ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { fic } Call it MAGIC | Kaido #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.44K
      50
      12 เม.ย. 58

    13







    อาหารมื้อเย็นจบลงด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน คยองซูกลับมาที่คุกใต้ดินก่อนจะมองหาของขวัญของคริส เขาพบว่ามันวางอยู่บนหมอนและมองเห็นได้ง่ายจนคยองซูอยากจะถามตัวเองว่าเมื่อกี้เขามองข้ามมันไปได้อย่างไรกัน กล่องสีขาวขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ในมือของคยองซูในเวลาต่อมา โบสีเงินถูกแกะอย่างรวดเร็วพร้อมกับฝากล่องที่ถูกแกะออก หากแต่ของข้างในนั้นกลับทำให้คนเป็นน้องชายขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

     


    ‘มีความสุขมากๆนะ


     


    นั่นเป็นข้อความที่เขียนบนกระดาษที่อยู่ในกล่อง นอกจากกระดาษแผ่นนี้ก็ไม่มีอะไรอีกเลย ให้ตายเถอะ พี่คริสไปติดนิสัยไม่ลงทุนมาจากใครกันนะ ถึงแม้จะคิดแบบนั้นแต่ริมฝีปากรูปหัวใจก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆเจื่อนลงเมื่อคยองซูเลื่อนมือไปจับกล่องอีกกล่องหนึ่งที่เขาซ่อนไว้ในเสื้อคลุม





    กล่องสีน้ำตาลและโบสีเขียวสลับแดงที่ถูกผูกไว้ลวกๆด้วยฝีมือของเขาเมื่อครู่






    ความสะใจเป็นสิ่งแรกที่เขารู้สึก คยองซูทำเหมือนกับสิ่งที่จงอินให้มันไม่มีความหมายใดๆต่อเขาเลยเมื่อเขาปล่อยให้มันหายไป ก็เหมือนกับที่จงอินทำกับเขา ผ้าพันคอที่คยองซูให้จงอินไป อีกฝ่ายก็เอาไปให้เลือดสีโคลนอะไรนั่นเหมือนกัน ทั้งที่ผ้าผืนนั้นเป็นของเขา มันถูกปักด้วยชื่อของเขา แต่คิมจงอินก็ยังกล้าที่จะเอาไปให้คนอื่น ถึงแม้จะไม่ถูกกัน แต่จงอินควรจะคำนึงถึงมารยาทในการให้ของขวัญและรับของขวัญด้วย





    จะได้จำว่าใครเป็นคนให้






    โกหกทั้งเพ ประโยคในวันที่คิมจงอินเอาผ้าพันคอของเขาไปยังคงดังอยู่ให้ห้วงความคิดซ้ำไปซ้ำมา คยองซูหลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์ แววตาแข็งกร้าวแต่แรกนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ความสับสนในดวงตาคู่นั้น คยองซูไม่เคยเข้าใจคิมจงอิน แต่เหนือสิ่งอื่นใด คยองซูไม่เข้าใจตัวเองเอาเสียเลย




    ทั้งที่คิดว่าจะทำให้อีกคนเจ็บใจที่เขาทิ้งของขวัญไปต่อหน้า แล้วทำไมเขายังเก็บมันกลับมาอีก นัยน์ตาสีเข้มมองกล่องของขวัญในมือด้วยความลังเล เขาควรจะทิ้งมันไปเช่นกัน อะไรที่เป็นของคิมจงอิน เขาก็ไม่ควรจะเก็บเอาไว้อีกแล้ว หากแต่อะไรบางอย่างสั่งให้คยองซูเปิดกล่องสีน้ำตาลอย่างเบามือ

     


    มาการองสีน้ำตาลชิ้นสุดท้ายยังคงนอนอยู่ก้นกล่อง


     


    คยองซูไม่อาจรู้ได้ว่าตัวเองคิดยังไงกับมัน บางครั้งสายตาที่มองของในกล่องนั้นก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ในขณะเดียวกันมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความโหยหาที่เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจ

     

    ภาพตรงหน้าซ้อนทับกับภาพในอดีตของคนที่ให้มันมา ตั้งแต่ที่เข้ามาเรียนที่ฮอกวอตส์ นอกจากเซฮุนแล้วคยองซูก็ไม่เคยเรียกคนอื่นว่าเพื่อน เขามีแต่ศัตรูกับคนรู้จักเท่านั้น แน่นอนว่าเด็กขี้อวดจากบ้านกริฟฟินดอร์อย่างคิมจงอิน คยองซูก็จัดไว้ในหมวดของศัตรูเช่นกัน

     

     



