ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { fic } Call it MAGIC | Kaido #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 04

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.27K
      63
      10 ธ.ค. 57

     

     

     

    04

     

     

     

    หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น่าอับอายในห้องเรียนปรุงยา ทั้งที่ผ่านมาเป็นวัน แต่คยองซูก็ยังแค้นเคืองไม่หายถึงความอัปยศที่เกิดขึ้น พรีเฟ็คแห่งสลิธีรินล้มต่อหน้าสายตาหลายสิบคู่ในคุกใต้ดิน ไหนจะสายตาขบขันไว้ไม่มิดของบางคน ไหนจะเสียงหัวเราะเยาะเย้ยกับใบหน้าที่แสดงออกว่ามีความสุขนักหนาของคิมจงอิน

     

     

    เห็นแล้วอยากใช้คาถาแช่งหมอนั่นให้เข้าเซนต์มังโกไปซักสองสามเดือน

     

     

    บางทีเขาก็อยากลาออกจากตำแหน่งพรีเฟ็คที่ต้องรักษากฏเกณฑ์ตลอดเวลา เชื่อว่าถ้าเขาไม่ได้เป็นพรีเฟ็ค หรือไม่ได้ห่วงชื่อเสียงของตระกูลอู๋ ป่านนี้คิมจงอินต้องได้นอนหยอดยารสชาติแย่ๆของมาดามลี่อินที่ห้องพยาบาลแน่ๆ

     

     

    คยองซูวางหนังสือวิชาปรุงยาในมือลงเมื่อหัวเริ่มจะคิดถึงเรื่องไร้สาระ สองคาบเช้าวันอังคารที่ไม่มีเรียนถูกใช้ให้เป็นประโยชน์โดยการเข้าห้องสมุดที่คนบางตากว่าเวลาปกติ ปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรยากาศสงบแบบนี้ทำให้คยองซูรู้สึกผ่อนคลายไปได้มาก

     

     

    เขาพลิกหน้าหนังสือเกี่ยวกับประโยชน์ของมูนสโตน พร้อมกับจดบันทึกข้อเท็จจริงบางอย่างลงไปในสมุด คยองซูไม่ชอบปล่อยการบ้านให้สุมท่วมหัวเหมือนที่คู่อริมักจะทำ อันที่จริงคยองซูไม่ค่อยชอบวิชาปรุงยาเท่าไหร่นัก วิชาที่เขาชอบนั้นเป็นวิชาคาถากับวิชาตัวเลขมหัศจรรย์เสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม คนรักเรียนอย่างเขาก็ตั้งใจทำทุกวิชาให้ได้ดีที่สุด

     

     

    ความรู้สึกผ่อนคลายของโดคยองซูก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกที่เหมือนมีใครบางคนเอาไฟมาสุมในอก เมื่อเห็นคู่อริที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดียืนอยู่ไม่ไกลมากนัก จะว่าแปลกก็แปลกเพราะคนแบบคิมจงอินคงไม่โผล่มาให้เห็นในห้องสมุดง่ายๆแบบนี้แน่ถ้าไม่โดนใช้ให้มาทำอะไรสักอย่าง

     

     

    คยองซูลุกขึ้นยืน และปล่อยให้หนังสือเก็บตัวเองกลับเข้าที่ นัยน์ตายังคงชำเลืองมองจงอินเป็นระยะ หากแต่เขาพยายามโฟกัสตัวเองกับเรียงความตรงหน้าให้มากที่สุด เขาเขียนมาได้ยาวเกือบฟุตแล้ว หวังว่ามันจะเสร็จในไม่ช้า จะได้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคิมจงอิน เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายเข้ามาในห้องสมุดเพราะต้องมาทำเรียงความวิชาปรุงยา

     

     

    เขาไม่ได้สนใจอะไรในตัวคิมจงอินนักหรอก มันก็แค่นิสัยขี้สังเกตของเขาเท่านั้น เพราะจากการที่อยู่ร่วมโรงเรียนกันมาหลายปี เขาไม่เคยเจอคิมจงอินในห้องสมุดเลยสักครั้งเดียว นี่คงเป็นเหตุบังเอิญครั้งแรก

     

     

    นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ห้องสมุดกลายเป็นสถานที่ที่โดคยองซูชื่นชอบที่สุด รองมาจากห้องนั่งเล่นของสลิธีริน และโดยรวมแล้ว ทั้งสองสถานที่ก็เป็นที่ที่ไม่มีคิมจงอินทั้งนั้น

     

     

    คยองซูไม่รู้ตัวว่าเผลอใช้นัยน์ตากลมๆจ้องอีกฝ่ายไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าของร่างสูงในเสื้อลายกราฟฟิกกับกางเกงยีนส์ขาดๆแบบมักเกิ้ลเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับหนังสือตั้งใหญ่ในอ้อมแขน จงอินมีรอยยิ้มติดหน้าอยู่เสมอ และตลอดทางที่เดินมาก็ทักทายคนนั้นคนนี้ไปทั่ว คยองซูเผลอรวบม้วนกระดาษบนโต๊ะโดยไม่ตั้งใจ ความรู้สึกเจ็บใจวาบขึ้นมาแทบจะทันที

