ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~คลังสะสมจินตนาการ~

    ลำดับตอนที่ #7 : Anastasia Side Story

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 61


    Anastasia Side Story

    Lonely Living

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ crying anime gif

    -แด่เด็กสาวที่น่าสงสาร และทุกๆคนที่กำลังอ่านบันทึกฉบับนี้

    ตอนนี้... มันเหมือนเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่มันลดลงไปทีละข้อๆ มันลดลงไปทุกวันจนไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม หรือว่าอยู่ไปเพื่อใคร

    ฉันไม่ๆได้ชอบความตาย... แต่ความตายมันคือทางออกเดียวของฉัน

    อยากรู้เรื่องของฉันงั้นเหรอ? มาสิ แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง

    Welcome to Anastasia’s World.

            อนาสตาเซีย ซี. เกลนดอน เด็กผู้หญิงแสนธรรมดาที่ลืมตาดูโลกในเมืองแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดา ครอบครัวของเด็กหญิงบริบูรณ์ดีด้วยความรักของพ่อและแม่ พ่อของเธอเป็นคนแคนาดาแต่โดยกำเนิด ส่วนแม่ก็เป็นคนญี่ปุ่น ชายหนุ่มได้พบกับหญิงสาว พวกเขารักกัน คบหาดูใจและก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์จนได้โซ่ทองคล้องใจออกมาเป็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารัก หากเป็นในละครทั้งหมดนี้คงจะถูกบันทึกในตอนจบ เรื่องราวทุกอย่างลงตัว จบลงด้วยความสุข พระนางครองรักกันตราบนิจนิรันดร์ก่อนจะจบลงด้วยคำว่า แล้วเรื่องนี้ก็จบลงอย่างมีความสุขแต่สำหรับอนาสตาเซีย..... มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น

    บทที่หนึ่ง : แด่เด็กสาวที่ครอบครัวร้าวฉาน

                ทำไมคุณถึงทำแบบนี้....

                “เพราะฉันต้องการเงิน! เงินที่มากกว่านี้ ชีวิตที่สบายกว่านี้!! ฉันไม่อยากเป็นแค่แม่บ้านที่มีรายได้พออยู่ไปวันๆ ฉันไม่ต้องการจะมาลำบากหรอกนะ แล้วตอนนี้ฉันก็มีหนทางของฉัน ชีวิตของฉันกำลังจะดีกว่านี้....คำพูดของแม่ทำให้ทั้งเด็กหญิงเจ็ดขวบและผู้เป็นสามีสะอึก อนาสตาเซียได้แต่คิดว่าเพราะเหตุใดคนที่ตัวเองรักมากที่สุดถึงพูดประโยคพวกนี้ออกมา ประโยคที่ทำร้ายจิตใจของคนฟังจนไม่เหลือชิ้นดี

                เพียงแค่พ่อของเธอเป็นพนักงานบริษัท.... มันผิดมากนักหรือ? ทั้งๆที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานหลายปี ก็จะมาทิ้งไปเพราะต้องการเงินและชีวิตสบายๆเท่านั้นหรือ?

                “.... เราหย่ากันเถอะค่ะ

    บทที่หนึ่งของบันทึกเล่มนี้ช่างแสนแปลกประหลาด เมื่อก่อนหน้าบันทึกเล่มนี้เคยมีแต่ความอบอุ่น จนเมื่อวันหนึ่งความอบอุ่นเหล่านั้นพลันจางหาย ครอบครัวที่คิดว่าสมบูรณ์กลับมีรอยร้าว รอยนั้นก่อตัวขึ้นและค่อยๆปริแตกแยกออก แยกเธอออกจากพ่อที่เธอรักมากเกินกว่าจะหาคำใดมาอธิบายได้

    ไปลูก โชวมากับแม่หญิงวัยกลางคนทว่ายังคงความสวยสะคราญยื้อตัวบุตรสาวอยู่ด้วยอาการชุลมุน ทว่าคนถูกยื้อกลับไม่ยอมลดละ เด็กหญิงที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตามองดูหน้าสงสาร ริมฝีปากแดงย้อยสั่นระริก ใบหน้าแดงก่ำและหัวไหล่ที่กระเพื่อมรัวเร็วจากอาการสะอึกสะอื้น

    ไม่!!!” เด็กหญิงอนาสตาเซียในวัยเจ็ดขวบประกาศก้อง สองมือน้อยๆเอื้อคว้าไปข้างหน้าหมายไขว่ขว้ามือใหญ่ที่อบอุ่นของคนเป็นพ่อ หนูจะอยู่กับพ่อ!! หนูจะอยู่ที่นี่ หนูไม่ไปญี่ปุ่นกับแม่!! หนูจะอยู่กับพ่อ ฮึก ฮือออออ

    ภาพเบื้องหน้าทำให้คนเป็นพ่อได้แต่ยืนมองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกคีบเหล็กบีบรัด แววตากร้านที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาลูกผู้ชายสั่นระริก ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง สองมือกำแน่นเมื่อมองเห็นลูกน้อยพยายามจะโถมตัวเข้าหา

     “ไป! โชว ไปเดี๋ยวนี้!! อย่าดื้อกับแม่นะ!”