    กริฟฟินดอร์ไม่ชอบสลิธีริน เช่นเดียวกับสลิธีรินที่เกลียดชังกริฟฟินดอร์ เขากับคิมจงอินก็เช่นกัน โดคยองซูไม่ใช่คนที่คอยหาเรื่องใครไปทั่ว แต่กับคิมจงอินมันไม่ใช่ ฝ่ายนั้นตามมาแกล้งเขาตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างสลับวัตถุดิบในคาบวิชาปรุงยา จนถึงแกล้งให้เขาขายหน้าต่อหน้ากริฟฟินดอร์ทั้งบ้าน ถึงแม้คยองซูจะเคยโต้ตอบกลับไปบ้าง แต่เขามั่นใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายอีกฝ่ายถ้าคิมจงอินไม่เริ่มก่อน




    ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่น่าจะจบลงด้วยดีได้ ถึงแม้บางทีจงอินอาจจะเป็นสีสันที่น่ารำคาญในชีวิต เขาก็ไม่ได้ตั้งเป้าว่าเขาจะต้องชิงชังจงอินจนถึงที่สุด

     


    แต่ถึงแบบนั้นคยองซูก็ยังเรียกได้ไม่เต็มปากว่ากริฟฟินดอร์คนนั้นเป็นคนที่คอยเอาแต่แกล้งเขาไปวันๆ บางครั้งคิมจงอินก็เลือกที่จะช่วยเขา อย่างเช่นการเข้ามาช่วยคยองซูในคาบวิชาการดูแลสัตว์วิเศษ และบางครั้ง...คิมจงอินก็ให้ความสุขกับเขา แม้จะเป็นวิธีที่ประหลาดก็เถอะ

     


    ไม่รู้เมื่อไรที่คยองซูเลิกนิยามคิมจงอินด้วยคำว่า “เกลียด” ความรู้สึกอื่นที่แทรกซึมเข้ามาค่อยๆพัดพาให้ความเกลียดชังจางลงไป และความรู้สึกนั้นสั่งให้คยองซูหยิบมาการองชิ้นสุดท้ายขึ้นมา ก่อนจะกินเข้าไปช้าๆ

     


    รสชาติของมันไม่ได้อยู่ในประสาทสัมผัสของคยองซูเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกชาไปหมด ความรู้สึกทุกอย่างถูกอัดอั้นเอาไว้ภายในจนแทบจะหายใจไม่ออก คำว่าล้อเล่นของอีกฝ่ายยังคงอยู่ในมโนสำนึก หัวใจของเขาก็ยิ่งบีบรัดตัวเองด้วยความเจ็บปวด ความคิดบ้าๆกำลังสั่งให้คยองซูคิดถึงในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ชั่ววูบหนึ่ง คยองซูนึกถึงความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่ก้าวผ่านคำว่าศัตรู ผ่านคำว่าเพื่อน อะไรที่มากกว่านั้น ..และทำให้เขาเสียศูนย์ในชีวิต

     


    แต่แล้วรอยยิ้มสดใสของคนสองคนก็ซ้อนทับขึ้นมา รอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้รับ ความเป็นห่วงที่คยองซูไม่เคยสัมผัส เขารู้ดีว่าคิมจงอินเป็นห่วงลู่หานแค่ไหน ทั้งวันที่อีกฝ่ายหาเรื่องมาทะเลาะกับเขาที่เรเวนคลอแพ้ หรือจะเป็นวันนี้ที่จงอินเอาผ้าพันคอของเขาไปให้ใครอีกคนเพราะคงกลัวว่าจะหนาว คยองซูไม่เคยเห็นจงอินเป็นแบบนี้กับใครที่ไหน

     


    ลู่หานคงเป็นคนสำคัญสำหรับจงอิน




    ในขณะที่ใครอีกคนได้อะไรไปมากมาย คยองซูกลับมีเพียงแค่ขนมหนึ่งกล่องกับผ้าพันคอหนึ่งผืนเท่านั้น

     


    เพราะสำหรับคิมจงอิน โดคยองซูเป็นเรื่องล้อเล่นเสมอ




    เขารู้สึกเหมือนกระบอกตาของตัวเองกำลังร้อนผ่าว พรีเฟ็คบ้านสลิธีรินคว้ากระเป๋าที่อยู่ใกล้ๆมาไว้ในมือ คยองซูล้วงมือเข้าไปในนั้น ไม่นานนักผ้าพันคอสีแดงก็ออกมาปรากฏตรงหน้าเขา คยองซูหลับตาลงซบหน้าลงกับฝ่ามือของตนเองอย่างอ่อนล้า แก้มขาวซีดไล้ไปตามความนุ่มของเนื้อผ้าในมือช้าๆ จนความอุ่นของมันค่อยๆซึมซาบเข้ามาในร่างของเขา คิ้วเรียวขมวดแน่นก่อนที่ร่างกายของคยองซูจะเริ่มสั่น ไหล่ที่แคบกว่าปกติสั่นไหวเบาๆหากแต่ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาซุกหน้าลงกับผืนผ้าพันคอนิ่มๆ พยายามเก็บกลั้นเสียงสะอื้นให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

