ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { fic } Call it MAGIC | Kaido #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 08

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.66K
      58
      1 ก.พ. 58











    08















    การแข่งขันควิดดิชระหว่างเรเวนคลอกันสลิธีรินนั้นทุลักทุเลเล็กน้อยเป็นผลมาจากสภาพอากาศ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของมันน้อยลงเลย คยองซูมองพี่ชายของตนบนไม้กวาดด้วยความชื่นชม ไม่บ่อยครั้งนักที่คยองซูจะมองใครด้วยสายตาแบบนี้ คริสเป็นคนที่คยองซูรัก นับถือ และเกรงขามในเวลาเดียวกัน ในทันทีที่ไม้กวาดเข้ามาใกล้อัฒจันทร์ คริสจงใจมองมาที่เขาแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้ เช่นเดียวกับเขาที่ส่งรอยยิ้มแบบเดียวกันกลับไป




    คยองซูเคยสนิทกับคริสตอนเด็กมากๆ แต่ด้วยระยะเวลาที่ผ่านไป และวัยของทั้งสองคนที่เป็นช่องว่างทำให้ห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มสนิทกับโอเซฮุน เพื่อนวัยเดียวกันจากอีกตระกูล ในขณะที่คริสเริ่มออกห่างไปเพราะต้องเรียนศาสตร์อะไรหลายๆอย่างที่เขาไม่ได้เรียน




    เขาเคยอยากเล่นควิชดิช มันเป็นความฝันของพ่อมดรุ่นเด็กแทบทุกคน แต่เขาเกิดมาพร้อมกับรูปร่างเล็กบาง เขาป่วยง่ายและไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะรับอากาศเย็นๆหรือสายลมรุนแรงได้นานพอ เขาจึงไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปทดสอบว่าตัวเองมีฝืมือแค่ไหน




    เสียงเชียร์ดังลั่นไปทั่วสนาม ทั้งฝั่งกองเชียร์สีเขียวและสีน้ำเงิน เขาจำได้ว่าเห็นจงอินในเสื้อสเวตเตอร์สีครีมเดินไปนั่งฝั่งเรเวนคลอ เจ้าตัวไม่ได้ออกท่าทีเชียร์แน่ชัดว่าเชียร์บ้านใด เพราะซีกเกอร์ของทั้งสองฝ่ายนั้นต่างสนิทกับจงอิน แต่การจะให้จงอินมานั่งฝั่งนี้ก็ออกจะเหลือเชื่อเกินไปซักหน่อย




    พอนึกถึงตรงนี้ คนตัวเล็กเผลอกำมือแน่นอนขึ้น เกมควิดดิชตรงหน้ากลายเป็นภาพเบลอ เขามองภาพซีกเกอร์ในชุดสีน้ำเงินบินเอื่อยๆผ่านไป ก่อนที่ลู่หานจะเร่งความเร็วไปอีกฝั่งของสนาม คยองซูเบะปากและกลับไปใส่ใจการแข่งต่อ




    "เก้าสิบต่อเจ็ดสิบ เรเวนคลอนำนะครับ" เสียงจงแดพากย์นำมา สามสาวเชสเซอร์ของเรเวนคลอเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งอยู่พอตัว โดยเฉพาะการเล่นในรูปแบบหัวลูกศรของทั้งสามคน ผมสีน้ำเงินของเวนดี้สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย เธอขว้างลูกควัฟเฟิลให้ลูน่าที่รับและส่งต่อให้วิคตอเรียแทบจะทันที"แนวการบุกของเรเวนคลอนี่แน่นอนจริงๆนะครับ จังหวะนี้นะครับ บลัดเจอร์พุ่งตรงมาจากเจโน่ -- ใช่ท่าแบ็กแอนด์แฮนด์เสียด้วย วิคตอเรียหลบไม่ทันนะครับ เปิดโอกาสให้คริสคว้าควัฟเฟิลไปได้"




    เสียงเฮของกองเชียร์รอบตัวดังขึ้น คยองซูปรบมือเอื่อยๆ สายตาก็มองตามร่างพี่ชายที่บินซิกแซ็กไปยังอีกฝั่ง ประจันหน้ากับจุนมยอน คีปเปอร์ของเรเวนคลอ




    "มีเวลาสองวินาทีให้คริสตัดสินใจนะครับ โอ้ -- เขาทำประตู พุ่งเข้าห่วงขวา -- เข้าไปแล้วครับ! เก้าสิบต่อแปดสิบ!"