    ฮึก ไม่!! ไม่เอา หนูจะอยู่กับพ่อ!! ฮืออออ พ่อจ๋า พ่อช่วยหนูด้วย

    เสียงลูกสาวที่กรีดร้องปานจะขาดใจคือเสียงสุดท้ายที่คนเป็นพ่อได้ยินก่อนรถคันหรูจะพุ่งทะยานออกไปพร้อมกับบุตรสาวที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจ ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาติดตรึงอยู่ในความทรงจำ ตอกย้ำถึงสิ่งที่ผู้เป็นพ่อได้กระทำคือการปล่อยลูกไปเพื่อความสบายของตัวลูกเอง

    ฮึก... พ่อ พ่อจ๋า

    แอน..... พ่อขอโทษ


    บทที่สอง : แด่เด็กสาวที่ถูกมองข้าม

                ครอบครัวใหม่ไม่ใช่สิ่งที่อนาสตาเซียคาดหวัง.... เด็กหญิงไม่ชอบบ้านหลังใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น แม้จะเต็มไปด้วยความสะดวกสบายและสภาพแวดล้อมหรูหรา แต่ไหนกัน? ไหนกันคือความรักและความอบอุ่นที่เธอโหยหา

                โชว... นี่คือแองเจล่า ลูกติดของสามีใหม่แม่ ทำความรู้จักกับพี่เขาไว้สิลูก

                เด็กสาวสะบัดหน้าพรืดด้วยอาการเฉยเมย ไม่ หนูไม่อยากรู้จักใครทั้งนั้น

                “อย่าพูดจาแบบนี้โชว แม่ไม่เคยสอนเราให้ไร้มารยาทแบบนี้

                “แม่ไม่เคยสอนหนูเลยต่างหาก แม่ไม่เคยสนใจหนู แม่สนใจแต่ตัวเอง!! แม่เอาเวลาไปดูแลผู้ชายคนใหม่แล้วก็ลูกคนใหม่ของแม่เถอะ หนูจะโทรคุยกับพ่อ

                แองเจล่าและอลิซ สองชื่อนี้คือชื่อที่เด็กสาวจำได้แม่นจนขึ้นใจ คนแรกคือลูกติดของสามีใหม่ที่อายุมากกว่าอนาสตาเซียได้ราวๆสองปี ส่วนอีกคนก็เป็นลูกของแม่กับสามีใหม่ ทั้งสองคนเป็นเด็กดี น่ารัก ใครๆก็รักด้วยกันทั้งนั้น ส่วนอนาสตาเซีย....ลูกคนกลางที่ไม่เคยทำอะไรดีเด่นให้แม่ได้ภูมิใจเลยสักอย่างก็ถูกมองข้ามตามระเบียบ

                วันนี้แองเจล่าสอบได้ที่หนึ่งแล้วนะคะคุณพ่อ คุณแม่ คุณครูชมใหญ่เลยค่ะว่าแองเจล่าหัวดี

                “อลิซไม่ดื้อไม่ซนแล้วก็เป็นเด็กดีมากๆเลยค่ะ ดีใจแทนเลยนะคะที่บ้านนี้มีลูกสาวน่ารักขนาดนี้

                “เอ้า ดูไว้โชว เอาพี่แองเจล่าเขาเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ดีแต่ก่อเรื่องคำพูดเหล่านั้นทำให้อนาสตาเซียได้แต่กลอกตาแล้วทอดถอนใจ

                เหอะ.... น่าเบื่อ

                เป็นผู้หญิงที่ดีมันจะไปสนุกอะไรล่ะ ในเมื่อเธอเองก็เป็นเด็กดีมาตลอดแล้วดูสิ่งตอบแทนที่เธอได้รับมาแต่ละอย่างสิ ไม่ใช่สิ่งดีๆเสียที่ไหน ในเมื่อเป็นคนดีมันไม่สนุก... เธอนี่แหละจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นอกแตกตายไปเลย!

                “นี่มันอะไรกันโชว!! ครูที่โรงเรียนโทรมาบอกว่าเราไม่เข้าเรียนจนกำลังจะหมดสิทธิ์สอบ แบบนี้มันหมายความว่าอะไร!?”