     

     

     

    นกฮูกได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องสมุดตั้งแต่เมื่อไรเปิดมาประโยคแรกก็หาเรื่องกันเลยทีเดียว เหมือนจงอินจะติดนิสัยการประชดประชันมาจากคยองซูนิดหน่อย จงอินวางหนังสือเกี่ยวกับวัตถุดิบในการปรุงยาลงบนโต๊ะดังตุ้บ วางข้างๆคยองซูเสียด้วย คนที่โดนกล่าวหาว่าเป็นนกฮูกตวัดสายตาแข็งๆมองกลับอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ภาพของพรีเฟ็คเลือดบริสุทธิ์ที่มักจะมีแววตาเรียบเฉยซึ่งมักจะเปลี่ยนเป็นหาเรื่องเวลามองเขา กับเสื้อผ้าโทนสีเข้มที่ติดจะย้อนยุคและดูเป็นชุดกึ่งทางการหน่อยๆ กลายเป็นภาพที่เขาเคยชินไปแล้ว ท่าทางของคยองซูไม่เป็นมิตรเลยสักนิด และยิ่งเป็นแบบนั้นคิมจงอินก็ยิ่งพอใจที่จะแกล้ง

     

     

    แล้วหมาสามหัวได้รับอนุญาตให้เข้ามาเห่าแถวนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไรประโยคที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกันถูกเอ่ยขึ้นจากริมฝีปากรูปหัวใจ ใบหน้าเรียบเฉยของโดคยองซูยังคงมีส่วนผสมของความเย่อหยิ่งไว้เสมอ ก่อนที่บทสนทนาจะถูกจบลงแค่นั้นเมื่อเจ้าตัวหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านราวกับคนตรงหน้าไม่มีตัวตน

     

     

    ...คุณสมบัติของมูนสโตนนั้นออกฤทธิ์ให้รู้สึกผ่อนคลาย และสงบ โดยมากมักบดเป็นผงเพื่อใช้ในการปรุงยา ผงมูนสโตนนั้นมีหลากหลายสี หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดความไม่สมดุลทางจิตใจ

     

     

    เขาอ่านแทบไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ คยองซูก้มหน้าก้มตาลอกข้อมูลลงไปในกระดาษ เสียงขีดเขียนดังก้องไปในความเงียบ คนถูกประชดถอนหายใจเฮือกใหญ่ นัยน์ตาคมที่แฝงความกวนประสาทเอาไว้ตลอดเวลาอ่อนแสงลงเล็กน้อย เลือดผสมจากกริฟฟินดอร์ทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆ อย่างเงียบเชียบ แต่ก็ยังไม่วายก่อกวนด้วยการเอื้อมมือไปดึงหนังสือที่อีกคนอ่านอยู่ออกมาเสียดื้อๆ

     

     

    คุณชายโดพูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ

     

     

    อย่ามาลามปาม

     

     

    คยองซูว่าพลางแย่งหนังสือที่ถูกยึดไปด้วยสีหน้าจริงจังกว่าเดิมทั้งที่ในใจรู้สึกแปลกๆกับประโยคพิลึกของอีกฝ่าย คิมจงอินยังคงระดับความกวนอารมณ์บนหน้าตาได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายจนคนที่ต่อกรด้วยเริ่มทนไม่ไหว ร่างเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รวบปึกกระดาษเรียงความในมือ เขาตั้งใจว่าจะกลับไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นสลิธีรินดีกว่าจะต้องมาเจอคนที่ทำให้ประสาทเสียตั้งแต่หัววัน หากแต่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมาของเขากลับเอ่ยขึ้นมาก่อน

     

     

    ขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ทำหน้าอาฆาตอยู่ได้

     

     

    กระดูกก้นกบก็ยังไม่แตกนี่ ตามหาเรื่องอยู่ได้คยองซูสวนกลับ เขามองหน้าจงอินด้วยความรู้สึกโมโห เขาไม่ได้เตะขาเก้าอี้ของอีกฝ่ายให้ล้ม คยองซูไม่โง่ขนาดจะก่อเรื่องในห้องเรียน มีแต่จงอินเท่านั้นแหล่ะที่กล้าร่ายเวทใส่เขาให้ล้มแบบนั้น ความขุ่นเคืองในใจที่เจ้าตัวข่มมันไว้ค่อยๆทะลักออกมาทีละน้อย ครั้งนี้เขาไม่ได้แกล้งอะไรคิมจงอินเลยด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นเขาที่ต้องอับอายต่อหน้าคนอื่นๆเพราะการเอาคืนโง่ๆของอีกฝ่าย ถึงแม้ในใจจะอยากสั่งสอนคิมจงอินให้ไม่กล้ามายุ่มย่ามกับเขาอีกแค่ไหนแต่ด้วยสถานะและหน้าที่ของตัวเองทำให้โดคยองซูทำเพียงแค่เดินผละออกไปเงียบๆเท่านั้น คนตัวสูงกว่าเลิกคิ้ว ยังไม่ทันจะได้เดินหนี จงอินก็เอื้อมมือมายึดชายเสื้อคลุมเขาไว้

