คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 01
01
ความวุ่นวายของการเปิดเทอมเป็นอะไรที่เขาคุ้นชินดี แต่ก็อดรู้สึกรำคาญไม่ได้ทุกครั้งในเวลาที่คนเป็นพันคนรอบตัวจับกลุ่มคุยกันในคาบวิชาแรกเหมือนฝูงนกกระจอกซักสิบฝูงตีกัน โด คยองซูฟุบหน้าลงกับโต๊ะ พยายามรวบรวมสมาธิในการหลับ ทั้งๆที่เสียงรบกวนข้างๆแทบจะทำลายโสตประสาทของเขาอย่างสมบูรณ์
“เจอหน้ากันวันแรกหลับได้ไงวะ เปิดเทอมทั้งที ลุกขึ้นมาบอกเล่าเรื่องราวของคุณ แชร์ประสบการณ์และความสนุกก่อนสิ”
“พูดมาก ชานยอล มึงนี่ อยู่เงียบๆมั่งก็ได้นะไม่มีใครว่าอะไร” คยองซูคำรามเสียงต่ำตอบเพื่อนหูกางที่ระริกระรี้เสียเหลือเกินกับการเรียนเซครวมพันกว่าคนที่เขาไม่เห็นว่ามันจะน่าสนใจตรงไหน
แต่บอกตามตรงว่าไม่แปลกใจเท่าไหร่ ปาร์คชานยอลระริกระรี้กับทุกอย่าง ตั้งแต่ได้กินพิซซ่าเตาถ่านยันหมาข้างบ้านคลอดลูกแฝด
แถมที่น่าปวดหัวกว่านั้นคือประโยคที่พูดออกมาก็เหมือนไปก๊อปข้อความออโต้บอทในเน็ตมาพูดอีก ชานยอลหันซ้ายหันขวา พูดไม่หยุดปากเกี่ยวกับคนสวยตรงนั้นตรงนี้ กิจกรรมตอนปิดเทอม เปิดเทอม กลางวันจะกินข้าวกับอะไร ตอนเช้ากินอะไรแล้วท้องอืด เมื่อวานยืดเส้นยืดสายท่าไหน อาทิตย์ที่แล้วขโมยเงินแม่ไปเท่าไหร่ เป็นต้น
”คนเยอะชิบหาย อาจารย์นี่ก็แปลกเนอะ มึงเข้าใจป้ะวะ กูคิดมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วยังหาคำตอบไม่ได้ ทำไมคนเราต้องกระเสือกกระสนสอนคนเป็นพันคนทั้งๆที่รู้ว่ามวลมหาประชาชนแบบนี้มันคุมยากวะ”
“หลับๆไปเถอะมึงอะ พูดทีไรเหมือนอมไฟมาเผาคนรอบข้าง” พยอน แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆคยองซูพูดขึ้นบ้างหลังจากนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับอินสตาแกรมร้านค้าอยู่นานสองนาน เห็นว่าซื้อสติกเกอร์ไลน์ลายมานีมีแชร์อะไรนี่แหล่ะเขาเองก็ไม่รู้จักเหมือนกัน
แบคฮยอนอยู่ในสภาพชุดนักศึกษาที่ไม่เหมาะกับคาบแรกเป็นอย่างยิ่ง กางเกงยีนส์ขาเดป เนคไทไม่มี เสื้อไม่รีด ซึ่งเจ้าตัวคิดเอาเองว่าดูเท่และคูลที่สุดในกาแล็กซี่ ”แต่พี่แบคฮยอนก็รักน้องคยองซูนะจ๊ะ”
“พูดแล้วไม่มีสาระก็หุบปากเถอะมึง” คยองซูถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขารวบรวมสมาธิเข้ากับการนอนอีกรอบ แต่พอจะหลับปุ๊บ เสียงดนตรีก็ดังข้างหูปั๊บ ปาร์ค ชานยอลเปิดไอ้เกมส์สีม่วงๆที่มีเพลงแล้วจิ้มๆกดๆเอาตามจังหวะ แล้วกระหน่ำรัวนิ้วอย่างเมามัน แถมคนเดียวไม่พอ เพราะพี่แกเล่นเปิดลำโพงให้ทุกคนร่วมสนุกไปกับมันด้วย ทั้งที่สุดท้ายแล้วมันก็สนุกของมันคนเดียว เนื่องจากไม่มีใครยอมเล่นด้วยสักคน