                “แล้วไหนจะงานที่ไม่ส่ง เกรดแย่ๆเมื่อเทอมที่แล้วนี่อีก!! นี่เราตั้งใจแล้วใช่มั้ย

                “แล้วก็เรื่องทะเลาะวิวาท ทำไมต้องเอาแต่ก่อเรื่องให้ฉันปวดหัวอยู่เป็นประจำเลย อะไรดีๆที่พี่ที่น้อเขาทำน่ะไม่คิดจะทำเลยใช่มั้ย!!?”

                ในตอนนั้นอนาสตาเซียอายุได้สิบสองปี ถ้อยคำบ่นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกผิดเลยแม้แต่นิด เด็กหญิงยกยิ้มขึ้นอย่างคนเหนือกว่า ยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะลอยหน้าลอยตาถามคำถามที่ทำให้คนเป็นแม่ถึงกับสะอึก

                ทนไม่ได้ที่มีหนูเป็นลูกจนต้องพูดขนาดนี้เชียวเหรอ?”

                “โชว!! ทำไมเราพูดแบบนั้น

                “ถ้าทนไม่ได้ก็ปล่อยหนูไปสิ จะให้หนูทนอยู่ในที่แบบนี้ทำไม หนูเกลียดที่นี่! หนูเกลียดบ้านนี้!! เกลียดลูกทั้งสองคนของแม่กับผู้ชายคนนั้นด้วย!! ในเมื่อแม่เป็นคนพาหนูมาแม่ก็ต้องทน! เข้าใจรึเปล่าคะ แม่ต้องทน เพราะหนูจะไม่หยุดแค่นี้หรอก!!”

                “ได้.... โชวได้ลมหายใจเฮือกใหญ่ระบายออกมาจากร่างกายที่กำลังสั่นเทิ้มด้วยแรงอารมณ์ของคนเป็นแม่ ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทำเหมือนอนาสตาเซียเป็นสิ่งของที่ไม่มีหัวใจและความรู้สึก

    ฉันจะส่งเธอไปโรงเรียนประจำที่อเมริกา

    และคำพูดนั้น..... คนเป็นแม่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าได้ปล่อยลูกสาวให้เตลิดไปสู่เส้นทางที่ยากเกินกว่าจะกู่กลับคืนด้วยมือของตนเอง!!


    บทที่สาม : แด่เด็กสาวที่เลือกเส้นทางสีดำ

                สังคมเพื่อนที่โรงเรียนประจำเป็นอะไรที่เหนือการควบคุมสำหรับอนาสตาเซีย จากตอนแรกที่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ในเวลาไม่กี่เดือนมันก็กลายเป็นกลุ่มใหญ่ที่รวมคนนิสัยหลากหลายมาอยู่ร่วมกัน

                ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มถามขึ้นในวันหนึ่งที่อนาสตาเซียและกลุ่มเพื่อนโดดเรียนขึ้นไปนอนเล่นบนดาดฟ้าของอาคารเรียน

                เพราะฉันโดนผู้หญิงคนนึงส่งมาไง เขาบอกว่าที่นี่จะดัดนิสัยฉันได้อนาสตาเซียที่กำลังนอนอยู่ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกราวกับขบขันเสียเต็มประดา "แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ ที่นี่ทำอะไรฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

                “ที่นี่มันน่าเบื่อล่ะสิอนาสตาเซียทำเพียงยักไหล่ให้แทนคำตอบ

                ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะพาเธอไปทำอะไรที่สนุกกว่านี้เอง สนใจรึเปล่าล่ะ?”

                ถึงคนที่กำลังอ่านบันทึกฉบับนี้.... ถ้าคุณรู้ว่าอนาสตาเซียตอบตกลง คุณคงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ แต่เดี๋ยวก่อน.... ก่อนจะตัดสินว่าอนาสตาเซียเป็นเด็กมีปัญหาคุณก็ควรรู้เพิ่มไว้อีกหนึ่งอย่าง ว่าเธอทำไปเพราะไม่อยากถูกมองข้าม.... มันก็เท่านั้นเอง

    สังคมเพื่อนของอนาสตาเซียใหญ่เกินกว่าจะควบคุมได้และมันก็ได้ชักจูงให้อนาสตาเซียก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่อย่างที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน หลังจากคำตอบตกลงในครั้งนั้นอนาสตาเซียก็เริ่มแอบเข้าผับตามเพื่อน ทำตัวผิดกฎระเบียบ เป็นต้นว่าโดดเรียน มีเรื่องทะเลาะวิวาท กลั่นแกล้งนักเรียนคนอื่น ทดลองดื่มเหล้า แอบสูบบุหรี่ เรียกได้ว่าอนาสตาเซียกลายเป็นเด็กมีปัญหาโดยสมบูรณ์แบบ ในตอนแรกเธอทำมันเพราะการความสนใจและต้องการการยอมรับ แต่นานวันเข้าเธอเริ่มทำมันเพราะความสนุก

    จนกระทั่งวันหนึ่งมาถึง....

