คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 14
14
จงอินเดินไปเดินมาด้วยความกระวนกระวายอยู่หน้าห้องเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ เขาไปถามแทมินจนได้ความว่าคยองซูลงเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ต่อจากคาบปรุงยา เขาเลยอาศัยที่ตัวเองมีคาบว่างมาดักรออีกฝ่าย -- เพื่อที่จะได้ตกลงเรื่องของงานที่ค้างคาระหว่างกันให้เรียบร้อย
กระแสนักเรียนข้างนอกที่ทางเดินตรงไปยังห้องโถงเพื่อมื้อกลางวันค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ จงอินขยับเท้าไปมาอย่างอึดอัดใจ สายตาบางคู่จากนักเรียนปีห้าที่เรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์มองมาที่เขาด้วยความรู้สึกแปลกตา จงอินพยักหน้าให้เพื่อนร่วมบ้านปีห้าที่เดินออกมาจากห้อง นักเรียนเกือบทั้งหมดคลาสเดินออกมาแล้ว แต่ไร้วี่แววของคยองซู
“อ้าว จงอิน” ไอรีนทักอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ ”มาหาใครน่ะ”
“โดคยองซูน่ะ” คำตอบนั้นออกมาพร้อมกับน้ำเสียงหงุดหงิด ”พอจะเห็นบ้างไหม”
“คุยกับอยู่กับศาสตราจารย์อินซองข้างในน่ะ”เพื่อนร่วมบ้านตอบและพยักเพยิดเข้าไปในห้องเรียน จงอินพึมพำในลำคอเป็นคำที่ฟังไม่ออก “มีอะไรจะคุยเหรอ?”
“งานวิชาปรุงยาไง หมอนั่นเดินหนีไปเลยพอจบชั่วโมงปรุงยา”จงอินว่า หน้าตาเพิ่มความเครียดขึ้นอีกระดับ ไอรีนหันซ้ายหันขวาแล้วเอื้อมมือมาดันให้จงอินก้าวเข้าไปใกล้ประตูห้องเรียนขึ้นอีกนิดหนึ่ง “เดี๋ยว เธอทำอะไรน่ะ”
“ทะเลาะกันก็รีบๆคืนดีเสียสิ”
“อะไรนะ?”
“คิดว่าไม่มีใครดูออกหรือไง” ไอรีนเลิกคิ้ว -- แต่ก็ไม่นึกประหลาดใจในความช้าของคิมจงอิน ไม่ว่าใครก็ตามที่รู้จักจงอินก็สังเกตออกทั้งนั้น ปกติเจ้าตัวมักชอบกวนประสาทพรีเฟ็คบ้านสลิธีรินชนิดที่ว่าต้องอย่างน้อยวันละครั้ง แต่ตอนนี้ไม่ยอมพูดกันแทบจะเป็นอาทิตย์แล้ว “อย่าคิดว่าทุกคนจะช้าเหมือนนายสิ”
“เฮ้ -- ฉันไม่ได้ทะเลาะกับหมอนั่น -- ”
“ใครเชื่อก็เพี้ยนแล้ว”เพื่อนร่วมบ้านตบบ่าเขาเบาๆ “ไปเคลียร์กันซะ ฉันไม่อยากเห็นนายทำหน้าเหมือนหมาป่วยไปมากกว่านี้แล้วนะ”
จงอินยังคงไม่เลิกความพยายามในการแย้ง แต่เขาก็แย้งอะไรไม่ทัน ไอรีนเดินหนีไปเสียแล้ว เธอเดินเร็วๆตามกลุ่มเพื่อนที่ออกห่างไปเรื่อยๆ ทิ้งให้จงอินเดินงุ่นง่านอยู่คนเดียวหน้าห้อง เขาชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องอย่างระมัดระวัง และเขาก็เห็นคนสองคนที่ยังคงยืนคุยกันอยู่ที่โต๊ะอาจารย์หน้าชั้นเรียน
“หนังสือบางเล่มที่ฉันแนะนำไปอยู่ในเขตหวงห้าม คยองซูอยู่ปีห้าใช่ไหม? ถ้ายังเข้าไปยืมไม่ได้ก็มาขอจดหมายที่อาจารย์นะ” คนที่คยองซูคุยด้วยอยู่คืออาจารย์โจอินซอง สอนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ จงอินจำหน้าอีกฝ่ายได้ลางๆเพราะแทบไม่เคยเข้าใกล้วิชานี้ -- ไม่เข้าใกล้แม้กระทั่งที่ตั้งของห้องเรียน (เขาคิดว่าวิชาเกี่ยวกับตัวเลข เขาเจอมันที่โลกมักเกิ้ลจนเกินพอแล้ว)
