ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    221 B | Sherlock's Avenue

    ลำดับตอนที่ #1 : 日差し 明美 | Hisashi Akemi

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 61


    明美の日記

    Hizashi Akemi’s mini diary

     


    Smile, it is the key that fits the lock of everybody's heart.

    -เพราะรอยยิ้มคือกุญแจสำคัญ ที่จะสามารถเปิดใจของทุกๆคนได้-

    Anthony J. D'Angelo


    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ wishing gif anime

    หลังจากผ่านวันเกิดมาก็ดูเหมือนฉันจะโตขึ้นอีกนิดนะ

    ในขณะที่หลายคนกังวลกับอายุที่จะมากขึ้นในวันคล้ายวันเกิด

    แต่สำหรับเธอช่วงเวลาในวันเกิดคงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในรอบปี

    เธอชอบที่ได้มองดูเปลวเทียนบนเค้ก หลับตาอธิษฐานแล้วบรรจงเป่าลมด้วยความตั้งใจ

    ช่วงเวลาที่คนไม่เอาไหนจะได้เป็นคนสำคัญ เพราะแบบนั้นเธอถึงชอบวันเกิด

    Her Birthday

    4.07.XXXX

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ smile gif anime

    เพราะฉันชอบยิ้ม ดังนั้นฉันจะยิ้มเยอะๆเลยนะ จะยิ้มเผื่อในส่วนของทุกๆคนด้วยล่ะ

    บางครั้งเรื่องราวหลายๆอย่างในชีวิตเราก็ไม่สามารถข้ามผ่านมันไปได้

    ความยุ่งยากมากมายเหมือนกับยางลบที่ขีดทับลงบนใบหน้า กลบรอยยิ้มให้หายไปหมด

    แต่วางใจเถอะ! เพราะเธอเองก็อยู่ตรงนี้แล้ว

    ทำใจให้สบายแล้วปล่อยวางเถอะนะ เธอจะเป็นรอยยิ้มให้กับทุกคนเอง : )

    Her Smile

    5.05.XXXX


    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ sakura anime gif

    ถึงฉันจะเป็นแค่เด็กที่ไม่ได้ความก็ตาม แต่ฉันก็จะพยายามใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะ!

    เพราะความจริงเธอมันก็เป็นแค่จอมห่วยที่ไม่เอาไหน

    หัวช้า ซุ่มซ่าม ซื้อบื้อ และเฟอะฟะ คำพวกนี้เธอได้ยินเสียจนชาชิน

    มันเจ็บนะ แต่ไม่มากหรอก เพราะที่พูดมามันก็คือความจริงนั่นล่ะ

    แต่อย่างไรก็ตาม... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ!

    Her Life

    8.09.XXXX

    Hizashi Akemi

    #Smile #Positive #Happy girl #Sunshine

     - ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ

    ถึงแม้ว่าตัวฉันจะไม่ดีขึ้น แต่ก็จะขอมีความสุขในทุกๆวันล่ะ : ) -



     

    I remember tears streaming down your face                              Just  close your eyes

    ฉันจำน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มของเธอได้                                          แค่เพียงหลับตาลงเท่านั้นที่รัก

    When I said, I’ll never let you go                                                  The sun is going down

    ตอนที่ฉันบอกว่า ฉันจะไม่มีวันทิ้งเธอไป                                          ตอนนี้ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าไป

    When all those shadows almost killed your light                         You’ll be alright

    และเมื่อเงามืดนั้นเกือบทำลายแสงสว่างของเธอจนหมดสิ้น              เธอจะต้องปลอดภัย

    I remember you said, Don’t leave me here alone                        No one can hurt you now

    ฉันยังจำได้ที่เธอบอกฉันว่า อย่าจากฉันไปเลย                               ไม่มีใครทำร้ายเธอได้แล้ว

    But all that’s dead and gone and passed tonight                        Come morning light

    แต่ทุกๆอย่างที่ตายจากไปแล้วมันจะผ่านพ้นไปในคืนนี้ทั้งหมด           แสงสว่างยามรุ่งอรุณจะสาดส่องลงมา


    APPLICATION

     


     

    เอ๊ะ อะไรนะคะ!? ไม่เอาดีกว่าค่ะ...หนูเอไม่อยากขืนใจใคร

    .

    .

    .

    เอ๋... ? อะไรนะคะ เขาไม่ใช้คำว่าขืนใจกันเหรอคะ

    หนูเอรู้ค่ะว่าหนูเอไม่เก่ง หนูเอมันไม่ได้เรื่อง แต่นี่หนูเอก็พยายามเต็มที่แล้วนะคะ!!”

    ยากจัง.... ต้มไข่นี่ต้องใส่น้ำด้วยเหรอ? ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย ทำไงดีอ่า T^T”

     

    คู่ : ซาคามากิ เรย์จิ

     

    นามสกุล - ชื่อ : ฮิซาชิ อาเคมิ || Hizashi Akemi ||日差し 明美

                *Ps. Meaning of her name

    - Hizashi } Sunlight

    - Akemi } So shiny and beautiful

    - Hizashi Akemi } Shiny and beautiful sunlight.

    -แสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างและสวยงาม-

     

    ชื่อเล่น : อาเคมิ || Akemi / อาจัง || Ar – Chang

                *Ps1. ชื่ออาจังจะเป็นชื่อที่เรียกกันในกลุ่มเพื่อนๆมากกว่าค่ะ

              *Ps2. นอกเหนือจากชื่อเล่นทั้งสองนี้แล้วอาเคมิยังมักจะแทนตัวว่า หนูเออันเป็นผลมาจากชื่อนี้เป็นชื่อที่ทางบ้านเรียกกันนั่นเอง

     

    อายุ : 16 yrs.

     

    สัญชาติ : ญี่ปุ่น

     

    อาชีพ : นักเรียนชั้นมัธยมปลาย ปีที่หนึ่ง

     

    ลักษณะรูปร่างหน้าตา :

                ‘ฮิซาชิ อาเคมิคือเด็กสาวที่เรียกได้ว่าธรรมดา จืดจาง และไม่มีความโดดเด่นอย่างแท้จริง หน้าตาของเด็กสาวอายุสิบหกปีผู้นี้ไม่ได้จัดอยู่ในระดับสะสวย แล้วก็ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทที่คนอื่นเรียกกันว่าน่ารัก อาเคมิจัดอยู่ในประเภทผู้มีความงามแบบพื้นๆชนิดที่พอจะไปวัดไปวาได้


                ใบหน้ารูปไข่ที่พอจะสวยได้รูปอยู่บ้างเป็นผลพวงมาจากความงดงามบนใบหน้าของผู้เป็นมารดา หน้าผากกลมมนที่ออกจะมีพื้นที่ในส่วนนั้นมากเกินไปเสียหน่อยนั้นถูกปกปิดด้วยหน้าม้าสไลด์เพื่อกลบส่วนด้อยไม่ให้ถูกล้อ กรอบคิ้วเส้นบางเรียงตัวกันออกจะเป็นแนวตรงห่างไกลจากความโค้งสวยอย่างที่เขาเรียกกันว่า โค้งสวยดุจคันศรสิ่งที่พอจะดึงความโดดเด่นบนใบหน้าของเธอออกมาได้บ้างเห็นทีจะเป็นดวงตาสองชั้นกลมแป๋วคู่โตสีอมส้มคล้ายลูกพีช และแม้ดวงตากลมหวานจะถูกบดบังด้วยแว่นกรอบกลมสีช็อคโกแลต ทว่าแววความแจ่มใสก็ยังแสดงแจ่มชัดอยู่ในแววตาเข้ากับแพขนตาที่งอนเป็นระเบียบนั้นได้อย่างน่าประหลาด จมูกเล็กน่ารักที่แม้ไม่ได้โด่งคมเป็นสันสวยแต่ก็ยังคงเค้าความเป็นหยดน้ำ เมื่อนำมารวมกับปลายจมูกที่เชิดขึ้นน้อยๆก็ทำให้อาเคมิพอที่จะน่าเอ็นดูในสายตาผู้สูงวัยได้ไม่ยาก ริมฝีปากของอาเคมิเป็นสีธรรมชาติที่ค่อนไปทางซีดเพราะนอกจากลิปบาล์มยี่ห้อหนึ่งแล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้บำรุงอะไรมากเป็นพิเศษ เรียวปากเล็กบางหยักขึ้นน้อยๆดูคล้ายแมวก็พอที่จะทำให้เธอดูน่าเอ็นดูขึ้นมาบ้าง ส่วนปรางแก้มนิ่มติดยุ้ยทั้งสองข้างนั้นซับสีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดี


