ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~คลังสะสมจินตนาการ~

    ลำดับตอนที่ #3 : CKBS Au Story

    • อัปเดตล่าสุด 14 ส.ค. 60


    CKBS AU Story

    Family Forever

    ยามบ่ายของโรงเรียนอนุบาลเป็นช่วงเวลาฟรีไทม์ก่อนนอนกลางวัน

    เด็กตัวน้อยในชุดนักเรียนเดินเตาะแตะไปมาในห้องเรียนที่ถูกตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์สีสันสดใส บ้างก็นั่งแหงนหน้ามองเส้นเชือกที่ร้อยผ่านฟากฝั่งของห้องเพื่อแขวนงานศิลปะของเด็กๆ ในขณะที่บางคนก็เลือกที่ย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในชุดนอนสีชมพูนั่งตีขารอเวลานอนกลางวัน

    ท่ามกลางความวุ่นวายภายในชั้นอนุบาลสองห้องลิลลี่เด็กคนหนึ่งกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเล่นของเล่นจากกล่องของเล่นใบน้อยมุมห้อง

    คีย์บอร์ดขนาดเล็กส่งเสียงแหลมสลับทุ้มเมื่อปลายนิ้วกดลงบนแป้นสีขาว มือป้อมๆไล่นิ้วเล็กๆบนของเล่นชิ้นโปรดอย่างเพลิดเพลิน กดไปก็ส่งเสียงตามเท่าที่ร่างกายของเด็กสี่ขวบจะอำนวย

    หมวยเชอ ชอบเวลาฟรีไทม์ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่เด็กน้อยจะได้เล่นของเล่นชิ้นโปรด ได้ทำอะไรก็ได้ก่อนจะต้องไปนอนกลางวันกับหมอนใบนุ่มๆหอมฟุ้ง ที่พอถึงคิวทีไรหมอนลายน่ารักๆก็ถูกแย่งไปหมดทุกที

    ปี้เชอๆ…”

    ในขณะที่กำลังกดคีย์บอร์ดไม่เป็นทำนองตามประสาเด็กที่ไม่ค่อยรู้ความ แสงไฟสีนวลตาก็ถูกบดบังด้วยร่างของใครคนหนึ่ง แต่เพราะร่างนั้นตัวเล็กกว่าหมวยเชอเสียอีกแสงนั้นจึงถูกบังแค่บางส่วนเท่านั้น

    อ้าว…. หมวยพีมมมมมม

    เมื่อเงยหน้ามองเห็นว่าเป็นน้องสาวหมวยเชอก็ฉีกยิ้มกว้างเช่นกับอีกคนที่แย้มยิ้มอวดฟันขาวเรียงกันสวย หมวยเชอเก็บคีย์บอร์ดของเล่นลงกล่องก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วก้มหน้ามองน้องน้อยที่ตัวเล็กกว่าเกือบหนึ่งช่วงไหล่

    เป็นความจริงข้อหนึ่งที่ว่าทุกๆช่วงเวลาฟรีไทม์หมวยพรีมประจำอนุบาลหนึ่งห้องทานตะวันมักไม่ค่อยอยู่ที่ห้อง ถ้าไม่อยู่ที่อนุบาลสองห้องลิลลี่ก็จะไปอยู่ที่อนุบาลสามห้องทิวลิป

    ความจริงข้อนั้นยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าหมวยพรีมติดพี่ของตัวเองมากแค่ไหน ซึ่งพี่ๆก็ชอบนะ

    ใก้ได้เวยานอนกางวันแย้ว ทำไมหมวยพีมไม่อยู่ที่ห้องหมวยพีมล่ะ

    หมวยพรีม ที่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนสีชมพูพร้อมนอนเต็มที่ฉีกยิ้มกว้างพลางหัวเราะคิกคัก เก๊าะน้องพีมอยากมาเย่นกับปี้เชอก่อนนอนนี่นา ไปหาเฮียตูนแย้วแต่เฮียตูนเย่นอยู่กับเพื่อน

    หมวยเชอฟังแล้วได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก ร่างเล็กหันกลับไปรื้อๆของเล่นในกล่องดูว่ามีอะไรที่พอจะเล่นด้วยกันได้บ้าง สุดท้ายก็หยิบคีย์บอร์ดตัวโปรดออกมากับไซโลโฟนสีสวยพร้อมด้วยไม้ตุ่มสำหรับตี

    หมวยพีมจาเย่นอันหนายยยยยย

    หมวยพรีมมองของเล่นสีสวยด้วยดวงตาเป็นประกาย คีย์บอร์ดก็ดูน่าสนุก แต่เจ้าของเล่นที่ดูคล้ายระนาดอันนั้นก็น่าเล่นเสียจริง รางของมันเป็นสีรุ้งสดใสแถมยังมีไม้ให้เคาะตั้งสองอัน

    ปลายนิ้วเล็กป้อมชี้ที่ไซโลโฟน หมวยพรีมขยับยิ้มหวานเอาใจพี่สาว น้องพีมเย่นอันนี้~~”

    แล้วเด็กน้อยสองคนก็นั่งเล่นของเล่นไปจนถึงเวลานอนพักกลางวัน เสียงของไซโลโฟนดังผสมกับคีย์บอร์ดที่กดไม่เป็นจังหวะผสานเข้ากับเสียงหัวเราะใสๆของเด็กน้อยสองคนที่นั่งเล่นอยู่ด้วยกันพร้อมรอยยิ้มกว้างเต็มแก้ม

    เอ้า ได้เวลานอนกลางวันแล้วนะคะเด็กๆเสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือเบาๆเรียกเด็กๆที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนอนให้ไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย คุณครูพี่เลี้ยง ระบายยิ้มอ่อนโยนพลางจับจูงมือเด็กขี้อ้อนบางกลุ่มให้ไปเปลี่ยนชุด

    ต้องนอนแย้ว หมวยพีมก็กับห้องนะเสียงใสบอกน้องของตัวเองด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นหมวยพรีมที่พยักหน้าน้อยๆก่อนจะกระโดดท็อปแท็ปไปที่กระบะเก็บหมอน คว้าจับเข้าที่หมอนนุ่มนิ่มหลายกระต่ายน้อยก่อนจะวิ่งปรื๋อกลับมาหาหมวยเชอที่ยืนมองตาปริบๆ

    สัมผัสนุ่มนิ่มปะทะเข้ากลางอกเมื่อหมวยพรีมยัดหมอนลายกระต่ายใส่มือ หมวยเชอขมวดคิ้ว มองหมอนในมือด้วยความไม่เข้าใจ

    หมวยพรีมยิ้มจนตาหยีก่อนจะเฉลยพี่สาวที่ยังคงยืนกอดหมอนหน้านิ่ว น้องพีมเอาหมอนมาให้ ปี้เชอจะได้มีหมอนน่ายักๆหนุนนอนนนนน

    มุมปากยกขึ้นดันให้เกิดเป็นรอยยิ้มที่ยกแก้มของเด็กน้อยขึ้นจนตาปิด หมวยเชอกระชับอ้อมกอด สูดกลิ่นหอมชื่นใจก่อนจะหัวเราะเสียงใส

    ขอบคุณนะหมวยพีม!

     

    ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนเป็นช่วงที่เด็กๆอนุบาลสามห้องทิวลิปจะพากันวิ่งออกจากห้องเรียนพร้อมกระเป๋าเป้ใบน้อย ใส่รองเท้าด้วยความเร่งรีบแล้ววิ่งไปหาผู้ปกครองที่มารอรับอยู่หน้าห้อง

    เฮียตูน มองภาพเพื่อนๆวิ่งออกไปจนเหลือเด็กอยู่เพียงไม่กี่คน เด็กน้อยสะพายกระเป๋าเป้สีน้ำเงินเข้ม ยกมือสวัสดีคุณครูแล้วเดินไปใส่รองเท้าหน้าห้อง เดินเตะเท้าเรื่อยเปื่อยมาที่สนามเด็กเล่นก่อนจะนั่งลงบนชิงช้า ขยับตัวน้อยๆจนเกิดเสียงเอียดอาดเพื่อดันไม้กระดานที่ผูกติดกับโซ่ให้เคลื่อนไหว

    ถัดออกไปไม่ไกลจากสนามเด็กเล่นเป็นสนามฟุตบอลปูด้วยหญ้าสีเขียวสด พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ของประถมที่มักจะมาเตะฟุตบอลเป็นประจำหลังเลิกเรียน เฮียตูนอยากไปเล่นตรงนั้นบ้างแต่มักจะถูกครูห้ามเสมอเพราะเขายังโตไม่พอ

    เสียงโหวกเหวกตามด้วยเสียงรองเท้ากระทบลูกหนังดังอยู่ไม่ห่าง แต่เฮียตูนรู้สึกได้ว่าเสียงนั้นอยู่ห่างไกล ใบหน้าน่ารักหมองลงขณะที่ก้มมองปลายเท้า เขานั่งอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนเล่น ป๊าก็ยังไม่มารับ ขาดสองหมวยตัวน้อยคอยส่งเสียงเจื้อยแจ้วก็ยิ่งรู้สึกเหงาจับใจ

    เฮียตูนนนนนนนนนนนนน!