    นี่มันอะไรน่ะอนาสตาเซียขมวดคิ้วถามเมื่อมองเห็นซองขนาดเล็กบรรจุผงสีขาวในมือของเพื่อนในวันที่แอบโดดเยนมานั่งอยู่หลังตึกเรียนซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บของกับกองไม้เก่าๆ

    ไอซ์...เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มตอบหน้าตาเฉย บางทีก็เป็นเฮโรอีน มีรุ่นพี่คนหนึ่งในโรงเรียนเอามาขายให้ ลองแล้วก็แปลกดี

    ซองอีกซองหนึ่งถูกยื่นมาให้พร้อมกับอาการของอนาสตาเซียที่ส่ายหน้าและกระถดตัวหนีโดยอัตโนมัติ ลองหน่อยสิ สนุกดีนะคำชวนนั้นได้คำตอบเป็นการส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

    ถึงเธอจะเป็นเด็กมีปัญหา แต่จะให้ใช้ยามันก็มากเกินไปแล้ว!!!

    ทำไมถึงไม่เอาล่ะ? ไม่อยากเป็นกลุ่มเดียวกับพวกเราแล้วเหรอ

    จะหยุดเรื่องที่ตัวเองทำไว้แค่นี้รึไง อย่าขี้ขลาดไปหน่อยเลยน่า

    มะ ไม่เอาน่าเด็กสาวพยายามทำใจดีสู้เสือ นายก็รู้ว่ายานี่มันอันตราย แย่กว่าเหล้ากับบุหรี่ซะอีก มันเกินคำว่ามีปัญหาไปแล้วนะ

    เฮือก!!

    เด็กสาวสะดุ้งเมื่อถูกเพื่อนในกลุ่มล็อคตัวเอาไว้ แววดาสั่นระริกมองซองใส่ยาอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้พร้อมกับใบหน้าน่าขนลุกของเพื่อนคนหนึ่งด้วยความหวาดกลัว อนาสตาเซียพยายามดิ้นเมื่อถูกมือผอมเกร็งนั่นบีบริมฝีปากให้อ้าออก

    ก็บอกแล้วไงว่ามันสนุก มันจะต้องสนุกแน่ๆ

    ไม่!!!”

    ผลั่ก!!

    พวกเธอทำอะไรกันน่ะหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”

     

    เรื่องของเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่แอบใช้ยาในโรงเรียนส่งถึงแม่ของอนาสตาเซียที่อยู่ที่ญี่ปุ่นทันทีหลังจากเกิดเรื่องได้ไม่กี่วัน แม้เด็กสาวจะไม่ได้ใช้ยาแต่เพราะถูกลูกหลงไปด้วยทำให้ความผิดของอนาสตาเซียอยู่ในขั้นร้ายแรงจนต้องเชิญออกจากโรงเรียน และทันทีที่เด็กสาวกลับถึงบ้านที่ญี่ปุ่นก็ต้องพบกับใบหน้าเครียดขึ้งของผู้เป็นแม่ทันที!

    ทำไมเราถึงเป็นคนแบบนี้ฮะ!!” แววตาผิดหวังที่มองมาไม่ได้ทำให้อนาสตาเซียรู้สึกผิดอย่างที่ควรจะเป็น เด็กสาวยิ้มหยันให้กับโชคชะตาของตัวเองแวบหนึ่งก่อนเอ่ยถามกลับ

    หนูกลับมาถึงบ้านก็โดนต้อนรับด้วยคำนี้เลยเหรอคะแม่ ซึ้งใจจังเลย ขนาดที่สนามบินยังไม่มีใครสนใจจะไปรับสักคน

    เลิกพูดจากวนประสาทได้แล้วนะโชว!!! ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้!!” ร่างของผู้เป็นแม่ปรี่เข้ามาจับแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ก่อนจะใช้มีอีกข้างระดมตีลงตามลำตัวของอนาสตาเซียไม่ได้หยุดจนบนผิวขาวๆนั่นเต็มไปด้วยรอยแดง

    ฉันส่งเธอไปที่นั่นเพราะคิดว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น!! แล้วดูซิ ดูสิ่งที่เธอทำ!!” หญิงวัยกลางคนยังคงรัวฝ่ามือลงบนผิวเนื้อของคนเป็นลูก อนาสตาเซียสะบัดตัวหนีเป็นพัลวัน

    ปล่อยนะ! ปล่อย!! ปล่อยหนู!!”

    เธอเป็นเด็กมีปัญหาทำให้ฉันต้องขายหน้า ทำให้ครอบครัวต้องอับอาย!! ทำไมฮะ ไชทำไมต้องทำแบบนี้ ไม่มีหัวคิดแล้วรึไง

    ผลั่ก!!