     


    ทั้งที่คยองซูทำให้คิมจงอินเสียหน้าไปถึงขนาดนั้น แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกเจ็บปวด ทั้งที่เขาตั้งใจทำให้จงอินเสียใจ แต่ทำไมกลับเป็นเขาเองที่ทรมานอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้

     


    บางที นี่อาจเป็นจุดจบของทุกอย่าง ผ้าพันคอผืนนี้ควรจะกลับไปอยู่กับเจ้าของที่แท้จริงของมันสักที สำหรับจงอิน การที่ลู่หานจะใส่ผ้าพันคอสีแดงคงจะดีกว่าการที่ให้เขาใส่เป็นไหนๆ คยองซูเองก็ไม่คิดว่าผืนนี้จะเหมาะกับเขาเสียเท่าไหร่

     


    ผ้าพันคอที่คยองซูไม่เคยอยากได้ แต่ในเวลาที่มันกำลังจะตกไปเป็นของคนอื่น เขาก็หาสาเหตุของอาการวูบโหวงในอกของตัวเองไม่ได้เหมือนกัน




    คยองซูกะพริบตาถี่ๆ พยายามไล่น้ำตาสองสามหยดที่ยังค้างคาอยู่บนขอบตาให้หายไป เขาหยุดร้องไห้แล้ว และคยองซูก็รู้สึกชิงชังตัวเองขึ้นมาในวินาทีถัดไป -- เขาไม่ชอบให้ตัวเองอ่อนแอแบบนี้เลยซักนิด

     


    เขาปาผ้าพันคอสีแดงลงกับพื้น เขี่ยมันเข้าไปใกล้กับหีบใส่ของ เขาไม่อยากเห็นอะไรที่เป็นของของจงอินอีกแล้ว ชีวิตของเขาควรจะกลับไปสงบสุขแบบเดิม ไม่ควรจะต้องยุ่งกับคนแบบนั้นอีกต่อไป




     

    เช้าวันเกิดของจงอินควรจะเป็นวันที่อารมณ์ของเจ้าของวันเกิดควรจะแจ่มใส อันที่จริงก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่จงอินเริ่มตื่นเต็มตา และลงมาทานมื้อเช้าในวันเสาร์ที่เป็นวันหยุด เขาหาวและปาของขวัญวันเกิดจากชานยอลใส่คนให้ ชานยอลไปขวนขวายหาครีมกันแดดจากโลกมักเกิ้ลมาเป็นของขวัญให้เขา เอสพีเอฟหกสิบ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่มีเพื่อนห่วงใยสุขภาพผิวขนาดนี้

     

     

    “นายก็ด้วย แบคฮยอน” จงอินชี้หน้าเพื่อนอย่างคาดโทษการที่ส่งรูปตัวเองมาเป็นของขวัญวันเกิดรอบที่ห้าแล้วโดนฉันด่านี่ไม่เคยทำให้นายเข็ดเลยใช่ไหม”



     

    “การมีรูปคนหน้าตาดีๆไว้ประดับในคอลเลคชั่นของนายนี่ไม่ดีตรงไหนวะ” แบคฮยอนชูสองนิ้วและขยิบตาให้จงอิน ชานยอลหัวเราะผสมโรงและยื่นจานที่เต็มไปด้วยไส้กรอกตั้งสูงกองกันอยู่ แถมยังมีเทียนแท่งหนึ่งปักไว้ข้างบน

     

     

    “สุขสันต์วันเกิด” ชานยอลตบบ่าเขา จงอินกลอกตาไปมาและรับจานไส้กรอกมาเป่าเทียนให้ดับ เขาได้รับคำอวยพรวันเกิดจากใครหลายๆคน ทั้งเพื่อนร่วมบ้าน ทั้งเพื่อนร่วมชั้นปี ลู่หานเดินมาหาเขาที่โต๊ะเพื่ออวยพรวันเกิด และคืนผ้าพันคอให้เขา จงอินรับมันมาใส่กระเป๋า แต่ก่อนที่จะได้คุยกันต่อ ฝูงนกฮูกที่แห่กันเข้ามาในโถงก็หยุดทุกอย่างไว้



