ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~คลังสะสมจินตนาการ~

    ลำดับตอนที่ #4 : Au. สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 60


    AU. สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์

    I must apologize to you for loving you.

     

    ผิดไหมถ้าใจมันยังรัก รักแต่เธออยู่ผู้เดียว

    ทั้งๆ ที่รู้ว่าควรต้องหักห้ามใจ

    ไม่ว่าเธอนั้นจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่ารักนี้ไม่มีค่าใด

    ก็อยากจะขอรักเธอต่อไป ขอโทษที่รักเธอ

    -ขอโทษที่รักเธอ-

     

    เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นแตะขอบฟ้า ดวงตะวันสาดแสงสีทองอาบไล้ธรรมชาติรอบด้านจนกลายเป็นภาพงดงามจับตา เกลียวคลื่นสีครามแล่นริ้วกระทบฝั่งส่องประกายล้อแสงแดดราวกับอัญมณีร่วงหล่นเกลื่อนผืนน้ำ

    เม็ดทรายสีนวลทอดตัวยาวตลอดแนวฝั่ง กรวดหินสีขาวและเปลือกหอยบางจำพวกกระจัดกระจายไปตามพื้นทรายเนื้อละเอียด ทิวมะพร้าวยืนต้นสูงสลับซับซ้อนแว่วเสียงใบไม้สีเขียวเสียดสีกันตามจังหวะลมแผ่วเบาที่พัดหวิว

    วู้วววววววววววว!! ที่นี่ใช่ไหมที่มนุษย์เรียกกันว่าทะเลน่ะ!?”

    เสียงหนึ่งดังขึ้นกลบเสียงเกลียวคลื่นที่กำลังม้วนตัวกระทบผืนทราย เจ้าของเสียงยกมือขึ้นป้องใบหน้ากันแสงแดดอ่อนยามเช้า รอยยิ้มกว้างถูกวาดขึ้นเต็มใบหน้าหวาน ดวงตาเรียวรีสีวอลนัตส่องประกายก่อนจะถลาไปหาผืนน้ำทั้งที่ยังเท้าเปล่า

    ทันทีที่เท้าเปลือยเปล่าสัมผัสกับผืนน้ำร่างสมส่วนก็ส่งเสียงในลำคอออกมาด้วยความตื่นเต้น สุดยอดไปเลยยยยยย! ทำไมบนสวรรค์ไม่มีอะไรแบบนี้บ้างนะ!? น้ำก็ใสแถมยังเย็นอีกต่างหาก!!เสียงใสเอ่ยด้วยท่าทางร่าเริง อาการยกเท้าเตะน้ำไปมาจนเกิดเสียงดังจ๋อมแจ๋มเรียกรอยยิ้มจากคนมองได้ไม่น้อย

    ข้าอยากจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย! นี่มันเยี่ยมสุดๆ!

    เจ้าของเสียงยังคงพูดต่อเพื่อระบายความตื่นเต้นที่เต็มปรี่อยู่ในอกและดูเหมือนมันคงไม่ลดลงไปง่ายๆ ดวงตาสวยกวาดมองรอบกาย ก้มตัวลงวักน้ำเย็นขึ้นสาดไปมาด้วยท่าทางราวกับเด็กน้อย แว่วเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจเมื่อเห็นชายกางเกงสีอ่อนที่สวมอยู่กำลังเปียกน้ำ

    จูเชว่! มาเล่นน้ำกัน!!

    เสียงนั้นเอ่ยเรียก จูเชว่ หรือเทพหงส์เพลิงจูเชว่ชานหลิงให้มาเล่นน้ำด้วยกันด้วยใบหน้าสดใส รอยยิ้มกว้างที่ระบายเต็มแก้มทำให้คนถูกเรียกส่งยิ้มตอบกลับอย่างห้ามไม่ได้ และหากจะมีใครสังเกตมันสักนิดก็คงจะได้เห็นริ้วสีชมพูพาดผ่านลงบนพวงแก้มใสจนสุกปลั่งน่ามอง

    จูเชว่ชานหลิงก้มลงมองชุดที่สวมใส่อยู่เพื่อให้ตนกลมกลืนไปกับมนุษย์ เครื่องแต่งกายยาวกรอมเท้าสีโลหิตถูกเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวสีขาวเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไปชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าลายลูกไม้พลิ้วไปตามลมยามมันพัดต้องผิวกาย ชุดกระโปรงเป็นแบบเปิดไหล่เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวเนียนตั้งแต่ลำคอระหงไล่มาถึงไหปลาร้าสวยได้รูปและหัวไหล่กลมมน

    ถึงแม้การเป็นเทพจะทำให้ไม่คุ้นชินกับเครื่องแต่งกายของมนุษย์แต่จูเชว่รู้ดีว่าชุดที่ตนสวมอยู่ไม่เหมาะที่จะลงไปเล่นน้ำกับคนที่เอ่ยชวนสักเท่าไหร่

    เทพหงส์เพลิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มแห้ง ความรู้สึกเสียดายเล็กน้อยทำให้ใบหน้าของหล่อนหมองลง ต้องขอโทษด้วยนะท่านฮวงหลงแต่ข้าคิดว่าชุดแบบนี้คงลงไปเล่นน้ำด้วยไม่ได้หรอกมือเรียวขาวจับชายกระโปรงเนื้อบางพร้อมกับดวงตาที่หลุบลงต่ำ

    น่าเสียดาย…..ถ้าได้ใส่ชุดที่สีเข้มกว่านี้ก็คงจะดี……

     

    ฮวงหลง หรือที่เหล่าเทพรู้จักกันในตำแหน่งเทพมังกรทองฮวงหลงยู่หน้าด้วยความขัดใจเล็กน้อย ร่างสูงย่นจมูกเมื่อถูกปฏิเสธพร้อมกับเท้าข้างหนึ่งที่เตะน้ำเบาๆ ท่าทางนั้นไม่ได้ดูน่ากลัวหรือกดดัน มันดูน่ารักเสียด้วยซ้ำเมื่อคนที่ทำมันเป็นเทพที่มีใบหน้าหวานเกินชายทั่วไป

    แม้จะเสียดายแต่เทพสาวก็อดจะอมยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางนั้น แต่ไม่นานรอยยิ้มบนเรียวปากอิ่มก็จืดลงเมื่อเงาของร่างที่สูงใหญ่กว่าทาบทับลงบนร่างของจูเชว่ก่อนจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าของร่างนั้นสาวเท้ายาวๆไปตามพื้นทราย แผ่นหลังกว้างสะท้อนเข้าสู่ม่านตาสีอ่อนที่เริ่มหมองลงเรื่อยๆ

    พื้นที่ข้างๆของท่านฮวงหลงกลายเป็นของคนอื่นไปอีกแล้ว…..

    จูเชว่ชานหลิงก้มหน้าลงมองปลายเท้า ภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอจากหยดน้ำตาที่กลั่นออกมาจากความน้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งยังความรู้สึกผิดที่ก่อเกิดขึ้นเต็มอกเพราะมองว่า ไป๋หู่ เป็นคนอื่น ทั้งๆที่เป็นเพื่อนกันแต่กลับไม่สามารถมองทั้งฮวงหลงและไป๋หู่ได้อย่างสนิทใจ

    เรื่องทุกอย่างคงง่ายกว่านี้ถ้าเทพหงส์เพลิงไม่หลงรักเทพมังกรทอง….

    ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากเทียบเชิญที่บ่าวรับใช้นำมาให้เทพหงส์เพลิงที่ตำหนักทางใต้ ปลายทางของเทียบเชิญนั้นคือโถงอาคารหกเหลี่ยมเลี่ยมทองที่ชาวสวรรค์เรียกว่าโถงประชุมของเหล่าเทพ จูเชว่ชานหลิงยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ดี

    ข้ามังกรทองฮวงหลง แฮ่~~”

    น้ำเสียงสดใสและท่าทางร่าเริงนั้นทำให้จูเชว่ยิ้มตามอย่างอดไม่ได้ เขาช่างสดใสดั่งดวงตะวัน รอยยิ้มสดใสราวกับดอกทานตะวันคือความประทับใจแรกที่เทพสาวมีให้กับเทพมังกรทอง 

    ฮวงหลงในคราแรกคือเทพที่น่าเป็นห่วงต้องคอยดูแล  อาจเพราะในตอนนั้นฮวงหลงสะดุดล้มถึงสองครั้งจูเชว่จึงอดไม่ได้ที่จะคอยดูแลและแอบมองไม่ให้คลาดสายตา

    รู้ตัวอีกทีสายตาของเทพสาวก็มีไว้เพื่อมองหาเทพมังกรทองเสียแล้ว….