    แล้วแม่ไม่คิดจะถามเลยรึไงว่าหนูเป็นคนทำรึเปล่าน่ะ!?”

    ถ้าไม่ได้ทำแล้วมันจะโดนไล่ออกจากโรงเรียนด้วยเหตุผลเพราะใช้ยาได้ยังไง!!?”

    หนูไม่ได้ทำ!! หนูยังไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำ หนูถูกบังคับ

    จนถึงตอนนี้แล้วยังคิดจะโกหกอีกเหรอโชว!!”

    เพี๊ยะ!!!

    เสียงฝ่ามือกระทบกับผิวเนื้อราวกับเป็นสัญญาณที่ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวหยุดลง ทุกสิ่งรอบตัวเงียบงันจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงลมหายใจ ใบหน้าของอนาสตาเซียหันไปด้านข้างตามแรงตบพร้อมกับความรู้สึกเจ็บหนึบจนเริ่มชาก่อตัวขึ้นบริเวณผิวแก้มที่ขึ้นรอยนิ้วมือแดงเป็นปื้น แรงตบนั้นมากพอที่จะทำให้เด็กสาวรู้สึกถึงรสชาติขมเฝื่อนของเลือดในริมฝีปาก

    ชะ โชว... แม่....

    พอเถอะ หนูจะไปจากที่นี่...เสียงของเด็กสาววัยสิบสามปีเรียบนิ่งจนน่าใจหาย ถ้าแม่เกลียดหนู หนูนี่แหละจะเป็นคนไปเอง

    แล้วอนาสตาเซียก็ไม่คิดจะหันหลังกลับมามองใครอีกเลย....


    บทที่สี่ : แด่เด็กสาวที่หัวใจแหลกสลาย

                อนาสตาเซียกลับไปอยู่ที่แคนาดาเพื่ออาศัยอยู่กับพ่อ เด็กสาวตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับไปยังบ้านหลังนั้นที่ญี่ปุ่นอีกเป็นอันขาด ชีวิตของอนาสตาเซียเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นหลังจากได้กลับมาอยู่กับพ่อ ในตอนนี้พ่อของเธอเป็นหัวหน้าแผนกและเริ่มมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ในขณะที่อนาสตาเซียก็ไม่ทำตัวสร้างปัญหาหลังจากได้กลับมาอยู่กับคนที่เธอรัก

                แต่เพราะบันทึกเล่มนี้ยังไม่ถึงตอนจบ... อนาสตาเซียจึงยังต้องพานพบเรื่องราวอีกมากมาย และเรื่องราวเหล่านั้นก็หนักหนาเกินกว่าเด็กคนหนึ่งจะรับไหว

                ค่ะพ่อ ตอนนี้หนูเลิกเรียนแล้วค่ะอีกแป๊บเดียวก็จะกลับบ้านแล้ว

                “โอเคค่ะ หนูรักพ่อนะคะ

                [พ่อก็รักลูกนะแอน พ่อต้องวางสายแล้วล่ะอีกเดี๋ยวพ่อต้องไปประชุ------]

                ตึง!!!

                “พ่อ! พ่อคะ! เกิดอะไรขึ้นคะพ่อ พ่อตอบหนูสิ พ่อ!!!”

                อนาสตาเซียมือสั่นจนเกือบจะทำโทรศัพท์ร่วงหล่นลงจากมือ หลังจากที่ได้ยินเสียงหนักๆเหมือนมีอะไรกระแทกกับอะไรบางอย่างเด็กสาวก็ได้ยินเสียงของพนักงานคนหนึ่งพูดตอบกลับมาในสายว่าจู่ๆพ่อของเธอก็หมดสติล้มลงและตอนนี้กำลังพาพ่อของเธอไปส่งที่โรงพยาบาลใกล้ๆกับบริษัท

                ในวินาทีนั้นอนาสตาเซียไม่ได้สนใจสิ่งใดไปมากกว่าพ่อที่เธอรัก สองเท้าออกวิ่งไปบนถนนด้วยความร้อนใจ เด็กสาวไม่คิดจะขึ้นรถไปเพื่อเจอรถติดให้เสียเวลาแม้สักวินาที และแม้รองเท้าจะเริ่มกัดปลายนิ้วเท้าจนเจ็บระบมแต่เธอก็ยังคงวิ่งด้วยใจเป็นห่วงไปจนถึงโรงพยาบาล เด็กสาวคิดไปต่างๆนานาจนใบหน้าซีดเผือดเมื่อวิ่งมาจนหยุดหอบจนตัวโยนที่หน้าห้องฉุกเฉิน