    คยองซูไม่ได้สนใจการได้แต้มเท่าไหร่นัก เขามองไปยังฝั่งตรงข้ามและถอนหายใจน้อยๆ -- เขาไม่รู้ว่าตัวเองไม่สบายใจเรื่องอะไรด้วยซ้ำ




    เกมดำเนินไปอีกยี่สิบนาทีโดยที่แต้มเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยต่อหนึ่งร้อยยี่สิบ สลิธีรินเป็นฝ่ายนำ อุณหภูมิของเกมยังร้อนระอุและน่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ สภาพอากาศสดใสยิ่งเสริมให้ทุกอย่างสนุกขึ้นเป็นสองเท่า แม้แต่คยองซูยังนั่งอมยิ้มดูพี่ชายตัวเองเล่นควิดดิชไปเรื่อย ถึงแม้จะไม่ได้ส่งเสียงเชียร์ แต่เขาก็ใจเต้นทุกครั้งที่ควัฟเฟิลเข้าใกล้ประตู




    "ซีกเกอร์ของเรเวนคลอเห็นสนิช -- ใช่หรือไม่ครับ ลู่หานตรงไปแล้ว"จงแดตะโกนฝ่าเสียงเชียร์ที่ฮือฮาขึ้นเมื่อลู่หานเร่งความเร็วจนกลายเป็นจุดสีน้ำเงินพร่ามัว"แทมินจะทันไหม ห่างกันอยู่ครึ่งสนามนะครับ"




    ใจของคยองซูกระตุกถี่ด้วยความตื่นเต้น ถ้าหากลู่หานจับสนิชได้ สลิธีรินจะหมดโอกาสเข้าชิงถ้วยควิดดิช แทมินอยู่ห่างเกินไป ถึงแม้เจ้าตัวจะเร่งความเร็วเต็มที่แล้วก็ตาม




    จุดสีเขียวบินฝ่าเข้ามาในเส้นทางของลู่หาน คนดูอุทานด้วยความตกใจ ร่างของลู่หานหมุนคว้าง ไม้กวาดลดระดับลงต่ำ เสียงนกหวีดดังขึ้นฝ่าเสียงเชียร์และโห่ของคนดู มาดามยูริบินเข้ามาขวางระหว่างกัปตันสลิธีรินและซีกเกอร์เรเวนคลอ เธอหันไปตำหนิคริสเรื่องการทำผิดกติกา ก่อนที่จะยกมือให้สัญญาณว่าเรเวนคลอได้ลูกโทษ




    คริสบินชนลู่หานเข้าเต็มๆ ซึ่งดูยังไงก็ไม่ใช่อุบัติเหตุ คนตัวสูงก้มหัวน้อยๆ แต่คยองซูมั่นใจว่าพี่ของเขาคงจะยิ้มอยู่แน่นอน ฝั่งสลิธีรินเต็มไปด้วยเสียงพึมพำ แต่โดยมากแล้วมันจะเป็นความสะใจมากกว่าที่จะประท้วง




    "มาดามยูริตัดสินให้เรเวนคลอได้ลูกโทษนะครับ คริสจงใจพุ่งชน -- พูดยากนะครับเรื่องนี้"จงแดพากย์อย่างระมัดระวัง กองเชียร์กลุ่มสีน้ำเงินส่งเสียงประท้วงด้วยความไม่พอใจ คริสก้มหัวขอโทษน้อยๆ คยองซูยิ้มและเปลี่ยนท่าเป็นนั่งเท้าคาง พี่ชายของเขาไม่ได้เป็นคนดีบริสุทธิ์ขนาดนั้น ลูกโทษลูกเดียวและกับโอกาสตีตื้นนั้นถือว่าคุ้มค่าจะแลกกัน -- ท่ามกลางความวุ่นวาย ลูกสนิชหายไปจากทัศนวิสัยของซีกเกอร์ทั้งสองแล้ว