    เดี๋ยวก่อนสิไป๋หู่! ทำแบบนี้ข้าเปียกนะ!

     

    เจ้าก็ทำข้าเปียกเหมือนกันนั่นแหละ เสมอกันไง

    บทสนทนาลอยเข้าสู่โสตประสาทปลุกจูเชว่ให้หลุดออกจากห้วงความคิดในอดีต ร่างบางกระพริบตาถี่ๆเพื่อเรียกสติรวมถึงขับไล่หยดน้ำอุ่นที่เอ่อคลอหัวตา ความคิดที่ผิดที่สุดคือการที่จูเชว่เงยหน้าขึ้นมองหาต้นเสียงที่รู้อยู่แก่ใจ

    เบื้องหน้าคือฮวงหลงกับไป๋หู่ เทพสองตนวักน้ำสาดไปมาด้วยท่าทางที่เหมือนจะหยอกล้ออยู่ในที ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มเปี่ยมสุขที่จูเชว่มองเห็นจนชินตายามเทพมังกรทองและเทพพยัคฆ์ขาวอยู่ด้วยกัน

    มองเห็นจนชินตาแต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำใจให้ชินไปด้วยได้…..

    เพราะข้าช้าไปใช่หรือไม่ เพราะข้าขี้ขลาดเกินไปใช่หรือไม่…. ที่ว่างตรงนั้นจึงไม่ใช่ที่ว่างสำหรับข้า เพราะข้าไม่กล้าพอรอยยิ้มและการกระทำของท่านที่ข้าได้รับจึงเป็นการกระทำเฉกเช่นเพื่อนสนิท

    พระเจ้าเอ๋ยทำไมถึงโหดร้ายกับข้าเหลือเกิน เหตุใดหัวใจของข้าถึงมีไว้ให้คนที่ไม่ได้รักข้ากัน นี่ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

    จูเชว่เม้มริมฝีปากแน่นขณะกล้ำกลืนความรู้สึกทั้งหมดลงในอก กดมันไว้ด้วยความเข้มแข็งเพียงน้อยนิด มันยากที่ต้องฝืนความเศร้าที่กรีดลึกลงในใจจนเกิดแผลเหวอะหวะเพื่อเค้นรอยยิ้มและเปล่งเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าของใบหน้างดงามหันหลังให้ภาพนั้น ก้มหน้าลงก่อนก้าวเดินไปตามหาดพร้อมน้ำตาที่จวนเจียนจะไหลเพราะเจ็บจนจุก

    ไม่นะ….. เธอจะมาร้องไห้ตรงนี้ไม่ได้นะจูเชว่….

    อ๊ะ….”

     สองขาหยุดเดินเมื่อมองเห็นปลายเท้าของใครสักคนหยุดอยู่เบื้องหน้า หัวคิ้วของเทพสาวกดลงต่ำเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่จูเชว่จะเงยหน้าขึ้นมองว่าอีกคนเป็นใครหมวกปีกกว้างก็ถูกสวมลงมาบนศีรษะเสียก่อน เจ้าของมือนั้นตบลงบนหมวกเบาๆก่อนจะรั้งตัวจูเชว่ไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงด้วยมือเพียงข้างเดียว

    สภาพดูไม่ได้เลยนะ….”

    ทะ ท่านอวิ๋นเซิง?” ร่างบางเงยหน้าขึ้นหลังจากได้ยินเสียงทุ้มเรียบนิ่ง ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…”

    เจ้าของเสียงขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งตึงใส่เทพหงส์เพลิง มาตั้งแต่ฮวงหลงวิ่งลงไปเล่นน้ำ

    จูเชว่ชานหลิงเม้มริมฝีปากแน่น คำตอบของ ชิงหลงอวิ๋นเซิง ไม่ต่างจากการบอกกลายๆว่ามองเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่แรก มองเห็นความอ่อนแอน่าสมเพชของเธอทั้งหมด ความคิดนั้นทำให้มือเรียวขาวกำชายเสื้อของคนตัวสูงกว่าแน่นขึ้นจนยับยู่ยี่ไปหมด เรียวปากอิ่มเม้มแน่น ใบหน้างดงามหมองลงจากความเศร้าอย่างเห็นได้ชัด

    ทำหน้าแบบนั้นทำไม…?” อวิ๋นเซิงเลิกคิ้ว ยกมือขึ้นกดหมวกลงบนศีรษะของร่างเล็กตรงหน้าจนปกปิดใบหน้าสวยจนเกือบมิดแขนข้างหนึ่งกระชับให้แน่นขึ้นจนท่าทางเหมือนกำลังกอดเทพหงส์เพลิงอยู่กลายๆ ชินกับอากาศบนโลกมนุษย์แล้วรึไง ใส่หมวกซะข้าได้ยินมาว่าสายๆแดดจะแรง

    จูเชว่ที่พยายามขืนตัวออกจากการเกาะกุมเอ่ยตอบไม่เต็มเสียงนัก ข้ามาจากตำหนักทางใต้นะท่านอวิ๋นเซิง ห่วงท่านเสวียนอู่เถิด

    “......หลิง!

    “!?”

    เสียงของอวิ๋นเซิงที่เรียกชื่อของหล่อนเสียงดังอย่างที่ไม่เคยเป็นทำให้ดวงตาสีชาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าอ่อนใสแสดงอาการตื่นตระหนกออกมาอย่างปิดไม่มิดเมื่อคนตัวสูงกว่าก้มหน้าลงมาจนมองเห็นว่าคิ้วของเทพมังกรฟ้าขมวดแน่นขนาดไหนและดวงตาสีสวยของอีกฝ่ายฉายแววเกรี้ยวกราดมากเพียงใด

    จูเชว่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ วูบหนึ่งที่หล่อนเผลอกลั้นลมหายใจ มะ มีอะไรรึเปล่าท่านอวิ๋นเซิงเทพสาวทำใจดีสู้เสือ รอยยิ้มแห้งปรากฏบนริมฝีปากขณะที่พยายามขืนตัวออกจากมือที่จับอยู่บริเวณต้นแขน อวิ๋นเซิงจะะรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังออกแรงบีบจนเธอเจ็บไปหมด

    สายตาสองคู่ประสานกันท่ามกลางความเงียบที่โรยตัวคั่นกลางระหว่างเทพหงส์แดงและเทพมังกรฟ้า แรงบีบที่ต้นแขนไม่มีทีท่าว่าจะลดลงจนจูเชว่เริ่มเบ้หน้าเพราะความเจ็บ บรรยากาศกดดันทั้งยังอึดอัดห่อหุ้มรอบตัวเทพทั้งสองไว้เมื่อต่างฝ่ายต่างยังจ้องตาโดยไม่คิดปริปาก

    และเพราะชิงหลงอวิ๋นเซิงไม่ใช่คนอดทนกับเกมความเงียบได้นานเทพหนุ่มจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อนด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฝ่ามือใหญ่ปล่อยต้นแขนบางให้เป็นอิสระ ใบหน้าคมเบือนหนีคนตัวเล็กกว่าเบื้องหน้า

    ไม่มีอะไรไปซะหลิง

    จูเชว่ชานหลิงขยับริมฝีปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเทพสาวเป็นกังวลกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอวิ๋นเซิงแต่เมื่อเห็นว่ามังกรหนุ่มคงไม่ตอบอะไรง่ายๆจึงตัดสินใจสาวเท้าเข้าบ้านพักไปอย่างเงียบๆ

    แผ่นหลังบอบบางของเทพหงส์เพลิงค่อยๆลับหายไปจากกรอบสายตาเมื่อเธอเดินไปถึงบ้านพักแล้วเปิดประตูเข้าไป ร่างสูงเม้มริมฝีปากพร้อมกับพ่นลมหายใจพรืดใบหน้าหล่อเหลาผินไปทางริมหาดมองเห็นไป๋หู่กับฮวงหลงกำลังเล่นน้ำอยู่ไกลๆ แต่ถึงกระนั้นอวิ๋นเซิงก็ยังมองเห็นว่าเทพมังกรทองและเทพพยัคฆ์ขาวตื่นเต้นและมีความสุขมากขนาดไหน

    ทันใดนั้นใบหน้าของจูเชว่ก็ลอยเข้ามาในหัว ใบหน้างดงามที่หมองลงเหมือนดอกไม้เหี่ยวเฉาดอกหนึ่ง ดวงตาคู่สวยมีหยดน้ำอุ่นเอ่อคลอจวนเจียนจะไหล มันหม่นแสงและสั่นไหวรุนแรง

    และสาเหตุที่หล่อนเป็นเช่นนั้นก็คงไม่พ้นภาพเบื้องหน้าที่เขาเห็นอยู่ขณะนี้…..