     

    “ของนายน่ะ” ชานยอลว่า พลางสะกิดจงอินให้ดูนกฮูกโรงนาสีน้ำตาลที่หอบห่อกระดาษมาให้ จงอินรับมาก่อนที่จะพลิกไปพลิกมาด้วยความสงสัย มือก็ปาดแยมผิวส้มลงบนขนมปัง

     

     

    “ใครส่งมาวะ นี่ใครอยากเซอร์ไพรส์?” จงอินดึงปากถุงออกและล้วงมือเข้าไปข้างใน สัมผัสได้ถึงความนุ่มของวัตถุที่ทำจากผ้านี่ใครส่งผ้าพัน -- อ้าว”

     

     

    จงอินดึงมันออกมาและอุทานเบาๆ เขาวางที่ตักแยมในมือและพลิกผ้าพันคอสีแดงที่คุ้นตาไปมา เขาควานหาอะไรอื่นในถุงกระดาษใบนั้นอีก แต่ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีการ์ด ไม่มีคำอวยพร



     

    “จากใครน่ะ” แบคฮยอนถามพลางแทะขนมปังปิ้งไปด้วยผ้าพันคอสีแดงเหมือนเดิม ย้ำคิดย้ำทำไปอีก”

     

     

    “จากค -- ไม่มีชื่อ” จงอินเกือบหลุดชื่อคนส่งตัวจริงออกมา แต่เขายั้งปากไว้ทัน ผ้าพันคอสีแดงถูกยัดกลับไปในถุงและถูกยัดใส่กระเป๋าอีกต่อ จงอินเหลียวกลับไปมองโต๊ะสลิธีริน คยองซูยังคงนั่งกินข้าวเช้าด้วยท่าทางปกติ โดยที่มีเซฮุนนั่งอยู่ข้างๆตามเคย เพื่อนสนิทร่างสูงตักอะไรไม่รู้ใส่จานของคยองซู และพรีเฟ็คตาโตคนนั้นก็จิ้มมันขึ้นมาใส่ปาก อิริยาบถในการดำรงชีวิตดูปกติ -- เหมือนทุกวัน

     




    “เค้กมั้ย” เขาได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง จงอินหันไปพบกับลู่หานที่ยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง ในมือถือเค้กช็อกโกแลตไว้ เขามีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีให้สงสัยว่าลู่หานเอาเวลาที่ไหนไปหยิบเค้กมา เรื่องของคยองซูโดนพัดหายไปจากจิตใจชั่วคราว แต่น่าเสียดายที่เค้กก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกร่าเริงเหมือนเมื่อสิบวินาทีที่แล้ว ก่อนที่จะรู้ว่าผ้าพันคอถูกส่งคืนกลับมาสุขสันต์วันเกิดนะ”

     

     

    “ใช่ๆ สุขสันต์วันเกิด” แบคฮยอนพยักหน้าหงึกๆพี่ลู่หาน เอาเลย”

     

     

    “อะไรนะ -- ” จงอินหันซ้ายหันขวา เขายังตั้งสติไม่ทันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ในหัวมีแต่ความรู้สึกที่อยากรู้ความเป็นมาของผ้าพันคอที่กลับคืนมาเป็นของเขา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เค้กในมือลู่หานก็ถูกส่งเข้าหน้าเขาเต็มๆพอดี

     

     

    เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นทันทีหลังจากที่เค้กแปะเข้าไปบนหน้าจงอิน ลู่หานดึงจานออกมาแล้วเอื้อมมือไปปาดเค้กที่โปะอยู่บนพื้นที่ตาของจงอินออก แบคฮยอนยกมือขึ้นตีโต๊ะรัวๆด้วยความขำ ไม่ต่างอะไรกับชานยอลที่หัวเราะจนไหลลงไปกองกับพื้น

     

     

    “ดำพอๆกับเค้กเลย”ชานยอลว่าพี่ลู่หานก็ช่างสรรหาเค้กที่ดำพอๆกับจงอินมาได้”

     

     

    “ถือว่าเป็นของขวัญ” คนต้นคิดตบบ่าจงอินที่ยืนกินเค้กบนหน้าตัวเอง จงอินยกนิ้วขึ้นปาดครีมสีน้ำตาลบนหน้าและส่งมันเข้าปากด้วยท่าทางไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไหร่ ”ยังจะกินเค้กอีก”



     