    "โล่งอกไปที" เซฮุนที่นั่งเงียบมานานว่า "ซีกเกอร์ฝั่งนั้นทำจากกระดาษหรือไง ชนนิดเดียวก็ปลิวไปไกลละ"




    "อือ"คยองซูครางในลำคอตอบรับ"นายยังไม่ตอบเลยว่าทำไมถึงมานั่งดูพวกงี่เง่าบนไม้กวาด ปกติไม่เห็นจะสนใจ"

     


    "ดูเรเวนคลอยังดีกว่าดูกริฟฟินดอร์"เซฮุนตอบเสียงนิ่ง นัยน์ตาจับที่ซีกเกอร์ชุดสีน้ำเงินที่บินออกมาจากจุดเกิดเหตุ"พี่นายใจเด็ดเหมือนเคย"




    คยองซูยักไหล่ มองตามสายตาของเซฮุนไป เพื่อนของเขากำลังมองคนที่โดนประทุษร้ายในสนามด้วยสีหน้าสนใจแบบแปลกๆ ในหัวของเขาไพล่นึกไปถึงซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์ เขาสั่นหัวน้อยๆเพื่อไล่ความคิดรบกวนออกไป

     


    “รู้จักลู่หานด้วยเหรอ”คยองซูถามลอยๆ เซฮุนไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหัว เขาได้ยินเสียงพึมพำมาจากอีกฝ่าย ก่อนที่เซฮุนจะยอมเปิดปากออกมา




    “เคยคุยกันนิดหน่อย”




    “นายเนี่ยนะ”คยองซูทำหน้าประหลาดใจ เซฮุนไม่ใช่คนมนุษย์สัมพันธ์ อันที่จริงเรียกว่าติดลบสุดๆอีกต่างหาก การที่เซฮุนจะมีสัมพันธไมตรีกับเด็กจากบ้านอื่นถือว่าเป็นเรื่องที่ร้อยวันพันปีจะเกิด คยองซูยังคงจ้องเพื่อนสนิทโดยที่หวังว่าจะมีคำตอบอื่นหลุดออกมา แต่เซฮุนไม่ยอมตอบอะไรอื่นอีก คยองซูเองก็ไม่ใช่คนขี้สงสัย เขาเลยกลับมาสนใจการแข่งขันต่อ




    "วิคตอเรียโยนลูกโทษนะครับ -- กลายเป็นหนึ่งร้อยสิบต่อหนึ่งร้อยยี่สิบ ควัฟเฟิลอยู่ในมือคีย์ ส่งให้คริสอีกรอบ -- หลบบลัดเจอร์ได้สวย เปิดยาวข้ามสนามไปนะครับ"




    เกมดำเนินต่อไปอีกสิบนาทีและจบลงด้วยชัยชนะของสลิธีริน แทมินคว้าลูกสนิชมาจากมือลู่หานได้ในวินาทีสุดท้าย คยองซูยิ้มออกมาน้อยๆ เขายินดีที่สลิธีรินชนะไปด้วยคะแนนสามร้อยเจ็ดสิบต่อหนึ่งร้อยหกสิบ ยังไงบ้านของเขาก็มีโอกาสชิงถ้วยแน่นอน







    ทางเดินเข้าปราสาทไม่ค่อยมีคน ส่วนมากนักเรียนจะเข้าไปหาความอบอุ่นในปราสาทกันหมด หิมะจำนวนหนึ่งปลิวว่อนอยู่ข้างนอกพอเป็นพิธี ทั้งหนาวและชวนให้หดหู่ เด็กสลิธีรินทั้งหมดก็เข้าไปฉลองชัยชนะจากเกมควิดดิชกันหมดแล้ว มีแต่คยองซูและเซฮุนที่เดินอยู่เงียบๆบนทางเดินปูหิน เขาแวะไปส่งจดหมายที่โรงนกฮูก เลยลากเซฮุนไปด้วยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินฝ่ากองขี้นกคนเดียว