‘พวกไร้ดนตรีในหัวใจ!!’ ชานยอลเคยด่าพวกเขาไว้เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่เอาเกมมาแนะนำแล้วโดนด่าว่าปัญญาอ่อน ‘พวกมึงมันจิตใจหยาบกร้าน มือแม่บ้านตึกคณะยังนุ่มนวลกว่า’
ก็แล้วแต่มึงเลยครับชานยอล
“แบบนี้สวยป้ะ” ไม่พอ ยังมี โอ เซฮุน พยายามยื่นหน้าจอมือถือที่เปิดโปรแกรมแต่งรูปค้างไว้ คยองซูหรี่ตามองรูปสีสันประหลาดๆ เทาจัดๆ คอนทราสต์ฟุ้งๆ เป็นรูปเซฮุนครึ่งหน้า คิ้วเป๊ะทุกเส้น ไม่ต้องลำบากเดาก็รู้ว่าอีกห้านาทีเดี๋ยวในไอจีจะมีรูปคนครึ่งหน้ากับแคปชั่นภาษาต่างดาว ”หรือเพิ่ม fade อีกหน่อย”
“มึงแม่งฮิปสเตอร์” แบคฮยอนบ่นขึ้นมา ยังไม่ทันจะทำอะไรมากกว่านั้น ในห้องเรียนที่เป็นสโลปสูงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเนื่องจากอาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้อง เสียงจอแจเงียบลงไปในระดับหนึ่ง ก็แค่ระดับเล็กๆระดับหนึ่ง คือเล็กมากจริง อารมณ์แบบถ้านีนี่หมาหน้าคณะนอนอยู่มันคงลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วหลับต่อแบบไม่เกิดอะไรขึ้น
คยองซูเริ่มเลื้อยลงโต๊ะอีกครั้ง อาจารย์เริ่มสอนงานนอนก็ต้องตามมา
คยองซูเป็นนักศึกษาปีสาม คณะนิเทศศาสตร์ เป็นคนที่ภายนอกดูเงียบๆ แต่ก็ถูกต้องแล้ว คยองซูเป็นคนเงียบๆ แต่อย่าให้เปิดปากพูด ทุกคำกวนตีนเป็นที่หนึ่ง ขี้บ่นแบบไม่แสดงออก ติดการ์ตูน ติดเกมส์ มีปมด้อยอยู่นิดนึง ที่ถ้าใครเผลอตอกย้ำขึ้นมาจะเปิดโหมดทำลายล้างไปโจมตีทันที ซึ่งนั่นก็คือเรื่องส่วนสูงและกายภาพที่เล็กกว่าค่าเฉลี่ยนิดหน่อย
กลุ่มของเขามีกันอยู่สี่คน และเป็นกลุ่มที่คยองซูคอยนึกตลอดทุกๆสามนาทีว่าเขาคิดผิดสิ้นดีที่เลือกเพื่อนแบบนี้
คนแรก ชานยอล มนุษย์หูกางตัวสูง พูดมาก พูดได้เรื่อยๆจนเขาหลับ แล้วไอที่พูดมานี่ก็เป็นมุกแป้กสักครึ่ง พอไม่มีใครขำชานยอลก็ตบมือเปาะแปะให้มุกตัวเองได้แบบหน้าไม่อาย นอกจากนั้น มันยังเป็นคนที่หาสาระอะไรใดๆในชีวิตไม่ได้ ตอนกลางวันเล่นเกม กลางคืนออกเที่ยว ตอนเช้าเมาค้างมานั่งเล่นเกมในห้องเรียนต่อ บอกตามตรง ขยะยังมีสาระกว่าปาร์คชานยอล
คนที่สอง แบคฮยอน มนุษย์เตี้ยอีกคนหนึ่ง พูดมากไม่แพ้ชานยอล แต่ที่แย่กว่าชานยอลคือแบคฮยอนชอบเห็นเขาเป็นเหยื่อในการเอาไปเต๊าะเล่นเสมอ โดยไม่ดูสภาพตัวเองเลยว่าเตี้ยม่อต้อแค่ไหน คยองซูก็คิดนะว่าไอ้ที่ด่าๆไปทุกวันไม่เคยกระทบกระเทือนจิตใจบ้างเลยเหรอ เห็นยิ้มรับหน้าชื่นตาบานทุกครั้งที่โดนเขาด่า
คนที่สาม เซฮุน โอ เซฮุน คนที่ดูเหมือนพร้อมออกไปท่องต่างมิติตลอดเวลา เป็นอะไรที่เข้าใจยาก เอาจริงไม่มีใครเข้าใจมันเลยมากกว่า แต่ละกิจกรรมที่ทำนี่ก็เรียกได้ว่าแปลกเกินสปีชี่ส์มนุษย์เขาทำกัน เลี้ยงสัตว์แปลกๆ พืชแปลกๆ ตอนประถมเลี้ยงนกฮูกตามแฮร์รี่พอตเตอร์ พอขึ้นมหาลัยทำตัวฮิปสเตอร์เลี้ยงกัลปังหา ชอบถ่ายรูปครึ่งตัวครึ่งหน้าบ้าง หรือถ่ายหน้าต่างแล้วใส่แคปชั่นคำคมประจำวัน เวลาแชทรวมในกรุ๊ปก็ชอบพิมพ์ไม่รู้เรื่อง ตัวจริงก็พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ด้วยแล้วรู้สึกชีวิตลำบากขึ้นมาอีกสองสามเท่า