     

     

    อย่าเพิ่งไป

     

     

    คยองซูไม่ตอบ แต่ฟาดสันหนังสือไปยังมืออีกฝ่ายแรงๆ ซึ่งนั่นได้ผล ฝ่ามือของจอมกวนกริฟฟินดอร์ละออกจากเสื้อคลุมสีดำเขียวของเขาทันที คยองซูไม่ใส่ใจอาการนิ่งไปพักหนึ่งของคู่อริ เขาหันหลังให้ ทิ้งจอมก่อกวนไว้เพียงเบื้องหลังโดยไม่แยแสอะไรอีก

     

     

    จงอินสูดปากด้วยความเจ็บปวด ขอบสีทองบนปกหนังสือฟาดลงมายังมือของเขาจนได้เลือด ซ้ำร้ายเลือดยังไปออกตรงปลายนิ้วชี้ เขามองแผ่นหลังของเด็กบ้านสลิธีรินด้วยความรู้สึกประหลาดๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปสะกิดไหล่

     

     

    คยองซู

     

     

    อีกฝ่ายไม่ตอบ จงอินปาดเลือดออกจากแผลแล้วกัดปากตัวเอง รู้สึกใจแป้วนิดหน่อยที่คยองซูเมินขนาดนี้ อันที่จริงคยองซูก็ขยันเมินเขามาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง แต่จงอินก็ไม่เคยห้ามให้ตัวเองรู้สึกแบบนี้ได้ซักที

     

     

    เลือดออก เจ็บไม่รู้ว่าทำไมเสียงของเขามันฟังดูน่าตลกขนาดนั้น ดูพ่ายแพ้อย่างบอกไม่ถูก แผ่นหลังของอีกฝ่ายขยับนิดหนึ่ง คยองซูเหลือบตากลับมามองอย่างไว้ตัว ด้วยการชำเลืองมองไม่ถึงวินาที เขาเห็นสีหน้าหงอยๆของจงอินใจร้าย

     

     

    จงอินเป็นคนแปรปรวน คยองซูรู้ดี

     

     

    หนึ่งวินาทีแกล้งเขา อีกหนึ่งวินาทีก็ทำหน้าหงอย ในหลายๆทีแล้วที่เขาไม่อาจรับมือได้ถูกวิธี แต่อาการของจงอินที่ทำหน้าเหมือนหมาหงอย หางลู่หูตกเสียขนาดนั้น แสงจากหน้าต่างไล้ให้เห็นรอยเลือดสีแดงสดบนมือของจงอิน คยองซูคิ้วกระตุก ก่อนที่จะขยับองศาการนั่งให้หันเข้ามาหาจงอินช้าๆ พยายามให้คนที่ใส่ใจกับแผลรู้ตัวน้อยที่สุด เขาชะเง้อมองความเสียหายบนมือจงอิน นึกค่อนขอดในใจเล็กน้อยที่เจ้าของแผลโวยวายเกินอาการจริงไปมากโข

     

     

    โวยวายเหมือนจะตายคยองซูตอบเสียงนิ่งลำบากนักก็ไปให้มาดามลี่อินรักษา

     

     

    นายเป็นต้นเหตุนะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณหนูตระกูลโดผู้สูงส่งจะหนีปัญหาขนาดนี้

     

     

    คยองซูสะดุดกึกกับประโยคปรามาสจากคู่ปรับ ความรู้สึกไม่ยอมเสียหน้าแล่นพล่าน คนตัวเล็กกว่าทำหน้าบึ้ง ก่อนที่จะยกมือขึ้นกอดอก นัยน์ตาจ้องอีกฝ่ายอย่างเคร่งเครียด

     

     

    แล้วนายจะเอายังไง?”

     

     

    ทำหน้าดุอีกจงอินถอยห่างจากสายตาน่ากลัวนั้นเล็กน้อย เขาไม่ได้เจ็บแผลอะไรขนาดนั้นหรอก แต่มันก็อดรู้สึกเจ็บใจนิดๆไม่ได้ที่เผลอเปิดช่องให้อีกฝ่ายทำร้ายเขาได้ เขาก็แค่อยากเรียกร้องอะไรนิดๆหน่อยๆเท่านั้นแหล่ะช่วยทำเรียงความของศาสตราจารย์ฮีชอลหน่อยสิ

     

     

    นัยน์ตาโตๆจ้องตอบกลับมา มุมปากของคยองซูกระตุกน้อยๆ เขาพยายามกลั้นความรู้สึกขบขันที่ปะทุอยู่ข้างในเมื่อเห็นสีหน้าหงอยๆของจงอิน เขาแสร้งทำเป็นเหลือบตามองนาฬิกาในห้องสมุดแล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

     

     

    เดี๋ยวต้องไปเรียนแล้ว

     

     