    "กี่โมงแล้ว"เซฮุนโพล่งถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ คยองซูมองหน้าอีกฝ่าย แต่ไม่ยอมตอบคำถาม เพื่อนตัวสูงโยกหัวเขาด้วยสีหน้ากวนประสาท"ยังมาทำนิ่ง"




    "ข้างหน้าก็หอนาฬิกา มาถามทำไม"คยองซูย้อนกลับ ดันมือของเซฮุนออกจากหน้า เพื่อนสนิทชอบแกล้งจับคอเขาเพื่อลูบเนื้อข้างใต้ -- เหมือนเวลาเกาคางสุนัข เซฮุนหัวเราะจนตาหยี ดึงข้อมืออีกฝ่ายมาเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาของคยองซู




    “จะสี่โมงแล้ว นายจะไปไหนต่อ”




    “ไม่รู้ ห้องนั่งเล่นตอนนี้คงน่ารำคาญ อาจจะไปห้องสมุด”คยองซูยักไหล่ เซฮุนปล่อยแขนเพื่อนและเปลี่ยนมาเป็นเดินโอบไหล่คยองซูแทน คนถูกโอบเหล่ตามองอย่างดุๆ แต่แน่นอนว่าเซฮุนหันมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้




    “ฉันเคยบอกไปหลายล้านรอบแล้วนะว่านายเป็นที่วางแขนที่ดี”




    “กลับบ้านไปเลี้ยงคางคกไป”




    เซฮุนยิ้มจนตาหยี เขากับคยองซูไม่ค่อยแสดงความสนิทต่อหน้าคนอื่นมากนัก การที่จะสนิทกับใครไม่เห็นจำเป็นต้องป่าวประกาศ อีกอย่าง นานๆทีเพื่อนตัวเล็กจะยอมแสดงสีหน้ามากกว่าหนึ่ง ทุกครั้งจะต้องมีแต่คนที่เจ้าตัวไว้ใจเท่านั้น ซึ่งก็คือเขา -- อีกอย่าง ถ้าเขาเผลอแสดงความสนิทในที่สาธารณะ คยองซูจะเปลี่ยนอารมณ์เป็นนกฮูกที่ดุร้ายพอตัว คยองซูเป็นหนึ่งในอีกคนที่เขาชอบแกล้ง เนื่องจากปฏิกิริยาตอบรับตลกดี -- ส่วนอีกคนก็คือปาร์คชานยอลนั่นแหล่ะ




    "ปากเป็นรูปหัวใจด้วย ดูๆ"เซฮุนดึงคางอีกฝ่าย คยองซูทำท่าจะอัดกำปั้นเข้าใส่ แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการหัวเราะ"นานๆทีคุณหนูโดจะหัวเราะนะ”




    “ยุ่งน่า จะขำหรือไม่ขำมันหนักหัวนายตรงไหน”คยองซูดันมืออีกฝ่ายออก เซฮุนเป็นคนกวนประสาทตั้งแต่เด็ก ใครจะรู้ว่าเห็นทำหน้านิ่งๆแบบนั้น ข้างในเต็มไปด้วยความคิดแผลงๆและคำพูดร้ายๆที่ฟังแล้วเจ็บใจได้ตลอด




    เขากับเซฮุนเดินจนมาถึงหอนาฬิกาของฮอกวอตส์ ทั้งสองคนเลี้ยวซ้ายไปยังปีกตะวันออกของปราสาทเพื่อกลับห้องนั่งเล่นรวม คยองซูเผลอมองเข้าไปในห้องเรียนว่างๆ ก่อนที่เขาจะชะงักเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ในนั้น คยองซูหยุดเดินกะทันหันจนเซฮุนต้องหันมามองด้วยความสงสัย




    มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญอย่างสุดๆที่เขาเห็นคู่ปรับตลอดกาลอย่างคิมจงอินนั่งอยู่ข้างในห้องเรียนว่างๆนั่น เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเดิมตั้งแต่เช้า เขากะพริบตาและเร่งความเร็วให้มากขึ้น แต่เมื่อเขาก้าวขึ้นไปสองสามก้าว สายตาเจ้ากรรมก็หันไปเห็นใครอีกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่นด้วย




    ลู่หาน ซีกเกอร์จากเรเวนคลอยังคงใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินแถบสีบรอนซ์ของทีมควิดดิชอยู่ ทั้งสองคนนั่งคุยกันอยู่ในห้องเงียบๆจนเขาได้ยินไม่ชัดว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร แต่การที่คิมจงอินลูบหลังคนข้างๆเป็นการปลอบโยนก็เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นเรื่องการแข่งควิดดิชเมื่อครู่แน่ๆ คยองซูกัดริมฝีปากแน่นขึ้นจนรู้สึกว่าได้กลิ่นคาวเลือด เขาไม่ชอบเลย ไม่ชอบความรู้สึกของตัวเองตอนนี้เลย

     




    เหมือนเขากำลังอิจฉา






     

    “นั่น พวกเลือดสีโคลน”เขาห้ามตัวเองไม่ได้ สมองสั่งให้เขากระตุกแขนเสื้อเซฮุน รอยยิ้มร้ายกาจถูกดึงขึ้นมาปิดบังความว่างโหวงในใจ”เดินไวๆเถอะ ไม่อยากอยู่ร่วมหายใจที่เดียวกันนาน



     

     

    น่าแปลกที่เซฮุนกลับไม่ยอมเดินต่อ คนตัวสูงมองคนในห้องด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก คยองซูดึงแขนเสื้อของเซฮุนอีกครั้ง พอดีกับที่จงอินเดินออกมาจากห้องเรียน คยองซูสะดุ้งน้อยๆ จงอินเองก็เช่นกัน คนตัวเล็กไม่ยอมสบตาด้วยซ้ำ เพียงแต่หันไปหาเซฮุนเพื่อเร่งให้อีกฝ่ายเดินไปเร็วๆ เด็กบ้านกริฟฟินดอร์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจที่ได้เจอกับคยองซูโดยไม่ได้คาดหมาย แต่ที่แปลกใจกว่าก็คือโอเซฮุนที่เดินมาด้วยกัน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคยองซูเดินไปไหนกับใครเลยสักครั้ง จะมีก็นานๆทีแต่ก็ไม่เห็นจะทำท่าทีสนิทสนมเหมือนตอนนี้เลย ถึงจะรู้ว่าเซฮุนเป็นเพื่อนคยองซู แต่คนอย่างคยองซูหัดทำท่าทางขี้เล่นแบบนั้นกับเพื่อนตั้งแต่เมื่อไรกัน



     

     

    “เซฮุน!”คยองซูยืดตัวขึ้นกระซิบใส่หูอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดุๆ เซฮุนปัดมืออีกฝ่ายแล้วดันตัวคยองซูออกด้วยแรงไม่มากนัก คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ย ได้แต่มองตามเซฮุนที่เดินเข้าไปในห้องเรียนด้วยความสงสัย แผ่นหลังของเพื่อนห่างๆออกไปช้าๆ โดยที่ทิ้งความสงสัยไว้ให้เขา


     

     

    เซฮุนรู้จักกับลู่หานมากกว่าที่บอกเขา?