“นักศึกษารบกวนส่งประมวลรายวิชาต่อๆกันไปด้วยค่ะ ถ้าหมดแล้วมาหยิบเพิ่มข้างหน้านะคะ”เสียงอาจารย์ที่พยายามเพิ่มระดับความดังด้วยไมค์ลอยทะลุความง่วงซึมยามเช้าของเขาเข้ามา คยองซูฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เสียงจ้อกแจ้กจอแจรอบตัวยังคงดำเนินต่อไปจนเขาหลับไม่ลง
“มึง เห็นทัมป์ไดรฟ์กูป้ะ สีฟ้าๆ วันก่อนที่นัดเจอกันกูวางรวมไปกับกระเป๋ามึง เผื่อมันหาย” ชานยอลสะกิดเซฮุนเพื่อถามหาของที่หายไป มนุษย์มึนพยักหน้าแล้วค้นกระเป๋าตัวเองตามคำขอ
“หายเหรอ ซื้อใหม่มั้ย บ้านกูขายอยู่แปดพันวอนเอง”
“บ้านมึงราคาถูกจังวะ บ้านกูนี่หลายร้อยล้านวอนนี่ยังผ่อนไม่หมดเลยนะ” ชานยอลทำหน้าตื่นเต้น ตบมือสองสามครั้งเป็นการแสดงความยินดีให้มุกตัวเอง โดยที่ไม่ได้สังเกตสายตาของคนรอบข้าง และหลังจากมุกนั้นก็เกิดเดธแอร์ขึ้นอยู่สองสามวิ คยองซูกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
ขำครับ ขำมาก เอาเลยเว่ยเพื่อน เอาที่สบายใจ
แบคฮยอนตบหัวชานยอลไปทีนึงโทษฐานเล่นมุกไม่ฮาพาเครียดทั้งวง ชานยอลบ่นหงุงหงิงก่อนที่จะย้ายความสนใจไปอยู่ที่มือถือเหมือนเดิม หน้าต่างเขียวๆบอกชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังแชทอยู่ เซฮุนยื่นหน้าเข้ามาดูแล้วทำหน้าเหม็นเบื่อ
“คุยกะพี่คริสอีกละ”
ชื่อรุ่นพี่ปีสี่ในเอกทำเอาเพื่อนชานยอลของพวกเขาเลิกคิ้ว พี่คริสเป็นพี่ปีสี่ที่คณะ ซี้ไอชานยอลมัน ตอนแรกพวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าไปสนิทกันได้ยังไง แต่ไปๆมาๆก็เริ่มเข้าใจ สองคนนี้มันเชี่ยพอกัน คุยภาษาเดียวกันรู้เรื่อง ก็คบกันไป
“ทำไมวะ คุยกับไอ้พี่คริสแล้วยังไง พวกกูแค่จะนัดกันเย็นนี้” ชานยอลตอบปัดๆ และก้มไปให้ความสนใจมือถือต่อ นิ้วมือรัวยิกที่เลขห้าแบบนั้นแน่นอนว่าชานยอลคงไปเล่นมุกแป้กใส่พี่คริสแล้วก็ขำรัวๆให้มุกตัวเองอยู่แน่ๆ ซึ่งก็จัดว่าเป็นเรื่องดี ให้ความซวยไปตกอยู่ที่พี่คริสมันเลย เพื่อนที่น่ารักแบบพวกเขาจะได้ไม่ต้องฟังมุกไม่ผ่านของชานยอลมัน
เซฮุนเองก็เริ่มกลับไปสิงอยู่ในจอมือถือต่อ แบคฮยอนเองก็หันไปชวนกลุ่มสาวคณะอื่นข้างหลังคุย ไม่ได้มีความสนใจที่จะเรียนเลยแม้ซักนิด
รวมถึงเขาด้วย คยองซูได้แต่กวาดตามองไปรอบห้องอย่างเบื่อๆ ทั้งห้องยังคงคุยกันเสียงดัง ถึงแม้อาจารย์จะเริ่มต้นบทเรียนแล้วก็ยังไม่เป็นผล มีแต่แถวหน้าที่อุดมไปด้วยเด็กเรียนที่เริ่มก้มหน้าก้มตาจดเนื้อหา คยองซูนั่งมองอาจารย์ที่พยายามส่งเสียงเตือนอยู่เป็นพักๆ ก่อนที่เขาจะเลิกสนใจไปเอง