    เทพมังกรฟ้าแค่นยิ้ม เปลือกตาปิดลงราวกับไม่ต้องการรับรู้อะไรอีกร่างสูงแค่นเสียงหัวเราะดังเหอะ เสียงหัวเราะนั้นเจือความสมเพชอยู่ในที ใช่…. อวิ๋นเซิงสมเพชตัวเองที่ในบัดนี้กำลังพ่ายแพ้หมดรูป ฟังดูน่าขำที่เทพมังกรฟ้าแห่วตำหนักตะวันออกจะต้องมาพ่ายแพ้หมดท่าให้กับเทพหงส์เพลิงท่าทางอ่อนแอ

    หล่อนอ่อนแอทว่าอ่อนหวาน หล่อนอ่อนโยนทว่าแข็งแกร่ง เหมือนดอกไม้ที่แม้นกลีบสวยเปราะบางแต่ก็ทนทานต่อลมฝน ดอกไม้หอมหวานส่งกลิ่นยั่วเย้าให้ผู้พบเห็นสัมผัสมัน

     

    หากแต่อวิ๋นเซิงไม่สามารถแตะต้องดอกไม้งามที่ชื่อจูเชว่ได้….. เพราะดอกไม้งามไม่ได้เกิดมาเพื่อเขา เขาจึงกลายเป็นเพียงคนขี้แพ้ที่ทำได้เพียงเฝ้ามองดอกไม้งามที่เอาแต่ผินหาดวงตะวัน

    เทพมังกรฟ้าแค่นหัวเราะอีกครั้ง ใบหน้าหล่อคมก้มลงต่ำมองปลายเท้าที่ออกแรงเตะจนเม็ดทรายปลิวไปตามแรง ร่างสูงกำหมัดด้วยความเจ็บใจ

    เรื่องมันคงง่ายขึ้นกว่านี้มาก เป็นข้าข้าไม่ได้เหรอหลิงถ้าเขาไม่ได้หลงรักจูเชว่….

     

    หลังจากช่วงเช้าเทพสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ลงความเห็นกันว่าควรจะออกมาทานอาหารกลางวันในร้านอาหารของมนุษย์ตอนที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่กลางฟ้า ประตูของบ้านพักเปิดออกมาตอนนาฬิกาตีบอกว่าเที่ยงกว่าๆด้วยฝีมือของฮวงหลง

    ยะฮู้~~ ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วววววว!!

    เดี๋ยวก่อนฮวงหลงเสียงเรียกของเทพพยัคฆ์ขาวรั้งฝีก้าวของฮวงหลงให้หยุดลง เมื่อหันไปหาพร้อมรอยยิ้มเหมือนอย่างทุกทีบนศีรษะก็ถูกสวมด้วยหมวกแก๊ปสีขาวด้วยฝีมือของอีกฝ่าย

    มนุษย์ใช้สิ่งนี้ไว้กันแดด ข้าว่ามันเหมาะกับเจ้า

    อ๋า….” มือเรียวสวยเหมือนผู้หญิงยกขึ้นจับปีกหมวกแล้วส่งยิ้มซื่อๆให้เหมือนอย่างทุกครั้ง ขอบใจนะไป๋หู่ เอาล่ะ! ไปกันเถอะ~”

    เทพมังกรทองคว้ามือที่ใหญ่กว่าของไป๋หู่ขึ้นมาจับแกว่งไปแกว่งมาขณะก้าวขาเดินไปอย่างอารมณ์ดี ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของจูเชว่ ใบหน้างดงามของเทพหงส์เพลิงหม่นลงเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้ายเหมือนถูกมีดกรีด ริมฝีปากบางสั่นระริกก่อนเจ้าของมันจะเม้มแน่นเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้ ร่างบางสูดลมหายใจสั่นเครือเข้าปอดหวังให้อากาศสดชื่นริมทะเลคลายความรู้สึกที่มีลงไปได้บ้าง

    เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?”

    อะ เอ่อ…. ข้า

     จูเชว่เบนสายตาไปอีกทางเมื่อร่างที่สูงกว่าเกือบหนึ่งบรรทัดของ เสวียนอู่ กำลังก้มหน้าลงมา นัยน์เนตรสีน้ำหมึกฉายความเป็นห่วงอยู่ภายในแววตาพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ยกขึ้นลูบเส้นผมสีปีกนกกาของชานหลิงแผ่วเบาคล้ายจะปลอบประโลม เทพสาวขยับริมฝีปากเปล่งเสียงเป็นคำพูดอึกอักอย่างทำอะไรไม่ถูกกับสัมผัสอบอุ่นนั้น

    ว่าอย่างไรเล่าจูเชว่?”

    เอ่อข้า มะ ไม่เป็นไรท่านเสวียนอู่ ข้าสบายดี

    ใช่ หลิงสบายดี แล้วก็คงหิวแล้วด้วย รีบเดินเถอะสองคนนั้นเดินไปไกลแล้ว

    เสียงทุ้มแข็งกร้าวดังขึ้นด้านหลัง ต้นเสียงคืออวิ๋นเซิงที่ยืนกอดอกทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ด้านหลัง เทพหนุ่มไม่สามารถทำอะไรได้มากเพราะเสวียนอู่เปรียบเสมือนกับพี่ใหญ่ที่เทพมังกรฟ้านับถือ จูเชว่ลอบถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นร่างสูงของมังกรหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆ ท่าทางของอีกฝ่ายดูหงุดหงิดเหลือเกินตั้งแต่คุยกันที่หาดเมื่อเช้า ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะดีขึ้นแล้วแต่ก็กลับมาหงุดหงิดอีกจนได้

    ไม่รู้ว่าเป็นอะไรของเขา อารมณ์แปรปรวนเสียงจริง….

    เทพหงส์แดงได้แต่รำพึงในใจด้วยความเป็นห่วง เสี้ยวหน้าหล่อคมของอวิ๋นเซิงดูหงุดหงิดทุกครั้งที่หล่อนลอบมอง แอบมองได้ไม่นานก็ต้องเป็นอันสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่ฝ่ามือ จูเชว่เบิกตาโตมองมือใหญ่ที่กุมมือของตนไว้ ไล่สายตาไปตามท่อนแขนแข็งแรงก่อนจะสบกับดวงตาเรียวคม

    ท่านอวิ๋นเซิง…”

    อะไร?” เขาเลิกคิ้ว

    ปล่อยมือเถอะ ข้าเดินเองได้เธอยิ้มแห้ง มือเล็กเริ่มขยับดุกดิกฝืนการเกาะกุมจากมือที่ใหญ่กว่า

    ก็เจ้าชักช้า ข้าหิว เสวียนอู่ก็หิวว่าพลางพยักเพยิดไปทางเทพเต่าดำเจ้าของใบหน้าเรียบเฉยที่เดินไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆ แบบนี้แหละดีแล้ว อย่าดื้อน่าหลิง

    เทพหงส์เพลิงเงียบเสียงเมื่อจนด้วยคำพูด หล่อนเม้มริมฝีปากตัดสินใจไม่เถียงอะไรแล้วก้าวขาตามเทพมังกรฟ้าไปเงียบๆ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่าแต่จูเชว่รู้สึกว่าอวิ๋นเซิงจับมือเธอแน่นขึ้น และเพราะต้องก้าวเดินให้ทันเทพตัวสูงที่ขายาวกว่าจึงไม่ทันสังเกตว่าเทพหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีดำที่เดินอยู่ข้างๆชิงหลงหยุดฝีก้าวไปตั้งแต่เมื่อไหร่