     


     

    คยองซูยืนสับสนได้ซักพักก็ได้สติ เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจงอินเองก็ยืนอยู่ตรงนี้ และในทันทีที่นึกขึ้นได้ คยองซูก็หมุนตัวและเดินกระแทกเท้าปังๆไปตามระเบียงทางเดิน ถึงแม้ในใจจะขัดแย้ง -- ในระดับที่ว่าเขาอยากหยุดอยู่หน้าห้องและรอให้จงอินเข้ามาคุยด้วย เขาทั้งอยากและไม่อยากคุยกับจงอิน ด้วยเหตุผลที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พักนี้ดูเหมือนระดับการกวนประสาทของอีกฝ่ายจะสูงขึ้นเรื่อยๆ สูสีกับความเกลียดขี้หน้าที่พุ่งตามกันมา




     

    เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังตามมา ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเดินตามเขาทัน จงอินคว้าไหล่ให้อีกฝ่ายหันมาประจันหน้ากัน ใบหน้าของจงอินเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แค่คยองซูมองก็รู้สึกรำคาญตาขึ้นมาดื้อๆ




     

    “เป็นบ้าอะไร”จงอินเริ่มบทสนทนาด้วยการถามเสียงดุ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สายตาทิ่มแทงทำให้คยองซูต้องกัดริมฝีปากเพื่อข่มกลั้นอารมณ์หงุดหงิดที่ตีตื้นตามกันมา ”ทำตัวแบบนี้มันน่ารำคาญ”


     

     

    “หุบปาก”คยองซูสวนกลับไป ในหัวเหมือนมีเสียงอะไรแตกเมื่อได้ยินคำพูดของจงอิน เขาไม่เข้าใจว่าไปทำอะไรให้อีกฝ่ายรำคาญตอนไหน และคยองซูเองก็ไม่คิดจะถามจากปากของคิมจงอิน จะเป็นเพราะอะไรก็ช่าง เขาก็แค่ทำหน้าที่ของคู่ปรับให้ดีที่สุดก็เท่านั้น ต่างคนต่างอยู่แบบนี้เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับความสัมพันธ์ที่ราวกับลิ้นกับฟันของเขาทั้งคู่ คยองซูเหลือบมองเข้าไปในห้อง ลู่หานยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ใบหน้ามีส่วนผสมของความตึงเครียดและความเสียใจจนเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตตวัดกลับมายังคนตรงหน้า เขาพอจะรู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้คิมจงอินอารมณ์เสียจนผิดธรรมชาติแบบนี้


     

     

    “ไปปลอบพวกขี้แพ้ต่อสิ เดี๋ยวกระโดดลงทะเลสาบตายไปซะก่อน”

     

     

    สีหน้าของจงอินที่เพิ่มระดับจากความหงุดหงิดกลายเป็นโมโห คยองซูเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ในหัวของเขาตอนนี้มีแค่ความคิดที่ว่าจะทำยังไงก็ได้ให้จงอินเจ็บใจที่สุด อย่างน้อยความรู้สึกอึดอัดในอกของเขาจะได้คลายออกไปบ้าง -- เขาอยากเห็นจงอินที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เห็นจงอินเจ็บใจเหมือนที่เขารู้สึกอยู่บ้าง




     

    “อย่างน้อยก็เล่นแบบสะอาด ไม่ทำตัวขี้โกงเหมือนพี่ชายของนาย”จงอินกดเสียงลงต่ำ”สงสัยนิสัยแย่ๆจะส่งผ่านจากพี่สู่น้องได้”

     

     

    “อย่ามาพูดเหมือนพวกขี้แพ้ไปหน่อยเลย”สีหน้าของจงอินแข็งกระด้างเมื่อได้ฟังประโยคนั้นจากคยองซู”อะไร เจ็บนักหนาหรือไงโดนชนแค่นั้น”




     

    “อย่าว่าพี่ลู่หาน”น้ำเสียงของจงอินไม่มีความเป็นมิตรหลงเหลืออยู่แล้ว ยิ่งได้ยินประโยคนั้นคยองซูก็ยิ่งกำหมัดแน่นยิ่งขึ้น ไม่ยักรู้ว่าคิมจงอินย้ายไปอยู่บ้านเรเวนคลอตอนไหนถึงได้ดูเดือดร้อนแทนรุ่นพี่ลู่หานอะไรนั่นเหลือเกิน


     

     