                ใบหน้ารูปไข่ของอาเคมินั้นถูกล้อมกรอบให้ดูเล็กลงด้วยทรงผมตัดสั้นเป็นระเบียบเข้ากับใบหน้าจนมองเห็นลำคอเรียวเล็กชัดเจน (และอีกประการหนึ่งก็เพื่อปิดหูกาง) เส้นผมนุ่มนิ่มเหมือนขนแมวอันได้จากการสระผมด้วยแชมพูเด็กเป็นสีชมพูแก่ค่อนไปทางแดงคล้ายกับสีของดอกบ๊วยเป็นเงางาม (และบางทีก็มันนิดๆเนื่องด้วยขี้เกียจสระผม) อาเคมิมักจะปล่อยผมของตัวเองไว้อย่างนั้นไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากหวีให้เข้าที่เข้าทางในตอนเช้า อาเคมิไม่ใช่ผู้หญิงผิวขาวราวน้ำนม กลับกันเธอมีผิวขาวเหลืองดูสะอาดตา และแม้จะมีร่องรอยของบาดแผลหรือพลาสเตอร์อันเกิดจากอุปนิสัยของเจ้าตัวปะปนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มีมากจนกลบความนวลเนียนตามธรรมชาติให้ดูน่าเกลียด


                รูปร่างของอาเคมิจัดว่าเข้าขั้นผอม ด้วยส่วนสูง 167 เซนติเมตร แต่กลับมีน้ำหนัก 52 กิโลกรัมที่เรียกได้ว่าแทบจะต่ำกว่าเกณฑ์ อาเคมิไม่ได้มีน้ำมีนวลหรือรูปร่างชวนมองเหมือนอย่างคนอื่นๆ ความจืดชืดนั้นคงไว้แม้กระทั่งรูปร่าง แขนและขายาวเรียวสมตัวติดจะเก้งก้างหน่อยๆด้วยลำแขนและข้อมือเล็กบางราวกับกิ่งไม้ เด็กสาวมีเอวคอดเล็กน้อยรับกับสะโพกที่ผายออกหน่อยๆเหมือนคนโตไม่เต็มที่ หน้าท้องของเธอแบนราบจนชวนให้สงสัยว่าเครื่องในอยู่ส่วนใดของร่างกาย ฟังดูอาจจะน่าอิจฉาแต่หน้าอกของเธอก็ราบเรียบพอๆกับหน้าท้องนั่นแหละ

                *สาเหตุที่อาเคมิใช้แชมพูเด็กในการสระผมนั้นเนื่องด้วยอาเคมิแพ้สารเคมีบางตัวที่อยู่ในแชมพูสระผมที่คนปกติใช้กันเลยต้องกลับมาใช้แชมพูเด็กเพื่อความปลอดภัย

              *อาเคมิไม่ใช่คนรักสวยรักงาม แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ดูแลตัวเองเลย อาเคมิมักจะทาแป้งฝุ่นก่อนออกจากบ้าน ส่วนปากก็ทาลิปบาล์ม และมักจะทาโลชั่นเพื่อไม่ให้ผิวแห้งหรือแตกอยู่เสมอ (เป็นโลชั่นธรรมดาๆ ไม่มีกลิ่นอะไรเป็นพิเศษ) กลิ่นตัวของอาเคมิจึงค่อนจะไปทางกลิ่นหอมแบบโล่งๆปนนมๆของแป้งเด็ก บางทีก็เป็นกลิ่นหอมธรรมชาติจากหญ้าอิกุสะที่ใช้ทำเสื่อทาทามิ

     

    นิสัย :

                หากจะกล่าวถึงอุปนิสัยของหนูเอแล้วเห็นทีผู้ที่ได้ฟังหรือผู้ที่กำลังอ่านข้อความเหล่านี้อยู่จะต้องปวดหัวเป็นแน่ เพราะหนูเอนั้นนอกจากจะเป็นเพียงปุถุชนหญิงจืดจางเข้าขั้นคนหนึ่งแล้ว เธอยังอยู่ห่างไกลจากการเป็นผู้หญิงในฝันของใครหลายๆคนอีกด้วย


                ในชั้นแรกนั้นจะกล่าวถึงนิสัยส่วนที่เด่นที่สุดของหนูเอ นั่นคือความซุ่มซ่าม เฟอะฟะ และพร้อมที่จะเจ็บตัวตลอดเวลาไม่ว่าจะพยายามระวังตัวแค่ไหนแล้วก็ตาม อุปนิสัยนี้คือส่วนที่โดดเด่นและไม่ว่าจะแก้อย่างไรก็แก้ไม่หายเสียทีจนกลายเป็นว่าเธอสนิทและเคยชินกับการปฐมพยาบาลไปเสียแล้ว ความซุ่มซ่ามของเด็กผู้หญิงที่ชื่อฮิซาชิ อาเคมิมาแรงแซงทางโค้งชนิดว่าต่อให้กำลังเดินอยู่เฉยๆก็สามารถสะดุดฝุ่นลงไปล้มคว่ำไม่เป็นท่าอยู่กับพื้นได้ ยิ่งขาโต๊ะ ขาเก้าอี้หรือขาเตียงแล้วเรียกได้ว่ามันคือไม้เบื่อไม้เมากับปลายเท้าของหนูเอเลยก็ว่าได้ เดินเฉียดทีไรเป็นต้องเตะให้ลงไปนั่งกุมเท้าร้องโอดโอยอยู่กับพื้นจนได้สิน่า หากถามว่าอายไหมหนูเอก็ตอบได้เต็มปากว่า อายมากแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการรีบลุกขึ้น ยิ้มแหยๆก่อนจะโค้งปะหลกๆให้คนรอบข้างแล้วเดินจากไป 


                และเพราะความซุ่มซ่ามนั่นเองที่เป็นเหตุให้กับความผิดพลาดที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยในชีวิตหนูเอ หนูเอเป็นคนที่มักจะกะระยะ กะปริมาณหรือทำอะไรสักอย่างพลาดอยู่บ่อยๆเพียงเพราะความซุ่มซ่ามและขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง เป็นต้นว่ามักจะกะปริมาณส่วนผสมผิดจนอาหารออกมากินไม่ได้ กะปริมาณผงซักฟอกผิดจนฟองล้นออกมาเต็มเครื่อง หรือบางครั้งก็กะระยะผิดวางของทำมุมไม่พอดีจนมันร่วงโครมลงมา ไม่ก็เดินเฉี่ยวของคนนั้นคนนี้หล่นจากโต๊ะเพราะไม่ระวังเป็นเหตุให้ถูกดุอยู่บ่อยๆ ถามว่าเสียใจไหมหนูเอก็เสียใจนะแต่ก็จะยิ้มแล้วพยายามที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก แต่ทว่าทั้งๆที่พยายามจะปรับปรุงตัวแล้วแต่อะไรๆก็ไม่เป็นใจให้มันดีขึ้นเลยนี่น่ะสิที่เป็นปัญหา


                เมื่อได้กล่าวถึงความขี้หลงขี้ลืมของหนูเอแล้วก็ขอนำมันมาขยายความต่ออีกสักนิด... หนูเอนั้นเป็นเด็กที่ความจำจัดอยู่ในระดับลืมง่ายหายไปเร็วยิ่งกว่าสายลมจนใช้คำว่า ความจำสั้นเป็นปลาทองก็อาจจะฟังดูน้อยไป ความจำย่ำแย่จนน่าปวดหัวนั้นชวนให้รู้สึกว่าสมองของเธอแรมต่ำหรือฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวากันแน่ ความจำของหนูเอนั้นค่อนข้างเป็นปัญหาเพราะป้อนอะไรเข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็ลืมเสียแล้ว อย่างชื่อคนถ้าหากว่าไม่ใช่คนสนิทจริงๆหรือเจอกันบ่อยๆเธอก็สามารถลืมชื่อของเขาได้แม้คนๆนั้นจะเพิ่งบอกชื่อไปไม่ถึงนาทีก็ตาม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หนูเอจำเป็นจะต้องมีสมุดเล่มเล็กๆหรือกระดาษโพสต์อิทพร้อมด้วยดินสอหรือปากกาติดตัวเพื่อเอาไว้คอยจดเตือนความจำ (แต่เชื่อเถอะ ต่อให้จดไปแล้วหนูเอก็ยังลืมมันอยู่ดี)


