ทางเลือก INTERSECTION - ทางเลือก INTERSECTION นิยาย ทางเลือก INTERSECTION : Dek-D.com - Writer

    ทางเลือก INTERSECTION

    เรื่องรักที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    186

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    186

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 พ.ย. 50 / 10:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ทางเลือก  the  intersection

      “อ่านอะไรอยู่หรือ” ผมเหลือบตามองข้ามบ่า  ไอ้เต่า เพื่อนซี้  ดูว่ามันกำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่  ถึงได้หัวเราะเสียงดัง  เหมือนถูกอกถูกใจอะไรบางอย่าง

      ผมทำงาน  เป็นวิศวกร ควบคุมเครื่องกลอยู่ที่เขื่อน ทองผาภูมิ  จ. กาญจนบุรี  ชีวิตที่นี่ก็มีความสุข สบายดี  แม้ว่าหน้าฝน  ฝนจะตกมากไปหน่อย  หน้าหนาวจะเย็นกว่าชาวบ้านเขาไปนิด  เมื่อแรกมาอยู่ ก็จะรูสึกเหงาด้วยระยะทางแสนไกล  แต่ผมมีเพื่อนสนิทที่แสนรักทำให้ที่เล็กๆแห่งนี้  อบอุ่นเหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2

      ผมเป็นคนไม่กินเหล้า  ไม่สูบบุหรี่  ผู้หญิงไม่ยุ่ง  แต่เมื่อมาอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ ก็เนียนเข้ากลุ่มไปกับพรรคพวกได้โดยไม่เคอะเขิน

      รูปร่างหน้าตาก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร  จัดได้ว่าหล่อจัดเลยทีเดียว   เคยเป็นพระเอกละครของมหาวิทยาลัย   สาวๆแวะเวียนมาชอบมากมาย  แต่ทุกคนต่างก็ผิดหวัง  เมื่อสิ่งที่ผมมี  ให้มีเพียงความว่างเปล่า 

      ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเอง ถึงมีปฏิกิริยากับการที่จะก้าวผ่านเส้นบางๆ ที่เรียกว่า ความรัก  เรียกว่าพอรู้ตัวว่า ถึงจุดนี้ทีไรแล้ว  ผมก็จะหยุดเดินเหมือนจะรอใครสักคนที่จะไปร่วมกันในหนทางเบื้องหน้าทุกครั้ง  และมันกลายเป็นความ   ว่างเปล่าชินชาหัวใจ   จนคนที่ยั่วเย้าเชื้อเชิญทุกๆคน  ต่างถอยหนีกลับไปอย่างผิดหวัง

      “พวกสาวๆ เขาเบื่อแกกันหมดแล้ว” ไอ้เต่า เพื่อนผมมันกระแทกแดกดัน “น้องเปิ้ลเขาอุตส่าห์มานั่งข้างๆแก แต่แกดันมานั่งกอดฉัน ทั้งคืน  ปล่อยให้เขานั่งหวอ ค้างอยู่ทั้งคืน”

      “ก็ฉันรักแกมากกว่าน้องเปิ้ลนี่หว่า” ผมพูดเล่น
      “ถ้าฉันไม่รู้จักแกมาตั้งแต่เรียนหนังสือกันมา  ฉันว่าแกเป็นชะนีแน่” ไอ้เต่าเอ่ยงับเขาเบาๆ
      “ชะนีน่ะมันผู้หญิง  อย่างผู้ชายนี่เขาเรียกอีแอบ” ผมชม้อยตามองไอ้เต่า
      “ชะนี” ไอ้เต่ายืนยัน
      “อีแอบ  ไม่ใช่แกมาเตะเลย”  ผมพูดเสียงดังลั่นจนคนในออฟฟิศ มองทำหน้าแป๋วแหวว

      ผมกับไอ้เต่า  เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ อยู่มัธยมต้น  เมื่อเรียนจบเราต่างกอดคอกันเข้าเรียน คณะวิศวกรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัยเดียวกัน  และเมื่อเรียนจบ  เราก็ทำงานที่เดียวกันอีก

      ผมคว้า หนังสือในมือไอ้เต่า มาดู
      “เฮ้ย   เดี๋ยวนี้อ่าน  คู่สม คู่สร้างด้วย”  ผมแปลกใจ เดี๋ยวนี้มันทำตัวพิลึก สงสัยธาตุไฟจะแตก
      “อะไรไหน........หนุ่มจีบสาว  สาวจีบหนุ่ม”  ผมอ่านหัวคอลัมน์ ยานคาง
      “เดี๋ยวนี้  กุ๊กกิ๊ก.....นะ  ถ้าจะมีเมียแกมาขออนุญาตก่อนนะโว้ย”

      “แกนั่นแหละที่ต้องมาขออนุญาตฉันก่อน” ไอ้เต่า พูดสวนพลางยื่นหนังสือเล่นนั้นมา  ตบไหล่ผม ป้าบ......ป้าบ

      ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะจุกแสนจุก  ส่วนไอ้เต่า  หัวเราะเหมือนคนบ้า  เดินออกจากออฟฟิศ  ไล่เตะเด็กที่มาเล่นซนอยู่แถวนั้น  ขึ้นรถตู้มุ่งหน้าไปที่โรงจักรที่อยู่ห่างออกไปใต้สันเขื่อน

      เย็นวันนั้น  ผมนอนเล่นอยู่บนเปลญวน  หน้าบ้านพัก  รอเพื่อนซี้อีกคนกลับจากทำงาน  ผมหยิบหนังสือ  คู่สมคู่สร้าง  กางออกอ่าน พลางนึกขำไอ้เต่า


      สวัสดีค่ะ  อาคำรณ  ดิฉันชื่อบีค่ะ  อายุย่างเบญจเพส  ดิฉันเป็นคนรูปร่างสูงค่ะ  เสียงออกจะห้าว  พูดจาโผงผาง  จนเพื่อนๆ นึกว่าเป็นทอม  ดิฉันมีเพื่อนชายที่สนิทมากชื่อเอค่ะ  เราเรียนหนังสือด้วยกัน ตั้งแต่มัธยมต้น  จนจบ มหาวิทยาลัย  แถมมาทำงานที่เดียวกันอีกค่ะ

      ในตอนแรกที่เจอกับเอ  เขาไม่ค่อยชอบจะมาสุงสิงกับพวกผู้หญิงมากนัก  จนวันหนึ่ง  เหมือนกับเอรวบรวม  ความกล้าเข้ามาคุยกับดิฉัน  เรื่องที่เขามีปัญหาในการคบกับผู้หญิง  โดยเขาบอกดิฉันว่า  เขาเห็นดิฉันเหมือน  เพื่อนผู้ชายด้วยกัน  เขาจึงกล้ามาคุยด้วย

      นึกๆ ก็ขำดีนะคะ  กว่าเราจะได้คุยกันก็เดินมองกันไปมองกันมาเป็นปี  แรกๆเขาก็เปิดตัวคุยกับดิฉันเรื่องผีๆ  ซึ่งดิฉันก็มีนิสัยที่ว่า  คุยกันได้ทุกเรื่อง  แต่ก็นึกขำๆว่าตานี่มาแปลกๆ

      ดิฉันนึกชอบเอตั้งแต่แรกเห็นแล้วค่ะ  เขาเป็นคนที่หล่อมาก  เป็นนักกีฬา ของทีมฟุตบอลโรงเรียนด้วยค่ะ

      วันเวลาผ่านไป  เราสนิทสนมกันจนออกไปเที่ยวเล่น   กินลม  ดูหนัง  แถวสยาม  ถิ่นที่อยู่ใกล้โรงเรียน  แต่ดิฉันจะพาเพื่อนสนิทไปอีกคน   โดยหวังจะให้เอมีเพื่อนหญิงบ้าง 
      ดิฉันหวังว่าจะให้เอก้าวพ้นความกลัว  ที่ฝังใจเขา  เรื่องผู้หญิง  แต่คนแล้วคนเล่าที่ดิฉันพามาเป็นเพื่อน  เอก็คบกับพวกเธอ  แค่ประเดี๋ยวประด๋าว  แล้วเขาก็ไม่ได้ติดต่ออะไรเป็นจริงเป็นจัง

      จนเราเข้ามหาวิทยาลัย   โดยจะตั้งใจหรืออย่างไรไม่ทราบ    เราก็มาเรียน  อยู่ที่เดียวกันอีก   ช่วงปี 1  เราห่างกันไปเพราะ  อยู่คนละคณะ  แต่ก็ได้ข่าวว่า  เอไปเป็นพระเอกละครของมหาวิทยาลัย   แถมควงสาวสวยดาวของคณะอักษรเป็นแฟน  บางที  เอก็มาหาดิฉันที่คณะ พร้อมแฟนสาวของเขา      บางทีเขาอาจเปลี่ยนไป  ดิฉันดีใจที่เขาก้าวพ้นความกลัว  ที่เขาเคยเล่ามาได้แล้ว

      ความกลัวผู้หญิงของเอ  เกิดจากสมัยเขาอายุ  10 กว่าขวบ  เขาเคยเข้าไปติดในลิฟต์  ในโรงเรียนหญิงล้วนที่พี่สาวของเขาเรียนอยู่    เขาเล่าว่า    เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในลิฟต์  ที่ค้างอยู่  มีแต่ผู้หญิงทั้งครูทั้งนักเรียนกว่า 20 คน  อัดกัน   ร้อนอบอ้าว  นานกว่าครึ่งชั่วโมง  กว่าจะมีคนมาช่วย 
      เอเล่าว่า  ในลิฟต์เขาได้กลิ่นเหงื่อไคล  ของผู้ร่วม  ชะตากรรมที่โชยไปมา  เขารู้สึกเหม็นวิงเวียน เ ป็นกลิ่นที่เขา  จดจำได้ชั่วชีวิต  เอบอกว่าเหมือน  กลิ่นเวลาเราเดินผ่าน  โรงเก็บศพ ในโรงพยาบาล  แต่ฉุนและแรงกว่า  ตั้งแต่นั้นมา  เขาก็เป็นโรคกลัวผู้หญิงจนไม่กล้าเข้าใกล้