                นะ หนูเป็นลูกสาวของหัวหน้าแผนกใช่มั้ยเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะในตอนที่อนาสตาเซียกำลังก้มตัวจับเข่าแล้วหอบหายใจจนหัวไหล่ขยับรวดเร็ว เด็กสาวเงยใบหน้าชื้นเหงื่อขึ้นก่อนจะนึกได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือพนักงานในแผนกเดียวกันกับพ่อนั่นเอง

                แฮ่ก...อนาสตาเซียหอบหายใจพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อเม็ดโตออกจากใบหน้าและสางเส้นผมที่เริ่มยุ่งเหยิง คะ คุณพ่อ.... คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ

                ตอนนี้หัวหน้าอยู่ในห้องฉุกเฉิน หมอกำลังพยายามช่วยอยู่เสียงร้อนรนนั้นเอ่ยตอบก่อนจะพาร่างอ่อนแรงของเด็กสาวมานั่งที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน ทำใจดีๆไว้นะหนู คุณพ่อของหนูจะต้องปลอดภัย เชื่อฉันนะ

                อนาสตาเซียพยักหน้าตอบกลับ พยายามทำใจให้เชื่อเหลือเกินว่าพ่อของตนจะต้องปลอดภัย ริมฝีปากซีดเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง สองมือกำเข้าหากันจนขึ้นข้อขาวด้วยความกังวลใจ หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำเมื่อรู้สึกกระสับกระส่ายจนไม่อาจทนได้ ช่วงเวลาที่ต้องรอคอยผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของอนาสตาเซีย แม้จะผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที แต่เด็กสาวกลับรู้สึกว่ามันนานชั่วกัปชั่วกัลป์

                อนาสตาเซียในตอนนี้ไม่ต่างกับคนจมน้ำ ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดเธอไม่เหลือใครให้พึ่งพิง ดังนั้นแม้สิ่งที่ลอยมาจะเป็นเพียงฟางเส้นบาง แต่ถ้าหากเธอสามารถเกาะเกี่ยวมันไว้ได้ด้วยความหวังเธอก็จะทำ

                แต่แล้วความหวังของอนาสตาเซียก็ต้องพังทลายลง ฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้น ทิ้งร่างกายของอนาสตาเซียให้ดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลลึกไปพร้อมกับหัวใจที่แหลกสลายเมื่อประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกมาพร้อมๆกับคำพูดที่เด็กสาวไม่อยากได้ยินที่สุด

                หมอเสียใจด้วยนะคะ แต่พวกเราพยายามเต็มที่แล้วค่ะ

                เหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา อนาสตาเซียไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหนหรือตอบอะไรหมอกลับไปบ้าง เด็กสาวที่ในตอนนั้นเพิ่งจะอายุสิบสี่รู้เพียงว่าเรี่ยวแรงของตนกำลังถูกสูบให้หมดไปอย่างช้าๆ ก้อนสะอื้นที่ปรี่มาจุกที่ลำคอทั้งหนักทั้งเจ็บจนลำคอร้าวระบม เหมือนร่างทั้งร่างชาราวกับถูกค้อนปอนด์ทุบด้วยพิษของความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกาย

                ฮึก....

                ตุ้บ!

                เด็กน้อยทรุดลงพร้อมกับน้ำตาหยดแรกที่ไหลอาบแก้ม และทันทีที่ทำนบน้ำตาได้พังทลายลงอนาสตาเซียก็ส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมาอย่างไม่นึกอาย กำปั้นน้อยๆทุบลงกับพื้นจนรู้สึกเจ็บไปหมดทว่าไม่อาจเทียบได้กับความเจ็บปวดที่เธอได้รับในตอนนี้

                ทำไมล่ะคะ ทำไมพ่อถึงทิ้งหนูไป

              ทั้งๆที่พ่อบอกว่ารักหนูมากที่สุด แต่พ่อก็ยังทิ้งหนูไป ทิ้งให้หนูโดดเดี่ยวไม่มีใคร

              แล้วต่อจากนี้หนูจะทำยังไง หนูไม่เหลือใครอีกแล้ว

              พ่อคะ....

              ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!”

     

                ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้างคะ

                “ไม่ดีเลยค่ะ ไม่มีเสี้ยวของความรู้สึกดีปนอยู่เลย.... มันยิ่งกว่าคำว่าแย่ลงไปอีกหลายเท่าเลยค่ะ

                “มันเหมือน.... เหมือนเรากำลังจมน้ำ จมลึกลงไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน แต่มันอึดอัดค่ะ อึดอัดมาก.... อึดอัดจนฉันอยากปลดปล่อย อยากหนีจากความรู้สึกนี้

                “คุณยังร้องไห้อยู่ใช่รึเปล่าคะ

                “ค่ะ....เจ้าของเสียงพยักหน้าตอบรับด้วยใบหน้าเลื่อนลอย ฉันร้องไห้คนเดียวทุกวัน บางวันก็ร้องจนหลับ... ฉันร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าตัวฉันมีแผล มีเลือดออกมาฉันก็จะหยุดร้องค่ะ