    เสียงใสสองเสียงประสานดังเจื้อยแจ้วนำหน้าเจ้าของเสียงตัวน้อยที่พากันวิ่งเข้ามาหาเด็กชายด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู เฮียตูนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างจนตาหยีเล็กเท่าขีดสระอิก่อนจะโดดลงจากชิงช้า เดินไปหาน้องสาวที่พากันวิ่งซอยเท้ามาหยุดยืนหอบอยู่ตรงหน้า

    หมวยๆไปไหนกันมาเด็กชายลูบหน้าลูบหลังทั้งหมวยเชอและหมวยพรีมที่พากันยืนหอบจนพูดไปเป็นคำ นิ้วเล็กๆของสองหมวยชี้ไปด้านหลังโรงเรียนบริเวณใกล้ๆกับเรือนกระจกที่นอกจากลุงภารโรงแล้วก็ไม่มีใครเข้าไป

    ฮะ เฮีย... ตูน แฮ่ก ตะ ต้องไป แฮ่ก นะ”           

    ไป?” เด็กชายเลิกคิ้วมองหมวยเชอที่พูดปนหอบจนแทบจับใจความไม่ได้ แต่ยังไม่ทันได้คิดว่าไปไหนมือของหมวยพรีมก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือตามด้วยหมวยเชอที่รั้งแขนเขาไว้

    ไปเร็วเฮีย!

    ที่ที่สองหมวยพามาคือเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่แทบจะอยู่หลังสุดของโรงเรียน ด้านในเรือนกระจกปลูกทั้งต้นไม้เขียวครึ้ม ดอกไม้กลิ่นหอมละมุน บ้างก็เป็นแปลงผักสวนครัวแล้วแต่จะเลือกสรรและบางมุมก็ใช้เก็บอุปกรณ์ทางการเกษตรไม่ก็ยางรถยนต์เก่าๆที่เด็กชายแอบเห็นว่าลุงภารโรงชอบกลิ้งมาซุกเก็บไว้บ่อยๆ

    เฮียตูนชอบสีเขียวนะ แต่ถ้าคุณครูไม่พามาเขาก็ไม่ค่อยได้มาที่เรือนกระจกหรอก หลังโรงเรียนมันน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้

    แล้วหมวยพาเฮียมาที่นี่ทำไมเนี่ย

    ชู่วววววววหมวยพรีมหันมาทำหน้าดุพร้อมกับเอานิ้วชี้เล็กๆนั่นแตะปาก ส่วนหมวยเชอเกาะแขนเขาแล้วส่ายหน้าจนผมกระจาย อย่าเฉียงดังซี่ เดี๋ยวมันหนีไปนะเฮียตูน

    อย่าเสียงดัง เดี๋ยวมันหนีไป?

    อะไรกันล่ะ? อะไรกันที่จะหนีไป?

    เดินตามเด็กหญิงสองคนด้วยความมึนงงมาสักพัก เด็กน้อยสามคนที่เดินลัดเลาะอยู่ใกล้ๆเรือนกระจกก็มาหยุดอยู่ที่หลุมดินที่ถูกขุดไว้ สสารสีดำนอนขดอยู่ในหลุมนั้น มันส่งเสียงครางหงิงๆคล้ายจะเฉลยความสงสัยของเฮียตูนที่มีมาตลอดทาง

    เอ๋ลูกหมา?”

    อื้อ! น่ายักใช่ม้าาาาาา"

    หมวยพรีมหันมาถามด้วยรอยยิ้มกว้างอวดฟันขาวตามด้วยหมวยเชอที่พยักหน้าสมทบอีกแรง ในตอนนั้นเองที่เฮียตูนเพิ่งสังเกตว่าในมือเด็กน้อยมีลูกชิ้นติดมือกันมาคนละไม้ ไม่รอให้เขาพูดอะไรลูกชิ้นสองไม้นั่นก็ถูกยื่นไปให้เจ้าหมาตาแป๋วเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ เมื่อเห็นว่าเจ้าก้อนขนสีดำไม่ทำอะไรมือเล็กๆก็ยื่นเข้าลูบตามหัวตามตัวพร้อมเสียงหัวเราะชอบใจทันที

    เฮียตูนนนน มาเย่นด้วยกันจิรอยยิ้มของหมวยพรีมและหมวยเชอสดใสที่สุดแม้จะถูกเงาไม้บดบัง เด็กชายยิ้มให้กับภาพนั้นก่อนจะค่อยๆเดินมาลูบหัวเจ้าหมาสีดำด้วยความเอ็นดู

    ถึงเจ้าหมาจะน่ารักแต่หมวยๆของเฮียน่ะน่ารักกว่านะ :)

     

    สำหรับ ป๊าฟ้า เวลาที่เกลียดรองลงมาจากเวลาตื่นก็คือเวลาหลังเลิกงาน

    นั่นไม่ได้ความว่าเขาโปรดปรานเวลาทำงานอะไรมากมายหรอกนะ กองเอกสารกับหน้าจอสว่างชวนตาพร่าไม่มีทางดีไปกว่าการได้นอนเฉยๆในวันหยุดอยู่แล้ว เพียงแต่เหตุผลที่เขาไม่ชอบเวลาเลิกงานหลักๆแล้วก็คือ…..

    ให้ตายสิ ติดอีกแล้วเหรอ

    หมู่มวลยานพาหนะที่พากันแล่นขวักไขว่จนเกลื่อนถนนนั่นแหละ

    ชายหนุ่มเคาะปลายนิ้วลงกับพวงมาลัย ผิวปากเป็นเพลงเรื่อยเปื่อยขณะใช้มืออีกข้างเท้าคางมองออกนอกหน้าต่างรถ เพลงป๊อบฟังสบายที่เปิดคลอไม่ได้ช่วยคลายความเบื่อหน่ายที่มีอยู่ให้ลดลงแต่อย่างใด

    แต่ที่รู้สึกมากกว่าความเบื่อหน่ายคือความกังวล

    ตะกอนขุ่นมัวตีตื้นขึ้นมาในใจ เหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลในรถที่บอกเวลาว่าได้ล่วงเลยสิบเจ็ดนาฬิกาไปกว่ายี่สิบนาทีแล้วก็ได้แต่เคาะปลายนิ้วเร็วขึ้นด้วยความกังวล เลยเวลาเลิกเรียนมานานพอสมควรแล้ว ร่างสูงพรูลมหายใจออก ยกมือขึ้นเสยผมนึกภาวนาให้การจารจรที่ติดขัดอยู่เคลื่อนไหวเสียที

    ที่ทำงานของเขาอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนอนุบาลมาก อย่างน้อยถ้าถนนโล่งๆขับรถสักสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว แต่วันนี้ไม่เป็นแบบนั้น การจราจรที่ติดขัดยืดเวลาที่ควรจะสั้นให้ยาวนานออกไปอีกเกือบชั่วโมง และในความรู้สึกของร่างสูงก็รู้สึกเหมือนมันยาวนานมากกว่านั้นเสียอีก

    ช่วยเข้าใจกันหน่อยเถอะ เด็กๆรอเขาอยู่นะ….

    เยสส! ขยับสักทีเว้ยย!เมื่อเห็นว่ารถด้านหน้าขยับบ้างแล้วสีหน้าของชายหนุ่มก็เริ่มดีขึ้นบ้าง รถบนถนนค่อยๆขยับก่อนจะแล่นออกไปด้วยความเร็วที่มากขึ้น นั่นเป็นเหมือนสัญญาณที่บอกให้ร่างสูงเหยียบคันเร่งออกไปด้วยความเร็วเกือบมิด

    อะไรนะครับ!? เด็กๆหายไป!!?”

    ภาพเด็กๆวิ่งกรูกันมาเกาะเอวแล้วแย่งกันพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่เคยจินตนาการไว้หายวับไปทันทีเมื่อสิ่งที่พบมีเพียงความว่างเปล่า ห้องเรียนทั้งสามห้องไม่มีเด็กอยู่แม้จะลองเดินไปดูจนทั่ว ตอนนี้ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าห้องทิวลิปกับคุณครูสาวที่อยู่ในสภาวะตื่นตระหนกเมื่อพบว่าเด็กในปกครองหายไป

    ทางเราไม่ทราบจริงๆค่ะคุณพ่อ ออกมาตรวจอีกทีก็ไม่เจอใครแล้ว

    คุณครูสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ใบหน้าสวยแต้มเครื่องสำอางฉาบด้วยความเป็นกังวล มือของหล่อนที่ประสานกันไว้สั่นเกร็ง ริมฝีปากเม้มแน่น เพราะหล่อนบกพร่องในหน้าที่ไม่ยอมดูแลเด็กๆให้ดีแท้ๆ

    ร่างสูงเห็นแบบนั้นคำต่อว่าก็ถูกกลืนลงคอ มองก็รู้ว่าต่างคนต่างกังวลไม่แพ้กัน นัยน์ตาคมกวาดมองรอบๆด้วยความหวังน้อยนิดว่าจะมีใครสักคนวิ่งกลับมาหาเขา แต่ท่ามกลางแสงสีส้มสดยามสนธยาเขาเห็นเพียงเงาตัวเองกับคุณครูอีกคนที่ทอดผ่าน สนามเด็กเล่นว่างเปล่า ทางเดินเงียบเหงา

    หัวใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ มันบีบรัดและปวดหน่วง สองมือกำแน่นจนไร้สีเลือด เขาอยากตะโกนออกมาดังๆแต่รู้ดีว่ามันไม่ช่วยให้เด็กๆกลับมา

     ภาพในอดีตซ้อนทับเข้ามาในหัวไม่ต่างจากภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำๆ ภาพที่เขาเหน็ดเหนื่อยกับการดูแล ท้อแท้กับการแบกรับภาระหน้าที่ของคำว่าพ่อ ภาพที่เขาทนไม่ไหวอยากจะละทิ้งทุกอย่างไปจนเผลอทำอะไรแย่ๆ ภาพเหล่านั้นกัดกินหัวใจให้ยิ่งหดหู่ราวกับถูกมีดคมๆกรีด

    หายไปไหนของเขากันนะ…..