                นอกเหนือจากความซุ่มซ่ามของหนูเอแล้ว หนูเอยังเป็นเด็กสาวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอาการเด๋อและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับชาวบ้านชาวช่องเขาเลยแม้แต่น้อย อาการของหนูเอนั้นอยู่ในระดับที่ยิ่งกว่าหลังเขาไปมากโข และถ้าหากว่าสงสัยเจ้าตัวก็จะเฝ้าแต่คอยถามด้วยตาใสๆราวกับเจ้าหนูจำไมจนกว่าจะได้คำตอบนั่นล่ะ เธอไม่เคยรู้ว่าเดี๋ยวนี้คนเขานิยมอะไร ดารานักร้องก็ไม่ค่อยจะรู้จัก นอกจากนั้นเรื่องทั่วไปที่คนอื่นเขารู้กันโดยพื้นฐานยังไม่ถูกจัดอยู่ในสารบบความคิดของเจ้าตัวอีกด้วย!! หากจะให้ยกตัวอย่าง หนึ่งคือหนูเอไม่รู้ว่าต้มไข่แล้วต้องใส่น้ำ (อาเคมิไม่ค่อยได้เข้าครัวหรอก เธอถูกคนที่บ้านจัดให้เป็นบุคคลต้องห้าม ห้ามเฉียดตัวเข้าใกล้ครัวเด็ดขาด!!) สอง หนูเอไม่รู้ว่าก่อนจะซักผ้ามันต้องแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกัน สาม หนูเอหุงข้าวไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าต้องใส่น้ำเท่าไหร่ (เคยลองทำครั้งหนึ่งแล้วแต่ข้าวสวยก็ได้กลายสภาพเป็นข้าวต้มที่ไหม้ติดก้นหม้อไปอย่างสวยงาม) และอีกมากมายหลายสิ่งที่หนูเอพร้อมจะทำให้รอบตัววินาศสันตะโรเพราะความเด๋อของตัวเอง


                ซึ่งนอกจากความเด๋อแล้วสิ่งหนึ่งที่หนูเอมีก็คือความซื่อบื้อ หนูเอเป็นเด็กที่ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นคนซื่อบื้อมากหรือซื่อบื้อมากมากดี เพราะนอกจากความเด๋อไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวแล้วความซื่อบื้อที่หนูเอมีก็ทำให้หนูเอไม่ประสีประสาเช่นกัน หนูเอไม่ใช่พวกที่จะเข้าใจอะไรได้จากการฟังเพียงครั้งเดียว ดังนั้นพวกมุขตลกนั้นลืมไปได้เลยที่จะทำให้หนูเอขำ เพราะนอกจากเธอจะไม่ขำแล้วยังต้องเสียเวลามานั่งอธิบายมุขให้ฟังกันแบบคำต่อคำจนยาวเหยียดอีกต่างหาก ยิ่งเป็นพวกมุขเสี่ยวหรืออะไรที่มันสองแง่สองง่ามนี่ไม่ใช่สิ่งที่หนูเอรู้จักหรือถนัดเลยแม้แต่นิด (คำผวนยิ่งแล้วใหญ่ พูดออกมาแล้วหนูเองงเป็นไก่ตาแตกแน่นอน) อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงต้องเป็นหน้าที่ของผู้อ่านเองว่าจะตัดสินให้หนูเอเป็นคนซื่อมากๆหรือบื้อแบบสุดๆกันแน่ แต่ในความซื่อนั้นก็หมายความรวมคำว่า ซื่อตรงเข้าไปด้วย หนูเอไม่ใช่คนที่จะแสดงละครหรือพูดโกหกใครเก่งนัก เรียกว่าเธอทำมันไม่เป็นเลยดีกว่า หนูเอเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อคำพูดและซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองแบบสุดๆ ดีใจก็คือดีใจ เสียใจก็คือเสียใจ ชอบคือชอบ และเกลียดก็คือเกลียด จึงกลายเป็นว่าเธอกลายเป็นคนที่มักจะถูกชาวบ้านเขาจับพิรุธหรือมองความรู้สึกออกได้ง่ายอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือหนูเอไม่ค่อยรู้เรื่องโลกภายนอกเท่าไหร่นัก อารมณ์ประมาณว่าใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ คนในครอบครัวว่าอย่างไรก็ว่าตามกันไม่เคยแหกกฎนั่นทำให้หนูเอไม่เคยคิดที่จะออกนอกกรอบหรือทำสิ่งใหม่ๆที่ตัวเองไม่เคยทำ


                คำว่า ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบของหนูเอเห็นทีจะต้องเอามาขยายความต่อกันอีกสักนิด เนื่องด้วยทางครอบครัวของหนูเอนั้นมีแต่ผู้หญิงทำให้คำสอนที่มักจะได้รับและหนูเอก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีมักจะค่อนไปทางให้รักนวลสงวนตัว เรียบร้อย (โอเค... หนูเอยอมรับว่าข้อนี้อาจจะทำไม่ได้) และอะไรก็ตามให้สมกับความเป็นผู้หญิง นั่นจึงเป็นเหตุผลชั้นดีประการหนึ่งที่ทำให้หนูเอไม่ค่อยประสีประสากับเพศตรงข้ามเท่าไหร่นัก ถ้าหากว่าเป็นการคุยกันธรรมดาๆก็ยังพอจะไหวอยู่หรอกแต่ถ้าขยับมาในเรื่องของความใกล้ชิดและแตะเนื้อต้องตัวแล้วหนูเอคงไม่สามารถข้ามขั้นเหล่านั้นไปได้อย่างแน่นอน ขนาดเป็นเพศเดียวกันการโอบไหล่หรือจับมือยังนับว่าน้อยครั้งนักที่หนูเอจะได้สัมผัสดังนั้นอย่าให้พูดถึงเพศตรงข้ามเลยเพราะหากโดนกระทำแบบนั้นใส่หนูเอคงเขินจนแก้มแดงตัวแดงแล้วควบคุมสติตัวเองไม่อยู่อย่างแน่นอน นอกเหนือจากนั้นแล้วหนูเอยังไม่ค่อยประสากับสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักสักเท่าไหร่เสียด้วย


                หากจะเปรียบเทียบหนูเอเป็นสัตว์โลกน่ารักสักตัวก็คงไม่พ้นที่จะถูกเปรียบให้เป็นกระต่าย หนูเอไม่ได้เหมือนกระต่ายในแง่ของความน่ารักนุ่มนิ่มแต่เหมือนในแง่อุปนิสัยที่ขี้ตกใจเหมือนกับกระต่ายตัวน้อยๆไม่มีผิด หนูเอมักจะแสดงอาการตกใจที่ดูล้นๆจนโอเวอร์เมื่อถูกทักแบบกะทันหันหรือแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่บอกไม่กล่าว รวมไปถึงการไปอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังๆก็ทำให้หนูตกใจได้เช่นกัน ดังนั้นหากเห็นเด็กสาวอายุสิบหกปีผู้นี้สะดุ้งจนสุดตัวหรือร้องวี้ดว้ายออกมาก็ขอให้เข้าใจโดยทั่วกันว่านั่นไม่ใช่การแสดงแต่มันเกิดขึ้นเพราะหนูเอตกใจจริงๆ (....)


                และอย่างที่บอกว่าหนูเอไม่ใช่คนที่สามารถเข้าใจอะไรๆได้จากการฟังเพียงแค่ครั้งเดียว นิสัยส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเป็นพวกหัวช้าและหัวทึบขั้นรุนแรง พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือหนูเอเป็นคนเข้าใจอะไรยากไม่ว่าจะพูดอะไรหรือสอนอะไรหนูเอก็ไม่สามารถทำตามหรือปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นอย่างที่แนะนำได้ แม้ว่าจะพยายามปรับปรุงตัวตามที่ถูกดุสักกี่ร้อยกี่พันหนแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ นั่นจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้หนูเอกลายเป็นจอมห่วยในสายตาของคนรอบข้าง ซึ่งความห่วยที่หนูเอมีก็เรียกได้ว่าห่วยจริงไม่ติงนัง ห่วยขั้นเทพ ห่วยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!! การเรียนของหนูเอนั้นเข้าขั้นตกต่ำ แค่ประคองตัวเองให้มาอยู่ชั้นมัธยมสี่ได้โดยไม่ซ้ำชั้นนี่ก็ถือว่าดีมากแล้ว (หนูเอเป็นเด็กหน้าห้องนะ แต่ก็นั่นแหละนางหัวทึบ.....) ยิ่งเป็นเรื่องกีฬาหนูเอก็ยิ่งตกต่ำจนกราฟดิ่งเหว หนูเอเล่นกีฬาไม่เป็น ว่ายน้ำไม่ได้ อืดอาดยืดยาดและไม่สามารถใช้แรงได้มากนัก แค่วิ่งรอบสนามหนึ่งรอบหนูเอก็หอบจนน่าสงสารเสียแล้ว ไหนจะเรื่องศิลปะที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้นเลยนั่นอีก ฝีมือการวาดรูปของหนูเอนั้นห่วยในระดับที่สามารถวาดแมวแล้วคนมองว่ามันเป็นเป็ดได้เลยด้วยซ้ำ (....) ยิ่งเป็นเรื่องดนตรียิ่งแล้วใหญ่เพราะหนูเล่นเครื่องดนตรีไม่เป็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียวแถมยังร้องเพลงเพี้ยนขั้นเทพ ซึ่งเพี้ยนที่ว่านั้นน่าเสียดายที่ไม่ได้เพี้ยนแค่เสียงเพราะเจ้าตัวยังร้องไม่ตรงจังหวะทำนองแถมบางครั้งยังเอาเนื้อเพลงมาร้องปนกันมั่วแบบ ร้อยเนื้อร้องทำนองเดียวอีกต่างหาก นอกเหนือไปจากเรื่องพวกนี้แล้วการบ้านงานเรือนหนูเอก็ห่วยอย่างเท่าเทียมไม่คิดจะแบ่งแยกแต่อย่างใด อย่าว่าแต่จะให้หนูเอทำอาหารเลยแค่ทำอาหารสำเร็จรูปออกมาให้กินได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว ยิ่งเป็นงานบ้านแล้วอย่าให้หนูเอทำอะไรที่มากกว่าการกวาดพื้นจะดีกว่า (เคยลองถูพื้นแล้วหนูเอยังสะดุดไม้ถูอยู่เลย) ดังนั้นหากจะให้สรุปแล้วหนูเอก็คงจะเป็นกล่องสักกล่องที่บรรจุความห่วยเอาไว้แบบเต็มเปี่ยมจนแทบล้นนั่นแหละ


