ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { fic } Call it MAGIC | Kaido #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค

    ลำดับตอนที่ #9 : ( special part ) merry christmas

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.35K
      53
      1 ก.พ. 58


     
    ( special part ) merry christmas
    เรื่องราวในพาร์ทนี้ เกิดก่อนทามไลน์ปัจจุบันหนึ่งปีนะคะ








     





     



     


     


     

     

     



     

    จะว่าไป ปีนี้เป็นปีแรกที่จงอินลงชื่ออยู่ที่ฮอกวอตส์ในช่วงคริสมาสต์ สาเหตุที่ทำให้เขาอยู่ที่นี่ไม่มีอะไรมาก ที่บ้านของเขากำลังปิดปรับปรุงเพื่อทำเป็นร้านกาแฟ พ่อแม่ของเขาก็เลยให้เขาอยู่ที่ฮอกวอตส์เพื่อตัดปัญหาเรื่องที่พัก ชานยอลเองก็ลงชื่ออยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน


     

     

    ห้องโถงใหญ่เหลือคนอยู่ไม่ถึงห้าสิบคน แท่งน้ำแข็งแกะสลักถูกประดับไว้รอบๆห้อง ต้นสนสิบสองต้นเองก็มีอะไรวิบวับประดับไว้ทั่ว จงอินเหลือบมองท้องฟ้าที่ไร้เมฆ และหันมาสนใจมื้อเช้าวันคริสมาสต์ตรงหน้าต่อ


     

     

    “จงอิน นายได้อะไรเป็นของขวัญวันคริสต์มาสน่ะ” ชานยอลที่กำลังเคี้ยวขนมจากโลกมักเกิ้ลหันไปชวนเพื่อนที่กำลังตักพุดดิ้งคริสมาสต์ใส่ปาก“ฉันได้แค่ขนมไม่กี่อย่างเอง เป็นงี้ทุกทีเวลาให้พี่ยูราส่งของมาให้ ผู้หญิงอะไรขี้งกชะมัด”

     

     

    ชานยอลนินทาพี่สาวตัวเองไฟแลบ มองกองขนมกองใหญ่ที่เจ้าตัวพาดหัวไว้ว่าไม่กี่อย่างจากโลกมักเกิ้ลด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด แต่ถึงอย่างนั้นปากก็ยังเคี้ยวขนมที่พี่สาวซื้อมาให้ไม่หยุด ตอนที่เขาเปิดห่อของขวัญเมื่อเช้านี่ถึงกับเซ็ง


     

     

    “ขนมมักเกิ้ลนี่แปลกจังเลยนะ ทำถุงซะใหญ่แต่อัดอากาศไปตั้งครึ่ง” แบคฮยอนพลิกถุงมันฝรั่งทอดกรอบในมือตัวเองไปมา ในปากก็มีขนมที่จิ๊กชานยอลมากินเช่นกัน“แบบนี้ไปฮันนี่ดุกส์ยังรู้สึกคุ้มค่ากว่า”

     

     

    “ก็เหมือนเดิม หนังสือกีฬา รูปนกฮูกที่บ้าน แล้วก็โปสการ์ดนิดหน่อย” จงอินพูดถึงของขวัญวันคริสต์มาสที่ดูเหมือนจะน่าตื่นเต้นน้อยลงทุกปีที่เขาโตขึ้น แต่ของขวัญที่ได้ก็ไม่ได้ทำให้จงอินรู้สึกแย่แต่อย่างใด เด็กนักเรียนโรงเรียนประจำอย่างเขาจะต้องการอะไรไปมากกว่าข่าวสารจากทางบ้านกันล่ะ


     

    “ฉันโคตรอยากได้อะไรเจ๋งๆ อย่างพวกหนังสือกีฬาไรงี้บ้าง แต่ในสายตาพี่ยูราฉันมันก็แค่พ่อมดที่เห็นแก่กินเท่านั้นแหละ”  พ่อมดเห็นแก่กินที่ว่าแกะขนมถุงที่สองพร้อมกับหยิบหนังสือกีฬาของจงอินที่เจ้าตัวพกติดตัวมาอ่านที่ห้องโถงขึ้นมาดู ความจริงคำประกาศิตของพี่สาวนั้นเป็นสิ่งที่ตรึงใจชานยอลมานานพอควร ย้อนความไปเมื่อสมัยที่เจ้าตัวอยู่ปี2 เด็กหูกางบ้านกริฟฟินดอร์ที่ได้รับแต่จดหมายกับของใช้เล็กๆน้อยๆจากทางบ้านมาตลอดได้ทำการปฏิวัติตัวเองขึ้นโดยการส่งจดหมายกลับไปหาแม่กับพี่สาวว่าอยากได้ขนมจากโลกมักเกิ้ลบ้าง นั่นทำให้หลังจากนั้นไม่กี่วันพี่ยูราก็ส่งขนมมาจนนกฮูกที่รับหน้าที่ส่งของแทบบินไม่ขึ้น พร้อมกับจดหมายที่เขียนข้อความมาสั้นๆว่า

     

     

    พ่อมดเห็นแก่กิน!


     

     

    และนี่คือสิ่งที่ติดอยู่ในใจของชานยอลตลอดหลายปีมานี้


     

     

    “ได้ข่าวว่าส่งจดหมายหาพี่สาวทีไรก็เรื่องของกิน พอเขาส่งมาให้นี่ก็มาบ่นอีก” ซูจองที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตอยู่เอ่ยขึ้นบ้างพลาง เธอพับมันอย่างลวกๆเมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ววางไว้ข้างตัว ชานยอลได้แต่แลบลิ้นใส่อีกฝ่ายเพราะรู้ว่ายังไงเขาก็เถียงซูจองไม่ชนะอยู่ดี พ่อมดเห็นแก่กินหันกลับไปสนใจนิตรสารฟุตบอลในมือ พลางชี้ชวนให้แบคฮยอนอัพเดทข่าวคราววงการลูกหนังไปเรื่อย และแน่นอนว่าพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ก็ได้แต่เอออออย่างงๆ


     

     

    แบคฮยอนก็ไม่เคยเข้าใจเลยซักนิดว่าการเล่นกีฬาที่มีลูกบอลใบเดียว วิ่งไล่กันทั้งสนามมันสนุกกว่าควิดดิชตรงไหน





     