    “เสียดายของ เอามากินยังคุ้มค่ากว่า” จงอินบ่นอุบอิบ ในใจนึกไล่วันเกิดถัดๆไปของเพื่อนทันทีเพื่อหาหนทางแก้แค้นบ้าง บรรดาศาสตราจารย์ที่นั่งอยู่สุดปลายโถงมองมาคนละนิดหน่อย แต่ไม่มีใครออกมาต่อว่าเรื่องที่ทำห้องโถงใหญ่เปื้อนเป็นของขวัญที่โหดร้ายที่สุดของปีนี้เลย”



     

    ไม่นับผ้าพันคออันนั้นนะ จงอินคิดในใจ เขายังอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองกลับไปยังโต๊ะสลิธีริน คยองซูยังไม่มีทีท่าประหลาดอะไร คนตัวเล็กรวบช้อนและลุกขึ้นยืน ในอกของจงอินว่างโหวงอย่างประหลาด



     

    “ชานยอล เช็ดให้หน่อย” จงอินพยักเพยิดไปทางเพื่อนที่หยุดหัวเราะแล้ว ชานยอลยกไม้แล้วพึมพำคาถาให้ เศษเค้กและครีมหายวับไปจากใบหน้าของเจ้าของวันเกิด ที่จงอินให้ชานยอลทำความสะอาดให้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมาก ชานยอลเก่งวิชาคาถา ถ้าให้เขาเสกเอง บางทีสิ่งที่หายไปอาจจะเป็นจมูกหรือหูของเขาแทน

     

     

    จงอินกลับมานั่งในวงสนทนาด้วยสติที่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่นัก ก้อนของขวัญวันเกิดนุ่มๆในกระเป๋ายังคงรบกวนจิตใจของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำชัดเข้าไปอีกถึงความรู้สึกที่คยองซูมีต่อเขา



     

    เกลียด -- คงเป็นได้แค่ความเกลียด

     

     

    คงไม่มีโอกาสได้กลับไปแกล้งกัน คุยกัน หรือทำตัวเหมือนเดิมได้อีกแล้ว






     

    คยองซูโบกมือให้เซฮุนที่ขอแยกตัวไปอีกทางในทันทีที่ออกมาจากห้องโถงใหญ่ คนตัวเล็กเดินลากขาอย่างเอื่อยๆไปทางห้องสมุด ในหัวเต็มไปด้วยภาพของจงอินที่สุดแสนจะร่าเริงในวันเกิดของตัวเอง เขาเผลอขมวดคิ้วเสียจนรู้สึกปวดไปหมด -- ก็แค่คิดเรื่องของหมอนั่นเยอะเกินไปแท้ๆ



     

    ถ้าหากว่ายิ่งห้ามตัวเองเรื่องไหน เขาจะยิ่งรู้สึกว่าข้อห้ามนั้นมันเย้ายวนใจขึ้นเรื่อยๆ -- ตลอดเวลาที่อยู่ที่ห้องโถง คยองซูยอมรับว่าเขาถูกดึงสายตาให้หันไปมองโต๊ะกริฟฟินดอร์ที่วันนี้เป็นโต๊ะที่เสียงดังที่สุด เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะห้ามตัวเองไม่ให้สนใจคิมจงอิน ไม่ต้องสนใจปฏิกิริยาหลังจากที่ได้รับของขวัญกลับไป

     

     

    แต่คยองซูก็ยังคงเฝ้ามองวินาทีที่นกฮูกร่อนไปส่งของให้เจ้าของวันเกิด วินาทีที่จงอินเปิดออกมาพบกับผ้าพันคอสีแดงอันนั้น จงอินไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรอื่น นอกจากเก็บมันใส่กระเป๋าและหันไปเล่นกับรุ่นพี่บ้านเรเวนคลอที่เดินมาหา เขาเห็นแต่รอยยิ้ม เห็นแต่การแสดงความยินดีในวันเกิดของเจ้าตัว

     

     

    คยองซูหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเค้กถูกปาลงบนหน้าของเจ้าของวันเกิด แต่เมื่อเห็นเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากคนทำนั้น ใจของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรงด้วยความเจ็บปวด เขานึกปรารถนาให้ตนเองอยู่ตรงนั้นบ้าง -- และนั่นก็เป็นความคิดที่บ้าที่สุด



     

    ไม่มีพื้นที่ใดๆที่จงอินจะเว้นให้เขา -- อันที่จริง สาเหตุที่เขาคอยเฝ้าดูอีกฝ่ายอาจจะเป็นเพราะคยองซูอยากเห็นจงอินเจ็บปวดเหมือนที่เขารู้สึก การส่งผ้าพันคอกลับไปเป็นทั้งการลองเชิง และการติดต่อครั้งสุดท้าย นับจากนี้ไป ไม่มีสิ่งใดมาเป็นพันธะที่จับต้องได้ระหว่างเขาและจงอินอีกแล้ว