      แต่ตอนนั้น  ตอนที่เอ  อยู่มหาวิทยาลัย ดูเหมือนพลัง ฮอร์โมน  ของเอจะชนะความกลัวทั้งหมดได้
      ใจของดิฉันถึงแม้จะยินดี  กับเขา  แต่จริงๆแล้ว  ตัวเองกลับรู้สึกเวทนาตัวเอง  เป็นยังไงล่ะ  ทำตัวเป็นสะพาน  แต่กลับมาหลงรักเขาจนถลำตัว  ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วค่ะ

      จนมาปีสอง  เอก็มาขลุกอยู่กับดิฉัน  ซึ่งก็แปลกใจว่าทำไม  เขาก็บอกว่าอยู่กับดิฉันแล้วสบายใจดี  โดยส่วนใหญ่เขาจะมานั่งหลับในช่วงเย็นหน้าคณะของดิฉัน   เหมือนกับมา รอดิฉันเลิกเรียนจะได้กลับบ้านด้วยกัน

      ดิฉันถามเขาว่า  เลิกกลัวผู้หญิงหรือยัง  เขาก็บอกว่าเลิกกลัวตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งแล้ว
      ดิฉันถามว่าทำไม  ยังไม่มีแฟนอีก  เอก็บอกดิฉันว่า  ยังไม่เห็นมีใครถูกใจเขาเลย  ดิฉันก็เลยเล่นบท สะพานอีก หลายครั้ง  แต่เอก็คบกันเพียงชั่วเวลาสั้นๆ  หลังจากนั้นเขาก็จะมาขลุกกับดิฉันเหมือนเดิม

      แต่กับดิฉันเอก็ไม่ได้แสดงอะไรว่าอยากจะเป็นแฟน ดิฉัน    ซึ่งตัวเองก็อยากจะให้เขารักและแสดงความรักบ้าง  ดิฉันหวังว่าสักวัน  เอจะหันหน้ามามองดิฉันอย่างจริงจังแล้วบอกว่ารักดิฉันบ้าง

      ตั้งแต่รู้จักกับเอมาก็ไม่เคยจะสนใจใครอีกเลย  ในใจคิดถึงแต่เขาทุกๆ  ลมหายใจ  ถึงแม้จะไม่มีรักที่หวังจะได้จากเขากลับมาบ้างก็ตาม

      ทุกวันนี้  ดิฉันก็ยังอยู่ใกล้ๆกับเขา  ทำงานที่เดียวกัน  เหมือนกับเป็นเงาของเขา  และเอก็ยังคบกับดิฉันเหมือนเป็นเพื่อนที่รักของเขาอย่างซื่อตรงและสม่ำเสมอ   เขาไม่เคยก้าวข้ามเส้นขีดคั่นของความเป็นเพื่อน  ไม่เคยได้ยินเสียง หัวใจ ของดิฉันที่ร่ำร้องเพรียกหาเขาอยู่  ตลอดเวลา

      ถ้ามีสักวัน  เอจะหันมามองฉัน(สะพาน)  ที่เอยืนอยู่  โปรดจงรับรู้ว่า  บีรักเอค่ะ

      ผม ....อ่านจบอย่าง  งงๆ  ไอ้เต่ามันขำอะไรของมันวะ
      ผม  อ่านนามปากกา        สาวชาวเขื่อน

      สาวแว่นหน้าใส  รูปร่างสูงโปร่ง  ก้าวอย่างเงียบเชียบ  มายืนเบื้องหลังโดยที่เขาไม่รู้ตัว
      “อ่าน  อะไรกันจ๊ะเพลินเชียว” เสียงแหบๆของเธอ  ทักเขาก่อนอย่างสนิทสนม
      “ไงจ๊ะเอ  มารอกินข้าวหรอ  เดี๋ยวเดียวนะเดี๋ยวบีไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”  บีเพื่อนซี้อีกคนอยู่บ้านพักหลังติดกับผมกล่าวทัก

      ผมสะดุ้งโหยง   ความโง่  ดักดานของตัวเองทะลุเป็นช่องกว้าง  เส้นขีดกั้นระหว่าง  ผมและเธอพังทลายลงต่อหน้า  ผมยื่นหนังสือเล่มนั้นให้เธอทำหน้าเหมือนจับผิดเธอได้
      นัยน์ตาของบีมองตาผม  อย่างอ่อนโยนน้ำตาไหลพรากด้วยความปิติ  เธอส่ายหน้าเหมือนกับพบบางอย่างที่หายไป 
      ผมรวบร่างอันสั่นสะท้านแนบกับอก  เธอทุบแผ่นหลังผมเบาๆ  เหมือนจะทำโทษที่ปล่อยให้ต้องรอ.....

      ในใจผมนึกโมโห  ไอ้เต่าป่านนี้มันคงจะรู้เรื่องกลิ่นนรกในลิฟต์แน่ๆ  มันถึงได้หัวเราะจนเป็นบ้า

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×