                นอกเหนือจากความห่วยขั้นเทพที่ใครได้เห็นก็เป็นต้องส่ายหน้าแล้วหนูเอยังได้ชื่อว่าเป็นคนดวงซวยแบบสุดๆเสียด้วย น่าสงสารยิ่งนักที่แม้แต่โชคก็ยังดูเหมือนจะไม่เข้าข้างเธอ นั่นทำให้นอกจากความซุ่มซ่ามอันเป็นอุปนิสัยหลักแล้วหนูเอยังต้อมาเจอเรื่องวุ่นวายอันเกิดจากดวงที่มีอยู่น้อยนิดของตัวเองเป็นเหตุอีกต่างหาก หากจะให้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่น่าสงสารก็คงจะเป็นต้นว่า หนึ่ง บ่อยครั้งที่หนูเอมักจะเข้าคิวรออะไรสักอย่างแล้วผลปรากฏออกมาว่าของชิ้นนั้นที่รอคอยหมดไปก่อนหน้าคิวของเธอหนึ่งคนพอดี!! สอง หนูเอมักจะชวดของบางชิ้นที่อยากได้มากๆแต่ดันเหลืออยู่ชิ้นสุดท้ายไปด้วยเหตุผลที่ว่าเธอไม่เคยหามันเจอเลยสักทีแม้ว่าของชิ้นนั้นมันจะอยู่ในระดับที่สายตาของเธอน่าจะกวาดไปเห็นก็ตาม


                นิสัยอีกประการหนึ่งที่ทำให้หลายคนปวดหัวกับหนูเอก็คืออาการพูดไม่รู้เรื่องของหนูเอเอง ความสามารถในการสื่อสารของหนูเอนั้นมีน้อยกว่าที่ควรจะมีอยู่พอสมควรแต่ก็ใช่ว่าเธอจะคุยกับคนอื่นเขาไม่ได้ เพียงแต่ในบางครั้งก็มีบ้างที่หนูเอจะพูดไม่รู้เรื่อง ใช้คำผิดความหมาย เรียงรูปประโยคผิดจนกลายเป็นความกำกวม แถมในบางครั้งเจ้าตัวยังพูดสลับคำเวลาตื่นเต้นด้วย แต่อาการพูดไม่รู้เรื่องกลับไม่ได้ทำให้มนุษยสัมพันธ์และความแจ่มใสของหนูเอลดลงแต่อย่างใด หนูเอชื่นชอบที่จะได้พูดคุยกับคนอื่นๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หนูเอพยายามจะเข้าหาและผูกมิตรกับคนอื่นแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ความและพูดไม่รู้เรื่องก็ตาม ยิ่งเป็นคนที่หนูเอถูกชะตาด้วยแล้วก็ดูเหมือนจะสนิทและพูดคุยกันได้ง่ายขึ้น และแม้หนูเอจะมีมนุษยสัมพันธ์ดีแต่หนูเอก็ยังต้องการการยอมรับอยู่หน่อยๆ ถึงจะไม่ได้ความแค่ไหนแต่หนูเอก็ยังเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาๆคนหนึ่งที่ยังต้องการยอมรับ คำชื่นชมเล็กๆน้อยๆ หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่เสียงก่นด่าหรือดูถูกเหยียดหยาม หนูเอจึงมักจะแสดงอาการดีใจแบบสุดๆทุกครั้งเวลาที่ทำอะไรสักอย่างแล้วผลออกมาคือเธอประสบความสำเร็จ


                แต่แม้หนูเอจะขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กสาวที่ไม่ได้ความ แต่เจ้าตัวก็มีจุดหนึ่งที่น่าชื่นชมคือมีหัวใจที่เข้มแข็งและไม่คิดจะย่อท้อต่อปัญหาที่เข้ามาในชีวิต แม้จะแอบบ่นไปบ้างว่ายากอย่างนั้นยากอย่างนี้แต่หนูเอก็ยังมีความเพียรที่จะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อที่ว่าวันหนึ่งตัวเธอเองจะสามารถประสบความสำเร็จและลบคำว่าจอมห่วยออกไปได้บ้าง ไม่ว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตจะเป็นเรื่องเลวร้ายแค่ไหนแต่เด็กสาวผู้มีจิตใจเข้มแข็งเป็นทุนอยู่แล้วอย่างหนูเอก็จะยิ้มรับแล้วพยายามข้ามผ่านมันไปให้ได้ อาจจะมีบ้างที่ล้มลุกคลุกคลานหรือต้องเสียน้ำตาให้กับความทดท้อใจ แต่ก็นั่นแหละ.... สุดท้ายเธอก็จะลุกขึ้นมาแล้วสู้ต่อไปด้วยรอยยิ้มอยู่ดี


                โลกที่หนูเอมองอย่างไม่ประสีประสานั้นช่างสดใสนั่นจึงทำให้เจ้าตัวกลายเป็นพวกโลกสวยและมองโลกในแง่บวกแบบสุดๆไปโดยปริยาย ความไร้เดียงสา ความมุมานะ และความร่าเริงแจ่มใสอยู่เป็นทุนทำให้หนูเอกลายเป็นที่นิยมชมชอบของผู้สูงวัยไปเสียอย่างนั้น ความสดใสและกิริยาช่างฉอเลาะทั้งยังขี้อ้อนเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่อันเป็นนิสัยที่ติดมาจากที่บ้านเรียกความเอ็นดูจากคนเฒ่าคนแก่ที่ต้องการความเอาใจใส่จากลูกหลานได้เป็นอย่างดี นั่นทำให้บ่อยครั้งหนูเอก็ติดนิสัยช่างบ่นอย่างคนแก่มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ลามไปถึงคำพูดติดปากเวลาแปลกใจที่มักจะขึ้นด้วยคำว่า คนสมัยนี้หรือ หนุ่มสาวสมัยนี้ออกมาอยู่เป็นประจำ


                นอกจากหัวใจที่เข้มแข็งของหนูเอแล้วภายใต้บุคลิกจืดชืดที่คนรอบข้างมองเห็นก็ยังมีจิตใจที่งดงามซ่อนอยู่ด้วย หนูเอไม่ใช่คนทะเยอทะยานที่ต้องการจะแก่งแย่งชิงดีกับใคร เธอเพียงแต่ต้องการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดก็เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของการเป็นเด็กดีอย่างแท้จริง แถมยังเป็นคนขี้เกรงใจจนยอมถูกคนอื่นกดอยู่เนืองๆแล้วยังขี้กลัวแบบสุดๆอีกต่างหาก มักจะเป็นฝ่ายยอมหลีกทางให้คนอื่นอยู่เสมอเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะและบางครั้งก็มักจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษแม้ว่าตัวเองจะไม่ผิด แต่ก็พูดขอโทษไปเพราะส่วนหนึ่งก็กลัวและอีกส่วนหนึ่งก็เพื่อความสบายใจของตัวเอง หนูเอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความอ่อนหวานและอ่อนโยนติดตัวอยู่มาก เธอมากด้วยความเมตตา รักที่จะแบ่งปันสิ่งที่มีอย่างไม่เกี่ยงงอนและติดจะเป็นคนขี้สงสารคนหนึ่งเสียด้วยซ้ำไป