    คิมจงอินนักเรียนปี4 บ้านกริฟฟินดอร์ละสายตาจากความวุ่นวายตรงหน้า คริสต์มาสของเขานั้นเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ เพราะที่บ้านปรับปรุงใหม่ จากที่ได้กลับโลกมักเกิ้ลทุกปีในช่วงวันหยุดยาวนี้ คิมจงอินกลับต้องติดแหง่กอยู่ที่ฮอกวอตส์ โรงเรียนประจำที่ไม่มีเพลย์สเตชั่น ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีทีวี แม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเล็กๆอย่างโคมไฟก็ใช้กับที่นี่ไม่ได้




     

    แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่พี่สาวเขายังส่งของขวัญวันคริสต์มาสมาให้อย่างเคย นิตรสารฟุตบอลคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคริสต์มาสที่น่าเบื่อนี้ บางทีจงอินก็อยาจะอ้อนวอนให้ฮอกวอตส์ปรับปรุงเรื่องคลื่นรบกวนจากเวทมนตร์ในอากาศเสียที เครื่องมืออิเล็กทรอนิคส์ไม่เคยใช้ได้เลยในฮอกวอตส์ และนั่นก็ทำให้เด็กๆที่มาจากโลกมักเกิ้ลต่างบ่นกันระนาว


     

     

    มื้อเช้าวันคริสมาสต์จบไปพร้อมกับอาการอิ่มจนท้องแทบแตก จงอินลากตัวเองกลับไปยังห้องนั่งเล่นรวมแสนสบาย นอนผิงไฟข้างเตาผิง มองชานยอลนั่งลูบแมวตัวเองไปเรื่อย แบคฮยอนเองก็ขนหมากรุกพ่อมดขึ้นมาเล่นกับซูจอง และจงอินก็ไม่มีอะไรทำ นอกจากงีบหลับยามเช้า


     

     

    งีบไปได้ยี่สิบนาที จงอินก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังทำอะไรไร้สาระอยู่ แต่สาบานได้ ต่อให้เขาใช้วันหยุดคริสต์มาสที่โลกมักเกิ้ล คิมจงอินก็จะดูบอล นอน เล่นเกม ทำสามสิ่งนี้สลับกันไปมานี่แหล่ะ


     

     

    “เบื่อว่ะ”เขาแทรกบทสนทนาของเพื่อนร่วมชั้นปีขึ้นมา จงอินอ้าปากหาวและบิดขี้เกียจ สภาพหลังตื่นเขายังยับยู่ยี่เหมือนเคย”ไปข้างนอกเหอะ หนาวก็ช่างมัน อยู่ในนี้แล้วม่ได้ทำอะไรนอกจากนอน”


     

     

    “แต่มันหนาวอ่ะ”ชานยอลประท้วง


     

     

    “น่า ออกไปปั้นตุ๊กตาหิมะ หรือไม่ก็ถ่ายรู -- โธ่ ไม่มีกล้อง”จงอินครางอย่างเสียดาย ชานยอลพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วย


     

     

    “ถ้าอยากถ่ายรูปนายก็ไปยืมกล้องของพวกที่ถ่ายรูปได้มาสิ เด็กปีสามคนนึงมี ฉันจำได้”แบคฮยอนว่า กล้องถ่ายรูปในโลกพ่อมดยุคนี้ยังคงเป็นแบบกล้องฟิล์ม ซึ่งต้องอาศัยการอัดล้างในห้องมืดด้วยน้ำยาพิเศษของพ่อมด ภาพถึงจะออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งไม่ทันใจมนุษย์มักเกิ้ลยุคใหม่อย่างจงอินแน่นอน


     

     

    “แต่มันอัพโหลดไม่ได้อ่ะ”ชานยอลทำหน้าเซ็ง ถ้าเกิดตอนนี้เขามีโอกาสเล่นมือถือนะ รับรองว่างานแคปชั่น #หิมะแรก #ที่ฮอกวอตส์ #หนาวจัง #ไก่ง่วงอร่อย #คิคิ จะต้องปรากฏขึ้นให้จงอินรำคาญหูรำคาญตาเล่นแน่นอน


     

     

    “นายพูดอะไรไม่รู้เรื่องอีกละ”แบคฮยอนทำหน้าเซ็งใส่ แต่ถึงแบบนั้นพ่อมดบริสุทธิ์ก็เก็บหมากรุกพ่อมดเข้าที่พร้อมกับใส่เสื้อแจ็คเก็ตเพื่อเตรียมพร้อมการออกไปเล่นรับลมหนาว แน่นอนว่าทั้งจงอิน ชานยอลเองก็กำลังทำแบบเดียวกัน เหล่าเด็กกริฟฟินดอร์อาศัยโอกาสที่ฮอกวอตส์แทบไม่มีใครส่งเสียงโหวกเหวกไปถึงประตูหน้าปราสาท










     

    คยองซูมองความเป็นไปโดยรอบอย่างเงียบๆ เขาออกมานั่งเล่นได้สักพักนึงแล้ว บรรยากาศในคุกใต้ดินไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไรสำหรับคริสต์มาส มีเพียงแค่เตาผิงกับต้นคริสต์มาสต้นเล็กๆเท่านั้นในห้องนั่งเล่นของสลิธีริน แถมไม่มีคนอีกเลยต่างหาก โอเค สีเขียวคือสีของคริสต์มาส แต่บรรยากาศใต้ทะเลสาบไม่ใช่อะไรที่คริสต์มาสเลยสักนิด เขาคิดว่าการนั่งมองปลาหมึกยักษ์ว่ายผ่านหน้าต่างไปออกจะน่าหดหู่ไปซักนิดนึง เขาเลยตัดสินใจมานั่งอยู่ที่ระเบียงด้านหน้าปราสาท ไม่เงียบเกินไป และไม่ชวนให้หดหู่เกินไป


     

     

    หนังสือในมือถูกพลิกไปเรื่อยเปื่อย คยองซูมีกิจกรรมที่จะต้องทำเป็นประจำวันคริสต์มาส อย่างแรกคือแลกของขวัญกับพี่คริสและเซฮุน(ซึ่งเขาก็ได้ทำไปแล้วเมื่อเช้า) และอ่านหนังสือเล่มโปรดที่จะหยิบมาอ่านซ้ำเฉพาะในวันคริสต์มาสเท่านั้น





     