    “งั้นก็อย่ามาว่าพี่คริส” ประโยคคล้ายคลึงกันถูกเอ่ยจากริมฝีปากรูปหัวใจ เขาให้ความสำคัญกับพี่คริส พอๆกับจงอินที่ตอนนี้คงจะหายใจเข้าออกเป็นลู่หานอยู่แล้ว “แล้วถ้านายไม่ได้หลับระหว่างการแข่ง นายคงจะเห็นนะว่าคนที่ทำให้ลู่หานแพ้ราบคาบแบบนั้นไม่ใช่พี่ชายฉัน แต่เป็นแทมิน เพื่อนนายต่างหาก”



     

    “แทมินก็ไม่ได้เล่นสกปรกแบบพี่ชายนายนี่” นิสัยปกป้องพวกพ้องของตัวเองยังคงเป็นจุดเด่นของคิมจงอินที่เขาเกลียด ยิ่งอีกฝ่ายออกตัวปกป้องแต่ละคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้ายิ่งทำให้เขาอารมณ์เสีย ไม่มีประโยชน์อะไรที่คยองซูจะต่อบทสนทนากับคนตรงหน้า มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่พี่คริสเป็นสลิธีริน....บ้านที่เป็นคู่แข่งกับกริฟฟินดอร์ แต่มันเกี่ยวกับเรื่องที่พี่คริสเป็นพี่ชายของเขาต่างหาก เพราะความอคติของคิมจงอินยืนอยู่ตรงนี้แล้วไง



     

    อคติที่ชื่อว่าโดคยองซู



     

    “ไม่เข้าใจนายเลยนะ ทำเหมือนกับว่ามาโทษพี่ชายฉันซ้ำๆแบบนี้แล้วเรเวนคลอจะเป็นฝ่ายชนะอย่างนั้นล่ะ”คยองซูระบายยิ้มเหยียด เขาจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”นี่มันวิถีของคนขี้แพ้ชัดๆ”


     

    “ถ้าพี่ชายนาย --” ไม่ปล่อยให้จงอินได้พูดอะไร คยองซูก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน


     

    “กีฬานี้มันก็ไม่ได้เหมาะกับพวกเลือดสีโคลนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีที่จบประโยคเหยียดหยามของพรีเฟ็คสลิธีริน คิมจงอินยกมือขึ้นมาเสยผมที่ปรกหน้าผากของตัวเอง ร่างนั้นเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย รอยยิ้มบนริมฝีปากนั่นไม่สามารถกลบแววตาแข็งกร้าวจากเด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์ได้เลย


     

    “ก็ยังดีกว่าเลือดบริสุทธิ์บางคนที่ตระกูลสูงส่งแท้ๆ แต่แค่กีฬาง่ายๆอย่างควิดดิชกลับเล่นไม่ได้”


     

    “...”


     

    “คิดว่าฉันมองไม่ออกหรือไง สายตาของนายตอนที่มองคนอื่นแข่งควิดดิชน่ะ”


     

    คิมจงอินจงใจพูดให้เขารู้สึกแย่ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือครั้งนี้อีกฝ่ายรู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เขารู้สึกแย่ขึ้นมาได้จริงๆ ใช่ คยองซูอยากเล่นควิดดิชมาตลอด อยากขี่ไม้กวาดไปรอบๆสนามอย่างที่คนอื่นทำ อยากมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าที่เป็นอยู่ แต่เขาทำไม่ได้ และนั่นมันเป็นเพราะเขาอ่อนแอเกินไป แค่ทนสภาพอากาศหนาวเย็นเขายังทนไม่ค่อยได้ด้วย คยองซูก้มมองปลายเท้าของตัวเองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแสยะ เมื่อเห็นร่างของลู่หานที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบเมื่อครู่



     

    “ควิดดิชอาจจะไม่เหมาะกับฉันจริงๆก็ได้นะ” ซีกเกอร์จากเรเวนคลอยิ้มเศร้า แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือคิมจงอินที่เข้าไปปลอบประโลมราวกับพ่อลูกอ่อน นัยน์ตาที่แข็งกร้าวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นอ่อนแสงลงฉับพลันเมื่อสายตานั้นใช้มองรุ่นพี่ลู่หาน คยองซูไม่ใส่ใจว่าจงอินจะพูดอะไรเพื่อปลอบเรเวนคลอคนนั้นบ้าง เขาหันหลังให้ทั้งสองก่อนจะตรงไปยังห้องนั่งเล่นของสลิธีรินทันที