                หนูเอจัดว่าเป็นคนอ่อนไหวประมาณหนึ่ง เจ้าตัวสามารถอินไปกับเรื่องของคนอื่นจนพาลน้ำตาไหลเอาได้ง่ายๆ (ยิ่งเป็นการ์ตูนบางเรื่องก็ถึงกับร้องไห้ขี้มูกโป่งลำบากคุณยายต้องคอยปลอบเลยนะเออ) หนูเอไม่ใช่คนที่จะนิ่งดูดายเวลาพบว่าคนรอบตัวหรือเหตุการณ์ที่ตัวเองกำลังพบเจออยู่มีคนเดือดร้อนอยู่ด้วย ถ้ามีใครต้องการความช่วยเหลือหนูเอก็จะพยายามช่วยในแบบที่หนูเอพอจะทำได้โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน (แม้มันจะพลาดไปบ้างเพราะความซุ่มซ่ามก็ตามที) สิ่งที่เธอเป็นอยู่จึงอาจจะเป็นเหตุผลให้หนูเอเป็นที่รักของผู้สูงวัยและสัตว์น้อยใหญ่รวมไปถึงเด็กตัวเล็กๆด้วย และแม้เจ้าตัวจะถูกบ่นหรือดูถูกแต่เธอไม่คิดที่จะถือโทษโกรธใครง่ายๆ เรียกว่าไม่เคยโกรธใครเลยจะดีกว่า จริงอยู่ที่หนูเอเป็นคนซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง การโดนกระทำร้ายๆใส่ก็ต้องทำให้เสียใจบ้างเป็นธรรมดาแต่หนูเอก็ไม่คิดที่จะเก็บสิ่งเหล่ามาเป็นอารมณ์ให้โกรธแค้น กลับกันแม้จะทำให้หน่วงๆในใจจนต้องร้องไห้ออกมาอยู่บ้างแต่หนูเอก็เลือกที่จะปล่อยทิ้งเรื่องราวเหล่านั้นไปแล้วนำถ้อยคำดูถูกหรือการกระทำด้านลบเหล่านั้นมาเป็นพลังและแรงผลักดันให้กับตัวเองแทน

               

    ประวัติ :

                ฮิซาชิ อาเคมิหรือที่คนในครอบครัวเรียกกันจนติดปากว่า หนูเอเด็กสาวเกิดในวันที่สี่ กรกฎาคม ราศีกรกฏ มีกรุ๊ปเลือด B และอาศัยอยู่ในบ้านหลังน้อยไม่ไกลจากโรงเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ ครอบครัวของหนูเอใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายอย่างคนญี่ปุ่นที่มีวิถีชีวิตเกือบจะเป็นญี่ปุ่นแท้ๆแบบโบราณ ทางบ้านของหนูเอมีฐานะปานกลางจากเงินเลี้ยงดูที่ยังได้รับอยู่เสมอในทุกๆเดือนจากอาชีพของผู้เป็นบิดา จากการทำงานเล็กๆน้อยๆเสริม อย่างการทำขนมหรือน้ำสมุนไพรของผู้เป็นมารดาและผู้เป็นยาย รวมถึงการใช้จ่ายและกินอยู่อย่างสมถะของทางครอบครัวเอง บ้านของหนูเอมีสมาชิกอยู่เพียงแค่สามคน คือคุณแม่ คุณยาย และตัวหนูเอเอง ส่วนคุณพ่อนั้นประกอบอาชีพเป็นนักโบราณคดี ซึ่งจากไปก่อนเวลาอันควรด้วยโรคร้ายหลังจากกลับมาจากการสำรวจโบราณสถานแห่งหนึ่งในต่างประเทศ แต่ถึงอย่างนั้นหนูเอกลับไม่ได้รู้สึกว่าการขาดพ่อมันเป็นปมด้อย ตอนที่เธอเสียคุณพ่อไปเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้จักคำว่าเสียใจเสียด้วยซ้ำ ยิ่งในตอนนี้เธอได้รับความรักจากผู้ปกครองทั้งสองอย่างเต็มเปี่ยมหนูเอก็มีความสุขมากเกินพอ


                ว่ากันตามตรงแล้วคุณแม่ของหนูเอถือว่าเป็นคนเข้มงวดในระดับหนึ่ง แม้จะประกอบอาชีพแม่บ้านไม่ได้ทำงานประจำเป็นกิจจะลักษณะแต่ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมคนหนึ่งต่างจากหนูเอโดยสิ้นเชิง นั่นทำให้บ่อยครั้งที่หนูเอมักจะถูกคุณแม่บ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้จะมีก็แต่คุณยายที่คอยตามใจและเอาใจหนูเอที่เป็นหลานสาวมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกคอยดูแลและปรามคุณแม่เวลาจะดุหนูเอ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้คุณแม่ก็เหมือนจะปลงได้กับลูกสาวตัวเองแล้วปล่อยเลยตามเลย.... อย่างน้อยลูกสาวของแม่ก็ยังเป็นเด็กดีของสังคมล่ะนะ


                ปัจจุบันหนูเอศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ และพยายามที่จะแบ่งเบางานของทางบ้านบ้างอย่างการช่วยทำขนม (ซึ่งไม่สำเร็จ) และการนำน้ำสมุนไพรและขนมกล่องไปส่งตามร้านหรือตามโรงแรมต่างๆเมื่อมีเวลาว่าง


                สังคมเพื่อน- หนูเอพอจะมีเพื่อนบ้างจากการขยันพูดคุยและสานสัมพันธ์ของตัวเอง แต่ก็ไม่มีเพื่อนที่สนิทมากขนาดนั้น ส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นเพื่อนที่รู้จักกันผ่านๆ พอจะคุยกันหรือทำงานร่วมกันได้มากกว่า บางคนหนูเอก็จำชื่อพวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำถ้าไม่ได้เจอกันบ่อยๆ อารมณ์ประมาณว่าถ้าบังเอิญเจอกันอย่างมากสุดก็คงทำแค่ยิ้มให้กัน ไม่มีเพื่อนสนิทที่สนิทมากพอจะเปิดเผยได้ทุกเรื่องขนาดนั้น ซึ่งหนูเอรู้ตัวว่ามันก็เพราะนิสัยของตัวเองด้วยส่วนหนึ่งนี่ล่ะ เพื่อนส่วนมากของหนูเอจึงมักจะเป็นสัตว์โลกน่ารักและผู้สูงวัยเป็นเพื่อนคุยมากกว่าเพื่อนในโรงเรียน


                การศึกษา- เป็นที่รู้กันดีว่าหนูเอนั้นคือตัวห่วยขั้นเทพประจำชั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เจ้าตัวจะมีผลการเรียนตกต่ำไม่ว่าจะเป็นวิชาไหนก็ตาม ยิ่งเป็นวิชาคำนวณด้วยแล้วเกรดของหนูเอมันก็น้อยเสียจนน่าใจหาย และชวนให้สงสัยอยู่ไม่น้อยว่าเจ้าตัวผ่านมาจนถึงขั้นนี้โดยไม่ซ้ำชั้นได้อย่างไร ผลการเรียนของหนูเอมักจะรั้งท้ายอันดับอยู่เสมอ สลับกันไปมาอยู่ระหว่างบ๊วยกับรองบ๊วยจนเป็นเรื่องชาชิน แถมยังต้องตามสอบซ่อมเป็นว่าเล่นจนตอนนี้คุ้นเคยกับอาจารย์ประจำวิชาไปแล้วล่ะ


                ความรัก- เนื่องด้วยหนูเอไม่คุ้นเคยกับความรักสักเท่าไหร่ทำให้ประสบการณ์ทางด้านความรักของหนูเอประมวลออกมาได้เป็นเลขศูนย์ตัวกลมๆ อารมณ์ปลาบปลื้มจนต้องแอบมองคนที่ชอบคืออะไร อาการใจสั่นเวลาที่ได้อยู่ใกล้เป็นแบบไหน เดทแรก แฟนคนแรก อะไรเป็นยังไงหนูเอไม่เคยรู้จักเลยแม้แต่นิดเดียว เรียกได้ว่าประสบการณ์วาบหวิวและใจเต้นตึกตักเป็นศูนย์ ส่วนหนึ่งก็เพราะทางบ้านยังไม่อยากให้หนูเอมีแฟนในตอนที่เป็นนักเรียนอยู่ด้วยนี่แหละ จึงคอยพร่ำสอนมาตลอดตั้งแต่ยังเป็นเด็กว่าถ้าคิดจะคบใครก็ให้ใจเย็นๆ ดูกันไปก่อน รอจนเรียนจบแล้วมีงานทำค่อยมาคบกันก็ยังไม่สาย

                *Ps. About Hasashi Family

    - คุณแม่ } ฮาซาชิ ซาจิโกะ (43 yrs. | ชื่อ-สกุลเดิม : คาวากุจิ ซาจิโกะ) ปัจจุบันเป็นแม่บ้านและทำขนมกับน้ำสมุนไพรส่งขายเป็นรายได้เสริม