วิชานี้มันสำคัญที่ไหน วิชาปลูกข้าว...วิชาเก็บเกรดที่ลงเรียนกันเป็นพันคน เดี๋ยวตอนสอบก็มีโพยอ่านก่อนมาให้ บอกตามความจริงเลย ที่เข้าเรียนมีแค่สองเหตุผลเท่านั้น หนึ่งคือเขาแค่มานั่งทดลองทำตัวเป็นเด็กดีดูบ้าง คือนี่คาบแรกไง ถึงชีวิตจะเชี่ยแค่ไหนก็ควรเข้าเรียนคาบแรก คาบต่อไปถ้าไม่มีควิซหรืออะไรก็โดดยาว สบาย (แต่ตอนสอบคงเป็นนรก ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต ก็ช่างมันไป) อีกทั้งวิชานี้ก็ไม่ใช่คยองซูสไตล์เลยสักนิด คือนี่เรียนถ่ายภาพไปเป็นตากล้องอย่างเต็มที่ แต่สงสัยสำนักงานทะเบียนคงกลัวผลสอบออกมาไม่ดีเลยปูพื้นฐานการเป็นควายไว้ให้เสร็จสรรพ นับเป็นความรอบคอบของทางมหา’ลัย
และเหตุผลที่สอง เขาชอบกินบราวนี่ตรงร้านขนมนี้มาก กินกับชามะนาว ยิ่งกินเสร็จแล้วนอนนี่ถือเป็นความฟินระดับสิบ
นี่แหล่ะความหวังของพ่อแม่
“มึง ดูดิ” แบคฮยอนสะกิดเขาให้เงยหน้าจากการหลับในขึ้นมา ไม่พอ ยังไปสะกิดชานยอลและเซฮุนต่อ คยองซูจ้องหน้าคนสะกิด พร้อมกับนัยน์ตาที่แฝงความหมายประมาณว่า ถ้าไม่มีเรื่องอะไรสำคัญ มึงตาย คนสะกิดชี้ไปที่กระดาน คยองซูมองตามไปอย่างงงๆ เขาไม่เห็นความผิดปกติใดๆทั้งนั้น
“มีอะไรวะ”
“ตามึงโตขนาดนั้นนี่มึงดูไม่ออกเหรอ” แบคฮยอนทำหน้าเอือม ถ้าคยองซูได้ยินไม่ผิดเหมือนแบคฮยอนจะบ่นงุ้งงิ้งว่าสู้เอาตามาให้กูดีกว่า ”อาจารย์เดินออกไปละ สงสัยเสียงดังเกิน เลยวินด์วอล์คออกไปซะงั้น”
“อ้าว แล้วทำไงอะ” ชานยอลที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาก็รีบถามแทรกทันที
“ถามกูแล้วกูจะรู้มั้ย กูก็นั่งหัวโด่อยู่นี่พร้อมมึงอะ”
“มึงแม่งอ่อน”
คยองซูทำเป็นไม่สนใจสงครามการเถียงแบบไร้สาระของเพื่อนข้างๆตัว คือมันก็ไร้สาระกันทั้งวันอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจเป็นพิเศษ ดูเหมือนทั้งคลาสจะเริ่มรับรู้แล้วว่าอาจารย์หายไปจากหน้าห้อง เสียงพูดคุยที่ดังอยู่แล้วจังเพิ่มระดับความดังยิ่งขึ้นไปอีกด้วยความแตกตื่นในสถานการณ์ อันที่จริงหนทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือทั้งห้องควรจะเงียบเสียง แต่นั่นแหล่ะ คยองซูบอกเลยว่ายาก
แต่เอาจริงจะตกใจก็ไม่แปลก อยู่ๆอาจารย์เดินออกไปแบบนั้น มันปกติที่ไหน
ความวุ่นวายที่หางทางแก้ไม่ได้นั้นยังดำเนินต่อไปซักพัก เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย แต่ด้วยนิสัยที่เป็นคนเงียบๆของคยองซูก็ทำให้เจ้าตัวนั่งอยู่กับที่เฉยๆ ไม่ได้พูดคุยเพิ่มเติม หรือหาทางแก้ไขให้ใคร พอหันไปอีกทาง เซฮุนฟุบหลับไปแล้ว ในขณะที่แบคฮยอนนั่งดูชานยอลเล่นซูเปอร์สตาร์เอสเอ็มทาวน์
อนาคตของชาติจริงๆพวกนี้