    กลับมาเถอะ อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ…..

    ในขณะที่กำลังเครียดอยู่นั้นแรงกระตุกไม่แรงนักก็เกิดขึ้นบริเวณชายเสื้อ เมื่อก้มหน้าลงมองตามแรงนั้นก็มองเห็นเด็กชายตัวน้อยยืนเงยหน้าสบตาแป๋วแหวว ร่างสูงขมวดคิ้วแต่ถึงกระนั้นก็เลือกที่จะสลัดความขุ่นมัวในใจแล้วย่อตัวลงคุยกับเด็กน้อย

    มีอะไรเหรอครับหนุ่มน้อย

    ตามหาน้องตูนอยู่เหยอฮับเด็กน้อยเอ่ยถามก่อนจะยืดแขนชี้นิ้วไปบริเวณหลังโรงเรียนที่ๆทั้งสามคนหายเข้าไปแถวๆเรือนกระจก ผมเห็นน้องตูนไปกับหมวยๆตรงนู้นนนนน

    วินาทีนั้นเขาไม่รู้เลยว่าคำพูดของเด็กเชื่อถือได้มากแค่ไหนหรืออะไรจะเกิดขึ้น รู้ตัวอีกสองขาก็เดินออกมาจากบริเวณนั้น สองเท้าสับเร็วขึ้นจนในที่สุดก็กลายเป็นวิ่ง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความหวัง หวังว่าจะเจอเด็กๆ หวังว่าเด็กๆจะไม่เป็นอะไร

    ขอโทษที่ก่อนหน้านี้เคยคิดจะหนีไปให้ไกล

    ขอโทษที่ก่อนหน้านี้เผลอคิดไปว่าไม่อยากจะดูแลแล้ว

    ขอโทษที่เคยทำอะไรแย่ๆ ขอโทษที่ทำให้ต้องร้องไห้

    แต่อย่าหายไปไหนเลยนะ…...

    ตูน! หมวยพรีม! หมวยเชอ!

    ป๊าาาาาาาาาา!

    ฟ้าเริ่มมืดแล้วทันทีที่ชายหนุ่มวิ่งมาถึง ร่างสูงหอบหายใจกระชั้นถี่เนื่องด้วยวิ่งมาด้วยความเร็ว เมื่อเห็นเด็กๆอยู่กันครบโดยไม่มีรอยขีดข่วนตะกอนขุ่นมัวในใจก็ถูกพัดหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่อยากจะดุว่าทำไมถึงหายไปไม่ยอมบอกแต่พอเห็นเด็กๆส่งยิ้มกว้างจนตาปิดแล้ววิ่งมากอดเอวเขาความรู้สึกโล่งใจมันก็ตีตื้นขึ้นมาจนโกรธไม่ลง

    ป๊าย่อตัวลง วาดแขนโอบกอดเด็กน้อยสามคนไว้แน่น ทำไมมาอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่รอป๊าล่ะ

    น้องพีมเจอน้องหมา น้องพีมอยากเย่นน้องพีมเลยพาปี้เชอกับเฮียตูนมาเย่นด้วย

    มองเลยเด็กๆไปภาพของสีนัขสีดำสนิทนอนขดตัวมองเขาตาแป๋ว ร่างสูงพรูลมหายใจออกก่อนจะหัวเราะขื่นๆ สองแขนกระชับแรงกอดมากขึ้น

    คราวหลังอย่าหายไปแบบนี้อีก เข้าใจไหม?”

    พวกเยาไม่ได้ไปไหนนี่คะ เยาแค่มาเย่นกับน้องหมาเองนะ

    เขายีหัวหมวยเชอให้กับคำตอบที่ดูดื้อดึงของเจ้าตัว ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วจับมือเด็กๆเอาไว้ ถ่ายทอดความอบอุ่นและความรู้สึกทั้งหมดให้ชีวิตตัวน้อยๆที่เงยหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้มแสนบริสุทธ์

    ขอโทษจริงๆที่ก่อนหน้านี้คิดจะทิ้งไป แต่มันจะไม่มีวันนั้นอีกแล้วล่ะ….

    ไป กลับกันได้แล้ว

    แวะซุปเปอร์ด้วยยย!

    ซื้อหนมให้น้องพีมหม่ำๆ!!

    หมวยเชอหยักกิงมาชเมลโล่วววววว!

    เอาโปเต้ห่อสีแดงๆอ่ะ!!

    อย่าแย่งกันพูดสิ ป๊าฟังไม่รู้เรื่องนะ

    สำหรับเขา ถ้าจะหาคำสักคำที่จะนิยามให้เด็กสามคนนี้ก็คงจะเป็นคำว่า กลุ่มเด็กตัวยุ่ง

     

    ช่วงเวลาที่เด็กๆชอบมากที่สุดรองลงมาจากการได้ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วดูโทรทัศน์ด้วยกันในวันหยุดก็คือการได้เข้ามาเดินตากแอร์เย็นๆและมองบรรดาของกินมากมายบนชั้นในซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน

    ใช่แล้ว เด็กๆชอบมันมากกว่าการได้เล่นของเล่นชิ้นโปรดในกล่องของเล่นที่โรงเรียนอีก

    ป๊าาาาาา หมวยอยากนั่งรถเข็น!

    น้องพีมด้วย!

    จลาจลขนาดย่อมๆเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่ทันจะขยับรถเข็นด้วยซ้ำ หมวยเชอเกาะเอวเขางอแงขอขึ้นไปนั่งบนรถเข็น หมวยพรีมก็ไม่ยอมน้อยหน้าตรงเข้าไปเขย่ารถเข็นแสดงความต้องการเต็มที่ แม้ว่าแรงของเด็กสามขวบจะไม่ทำให้รถเข็นหนักหลายกิโลกรัมสะดุ้งสะเทือนเลยก็เถอะ

    ร่างสูงอุ้มหมวยทั้งสองคนขึ้นรถเข็นแล้วหัวเราะเบาๆ เขาหันกลับมาหาเฮียตูนที่ตอนนี้เกาะชายเสื้อเขาท่าทางพร้อมจะเดินซุปเปอร์เต็มที่

    ชายหนุ่มเอ่ยถามติดตลกด้วยรอยยิ้ม ตูนล่ะ อยากขึ้นไปนั่งกับหมวยๆมั้ย?”

    เฮียตูนส่ายหน้าช้าๆ เด็กชายยิ้มตาพราวก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้เขาต้องส่งมือไปขยี้หัวคนเป็นผู้ใหญ่เกินตัวแรงๆหนึ่งที

    ไม่เอาหรอกฮะ ผมเดินกับป๊าช่วยดูแลหมวยๆดีกว่า

    ฮะๆๆๆ พูดแล้วก็เดินตามมาเลยคุณลูกชาย

    สองมือออกแรงผลักตะกร้าเหล็กติดล้อขนาดใหญ่ให้เลื่อนไปตามพื้นขัดมันวับในซุปเปอร์มาร์เก็ต เดินไปไม่ทันไรก็แว่วเสียงเจื้อยแจ้วจากเด็กหญิงสองคนที่เกาะรถเข็นแน่น

    ไปหามาชเมลโล่วววววววว

    เอาหนมให้น้องพีมด้วย!!

    คร้าบๆ~~”

    อ่า…. เดินซุปเปอร์วันนี้ก็วุ่นวายอีกแล้วสินะ

    ง่าาาาาา ไม่เอาง่ะ หมวยเชอไม่เอาผักกาด!เสียงใสๆของหมวยเชอดังขึ้นประท้วงทันทีที่เห็นเขาหยิบผักกาดสีเขียวอ่อนใส่รถเข็น ริมฝีปากนุ่มนิ่มเบะออกด้วยความไม่พอใจเต็มกำลังมิหนำซ้ำยังส่งเจ้าผักกาดหัวนั้นให้เขาเอากลับไปวางที่ชั้นอีกต่างหาก

    เจ้าผักกาดเหม็นเขียว! ออกไปจากตะกร้าของหมวยเชอเลยนะ! =”=

    ไม่เอาน่าหมวยเชอ ไม่กินผักเดี๋ยวจะไม่แข็งแรงเอานะ

    ฮื่ออออออ ผักกาดไม่อร่อยนี่นา ป๊าทำอย่างอื่นเถอะน้า

    มือเล็กป้อมผลักเจ้าผักหัวใหญ่มาทางเข้าพร้อมด้วยยิ้มหวานปะเหลาะเอาใจ ร่างสูงส่ายหัวน้อยๆรู้ตัวดีว่าเกลี้ยกล่อมยังไงสุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนอยู่ดี ป๊าวางผักกาดกลับคืนชั้นวาง ในหัวไพล่คิดไปถึงเมนูอื่นที่ไม่มีเจ้าผักเหม็นเขียวน่ารำคาญใจ

    ถ้าทำสปาเกตตี้หมวยจะกินหอมหัวใหญ่กับมะเขือเทศใช่มั้ย

    แลกกับมาชเมลโล่วฉองถุง!!