    เหมือนกัน แต่นายมีเรียนคาบสาม เหมือนกับฉันนั่นแหล่ะ ไม่ต้องชิ่งออกไปตอนนี้เลยจงอินยึดมือกับเสื้อคลุมอีกฝ่ายแน่นขึ้นไปอีก เขาอุตส่าห์ไปแอบเปิดตารางสอนของคยองซูที่สอดอยู่ใต้สมุดเมื่อครู่เลย แค่วินาทีเดียวก็เกินพอ คยองซูจะได้หาทางเลี่ยงเขาไม่ได้

     

     

    เออ ก็ได้คยองซูยอมในที่สุด มือเล็กผลักมือของอีกฝ่ายให้ปล่อยชายเสื้อคลุม จงอินยอมทำตามอย่างว่าง่ายเห็นว่าไม่อยากให้ศาสตราจารย์ฮีชอลปวดหัวกับการเลือกเกรด ล หรือ ท ให้นายหรอกนะ

     

     

    จงอินหัวเราะรับคำเหน็บนั้น คยองซูเลื่อนหนังสือมาให้สองสามเล่มและเริ่มชี้แจงบทที่มีข้อมูลของการปรุงน้ำยาสันติ เขาคอยพยักหน้าหงึกหงักและจดข้อมูลคร่าวๆตามที่อีกฝ่ายบอก  นานๆทีก็แหย่คยองซูขึ้นมาเป็นระยะ จนกระทั่งระฆังตีบอกเวลาเรียน พวกเขาถึงได้ลุกขึ้นเก็บข้าวเก็บของเตรียมไปเรียน

     

     

    อันที่จริงข้อเท็จจริงนี้เขาก็เคยพิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว ว่าเขาไม่ได้เกลียดคยองซูเหมือนที่คนอื่นเข้าใจ (แต่เจ้าตัวจะเกลียดเขาไหมนั่นก็อีกเรื่อง) จงอินแค่รู้สึกว่าการแกล้งคยองซูเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการเป็นนักเรียนฮอกวอตส์ คล้ายๆกับพูดถึงฮอกวอตส์แล้วเขาจะนึกถึงควิดดิช อาหารจากโรงครัว ห้องนั่งเล่นบนหอคอยชั้นเจ็ด การเรียนเวทมนตร์ และการแกล้งคยองซู อะไรคล้ายๆแบบนั้น

     

     










     

    วันพุธต่อมานั้นเป็นตารางที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยอ่อนน้อยกว่าวันจันทร์นิดหน่อย กริฟฟินดอร์มีเรียนสมุนไพรศาสตร์กับสลิธีรินสองคาบ ยังโชคดีที่ศาสตราจารย์ซองมินจัดกลุ่มให้นักเรียนทั้งสองบ้านทำงานไกลกัน เขาเลยไม่ค่อยมีปัญหากับการที่ต้องใส่ปุ๋ยให้ต้นอ่อนไปมองหน้าคยองซูไปด้วย เมื่อจบคาบพวกเขาเดินอย่างอ่อนเพลียออกมาจากเรือนกระจก เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นปุ๋ยมูลมังกร จงอินไม่มีเวลาทักทายพรีเฟ็คจากบ้านสลิธีรินที่ก้าวเท้ายาวๆออกห่างไปเรื่อยๆด้วยซ้ำ

     

    คาบบ่ายที่เขาต้องเผชิญต่อคือวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดกับศาสตราจารย์ซีวอน อารมณ์ของจงอินถึงได้ฟื้นขึ้นมานิดหน่อย เพราะเขาถนัดวิชานี้ อย่างน้อยเขาก็พบว่าการฝึกสะกดนิ่งหรือฝึกเสกคำสาปสกัดกั้นมันก็น่าสนุกกว่าการไปนั่งปรุงยาเป็นไหนๆ แต่ที่แน่ๆการบ้านที่ศาสตราจารย์ซีวอนให้ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเด็กปีห้าง่ายขึ้นเลยซักนิด

     

    แต่วันในสัปดาห์ที่จงอินลงความเห็นว่าเลวร้ายที่สุดคือวันพฤหัส

     

    “ปรุงยาสองคาบเช้ากับสลิธีริน การดูแลสัตว์วิเศษตอนบ่ายกับสลิธีรินจงอินโอยโอยด้วยความเหนื่อยใจก่อนที่จะพับตารางสอนเก็บลงไปในกระเป๋า ชานยอลที่นั่งเคี้ยวขนมปังปิ้งอยู่ข้างๆพยักหน้าหงึกหงักทำเอากินข้าวเช้าไม่ลงเลย”

     

    “แล้วที่เห็นซัดไข่ดาวไปสองฟองติดกับไส้กรอกอีกหนึ่งกระทะเมื่อกี้คืออะไรครับคุณจงอินแบคฮยอนประชดนี่ก็ปากบอกเกลียดสลิธีรินตั้งแต่ปีหนึ่งละ แต่ก็เห็นวอแวอยู่คนเดียว”

     

    “อื้อ ใช่ๆ วันก่อนเห็นนั่งทำงานอยู่ด้วยกันในห้องสมุดชานยอลเสียบไส้กรอกใส่ปากแล้วพูดไปด้วย จงอินชะงัก นึกด่าชานยอลประมาณล้านประโยคในหัว เห็นปกติไร้สาระไปวันๆ อยู่ดีๆจะมารู้ดีอะไรเอาตอนนี้ แบคฮยอนยิ้มอย่างมีเลศนัย ซึ่งจงอินเกลียดรอยยิ้มแบบนั้นเหลือเกิน