เสียงเคาะไมค์ดังขึ้นจากหน้าห้อง ศีรษะหลายศรีษะหันขวับไปยังต้นเสียงเนื่องจากนึกว่าอาจารย์เดินกลับเข้ามา คยองซูเองก็เช่นกัน แต่สิ่งที่เขาเห็นคือนักศึกษาคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตสีขาว ติดกระดุมคอ ผูกเนคไทเรียบร้อย ที่เด่นสะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นสีผิวที่เข้มกว่าคนเกาหลีโดยเฉลี่ย บนใบหน้านิ่งๆมึนๆนั้นมีแว่นตากรอบสีดำประดับไว้อยู่
เนิร์ดแน่ๆ พวกเนิร์ดแบบนี้น่าจะมาจากอักษร นิติฯ หรือไม่ก็รัฐศาสตร์ อะไรแบบนี้
“ขอโทษนะครับ” เสียงที่ลอดผ่านไมค์มานั้นทุ้มต่ำ มันดังพอที่จะทำให้ทั้งห้องที่ตกอยู่ในสภาวะวุ่นวายเงียบลงได้ คนดำที่จับไมค์ดันแว่นขึ้นหนึ่งทีเหมือนเป็นการเรียกกำลังใจ ก่อนจะเริ่มพูดต่อ
”เพื่อนๆทุกคนรบกวนช่วยเงียบด้วยครับ เผื่อถ้าทุกคนเงียบ อาจารย์อาจจะยอมกลับมาสอนก็ได้นะครับ”
เงียบ
เงียบเหมือนคยองซูตอนเปิดดูเกรดวิชาเอก
แต่บอกตามตรง คยองซูตอนไม่ดูเกรดก็เงียบเป็นปกติอยู่แล้ว จะเปรียบเป็นตอนดูเกรดไปเพื่ออะไร
สิ่งที่ตามมานั้นเกือบไม่น่าเชื่อ ทั้งห้องเงียบลงทันทีราวกับปิดสวิชท์ มีเสียงจากตรงนั้นตรงนี้เป็นทำนองว่าชื่นชมในความกล้า แต่ส่วนใหญ่เป็นเสียงด่าด้วยความหมั่นไส้ในความมั่นหน้าของมนุษย์ผิวเข้มคนนั้น คยองซูหรี่ตา มองตามร่างสูงๆที่ก้าวเท้ายาวๆกลับไปนั่งที่ตัวเองในบริเวณแถวหนึ่ง ความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าก็ผุดขึ้นมาในใจ
คนอะไร น่าหมั่นไส้ชิบหาย
“เช๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไอเชี่ย โคตรมั่นหน้า” ชานยอลเปิดประเด็นขึ้นมาคนแรก เสียงดังตามความสถุลส่วนตัวและพูดมากตามสันดาน
“กูยอมแม่งเลยว่ะ ฮ่าๆ มึงว่ามันอยู่คณะอะไร เนิร์ดๆงี้อักษรป้ะวะ” แบคฮยอนถามขึ้นมาบ้าง หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตาปิด ไอที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วยิ่งปิดเข้าไปใหญ่
“ไม่มีทาง หน้างี้ไม่น่าอ่าน ABC ออกด้วยซ้ำ” โอเซฮุนพูดขึ้นมาด้วยหน้านิ่งๆ แต่ตีนกระดิกเป็นจังหวะ Overdose “กูพนันด้วยน้องลูลู่ที่หนึ่งของกูเลยว่าแม่งเรียนแพทย์แน่นอน”
คยองซูปล่อยให้เพื่อนไม่ปกติสามคน เถียงกันด้วยความไร้สติต่อไป ตัวเขาปล่อยสายตาให้ไปอย่างไร้จุดหมาย เพื่อนก็บ้า คนเรียนด้วยกันก็บ้า ไอแว่นที่ออกไปพูดนั่นยิ่งบ้าใหญ่ ชีวิตกูนี่แม่งทำไมมีแต่คนบ้าๆ
ทั้งคลาสกลับเข้าสู่สภาพเสียงดังตามปกติเมื่ออาจารย์ออกไปและคงไม่กลับเข้ามาสอนแล้ว ซึ่งก็ดี มีคาบว่างเพิ่ม
คยองซูนั่งกอดอกอยู่กับที่ ไม่ยอมเก็บของ เนื่องจากจะรอให้คนที่กำลังแออัดลดปริมาณลงเสียก่อน นัยน์ตาโตเผลอตวัดไปมองบุคคลในตำนานของวิชานี้ ร่างสูงผิวสีเข้มกำลังเก็บสมุดใส่กระเป๋า นัยน์ตาปรือๆเหมือนคนง่วงนอนนั่นมองมาทางเขา แต่ก็เลยผ่านไป