    สายลมอ่อนๆของหน้าหนาวพัดผ่านร่างเขาไปทำเอาเจ้าตัวต้องกระชับเสื้อคลุมเข้าหากันให้แน่นขึ้นไปอีก คยองซูถอนหายใจออกมาเบาๆ ไอสีขาวลอยอยู่ในอากาศเพียงชั่วครู่ก่อนจะหายไปในอากาศ พ่อกับแม่เขาติดธุระสำคัญบางอย่างในกระทรวงเวทมนตร์เลยทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจให้คริสและคยองซูอยู่ที่โรงเรียนตลอดช่วงคริสต์มาส ถ้าคยองซูจะเรียกคริสต์มาสปีนี้ว่าเทศกาลแห่งความโดดเดี่ยวคงไม่ผิดเท่าไรนัก เพราะปีนี้พี่คริสเลือกที่จะนอนเฉยๆอยู่บนเตียงมากกว่าที่จะมาตื่นเต้นกับเทศกาลแจกของขวัญแห่งปี หรือแม้แต่เซฮุนที่มักจะอยู่ฉลองด้วยกันก็หายไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงเช่นกัน


     

     

    คยองซูนั่งอ่านหนังสืออยู่ได้เพียงครู่ก็ได้ยินเสียงจอแจของใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้ ร่างในชุดสีดำสนิทพรูลมหายใจน้อยๆอย่างขัดอารมณ์เมื่อเสียงเหล่านั้นกำลังทำให้เขาเสียสมาธิในการอ่านหนังสือ


     

     

    ให้ตายเถอะ อุตส่าห์หนีมานั่งที่เงียบๆแล้วแท้ๆ


     

     

    ยิ่งเห็นว่าเป็นกลุ่มของใครที่เดินเข้ามาในบริเวณริมฝีปากรูปหัวใจก็ยิ่งเบ้ลงเข้าไปอีก หากแต่สีหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจก็เกิดเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่เจ้าตัวกลบเกลื่อนมันด้วยใบหน้านิ่งเฉยเมื่อบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกำลังเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ


     

     

    “วันนี้นกฮูกขนสีดำสนิทแฮะ” คยองซูกอกตาไปมากับประโยคเย้าแหย่จากคนตรงหน้า คิมจงอินยังคงมาตรฐานการกวนประสาทเขาได้อย่างคงเส้นคงวา คนปกติที่ไหนกันที่เปรียบเสื้อผ้าสีดำของเขากับขนสีดำของนกฮูก ไร้รสนิยมสิ้นดี


     

     

    หนังสือในมือถูกปิดลงโดยเจ้าของ เห็นทีคยองซูคงต้องกลับไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องนั่งเล่นสลิธีรินดังเดิม เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น ระหว่างทางเขาเดินสวนกับชานยอลและแบคฮยอน ซึ่งแน่นอนว่าคยองซูไม่ได้มีธุระอะไรกับสองคนนั้นเขาเลยเดินผ่านไปโดยไม่ได้กล่าวทักอะไร





     

    เขาเพิ่งเดินขึ้นบันไดไปได้สองก้าว และคยองซูก็ได้ยินเสียงจงอินเอ่ยเรียกเขาอยู่ข้างหลัง เขาเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นเพื่อเลี่ยงบทสนทนาที่จะตามมา แต่ดูเหมือนจงอินจะไม่ยอมแพ้




     

    “คุณนกฮูก” เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับหิมะก้อนเล็กที่ถูกปาใส่แผ่นหลังของเขาเต็มๆ คิ้วเรียวกระตุกเล็กน้อยกับการกระทำงี่เง่าจากมักเกิ้ลน่ารำคาญคนเดิม และเมื่อคยองซูหันหลังกลับมาก็พบว่าคิมจงอินกำลังทำสีหน้าได้น่าเสกคำสาปกรีดแทงใส่อย่างที่สุด


     

     

    “นี่ --” ยังไม่ทันที่คยองซูจะได้จบประโยคของตัวเอง หิมะก็ถูกปาใส่ร่างเขาอีกครั้ง คราวนี้คนตัวเล็กขมวดคิ้วแน่น คยองซูสาวเท้าเร็วๆลงไปยังบริเวณที่มีหิมะกองอยู่ เขาเอื้อมมือไปหยิบหิมะจากพื้นจนเต็มกำมือก่อนจะปั้นมันลวกๆและปาใส่คนกวนประสาทเต็มแรง แต่คนที่เป็นเป้าหมายกลับหลบได้ทันแถมยังหัวเราะเสียงดังกับชัยชนะของตัวเองอีกต่างหาก ตอนนี้ดูเหมือนอุณหภูมิในร่างกายของคยองซูจะสูงขึ้นเรื่อยๆด้วยความโมโหและความขัดใจผสมปนเปกันไปหมด






     

    “คิมจงอิน เล่นบ้าอะไรของนาย”





     

    “ไม่ได้เล่นบ้าอะไร ฉันเล่นหิมะต่างหาก”  สิ้นประโยคของคิมจงอิน คยองซูก็รู้สึกราวกับตัวเองกลายเป็นกาน้ำเดือดที่ใกล้จะปะทุเต็มที คนตัวเล็กกัดฟันกรอด ชานยอลและแบคฮยอนที่มองเหตุการณ์อยู่ได้แต่ถอยออกมาจากสถานการณ์ตรงหน้าเงียบๆ เป็นปกติของจงอินที่ชอบกวนประสาทคยองซูมาแต่ไหนแต่ไร แต่นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เขาเห็นคยองซูกำลังโมโห...มากเสียด้วย


     

     

    ไม้กายสิทธิ์ถูกล้วงออกจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับเล็งไปที่มักเกิ้ลกวนประสาทตรงหน้า จงอินชะงักลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา



     

     

    “ไม่เอาน่า มาเล่นหิมะกันเถอะ” พ่อมดเลือดบริสุทธิ์ไม่สนใจคำชวนของอีกฝ่าย มือเรียวสะบัดไม้กายสิทธิ์เล็กน้อย แต่คิมจงอินที่รู้จักโดคยองซูมาตั้งสี่ปีรู้ดีอยู่แล้วว่าคนๆนั้นสามารถร่ายคาถาที่เจ็บแสบสารพัดใส่เขาได้หน้าตาเฉย แน่นอนว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน


     

     

    เอกซ์เปลล์ลิอาร์มัส” ไม้ไซเปรสของจงอินสะบัดอย่างรวดเร็วโดยที่คยองซูไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้ไม้แอซในมือของเขากระเด็นออกไปไม่ไกลนักด้วยคาถาปลดอาวุธ คิมจงอินพุ่งตัวไปหยิบไม้กายสิทธิ์ที่นอนอยู่บนพื้นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้