    เสวียนอู่ยืนนิ่ง ดวงตาสีรัตติกาลเหม่อมองสหายที่เริ่มเดินออกไปไกลด้วยสายตาที่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์อันหลากหลาย ดวงตาสีเข้มจ้องมองมือของตนที่เอื้อมคว้าอยู่กลางอากาศ เขามักช้าไปก้าวหนึ่งเสมอ แต่ด้วยฐานะพี่ใหญ่ที่สหายมอบให้ทำให้เสวียนอู่ไม่สามารถแสดงความรู้ออกมาได้ชัดนักยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่น

    เทพหนุ่มกำมือข้างนั้นแน่น แววรวดร้าวฉายลึกอยู่ในห้วงทะเลสีน้ำหมึกที่สั่นไหวยามอยู่ตัวคนเดียว เสียงนุ่มพึมพำแผ่วเบา ถ้าข้ากล้าที่จะจับมือเจ้าบ้างก็คงดีนะจูเชว่…”

    สุดท้ายแล้วสัตว์อสูรทั้งห้าก็เลือกทานอาหารกลางวันในร้านขนาดกลางริมหาดตามการตัดสินใจของฮวงหลง มันเป็นร้านอาหารริมหาดบรรยากาศเงียบสงบเพราะมีนักท่องเที่ยวอยู่บางตา ฮวงหลงพาสหายไปยังโต๊ะตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณระเบียงด้านหน้าซึ่งยื่นออกไปรับลมทะเล

    เทพมังกรทองนั่งลง ฝ่ามือถูกันไปมาด้วยความตื่นเต้น ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายราวเด็กน้อยขณะวาดรอยยิ้มซื่อๆบนริมฝีปาก พวกมนุษย์นี่เขาสั่งอาหารกันยังไงนะ ตื่นเต้นจัง! น่าสนุกเสียจริง

    จูเชว่ที่เดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มกับท่าทางนั้น ดวงตาสีชาทอดมองโต๊ะตัวยาวที่มีเก้าอี้วางขนาบสองฝั่ง ด้านหนึ่งมีเก้าอี้สองตัวและอีกด้านมีเก้าอี้สามตัว หล่อนลอบถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ทำเป็นไม่สนใจสายตาสงสัยของฮวงหลงที่มองมา

    เทพสาวแค่นยิ้มเมื่อเห็นไป๋หู่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างฮวงหลงแบบไม่หยุดลังเลอะไรทั้งสิ้น หล่อนมองภาพนั้น ก้มหน้าลงมองฝ่ามือของตัวเองที่กำแน่นอยู่ใต้โต๊ะ ได้แต่ปลอบตัวเองในใจว่าตนทำถูกแล้ว

    คนสามคนกับทางสองทาง…. ถ้าจะมีใครสักคนที่ต้องแยกออกมามันก็ควรจะเป็นเธอ เพราะถ้าหากเธอยังดึงดันที่จะไปทางเดียวกับพวกเขาก็มีแต่จะต้องเดินอย่างโดดเดี่ยว

    แยกตัวออกไปเดินคนเดียวเสียยังดีกว่าการเลือกเดินทางที่จะต้องมองเห็นอะไรก็ตามที่ตอกย้ำสถานะของตัวเองให้ชัดขึ้น

    ชานหลิงไม่ได้ฟังเลยด้วยซ้ำว่าเก้าอี้ข้างตัวถูกเลื่อนออกตอนไหน หรือรอบตัวมีบทสนทนาอะไรบ้าง ไม่ได้ใส่ใจแม้ฮวงหลงจะยกมือขึ้นโบกไปมาอยู่ตรงหน้าแล้วถามเป็นรอบที่สามว่าจะสั่งอะไร ดวงตาสีชาเหม่อมองฝ่ามือของตัวเองนิ่งงัน แววสั่นเครือฉายเด่นชัดจากอารมณ์ร้าวราน

    “....เชว่ จูเชว่

    เทพหงส์แดงสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาสีอ่อนกระพริบปริบขณะสูดลมหายใจเพื่อเรียกสติที่เริ่มลอยหาย มีอะไรหรือท่านเสวียนอู่?”

    เจ้าของนามเสวียนอู่ระบายยิ้มจาง มือข้างหนึ่งชะงักข้างอยู่กลางอากาศ ทั้งๆที่แค่จะจับมือจูเชว่ไว้แท้ๆ…. เสวียนอู่ก็ยังคงเป็นเสวียนอู่ เขาไม่ได้สดใสแบบฮวงหลงและไม่ได้กล้าพอที่จะแสดงออกแบบอวิ๋นเซิง

    เขายังเป็นเขา เป็นเทพเต่าดำแสนขี้ขลาดที่ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออกว่ารู้สึกเช่นไรกับหญิงสาวข้างตัว

    ร่างสูงระบายลมหายใจก่อนตอบคำถามของจูเชว่ ข้าจะถามว่าเจ้าจะสั่งอะไรน่ะ คนอื่นสั่งหมดแล้วนะ

    ขะ ข้าข้าเอาอะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ ท่านเสวียนอู่สั่งเผื่อข้าเถอะ

    อ่าได้สิ งั้นเอาข้าวผัดปูเพิ่มอีกหนึ่งจานนะ

    มนุษย์ที่มารับออเดอร์จากโต๊ะของพวกเขาพยักหน้าหลังจากจดรายการอาหารต่างๆที่สั่งไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับแก้วน้ำห้าใบ ภายในแก้วมีน้ำเปล่าและน้ำแข็งเย็นเจี๊ยบ ไอน้ำที่เกาะข้างแก้วเรียกความตื่นเต้นจากเทพมังกรทองได้เป็นอย่างดี แก้วตาใสฉายความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด ฮวงหลงยกมือขึ้นจับผิวแก้วที่เริ่มเย็นเพราะน้ำภายในก่อนเลื่อนมือนั้นไปแปะลงบนแก้มของไป๋หู่ เทพหนุ่มหัวเราะเสียงใสเมื่อมองเห็นเทพพยัคฆ์ขาวตีสีหน้าปูเลี่ยนยามสัมผัสความเย็นแล้วหันมาแยกเขี้ยวใส่

    ภาพสองเทพเล่นหยอกล้อกันตรงหน้าสร้างความเจ็บปวดมหาศาลยามต้องเห็นมันในระยะประชิดแบบไม่มีทางเลี่ยง จูเชว่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด มันเจ็บหนึบจนหายใจไม่ออก มนุษย์เวลาจมน้ำก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน การตกลงไปในห้วงน้ำแห่งความเศร้ามันทั้งหนาวเหน็บ โดดเดี่ยว เจ็บปวดและทรมาน เหทือนลมหายใจถูกช่วงชิง แม้เอื้อมมือออกไปหมายไขว่ขว้าแต่เรี่ยวแรงกลับขาดหาย

    ข้าขอโทษที่ไม่สามารถยิ้มและหัวเราะให้พวกท่านได้อย่างสนิทใจ ถ้าหากข้าเพียงแต่จะห้ามใจตัวเองได้สักนิด…. ข้าคงไม่ต้องเจ็บปวดเจียนตายถึงเพียงนี้

    ความรักน่ากลัวเหลือเกิน…. ไหนใครเล่าที่บอกว่าความรักนั้นหอมหวาน คนเหล่านั้นไม่เคยพร่ำบอกถึงความเจ็บปวดของมัน

    จูเชว่ถูกปลุกขึ้นจากห้วงความคิดขื่นขมเมื่อสัมผัสอุ่นวาบถูกส่งผ่านมายังฝ่ามือบนตัก เจ้าของมือคือเสวียนอู่ที่นั่งอยู่ข้างๆแน่นอนไม่ต้องสงสัย ในขณะที่กำลังสงสัยถึงสาเหตุของการกระทำนั้นฝ่ามือของเทพหนุ่มก็กระชับแน่นขึ้น ปลายนิ้วโป้งไล้วนแผ่วเบาบนหลังมือของชานหลิง สัมผัสอบอุ่นนั้นรู้สึกถึงการปลอบประโลมอยู่ในที