“น่าหมั่นไส้ว่ะ”
“อะไรครับลูกพี่ หมั่นไส้ใคร”แบคฮยอนตามมาสอบถามทันที เรื่องแบบนี้น่าสนใจกว่าเกมจิ้มๆในมือชานยอลเป็นไหนๆ” ให้ผมจัดการเลยไหม”
“จัดการตัวเองก่อนเถอะไอ้หมา” คยองซูตอบกลับ ในหัวยังคงมีข้อมูลที่กลุ่มสาวๆด้านหลังพูดคุยกันเกี่ยวกับไอ้แว่นคนนั้น
คิมจงอิน คณะไหนไม่รู้ รู้แต่มีคนแอบปลื้มพอสมควร เพราะได้ลงเพจ cute boy ด้วย แต่ใช่ว่า cute boy จะเชื่อถือได้เสมอไป เพราะขนาดชานยอลกับเซฮุนยังได้ลงเพจด้วยเลย .. ถามจริงๆส่วนไหนของมันที่ Cute กัน วันๆเห็นมันเถียงกันแต่เรื่องของกิน
คยองซูก็คิดนะ ว่าหน้าง่วงๆแบบนั้นมันมีดีตรงไหน ดูเด็กเรียนระดับสิบ แต่งตัวเรียบร้อย หอบหนังสือหนาเป็นตั้ง ดูยังไงก็เป็นพวกที่คยองซูรำคาญเป็นอันดับหนึ่ง
ในโลกนี้จะมีคนประเภทหนึ่ง ที่เขายังไม่ทำอะไรให้ก็รู้สึกไม่ชอบหน้าเสียแล้ว และคิมจงอินคือหนึ่งในคนประเภทนั้น
“แดกข้าวได้ละ นี่มึงกะรอให้ป้าร้านข้าวกลับบ้านใช่ป่ะวะถึงได้นั่งแช่อยู่แบบนี้”
“เก็บปากไว้คุยกับกัลปังหาที่บ้านมึงเถอะ”คยองซูสวนเซฮุนกลับทันที คนโดนด่าหัวเราะตาหยีแบบไม่สะทกสะท้าน ทั้งกลุ่มลุกขึ้นยืนและเดินออกไปพร้อมกัน คยองซูไม่ได้ฟังบทสนทนาของเพื่อนในกลุ่ม แต่สายตามองตามแผ่นหลังในเสื้อเชิ้ตยับนิดหน่อยที่เดินนำอยู่ข้างหน้า
หมั่นไส้แม่งโคตรๆ
คนอะไร เห็นแค่กกหูก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว
“เออ ไอ้แว่นเมื่อเช้าแม่งกล้าเนอะ” ระหว่างมื้ออาหารชานยอลก็พูดขึ้นมาอีกรอบเรื่องนี้ คยองซูทำเป็นตักข้าวเข้าปากสองสามคำเพื่อรอดูเชิงว่าจะมีใครพูดอะไรเพิ่มเติมไหม
ตลกดี เขารู้สึกติดใจกับไอ้แว่นนั่นที่ชานยอลเรียกอย่างบอกไม่ถูก แต่ถ้าเขาพูดถึงมากเกินไปอาจจะดูผิดสังเกต คือปกติเขาเป็นคนที่แทบไม่พูดถึงอะไรสักอย่างบนโลก คยองซูเลยต้องทำเป็นไม่สนใจก่อน แล้วค่อยหาจังหวะสวยๆพูดออกมา
“แว่นไหนวะ” เขาแสร้งทำเป็นลืมไปแล้ว ทั้งๆที่ในใจมีมโนภาพของคิมจงอินมาเต็มเปี่ยม แทบจะมาเป็นภาพสามมิติอยู่ตรงหน้า
“ท็อปเจริญมั้งมึง ซื้อตอนนี้ได้เสื้อกันหนาวด้วย ถุยชีวิต” แบคฮยอนตบมุกเสียยืดยาว เลยโดนคยองซูเอาเท้าซัดเข้าให้ที่หน้าแข้ง ”ไอ้แว่นคาบเช้าอ้ะ ที่หล่อให้ศูนย์จุดห้ามั่นหน้าให้ร้อยยี่สิบอ้ะ”
“อ๋อ จำได้" คยองซูพยักหน้ารับรู้นิดหน่อย" เออ แม่ง คนอะไรแค่เห็นก็รู้สึกคันตีนยิบๆละ” แถมด้วยพูดต่ออีกยาว แล้วตักข้าวเหนียวไก่เข้าปาก วันนี้อุตส่าห์ถ่อมากินถึงโรงอาหารอักษร เลยต้องกินของขึ้นชื่อซักหน่อย
“มึงหมั่นไส้เขามาตั้งแต่ชาติที่แล้วป้ะ หน้าตามึงเคียดแค้นมากจริงๆ” ชานยอลแทรกขึ้นมา พร้อมกับส้อมในมือที่พุ่งมาจิ้มไก่ไปหนึ่งชิ้น ”ขอชิ้นนึง”