                อนาสตาเซียก็ต้องกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกครั้งเมื่อคุณพ่อได้เสียชีวิตในตอนที่อนาสตาเซียอายุสิบสี่ปี เธอต้องกลับมาอยู่กับครอบครัวที่เธอไม่ต้องการ ซ้ำร้ายในตอนนี้ยังขาดพ่อที่เป็นที่พึ่งพิงสุดท้ายไป เพราะรู้สึกเคว้งคว้าง ไร้ค่า ไม่มีที่พึ่งท้ายที่สุดแล้วเธอก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า อนาสตาเซียต้องพบแพทย์ทว่าก็ขาดคนที่จะมารักและเข้าใจ

                “ไปโรงพยาบาลมาอีกแล้วใช่มั้ยโชว!!”

    ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะคะ

    ก็รู้นี่ว่าแม่บอกว่าไม่ให้ไปๆ! เรื่องแค่นี้มันจะอะไรนักหนาน้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนดูเกรี้ยวกราด หล่อนตรงเข้ามากระชากถุงยาของจากมือของอนาสตาเซีย มือที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาจับข้อมือข้างหนึ่งของเด็กสาวไว้จนเธอได้แต่เบ้หน้าด้วยความเจ็บ

    ยานี่ก็เลิกกินไปเลยนะ!!” ถุงยาถูกเหวี่ยงออกไปไกล แล้วก็เลิกกรีดตามตัวของเธอสักที เลิกไปหาหมอ ทำตัวเป็นปกติ พ่อก็ตายไปแล้วมันจะกันนักกันหนาฮะ!!” อนาสตาเซียขืนตัวออกเมื่อคำผรุสวาทยังคงออกมาจากปากของคนเป็นแม่ไม่หยุดหย่อน สองมือยกขึ้นปิดหู หลับตาแน่นก่อนจะส่านศีรษะไปมา ความรู้สึกปวดตุบแล่นริ้วอยู่ที่ข้างขมับจนต้องอ้าปากหอบหายใจ

    ฉันไม่อยากมีลูกเป็นบ้า!! เธอเข้าใจมั้ย!!?”

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!” แม่ของอนาสตาเซียหยุดตะคอกเมื่อจู่ๆลูกสาวก็กรีดร้องออกมา ใบหน้าของเด็กสาวแดงก่ำ ร่างกายสั่นเทิ้มและเริ่มสะบัดไปมาจนควบคุมไม่ได้ อย่ามายุ่งกับหนู!! หนูไม่ได้เป็นบ้า!! อย่ามายุ่งกับหนู อย่ามาแตะตัวหนู ออกไปนะ ออกไป๊!!!”

    โชว!? ลูกเป็นอะไรน่ะ หยุดดิ้นนะ!!”

    หนูเกลียดแม่!! ได้ยินชัดมั้ย หนูเกลียดแม่!!!”

    เพราะแม่ของเธอไม่ต้องการให้เธอไปพบแพทย์และเอาแต่กล่าวหาว่าเธอเป็นบ้า เหตุการณ์ทั้งหมดจึงเลยเถิดมาจนถึงตอนที่อนาสตาเซียอายุสิบห้าและไม่อาจจะรับเรื่องราวทั้งหมดในชีวิตได้อีกต่อไป

    ร่างแบบบางซบใบหน้าลงกับหัวเข่าด้วยท่าทางของคนไร้เรี่ยวแรงอย่างแท้จริง อนาสตาเซียซุกตัวอิงแอบกับขอบเตียงไม่ต่างจากสัตว์ตัวเล็กๆที่ขาดที่พึ่งพิง หล่อนเงยหน้าขึ้นจนมองเห็นใบหน้าซีดไร้สีเลือดทว่าขอบตาดำคล้ำและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ไม่เหลือความงดงามสดใสอย่างที่เด็กสาววัยเดียวกันจะพึงมี ดวงตาสีสวยแปลกตานั้นเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำ ทั้งยังหม่นแสงลงจนน่าใจหาย

    อึก... พะ พ่อคะเสียงหวานที่เอ่ยประโยคนั้นเลื่อนลอยคล้ายกับว่าเจ้าของเสียงได้หายไปในห้วงคำนึงไกลแสนไกล แขนข้างหนึ่งยกขึ้น เธอเหม่อมองรอยกรีดเน้นย้ำที่ต้นแขนด้านใน อนาสตาเซียพาร่างปวกเปียกของตนเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นลงในอ่าง มองระดับที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นมาด้วยแววตาเลื่อนลอย มีดคัตเตอร์ที่ถือติดตัวเข้าไปถูกกรีดใบมีดขึ้นจนสุด ใช้เวลาไม่นานในการตวัดคมของมันลงกับผิวเนื้อ เลือดสีสดไหลรินออกจากปากแผล หยดลงกับพื้นกระเบื้องเป็นด่างดวง

    เคร้ง!!