     

    “ไปเรียนได้ละ เดี๋ยวศาสตราจารย์ฮีชอลได้หาเรื่องหักคะแนนจงอินเฉไฉ เขายกแก้วใส่น้ำฟักทองขึ้นดื่มแล้วคว้ากระเป๋า ไม่ยอมมองสีหน้าที่ชวนให้เสกคำสาปมัดร่างใส่ของแบคฮยอน ชานยอลหัวเราะเสริมขึ้นมา ทำเอาไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋ากางเกงจงอินสั่น

     

    “วันเสาร์นี่จงฮยอนนัดกี่โมงนะแบคฮยอนถามขึ้นระหว่าทางที่กำลังเดินลงไปยังคุกใต้ดิน ทั้งสองคนเดินออกมาโดยไม่รอเพื่อนขาโก่งที่ทำของตกแล้วมัวแต่เก็บอยู่ข้างหลังได้ยินว่าชานยอลยังคงมีความหวังในการสมัครเข้าทีมควิดดิชอยู่”

     

    “นัดเก้าโมง ซึ่งเช้ามาก วันเสาร์ควรได้นอนไม่ใช่หรือไงจงอินตอบเสียงเซ็งๆ ชานยอลที่ได้ยินคำถามของแบคฮยอนยิ่งเร่งความเร็วในการเดินให้ทัน คนหูกางพยักหน้าหงึกๆ นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ชานยอลทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรซักอย่าง ซึ่งเขารู้ดีว่าเรื่องอะไรถามจริงนะชานยอล ขึ้นไม้กวาดยังผิดด้าน นายเอาแรงบันดาลใจมาจากไหนในการพยายามสมัครเข้าทีมครั้งแล้วครั้งเล่า”

     

    “ก็ดูพวกนายซ้อมคนเดียวมันเหงานี่ชานยอลทำปากยื่น ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ทำอะไรไปมากกว่าการนั่งเชียร์เพื่อนอยู่ข้างสนามท่ามกลางเพื่อนร่วมบ้านคนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง ไม่มันเลยสักนิดตอนพวกนายซ้อมกันฉันก็ไม่มีอะไรทำ ที่นี่ก็ไม่มีเกมให้เล่นอีก พูดแล้วคันนิ้วอยากจะไต่แรงค์เกมใหม่”

     

    ชานยอลสะบัดมือไปมา ทำหน้าตื่นตาตื่นใจเหมือนปกติ ป่านนี้ไม่รู้แรงค์เกมเขาจะถูกแซงไปถึงไหนแล้ว ก่อนมาฮอกวอตส์นี่ชานยอลนั่งหลังขดหลังแข็งเล่นทั้งคืน เขาติดเกมนี้ชนิดที่ว่าแอบเอาเงินค่าขนมที่ได้ไปใช้ในเกมด้วย

     

    “พูดอะไรดูหน้าแบคฮยอนด้วย งงเป็นหนอนฟลอบเบอร์โดนบดละจงอินหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนอีกคน พ่อมดเลือดบริสุทธิ์ในศตวรรษนี้ตามโลกของมักเกิ้ลไม่ค่อยทันเท่าไหร่ เวลาจงอินกับชานยอลแลกเปลี่ยนความเห็นกันเรื่องทีมฟุตบอลหรือเกมออกใหม่ มักจะมีพยอนแบคฮยอนนั่งทำหน้างงอยู่ข้างๆเสมอเสาร์นี้มาก็ได้แหล่ะ มาวุ่นวายเหมือนที่นายทำประจำ”

     

    “เออ คราวนี้ทดสอบตำแหน่งไหนดี เชสเซอร์ดีมั้ย หรือคีปเปอร์ดีสีหน้าจริงจังของชานยอลในเรื่องเกี่ยวกับควิดดิชทำให้ตัวจริงในทีมอย่างแบคฮยอนและจงอินขำได้เสมอ พวกเขาเงียบเสียงลงเมื่อเข้าสู่เขตคุกใต้ดิน จงอินเดินแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อตรงไปยังหน้าชั้นเรียน เขาวางหนังสือลงบนโต๊ะและทรุดตัวลงนั่งข้างๆคนที่ยังนั่งคอแข็ง มองตรงไปข้างหน้า

     

    ชั่วโมงปรุงยากับคยองซู

     

    เขาปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขาก็แอบรอคอยมันอยู่เหมือนกัน

     

    นับว่าเป็นโชคดีของทีมกริฟฟินดอร์ที่วันเสาร์ท้องฟ้าปลอดโปร่ง จงอินยืนหาวอยู่บนสนาม รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่โดนปลุกจากเตียงมาแต่เช้า(เช้าที่ว่าก็คือแปดโมง)เพื่อฟังการบรรยายการคัดเลือกคนเข้าทีม ถึงแม้จะผ่านการกินอาหารเช้าในห้องโถงใหญ่มาแล้ว ทั้งๆที่ควรจะตื่น แต่จงอินก็ยังไม่หายง่วงอยู่ดี