    น้องพีมหยักกิงฉะปาเกตตี้! ใส่ซอสกับมีตบอลเยอะๆ!!

    ตูนล่ะ อยากกินอะไรมั้ย

    ป๊าทำอะไรก็กินหมดแหละฮะ

    สุดท้ายของที่มาอยู่ในรถเข็นก็เป็นวัตถุดิบสำหรับทำสปาเกตตีมีตบอลซอสแดง ชายหนุ่มต้องเดินเข็นรถไปหลายโซนทีเดียวกว่าจะได้เส้นสปาเกตตี้ ซอสสำเร็จ ของทำมีตบอลรวมถึงผักต่างๆมาอยู่ในรถเข็น นอกจากต้องเลือกวัตถุดิบแล้วยังต้องสู้รบปรบมือกับความซนของสองหมวยในรถเข็นอีกต่างหาก

    ไหนบอกว่าจะกินหอมใหญ่ไงล่ะหมวยเชอ

    แล้วไหนขนมของหมวยล่ะ!!?”

    หมวยพรีม! อย่าโยนเส้นลงพื้นนะ!

    อันนี้อะไยเนี่ยยยยยย

    ป๊าฮะ….. มะเขือเทศกลิ้งไปนู่นแล้ว….”

    เฮ้ยยยยยยยยย

    ไม่ทันไรร่างสูงก็รู้สึกเหมือนพลังชีวิตของตัวเองหายไปครึ่งหลอดเสียแล้ว การเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตกับเด็กๆมันดูดพลังชีวิตจริงๆนั่นแหละ แต่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะที่ได้มาชายหนุ่มคิดว่ามันก็คุ้มนะ แม้ว่าจะเหนื่อยไปเสียหน่อยก็เถอะ

    หมวยเชอเป็นเด็กที่ชอบกินขนมและอะไรก็ตามที่หวานๆ เด็กหญิงชอบนมสดอุ่นๆกับโอวัลตินเป็นที่สุด แต่สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือผัก หมวยเชอเกลียดผักใบเขียวเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะผักกาดที่จะไม่ยอมให้อยู่ในจานของตัวเองเป็นอันขาด จะผักกาดหอม ผักกาดขาว ผักกาดแก้ว หมวยเชอไม่เอาทั้งนั้นแหละ

    หมวยพรีมก็ชอบกินขนมไม่แพ้กัน หมวยพรีมกินขนมได้ทุกอย่าง ถ้ามีมาร์ชเมลโล่ก็แบ่งกับหมวยเชอกินได้ทั้งวัน ส่วนเครื่องดื่มที่ชอบคือโกโก้หวานๆที่กินทีไรก็เปื้อนปากดำปี๋ให้เขาเช็ดให้ทุกที น่าแปลกที่เจ้าตัวไม่ค่อยชอบดื่มนมสักเท่าไหร่ถ้าไม่อ้อนให้หมวยเชอกับเฮียตูนกินให้ เด็กน้อยก็จะเอาไปเททิ้งให้เขาเสียดายเล่น

    คนสุดท้ายเฮียตูน รายนี้เป็นเด็กดีเขาทำอะไรให้ก็กินหมดนั่นแหละ เฮียตูนชอบกินสปาเกตตี้มาก ถ้านานๆจะอ้อนขอขนมสักทีก็จะเป็นขนมขบเคี้ยวชื่อดังห่อสีแดงที่ชื่อโปเต้ นอกเหนือไปจากนั้นถ้าหมวยๆไม่กินอะไรเฮียตูนก็จะคอยจัดการให้ตามประสาคนมัธยัสถ์และเข้าถึงคำว่าเสียดายมากกว่าเด็กทั่วไป

    ขนมพวกนี้มาจากไหนเด็กๆ

    พวกเยาไม่ยู้เยื่องนะคะป๊า

    น้องพีมจะกินหนมง่าาาาาาาา

    ตูน ช่วยป๊าเอาขนมออกจากรถเข็นที

    เฮียขอโทษนะหมวยๆ

    แง้งงงงงงงงงงงงงง

    สำหรับป๊า นิยามสำหรับเด็กสามคนนี้ก็คงไม่พ้นคำว่าตัวยุ่ง

     

     

    สิ่งเดียวที่หมวยพรีมไม่ชอบเลยคือการนอนซมอยู่กับเตียงเพราะเป็นไข้หวัด บอกตามตรงว่ากับนมสดหมวยพรีมยังรู้สึกโอเคมากกว่านี้ 

    เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคม อากาศเย็นลอยตัวอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ประกาศตัวเต็มที่ว่าอยู่ในฤดูหนาว ลมเย็นๆที่พัดผ่านเป็นระยะชวนให้รู้สึกว่าผิวแห้งเป็นสัญญาณว่าในขณะนี้ไม่ใช่อากาศที่คุ้นเคย

    และเพราะอากาศหนาวๆแบบนี้นี่แหละ อาการหวัดก็ถามหาน้องเล็กของบ้านจนได้

    ตอนเช้าหลังจากก้าวเข้าสู่เดือนธันวาคมได้ไม่นาน หมวยพรีมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตุบๆที่ปวดสุดๆในความคิดของเด็กสามขวบ จินตนาการไปต่างๆนานาว่าหัวจะระเบิดโพละเป็นลูกแตงโมรึเปล่า แต่หัวก็ไม่ได้ระเบิดออกมาจริงๆ นั่นทำให้โล่งใจไปได้นิดหน่อย

    นิดหน่อยเท่านั้นจริงๆ…. เพราะตอนนี้หัวขอหมวยพรีมก็ยังปวดมากๆอยู่ดี

    หมวยเชอกับเฮียตูนตื่นแต่เช้าและลงไปชั้นล่างก่อนหน้านี้แล้ว ในห้องนอนรวมจึงเหลือเพียงเด็กหญิงที่นอนตัวสั่นอยู่บนเตียงเล็ก เด็กน้อยซุกตัวหาไออุ่นจากผ้าห่มผืนโปรด ใบหน้าจิ้มลิ้มปรากฏริ้วสีแดงจากพิษไข้ รู้สึกเจ็บในลำคอเหมือนกินอะไรไม่ลงแค่กลืนน้ำลายยังลำบาก

    เด็กน้อยรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่มีถูกดูดหายไป สิ่งที่ทำได้คือการลืมตามองเพดานนิ่งๆแม้จะแสบร้อนรอบกระบอกตาไปหมด หมวยพรีมลองส่งเสียงพูดดูแล้วก็รู้ว่าเสียงของตัวเองแหบจนฟังไม่รู้เรื่อง ในตอนที่กำลังจะหลับตาลงอีกครั้งเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    หมวยพรีมฝืนลืมตาขึ้นช้าๆ ได้ยินเสียงกำปั้นของใครสักคนเคาะกับประตูไม้สีนวลสลับกับเสียงวิ้งๆในหัว เด็กหญิงอยากขานรับแต่ดูเหมือนจะไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะขานตอบ ส่วนคนด้านนอกเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับก็จัดการเปิดประตูเข้ามาเสียเอง

    หมวยพรีม วันนี้ตื่นสายนะ

    ภาพตรงหน้าพร่ามัวมองเห็นเพียงเงาสูงๆที่อยู่ข้างเตียง แต่หมวยพรีมรู้ว่าเป็นป๊าจากน้ำเสียงทุ้มนุ่มอบอุ่น เด็กหญิงขยับปากตั้งใจจะส่งเสียงเรียกแต่เสียงนั้นกลับกลายเป็นเสียงไอออกมาแทน

    แค่กๆๆๆ

    หมวยพรีม!ชายหนุ่มย่อตัวลงก่อนจะใช้ฝ่ามือทาบลงบนหน้าผากเล็กทันที ร้อนจี๋เลย….” ร่างสูงพึมพำพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น ช่วงนี้เด็กๆเป็นหวัดเพราะสภาพอากาศกันบ่อยแต่เขาไม่คิดเลยว่าหมวยพรีมก็ติดหวัดมากับเขาด้วย ถ้าไม่ติดเพื่อนที่โรงเรียนมาก็คงเพราะนอนไม่ห่มผ้าเป็นแน่

    ป๊าระบายยิ้มจางแม้ภายในใจจะเป็นกังวล เขาลูบเส้นผมสีดำขลับของเด็กหญิงช้าๆ หมวยพรีมนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวไปเอาข้าวมาให้เนอะ จะได้กินยานอนพักผ่อนนะ

    ทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้นป๊าก็ลุกขึ้นก่อนจะเปิดประตูออกไป หมวยพรีมพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกข้าง ปล่อยให้ลมหายใจร้อนๆเป่ารดใบหน้าก่อนจะข่มตาหลับลงเพื่อนอนพักผ่อนตามที่ป๊าบอก

    ก่อนจะหลับไปหมวยพรีมแอบนึกอยู่ในใจว่าลืมตามาอีกครั้งตัวเองจะหายดี

    หมวยพรีม…. ตื่นก่อน มากินข้าวก่อนเร็ว

    เด็กน้อยส่งเสียงในลำคอก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น เธอมองไม่เห็นอาหารแต่กลิ่นหอมฉุยที่เด็กน้อยคุ้นเคยทำให้พอจะรู้ว่ามันคือข้าวต้มไข่ที่ป๊าเคยทำให้กิน ป๊าพยุงตัวหมวยพรีมให้อยู่ในท่านั่งกึ่งนอน พิงหลังกับหมอนใบนุ่มที่วางพิงหัวเตียงอีกที