“ขอบคุณครับ” จงอินเห็นคยองซูก้มหัวให้ จากมุมที่เขามอง จะเห็นใบหน้าของเด็กสลิธีรินคนนั้นชัดๆ -- และคยองซูกำลังยิ้มกว้างให้กับอาจารย์ ซึ่งจงอินคิดว่ามันแปลกเอามากๆ (แต่รู้สึกว่าตั้งแต่เขาขึ้นปีห้ามาก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นหลายเรื่อง) “ขอบคุณอาจารย์มากจริงๆครับ ผมอยากได้สองเล่มนี้มานานแล้ว”
หนังสือปกหนังสองเล่มนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของคยองซู จงอินหรี่ตา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนรออยู่แบบนั้น ไม่รู้ว่าคยองซูจะชักช้าอะไรนักหนา ไปถึงห้องโถงอาหารคงหมดโต๊ะไปแล้ว เสียเวลาเขาสุดๆ
ไม่นานนักคยองซูก็ยอมผละจากอาจารย์วิชาตัวเลขมหัศจรรย์และเดินหอบหิ้วหนังสือกองใหญ่ออกมา ตอนแรกเขาไม่ทันสังเกตว่านอกห้องเรียนมีมนุษย์ตัวสูงในสเวตเตอร์สีแดงเข้มยืนรออยู่ คยองซูจำใจต้องหยุดเดินด้วยเสียงเรียกของจงอินที่ทำให้หัวใจของเขาเขย่าโครมครามทันทีที่ได้ยิน
“โดคยองซู” จงอินเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นก่อน ประโยคนั้นตามด้วยความเงียบที่ยาวนานเกือบสิบวินาที ซึ่งเป็นความรู้สึกที่น่าอึดอัด ราวกับว่ามีใครมาทำให้อากาศหายไปจากบริเวณนี้ “-- ฉันมาถามเรื่องงานวิชาปรุงยา”
“แล้ว?” คยองซูตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ เขาจ้องผนังข้างๆจงอินเพื่อหลบเลี่ยงไม่มองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ ความรู้สึกอะไรสักอย่างมันขึ้นมาทุกครั้งในช่วงหลังที่เขามองหน้าอีกฝ่าย “ฉันคิดว่าศาสตราจารย์ฮีชอลสั่งงานชัดเจนดีแล้วนะ”
“หมายถึงเรื่องงานคู่ -- ที่ฉันต้องคู่กับนาย” เสียงของจงอินเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เด็กกริฟฟินดอร์ยกมือขึ้นกอดอก จ้องเสี้ยวหน้าขาวเผือดของคนที่ไม่ยอมมองหน้าเขาตรงๆ “นายกับฉันควรตกลงงานให้เรียบร้อย จะได้ไม่ยุ่งยากในภายหลัง”
จะได้ไม่ยุ่งยากในภายหลัง
คยองซูเลิกคิ้วกับประโยคนั้น จงอินเองก็เงียบไปเช่นเดียวกัน ดูเหมือนจะรอคำตอบจากเขา แต่แน่นอนว่าสิ่งที่คยองซูให้กลับไปคือความเงียบที่ยังคงสร้างความอึดอัดได้ดี พรีเฟ็คสลิธีรินหันหลังให้คนถามและออกเดินไปเสียดื้อๆโดยที่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยซักนิด
“นายจะดื้อไปถึงเมื่อไหร่กัน” จงอินถามเสียงดุ -- เขาเริ่มรำคาญกิริยาการทำตัวแบบนี้ของคยองซูแล้ว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไงให้อีกฝ่ายถูกใจ ขนาดเข้ามาคุยด้วยดีๆและมีเหตุผลในการมาคุยก็ยังมีปัญหาแบบนี้อีก บางทีเขาก็สงสัยว่าอีกคนต้องการอะไรกันแน่ “ฉันมาคุยกับนายเรื่องงาน แยกแยะบ้างได้ไหม”
จงอินเน้นเสียงหนักที่คำว่างาน โดยที่หวังว่าคยองซูจะยอมลดทิฐิลงบ้างและหันมาคุยกับเขาดีๆ คยองซูหยุดเดิน ในอกรู้สึกร้าวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เขาหันหลังกลับไปมองหน้าคนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียว จงอินหยุดมองหน้าเขาไม่ถึงเสี้ยววินาที ก่อนที่จะเมินมองไปทางอื่น -- เหมือนกับว่า...