     

     

    “อย่าดื้อน่า วันนี้วันคริสต์มาสนะ อย่าทำหน้าบูดแบบนั้นสิ” จงอินว่าพลางคืนไม้กายสิทธิ์ให้กับเจ้าของ คยองซูรับมันมาพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาที่บอกชัดถึงความไม่ไว้วางใจ แต่สุดท้ายเด็กปีสี่บ้านสลิธีรินก็เลือกที่จะเก็บไม้กายสิทธิ์ลงกระเป๋ากางเกง ริมฝีปากรูปหัวใจเอ่ยด้วยเสียงไม่ดังนัก “แค่เล่นด้วยก็พอใช่มั้ย”


     

     

    ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ความเต็มใจสำหรับคยองซูคือร้อยละศูนย์ ต่อให้เขาปฏิเสธยังไงมักเกิ้ลงี่เง่านั่นก็ดึงดันที่จะปาหิมะใส่เขาอยู่ดี เจ้าตัวเลยเลือกที่จะยอมเออออไปจะได้สิ้นเรื่อง


     

     

    อีกอย่าง เขาจะได้หาโอกาสปาหิมะอัดหน้าจงอินแบบเจ็บๆด้วย


     


     

    คิมจงอินยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำตอบรับกลายๆนั้น แต่ไม่นานรอยยิ้มนั้นก็หายไปพร้อมกับหิมะที่อีกฝ่ายปาใส่หน้าเขาเต็มแรง จงอินปาดความเย็นบนหน้าออกก่อนที่จะรีบกอบหิมะใกล้ๆมือหมายจะปากลับไป ความชื้นซึมผ่านถุงมือไหมพรมมาโดนผิวหนัง หากแต่รอยยิ้มเล็กๆบนริมฝีปากรูปหัวใจก็ทำเอาชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่


     

     

    โดคยองซูกำลังยิ้ม



     

     

    ถึงจะเป็นรอยยิ้มแห่งความสะใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือรอยยิ้มที่เขาไม่ได้เห็นบนใบหน้านั้นบ่อยเท่าไรนัก



     

     

    “ -- ให้ตาย” เสียงของพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ดังขึ้นเมื่อจงอินปาหิมะใส่หน้าเขาอย่างที่เขาทำกับอีกฝ่าย เกล็ดน้ำแข็งเล็กๆกำลังทำให้หน้าเขาชาไปหมด แต่ในความเย็นนั้นกลับมีความอุ่นอยู่ที่ปลายจมูก นัยน์ตากลมโตที่หลับปี๋เพราะถูกหิมะปาใส่หน้าค่อยๆลืมขึ้นอีกครั้ง


     

     

    “โดนหิมะปาใส่แค่นี้ หน้าแดงจมูกแดงเลยหรอนกฮูกของฉัน” จงอินว่า คนปาหิมะขยับมาอยู่เบื้องหน้าคยองซูเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คยองซูผงะถอยหลัง แต่ก็หนีนิ้วที่ตรงเข้ามาจิ้มจมูกเขาไม่ได้


     

     

    “เพ้อเจ้อ” สิ้นคำของคยองซู มือเล็กก็ผลักอีกคนแรงๆ ตามด้วยการปาหิมะใส่เป็นการส่งท้าย คยองซูรู้สึกวูบวาบที่หน้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อกี้ถูกหิมะสัมผัสผิวหน้าเลยทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนอย่างฉับพลันรึเปล่า แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะคำว่า “นกฮูกของฉัน” ของคิมจงอินแน่นอน คำพูดเพ้อเจ้อแบบนั้นฟังไม่ขึ้นเลยซักนิด ก็แค่วลีเหลวไหลจากปากของจงอินเท่านั้น






     

    “เฮ้ ทางนั้นน่ะ ไหนบอกจะมาปั้นตุ๊กตาหิมะไง ไหงไปเล่นกับสลิธีรินได้ล่ะ” แบคฮยอนที่ในมือกำลังรวบหิมะที่พื้นตะโกนขึ้นมา เรียกให้คนที่โดนเรียกกับคนที่ถูกเอ่ยถึงในบทสนทนาหันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน คยองซูถอยออกห่างจงอินทันที ประโยคนั้นทำให้เขารู้สึกฉุนแปลกๆ -- นั่นสิ จงอินจะมาเล่นไร้สาระกับเขาเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เจตนากวนประสาทเหมือนที่เคยเป็นมา



     

     

    “ฉันอุตส่าห์ไปยืมกล้องเขามาเพราะจะถ่ายรูปด้วยกันปีนี้เลยนะ มาช่วยปั้นเลย” ชานยอลว่าพร้อมชูกล้องในมือตัวเองให้เห็น จงอินยิ้มให้เพื่อนพร้อมกับเดินเข้าไปหาทำท่าว่าจะช่วย ในขณะที่คยองซูเองยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือเรียวกระชับเสื้อกันหนาวเข้าหากัน ดูเหมือนจงอินจะพอใจแล้วสินะ คยองซูหยิบหนังสือที่ตกอยู่บนพื้นหิมะก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น





     

    “ไม่คิดจะช่วยปั้นสโนว์แมนหน่อยหรือไง” เสียงสวบสาบดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับประโยคเชิญชวนของมักเกิ้ลบ้านกริฟฟินดอร์




     

    “มะ --”




     

    “นายเองก็เสียเวลาในวันสำคัญไปกับหนังสือน่าเบื่อๆไม่ใช่หรอ” แววตาคาดคั้นกับน้ำเสียงที่ต่ำลงของคิมจงอินราวกับทำให้คยองซูหมดคำพูดไปชั่วครู่ เขาเผลอพยักหน้าไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกคิมจงอินลากมาอยู่หน้ากองหิมะที่อนาคตมันกำลังจะกลายเป็นสโนว์แมนในไม่ช้า


     

     

