเอียงไปด้านหนึ่งด้วยความสงสัย
“เกิดใหม่เลยนะ
ชีวิตใหม่ของฉันเลยนะ ปกติเขาให้ไปเกิดใหม่กันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ
แบบว่าไม่ขัดกับหลักทฤษฎีไปหน่อยเรอะ!? ละ
แล้วเธอเป็นใครกันแน่เนี่ย!!”
โจคาสต้ากลอกตาไปอีกทางเมื่อรู้ตัวว่าหล่อนคงพูดหรือถามมากเกินไป
นิ้วเรียวสวยยกขึ้นเกาแก้ม บนริมฝีปากเปื้อนรอยยิ้ม “แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธล่ะนะ
แฮ่~~”
"ก่อนไปเราขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยล่ะ?" เด็กสาวทำหน้าลังเลใจ
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มเฉ่ง "ต่อให้คุณไม่ให้ถามเราก็ต้องถามล่ะนะ นี่ๆ
สำหรับคุณคิดว่า 'รักแท้' น่ะมันคืออะไรหรอ"
Ans.
“เอาสิๆ
แค่คำถามเดียวแลกกับการไปเกิดใหม่นี่ถือว่าสบายมาก” โจคาสต้าเอ่ยกลั้วหัวเราะ
เสียงหัวเราะของเด็กสาวใสกิ๊งไม่ต่างจากเสียงของระฆังแก้วเนื้อดี ดวงตาคู่สวยส่องประกายน้อยๆขณะรอคำถามก่อนลึกลงในแววตาจะฉายแววครุ่นคิดออกมาเมื่อได้ยินคำถาม
‘รักแท้งั้นเหรอ.....’ ร่างบางทวนคำถามที่ว่านั่นในใจ
หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัวเช่นเดียวกับริมฝีปากที่เริ่มขยับมุบมิบ
“ถามอะไรตอบยากจังเลยน้า....
ฉันไม่ถนัดตอบคำถามเชิงนามธรรมแบบนี้เสียด้วยสิ” หล่อนรำพึง “แต่ถ้าให้ตอบตามที่คิดล่ะก็รักแท้คงหมายถึงการดูแลซึ่งกันและกันล่ะมั้ง
มอบความรักความห่วงใยและกำลังใจอะไรประมาณนั้นน่ะ
รักกันไปจนมีลูกมีหลานเหมือนพ่อแม่ของฉันไง”
"เป็นคำตอบที่ไม่เลวนะ
งั้นก็บ๊ายบาย สนุกให้มากๆล่ะ กับ ชี-วิต-ใหม่!"
โบกมือลาอย่างร่าเริงก่อนที่ร่างจะเลือนลางหางไปกับหมอกควัน
Ans.
“เฮ้! เดี๋ยวก่อนสิ-------” เด็กสาวทำได้เพียงร้องเรียกเมื่อร่างตรงหน้าค่อยๆเลือนหายไปกับหมอกควัน มือข้างหนึ่งยกขึ้นหมายเอื้อมคว้าทว่าจับได้เพียงอากาศ โจคาสลดมือข้างนั้นทิ้งลงข้างลำตัวก่อนจะยักไหล่ “ช่างมันละกัน.....”
Mazami
Talk
สวัสดีค่ะ เรามีนามว่ามาซามิ
แล้วคุณผปค.ที่น่ารักล่ะคะ? :: สวัสดีค่า เราเชอร์ล็อคนะคะ >< เรียกว่าเชอร์ล็อคหือจะเรียกเชอร์เฉยๆก็ได้ค่า
เอาที่สะดวกเลย ♡´・ᴗ・`♡
ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้หรอคะ? :: ตอนแรกเข้ามาเพราะชื่อเลยค่ะ
ฮ่า แล้วก็อ่านโปรยแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจดี เลยอยากจะลองดูสักตั้งด้วยค่ะ! เป็นการขัดเกลาเคาะเอาสนิมที่ไม่ได้ปั่นตัวละครออกไปในตัว แฮร่
แนวความรักที่อยากได้เป็นประมาณไหนคะ? :: อืม... คิดว่าอยากได้แนวอบอุ่นหัวใจนะคะ
อุ่นๆละมุนเหมือนช็อคโกแลตร้อนใส่มาร์ชเมลโล่อะไรแบบนี้------
นิสัยลูกสาวน่าจะเข้ากับฟงที่ต้องมาคอยปรามความซนเอาไว้แบบแปลกๆ(?)
ตอนแรกคงจะเหมือนเลี้ยงเด็กแต่ก็ได้แลกเปลี่ยนความรู้สึกดีๆที่มีให้กันเหมือนสอนให้รู้จักความรักไปทีละขั้นด้วยค่ะ
/////-/////
ถ้าหากลูกสาวไม่ติดจะโกรธมั้ยคะ (. .;;;) :: ไม่เลยค่ะ
เรื่องนี้น่าจะผิดที่เราที่แต่งออกมาได้ไม่ถูกใจมากกว่า (. .);; เคารพการตัดสินใจของไรท์เสมอนะคะ ><
หากในเรื่องลูกสาวของท่านลูกคาร์ไปบ้างก็ต้องขอโทษล่วงหน้าเลยนะคะ>< :: ไม่เป็นไรเลยค่า
เรื่องหลุดไม่หลุดเราไม่ซีเรียสอยู่แล้ว แค่ติดเข้าไปก็ดีใจแล้วค่ะ ฮา
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่มาสมัครฟิคของเรา
และขอให้โชคดีนะคะ #โค้ง :: ขอบคุณมากค่ะ! หวังว่าจะโชคดีเหมือนที่ไรท์บอกเหมือนกันค่ะ------
ของคุณที่เปิดฟิคเรื่องนี้และขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้เช่นกันนะคะ(●>ω<●)
ความคิดเห็น