ไม่อยากคุยกับเขา
คยองซูเม้มปากแน่น ความรู้สึกเหมือนโดนคำสาปต้องห้ามกรีดเข้าให้จนเป็นแผลเหวอะ เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนที่จะเรียบเรียงคำพูดออกมาช้าๆ
“ทำคนเดียวคงโอเคกว่า อย่างน้อยก็ทั้งในเรื่องของการประสานงานแล้วก็ความรับผิดชอบ รวมถึงมันสมองด้วย -- ครั้งนี้ฉันทำให้นายก็ได้ จะได้ไม่มีปัญหา” คยองซูกระแทกเสียงที่คำสุดท้ายไปบ้าง เขาจ้องหน้าจงอิน ใช้สายตาที่คิดว่าเหยียดหยามที่สุดจ้องกลับไป
”อีกอย่าง ฉันแยกแยะได้ว่าควรพูดดีๆกับคนประเภทไหน แล้วคนประเภทไหนที่ไม่สมควรได้รับ”
“ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ” จงอินสวนกลับมาแทบจะทันทีที่คยองซูพูดจบ น้ำเสียงของเขาดังขึ้นนิดหน่อยแต่ไม่ยากเกินไปที่จะสังเกต “แบบนี้แหละที่เรียกว่าแยกแยะไม่เป็น แค่ตกลงกันเรื่องงานมันจะยากอะไรนักหนา ก็แค่แบ่งงานแล้วก็จบ นายจะพูดเรื่องอื่นให้ได้อะไรขึ้นมา คนที่มีปัญหาท่าทางจะเป็นสลิธีรินเย่อหยิ่งแบบนายมากกว่า”
“ฉันบอกแล้วว่าจะทำงานนี้คนเดียวไง!” เสียงที่ตอบกลับมานั้นกระแทกกระทั้น และเต็มไปด้วยอารมณ์โมโห ในเมื่อจงอินเลือกที่จะขึ้นเสียงกับเขาก่อน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่ทำอย่างนั้นบ้าง ความดื้อดึงที่ออกมาจากปากของอีกฝ่ายราวกับตรึงร่างของจงอินไว้นิ่ง เขามั่นใจว่าน้ำเสียงแบบนี้ของโดคยองซูเป็นอะไรที่ไม่ค่อยมีใครเคยได้ยิน และเขาเองก็ไม่คิดว่าตนจะได้ยินประโยคแบบนี้จากปากคยองซูเช่นกัน “ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ไม่อยากทำงานร่วมกับนาย การที่มีนายอยู่บนโลกร่วมกันมันน่าสะอิดสะเอียนแค่ไหนรู้ตัวบ้างมั้ย แค่ยืนอยู่ตรงนี้ฉันก็แทบหายใจไม่ออกแล้ว!”