    กินข้าวหน่อยนะ จะได้กินยานอนแล้วถ้าพรุ่งนี้ไม่หายดีป๊าจะพาไปหาคุณหมอร่างสูงพูดขณะที่ตักข้าวต้มในชามลายโปรดของหมวยพรีม เป่าเบาๆแล้วป้อนให้กับเด็กน้อย หมวยพรีมอ้าปากกินข้าวต้มที่อุ่นกำลังดีก่อนส่ายหน้าช้าๆ

    ดะ เดี๋ยวน้องพีม กะ ก็ แค่กๆ หาย…”

    ถ้าอยากหายหมวยพรีมต้องกินเยอะๆนะ

    แต่น้องพีมเจ็บคอ…. เจ็บมากๆเยย

    ป๊าวางชามข้าวต้มบนถาด เขาระบายยิ้มอ่อนโยนพลางลูบศีรษะเด็กน้อยแผ่วเบา มืออีกข้างบีบมือที่กว่าเอาไว้ บีบเบาๆเพื่อปลอบประโลม

    เดี๋ยวหมวยพรีมก็หายนะ เชื่อป๊าฝ่ามือใหญ่ยังคงให้ความอบอุ่นไม่ห่าง แวบหนึ่งหมวยพรีมรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาวิ่งปร๋อได้เลยล่ะ

    จิงๆนะ?”

    จริงสิ ป๊าสัญญา

    จบคำพูดนั้นหมวยพรีมก็จัดการกินข้าวต้มที่เขาป้อนให้จนเกลี้ยงแม้จะเจ็บคอก็ตาม ยาน้ำข้นหนืดถูกรินในช้อนชาอันเล็กๆ หมวยพรีมเบะปากไม่อยากกินแต่เมื่อป๊าบอกว่ากินแล้วจะหายจากหวัดเด็กน้อยก็ยอมอ้าปากรับยาขมๆแต่โดยดี

    ป๊าบอกให้หมวยพรีมนอนหลับ ได้ยินเสียงป๊าร้องเพลงกล่อมที่เคยได้ยินจากในโทรทัศน์ รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆจากมือใหญ่ของป๊าลูบที่เส้นผมและหน้าผาก

    หายเร็วๆนะหมวยพรีมของป๊า….” นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่หมวยพรีมได้ยินก่อนจะหลับไป

    หมวยพีมเป็นอะไรคะป๊า ทำไมไม่ออกจากห้องง่าหมวยเชอถามด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันทีที่เขาออกมาจากห้องพร้อมถาดอาหาร เด็กน้อยเกาะเฮียตูนขณะสอดสายตามองประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ

    หมวยพรีมไม่สบายน่ะหมวยเชอ ต้องนอนพักนะ

    แล้วหมวยพรีมจะหายมั้ยฮะ?”

    หายสิชายหนุ่มยิ้ม แต่ช่วงนี้เราคงต้องให้หมวยพรีมนอนคนเดียวนะจะได้ไม่ติดหวัด ช่วงนี้หมวยเชอก็เล่นกับเฮียตูนไปก่อนนะ

    หมวยเชอไม่รู้ว่าคำว่าไม่สบายหมายถึงอะไร แต่ถ้ามันทำให้หมวยเชอกับเฮียตูนต้องปล่อยให้หมวยพรีมนอนคนเดียวล่ะก็มันต้องไม่ดีแน่ๆ คิดได้ดังนั้นเด็กน้อยก็กอดเอวเฮียตูนแน่น

    หมวยเชออยากเล่นกับหมวยพีม

    ไม่ร้องสิหมวยเชอ ป๊าบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวหมวยพรีมจะหายเฮียตูนพูดปลอบแล้วยกแขนเล็กๆขึ้นกอดเด็กหญิงตอบ

    หมวยเชอจ้องมองประตูห้องนอนรวมด้วยความหวัง หมวยพีมต้องหายนะ

    บ่ายวันนั้นหมวยเชอกับเฮียตูนย่องเข้าไปในห้องทำงานของป๊า หยิบกระดาษเอสี่ที่เสียบกับเครื่องปริ้นคนละแผ่นพร้อมด้วยสีเทียนหนึ่งกล่องในกระเป๋าของเฮียตูน เด็กน้อยสองคนวุ่นวายอยู่กับการขีดๆเขียนๆยกใหญ่ที่ห้องรับแขกชั้นล่าง

    ทำอะไรกันน่ะเด็กๆป๊าที่เพิ่งกลับมาจากเช็ดตัวให้หมวยพรีมเลิกคิ้วถามหลังจากเห็นทั้งคู่นั่งจดจ่ออยู่กับกระดาษไม่พูดไม่จาอยู่นานสองนาน เฮียตูนเงยหน้าขึ้นมาก่อน เด็กชายชูกระดาษที่วาดตัวการ์ตูนก้างปลาเป็นรูปหมวยพรีม ตัวก้างปลาล้อมรอบด้วยหัวใจดวงน้อยใหญ่ที่ระบายสีชมพูจนเข้ม

    เราทำของขวัญให้หมวยพรีมฮะ เราจะเอาไปให้หมวยพรีม หมวยพรีมจะได้หาย

    หมวยเชอเห็นในทีวีเด็กหญิงเงยหน้าจากกระดาษมาพูดบ้าง บนหน้ากระดาษของหมวยเชอมีรูปตุ๊กตาถั่วงอกสี่ตัว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นรูปครอบครัว ถ้ามีของแบบนี้คนที่นอนบนเตียงจะหาย

    มันสวยมาก ทั้งคู่เลยป๊ามองผลงานบนกระดาษเอสี่ ย่อตัวลงใช้มือทั้งสองตบลงบ่นบ่าเด็กหญิงและเด็กชาย ป๊าดีใจนะที่ทั้งสองคนนึกถึงหมวยพรีม หมวยพรีมคงดีใจน่าดู

    ถ้าหมวยพีมเห็น หมวยพีมจะหายใช่มั้ยคะ

    คำถามพาซื่อเรียกให้ร่างสูงอมยิ้ม อาจจะไม่หายทันทีหรอกนะ หมวยพรีมจะหายถ้ากินข้าว กินยาแล้วก็นอนพักนะ

    งั้นพวกเราไปหาหมวยพรีมได้มั้ยฮะ

    ได้สิ แต่อย่าอยู่นานจนติดหวัดกลับมานะ

    เมื่อได้รับคำอนุญาตหมวยเชอกับเฮียตูนก็พากันเดินเตาะแตะขึ้นไปชั้นบน ในมือทั้งสองคนมีกระดาษที่ตั้งใจวาดสุดฝีมือ เฮียตูนเอื้อมมือหมุนลูกบิด พอประตูแง้มก็จัดการเปิดออก เด็กน้อยเดินเกาะกันมาเงียบๆหยุดอยู่ข้างเตียงที่หมวยพรีมกำลังหลับสนิท

    หมวยพีม….” หมวยเชอส่งเสียงเรียกเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้รบกวนเวลาของเด็กหญิง หมวยเชอทำของขวัญมาให้ หายไวๆแย้วมาเย่นด้วยกันนะ

    เฮียตูนก็มาเยี่ยมหมวยพรีมนะ หายเร็วๆนะหมวยเฮียตูนพูดต่อก่อนจะอาสาเอาการ์ดทำเองไปตั้งใกล้ๆกับที่ที่หมวยพรีมนอน

    หมวยเชอเกาะขอบเตียงมองหมวยพรีมที่แม้จะหลับแค่ก็หายใจถี่เพราะพิษไข้ มือเล็กจับมือร้อนจัดของน้องสาวไว้ บีบเบาๆเพราะกลัวคนหลับจะเจ็บแล้วตื่นขึ้นมาหมวยเชอทำแบบนั้นจนเฮียตูนสะกิดแล้วพาออกจากห้องไป

     

    มื้อเย็นวันนี้ไม่อร่อยเลย ปกติในวันหยุดสุดสัปดาห์ หลังอาหารเย็นครอบครัวนี้จะมารวมตัวกันที่หน้าจอโทรทัศน์ดูการ์ตูนตอนเย็นและรายการเกมโชว์รายการโปรดของป๊า รอจนสามทุ่มก็แยกย้ายเข้านอน

    แต่ตอนนี้ป๊าต้องเอาข้าวเย็นไปให้หมวยพรีมแล้วก็เช็ดตัวอีกรอบ บนโต๊ะอาหารจึงเหลือเพียงแค่หมวยเชอกับเฮียตูนที่นั่งกินข้าวมื้อเย็นจากชามลายโปรดด้วยสีหน้าหม่นหมอง

    ตอนที่ใกล้เวลานอนป๊าแยกเครื่องนอนของหมวยเชอกับเฮียตูนมาอยู่ที่ห้องนอนป๊าเพื่อจะได้ไม่ติดหวัด หมวยเชองอแงอยู่พักใหญ่เพราะอยากนอนกับหมวยพรีมแต่สุดท้ายก็เดินสะอึกสะอื้นยอมเปลี่ยนที่นอนด้วยความจำยอมโดยมีเฮียตูนคอยปลอบไม่ห่าง เด็กหญิงทิ้งตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดไว้บนเตียงหมวยพรีม กำชับเจ้าตุ๊กตายัดนุ่นตามประสาเด็กให้ดูแลหมวยพรีมให้หาย