     

    ความรู้สึกหดหู่ยังคงสถิตอยู่กับเขาไปอีกหลายวัน เดือนมกราคมยังคงเต็มไปด้วยหิมะที่ทำให้คยองซูตัดสินใจจะหมกตัวอยู่แค่ในปราสาท ดังนั้นที่ที่เขาจะไปก็มีแค่ห้องเรียน ห้องสมุด ห้องโถง และห้องนั่งเล่นรวม เขาหลีกเลี่ยงการเดินเล่นในปราสาทเพื่อหลีกเลี่ยงการเจอหน้ากับคู่กรณี จำนวนการบ้านค่อยๆกลับมาเพิ่มพูนจนน่าตกใจ อันที่จริงคยองซูรู้สึกขอบคุณมันอยู่นิดหน่อย เนื่องจากมันทำให้เขาหันเหความสนใจจากความคิดรบกวนอื่นๆไปได้เยอะ



     

    ในคาบเรียนที่มีความจำเป็นต้องเรียนร่วมกับบ้านกริฟฟินดอร์ก็ง่ายขึ้นเยอะ คยองซูแค่ทำเหมือนจงอินเป็นอากาศ ในขณะที่จงอินก็ทำคล้ายๆกันคือไม่พูดคุยกับเขา มีมองมาเป็นระยะๆแต่ก็ไร้ปฏิสัมพันธ์กัน -- เหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน


     

    “ถ้าหากทำเสร็จแล้ว รบกวนตักน้ำยาใส่ขวดแล้วเอามาวางข้างหน้า” เสียงของศาสตราจารย์ฮีชอลดังแหวกอากาศที่เต็มไปด้วยควันหลากสีอีกสิบนาทีจะหมดเวลา”



     

    คยองซูตักน้ำยาชุ่มชื้นในหม้อใส่ขวดแล้วปิดจุกก๊อก เขาเดินเอาน้ำยาไปวางที่โต๊ะและกลับมาเก็บของ ไม่ใส่ใจคนนั่งข้างๆที่กำลังพึมพำแบบสติแตกกับงานของตัวเอง จงอินดูเหมือนจะมีปัญหากับน้ำยา คยองซูเหลือบมองแค่แวบเดียวก่อนที่จะเริ่มเก็บของใส่กระเป๋า

     

     

    “อย่างเลวก็คงได้เกรด ล” เสียงพึมพำยังไม่จบแค่นั้น จงอินยกมือขึ้นเกาหัว และตัดสินใจตักน้ำยาสีเหลืองใส่ขวดแก้ว คยองซูกลอกตาด้วยความเหนื่อยใจ น้ำยาชุ่มชื้นควรจะเป็นสีฟ้า ไม่ใช่สีเหลืองมะนาวแบบนั้น -- แต่ก็เป็นเรื่องของจงอิน ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่ดี

     

     

    “ไหวมั้ยน่ะ” แบคฮยอนที่เดินถือขวดเดินมาตบบ่าจงอิน จงอินส่ายหัว พลางทำหน้าบู้บี้ คยองซูผลักกระเป๋านักเรียนที่เก็บของเสร็จหมดแล้วไว้บนโต๊ะ พลางรอเวลาเลิกเรียน คนข้างตัวเดินไปส่งงานข้างหน้าชั้นเรียน -- คยองซูมองตามจงอินไป เขาไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้มองแผ่นหลังของอีกฝ่ายได้ เมื่อจงอินเดินกลับมา เขาก็ได้แต่เมินมองไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนกริยาอาการทั้งหมด

     

     

    “สำหรับเรื่องการบ้าน”ศาสตราจารย์ฮีชอลแทรกขึ้นมาท่ามกลางเด็กที่กำลังทยอยเดินไปส่งงาน คยองซูหยิบสมุดขึ้นมารอจด ถึงแม้จะถอนหายใจอย่างเบื่อๆที่ต้องเจอการบ้านอีก “งานนี้ส่งภายในสองอาทิตย์ เป็นงานคู่”

     

     

    มือที่กำลังจดรายละเอียดของคยองซูชะงักไปนิดหน่อย ในหัวไล่คิดไปถึงเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่กับปาร์คชานยอลในอีกมุมของห้อง จะเป็นจะตายเขาก็ต้องดึงเซฮุนมาเป็นพวกให้ได้



     