จงอินนิ่งไปครู่ใหญ่ เขามองอีกคนที่เพิ่งพ่นคำพูดร้ายกาจใส่หน้าเขาทั้งที่ยังคงทำหน้านิ่งได้อยู่ เขาไม่เข้าใจโดคยองซู แล้วก็จะไม่ปฏิเสธด้วยว่าเขากำลังหงุดหงิดโดคยองซูไม่น้อยเลยทีเดียว
“โดคยองซู สลิธีรินผู้ชาญฉลาด -- จะช่วยกรุณาบอกเด็กกริฟฟินดอร์โง่ๆคนนี้ได้ไหมว่าไม่พอใจเรื่องอะไร” เด็กกริฟฟินดอร์ยืดกายขึ้นเต็มความสูง คิมจงอินยังคงมาทำเป็นเล่นลิ้น แต่นัยน์ตากลับเย็นเฉียบราวกับกำลังท้าทายเส้นอารมณ์ของคยองซู ท่าทางเหนือกว่าของซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์นั้นไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก ใบหน้าที่ไม่ได้มีรอยยิ้มขี้เล่นประดับไว้อย่างเคยทำให้คยองซูรู้สึกวูบโหวงอย่างน่าประหลาด ดวงตาสีเข้มกดมองไปที่อีกคนราวกับเป็นผู้มีอำนาจ พรีเฟ็คสลิธีรินเผลอกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อไม่สามารถตอบคำถามของคนตรงหน้าได้
”ถ้าเป็นเรื่องที่บอกว่าชอบ ก็บอกไปแล้วว่าล้อเล่น นายจะติดใจอะไรนักหนา”
จงอินไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น -- มันไม่ตรงกับความรู้สึกของตัวเองเลยด้วยซ้ำ การที่เขาชอบคยองซูนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หรือเรื่องตลกอะไรทั้งนั้น แต่ในเมื่อคยองซูเกลียดเขาขนาดนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเสนอความรู้สึกไร้ค่าของเขาให้ฟังอีกรอบ
คยองซูอาจจะสบายใจขึ้นก็ได้ ยังไงเจ้าตัวก็พูดออกมาแล้วว่าการที่มีคนอย่างเขามาชอบมันเป็นเรื่องน่ารังเกียจ
คยองซูนิ่งไปอีกอึดใจ เหมือนอะไรบางอย่างในตัวร่วงหล่นเมื่อได้ยินคำว่า ’ล้อเล่น’ อีกรอบ น้ำเสียงของคนตรงหน้าบอกได้ดีว่าเจ้าตัวคงรำคาญที่เขาทำตัวงี่เง่าไร้เหตุผล หากมีทางออกที่ดีกว่านี้คยองซูเองก็ยินดีที่จะทำ เขาไม่ได้อยากทำงานคนเดียวนักหรอก แต่การที่มีจงอินเป็นเพื่อนร่วมงานก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เขาอึดอัดใจไม่น้อย คยองซูสูดหายใจเข้าลึกๆ มือกำแน่นขึ้นเพื่อรวบรวมสติที่พลัดหายไปชั่วคราว
“สงสัย -- ฉันคงรังเกียจ” คยองซูลดเสียงลงเหลือเพียงพึมพำ -- คล้ายอยากให้ตัวเองเชื่อแบบนั้นจริงๆ มีความคิดบ้าบิ่นที่ว่าเขาอาจจะต้องเสกคำสาปสะกดใจใส่ตัวเองให้เชื่อแบบนั้น
“ยังไงฉันก็เกลียดนายมานานแล้ว การที่มาฟังนายบอกว่าชอบ -- ถึงแม้จะบอกว่าล้อเล่น ฉันก็รู้สึกว่ามันเลวร้ายสุดๆ คล้ายฝันร้ายอะไรทำนองนั้น”
เขาไม่ได้โกหกเลยสักนิด
คำว่า ‘ล้อเล่น’ ของจงอิน เป็นฝันร้ายของเขาจริงๆ ฝันร้ายที่ไม่สามารถลบล้างไปได้แม้ว่าจะลืมตาตื่นอีกสักกี่ครั้งก็ตาม
“นี่คือสาเหตุของนาย?” จงอินเลิกคิ้ว ความรู้สึกมวนในท้องเกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดอะไรต่อ คำพูดอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกผลักตกเหวทุกครั้งที่ได้ยิน จงอินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า เผื่อว่าจะมีสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ความเกลียดชังอยู่ภายในนั้นบ้าง หากแต่แววตาที่แสดงออกชัดของอีกฝ่ายกลับทำให้เขายอมแพ้ในที่สุด เขาไม่สามารถจ้องตาคยองซูนานๆได้ เช่นเดียวกับที่เขาไม่สามารถทนมองความเกลียดชังในสายตาคู่นั้นได้ จงอินเสมองไปทางอื่น หากความรังเกียจคือสิ่งเดียวที่คยองซูรู้สึก เขาเองก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป
“แล้วที่ผ่านมา คือเกลียดทั้งหมดเลย? รวมถึงที่ให้พี่ชายนายมาสาปฉันด้วยใช่มั้ย”
“ทั้งหมดที่ปฏิบัติกับนายคงเป็นความรักมั้ง ถ้าไม่โง่นายคงดูออก” คยองซูยิ้ม แต่ไม่มีความบันเทิงใดๆแฝงอยู่ในนั้น จงอินนิ่งไป -- และคยองซูก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด อะไรบางอย่างที่ใกล้เคียงกับคำว่าความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาในจิตใจ คยองซูพอจะรู้ว่าจงอินคิดว่าเขาเป็นคนสั่งให้คริสไปทำร้ายอีกฝ่าย แต่เขาไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปฏิเสธ เวลานี้...ยิ่งทำให้จงอินคิดว่าเขาเกลียดคนตรงหน้าได้มากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น เขาเหนื่อยกับการที่จะต้องห้ามใจตัวเองขึ้นไปทุกทีแล้ว “ต้องให้พูดอีกไหมว่ารำคาญมาตลอด”
“แล้วทำไมนายไม่ไล่ฉันไปตั้งแต่ทีแรก” ประโยคนั้นแผ่วลงจนน่าใจหาย จงอินกำหมัดแน่น นัยน์ตาสะท้อนความเจ็บปวดชัดเจน คยองซูเมินหน้าไปทางอื่น ไม่ปฏิเสธว่าท่าทีอ่อนลงของอีกฝ่ายกำลังทำให้เขารู้สึกสับสน “ปล่อยมาทำไมตั้งห้าปี”
“รู้จักคำว่ามารยาทไหม?”
จงอินเบือนหน้าไปอีกทาง ยิ่งฟังแต่ละประโยคที่คยองซูพูดออกมาก็ยิ่งรู้สึกว่าสถานการณ์ของเขานั้นไม่มีอะไรดีขึ้นซักนิด คยองซูก็ยังคงเป็นคยองซู ดื้อดึงและเย็นชา -- และทั้งหมดก็สามารถทำร้ายความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี
เขาทั้งอยากเอาชนะ -- และอยากกลับไปคุยกันดีๆ แต่ดูเหมือนคู่สนทนาจะไม่ให้ความร่วมมือเลยซักนิด สมองของเขาว่างเปล่าเมื่อเขาหันไปมองหน้าของคยองซูอีกครั้ง ทั้งหมดที่เขาเห็นคือสีหน้าท้าทายที่ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของเขาดีขึ้นเลยซักนิดเดียว
ทั้งห้าปีที่ผ่านมา -- จงอินเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่ามิตรภาพได้ไหม แต่ตอนนี้เขารู้แค่ว่าสิ่งที่คยองซูยืนยันออกมาว่าทั้งหมดเป็นแค่ความรำคาญ และความเกลียดชัง
ให้ตายเถอะ เขาอยากร้องไห้ชะมัด
“งั้น -- ที่จูบตอบตอนนั้น”จงอินพึมพำเสียงแผ่ว คำพูดที่หลุดออกมาจากปากนั้นไม่ผ่านกระบวนการคิดด้วยซ้ำ ภาพความทรงจำเก่าๆไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวให้รู้สึกเจ็บใจเล่น “นายเรียกมันว่าจูบเป็นมารยาทงั้นเหรอ”
“หุบปาก” คยองซูตอบเสียงเย็น เขาไม่เข้าใจจงอินเลยซักนิดว่าจะลำเลิกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกทำไม ในเมื่อเรื่องที่บอกว่าชอบเขาก็ล้อเล่น -- แล้วจะพูดเรื่องนี้ให้เขาหวั่นไหวอีกทำไมกัน
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้นายเลิกมีมารยาทไปแล้วงั้นเหรอ?” จงอินสรุปด้วยเสียงที่มั่นคงขึ้น แววตาเจ็บปวดหายไปแล้ว เหลือแต่ตะกอนของความเย็นชาที่ถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