    ป๊า….” หมวยเชอเรียกหลังจากที่ไฟในห้องนอนถูกปิดจนหมด บนเตียงขนาดหกฟุตมีหมวยเชอนอนอยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยป๊าและเฮียตูนกันไม่ให้เด็กหญิงตกเตียง หมวยพีมจะหายจิงๆใช่มั้ยคะ

    หายสิ ป๊าบอกแล้วไง ถ้านอนพักเยอะๆเดี๋ยวพรุ่งนี้หมวยพรีมก็หายแล้วล่ะ

    หมวยเชออยากให้หมวยพีมหาย จะได้มาเย่นมากับหมวยเชอไวๆพูดได้แค่นั้นน้ำตาเม็ดโตก็ไหลออกจากดวงตากลมแป๋วของเด็กขี้แย ป๊ากับเฮียตูนปลอบหมวยเชออยู่พักหนึ่งก่อนเด็กหญิงจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ป๊าลูบหัวหมวยเชอ ครู่หนึ่งก็เอื้อมมือไปลูบหัวเฮียตูน บอกขอบคุณเด็กชายที่ช่วยดูแลน้องก่อนจะหลับไปอีกคน

    เฮียตูนยังลืมตาอยู่ในความมืด จ้องมองเพดานเงียบๆ เขาอยากหมวยพรีมหายเร็วๆหมวยเชอกับเขาจะได้ไม่ต้องร้องไห้ แต่เฮียตูนก็ยังไม่ได้ร้องไห้เพราะเดี๋ยวหมวยเชอจะไม่มีคนปลอบ

    เด็กชายคิดแบบนั้น ก่อนหลับไปเขาขอพรซ้ำๆให้นางฟ้าใจดีหรือเทวดาแสนดีสักคนเสกเวทมนตร์ให้หมวยพรีมหายจากอาการไม่สบาย

    เช้าวันถัดมาเคลื่อนเข้ามาถึงเมื่อแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาทักคนที่กำลังหลับอยู่ให้ตื่น เฮียตูนขยับตัวยุกยิกเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรสว่างๆแยงตาบวกกับหูได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ๆดังมาจากห้องน้ำ

    เด็กชายขยับตัวลุกขึ้น ค่อยๆลงจากเตียงอย่างระมัดระวังเพราะป๊ากับหมวยเชอยังไม่ตื่น อากาศตอนเช้าค่อนข้างหนาวและทำให้พื้นเย็นเฉียบ เด็กชายสะดุ้งทันทีเมื่อเท้าเปลือยเปล่าแตะลงบนพื้น

    โอ๊ะ! เย็นๆๆๆๆ

    บ่นพึมพำขณะก้าวเท้าเล็กๆไปตลอดทาง ประตูห้องน้ำเปิดแง้มอยู่เล็กน้อยก่อนที่เฮียตูนจะผลักเข้าไป ภาพที่เห็นคือหมวยพรีมยืนต่อเก้าอี้ล้างหน้าแปรงฟันด้วยแก้วน้ำสีเหลืองลายยีราฟ เฮียตูนยิ้มกว้าง วิ่งตึงตังกลับไปที่ห้องนอนป๊า

    หมวยพรีมหายแล้วๆ!เขาตะโกนคำนี้ซ้ำๆจนทั้งป๊าทั้งหมวยเชอตื่น หมวยเชอยิ้มลิงโลดลืมความง่วงเสียสนิทก่อนจะรีบกุลีกุจอกระโดดลงจากเตียงวิ่งเร็วๆไปหาหมวยพรีมก่อนใคร ป๊ายิ้มให้เขาแล้วหัวเราะเบาๆ

    ป๊าบอกแล้วว่าเดี๋ยวหมวยพรีมก็หาย

    หมวยพีมมมมมมมมหมวยเชอวิ่งไปหาร่างเล็กที่ออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเปียกโชก คว้าเข้าทั้งตัวแล้วกอดแน่นๆจนหมวยพรีมเกือบล้ม ถูไถแก้มด้วยความดีใจจนใบหน้าเริ่มชื้นจากหยดน้ำ

    หมวยพีมหายแย้วจิงๆด้วย!

    อื้อ! น้องพีมหายแย้ว!

    ฮืออออออ ดีจังเยยหมวยเชอยิ้มแต่แวบเดียวก็กลายเป็นเบะปากร้องไห้ หมวยพรีมทำอะไรไม่ถูกก็กอดหมวยเชอร้องไห้ตามกัน จนป๊ากับเฮียตูนเดินมาเฮียตูนก็เดินมากอดสองหมวยแล้วปล่อยน้ำตาออกมาอีกคนด้วยความดีใจ

    ป๊ายืนมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มอ่อนใจ เด็กสามคนร้องอยู่ไม่นานก็เปลี่ยนมาเล่นหยอกล้อกันจนเกิดเสียงหัวเราะ สามคนคุยกันหงุงหงิงก่อนจะพากันวิ่งตึงตังลงไปชั่นล่าง

    สำหรับป๊านิยามของเด็กทั้งสามคงถ้าเลือกได้ก็ยังคงเป็นคำว่าตัวยุ่ง….

    แต่พอเจ้าตัวยุ่งร้องไห้ทีไรเขาก็ไม่สบายใจทุกที พอเจ้าตัวยุ่งป่วยก็ยิ่งแล้วใหญ่ นั่นทำให้ความคิดหนึ่งชัดเจนขึ้นในใจของป๊า

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะปกป้องรอยยิ้มของเด็กๆเอาไว้ให้ได้

     

    หลังจากค่ำคืนอันยาวนานผ่านพ้นไปยามเช้าก็เข้ามาทักทายอีกครั้ง แสงจากดวงอาทิตย์แตะขอบฟ้าก่อนจะค่อยๆกระจายตัวออกช้าๆ ย้ำเตือนทุกคนให้รับรู้ถึงรุ่งอรุณวันใหม่

    วันเวลาของบ้านหลังนี้เริ่มขึ้นในเวลาหกโมงเช้า มันเป็นแบบนี้เสมอไม่ว่าในวันไหนๆ

    ภายในบ้านหลังน้อยสไตล์วินเทจในตรอกหนึ่งที่ยังคงมีลมเย็นๆพัดผ่านในฤดูใบไม้ผลิ แสงแดดสีทองอ่อนส่องผ่านช่องหน้าต่างกระทบเปลือกตาบาง ค่อยๆโอบไล้ปลุกคนที่อยู่ในห้วงนิทราให้ตื่นขึ้น

    อือ….” ส่งเสียงในลำคอเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียง นาฬิกาติดผนังแบบเปลือยกรอบตีบอกเวลาหกโมงเช้า มันเป็นเวลาตื่นที่ชินเสียแล้วแม้จะไม่มีนาฬิกาปลุกก็ตาม บิดขี้เกียจคลายความเมื่อยขบแล้วใช้มือสางผมลวกๆให้พอเข้าที่เข้าทาง

    หมวยเชอลุกขึ้นจากเตียง พับผ้าห่มเก็บที่ปลายเตียงให้เรียบร้อย มันเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่เด็ก หมวยเชอสามารถเก็บของเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยโดยไม่ต้องให้ใครบอก เธอยืดตัวอีกครั้งก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวและชุดสำหรับเปลี่ยนเข้าห้องน้ำไป

    ใช้เวลาไม่นานสำหรับการอาบน้ำ หมวยเชอก็มาอยู่ในชุดกระโปรงเปิดไหล่ลายลูกไม้สีขาว สไตล์ของชุดดูคล้ายแบบโบฮีเมียนในแบบที่หมวยเชอชอบ ใช้หวีจัดการหวีผมยาวดัดลอนของตัวเองให้เรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จ

    ภาพของหญิงสาวสะท้อนกลับมาในกระจกแต่งตัวบานโต จากเด็กหญิงตัวน้อยผมม้าเต่อห้องดอกลิลลี่กลายเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบสองเร็วกว่าที่จะรู้ตัวเสียอีก หมวยเชอในตอนนี้โตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น และได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักหลังเรียนจบจากคณะอักษรศาสตร์

    ร่างบางส่งยิ้มเรียกกำลังใจให้กับตัวเองในกระจก ยกฝ่ามือตบแก้มเบาๆสองทีก็ได้เวลาออกจากห้องนอนของตัวเอง หมวยเชอย้ายออกจากห้องนอนรวมมาได้หลายปีแล้วตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมปลาย ส่วนเฮียตูนย้ายออกไปตั้งแต่ขึ้นชั้นป.สี่

    ตูนนี่โตเป็นผู้ใหญ่ไวจริงๆนะ

    ป๊ามักจะพูดคำนี้เสมอ ซึ่งเฮียตูนจะทำเพียงแค่พยักหน้ารับคำ หมวยเชอเห็นด้วยกับป๊า ทั้งๆที่อายุห่างกันแค่ปีกว่าๆแต่เฮียตูนกลับดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก แต่หมวยเชอก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรอกนะ กลับกันเธอรู้สึกอุ่นใจมากกว่า

    กาน้ำที่ตั้งอยู่บนเตาส่งเสียงแหลมสูงเมื่ออุณหภูมิน้ำด้านในร้อนได้ที่ ร่างบางกุลีกุจอหยิบกาน้ำออกจากเตา เทลงในถ้วยกาแฟดำจนมันส่งกลิ่นหอมกรุ่น น้ำที่เหลือเทลงในแก้วมัคที่ใส่ผงกาแฟไว้เรียบร้อยตามด้วยนมสดและเมเปิ้ลไซรัป อีกสองแก้วที่เหลือเป็นโกโก้และนมสดอุ่นร้อน เครื่องดื่มยามเช้าสำหรับสมาชิกภายในส่งกลิ่นหอมไปทั่วครัว