     

    ไม่ว่ายังไงความเกลียดชังระหว่างพวกเขาก็ไม่มีทางลบล้างได้


     

     

    แต่คยองซูเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมในหัวเขาถึงเต็มไปด้วยเสียงประท้วงในการกระทำที่เกิดขึ้น อะไรบางอย่างบอกว่าเขาทำผิดพลาดไป ความรู้สึกลึกๆในใจนั้นคือการที่เขาอยากให้จงอินและเขากลับมาคุยกันเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกัน แต่ไม่ต้องทะเลาะกันรุนแรงทุกครั้งแบบนี้



     

    เขาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองคิดแบบนั้นเลยซักนิด










    ร้อยเปอร์แล้ว อื้อหือ ตอนนี้ฮุนฮานค่อยๆแพลมมาทีละจึ้กสองจึ้ก
    อยากจะบอกว่าวันก่อนเฉงมาก ที่ลู่หานถือตุ๊กตาหมาคือเฉงมาก เห็นแล้วแบบ เรากับพี่ลู่มีฟีลลิ่งร่วมกัน /ตาย
    ไคโด้ตอนนี้เขาทะเลาะกันอีกแล้ว อะไรอะ ตอนที่แล้วยังหวานแหววกันอยู่เลย 
    วันนี้นางมาแบบอย่างกับต้นวิลโล่จอมหวด ไม่รู้ว่าครึ่งหลังนี่จะมีคนด่าจงอินมากเท่าไร 55555555555555
    จันทร์หน้าจะเปิดเทอมแล้วค่ะ ชีวิตอิสระจะจบแล้ว พร้อมๆกับวันเกิดคยองซู งือ 

    ก่อนไปขอฝากเพลงให้ทุกท่าน ในวาระเปิดเทอมนะคะ

    เราจะดองตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วฟิคชั่นที่งดงามจะคืนกลับมา
    เราจะมาให้ท่านงง เราจะลงแบบซุ่มยิง ทีละหน้า!!! 
    จะลงเด็กดีในไม่ช้า ขอคืนฟิคชั่นให้เธอ ประชาชน


    น้องโม่งสอง ฮิฮิฮิ


    ------------------------------------ 50% ----------------------------------------


    สวัสดีปีใหม่กันอีกรอบค่ะ แล้วก็สวัสดีวันเปิดเทอม ฮือ สั่ส
    เรามาคาดเดากันนะคะว่าครึ่งหลังจะมีดราม่ามั้ย แต่เอาเป็นว่าใครกี๊ดฮฮ.ก็กี๊ดเลยค่ะ เชิญตามสะดวกสบาย *จุดพลุ*
    ปีใหม่ที่หยุดไปนี่แทบไม่ได้ทำไรเลยค่ะ นอกจากดูฮอบบิทกับเล่นเกม (ส่วนฟิคกองเอาไว้ก่อน) แล้วก็ต้องพบความจริงว่าวันจันทร์กำลังจะเปิดเทอม .....................
    น้องไม่รู้จะพูดไรต่อละ เป็นอันว่าขอเชิญชวนให้ทุกคนเตรียมตัวด่าจงอิน -- อ้าว นี่คือสปอยป้ะ 555555555555555
    ครึ่งหลังเจอกันค่ะ 

    โม่งหนึ่ง



    ----------------------------

    สวัสดี สิ่งนี้คือโม่งศูนย์ค่ะ 
    จะมาบอกว่าอีก 50% หลังกำลังตามมานะคะ 
    ใครอยากอ่านก่อน เอาขนมมาเส้นเราค่ะ เดี๋ยวให้อ่าน 5555555555 

    ด้วยรักและอยากกินกล้วยบวชชี
    โม่งศูนย์


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×