    ดวงตาสีชาลอบมองเทพเต่าดำที่นั่งจิบน้ำในแก้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะมุมของโต๊ะทำให้ไม่มีใครเห็นว่าทั้งสองกำลังจับมือกัน เสวียนอู่กำลังปลอบใจเธอด้วยวิธีของเขา เทพหนุ่มยังช่างสังเกตไม่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่พบกัน

    รอยยิ้มบางถูกวาดบนริมฝีปากสวยได้รูปที่สั่นน้อยๆ เสียงใสพึมพำเสียงแผ่ว ขะ ขอบคุณนะท่านเสวียนอู่…. ขอบคุณจริงๆ

    เทพหนุ่มยกแก้วน้ำขึ้นจิบทว่ามุมปากมีรอยยิ้ม เสวียนอู่ได้ยินคำขอบคุณนั้นและเขากระชับมือเล็กแน่นขึ้นแทนคำพูดตอบกลับ ตอนนี้เขามีความกล้ามากพอที่จะจับมือของจูเชว่ไว้ มือที่เล็กกว่ามือของเขา…..และไม่ใช่ของเขา

    แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่งแม้เป็นเพียงเสี้ยววินาที ขอแค่เขาได้จับมือของเธอไว้แบบนี้….แม้จะต้องปล่อยแต่เสวียนอู่ก็จะไม่เสียใจ

     

    หลังจากทานอาหารกลางวันจนเรียบร้อยพวกเขาออกจากร้านอาหารริมหาดก่อนจะเดินทอดน่องไปตามตลาดพื้นเมืองตามการนำของเทพมังกรที่ดูจะตื่นเต้นไปเสียหมดกับทุกสิ่งรอบตัวในมือของเทพแต่ละตนมีถุงใส่วัตถุดิบที่ซื้อจากตลาดเพื่อกลับไปทำอาหารเย็นที่บ้านพักตามคำบอกของฮวงหลง เทพหนุ่มบอกถึงการพักแรมของพวกมนุษย์ที่มักจะมาทำอาหารร่วมกันและทำสิ่งที่เรียกว่าบาร์บีคิวในตอนเย็น

    ดวงตะวันแตะขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเมื่อเทพสัตว์อสูรทั้งห้ากลับมาถึงบ้านพัก ผืนฟ้ากว้างใหญ่ถูกย้อมด้วยสีส้มย่างเข้าสู่ยามอัสดง ชานกว้างหน้าบ้านพักที่ถูกปูด้วยไม้ระแนงกันน้ำอย่างดีถูกเปลี่ยนเป็นลานเล็กๆ วัตถุดิบถูกวางเต็มโต๊ะพร้อมกับเตาบาร์บีคิวที่เทพทุกตนลงความเห็นว่าหน้าตาแปลกตาถูกไป๋หูเอามาตั้งเพื่อเตรียมจุดไฟ

    ข้าจุดเองดีกว่าท่านไป๋หู่จูเชว่ชานหลิงเอยด้วยรอยยิ้มบางเมื่อเห็นเทพพยัคฆ์ขาวหมุนตัวเพื่อจะไปหยิบอุปกรณ์ที่พวกมนุษย์ใช้จุดไฟจากในบ้าน

    เอาอย่างนั้นรึจูเชว่?”

    ข้าเป็นเทพหงส์เพลิงนะเจ้าของตำแหน่งเอ่ยก่อนจะหัวเราะเบาๆ ปลายนิ้วชี้ไปทางฮวงหลงที่วุ่นวายอยู่กับวัตถุดิบ แม้ปากจะยิ้มแต่ดวงตากลับหม่นแสง ไปช่วยท่านฮวงหลงทางนั้นเถิด ข้าจุดไฟครู่เดียวก็ติดแล้วล่ะ…”

    ปลายนิ้วเรียววางทาบลงใต้ตะแกรง แสงสีแดงเพลิงห่อมหุ้มปลายนิ้วนั้นก่อนจะเกิดประกายไฟและกลุ่มไฟขยาดเล็กกลางเตา ดวงตาคู่สวยเหม่อมองไป๋หู่ที่เดินไปหาฮวงหลงพวกเขาพูดคุยและหยอกล้อกันเหมือนอย่างเคย

    ข้าคิดถูกแล้วใช่รึเปล่านะ…… คิดถูกแล้วใช่หรือไม่ที่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน

    ทั้งๆที่ข้าเป็นคนตัดสินใจแต่ทำไมถึงเจ็บปวดได้ขนาดนี้กันนะ…..

    แปะ

    อ๊ะ…”

    น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงบนหลังมือ แวบหนึ่งที่เทพหงส์เพลิงคิดว่าฝนตกแต่เมื่อน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลผ่านแก้มถึงได้รู้ว่าหยดน้ำเหล่านั้นคือฝนจากดวงตา จูเชว่กระพริบตาถี่ๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ก้มลงมองเตาตรงหน้าที่เริ่มมีไฟโหมมากเกินไปก่อนละรีบเบาไฟแล้วผละออกจากเครื่องมือหน้าตาประหลาดด้วยความตกใจ

    ปึ่ก

    “!?”

    เห็นผีรึไงกันหลิง…”

     แผ่นหลังบางของเทพสาวปะทะกับอกของเทพมังกรฟ้าพร้อมกับสัมผัสทาบแน่นจากวงแขนที่เอวของจูเชว่ ม่านตาสวยเบิกกว้าง ใบหน้างดงามเงยขึ้นมองเทพหนุ่มด้วยท่าทางตื่นตระหนกเหมือนกระต่ายตื่นตูมตัวน้อยที่ตื่นกลัวกับทุกสิ่งรอบตัว แปลกดีที่อวิ๋นเซิงมองว่าแววตาสั่นๆนั้นน่ารัก

    ข้าเปล่านะท่านอวิ๋นเซิง ปล่อยข้าก่อนเถิด ข้าขยับตัวไม่สะดวก

    ร่างสูงเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ ดวงตาใสยิ่งเบิกกว้าง แล้วเจ้าจะขยับตัวไปทำอะไรคำพูดสั้นห้วนมาพร้อมกับเสียงขุ่นๆและใบหน้าบึ้งตึง

    ข้าข้า เอ่อข้าจะเข้าไปข้างใน

    ข้าก็จะเข้าไป งั้นก็ไปพร้อมกันอวิ๋นเซิงดันหลังของจูเชว่เข้าไปด้านใน เมื่อเทพสาวนั่งลงบนที่นั่งนุ่มๆที่มนุษย์เรียกกันว่าโซฟาชิงหลงก็นั่งลงข้างกัน

    ใบหน้าหวานของเทพหงส์เพลิงมองร่างที่สูงกว่าอย่างไม่เข้าใจ ท่านแปลกไปนะท่านอวิ๋นเซิง ไม่เหมือนตัวท่านยามปกติเลย….”

    อวิ๋นเซิงกอดอก เขาพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ปกติข้าเป็นอย่างไร? แล้วตอนนี้ข้าเปลี่ยนไปอย่างไร? อะไรทำให้เจ้าคิดแบบนั้นหลิง

    เอ่อ….. ก็ดวงตาสีชาฉายแววลังเล เรียวปากบางเม้มแน่นด้วยอารามไม่มั่นใจ มีเพียงครู่เดียวที่หล่อนจ้องลึกในแววตาของเทพมังกรฟ้าแต่สุดท้ายก็เบนสายตากลับไป

    ช่างเถอะ ข้าแค่รู้สึกว่าท่านแปลกไป…. แต่ข้าอาจจะคิดไปเองชานหลิงยิ้มแห้ง ปลายนิ้วชี้เก้กังไปทางประตูห้องนอนของตัวเอง ขะ ข้าจะไปนอนพัก เชิญท่านตามสบายเลยพูดจบก็ผุดลุกขึ้นตั้งใจจะกลับเข้าไปในห้อง หากแต่แขนข้างหนึ่งถูกดึงไว้ก่อน

    เดี๋ยวก่อนหลิง….”