“มี แต่ฉันเลือกที่จะใช้”
“ให้ตายเถอะ”จงอินตบหน้าผากตัวเอง เขาถอนหายใจออกมา รู้สึกเหนื่อยเหมือนไปว่ายน้ำในทะเลสาบมาซักสามไมล์
เขาไม่รู้จะทำยังไงกับคยองซูแล้ว ในเมื่อพูดอะไรไปอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจเลย
”ฉันเหนื่อยกับนายจริงๆ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่จงอินจะไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก เมื่อคยองซูเลือกที่จะหยิบไม้แอซขึ้นมาและยกมันชี้ใส่หน้าจงอิน คนตัวสูงกว่ามองกลับไปและยกมือเป็นสัญญาณยอมแพ้
“นายจะสาปฉันเป็นอะไรก็เชิญ -- ”
“ซีเลนซีโอ”
จงอินนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อเสียงที่ควรจะได้เปล่งออกมากลับเงียบหายไปในอากาศ นัยน์ตาที่อีกฝ่ายพร่ำบอกว่าเหมือนดวงตาของนกฮูกวูบไหวเพียงครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเฉยแบบเดิม คยองซูเก็บไม้กายสิทธิ์ใส่กระเป๋าและเอียงคอมองหน้าคนที่ยกมือขึ้นแตะลำคอของตัวเอง
คยองซูก็เป็นแบบนี้ทุกที แก้ปัญหาด้วยวิธีแบบนี้ -- ซึ่งมันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
จะได้อะไรจากการเสกให้เขาหุบปาก? ปัญหาจบแค่ตรงนี้ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเข้าใจกันอีก ถ้าหากคยองซูยังถือทิฐิไว้แบบนี้ -- อันที่จริงจงอินก็ไม่รู้ว่าเขาสมควรอธิบายอะไรให้คยองซูฟัง ในเมื่อเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายโกรธเขาเรื่องอะไร ในเมื่อคยองซูไม่เคยบอกเขาซักครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ทะเลาะกัน (ถ้าจะนับว่าไอ้สถานการณ์มึนตึงระหว่างเขาคือการทะเลาะกันน่ะนะ) มีแต่ความเงียบและการเถียงที่จับประเด็นอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ
เขาเป็นคนใจร้อน -- จงอินรู้ตัวดี และในหลายๆทีเขาก็อยากให้ปัญหาถูกแก้ไขโดยไว และคยองซูยิ่งมาทำแบบนี้ เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ
จนบางทีเขาก็อยากยอมแพ้ให้กับความรั้นของโดคยองซูแล้ว
ความเงียบโรยตัวอย่างน่าอึดอัดรอบตัวเขาทั้งคู่ แม้คยองซูจะไม่ได้โดนคาถาสงบเสียงอย่างอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน คนโดนสาปยืนนิ่ง หากแต่มือกลับกำเข้าหากันแน่นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แล่นเข้ามา
ถ้าไม่อยากฟังในสิ่งที่เขาพูดขนาดนั้น ก็เชิญ
ซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์หันหลังให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินไปอีกทาง ครั้งนี้คิมจงอินไม่ดิ้นรนหรืออ้อนวอนให้คยองซูแก้คำสาปให้ ไม่แม้แต่หันกลับมามองว่าตอนนี้สลิธีรินกำลังมองตนด้วยสายตาแบบไหน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีสำหรับคยองซู เขารู้ดีว่าเขากำลังทำตัวน่าสมเพชอย่างถึงที่สุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาทั้งไล่ ทั้งเสกคาถาสงบเสียงใส่อีกฝ่าย แต่ในตอนที่จงอินเดินหนีไป เขาเองก็ปฏิเสธความรู้สึกแย่ในอกไม่ได้เช่นกัน ภาพแผ่นหลังที่ไกลออกไปยังอยู่ในกรอบสายตาของพรีเฟ็คบ้านสลิธีริน บางครั้งคยองซูก็สงสัยว่าความชิงชังที่เขาเอาไว้พร่ำบอกจงอินนั้น มันคือความชิงชังที่เขามีไว้ให้อีกฝ่าย หรือเป็นสิ่งที่เขารู้สึกกับตัวเองกันแน่