    กาแฟดำเข้มๆไม่ใส่น้ำตาลเป็นของป๊าที่มักจะลงมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์หลังจากหมวยเชอชงกาแฟเสร็จได้ไม่นานราวกับมีนาฬิกาตั้งเวลาเอาไว้ นั่นทำให้หมวยเชอยกถ้วยกาแฟพร้อมจานรองไปวางไว้หัวโต๊ะทันทีด้วยรู้ว่าอีกไม่นานป๊าจะลงมา

    กาฟาลาเต้ใส่เมเปิ้ลไซรัปเป็นเครื่องดื่มที่เฮียตูนจะต้องดื่มก่อนไปทำงานทุกเช้า และทุกเช้าหมวยเชอก็ชงมันตามสูตรแบบไม่ขาดไม่เกินในแก้วมัคสีน้ำเงิน สูตรกาแฟของเฮียตูนทำไม่ยากแต่กว่าหมวยเชอจะชงเป็นก็กินเวลาเกือบสัปดาห์

     โกโก้ในแก้วมัคสีฟ้าเป็นของหมวยพรีมที่ตอนนี้กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ตอนเข้าปีหนึ่งแล้วหมวยพรีมมาบอกว่าสอบติดคณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังทุกคนตกใจกันน่าดู

    หมวยพรีมจะได้เป็นดาราแล้วเหรอเนี่ยป๊าพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินหมวยพรีมพูดว่าสอบติดแล้ว วันนั้นทุกคนดีใจกันมากจนต้องออกไปซุปเปอร์ใกล้บ้านกันเดี๋ยวนั้นเพื่อซื้ออาหารมาเลี้ยงฉลองให้หมวยพรีม

    และแก้วสุดท้าย นมสุดอุ่นๆใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยของหมวยเชอในแก้วมัคสีชมพู นมอุ่นๆช่วยเติมพลังให้หมวยเชอได้เป็นอย่างดีก่อนจะไปเปิดร้านคาเฟ่ตรงหัวมุมถนน

    ‘PaPa’ เป็นชื่อร้านคาเฟ่ของหมวยเชอที่ตัดสินเลือกใช้หลังจากคิดไม่ตกอยู่เป็นนาน ชื่อนี้ทำให้เธอนึกถึงป๊าอยู่เสมอ มันดีไม่น้อยถ้าหากจะนึกถึงคนในครอบครัวไว้เป็นกำลังใจตลอดเวลาทำงาน

     ร้านของหมวยตกแต่ด้วยสไตล์วินเทจเน้นสีนวลตาไม่ต่างจากบ้านหลังนี้ มีดอกไม้ตามกระถางตกแต่งประปราย เพิ่มความสวยงานด้วยภาพถ่ายและภาพวาดสีน้ำ ร้านคาเฟ่ไม่ใหญ่มากตามประสาคนชอบอะไรเรียบๆไม่โอ่อ่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีลูกค้าวนเวียนมาไม่ขาดด้วยการบอกเล่าปากต่อปากถึงรสชาติของขนมและเครื่องดื่ม หมวยเชอไม่คิดจะเสียเงินจ้างพนักงานช่วยที่ร้านแม้บางวันลูกค้าจะเยอะจนยุ่งแทบหัวหมุน เพราะหมวยเชออยากดูแลลูกค้าด้วยตัวเองมากกว่า

    เหตุผลนั้นทำให้ทั้งป๊าทั้งเฮียส่ายหน้า แม้แต่หมวยพรีมที่อายุน้อยกว่ายังยิ้มอ่อนใจ

    หมวยเชอก็ยังเป็นหมวยเชอ ดื้อจริงๆหมวยเชอยังจำรอยยิ้มเหนื่อยๆของป๊าตอนที่พูดประโยคนี้ได้ดี แต่ถึงจะบอกว่าหมวยเชอดื้อแต่ป๊าก็ยอมตามใจหมวยเชอตลอดนั่นแหละ

    เรื่องที่ไม่ยอมตามใจก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ….. ลูกเขยไงล่ะ

    หมวยเชออมยิ้มขณะนึกถึงใบหน้าเหวอๆของป๊าตอนที่เข้าไปถามแบบทีเล่นทีจริงว่าขอมีแฟนได้รึเปล่า ตอนนั้นป๊าตกใจแล้วก็ถามหมวยเชอยกใหญ่ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน พ่อแม่ชื่ออะไร และอีกหลายคำถามที่หมวยเชอกลั้นขำไม่ไหวยอมสารภาพออกมาว่าตัวเองล้อเล่น

    ป๊าลงมาจากชั้นสองหลังจากหมวยเชอทำอาหารเช้าเสร็จพอดี สำหรับหมวยเชอแค่นมแก้วเดียวก็เพียงพอ บางทีอาจต้องเพิ่มขนมปังทาแยมสักแผ่นแต่สำหรับสมาชิกคนอื่นๆมื้อเช้าเป็นสิ่งสำคัญ นั่นทำให้หมวยเชอเลือกทำอาหารเช้าง่ายๆให้ทาน

    จานกระเบื้องสองใบประกอบด้วยเบรคฟาสต์ง่ายๆอย่างไส้กรอกทอดกับเบค่อน ขนมปังปิ้ง ผักสลัด จานใบหนึ่งเป็นไข่คนของชอบของป๊า ส่วนอีกใบหนึ่งเป็นไข่ดาวยางมะตูมเหยาะซอสมะเขือเทศนิดหน่อยของเฮียตูน อาหารเช้าของหมวยพรีมเป็นข้าวต้มไข่หอมฉุยแบบเดียวกับที่ป๊าเคยทำ หมวยพรีมกินข้าวต้มไข่ทุกเช้าจนชินเสียแล้ว

    ลงมาตรงเวลาเหมือนเคยนะคะป๊าหมวยเชอส่งยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกจานอาหารวางเคียงกับถ้วยกาแฟ เดินออกไปหน้าบ้านครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับสำหรับชายวัยกลางคน

    หมวยเชอก็ทำอาหารเสร็จตรงเวลาพอดีหมวยเชอยิ้มให้คำพูดของป๊าก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน หญิงสาวหันไปหยิบจานของเฮียตูนและชามข้าวต้มของหมวยพรีมวางตามตำแหน่งที่นั่งบนโต๊ะอาหาร ส่วนตัวเองก็หันหลังไปง่วนอยู่กับการทาแยมส้มลงบนแผ่นขนมปัง

    เสียงวิ่งตึงตังลงบันไดมาหยุดที่ห้องครัวหลังจากหมวยเชอจัดการขนมปังของตัวเองเรียบร้อยแล้ว หมวยพรีมในชุดนักศึกษาส่งยิ้มกว้างนำทัพเพียงเท่านั้นทั้งบ้านก็เต็มไปด้วยความสดใส ร่างของหญิงสาวที่สูงกว่าหมวยเชอไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้แอบแวะหอมแก้มป๊าที่หัวโต๊ะก่อนจะเดินไปนั่งที่ของตัวเองแล้วตักข้าวต้มไข่กินอย่างอารมณ์ดี

    อรุณสวัสดิ์ค่ะป๊า อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เชอ

    อรุณสวัสดิ์จ้ะหมวยพรีม วันนี้จะออกไปพร้อมกันมั้ย

    ไม่เป็นไรๆหมวยพรีมโบกมือ กระดกโกโก้หนึ่งอึก เดี๋ยวนั่งรถบัสไปเองดีกว่า ตอนเช้าอากาศดีๆอยากนั่งดูทางเสียหน่อย

    ป๊าลดหนังสือพิมพ์ในมือลง รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏบนใบหน้าไม่ต่างจากเมื่อก่อน ยังไงก็ออกจากบ้านไปก่อนป้ายรถเมล์คนจะเยอะนะหมวยพรีม

    โอเคค่ะป๊า

    คนที่ลงมาคนสุดท้ายคือเฮียตูน ร่างสูงที่สูงเสียจนหมวยเชอกับหมวยพรีมตอนแหงนหน้าเวลาคุยด้วยอยู่ในชุดทำงานที่ถูกรีดเรียบร้อย ไหล่สะพายกระเป๋าหนัง มือข้างหนึ่งถือแฟ้มเอกสาร ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ทุกคนที่โต๊ะอาหารก่อนจะนั่งประจำที่ของตัวเองบ้าง

    เฮียตูนตอนนี้กลายเป็นสถาปนิกไปแล้ว เพราะเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็กๆ การสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับเฮียตูน ตอนนี้ชายหนุ่มทำงานอยู่ที่บริษัทชื่อดังและมีรายได้มากพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัว

    อรุณสวัสดิ์นะเฮียตูน ตั้งใจทำงานด้วยนะ

    รู้แล้วน่า หมวยพรีมด้วยตั้งใจเรียนนะ

    งั้นหมวยเชอไปก่อนนะ ใกล้ได้เวลาเปิดร้านแล้วล่ะหมวยเชอผละจากโต๊ะอาหาร นำแก้วมัคของตัวเองล้างและแขวนหูจับกับตะขอเหนือซิงค์