    มีอะไรรึท่านอวิ๋นเซิง

    รู้อะไรรึเปล่าหลิงดวงตาคมของเทพมังกรฟ้าจ้องมองใบหน้าของเทพหงส์เพลิงที่ผินมาทางตนก่อนจะเม้มริมฝีปาก เทพหนุ่มกลอกตาไปมาเมื่อความเงียบเข้าโรยตัวกั้นกลาง ช่างมันเถอะ…” ให้ตายสิ บรรยากาศเหมือนเมื่อเช้าไม่มีผิด

    อวิ๋นเซิงปล่อยชานหลิงไปอีกครั้ง มันเหมือนกับเมื่อเช้าที่เขาปล่อยหล่อนไปโดยไม่พูดอะไรแม้สักคำ เสียงปิดประตูห้องนอนดังขึ้นไกลๆเป็นสัญญาณว่าจูเชว่เข้าไปด้านในแล้ว เทพหนุ่มเอนศีรษะพิงกับพนักโซฟา ปิดเปลือกตาลงพร้อมกับพรูลมหายใจเฮือกใหญ่

    เมื่อกลางวันข้าเห็นเจ้ากับเสวียนอู่จับมือกัน…” ทุกถ้อยคำที่ตั้งใจจะพูดกับเทพหงส์เพลิงพรั่วพรูออกจากริมฝีปากยามอยู่ตัวคนเดียว อวิ๋นเซิงแค่นหัวเราะให้กับความน่าสมเพชของตัวเองอีกครั้ง หมัดข้างหนึ่งทุบลงบนที่นั่ง

    ข้าก็แค่อยากปลอบใจเจ้า…” แต่เพราะเป็นข้า เป็นเทพมังกรฟ้าที่แสนเย่อหยิ่ง โอหัง แข็งทื่อและไม่แม้แต่จะเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น ถึงแม้เจ้าจะเศร้าเพียงไหนแต่วิธีปลอบในแบบของข้าคงไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้เมื่อข้าก็เป็นเพียงเทพแข็งกร้าวตนหนึ่ง

    ขอร้องล่ะหลิง…” ให้ข้าเป็นคนนั้นของเจ้าทีเถอะ….

    ช่วงเวลาอาหารเย็นหมดลงอย่างรวดเร็ว ตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ผืนฟ้าสีครามถูกทาทับด้วยกำมะหยี่สีทึม แสงดาวส่องสว่างแต่งแต้มความงามให้นภายามค่ำ ชานหน้าบ้านพักถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อย ดวงไฟติดผนังถูกดับลงเหลือเพียงแสงสว่างสีนวลจากดวงจันทร์และแสงดาว เสียงพูดคุยช่วงหัวค่ำเงียบลงเหลือเพียงเสียงคลื่นซัดสาดผสมไปกับเสียงแมลงกลางคืน

    เสียงประตูไม้ถูกเปิดออกท่ามกลางความเงียบที่เข้าปกคลุม ท้องฟ้ามืดทึมจากเวลาที่เข้าใกล้วันใหม่เข้าไปทุกที อีกไม่กี่นาทีเข็มยาวจะชี้เลขสิบสอง ดวงตาสีชากวาดมองความมืดรอบกายก่อนจะค่อยๆย่างก้าวไปตามทางเดินมืดทึมช้าๆ

    จูเชว่กลับมาในชุดยาวกรอมเท้าสีเลือดนกอย่างที่เคยใส่เมื่ออยู่ในตำหนักทางทิศใต้ เนื่องด้วยเป็นเวลากลางคืนทำให้หล่อนไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้า ด้วยความที่ตำหนักทางใต้มีอากาศแจ่มใสทำให้ชานหลิงไม่ค่อยคุ้นเคยกับอากาศเย็นเท่าใดนัก ไหล่บางห่อเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อร่างกายใต้ชุดเนื้อบางสัมผัสกับอากาศเย็นยามค่ำคืน ท่อนแขนเพรียวยกขึ้นกอดตัวเองไว้ขณะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นไม้ ใบหน้างดงามเงยขึ้น จ้องมองแสงสีนวลจากจันทร์เสี้ยวที่ลอยเด่นอยู่กลางฟ้า

    แสงจันทร์สีนวลอาบไล้ใบหน้าหม่นเศร้าของเทพหงส์เพลิงคล้ายจะปลอบใจและซับน้ำตาที่เริ่มเอ่อขัง ไหล่บางสั่นเล็กน้อยทว่าต้นเหตุหาใช่อากาศยามค่ำคืนที่เริ่มหนาวเย็น เทพสาวยกขาขึ้นในท่านั่งชันเข่าก่อนซบใบหน้าลงบนหัวเข่า จูเชว่เจอเรื่องราวมามากมายจนในตอนนี้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน

    ร่างบางระบายลมหายใจก่อนสัมผัสได้ว่ามันสั่นเล็กน้อย ภาพท้องทะเลสีเข้มสะท้อนเข้าสู่ม่านตาที่จ้องมองมันอย่างเลื่อนลอย ร่างเล็กยังคงนั่งนิ่ง ท่าทางเหม่อลอยนั้นตัดประสาทสัมผัสส่วนใหญ่ของเทพหงส์แดงจนไม่อาจรับรู้ถึงก้าวเดินของใครบางคนจนกระทั่งมือนั้นวางแผ่วเบาลงบนหัวไหล่

    ทำไมเจ้ายังไม่นอนเล่าจูเชว่?” เจ้าของคำถามและสัมผัสนิ่มนวลบนหัวไหล่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เส้นผมสีน้ำหมึกกลืนไปกับความมืดด้านหลังทว่ามองเห็นชัดพอๆกับดวงตาเมื่อถูกส่องจากแสงจันทร์

    ข้านอนไม่หลับน่ะท่านเสวียนอู่ชานหลิงเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย เทพสาวยิ้มบางๆกลบความรู้สึกทั้งมวลให้เทพเต่าดำสบายใจ มาที่โลกมนุษย์แล้วตื่นเต้นนิดหน่อยก็เลยนอนไม่หลับ….”

    เสวียนอู่ขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มจางๆให้กับเหตุผลนั้น รอยยิ้มอบอุ่นไม่แสดงอารมณ์ใดๆแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธชัดเจนว่าไม่เชื่อคำพูดของจูเชว่ ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงข้างกันก่อนจะขยับมือขึ้นลูบเส้นผมสีเข้มของอีกฝ่ายแผ่วเบา

    ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้าหรอกนะมือนั้นไล่ลงมาที่แก้มใส รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งให้เทพตัวน้อย แต่ถ้าเจ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็บอกข้าเถอะ…”

    ชานหลิงเม้มริมฝีปากแน่น ความลังเลก่อตัวในจิตใจ ท่าทีอบอุ่นอ่อนโยนนั้นเปรียบเหมือนมือที่ฉุดรั้งเธอขึ้นจากห้วงน้ำหนาวเหน็บมาพบกับแสงสว่าง หรือเสวียนอู่จะเป็นคนที่เธอควรบอกเรื่องราวในใจทั้งหมดจริงๆ

     เทพหงส์เพลิงขยับริมฝีปากเมื่อตัดสินใจจะพูดอะไรบางอย่าง หล่อนจ้องลึกในแววตาของเสวียนอู่ที่มองสบมาอย่างคำตอบก่อนจะสั่นศีรษะช้าๆ มือเรียวสวยกำแน่นจนรู้สึกถึงปลายเล็บที่จิกลงบนผิวเนื้อ

    ข้าไม่ได้เป็นอะไร ข้าสบายดี

    แต่ข้ามี…” จูเชว่เลิกคิ้วขึ้นกับคำพูดของเทพที่เปรียบเหมือนพี่ใหญ่หากแต่คนพูดกลับมอบรอยยิ้มคลุมเครือกลับมา เจ้าช่วยรับฟังข้าหน่อยได้หรือไม่?”