    อนาสตาเซียปล่อยคัตเตอร์ลงกับพื้น ทรุดตัวลงใกล้อ่างอาบน้ำก่อนจะจุ่มมือโชกเลือดลงไปในอ่างน้ำอุ่น ความรู้สึกปวดหนึบยามหยดเลือดไหลออกจากปากแผลมากขึ้นเด่นชัดจนเด็กสาวได้ยินเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะหน่วงช้าทว่าอนาสตาเซียกลับทำเพียงปิดเปลือกตาลงแล้วละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง

    พ่อคะ.... หนูกำลังจะไปหาพ่อแล้วนะคะ หนูรักพ่อ


    บทที่ห้า : แด่เด็กสาวที่ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่

                อึดอัด....

                อึดอัดแต่ก็อุ่น... อะไรกันนะความรู้สึกนี้?

                ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันแน่นะ... แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ? ก่อนหน้านี้เราอยู่ที่ไหน

                ไม่ไหว... เปลือกตาหนักไปหมดเลย แต่ถ้าไม่ลืมตาเราจะรู้ได้ยังไงกัน

                อะ....เสียงแหบพร่าเพราะขาดน้ำดังขึ้นเมื่อเปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆขยับเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า อนาสตาเซียกระพริบตาปริบๆมองเพดานสีขาวด้วยความไม่เข้าใจ กลิ่นสะอาดๆของแอลกอฮอล์ลอยแต่ปลายจมูก เด็กสาวขมวดคิ้วก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ความรู้สึกเจ็บหน่วงบริเวณข้อมือขวาตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน

                อนาสตาเซียลูกแผ่วเบาบนข้อมือบางที่มีผ้าก๊อซพันอยู่ ดวงตาสีแมรีโกลด์เหม่อมองหยดน้ำเกลือหยดแล้วหยดเล่าในถุงน้ำเกลือด้วยแววตาว่างเปล่าไม่ต่างจากสิ่งไม่มีชีวิต เรา.... ยังไม่ตายงั้นเหรอ

                ความจริงที่เกิดขึ้นคือเด็กสาวตัดสินใจฆ่าตัวตายทว่าก็โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ได้ทัน อนาสตาเซียหลับไปนานเกือบสองสัปดาห์ ตลอดระยะเวลาสิบกว่าวันอนาสตาเซียนอนนิ่งเหมือนผักปลาไร้การตอบสนอง มีเพียงสัญญาณชีพจรขยับขึ้นลงบนหน้าปัดเครื่องเท่านั้นที่เป็นตัวบ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ และในบางครั้งเด็กสาวก็มีอาการละเมอฝันร้ายจนคลุ้มคลั่งทำให้ต้องให้ยานอนหลับ

                แม่และสามีใหม่มาหาอนาสตาเซียที่โรงพยาบาลทันทีที่รู้ว่าเธอฟื้น ก่อนจะทำเรื่องย้ายเธอออกจากโรงเรียนเก่าเพื่อไม่ให้ใครที่นั้นซักไซร้อะไรได้อีก แม่ไม่ได้พูดอะไรกับอนาสตาเซียอีกเลยนอกจากคำว่าขอโทษ และหลังจากออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นานอนาสตาเซียก็ถูกทางครอบครัวส่งไปเรียนที่เรียวเทย์

                ไปเถอะโชว ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น...มือของแม่ที่เคยอบอุ่นในความรู้สึกคว้ามือของเด็กสาวมากุมไว้ แววตาสีเข้มของหญิงวัยกลางคนสั่นไหวด้วยแรงอารมณ์ ถือซะว่าแม่ขอนะ

                อนาสตาเซียดึงมือออกมาการเกาะกุมนั้น แม่ของเธอหน้าซีดลงทันตา ได้ค่ะ...เธอตอบเสียงแผ่ว หนูจะไปที่นั่น หนูจะไปเรียนที่เรียวเทย์

                “แต่หลังจากที่หนูก้าวเท้าเจ้าไปในโรงเรียนนั้นแล้ว.... อิสระทั้งหมดจะเป็นของหนู จะไม่มีใครมาบังคับหนูได้อีกต่อไป หนูจะไม่กลับมาที่นี่ จะลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ หนูจะไม่ใช่ฮารุฮิโระ โชวของแม่อีกแล้ว

                ต่อจากนี้หนูจะเป็นอนาสตาเซีย เกลนดอน หนูจะเป็นคนๆนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น

    Anastasia Side Story

    Lonely Living

    End.

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×