    - คุณยาย } คาวากุจิ ฮิโตมิ (63 yrs.) ปัจจุบันคอยช่วยคุณแม่น้ำขนมและน้ำสมุนไพรส่งขาย บางวันถ้าไม่อยู่ที่บ้านก็สามารถพบตัวท่านได้ที่ศาลเจ้า

                   *Hisashi Akemi Side Story | Click

     

    ลักษณะการพูด :

                หนูเอเป็นเด็กสาวที่มีน้ำเสียงหวานติดไปทางเล็กเหมือนเด็กที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ดี นั่นจึงทำให้บ่อยครั้งที่เจ้าบ่นหรือโวยวายออกมามันก็ไม่ได้ดูน่ากลัวแต่ค่อนไปทางเสียงงุ้งงิ้งน่ารักแทน หนูเอมักจะเรียกแทนตัวเองว่า หนูเอเนื่องจากเป็นชื่อที่ครอบครัวเรียกและมักจะมีหางเสียงลงท้ายคำพูดอยู่เสมอหากพูดคุยกับคนที่มีอายุมากกว่า ส่วนคนอื่นนั้นหากเป็นเพื่อนจำชื่อได้ก็จะเรียกชื่อแล้วงลงท้ายด้วยคำว่า จังหรือ คุงแล้วแต่คนเพื่อความน่ารัก แต่ถ้าหากว่าคู่สนทนาอายุมากกว่าก็อาจจะเรียกว่าคุณแล้วตามด้วยนามสกุลแทนเพื่อไม่ให้ดูปีนเกลียวตามประสาเด็กที่เชื่อฟังคำสอนของคุณแม่และคุณยายมาเป็นอย่างดี ส่วนในกรณีที่เธอจำชื่อฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ก็จะเรียกนายบ้าง เธอบ้าง คุณบ้างแล้วแต่กรณีไป ส่วนผู้อาวุโสไปเลยก็เรียกวาคุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยายแบบปกติอย่างที่คนอื่นเขาเรียกกันนั่นแหละ


                เวลาพูดนั้นก็อาจจะมีบ้างที่หนูเอพูดจาวกวน สลับคำหรือพูดไม่รู้เรื่อง นั่นทำให้เจ้าตัวติดการทำไม้ทำมือประกอบเวลาที่ตัวเองพูดตามไปด้วย ซึ่งถ้าหากว่าหนูเอกำลังตื่นเต้นแล้วก็จะยิ่งพูดเสียงดัง มือไม้พันกันแถมยังรัวลิ้นจนพูดไม่รู้เรื่องหนักเข้าไปอีก ยิ่งเป็นอารมณ์บนใบหน้ายิ่งแล้วใหญ่เพราะสีหน้าของหนูเอมันก็เปลี่ยนไปตามคำพูดเหมือนกับเด็กตัวน้อยๆอย่างไรอย่างนั้น


    ตัวอย่างการพูดของหนูเอในสถานการณ์ต่างๆ


                อ๋า... สวัสดีค่ะคุณป้า วันนี้ก็แบ่งอาหารที่ทำมาให้อีกแล้วขอบคุณมากเลยนะคะเด็กสาวเจ้าของเส้นผมสีบ๊วยฉีกยิ้มหวานเหมือนอย่างเคย หนูเอจำชื่อเมนูได้แล้วนะคะ ยากิซาโบะ!! ถูกใช่มั้ยคะคุณป้า


                “เอ๋? ก็คุณแม่บอกว่าให้ใส่ผงซักฟอกตามปริมาณผ้านี่คะ หนูเอก็เลยใส่ตัวละช้อนนี่ไงคะ ใส่ผงซักฟอกตามปริมาณผ้าเป๊ะๆเลยมันก็ต้องถูกสิคะ


                คิ้วบางขมวดเข้าหากันน้อยๆยามจับจ้องไปยังหนังสือเล่มหนาในมือ อาเคมิเอียงคอไปด้านหนึ่ง ริมฝีปากสีอ่อนยู่เข้าหากัน ชีวิตที่ข่มขืน? คนสมัยนี้ทำไมถึงตั้งชื่อหนังสือแบบนี้ล่ะคะ ไม่จรรโลงสังคมเลยนะคะเนี่ย....พูดจบเจ้าตัวก็ได้รับคำอธิบาย ดวงตากลมหวานกะพริบปริบพร้อมกับเสียงหัวเราะแห้งๆที่ถูกเปล่งออกมา อ้าว... เขาอ่านว่าขมขื่นหรอกเหรอคะเนี่ย ไม่รู้มาก่อนเลยค่ะ แหะแหะ


                “อรุณสวัสดิ์ค่ะ!! ที่ดีขอให้เป็นวันนี้----- อ๊ะ! ขอให้ที่วันนี้ดี เอ๊ะ!? ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีค่ะ ฮือออออ หนูเอพูดผิดอีกแล้ว T^T”


                “ทะ ทำผิดอีกแล้ว นะ หนูเอโทษขอนะคะ หนูเอไม่ได้ใจตั้งจริงๆค่ะ เอ๋!!? หนูเอพูดผิดอีกแล้วเหรอคะ หนูเอขอโทษค่ะ หนูเอจะรีบแก้งานให้ทีทันเลยนะคะ!!”


                “คุณแม่ขา คุณยายขาหนูเอกลับมาแล้วค่ะ วันนี้หนูเอซื้อของตามที่สั่งมาให้เรียบร้อยเลยนะคะ!! มีซาลาเปา น้ำเต้าหู้ แล้วก็----- อันนี้อะไรน้า... หนูเอไม่เคยเห็นเลยค่ะเด็กสาวจ้องมองปาท่องโก๋ในถุงตาปริบๆก่อนจะเฉลยให้ตัวเองฟังด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ ปาท่องเก๋า!! มันคือปาท่องเก๋าค่ะคุณแม่!!”


                ใต้กรอบแว่นคือดวงตาสีอ่อนที่สั่นไหวน้อยๆ หากทว่าเจ้าของดวงตาปริ่มน้ำกลับเลือกที่จะกลืนก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ที่ลำคอลงไปแล้วคลี่ยิ้มเฝื่อนๆให้แทน นะ หนูเอไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ตะ แต่หนูเอไม่โกรธหรอกนะคะ นี่ไงๆ หนูเอสบายดีค่ะพูดจบเจ้าตัวก็ยกมือตบแก้มนุ่มนิ่มนั่นเบาๆ เห็นมั้ยคะหนูเอไม่ไรเป็นแล้วค่ะ! หนูเอไม่ได้ร้องนะคะ มันแค่มีน้ำไหลออกมาจากตาหนูเอเฉยๆแค่นั้นเองค่ะ แงงงงงงง


                “หนุ่มสาวสมัยนี้นี่พูดคุยกันแปลกๆนะคะ หนูงวยงงไปหมดเลย... เอ.... ปกติเขาพูดว่างวยงงหรือว่างงงวยเหรอคะ? หรือว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ; w ;”


                “อุ๊ยแม่หก ตกแม่ร่วง ถ่วงน้ำทิ้ง ปลาหมึกปิ้งลอยฟ้า!!! ฮือออออ อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ หนูเอตกใจหมดเลยค่ะ ตกใจจนตาตุ่มหลุด----- เอ๊ะ ปกติเขาพูดแบบนี้กันรึเปล่าคะ?”


                “เอ๋....? ซิคแพ็ค มันคืออะไรเหรอคะ?------ เอ๊ะ!! ทะ ทำไมให้หนูเอมองไปทางผู้ชายโป๊ๆคนนั้นล่ะคะ คนสมัยนี้เขาเปิดเผยกันขนาดนี้เลยเหรอคะเนี่ย!!?” เด็กสาวโวยวายเสียงดังด้วยความตกใจ สองแก้มสุกปลั่งเป็นสีแดงคล้ายมะเขือเทศสุกก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดตาเอาไว้ด้วยความกลัวสุดขีด ไม่เอานะคะหนูเอมองไม่ได้ค่ะ คุณแม่บอกว่าเราไม่ควรแอบดูคนอื่น มันไม่น่ารัก หนูเอไม่อยากเสียผู้เสียคนค่ะ!!”