    โชคดีนะหมวยเชอ อย่าปิดร้านดึกล่ะ

    หมวยเชอตรงไปหอมแก้มป๊าซ้ายทีขวาทีก่อนรับคำเสียงใส รับทราบค่ะป๊า

    ตอนเช้าของคนบ้านนี้ก็เรียบง่ายแบบนี้นั่นแหละ

     

    แม้จะเป็นเวลาบ่ายสามแต่ลูกค้าในร้านก็ยังคงจับจองพื้นที่โต๊ะจนเกือบเต็ม หมวยเชอมองบรรดาลูกค้าที่แวะเวียนมา บ้างก็เป็นลูกค้าหน้าใหม่ บ้างก็เป็นลูกค้าขาประจำที่แค่เปิดประตูเข้าร้านมาหมวยเชอก็พูดชื่อเมนูที่สั่งประจำได้ทันทีตามประสาคนความจำดี

    หญิงสาวยืนเช็ดแก้วอยู่หลังเคาท์เตอร์ระหว่างรอพายบลูเบอร์รี่อบเสร็จ เสียงติ๊งจากเตาอบด้านหลังดังขึ้นเบาๆเรียกให้เจ้าของร้านสาววางแก้วแล้วหันไปคว้าถุงมือกันความร้อนมาสวมเพื่อนำขนมอบหอมกรุ่นออกจากเตา

    เสียงกระดิ่งทองเหลืองที่ติดอยู่กับประตูร้านดังขึ้นหลังจากหมวยเชอย้ายพายหน้าตาน่าทานลงตู้ ใบหน้าหวานผละจากตู้กระจกเมื่อเห็นเป็นคนคุ้นเคยในชุดนักศึกษาริมฝีปากก็พลันยิ้มกว้าง

    อ้าว หมวยพรีม เลิกเรียนแล้วเหรอ พี่ทำพายบลูเบอร์รี่ของโปรดเราเสร็จพอดีเพิ่งเอาลงตู้แหนะ จะกินเลยมั้ย

    ทุกวันหากหมวยพรีมมีเวลาว่างถ้าเลิกเรียนแล้วก็จะมานั่งเล่นและช่วยงานที่ร้านของหมวยเชอจนปิดร้าน บางวันคนที่มาก็เป็นป๊าบ้างเฮียตูนบ้าง บางวันเป็นเฮียตูนกับหมวยพรีม บางวันนึกครึ้มพากันมาทั้งสามคนเลยก็มี

    หมวยพรีมยิ้มหวานก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้สตูลหน้าเคาท์เตอร์ที่ประจำของตัวเองเมื่อมาที่ร้านคาเฟ่ของหมวยเชอ ภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นเนยและกลิ่นเมล็ดกาแฟ กลิ่นหวานๆทำให้หมวยพรีมสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างอดไม่ได้ หมวยไม่ปฏิเสธขนมของพี่เชอหรอกน่า ขอสองชิ้นเลยนะคะ หิวมากกกกกก

    เจ้าของร้านหัวเราะเบาๆพลางตัดพายสองชิ้นออกเป็นชิ้นพอดีคำใส่จานใบเล็ก วางตรงหน้าหมวยพรีมพร้อมด้วยแก้วโกโก้หอมกรุ่นส่งควันขาว ได้ยินเสียงหมวยพรีมพูดว่า รู้ใจจริงๆก่อนจะตักพายเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ย

    เรียนวันนี้เป็นไงบ้างหมวยเชอถามขณะมือกำลังวุ่นอยู่กับการชงชา กลิ่นนมปนกับกลิ่นใบชาหอมละมุน

    เหนื่อยนิดหน่อยแหละ ไม่ได้กินข้าวเพราะต้องคุยเรื่องละครเวที งานนี้บทแก้บานเหนื่อยชะมัด

    หมวยเชอระบายยิ้มอ่อนโยน เธอส่งแก้วชาแบบกลับบ้านให้ลูกค้า รับเงินทอนเงินเสร็จสรรพก็ผละจากหลังเคาท์เตอร์ออกมานั่งข้างๆหมวยพรีมที่นั่งกระดกโกโก้อึกๆ มือเรียวขาวลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆเพื่อปลอบประโลมและให้กำลังใจ

    เดี๋ยวหมวยพรีมก็ผ่านมันไปได้นะ ถึงวันจริงเมื่อไหร่พี่จะปิดร้านไปดูเลย โอเคมั้ย

    แบบนั้นจะดีหรือไงเล่า

    ดีสิหมวยเชออมยิ้ม เธอหัวเราะเบาๆ เดี๋ยวทำขนมไปเลี้ยงทีมงานด้วยเลย ตกลงนะ

    หมวยพรีมจับมือที่ลูบศีรษะของตนมาแนบแก้ม อะไรที่พี่เชอว่าดีพรีมก็ว่าดีแหละ

    เสียงของกระดิ่งดังขึ้นขัดเวลาของสองพี่น้อง หันหน้าไปดูเมื่อเห็นว่าเป็นลูกค้าหมวยเชอก็ประจำที่หลังเคาท์เตอร์ของตัวเองทันใด แล้วหลังจากนั้นหมวยเชอก็ต้องทำงานอยู่หลังเคาท์เตอร์จนถึงเวลาปิดร้าน

     

    ท้องฟ้าด้านนอกกลายเป็นสีส้มหลังจากลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกไปพร้อมกับแก้วกาแฟและถุงขนม หมวยเชอเก็บของบางส่วนให้เรียบร้อย ขนมที่เหลือบางชิ้นเก็บใส่ตู้เย็น บางส่วนเก็บใส่กล่องเตรียมแบ่งคนที่บ้านและละแวกใกล้เคียง หมวยพรีมช่วยยกเก้าอี้ขึ้นโต๊ะและปัดกวาดอีกนิดหน่อย

    เสียงกระดิ่งทองเหลืองกระทบกับประตูดังขึ้นเมื่อประตูร้านถูกเปิดออก หมวยเชอที่กำลังวุ่นกับการรดน้ำดอกไม้ประดับร้านในกระถางเงยหน้าขึ้น

    ขอโทษนะคะตอนนี้ร้านปิดแล้วค่ะ…. อ้าว เฮียตูนหมวยเชอเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาในร้านไม่ใช่ลูกค้าแต่เป็นพี่ชายตัวสูงที่สลัดคราบพนักงานคนเก่งด้วยการคลายเนคไทด์และเอาชายเสื้อออกจากกางเกง

    ทำไมมาเย็นแบบนี้ล่ะคะเฮีย หมวยไม่ได้เก็บลาเต้ไว้ให้ด้วยสิ

    เฮียตูนอมยิ้ม ชายหนุ่มเดินมาลูบหัวหมวยเชอกับหมวยพรีมด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเหมือนอย่างเคย เปล่ามาอุดหนุน แค่จะชวนไปซุปเปอร์ปลายนิ้วโป้งชี้ออกนอกร้านที่มีรถจอดอยู่ กระจกฝั่งข้างคนขับถูกเปิดออกป๊าที่นั่งรออยู่ในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำโบกมือให้สองสาวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

    รีบปิดร้านแล้วไปได้แล้วหมวย

    เอามาร์ชเมลโล่!หมวยพรีมพูดอย่างอารมณ์ดีแล้ววิ่งนำหน้าไปทันที เร่งให้หมวยเชอรีบจัดการปิดไฟปิดประตูร้านแล้วจัดการล็อคให้เรียบร้อยก่อนจะไปประจำที่นั่งด้านหลังริมหน้าต่าง

    ใช้เวลาไม่นานในการขับรถมาถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต หมวยพรีมเดินตัวปลิวผ่านประตูอัตโนมัติเข้าไปคว้ารถเข็นออกมาเดินเข็นนำหน้า เฮียตูนมองขำๆก่อนจะดึงรถเข็นออกมาอีกคัน

    ข้าวเย็นวันนี้กินอะไรดี

    อะไรก็ได้ค่ะ เฮียจะทำเหรอคะ

    เฮียตูน! พี่เชอ! เดินเร็วๆหน่อย!

    ป๊ายืนมองสามพี่น้องด้วยรอยยิ้มจาง แม้จะพากันโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว แต่ถ้าจะหาคำสักคำมานิยามเด็กทั้งสามคนนี้ก็ยังคงเป็นคำว่าตัวยุ่ง

    แต่ถ้าขาดเจ้าตัวยุ่งสักคนไปก็คงจะเงียบเหงาเหมือนขาดอะไรไปน่าดู เฮียตูน หมวยเชอ หมวยพรีมคือคนสำคัญของเขา คนที่ตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงก็ตามจะปกป้องรอยยิ้มเอาไว้ให้ได้

    ถามไถ่กันด้วยความห่วงใย มอบความอบอุ่นให้แก่กัน ส่งรอยยิ้มให้ในวันที่ใครคนใดคนหนึ่งท้อแท้ อยู่ด้วยกัน เคียงข้างกัน แบ่งปันความทุกข์และความสุขให้เป็นเหมือนกับเรื่องของตัวเอง

     สิ่งที่เป็นอยู่กลายเป็นห่วงคล้องทั้งป๊าและทั้งสามคนเอาไว้ด้วยกัน ห่วงที่เรียกว่าความผูกพันและความรักร้อยเรียงเรื่องราวที่พบให้ผ่านพ้นไปด้วยคำว่าครอบครัว

    และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะมีกันแบบนี้ตลอดไป :)

    -FIN-

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×