    “เขียนเรียงความเกี่ยวกับน้ำยาที่ทำให้สับสนและมึนงง โดยที่เขียนเกี่ยวกับส่วนผสมโดยละเอียด วิเคราะห์ผลจากส่วนผสมต่างๆและผลของมัน ยาวหนึ่งเมตรศาสตราจารย์วิชาปรุงยาสั่งงานออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆท่ามกลางการบ่นพึมพำที่ดังทั่วห้อง ยิ่งได้ฟังความยาวของเรียงความยิ่งรู้สึกว่า -- เป็นการบ้านที่เลวร้ายสุดๆ “อ้อ วาดภาพประกอบด้วยนะ”

     

     

    ขนาดคยองซูยังคิดเลยว่าการบ้านที่ศาสตราจารย์ฮีชอลให้เป็นการบ้านที่โหดเหี้ยม -- เลวร้าย ยิ่งการบ้านของเหล่าเด็กปีห้ากองสูงอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้าไปก็แทบจะขายวิญญาณแลกเวลาทำการบ้าน เขาเห็นว่าจงอินกำลังหน้าเซ็งสุดๆ ไม่ต่างอะไรจากเหล่านักเรียนรอบๆห้อง

     

     

    “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย” คนสั่งงานว่าพลางทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับปริมาณการบ้าน “นี่งานคู่นะ”

     

     

    เรียงความอะไรยาวหนึ่งเมตร คยองซูคิด ต่อให้เขาจะขยันแค่ไหน แต่เจออีแบบนี้เข้าไปก็แทบสาปแช่งอาจารย์ในใจแบบยาวเหยียด



     

    “ส่วนเรื่องคู่ ให้จับคู่กับคนที่นั่งข้างๆ”พอจบประโยคนั้น คยองซูถึงกับลากปากกาขนนกยาวไปบนกระดาษจนเกิดรอยเปื้อน หัวใจหล่นวูบ เขาก้มหน้าลงต่ำ จ้องสมุดที่มีรายละเอียดการบ้านด้วยความรู้สึกปั่นป่วน “ไม่มีการร้องโวยวายขอเปลี่ยนคู่ ทราบโดยทั่วกัน”

     

     

    “บ้าเอ๊ย”พรีเฟ็คสลิธีรินพึมพำด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขายกกระเป๋าขึ้นพาดบ่าและรีบสาวเท้าออกไปจากห้องเรียนทันทีที่เสียงบอกเวลาเลิกเรียนดัง ไม่สนใจจะรอดูปฏิกิริยาของจงอินเลยด้วยซ้ำ เขาชะลอฝีเท้าลงเมื่อมาถึงหน้าห้อง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนงี่เง่าจากกริฟฟินดอร์คนนั้นจะตามมาคุยเรื่องงาน

     

     

    อันที่จริง จงอินยังคงนั่งอยู่ในห้องเรียน จะทำอะไรอยู่เขาก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆไม่ได้คิดจะลุกมาคุยกับเขาเลยซักนิด


     

    คยองซูชะลอความเร็วจนกลายเป็นเดินช้าๆ เขาเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ เขาชอบวิชานี้แทบจะที่สุดในบรรดาวิชาทั้งหมดของฮอกวอตส์ และมันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้นิดหน่อย -- อย่างน้อยตอนนี้เขาขออะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาลืมความรู้สึกของตัวเองเมื่อครู่



     

    คยองซูนึกชิงชังตัวเองเหลือเกินที่อยากให้จงอินลุกตามมาหาเรื่องคุย -- เหมือนในอดีตที่ผ่านมา ความสุขเคยดำรงตนอยู่ในชีวิตเขามากกว่านี้ จนกระทั่งจงอินก้าวล้ำเส้นของคำว่าคู่อริเข้ามามากเกินไป จนถึงตอนนี้ โดคยองซูรู้สึกได้ว่าหลายๆอย่างมันพังทลายไปหมดแล้ว

     

















    100%
     

    มาทักทาย หลังจากห่างหายไปนานแสนนาน
    มีคนโวยวายว่าพักนี้ฟิคไคซูหน่วงสาหัสฉกรรจ์หลายเรื่อง ... นี่ไม่ได้หน่วงนะ .__.
    แค่คนสองคนที่ไม่ยอมคุยกัน คุยกันสิวะ คุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย /จับเอาหัวโขกกัน
     
    เหลืออีกไม่กี่วันจะปิดโอนแล้วนะคะ วันปิดโอนเป็นวันเกิดโม่งหนึ่งด้วย ดังนั้นขอของขวัญเป็นค่าฟิคเถอะนะคะ /ร้องไห้
     