    คยองซูรวบหิมะที่พื้นอย่างเก้ๆกังๆ ความเย็นที่ลอดถุงมือเข้ามาทำให้เขาขยับมันได้ไม่ถนัดนัก หิมะที่พื้นถูกดันไปข้างหน้าจนมีรูปร่างคล้ายลูกบอลลูกเล็กๆบนพื้นพรมสีขาว คยองซูแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่ได้ทำแบบนี้มันเมื่อไร เท่าที่จำได้คือตอนนั้นมีพี่คริสแล้วก็มีเซฮุนอยู่ด้วยกัน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ล้มเหลวเมื่อคยองซูไข้ขึ้นกะทันหัน ตุ๊กตาหิมะที่ไม่เคยปั้นเสร็จตัวนั้นยังคงค้างคาในความทรงจำ มันมีแค่ลำตัว มีกิ่งไม้หนึ่งอันปักไว้ เขาจำได้ว่าเขากำลังปั้นส่วนหัวอยู่ในตอนที่เขาเป็นลมไปเพราะพิษไข้ ปีถัดๆมาคยองซูเลยถูกห้ามไม่ให้ออกมาเล่นกลางอากาศหนาวอีก



     

     

    “เอามารวมกันดิ จะได้เสร็จเร็วๆ” คิมจงอินที่อยู่ไม่ไกลนักกลิ้งหิมะเข้ามาใกล้ ให้ตายเถอะ คิมจงอินเป็นนักปั้นหิมะมืออาชีพหรือไง เวลาแค่แปปเดียวแต่กลับปั้นได้ลูกใหญ่กว่าเขาได้หลายเท่า คยองซูมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกติดจะขัดใจนิดๆ เพราะเหมือนว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้ที่ปั้นหิมะได้ลูกเล็กกว่า หากแต่จงอินกลับไม่ได้สนใจสายตาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย กริฟฟินดอร์ถือวิสาสะกลิ้งหิมะในมือทับก้อนกลมๆที่คยองซูรวบรวมไว้ก่อนจะใช้มือตบๆให้มันแน่นขึ้น


     


     

    “ใช้มือเปล่าจับหิมะแบบนั้น อยากโดนหิมะกัดตายรึไง” คยองซูไม่ว่าเปล่า เขาถอดถุงมือข้างหนึ่งแล้วส่งให้คิมจงอินทันทีที่จบประโยค เจ้าของมือเปล่าที่ว่าชะงักครู่หนึ่ง นึกแปลกใจที่จู่ๆคยองซูก็ดูจะใจดีเกินเหตุ และนั่นทำให้หัวใจเขาสูบฉีดตัวเองอย่างรุนแรงราวกับคนบ้า ...ถ้าเขามองไม่ผิดไป รู้สึกว่าคนที่กำลังยื่นถุงมือมาให้เขากำลังหน้าแดงนิดๆ



     

     

    “ขอบคุณ” จงอินรับถุงมือมาใส่ก่อนจะยิ้มเผล่ให้กับเจ้าของของมัน คยองซูเสมองไปทางอื่นราวกับไม่สนใจความเป็นไปของคนตรงหน้า แน่นอนว่าเขารวมรอยยิ้มบ้าๆนั่นเข้าไปด้วย “รีบๆปั้นให้เสร็จด้วย หนาว”



     

     

    ลมเย็นเฉียบเข้าปะทะมือข้างขวาที่เปลือยเปล่า แต่มันเป็นแบบนั้นได้ไม่นานเมื่อคนที่กำลังตั้งใจปั้นตุ๊กตาหิมะจับมือเขาไว้ เป็นเชิงบังคับให้มือของคยองซูเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง


     

     

    “ทำบ้าอะไรของนาย” คยองซูโวยวายพลางชักมือกลับจากการกอบกุม ใบหน้าของเลือดบริสุทธิ์ขึ้นสีด้วยความรู้สึกประหลาด คนโดนถามทำหน้ามึนใส่อีกฝ่าย จงอินไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการที่จู่ๆคยองซูก็ร้องลั่นแบบนี้ ความจริงมันเป็นเรื่องที่เดาได้ด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นจงอินก็ยืนยันที่จะทำ…ดวงตาที่เหลือกจนแทบจะทะลุออกมากับใบหน้าสีแดงๆนั่น มันน่าแกล้งน้อยซะที่ไหนกัน เด็กบ้านกริฟฟินดอร์ละสายตาจากตุ๊กตาหิมะก่อนจะตีหน้าตาย ทั้งที่ในใจจงอินอยากจะหัวเราะดังๆกับใบหน้าตลกของนกฮูกของเขาจะแย่อยู่แล้ว



     

     

    “ก็เห็นว่านายหนาวนี่”


     

     

    “ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเสื้อมักเกิ้ลของนาย ขอบใจ” เมื่อเห็นจงอินตอบเสียงนิ่งราวกับไม่ได้กลั่นแกล้งเขา คยองซูจึงเลือกที่จะประชดกลับไปนิดหน่อยแล้วขอบคุณเป็นการตบท้าย เด็กบ้านสลิธีรินยัดมือข้างที่เปลือยเปล่าเข้ากระเป๋าเสื้อของตัวเองเร็วๆหลังจากนั้น นัยน์ตาก็เฝ้ามองจงอินกับแบคฮยอนที่ยกส่วนหัวขึ้นมาวางไว้ยังฐาน ชานยอลวิ่งไปวิ่งมารอบๆเพื่อหากิ่งไม้มาปักทำเป็นแขน





     

    “ว้าว เป็นตัวแล้ว”ชานยอลทำเสียงตื่นเต้นชนิดโอเวอร์ คยองซูตบมือสองข้างเข้าหากันเป็นเชิงประชดแบบเนือยๆ แต่ชานยอลรีบยื่นมือข้างหนึ่งมาขวางและตบมือข้างนั้นเข้ากับมือเขาหน้าตาเฉย”ดูสิคยองซู”



     

     

    คยองซูหันไปทำสายตาทิ่มแทงพอๆกับความหนาวรอบนอก แต่ดูเหมือนชานยอลจะไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวเลยซักนิด มนุษย์ร่าเริงเกินพอดีหันมายิ้มกว้างใส่เขาและลากคยองซูเข้าไปใกล้ตุ๊กตาหิมะที่จงอินกับแบคฮยอนปั้น





     

    “เอาอะไรมาทำตาดี”แบคฮยอนมองตุ๊กตาที่ยืนหน้าโล้นอย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะเอาเท้าเขี่ยๆพื้น”นี่มั้ย



     

     

    “ก็ดี มีนี่อีกก้อน”จงอินหยิบหินขึ้นมายัดใส่ตำแหน่งลูกตา เขาหันมาเห็นชานยอลยืนจับแขนคยองซูที่ทำหน้าบูดอยู่ จงอินก้มลงหยิบหิมะปาใส่เพื่อนหูกางทันทีโดยที่ไม่ทันได้คิดอะไร”ไปทำปากดิชานยอล ยืนนิ่งทำไม”