จนแล้วจนรอดคยองซูก็เป็นฝ่ายหันหลังไปทางอื่นบ้าง ดูเหมือนจงอินจะโกรธ -- เดาเอาจากเสียงเดินกระแทกเท้าที่ห่างออกไป คยองซูหันหลังกลับมามองและพบกับคนถูกสาปที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ -- เขาถอนหายใจและพิงผนังห้องเรียนด้วยความรู้สึกวูบโหวงในอกที่เลวร้ายเกินประมาณ
“ไฟไนท์”
เสียงกระซิบดังไล่หลังคนที่ดูจะหัวเสียอยู่ไม่น้อย คยองซูยกไม้กายสิทธิ์ไปทางคนที่เดินห่างออกไปและพึมพำคาถาแก้ให้ และรีบเดินไปจากตรงนั้นก่อนที่จงอินจะหันกลับมาหาเขา -- ถึงแม้ความจริงแล้วลึกๆเขาจะอยากให้อีกฝ่ายหันกลับมาหามากแค่ไหนก็ตาม
ส่วนหนึ่งในตัวเขาหวาดกลัวในสิ่งที่จงอินจะพูดออกมา มันอาจจะเป็นคำพูดโง่ๆเหมือนอย่างเคย หรืออาจจะเป็นคำพูดตัดพ้อชวนน่าใจหาย แต่ในตอนนี้คยองซูไม่อยากจะรับฟังอะไรทั้งสิ้น เขาไม่อาจทนฟังคำพูดชวนใจเต้นกับคำสบประมาทที่ดังไล่เลี่ยกันจากปากของอีกฝ่าย จงอินอาจไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมีอิทธิพลแค่ไหน แต่สำหรับคนฟังอย่างคยองซู เขารู้สึกอึดอัดจนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ เพราะต่อให้คำพูดนั้นจะชวนให้รู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องสักแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นสำหรับอีกฝ่ายอยู่ดี
เป็นความจริงที่คยองซูไม่อยากพบหน้าจงอินอีก ไม่อยากทำงานร่วมกันเพราะมันจะพาให้เขาทั้งคู่กลับมามีเวลาร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งคยองซูไม่ต้องการแบบนั้น เท่าที่เป็นอยู่มันก็ทำให้อะไรๆแย่พออยู่แล้ว ทุกอย่างควรจะจบตั้งแต่ตอนที่เขาส่งผ้าพันคอคืนให้จงอินแล้ว มันไม่ควรเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ ความจริง -- เขากับคิมจงอินไม่ควรอยู่ใกล้กันตั้งแต่แรก
และคยองซูก็ไม่อยากยอมรับว่ามันทำให้เขาใกล้เป็นบ้าขึ้นไปทุกที
เขาไม่ควรตอบรับคำชวนบ้าๆในสนามควิดดิชนั่น
เขาไม่ควรดื่มเหล้าน้ำผึ้งเพราะคำยั่วยุของอีกฝ่าย
เขาไม่ควรออกไปเจอกับคิมจงอินในวันคริสต์มาส เพียงเพราะคำเชิญชวนไม่กี่คำ
และเขาก็ไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกของตัวเองเลยเถิดมาถึงขนาดนี้
แต่ถึงแม้เขามีนาฬิกาย้อนเวลา คยองซูก็เชื่อว่าเขาเองคงไม่กลับไปแก้ไขเรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ความรู้สึกที่เกินเลยมาจากคำว่า ‘ศัตรู’ นั้นจะเกิดขึ้นอย่างไม่น่าให้อภัยก็ตาม