“เหนียวไก่กู” คยองซูโพล่งขึ้นมากลางวงเมื่อข้าวเหนียวไก่ในจานลอยเข้าปากเพื่อนบังเกิดเกล้าไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าคยองซูรู้จักการเล่นโซเชียลแคมสักหน่อยคงไม่แคล้วตั้งโทรศัพท์อัดคลิปด่าไปนานแล้ว
“คยองซูแม่งก็ทำหน้าอยากฆ่าคนแบบนี้ตลอดเวลาอยู่แล้วนะ ถ้าจำไม่ผิด” เซฮุนกล่าวตาม ก่อนที่ส้อมคันที่สองจะตามมาจิ้มไก่ในจานเดียวกับชานยอลไปติดๆ ”นี่ไง มึงลองมองดูให้ดีๆ”
คยองซูมองหน้าแต่ละคนอย่างเชือดเฉือน จิ้มส้อมลงไก่ด้วยอารมณ์รุนแรงจนจานแทบจะแตก
เพื่อนพวกนี้มันกวนตีนเขาเป็นงานหลัก แล้วกวนตีนกันเองเป็นงานอดิเรกจริงๆ
“คยองซูนี่รู้สึกพิเศษกับคุณแว่นเหรอครับ ดูมีอะไรติดใจ”
“บ้านพี่มึงดิแบคฮยอน” พอได้ยินประโยคนั้นของแบคฮยอน คยองซูแทบจะคว่ำจานไก่ใส่หน้าเพื่อน รู้สึกขนลุกตั้งแต่ลำคอลงไปยันนิ้วเท้าข้อที่สอง ไอ้รู้สึกพิเศษที่แบคฮยอนพูดนี่เขานึกถึงแค่อย่างเดียวคือหมั่นไส้เป็นพิเศษก็เท่านั้นแหล่ะ ”หรืออยากให้หันมาด่ามึงแทน นี่ถ้าไม่โดนด่าจะนอนไม่หลับเหรอวะ”
“อย่างงั้นเลย” คนโดนด่าทำหน้าระริกระรี้ ยิ่งโดนคยองซูด่ายิ่งสนุก บันเทิงใจดีจะตายเวลาเห็นคนตัวเล็กหน้านิ่งๆทำสายตาโหดๆ ถ้าโชคร้ายหน่อยอาจจะมีการลงไม้ลงมือตามมา แต่คยองซูไม่ทำอะไรมากกว่านั้น ถ้าขอให้ช่วยอะไรก็ด่านิดหน่อยตลอด แต่ก็ยอมทำเสมอ ก็เข้าข่ายปากร้ายใจดีอีกคนนั่นแหล่ะ
“โห ตายยากมาก undead สุดๆ”เซฮุนตบไหล่คยองซูให้หันไปดูคนที่เดินเข้าโรงอาหารมาใหม่ คนที่เขากำลังนินทาเดินทำหน้ามึนเข้ามาในโรงอาหาร คราวนี้เดินมากับเพื่อนพอดี คยองซูทำเป็นหันไปทางอื่น แต่หางตาเก็บรายละเอียดไว้แทบจะทุกพิกเซล
คนข้างๆนั่นเป็นผู้ชายที่ผิวเข้มจนออกไปทางเขียว หางตาชี้ หน้าตาดุเหมือนเป็นลูกมาเฟียเก็บค่าเช่าแผง ถ้าไม่ติดว่าในมือถือไอโฟนใส่เคสลายริลัคคุมะสีขาวเด่นสะดุดตา ส่วนอีกคนนึงเป็นมนุษย์ตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มนั้น มุมปากชี้ นัยน์ตาชี้ขึ้นเป็นทรงโค้ง มาพร้อมกับรัศมีอิ่มเอิบอะไรบางอย่าง แค่มองก็รู้สึกว่าได้รับพลังงานบางอย่างมาเต็มหลอดเลือด เหมือนไฮพรีสที่บวก int มาเต็มค่า stat หรือถ้าจะให้พูดภาษาคนก็คงอธิบายสั้นๆว่าหน้าตามาทางธรรมจนอยากจะให้ดร็อปไปบวชสักแปดสิบปีอะไรแบบนั้น
“มึงประทับใจเค้านี่ ไปทักไป” ชานยอลตีไหล่เพื่อน แล้วหันไปก้มหน้ากับมือถือต่อ ”เย็นนี้กูไม่อยู่นะพวกมึง พี่คริสชวนกูละ”
“ต้นเทอมก็จัดเลยนะ”แบคฮยอนเหล่ตามอง ชานยอลยักคิ้วด้วยท่าทางที่คิดว่าตัวเองหล่อที่สุดในรัศมีที่กลิ่นจากร้านข้าวเหนียวไก่จะแผ่ถึง
“ไม่ได้ๆ ขาดมานาน ร่างกายต้องการการเติมเต็ม”