     

     

    “แต่ฉันปั้นส่วนหัวแล้วนะ”ชานยอลส่งเสียงประท้วง จงอินไม่สนใจ เขาเดินเข้าไปลากแขนคยองซูออกมา มือก็ยัดถุงมือไหมพรมออกจากมือของตัวเองให้คยองซู คนถูกลากมาทำหน้านิ่งและรับถุงมือกลับไปสวมตามเดิม



     

     

    คยองซูคงรำคาญชานยอล เขาเลยเป็นธุระลากออกมาให้ ก็แค่นั้น


     

     

    “อ่ะ เอากิ่งไม้ไปเสียบ”จงอินยื่นกิ่งไม้ให้คนที่ยืนกอดอกแน่น คยองซูรับมันมาโดยไม่ได้พูดอะไรกลับไป เขาเสียบกิ่งไม้เข้าที่ก้อนหิมะเพื่อทำให้มันเป็นแขนก่อนจะออกมายืนดูผลงานของตัวเอง คยองซูมองภาพตรงหน้าด้วยความพอใจ ตุ๊กตาหิมะตัวที่สองของเขานั้นเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแค่จมูกและปากที่รอให้ชานยอลไปหาวัตถุดิบมาตกแต่งแค่นั้น


     

     

    ริมฝีปากรูปหัวใจจุดรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าคยองซูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคู่อริตลอดกาลของเขากำลังชื่นชมรอยยิ้มนั้นด้วยชีพจรที่เต้นด้วยจังหวะประหลาด วันนี้คิมจงอินต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ลอบมองคยองซูอย่างกับคนเสียสติ ก็แค่รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ ทำไมเขาต้องเห็นว่ามันสำคัญจนต้องหยุดมองทุกครั้งที่อีกฝ่ายยิ้มด้วยนะ  


     

     

    ถึงจงอินจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็หยุดตัวเองไม่ได้เช่นกัน



     

     

    “ถ่ายรูปกันเหอะ” ชานยอลที่เพิ่งเสียบแครอทเพื่อทำเป็นจมูกของตุ๊กตาหิมะเสร็จตะโกนลั่น คยองซูมองความดีใจบนใบหน้าของมักเกิ้ลหูกางก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ถึงปาร์คชานยอลจะน่ารำคาญบางครั้ง แต่ก็ไม่ใช่คนแย่อะไร ก็แค่ชอบพูดเสียงดังท้าทายแก้วหูของเขาบ่อยๆเท่านั้นเอง



     

     

    “นายเอาแครอทมาจากไหนน่ะ” จงอินที่ยืนมองอยู่ถามเจ้าของแครอทเสียงเบา เขามองภาพตรงหน้าด้วยความคุ้นตาแบบแปลกๆ ...มันเหมือนตัวละครในการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เพิ่งฉายไม่กี่ปีมานี้ในโลกมักเกิ้ล ที่ในเรื่องมีราชินีที่เสกน้ำแข็งได้ เธอเสกสโนว์แมนขึ้นมาตัวหนึ่ง และมันก็คล้ายตัวที่อยู่ตรงหน้าเขาเลย



     

     

    ถึงตัวที่เขาปั้นจะตัวอ้วนกว่าเยอะก็เถอะ


     



     

    “แอบหยิบมาจากโรงครัวตอนแบคฮยอนไปยืมกล้องอ่ะ” ชานยอลเคี้ยวกบช็อคโกแล็ตที่เจ้าตัวพกมาในขณะที่ตอบคำถามเพื่อนไปด้วย เขามองการ์ดที่ได้ในมืออย่างผิดหวัง ให้ตายเถอะ เขาได้การ์ดแม่มดบาดาไม่รู้ครั้งที่เท่าไรแล้ว ความจริงในชุด S.E.S เขาอยากได้การ์ดแม่มดยูจินมากกว่า ขาดอีกใบเดียวแท้ๆเลย“ต้องพูดแบบนี้ด้วยนะ ฉันชื่อโอลิเวอร์ ฉันชอบอ้อมกอดอุ่นๆ“




     

     

    “โอลิเวอร์บ้านนายสิ”จงอินทำหน้าเอือมระอา”โอลาฟไหม”


     

     

    “สรุปจะถ่ายรูปกันไหมครับ คุณจงอินและผองเพื่อน”แบคฮยอนถือกล้องแบบโบราณที่คิมจงอินเอาแต่บอกว่ามันเป็นบรรพบุรุษของกล้องที่โลกมักเกิ้ลพร้อมสีหน้ากังวล“ว่าแต่จะให้ใครกดถ่าย”


     

     

    แน่นอนว่าที่ตรงนั้นมีแต่พวกเขา และมันก็ต้องมีใครสักคนเป็นคนกดชัตเตอร์ แต่ด้วยความที่ว่าเขาอยากให้ทุกคนอยู่ในรูปเหมือนกันจึงทำให้เลือดบริสุทธิ์บ้านกริฟฟินดอร์ขมวดคิ้วแน่น


     

    “ไปยืนกับสโนว์แมนเถอะ” คยองซูถือวิสาสะแย่งกล้องในมือแบคฮยอนก่อนจะออกปากให้อีกฝ่ายไปยืนรวมกับคนอื่นๆ แบคฮยอนมีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินไปยืนหน้าตุ๊กตาหิมะในที่สุด คยองซูเคยทำความรู้จักกับกล้องประเภทนี้ เนื่องจากที่บ้านของเขาสะสมไว้


     

     

    เมื่อเห็นว่าคยองซูถือกล้องและทำท่าจะถ่ายรูปเดี๋ยวนั้น จงอินก็รู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก เขาอยากให้คยองซูมาถ่ายรูปด้วยกัน พออีกฝ่ายกลายไปเป็นตากล้องแบบนั้นคิมจงอินก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาเสียดื้อๆ


     

     

    “หนึ่ง สอง สาม” คยองซูว่าเสียงเรียบ เขากดชัตเตอร์หลังจากประโยคนั้น ภาพของกริฟฟินดอร์สามคนหน้าตุ๊กตาหิมะถูกบันทึกไว้เรียบร้อยด้วยฝีมือของสลิธีริน กล้องที่แบคฮยอนยืมมามีพัฒนาการมากกว่ายุคก่อนๆที่เป็นกล้องตัวใหญ่ เวลาถ่ายจะมีควันพลุ่งออกมา ทุกวันนี้กลายเป็นกล้องฟิลม์ที่มีกลไกแบบปราศจากไฟฟ้า คยองซูรู้ว่าต้องรอให้ล้างภาพก่อนถึงจะเห็นรูป แต่เขาก็มั่นใจว่ามันจะสวยงามมากกว่านี้ถ้าคิมจงอินไม่ทำหน้าบูดเหมือนเมาหิมะอย่างที่เขาเห็นผ่านเลนส์กล้องเมื่อครู่