     

    จำนวนสมาชิกที่เหลือในทีมกริฟฟินดอร์ปีนี้เหลือเพียงสี่คน มีตำแหน่งว่างอยู่สาม คือคีปเปอร์ เชสเซอร์ และบีตเตอร์ อันที่จริงจงฮยอนเปิดให้ทดสอบใหม่หมดหกตำแหน่ง ด้วยเหตุผลที่ว่าอาจจะมีคนฝีมือระดับเทพสุดๆซ่อนตัวอยู่ และอยากเปิดโอกาสให้ทุกคนเท่ากัน แต่จงอินค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ว่ายังไงซีกเกอร์ประจำทีมกริฟฟินดอร์ก็ต้องเป็นเขาอยู่ดี

     

    “พวกมาใหม่จับกลุ่มกัน กลุ่มละห้าคนจงฮยอนตะเบ็งเสียงก้องสนามควิดดิช กัปตันร่างเตี้ยกำลังถูกรบกวนด้วยเสียงจ้อกแจ้กจากนักเรียนกริฟฟินดอร์เกือบครึ่งบ้านทดสอบบินพื้นฐานก่อน ไป!”

     

    ระหว่างการทดสอบ จงอินนั่งเหม่อมองแต่ละกลุ่มบินวนรอบสนามอย่างง่วงๆ มีบางกลุ่มทำให้เขาขำออกมานิดหน่อย เช่นบินชนกันเอง หรือบินเลยสนามเพราะเบรกไม่เป็น กรณีที่ขำที่สุดน่าจะเป็นปาร์คชานยอลที่มาทดสอบตำแหน่งคีปเปอร์ (ปีที่แล้วเจ้าตัวลงทดสอบเชสเซอร์ ผลที่ได้คือจับลูกไม่อยู่ด้วยซ้ำ) ชานยอลบินได้ดีขึ้น ติดแค่ว่าโลดโผนไปหน่อย บินเป็นรูปเลขแปดบ้าง เป็นวงๆบ้าง ซึ่งดูยังไงก็ไม่น่ารอดอยู่ดี

     

    “ตานายละ จงอินแบคฮยอนตบบ่าเขาเพื่อให้ลุกจากอัฒจันทร์ข้างๆ เขาเดินไปรวมกลุ่มกับเด็กปีสี่อีกสามคน ก่อนที่จะเหวี่ยงขาข้ามไม้กวาด ถีบเท้าขึ้นจากพื้นโดยที่ไม่รอสัญญาณจากจงฮยอนเลยด้วยซ้ำ

     

    สายลมเร็วๆที่พัดผ่านหน้านั้นทำให้เขารู้สึกตื่นที่สุดในรอบอาทิตย์ จงอินบินรอบสนามด้วยความเร็วสูงสองรอบ ก่อนที่จะลดลงมาเป็นบินเอื่อยๆแทน เขามองไปรอบสนามเพื่อสังเกตการณ์จากมุมสูง จงอินเห็นจงฮยอนชี้มือชี้ไม้เป็นทำนองด่าเขานิดหน่อย เห็นแบคฮยอนที่กำลังบินซิกแซ็กเป็นชื่อตัวเอง และเห็นร่างเล็กๆของใครบางคนที่ยืนอยู่ริมสนาม เสื้อคอเต่าสีดำนั่นชัดเจนเสียจนจงอินจำได้ว่าเป็นใครในวินาทีแรก

     

    แปลก คยองซูเดินมาถึงสนามควิดดิช เพื่ออะไรกัน?

     

    จงอินเร่งความเร็วของไม้กวาดเข้าไปใกล้เด็กสลิธีรินที่ยืนอยู่ตรงเสาริมสนามต้นใหญ่ คยองซูสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายบินเข้าใกล้แรงเสียจนผมปลิว คนตัวสูงฉีกยิ้มกวนๆและโน้มหน้าลงมาหาคนที่ยืนทำหน้ามุ่ย

     

    “มาทำอะไรแถวนี้?”

     

    คยองซูไม่ตอบ คนตัวเล็กใช้นัยน์ตาโตๆจ้องกลับ และทำท่าจะหันหลังเดินหนีไป จงอินบินตามไปดักหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น การทดสอบจะเป็นยังไงค่อยว่ากัน ตอนนี้เขาขอแกล้งคยองซูก่อน

     

    “มาแอบดูฉันทดสอบเหรอ เรื่องแค่นี้ขอกันดีๆก็ได้จงอินว่า แล้วชะเง้อคอมองไปยังอีกฟากของสนาม เห็นจงฮยอนทำสัญญาณมือเรียกเขาให้กลับมารวมกลุ่มผู้ทดสอบไหนๆก็มาแล้ว มานี่”

     