“ไปเรียนเหอะ” คยองซูตัดบท ยกจานขึ้น ทั้งกลุ่มลุกตาม ยังคงส่งเสียงคุยกันไม่หยุด ในระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะต่างๆที่มีนักศึกษานั่งอยู่ทั่วนั้น คยองซูชำเลืองมองไปทางโต๊ะที่ติดกับทางออก ใบหน้ามึนๆของมนุษย์มึนที่ถูกเขาตั้งกำแพงในใจโดยไม่รู้ตัวอยู่ตรงนั้น บนโต๊ะมีข้าวเหนียวไก่วางอยู่
จู่ๆความรู้สึกอยากปาจานไก่ในมือทิ้งก็เกิดขึ้นกับโดคยองซู โคตรอยากลาออกจากสมาคมคนนิยมข้าวเหนียวไก่ คือโรงอาหารในมหา’ลัยก็ไม่ได้มีแค่ที่เดียว แม่ค้าร้านลาบกิมจิที่ตั้งอยู่ข้างๆกวักมือเรียกแขนแทบหักทำไมไม่ไปซื้อ ทำไมต้องมากินร้านเดียวกับกู ไม่เข้าใจ ร้านนี้คนหน้าตาดีเขากินกัน หน้าตาศูนย์จุดห้าเต็มสิบอย่างคิมจงอินโคตรไม่มีสิทธินั้นเดี๋ยวนี้
หวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีก ไม่งั้นเขาคงหงุดหงิดตายด้วยความหมั่นไส้ ให้ตายเถอะ
---------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วครับทั่น มาแล้วววววววววววววววววววววว
โครงการโม่งคืนความสุขยังไม่จบ ลงรวดเดียวสามเรื่อง อะหิ
เรื่องนี้เรื้อน สไตล์การแต่งคือแบบ เหมือนโม่งเมาแล้วมาแต่งฟิคให้อ่าน นี่บอกเลย ใส่ทุกมุกในชีวิตลงไปในเรื่อง /เคาะถาด
ดังนั้น ลบภาพจากฟิคซ่อนหาออกไปให้ค่ะ ลบภาพคนแต่งฟิคเคร่งขรึมออกไปให้หมดค่ะ (โม่งเคยขรึมค่ะ มั่นใจ)
ตอนนี้คือเวลาเรื้อนนนนนนนนนนนนนนน ฮึ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ยังไงก็ ติดแท็ก #ฟิคปุจฉา แล้วเข้ามาพิมพ์เลข 5 เฉยๆก็ได้ โม่งชื่นชอบ โม่งน่าร้ากกกกกกกกก
เจอกันค่ะ
น้องโม่งหนึ่ง ผู้ผจญงานไฟนอล
- - - - - - - - - - - - - - - - -
โม่งสอง
เรื่องนี้มาพร้อมอาถรรพ์ไม่รู้จบ อาถรรพ์แรก ลงซ้ำกันสองเรื่อง อาถรรพ์ที่สอง...อยู่ดีๆสเตตัสฟิคก็เป็นปิดการคอมเม้น ยัง ยังไม่จบ
อาถรรพ์ที่สาม เมื่อกี้พิมพ์ทอล์คไปสักพัก นี่มือไปโดนแท็บปิด ได้ยินเสียงตัวเองโหยหวนตอนเที่ยงคืนกว่า และเมื่อกี้ อาถรรพ์ที่สี่กำลังจะกำเนิด
คือสไกป์กับอีโม่งที่เหลืออยู่ แต่ประเด็นคือโม่งหนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า บราวนี่ไม่มีน์การันต์ พิมพ์ผิดตรงนู้นตรงนี้ ทำท่าจะไปแก้
นี่ถึงกับต้องถือป้ายสต็อปใส่ทุกฝ่าย ขอแก้เอง นี่ทอล์คอยู่ หนูไม่อยากพิมพ์ใหม่เอนี่มอร์
ฮือ
ฟิคเรืองนี้เป็นฟิคเรื้อนตั้งแต่สไตล์การแต่งยันสไตล์การอัพ จะค่อยๆคลานหรือสี่คูณร้อยมาก็อย่าฆ่าเค้านะ
ปล.ขอให้อัพติด
- - - - - - - - - - - - - - - - -
ปลลลลล. แกๆ นอกจาก #ฟิคปุจฉา ยังมี #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค กับ #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าคริส ด้วยนะแก อ่านได้นะแก สนุกนะ นี่แต่งเองยังอ่านเองเลย โห ติดมาก อ่านทั้งวัน
ปลลลลลล. อยากกินพิซซ่าจริงๆนะ อยากกินปลาเผาด้วย
ความคิดเห็น