     

    “คยองซู” เสียงเรียกแบบสนิทสนมทำให้กริฟฟินดอร์ทั้งกลุ่มหันไปตามต้นเสียง บุคคลที่มาใหม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจ โอเซฮุนเพิ่งกลับมาจากการเดินเล่นรอบๆโรงเรียน เขากำลังจะเดินเข้าปราสาท แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นคนคุ้นเคยกำลังอยู่กับกริฟฟินดอร์อย่างไม่น่าเป็นไปได้



     

    คยองซูไม่ตอบคนที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้เท่านั้น ร่างเล็กเดินไปหาแบคฮยอนเพื่อจะคืนกล้องให้ คยองซูว่าจะกลับไปห้องนั่งเล่นกับเซฮุนตอนนี้เลย เนื่องจากเขาเหลวไหลอยู่แถวนี้มานานแล้ว



     

    “นาย...โอเซฮุนใช่มั้ย ถ่ายรูปให้พวกฉันหน่อยสิ” ยังไม่ทันที่คยองซูจะส่งคืนกล้องให้แบคฮยอน จงอินก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน เซฮุนไม่ตอบอะไร เขารับกล้องมาจากคยองซูก่อนจะเดินไปยืนตรงที่ที่คยองซูยืนอยู่ทีแรก เซฮุนไม่มีเหตุผลอะไรจะปฏิเสธ บางทีคยองซูอาจจะอยากถ่ายรูปกับจงอินเป็นที่ระลึกก็ได้ว่าชีวิตหนึ่งเคยมีตัวน่ารำคาญประเภทนี้อยู่ด้วย




     

    แต่ดูเหมือนคยองซูจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคิมจงอินเท่าไร ร่างนั้นยังคงยืนอยู่นอกเฟรมกล้องเหมือนเดิม เดือดร้อนจงอินจนต้องคว้าแขนอีกคนให้เข้ามายืนอยู่ข้างตัว แขนหนักๆพาดบนไหล่เล็กไม่ให้คยองซูได้ปฏิเสธ จากที่ทำหน้าบูดบึ้งในรูปแรก ตอนนี้คิมจงอินกลับยิ้มกว้างให้กล้องด้วยความพึงพอใจ คนโดนกอดคอรีบสะบัดตัวเบาๆให้ทันก่อนที่เซฮุนจะได้กดถ่ายรูป แต่ก็ไม่ได้ผลเมื่อคิมจงอินกลับรัดร่างของเขาให้แน่นเข้าไปอีก



     

    สัมผัสบนไหล่ทำให้เขารู้สึกหนัก แต่ในขณะเดียวกันคยองซูก็รู้สึกเบาหวิวเพราะสัมผัสของอีกฝ่าย ความอุ่นที่มาจากร่างของจงอินพาให้คยองซูร้อนวูบวาบตามไปด้วย เขาเม้มปากเข้าหากัน นัยน์ตากลมมองไปที่กล้องด้วยความรู้สึกประหม่า ทั้งที่คยองซูควรจะรู้สึกรังเกียจที่คิมจงอินมาทำท่าทีสนิทสนมเกินกว่าความจำเป็น แต่น่าแปลกที่เขากลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด



     

     

    “...สาม” เป็นการนับที่ประหลาดสิ้นดี เซฮุนกดถ่ายแล้วค่อยนับสาม เสียงม่านชัตเตอร์ลั่นดังขึ้นก่อนที่โอเซฮุนจะลดกล้องในมือลงเมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว สลิธีรินผมทองเดินเข้าไปหาปาร์คชานยอลก่อนจะคืนกล้องให้




     

    “หูของนายบังหน้าคนอื่นจนมิดเลย” เซฮุนกระซิบด้วยเสียงยานคางเกินกว่าที่จะเป็นการกวนประสาท ชานยอลที่โดนล้อปมด้อยกัดฟันกรอด สลิธีรินมีคนโรคจิตคนหนึ่งที่ไม่เคยพูดกับเขาดีๆเลยสักครั้ง และแน่นอน...สลิธีรินคนนั้นชื่อโอเซฮุน


     

     

    “นายนี่มันไม่สร้างสรรค์เลยจริงๆ” ชานยอลทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินไปรวมกับคนอื่นๆ ทิ้งให้เซฮุนดุนลิ้นเข้าข้างแก้มด้วยความรู้สึกสนุกที่ก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย คยองซูเดินหน้าบูดมาหาเขา และพยักหน้าให้กลับห้องนั่งเล่นไปด้วยกัน เขาเดินตามเพื่อนตัวเล็กไปพร้อมกับที่เหลียวหลังไปมองชานยอลอีกครั้ง







     

     

    “คยองซู มีจดหมายส่งมาให้แน่ะ” คริสเดินเข้ามาในห้องนอนของเขาก่อนจะทรุดตัวลงข้างเตียง ร่างของน้องชายซุกหน้าลงกับหมอนราวกับไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น วันนี้เป็นวันหยุดที่คยองซูรู้สึกว่าอยากจะหยุดจริงๆ ไม่ใช่ตื่นขึ้นมาทบทวนบทเรียนหรือทำอะไรทั้งนั้น“ตัวที่ส่งมาเป็นนกฮูกสีน้ำตาล ขนดูนุ่มฟู ตัวงี้อย่างใหญ่”





     

    “ถามซักนิดว่าผมอยากรู้ไหม”คยองซูครางงึมงำ ซุกหน้าลึกลงไปกับหมอนด้วยความง่วง


     

     

    “ตื่นเลยนะ” คริสว่าพลางดึงแขนที่โผล่พ้นผ้าห่มของอีกฝ่าย คนที่โดนดึงลุกขึ้นมาทำหน้ามุ่ย คยองซูขมวดคิ้วเมื่อโดนขัดใจแต่ก็ยังยื่นมือไปรับจดหมายที่ว่ามาจากพี่ชาย คริสขยี้ผมของคยองซูไม่แรงนักก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอนของเด็กปีสี่ ทิ้งให้คยองซูนั่งอยู่กับจดหมายเจ้าปัญหาเพียงลำพัง