    จงอินดึงคนที่ไม่พูดไม่จาเข้ามาใกล้ พยักหน้าให้คยองซูขึ้นขี่ไม้กวาดของเขา คยองซูเบิกตากว้างแล้วส่ายหน้า ถึงแม้ในใจจะร้องอุทธรณ์ให้กับการกระทำของตัวเอง -- คยองซูเคยมีความฝัน ฝันว่าอยากเล่นควิดดิช แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่ของเขาไม่อนุญาตให้เขาจับไม้กวาดขึ้นบินด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นห่วงสุขภาพที่ไม่ค่อยจะดีนักของเขา คยองซูฝืนแรงอีกฝ่าย ความตื่นเต้นที่ไม่ได้สัมผัสมานานกำลังท้าทายเขาอย่างร้ายกาจ และนั่นทำให้การปฏิเสธของคยองซูดูไม่หนักแน่นเท่าที่ควร จงอินยิ้มน้อยๆแล้วดึงคนตรงหน้าเต็มแรง ด้วยอารามตกใจ คยองซูเผลอพาดขาข้ามไม้กวาด ยังไงก็ตาม เขารู้ดีว่ายังไงจงอินก็จะหาทางพาเขาขึ้นบินไปให้ได้

     

    นานๆทีคยองซูจะได้ขึ้นมาสัมผัสสายลมที่พัดผ่านเวลาบินบนไม้กวาด มันก็น่าตื่นเต้นเหมือนทุกที (แต่เขาก็ต้องเก็บมันภายใต้สีหน้านิ่งๆ) เขาทำเป็นไม่สนใจสายตาของกลุ่มกริฟฟินดอร์ที่มองขึ้นมาจากพื้น คยองซูไม่กล่าวขอบคุณด้วยซ้ำเมื่ออีกฝ่ายส่งเขาลงตรงอัฒจันทร์ที่มีคนนั่งอยู่ประปราย

     

    “นั่งดูตรงนี้ไปแล้วกันจงอินบอกพร้อมกับเลิกคิ้ว ดูเหมือนสีหน้าบูดๆของคยองซูจะเตะตาเกินไปอย่าลืมเชียร์ด้วยล่ะ”

     

    คยองซูเลือกที่จะไม่โต้ตอบอีกครั้ง แต่จงอินก็ยังหัวเราะอยู่ดี เขาเฝ้ามองคนตัวสูงกว่าที่เร่งความเร็วกลับไปรวมกลุ่มการทดสอบผู้เล่นใหม่เข้าทีมกริฟฟินดอร์ ในใจมีคำสาปแช่งยาวเหยียดที่ยังไงก็ส่งไปไม่ถึงจงอินซักที

     

    แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกว่าการที่เป็นสลิธีรินคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้มันแย่

     

    ยังไงเช้านี้เขาก็ว่าง หนังสือก็ไม่มีอารมณ์อ่าน นั่งดูการคัดเลือกผู้เล่นไปก็ไม่เสียหาย

     

    คยองซูเสียเวลาเกือบสองชั่วโมงหลังจากนั้นในการนั่งดูการคัดเลือกที่ทั้งสนุกและน่าเบื่อไปในคราวเดียวกัน นานๆทีจะมีผู้สมัครที่ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความสามารถ ซึ่งคยองซูก็ไม่รู้จักเลยซักคนอยู่ดี การคัดเลือกซีกเกอร์เป็นการคัดเลือกสุดท้าย และแน่นอนว่าคนที่ได้ก็คือซีกเกอร์คนเดิม พร้อมกับการโชว์ความสามารถในการไล่จับลูกสนิชภายในเวลาสามนาที เขาได้ยินเสียงปรบมือจากกลุ่มคนดูที่ตามมาสมทบหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ทั้งกลุ่มสาวๆจากหลากหลายบ้านที่ตามมาดูจงอิน ทั้งทีมควิดดิชทีมอื่นที่ตามมาเก็บข้อมูลทีมกริฟฟินดอร์

     

    ทีมควิดดิชใหม่ของกริฟฟินดอร์ลงจากไม้กวาดและเดินตรงมาที่อัฒจันทร์คนดู สมาชิกหลายคนโบกมือให้บนเพื่อนบนอัฒจันทร์ จงอินเองก็โบกมือเช่นกัน แต่คยองซูดูไม่ออกหรอกว่าหมอนั่นโบกมือให้ใคร เขาปิดหนังสือบนตัก (ที่เอามาวางไว้เฉยๆกันมือว่าง) สายตาก็จ้องคนที่เดินเข้ามาเรื่อยๆ

     

    “เฮ้ จงอินเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือหัวเขา ก่อนที่ร่างหนึ่งจะกระโดดข้ามที่นั่งอัฒจันทร์ลงไปหาซีกเกอร์กริฟฟินดอร์ที่หยุดอยู่ตรงหน้าพอดี สายตาของจงอินเบนจากเขาไปหาคนที่เข้ามาทักทาย ลู่หาน เด็กปีหก เจ้าของตำแหน่งซีกเกอร์ประจำบ้านเรเวนคลอเป็นยังไงบ้าง อาทิตย์ที่ผ่านมายุ่งๆเลยไม่ได้มาทักทาย”

     