    *อนึ่ง. ผู้ชายโป๊ๆที่หนูเอว่าก็แค่ถอดเสื้อเท่านั้นแหละค่ะ แต่เจ้าตัวไม่ค่อยชินเพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิงเท่านั้นเอง

     

    ชอบ :

                - ขนมและอาหารที่คุณแม่และคุณยายทำ } เพราะมันอร่อย (....) บวกกับคุณแม่กับคุณยายก็รู้ใจทำอาหารกับขนมที่ชอบให้กินเป็นประจำอยู่แล้ว ยิ่งเป็นช่วงอ่านหนังสือสอบก็แทบจะยกของว่างมาเติมพลังให้ทุกสิบห้านาทีเลยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ชอบ | ระดับความชอบ : ❤❤❤❤❤


                - สีอ่อนๆจำพวกสีพาสเทล } ตามประสาคนไม่ชอบอะไรที่มันหวือหวาหรือฉูดฉาดมากจนเกินไปนัก สำหรับหนูเอแล้วสีโทนอ่อนจำพวกพาสเทลทำให้เธอสบายตาและรู้สึกผ่อนคลาย ข้าวของเครื่องใช้ส่วนมากรวมถึงสีของห้องนอนจึงเป็นสีอ่อนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย | ระดับความชอบ : ❤❤❤❤


                - กลิ่นธรรมชาติจำพวกกลิ่นหญ้ากลิ่นดิน } ส่วนตัวแล้วหนูเอคิดว่ากลิ่นพวกนี้ทำให้รู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่งดี ไม่รู้สึกอึดอัด ยิ่งเป็นช่วงฝนตกใหม่ๆหนูเอก็ชอบที่จะกางแขนหลับตาพริ้มแล้วสูดลมหายใจให้เต็มปอด | ระดับความชอบ : ❤❤❤❤


                - ส้ม } อย่างแรกเลยคือกินแล้วสดชื่น บางลูกก็เปรี้ยวๆบางลูกก็หวานๆรู้สึกว่ามันอร่อยดี ถ้าอยู่บ้านไม่มีอะไรทำหนูเอก็นั่งกินส้มอยู่หน้าทีวีแบบเพลินๆ (เพลินจริง เพลินจนเปลือกส้มกองเป็นภูเขาเลย) นอกจากนี้ยังชอบผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับส้มด้วย เช่น น้ำส้ม นมรสส้ม แยมส้ม | ระดับความชอบ : ❤❤❤❤❤


                - การ์ตูน } ไม่มีอะไรที่ทำให้หนูเอสบายใจได้มากเท่าการนอนดูการ์ตูนแล้ว หนูเอชอบเพราะภาพมันสวย เนื้อเรื่องสนุกจนนับถือคนแต่งที่มีความคิดสร้างสรรค์ขนาดนี้ การ์ตูนเป็นอะไรที่หนูเอสามารถดูได้ทั้งวันถ้าหากไม่มีใครมาปรามให้ไปทำอย่างอื่น ดูจนเก็บไปฝันว่าตัวเองเป็นตัวละครในเรื่องเลยก็มี | ระดับความชอบ : ❤❤❤❤❤


                - การพูดคุย } หนูเอเป็นคนชอบทำความรู้จักกับสังคมใหม่ๆเลยไม่แปลกที่จะชอบการพูดคุยซึ่งเป็นพื้นฐานของการเข้าสังคมไปด้วย แต่บ่อยที่สุดเหมือนจะเป็นการคุยกับกลุ่มคนเฒ่าคนแก่เสียมากกว่าคนรุ่นเดียวกัน | ระดับความชอบ : ❤❤❤


                - สัตว์โลกน่ารัก } เพราะหนูเอสัมผัสได้ถึงความน่ารักของพวกมัน อารมณ์ประมาณว่าได้เห็น ได้เล่น ได้คุย(?)ก็สบายใจดี นั่นรวมไปถึงสัตว์ที่คนอื่นเขาไม่ค่อยจะเห็นความน่ารักของมันอย่างแมลงสาบ จิ้งจก หรือว่างูด้วยนะ | ระดับความชอบ : ❤❤❤❤❤


                - ทาโกะยากิ } เรียกได้ว่าเครียดเท่าไหร่ก็หายเครียดทันทีถ้ามีทาโกะยากิมาใส่ปาก หนูเอชอบกินทาโกะยากิมากเพราะว่ามันอร่อย แป้งร้อนๆควันฉุยเข้ากับปลาหมึกหนุบๆ ราดน้ำซอสเฉพาะของทาโกะยากิลงไปหน่อยแค่นั้นหนูเอก็มีความสุขแล้ว!! | ระดับความชอบ : ❤❤❤❤❤


              - ของน่ารักๆหรือของลายการ์ตูน } ตามประสาเด็กผู้หญิงที่ชอบของน่ารักๆนั่นแหละ หนูเอเองก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไปพอเห็นอะไรน่ารักๆเข้าหน่อยก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ ยิ่งพวกตุ๊กตาหรือหมอนนุ่มๆแล้วจะยิ่งชอบเป็นพิเศษนะ! | ระดับความชอบ : ❤❤❤❤

     

    ไม่ชอบ :

                - ช่วงเวลาที่ไปซื้อของแล้วของหมดต่อหน้าต่อตา } นี่มันเป็นเรื่องทำร้ายจิตใจระดับชาติสำหรับหนูเอเชียว เพราะไปทีไรก็ของที่เล็งไว้หมดก่อนตัวเองตลอด แม้จะพยายามทำใจให้ชินแต่ก็ดูเหมือนจะไม่สำเร็จสักที


                - ของขมๆ } เพราะว่าปกติแล้วหนูเอเป็นคนชอบของรสหวานไม่ก็รสเปรี้ยวเสียมากกว่า ของขมๆนี่อย่าเอามาให้เจ้าตัวกินเลยดีกว่า อย่างยาหรือน้ำขมๆอะไรเทือกนั้นแค่ได้กลิ่นหนูเอก็เบ้หน้าแล้ว


                - การแต่งกายที่ไม่เรียบร้อย } คนเราเกิดเป็นผู้หญิงต้องรักษาความเป็นสุภาพสตรีไว้สิ!! จะมาแต่งตัวน้อยชิ้น นุ่งสั้นโชว์หวิวมันไม่ได้! นั่นจึงทำให้หนูเอมักจะหน้าแดงด้วยความเขินอายแล้วหันหน้านี้ทุกครั้งเวลาเจออะไรแบบนี้ หันไปทางอื่นแล้วก็ลูบอกตัวเองหนึ่งทีพร้อมด้วยคำพูดประมาณว่า คนสมัยนี้ไม่ระวังตัวกันเลยนะคะ


                - ความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย } เห็นแบบนี้แต่หนูเอก็ไม่ชอบที่จะเห็นอะไรรกๆขัดหูขัดตาเหมือนกันนะเออ เพราะถูกที่บ้านสอนมาตั้งแต่เด็กๆว่าควรจะเก็บห้องเก็บข้าวของอะไรต่อมิอะไรให้เรียบร้อยจนเป็นนิสัย พอโตมาเลยไม่ชอบอะไรรกๆไม่เป็นระเบียบไปด้วย ถ้าเห็นแล้วหนูเอก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปจัดด้วยความปรารถนาดี แม้จะพลาดเพราะความโก๊ะกังของตัวเองจนล่มไม่เป็นท่าอยู่บ่อยครั้งก็เถอะ 

     

    กลัว :

                - คุณแม่ดุ } หนูเอก็ยังเป็นหนูเออยู่วันยังค่ำ เจอคุณแม่ดุมากๆก็ต้องหงอต้องกลัวเป็นธรรมดา อารมณ์ประมาณว่าเธอก็ไม่ได้อยากจะให้มันเป็นแบบนี้เสียหน่อย ไม่เห็นต้องดุกันเลยนี่นา ยิ่งคุณแม่ตอนดุน่ากลัวด้วยแล้วหนูเอเลยกลัวเข้าไปใหญ่เลย  


                - ที่มืด } หนูเอกลัวที่จะต้องมองอะไรไม่เห็นเพราะปกติแค่เวลาถอดแว่นมันก็เบลอจนมองอะไรไม่เห็นอยู่แล้ว พอมาเป็นที่มืดๆมันก็ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกและรู้สึกอึดอัดจนอยากจะร้องไห้เชียวล่ะ 


                - การเอาอะไรใส่เข้าไปในตา } หนูเอเป็นคนที่อ่อนไหวเรื่องเกี่ยวกับตาเอามากๆ เพราะแค่สายตาสั้นนี่มันก็ทรมานเวลาถอดแว่นมากพออยู่แล้ว ดังนั้นอย่าให้เอาอะไรจำพวกคอนแทคเลนส์ใส่เข้าไปในตาเลยเพราะเจ้าตัวกลัวมากจริงๆนะ ขนาดอยู่ในน้ำหนูเอยังไม่กล้าลืมตาเลย 

     

    ความสามารถพิเศษ :

    - การพูดคุยเจรจากับผู้ที่อาวุโสกว่า } อาจเพราะความเคยชินที่คุยกับคนอายุประมาณนั้นเป็นประจำก็ได้ ทำให้หนูเอสามารถพูดคุยกับพวกเขาได้อย่างไม่ขัดเขินและเป็นธรรมชาติ ดังนั้นหากจะส่งใครไปเป็นทัพหน้าคุยกับผู้ใหญ่ก็ต้องเป็นหนูเอนี่แหละ (นอกเหนือจากการคุยกันแล้วหนูเอสามารถต่อราคาได้ด้วยนะเออ คะแนนความเอ็นดูของพ่อค้าแม่ขายที่มีให้เด็กคนนี้สูงปรี๊ดติดเพดานเชียวล่ะ)


    - การปฐมพยาบาล } ให้เรียกว่าเป็นความเคยชินจะถูกต้องมากกว่า เพราะหนูเอเป็นพวกสะดุดนั่นสะดุดนี่แถมยังหกล้มอยู่ก็บ่อยครั้ง ในบางเวลาที่คนที่บ้านไม่ว่างเจ้าตัวก็ต้องลงมือทำแผลด้วยตัวเองนี่แหละ ในตอนแรกก็เละไม่เป็นท่าสมฉายาจอมห่วยแต่ก็อาศัยทำไปเรื่อยๆจนพอจะจับทางได้ว่าต้องทำยังไงบ้าง


    - ความจืดจางเชยเฉิ่มที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะไปเดินกับใครคนๆนั้นก็จะดูดีขึ้นมาทันตา } เราควรเรียกมันว่าเป็นความสามารถพิเศษรึเปล่านะ (....)