    ได้สิท่านเสวียนอู่

    เทพเต่าดำกระแอมไอเล็กน้อย รอยยิ้มยังคงติดอยู่บนริมฝีปาก ใบหน้าหล่อเหลาแหงนขึ้นมองท้องฟ้า ดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้ายามราตรีฉายแววบางอย่างที่เทพหงส์เพลิงไม่คุ้นเคย เทพหนุ่มเอ่ยเริ่มเรื่องด้วยสุ้มเสียงเนิบช้าคล้ายกับเรื่องที่จะบอกเล่าเป็นเพียงนิทานตอนหนึ่ง

    เรื่องมันนานมาแล้วล่ะจูเชว่ ตอนนั้นเป็นตอนที่ข้าได้รับตำแหน่งสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน ยังจำตอนที่มีเทียบเชิญส่งมาให้พวกเราไปยังโถงประชุมของเหล่าเทพได้หรือไม่

    จูเชว่ชานหลิงพยักหน้าเป็นคำตอบ

    ข้าไปตามเทียบเชิญนั้น ไปที่โถงประชุมของเหล่าเทพแล้วข้าก็ได้เจอกับพวกเจ้า…. ตอนนั้นข้ามองเห็นเจ้าร่างสูงผินหน้ากลับมา แววตาสีเข้มจ้องมองมายังร่างเล็ก อะไรบางอย่างในดวงตานั้นทำให้จูเชว่รู้สึกไม่คุ้นเคย ข้ามองเห็นเจ้าในชุดสีแดง ท่าทางของเจ้าเรียบร้อยและอ่อนหวานแต่ก็ไม่มั่นใจ ตอนนั้นเจ้าถึงถูกเทพธิดานินทาเอา

    ข้าเข้าไปคุยกับเจ้ารู้อะไรหรือไม่ ข้ามองเห็นความเข้มแข็งในแววตาของเจ้า….. เพราะเป็นแบบนั้นข้าเลยมองเจ้าอยู่ตลอดเสวียนอู่อมยิ้มเมื่อเห็นเทพสาวขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

    ในตอนแรกข้าเข้าใจว่าที่ทำลงไปคงเพราะข้าเอ็นดูเจ้า แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่ามันไม่ใช่….. ขอโทษเจ้าด้วยที่ข้าไม่อาจมองเจ้าเหมือนเฉกเช่นน้องสาวหรือเพื่อนกันได้

    ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรท่านเสวียนอู่

    ข้ารู้จูเชว่…. ข้ารู้ด้วยว่าเจ้ามีใจให้ฮวงหลงไม่ใช่ข้าเสวียนอู่ยิ้มบาง เทพหนุ่มลูบแผ่วเบาบนแก้มใสที่เริ่มเย็นจากอากาศตอนกลางคืน แต่ข้าแค่อยากบอกกับเจ้า ข้าแค่อยากบอกความรู้สึกที่มีให้กับเจ้า ไม่ต้องรับมันหรอกเจ้าแค่รับฟังไว้ก็พอ

    ข้ารักเจ้านะจูเชว่…”

     

    คำพูดหนักแน่นของเทพหนุ่มตรงหน้าสร้างความตกใจให้ชานหลิงอยู่ไม่น้อยแต่ก็เรียกน้ำตาให้เอ่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ หยาดน้ำอุ่นไหลรินจากดวงตาที่เบิกกว้างลงอาบแก้ม ดวงตาคู่สวยสั่นไหวรุนแรงอย่างน่าสงสาร ไหล่บางสั่นตามแรงสะอื้น ใบหน้างดงามก้มลงต่ำปล่อยให้น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลปนเปไปกับเสียงสะอื้น

    จูเชว่กำลังรู้สึกผิด หล่อนรู้สึกผิดที่ไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกของเสวียนอู่ แต่เธอรู้สึกผิดยิ่งกว่าที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้…. ทั้งๆที่อีกคนดีกับเธอมากขนาดนี้แต่สายตาของชานหลิงก็ยังคงมองแค่เทพมังกรทอง เช่นเดียวกับหัวใจที่ไม่มีที่ว่างให้ใครเช่นกัน

    ร่างสูงใช้แขนรั้งตัวของจูเชว่เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ท่อนแขนเล็กยกขึ้นกอดตอบ ใบหน้างดงามซบลงบนอกของเทพหนุ่ม ตัวของเทพหงส์แดงสั่นสะท้านจากแรงสะอื้น ริมฝีปากก็พร่ำบอกคำว่าขอโทษไม่หยุด มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบอบบางเพื่อปลอบประโลมขณะที่มืออีกข้างก็ลูบศีรษะของเทพสาวช้าๆ เขากระชับกอดแน่นขึ้นเมื่ออีกคนยังคงร้องไห้ไม่หยุด

    ฮึกขะ ข้า ข้าขอโทษ ข้าขอโทษจริงๆนะท่านเสวียนอู่ ฮึกขอโทษ

    ไม่เป็นไรนะเจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ ไม่ต้องขอโทษด้วยมันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกนะ…”

    แต่.. ข้าทำร้ายท่าน

    ข้าเลือกที่จะรักเจ้าเอง ฟังนะจูเชว่…. เจ้าไม่ได้ผิดอะไร ถึงจะรับความรู้สึกของข้าไว้ไม่ได้ก็ไม่ต้องขอโทษเสวียนอู่ผละออก เทพเต่าดำขยับยิ้มอ่อนโยนในยามที่ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้จูเชว่ แค่ได้บอกแล้วมองเจ้าต่อไปแบบนี้…. ข้าก็มีความสุขแล้ว

    จูเชว่ร้องไห้หนักขึ้นเมื่อได้ยินคำนั้น รู้อยู่แก่ใจว่าทำร้ายความรู้สึกของเสวียนอู่มากมายเหลือเกิน

    ข้าขอโทษจริงๆนะท่านเสวียนอู่…”

    เทพหนุ่มส่ายหน้า มุมปากยกเป็นรอยยิ้ม เจ้าไปนอนเถิด ข้าก็จะเข้าไปนอนแล้วล่ะ…”

    ขะ ข้ายังอยากอยู่ตรงนี้อีกสักหน่อย ท่านเข้าไปก่อนเถอะ

    รีบตามเข้าไปล่ะ ข้าได้ยินมาว่าโลกมนุษย์เวลานี้อากาศจะยิ่งเย็นด้วย…. เจ้าขี้หนาวไม่ใช่หรือ

    จูเชว่พยักหน้า หล่อนส่งยิ้มให้เขาแม้ใบหน้าจะเหยเกจากการร้องไห้ แล้วข้าจะรีบเข้าไปนะขอบคุณที่เป็นห่วง

    ลับหลังจูเชว่เสวียนอู่หันกลับไปยังชานหน้าบ้าน มองเห็นเทพหงส์เพลิงซบหน้าลงกับฝ่ามือสะอื้นไห้จนไหล่บอบบางสั่นไหว เสวียนอู่เม้มริมฝีปากพร้อมกับกลั้นใจเดินกลับหลังไปยังห้องนอนของตัวเอง ร่างสูงเอนพิงประตู ยกฝ่ามือที่ใช่ลูบหัวลูบหลังหล่อนขึ้นมองในความมืดก่อนปิดเปลือกตาลง วงหน้าเปื้อนคราบน้ำตาฉายชัดทันทีที่หลับตาลง

    ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เสวียนอู่รู้ดีว่าในใจเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เขายังมีความเห็นแก่ตัวลึกๆที่อยากจะเป็นคนๆนั้นของจูเชว่ อยากอยู่ในสายตาและเหนือสิ่งอื่นใด….เขาอยากให้จูเชว่ตอบรับความรู้สึกที่เขามีให้

    แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะดอกไม้งามอย่างจูเชว่ไม่มีวันที่จะเป็นของเขา

     

    แสงสีทองส่องอาบไล้รอบด้านยามดวงตะวันโผล่พ้นผืนน้ำในเช้าวันใหม่ ดวงตะวันกลมโตค่อยๆเคลื่อนตัวแตะขอบฟ้า ปลี่ยนผืนนภายามค่ำให้เข้าสู่รุ่งอรุณ เสียงคลื่นซัดสาดกระทบฝั่งในช่วงเวลาน้ำขึ้น แว่วเสียงนกนานาชนิดส่งเสียงร้องคล้ายทำนองเพลง อากาศยามเช้ายังเย็นอยู่เล็กน้อยแต่อุ่นขึ้นมากเมื่อเทียบกับยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ

    เท้าเปลือยเปล่าก้าวเดินเรียบเรื่อยไปตามแนวชายหาด เครื่องกายอย่างของมนุษย์ที่สวมอยู่พลิ้วไหว เส้นผมสีดำสนิทขยับไหวไปตามสายลมอ่อนที่พัดหวิวกระทบผิวกาย ดวงตาสีชาเลื่อนลอยตกอยู่ในห้วงความคิดและอารมณ์ที่หลากหลาย

    เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้จูเชว่นอนไม่หลับ เทพหงส์เพลิงอึดอัดใจเกินกว่าจะข่มตาหลับลงได้ ความรู้สึกของเธอ ความรู้สึกของเสวียนอู่ เรื่องราวทั้งหมดหมุนวนอยู่ในหัวพร้อมกับความรู้สึกหม่นเศร้าชวนขมในอก ร่างบางพรูลมหายใจหวังให้ลมทะเลพัดเอาความรู้สึกทั้งมวลออกไปจากใจ

    หลิง!

    เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ต้นเสียงคือร่างสูงของอวิ๋นเซิงที่ก้าวเท้าเร็วๆมาจนทันหล่อน ใบหน้าของเทพมังกรฟ้าบึ้งตึงเมื่อจูเชว่ผินหน้าไปหา

    ตื่นเช้าเสียจริงท่านอวิ๋นเซิง มีอะไรรึ?”

    “...เปล่าชิงหลงขมวดคิ้วให้กับคำพูดของตน เทพหนุ่มเดาะลิ้นด้วยความขัดใจ หมายถึงข้าแค่อยากเดินด้วย

    จูเชว่ชานหลิงยิ้มจางๆ เทพสาวพยักหน้า ได้สิท่านอวิ๋นเซิงสิ้นคำเทพมังกรฟ้าก็ก้าวเท้าขึ้นมาเดินข้างจูเชว่ทันที

    ท่านยังไม่ได้ผูกผมหรือเทพหงส์เพลิงเอ่ยถามเมื่อมองเห็นเทพมังกรฟ้ายังคงปล่อยเส้นผมของตนไว้อย่างนั้น อวิ๋นเซิงไม่ชอบเส้นผมยาวๆของตน มันร้อนและเกะกะทว่ามังกรหนุ่มกลับไม่ยอมตัดมัน

    อวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว ข้ารอเจ้าผูก…”

    กลับไปที่บ้านพักแล้วข้าจะผูกให้นะจูเชว่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ชิงหลง ใบหน้าของหล่อนงดงามเมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามเช้า แขนข้างหนึ่งของเทพหงส์เพลิงถูกคว้าไว้เมื่อหล่อนตั้งท่าจะเดินห่างออกไป

    ร่างบางหันกลับมาแต่จังหวะเดียวกันนั้นขาเจ้ากรรมกลับสะดุดชายชุดกระโปรงที่สวมอยู่ เทพหงส์เพลิงถลาตามแรงจนปะทะแผ่นอกของเทพมังกรฟ้าอย่างจัง ร่างสูงผงะถอยหลังไปเล็กน้อยเนื่องด้วยไม่ทันตั้งตัว

    ขะ ข้าขอโทษท่านอวิ๋นเซิง!

    “....ช่างมันเถอะเทพหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ แขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอด ร่างสูงเกยคางกับหัวไหล่บางแล้วหลับตาลง

    มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าท่านอวิ๋นเซิงจูเชว่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หล่อนยกแขนขึ้นกอดปลอบชิงหลง มือเล็กลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆอย่างต้องการปลอบใจ

    อวิ๋นเซิงพรูลมหายใจก่อนผละตัวออก เขาจับไหล่ของจูเชว่ไว้ ใบหน้างดงามของเทพประจำตำหนักทางใต้ดูตกใจทว่าที่เห็นเด่นชัดมากกว่าคือความเป็นห่วง เทพหนุ่มเม้มปาก จ้องลึกลงในนัยน์ตาสีชาที่ส่องสะท้อนกับแสงตะวัน ความเงียบเคลื่อนตัวเข้ากั้นกลางเทพสองตนอีกครั้ง

    ไม่มีอะไรหรอก…”

    เทพมังกรฟ้าถอนหายใจ เขาปล่อยมือออกจากไหล่ของจูเชว่ กล่าวถ้อยคำเดิมออกมาแล้วปล่อยหล่อนไปอีกครั้ง

    แต่มันถูกต้องแล้วหรือ…?

    เขาจะปล่อยจูเชว่จากไปโดยไม่ได้พูดอะไรเหมือนอย่างที่ผ่านมาจริงๆหรือ

    ความรู้สึกของเขา…. เขาจะต้องเก็บมันไว้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ

    ข้ารักเจ้านะจูเชว่

    “!?”

    คำพูดนั้นหยุดร่างของเทพหงส์เพลิงให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ หล่อนผินหน้ากลับมาและสบตากับเขา ใบหน้านั้นปรากฏร่องรอยของความตกใจดังคาด ริ้วสีแดงพาดผ่านแก้มขาวตอนที่เธอจ้องมองเขา แม้เพียงนิดเดียวแต่อวิ๋นเซิงก็สังเกตเห็นมัน

    ท่านพูดจริงๆหรือท่านอวิ๋นเซิง

    อวิ๋นเซิงพยักหน้าแทนคำตอบทั้งหมด แววตาจริงใจมองสบม่านตาสีชา

    ข้ารักเจ้า แต่ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าแค่ชอบที่จะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้า…” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยหนักแน่น ข้าชอบมองเจ้า อยากปกป้องเจ้า…. อยากเป็นคนนั้นของเจ้าแทนที่จะเป็นฮวงหลง

    เทพมังกรฟ้าแค่นหัวเราะ แต่ข้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้…” ร่างสูงกำมือแน่น รู้สึกถึงหัวใจที่ถูกบีบรัด เปลือกตาปิดลงพร้อมกับสองขาที่ก้าวเดินออกห่าง ทิ้งคำพูดหนึ่งคำไว้เบื้องหลังพร้อมกับจูเชว่

    ขอโทษที่รักเจ้านะจูเชว่….”

    น้ำตาหยดหนึ่งพลันไหลจากดวงตากลมโต มือเล็กยกขึ้นปิดปาก ร่างบางทรุดลงกับพื้นทรายทันทีที่ร่างของอวิ๋นเซิงลับหายไปจากสายตา น้ำตายิ่งไหลมากขึ้นเมื่อนึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเทพมังกรฟ้า หัวไหล่บางขยับขึ้นลงตามแรงสะอื้น ความรู้สึกทั้งมวลถูกกลั่นเป็นหยาดน้ำตาไหล่เอ่อจนแก้มเปียกชื้น

    ดวงตาคู่สวยสั่นไหวรุนแรง จูเชว่ปล่อยให้ทำนบน้ำตาพังทลายและร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย เสียงสะอื้นอู้อี้ดังผ่านริมฝีปากที่ปิดมันไว้ หัวใจของชานหลิงเจ็บปวดเหลือเกิน

    ทั้งเสวียนอู่ ทั้งอวิ๋นเซิง…. เธอทำร้ายเทพทั้งสองตนพร้อมกัน หัวใจของพวกเขาคงแหลกไม่เป็นชิ้นดีเช่นเดียวกับหัวใจของเธอในยามนี้

    ความสัมพันธ์มากมายร้อยเกี่ยวกันจนบัดนี้มันกลายเป็นปมแน่นหนาที่ผูกมัดแต่ละคนเอาไว้ด้วยกัน ปมนั้นมัดแน่นขึ้นและแน่นขึ้น ทุกครั้งที่ถูกบีบรัดหัวใจก็จะเต้นเป็นจังหวะที่เจ็บหน่วง มันฝากรอยแผลไว้ที่หัวใจของคนทั้งสามคน

    จูเชว่ เสวียนอู่ อวิ๋นเซิง….

    ในตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังคงผูกมัดกันเป็นปมแน่น ยุ่งเหยิงและยากจะแก้ไข หากแต่ลึกๆในหัวใจยังคงคาดหวัง หวังว่าจะมีสักวันที่ปมเหล่านั้นจะถูกแก้ด้วยมือของใครสักคนและปลดปล่อยหัวใจสามดวงออกจากความเจ็บปวดที่แสนขื่นขม

    ขอเพียงวันนั้นจะมาถึง…. สักวันหนึ่ง

    FIN.

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×