    “ก็ดีจงอินยักไหล่แล้วยกแขนไปพาดบ่าลู่หาน คนตัวเล็กกว่าหันไปกระซิบกระซาบหัวข้ออะไรบางอย่างใส่จงอิน ลู่หานมีใบหน้าที่น่ารักเหมือนเด็กผู้หญิง (แต่กิตติศัพท์ความแมนของเจ้าตัวนั้นดังข้ามบ้านมาไกล) ฉลาด อัธยาศัยดี คยองซูจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเลือดสีโคลน และข้อเท็จจริงอันนั้นน่าจะทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

     

    และเขาก็ไม่เคยจำได้ว่าคิมจงอินไปสนิทกับอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่

     

    แล้วใครสนกันล่ะ

     
    --------------------------------- 100% -------------------------------------

    เพิ่งกลับจากการไปกินแมนฮัตตัน ต่อด้วยสเวนเซ่น ต่อด้วยบาบีก้อน ต่อด้วยไอติมเอเต้
    ครึ้มๆก็มาอัพค่ะ แหะ
    ในที่สุดก็มีโมเม้นคันหัวใจยุบยิบๆละ นี่แต่งไปก็แบบ กิ๊วๆ กิ๊วๆ กิ๊วๆ #เดี๋ยวๆ
    ตอนหน้า สปอยว่าจะมีใครซักคนหงุดเงี้ยวค่ะ ซักทีเนอะ ซักที ฮี่ๆ
    นิดนึง ในเมื่อลู่หานปรากฏตัวออกแล้ว ก็มีอะไรซักอย่างมาบิวท์เราให้แต่งพาร์ทฮุนฮานค่ะ /สั่น
    ลู่หานเรเวนคลอกับเซฮุนสลิธีรินเงี้ย มือไม้สั่น สุดท้ายก็ไปแต่งค่ะ..

    โอเค เราจะไม่พูดมากละ เราจะไปแต่งตอนต่อไปต่อ
    ใช่ค่ะ ไปสู้ 

    โม่งหนึ่งที่ยังไม่ปิดเทอมซักที (อีดอก)

    เราจะสอบไฟนอล ช่วยเลาด้วย แง
    โม่งสอง


    พรุ่งนี้ไฟนอล ฟวดาฟยนดาฟวนดาฟวาดวฟนาดฟวนด
    โม่งศูนย์


    --------------------------------50%------------------------------------


    มาพร้อมอีเวนท์ค่ะ กล่าวสามครั้งนะคะ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ
    สี่รางวัลแน่ะค่ะ นี่ถึงกับนั่งกี๊ดๆอยู่หน้าคอมแลวมาอัพฟิค แกกกกกกกกกกกกกกกก
    เราชอบโซโล่จงอิน ผีบ้าของน้อง พฮือ

    โอเค กลับมาเข้าเรื่องฟิค
    สองคนนี้น่ารักเนอะ ปากบอกเกลียดๆละก็บั่บ ใจอ่อนมาวอแวกันอยู่ด้ะ เอ้อ ยังงี้ก็มีเน้ออออออ
    โอ้ย ไม่รู้ ตอนนี้ปริ่มอยู่ จงอินผีบ้าของน้อง นั่ลล้าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค
    ไฟนอลยังไม่จบด้วยแหล่ะ ฮือ

    โอเค ตอนนี้พูดไม่รู้เรื่อง ไปก่อน โม่งหนึ่งต้องไปรับยาช่องสอง

    ลาก่อยค่ะ

    โม่งหนึ่งคนนั้น ที่ยังเฝ้าฝันถึงปิดเทอม(จริงๆ)

    -------------------------------------------------------------------


    พรุ่งนี้สอบไฟนอลคอมโปรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร
    printf("EXO wins MAMA"); ลองเอาไปรันในเดฟซีดูนะคะ 5555555555
    แฮ๋กๆ แต่ไม่เป็นไร อซได้รางวัลมาม่า ขอคืนความสุขให้ปชช
    มาค่ะ งานฮอกวอตส์ต้องมา เดี๋ยวหลังจากนี้จะอ่านไฟนอลละ /โกหกคำโต

    งือ
    ดีใจกับเอ็กโซด้วย อี้ชิงเหมือนทั่นผู้นำสมัยสงครามเลย เผ่ามองโกลชัดๆ
    ยังคงหวาดกลัวจงอินไม่ใส่รองเท้าตอนเต้นโอเวอร์โดสอยู่ ตีนดำๆมันติดตาอ่ะ ถถถถถ

    โม่งสอง


     

     
    สวัสดี นี่โม่งศูนย์ 
     
    มาค่ะ มาอัพฉลอง 5555555555555555555 
    จงอินนางถอดเกือกเต้นค่ะ สกิลสูงจริงๆ 10 คะแนนสำหรับกริฟฟินดอร์ 
    เราจะไม่เวิ่นเว้อมาก นี่หนีเพื่อนมา เพื่อนนั่งรออยู่ที่หอ
    อะไรเอ่ย หนังสือไม่อ่าน การบ้านไม่ทำ แต่แด๊ดแด๋มาลงฟิค 55555
     
    ด้วยรักและปาร์คชานยอล
    โม่งศูนย์ 
     
    ปล. ครึ่งตอนหลังมีงานงุ้งงิ๊ง
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×