     

    งานอดิเรก : คุยกับพวกผู้ใหญ่แถวๆบ้าน | นั่งหน้าทีวีดูการ์ตูนไปด้วยกินส้มไปด้วย | กินขนมที่คุณแม่กับคุณยายทำ | เล่นกับหมาแมวละแวกบ้าน

     

    เพิ่มเติม :

                   - เมื่อพูดถึงลักษณะการแต่งตัวของหนูเอแล้วหลายคนอาจจะต้องส่ายหัว เพราะสไตล์ของหนูเอจัดอยู่ในระดับที่จืดชืดประมาณหนึ่ง เพราะคุณแม่กับคุณยายค่อนข้างจะหัวโบราณไม่อยากให้รักสวยรักงามด้วยประการหนึ่ง ดังนั้นนอกจากชัดนักเรียนแบบถูกระเบียบเป๊ะๆที่ใส่อยู่เป็นประจำแล้ว เสื้อผ้าทั่วไปของหนูเอจึงเป็นพวกเสื้อแบบเรียบๆจำพวกเสื้อยืด เสื้อแขนยาวสีพื้นไม่มีลวดลายกับกระโปรงยาวคลุมเข่าไม่ก็กางเกงขายาวสีเข้มเสียมากกว่า ส่วนรองเท้าก็มักจะใส่รองเท้าคัทชูแบบสุภาพเวลาจะออกไปไหนมาไหนที่ไม่ใช่โรงเรียน


                ส่วนเรื่องเครื่องประดับนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะหนูเอไม่มีติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว จะมีบ้างก็เป็นพวกกิ๊บตัวเล็กๆไม่ก็ก็กิ๊บดำเอาไว้เก็บปอยผมไม่ให้มาเกะกะเสียมากกว่า ที่สำคัญคือหนูไม่ค่อยชอบพวกกำไลหรือนาฬิกาข้อมือเพราะใส่แล้วรู้สึกว่ามันเกะกะไม่ค่อยสบายแขนสักเท่าไหร่


                   - อาการเบื้องต้นเมื่อหนูเอเกิดแพ้แชมพูสระผม : หนูเอไม่ได้แพ้รุนแรงจนหนังศีรษะลอกหรือผมร่วง แต่จะมีผดผื่นขึ้นบริเวณลำคอกับสิวผดขึ้นบ้างตามหน้าผาก ไรผม และขากรรไกร


                   - ติดจะเป็นคนขี้หนาวอยู่หน่อยๆ มักจะติดผ้าคลุมไหล่เอาไว้ในกระเป๋าอยู่เสมอ


                - หนูเอใส่แว่นเนื่องจากอาการสายตาสั้น ค่าสายตาของหนูเออยู่ที่ประมาณห้าร้อยกว่าๆจนเกือบจะแตะหกร้อย ดังนั้นถ้าหากถอดแว่นแล้วหนูเอจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย (หนูเอไม่ใส่คอนแทคเลนส์เพราะกลัวที่จะต้องเอาอะไรมาใส่ตา จะทำเลสิคก็ไม่กล้าเลยต้องใส่แว่นมาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นด้วยประการฉะนี้)


                 - เวลาที่ไม่สบายใจหนูเอจะชอบไปศาลเจ้า ไปขอพร ไปนั่งรับลมเงียบๆหรือไปให้อาหารนกแก้เบื่อก็ว่ากันไป สาเหตุคงเพราะตามคุณแม่คุณยายไปศาลเจ้าตั้งแต่เด็กๆเลยรู้สึกสงบและสบายใจเวลามาที่นี่


                 - จริงๆแล้วหนูเอลายมือสวยนะ ลายมือน่ารักๆเหมือนกับพวกฟอนต์ตัวการ์ตูนในคอมพิวเตอร์เลย เขียนตรงบรรทัดเป๊ะๆ ไม่เอียงขึ้นสวรรค์หรือโค้งหักลงนรก ไม่โย้เย้อ่านยากแถมยังเว้นช่องไฟสม่ำเสมอจนดูน่ามองอีกต่างหาก ฟังดูแล้วก็เหมาะที่จะเป็นต้นฉบับการบ้านแต่ทว่าเจ้าตัวดันเขียนไม่รู้เรื่องนี่สิ (.....)


                 - Character Voice : https://www.youtube.com/watch?v=9LshbS4H8A0


     

    with character

      


    - สวัสดีค่า ชื่ออะไรกันบ้างคะ?

    - “สวัสดีค่ะ หนูเอชื่อฮาซาชิ อาเคมิค่ะเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสั้นค้อมตัวลงพอเป็นพิธีเพื่อเป็นการทักทายตามมารยาท ยินดีที่รู้จักได้---- เอ๊ะ!? เอ่อ... ปกติเขาพูดว่ายินดีที่ได้รู้จักใช่มั้ยคะ? แหะแหะ

     

    - เชื่อในแวมไพร์หรือเปล่าเอ่ย?

    - ดวงตาคู่โตภายใต้แว่นกรอบกลมนั้นกะพริบปริบ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจนัก เอ่อ... แวมไพร์นี่คือผีดูดเลือดในทีวีที่หนูเอเคยดูใช่มั้ยคะ? ถ้าถามว่าเชื่อรึเปล่าหนูเอก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่เคยลองถามคุณแม่กับคุณยายแล้วพวกท่านบอกว่าแวมไพร์ไม่มีจริงค่ะ

     

    - ถ้าเกิดว่าต้องรักกับแวมไพร์รู้ใช่มั้ยคะว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคหลายอย่างเลย

    - “ตะ ตอนนี้หนูเอยังมีความรักไม่ได้หรอกค่ะ คุณแม่บอกว่าต้องรอให้เรียนจบแล้วมีงานทำก่อนถึงจะรักกันได้คนที่เรียกตัวเองว่าหนูเอนั้นพูดพลางก็จิ้มนิ้วชี้ของตัวเองไปพลาง หนูเอโทษขอที่ต้องถามแบบนี้นะคะ แต่ว่าถ้ารักกับแวมไพร์แล้วหนูเอจะโดนกัดคอเหมือนในหนังรึเปล่าคะ?”

     

    - ขอบคุณที่มาคุยกันนะคะ ไว้เจอกันค่า

    - “เอ๋ ไปแล้วเหรอคะ วะ ไว้เจอกันค่ะ!!”


     

    with mommy/daddy

      


    - สวัสดีค่ะ คุณผปค.ชื่ออะไรหรือคะ?

    - สวัสดีค่า ////-//// ผู้ปกครองน้องอาเคมิชื่อเชอร์ล็อคค่ะ เชอร์คนดีคนเดิมเพิ่มเติมคืองานดองนั่นเอง ผ่ามผ้าม----- /โดนตี

     

    - คิดว่าลูกสาวเรามีดีตรงไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ?

    - ก็คงจะเป็นความซื่อของน้องนี่ล่ะค่ะ ความซื่อที่มาเป็นจังหวะซิทคอม(?) กับความร่าเริงแจ่มใสเป็นที่รักของผู้ใหญ่และสัตว์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ฮาาาาาา

     

    - ริคัดไม่โหดจริงๆค่ะ แต่ถ้าไม่ติดจะรับกลับมั้ยเอ่ย

    - คงต้องขออนุญาตรับกลับนะคะ ; w ;

     

    - ขอบคุณสำหรับลูกสาวนะคะ รอประกาศผลน้า

    - ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้เช่นกันค่ะ ขอความกรุณาด้วยนะคะ! /โค้ง




    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×