     

     

    บนหน้าซองนั้นเขียนแค่ว่าถึงโดคยองซู ไม่มีชื่อผู้ส่ง และนั่นยิ่งทำให้คิ้วของคนรับยิ่งขมวดแน่นเข้าไปอีก คยองซูแกะมันออกอย่างไม่ระมัดระวังนัก และเมื่อเขาเปิดก็พบกับกระดาษแผ่นบางๆในนั้น



     

    รูปเมื่อวันคริสต์มาส




     

    แน่นอนว่าในภาพไม่มีเขา เพราะนี่เป็นภาพที่เขาถ่ายเองกับมือ และสิ่งที่ทำให้คยองซูยังคงสะดุดตาทุกครั้งที่ได้มองเข้าไปในภาพก็คงจะเป็นคิมจงอินที่ทำหน้าราวกับโดนกักบริเวณ ทั้งๆที่แบคฮยอนและชานยอลที่ยืนข้างกันก็ฉีกยิ้มให้กล้องกันสุดฤทธิ์ จงอินยืนกอดอก ชานยอลพยายามโบกไม้โบกมือใส่เขาพร้อมกับรอยยิ้มงี่เง่าพวกนั้น แบคฮยอนเองก็เช่นกัน


     

     

    คยองซูกำลังจะขยี้ซองที่ตนแกะไว้เมื่อกี้ทิ้ง หากแต่ความแข็งผิดปกติของมันทำให้เจ้าตัวชะงักก่อนจะหยิบสิ่งที่เหลืออยู่ในซองขึ้นมาดู มันเป็นรูปที่ไม่ต่างจากรูปแรกเท่าไรนัก เพียงแต่รูปนี้คยองซูเห็นตัวเองยืนอยู่ในนั้นด้วย





     

    ให้ตายเถอะ เขาทำหน้าเหมือนผู้คุมวิญญาณชะมัด


     

     

    ภาพยังคงเคลื่อนไหวซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น นอกจากตัวเองที่ยืนทำหน้าตาน่ากลัวอยู่ในรูปแล้ว ข้างกันนั้นก็คือต้นเหตุที่ทำให้คยองซูทำหน้าบึ้งใส่กล้อง ดูเหมือนเขาในรูปจะพยายามเดินออกจากเฟรม แต่ก็ไม่สามารถทำได้ แขนที่คยองซูจำได้ว่าหนักแค่ไหนพาดอยู่บนไหล่เขาอย่างถือวิสาสะ คิมจงอินยิ้มกว้างผิดกับรูปแรก และนั่นทำให้คยองซูที่นั่งดูรูปอยู่ตอนนี้เบะริมฝีปากอย่างหมั่นไส้ ข้างหลังของจงอินคือชานยอลที่ยิ้มให้กล้องอย่างเคย และแบคฮยอนที่นั่งชูสองนิ้วอยู่ที่พื้นก็ยิ้มให้กล้องเช่นกัน


     

     

    คยองซูมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ตั้งแต่ที่เข้ามาเรียนที่ฮอกวอตส์ เขาไม่เคยถ่ายรูปเล่นเลยสักครั้ง เหตุผลข้อแรกคงจะเป็นเพราะเขาไม่ชอบสุงสิงกับคนอื่น และเหตุผลข้อที่สองคือทั้งคริสและเซฮุนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการถ่ายรูปมากนัก ถึงแม้พ่อของเขาจะชอบสะสมกล้อง แต่คนที่มีความสนใจในเรื่องของภาพถ่ายเวทมนตร์ก็มีแค่เขาคนเดียว


     

     

    การที่ได้มาถ่ายรูปร่วมกับใครสักในฮอกวอตส์รวมถึงการปั้นตุ๊กตาหิมะในช่วงคริสต์มาสจึงทำให้ใจดวงเล็กพองฟูได้ไม่ยาก อะไรบางอย่างสั่งให้เขาพลิกใต้รูปขึ้นมาดู เผื่อมันจะมีข้อความจากคนที่ส่งรูปพวกนี้มาบ้าง (แต่คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกริฟฟินดอร์สามคนนั้น)



     

     

    ‘สุขสันต์วันคริสต์มาส

     

    แบคฮยอน ชานยอล จงอิน, และนกฮูกสลิธีริน'


     

     

    แม้ไม่ได้เขียนว่าใครเป็นคนส่ง แต่สรรพนามงี่เง่าแบบนี้ก็มีแค่คนเดียวบนโลกนั่นแหละที่ใช้เรียกเขา คยองซูขมวดคิ้วมองคนนิสัยเสียในรูปพร้อมกับคำสาปแช่งในใจ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไร คิ้วที่เคยขมวดแน่นกลับคลายลงเรื่อยๆ



     

     

    และกลายเป็นรอยยิ้มในที่สุด



     

     






     

    สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะทุกทั่น
    สารภาพว่าโม่งหนึ่งเป็นโม่งที่พิมพ์คริสต์มาสผิดตลอดค่ะ ชอบพิมพ์เป็นคริสมาสต์ โดนด่าหลายรอบมากค่ะ เหี้ยจริงๆ
    ตอนพิเศษน่ารักมั้ยคะ กุ๊งกิ๊งมั้ยคะ นั่นแหล่ะค่ะ แต่งไปก็แบบ หนั่นแน้

    วันนี้ไปเซ็นทรัลเวิลด์มาค่ะ ด้วยความหวังว่าจะถ่ายรูปกับต้นคริสมาสต์
    พอไปถึงก็ค้นพบว่าลานซทว.คือกองทัพซอมบี้ปะทะสนูปปี้ผีห่า คนเยอะสุด สกายวอล์คนี่เหมือนเดินแล้วได้ตังค์ แน่นยังกับรถไฟฟ้าช่วงชั่วโมงมหาโหด
    เลยเดินเข้าเกษรพลาซ่าค่ะ มีคนถ่ายอยู่ 5 คน 55555555555555555555555555555555555555555555555555

    มีความสุขกับคริสต์มาสกันมากๆนะคะ แฮ่ ;_;/


    โม่งหนึ่ง

    merry christmas นะคะ ชาวพุทธทุกคน 
    โม่งสอง (ผู้ที่เล็บไม่แห้งแต่ก็ยังมาอัพฟิคและยังไม่ได้จัดกระเป๋าทั้งๆที่จะไปเที่ยวพรุ่งนี้)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×