ในที่สุดคยองซูก็พาตัวเองมาที่ห้องสมุดจนได้ หนังสือเกี่ยวกับน้ำยาที่ทำให้สับสนและมึนงงถูกหอบหิ้วจนเต็มแขน พรีเฟ็คสลิธีรินหาที่นั่งเงียบๆก่อนจะวางหนังสือทั้งหมดลงบนโต๊ะตรงหน้า ปากกาขนนกถูกหยิบขึ้นมาจรดกระดาษ เขาจ้องข้อมูลเกี่ยวกับหญ้าลักปิดลักเปิดด้วยความหวังว่ามันจะช่วยเบนความสนใจของเขาไปได้ หากแต่เวลาผ่านไปเป็นนาทีก็ยังไม่มีข้อความปรากฏลงบนนั้น ไม่ได้เป็นเพราะคยองซูไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อน แต่เป็นเพราะมีบางเรื่องที่เข้ามาแทรกแซงในความคิดจนเขาไม่สามารถเขียนรายงานออกมาได้
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆ เขาเหนื่อย
คยองซูฟุบหน้าลงกับโต๊ะในนาทีถัดมา บางทีเขาก็คิดว่าตัวเองควรพักผ่อน อย่างน้อย...มันอาจจะไล่ความคิดไร้สาระในหัวเขาออกไปได้บ้าง
ความคิดไร้สาระที่เต็มไปด้วยคิมจงอิน ความคิดไร้สาระที่ทำให้เขารู้สึกอยากร้องไห้ทุกครั้งนี่นึกถึงมัน
เหนื่อยใจกับทั้งคู่ ขอไม่พูดอะไรมากค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
หายไปเหมือนตายอีกแล้ว มิดเทอมเข้าแทรกค่ะ นี่ปั่นต้นฉบับฟิคยิกๆๆๆ จนส่งโรงพิมพ์ไปแล้วก็ยังมีสอบต่อ
ขอให้ทุกท่านโชคดี
โม่ง ลิมิตที่xเข้าใกล้5ของ (x-3)
- - - - - - - - - - -
โม่งหายไปนานเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ โผล่มาทีก็ขายฟิคขายฟิค /อะไรเอ่ยขายตรง
เหลืออีกสองวันสำหรับการจองฟิคโอนฟิคนะคะ ใครยังไม่จอง วิ่งค่ะวิ่ง ไปโดนกันได้ค่ะ
ของแถมเลอค่ามากนี่พูดเลยยยยยย อยากได้เองด้วยซ้ำเนี่ย
ช่วงนี้โม่งทุกคนกำลังโดนวิกฤตการณ์มิดเทอมเล่นงานค่ะ โหมซัดเข้ามาจนปรักหักพังกลายเป็นซากหมดทุกคน แถ่ดๆ แม้แต่อีโม่งสองที่ติดเชอร์ล็อคยังต้องวางเชอร์ล็อคมาใส่ใจนี่ก่อน โคตรเสียเวลาติ่งเลย #อนาคตของชาติ
ตอนนี้ไคโด้เป็นอะไรที่อ่านแล้วเหนื่อยใจมาก คือนี่อยากตะโกนเข้าไปเป็นเสียงประกาศในฟิคว่าแบบคุยกันดีๆจะตายหรอม
แต่ทำไม่ได้ค่ะ ได้แต่ทนอ่านต่อไป /เดี๋ยว ได้ข่าวว่านี่คนแต่ง
อยากจะทิ้งท้ายไว้ว่าตอนนี้มีคนอยากอ่าน #ฟิคคุณเซฮุน ประมาณสองร้อยล้านคนได้ ขอสปอยไว้เลยว่าในเรื่องนั้น
มีเฉลยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับไคโด้ แล้วก็มีส่วนขยายบางอย่างเกี่ยวกับคริสยอลด้วย ไปอ่านกันได้ค่ะเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน5555555555 (แต่รอไปก่อนนะ ยังไม่ได้แต่งเลย อิ)
เอาล่ะ มางานขายมั่ง อยากถามคนที่จะไปซื้อฟิคที่งานค่ะ แบบไม่จองนะ ว่าจะซื้อที่ไหนเรื่องอะไรงี้ๆ จะได้สั่งพิมพ์ถูก เพราะในอีกไม่ถึงอาทิตย์โม่งจะเอาฟิคเข้าโรงพิมพ์แล้วค่ะ จะได้แบกไปขายถูก วันนั้นโม่งคงสภาพแบบน้ำปลาตราคนแบบฟิคอ่ะ55555555555 https://docs.google.com/forms/d/1zKSbQb7nyzo4uGxOamIPXHfV2T3maP6aRIGLUd4ttYw/viewform (อันนี้ลิ้งแบบสอบถาม)
คำถามที่พบบ่อย ได้ฟิคเมื่อไร ตอบ ตอนประมาณเดือนมีนานะคะ จะจัดส่งทางไปรณีย์ประมาณวันที่ 1x มีนา น่าจะก่อนงานเจนวายอยู่แปปนึง
ปล. ชิงฟิคฟรีได้อีกวัน มาเล่นกันเยอะๆนะคะ มือสั่นอยากแจกของฟรี 5555555
ปล2. ลองฟังเพลง เผลอไป ของแทททูคัลเลอร์ดูค่ะ ตรงกับจงอินเรื่องนี้มาก เพลงน่ารักมาก น้องติ่งพี่แทททูงือ เอ็มวีก็น่ารัก55555555
โม่งศูนย์ บวกสอง
ความคิดเห็น