    และเวลคัมสู่ช่วง #โม่งแนะนำหนัง ค่ะ
     
    สังเกตว่าอีโม่งหนึ่งชอบแพล่มเรื่องหนังทุกครั้งที่มาทอล์ค เลยสถาปนาช่วงนี้ขึ้นมาเอง
    เพิ่งไปดู Birdman มา ให้ A+ ค่ะ /ร้องไห้
    พีคมาก อ่านเรื่องย่ออาจจะแบบ อะไรวะ ดูธรรมดา เรียบๆ แต่พอเข้าไปดู หงายเลยค่ะ
    ภาพพีคมาก เทคนิคลองชอตเนียนตามากๆ ดูแล้วแบบ เห้ย เค้าทำได้ไง ยิ่งมาปะกับบทที่โคตรพีคแล้วทำให้รู้สึกว่าสองชัวโมงนี่โคตรสุดเลย
    นักแสดงปล่อยของกันมากๆค่ะ พีคทุกตัวตนไป แถมหนังยังจิกกัดประเด็นที่เรารู็สึกว่าแม่งด่าทั้งวงการหนัง คนทำหนัง นักแสดง คนดู นักวิจารณ์ (นั่งหน้าสั่นอยู่ในโรง)
    ไปดูกันนะคะ ของเค้าดีจริงๆ (ไม่ได้ม้า)
     
    โม่ง2-1 (ลอกเลียนอีข้างล่าง)



    วันนี้สอบเซอร์กิต คือตายค่ะ พ้นเอฟก็บุญแล้วจริงๆ นี่แบบไม่เคยรู้สึกโง่เท่านี้มาก่อนในชีวิต ฮืออออออออออ
    ตอนนี้คยองซูนางไฟท์แบ็คแล้ว อิอิอิอิ /ยิ้มแบบเซฮุนเยเฮ้ด มีคนขู่โม่งหลายคนมากว่าถ้าไม่เลิกหน่วงจะเลิกอ่าน
    ฮืออออ ใจรว้ายยยยยยยย อ่านเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลานนะตะเองงงง
    ตอนนี้มีชิงฟิคฟรี ไปเล่นกันได้นะคะทุกคน อาจจะมีคนสงสัยว่าทำไมต้องมีข้อแนะนำเพลงประกอบฟิคด้วย
    คือไม่ได้อะไร นี่อยากฟังเพลงใหม่ๆบ้าง เบื่อเพลงในเพลย์ลิสต์แล้ว ก็เลยใส่ไปเลย 555555555555
    เหลืออีกอาทิตย์นึงกับการจองและโอนฟิคนะคะ ใครที่อยากได้แต่ยังไม่ได้ดำเนินการก็รีบหน่อยน้า อิช์
    ส่วนคนที่นัดรับตามงานฟิคหรือตามมหาลัยก็อย่าลืมโอนนะคะ แต่ถ้าไม่สะดวกหรือจำเป็นจริงๆ จะมัดจำหรือขอจ่ายวันนัดรับได้ ขอให้บอกก่อนน้า <3

    โม่ง อินทิเกรตจากศูนย์ถึงหนึ่งสองเอ็กซ์กำลังหนึ่งบายดีเอ็กซ์

     

    40%

    วันนี้ไปเจอคนเฉงๆมา อยากจะรีวิวว่าพูดมากน้ำไหลไฟดับจนแม่ทักว่าทำไมกลับบ้านมาแล้วเสียงแหบ

    เห้อม ตอนนี้เป็นตอนที่เหนื่อยใจที่สุดตอนหนึ่ง คยองซูเป็นอะไรที่สับสนมาก ตกลงจะเทเขามั้ยหรือยังใจอ่อนอยู่

    ทำเป็นทิ้งของเขาแต่ก็แอบเก็บมากิน คนบ้าาา /เอาผ้าพันคอรัดคอรัวๆ

    เมื่อวานวันวาเลนไทน์แต่นี่สลับกับฝั่งคริสยอลไว้อ่ะ ไคโด้มีสเปตอนคริสต์มาสไปแล้ว คราวนี้วันวาเลนไทน์เลยเป็นฝั่งคริสยอลมาบ้าง

    อยากให้ไปลองอ่านถ้าคุณชื่นชอบคุณเซฮุนในเรื่อง คือเป็นสเปที่โดนนางไปเต็มๆ ชื่อตอนว่า where the story has just begun หาอ่านได้ในบทความของคริสยอลนะก้ะ ตอนนี้มีแท็กใหม่แล้วนะ #ฟิคคุณเซฮุน (แท็กมาก่อนฟิค แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็มาเอง ถถถถถถ)


    โม่งยี่สิบห้า (ยกกำลังศูนย์ บวกหนึ่ง)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×