คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 01
ช่วงเช้าของวันที่ 1 กันยายนยังคงวุ่นวายเหมือนทุกปี หลังจากโบกมือลาพ่อแม่และพี่ยูราที่ชานชาลาอย่างเร่งรีบแล้ว ปาร์คชานยอลลากสัมภาระไปตามทางเดินเพื่อหาโบกี้ว่างให้นั่งหลับระหว่างเดินทางไปที่โรงเรียนของเขาโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ อย่างเช่นทุกครั้ง
ใช่แล้ว ชานยอลเป็นพ่อมด อย่างน้อยที่สุดเขากำลังเรียนเพื่อที่จะเป็นพ่อมด (อย่างเช่นการโบกไม้กายสิทธิ์เล็กน้อยเพื่อให้ประตูเปิด หรืออะไรแบบนั้น) และหากไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนเกินไป เขาคิดว่าเขาทำได้ดีพอตัว
“มันจะเต็มไปหมดทุกโบกี้เลยหรือไง ปีนี้เด็กปีหนึ่งหนีน้ำท่วมมาเหรอ คนเยอะชะมัด” พยอน แบคฮยอน หนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาพูดขึ้นมา พวกเขาลากกระเป๋าผ่านมาเกือบจะทุกโบกี้แล้ว ทุกตู้ต่างมีคนนั่งทั้งนั้น ชานยอลขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ เขาอยากนั่งแกะกบช็อกโกแลตกินจะแย่แล้ว
“นั่งกันริมระเบียงทางเดินมั้ย นั่งบนหีบอะไรแบบนี้ รู้สึกเกะกะขวางทางดี” เขาเสนอขึ้นมาอย่างเป็นทางเลือกให้เพื่อน ความหวังดีของชานยอลได้รับการกลอกตาจากจงอินและเสียงถอนหายใจจากแบคฮยอนเป็นคำขอบคุณ
ชานยอลชินแล้ว เพื่อนเขาไม่เคยเห็นดีเห็นงามอะไรกับเขาทั้งนั้น ทุกคนชอบบอกว่าเขาไร้สาระ ทั้งๆที่ความคิดเห็นนี้ออกจะเกินความจริงไปสักหน่อย
“ถ้านายอยากนอนจะไม่พูดแบบนี้” จงอินตอบกลับเสียงง่วงๆ ขนาดรถไฟแล่นดังกึงกังยังง่วงได้ นับถือในความพยายามจริงๆ
แต่นายก็อยากนอนตลอดเวลานี่! ชานยอลได้แต่แย้งอยู่ในใจ คิมจงอินง่วงตลอดเวลาจริงๆ ตั้งแต่รู้จักกันมา นอกจากควิชดิชกับนกฮูกสุดโปรดสามตัวของเจ้าตัวแล้ว ชานยอลก็เห็นว่ามีแต่เรื่องการนอนนี่แหล่ะที่ดึงดูดความสนใจจงอินได้
“แบคฮยอน ไปหาตู้มาให้หน่อย คนรู้จักเยอะไม่ใช่เหรอ” ชานยอลหันไปพูดกับเพื่อนอีกคน พยอน แบคฮยอน แทนจงอินที่เริ่มปรือตา เอาตามตรงเขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่านี่คือง่วงจริงหรือแค่ขี้เกียจพูดกับเขากันแน่
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจ” เพื่อนที่ชานยอลฝากความหวังไว้ปฏิเสธทันทีอย่างไม่คิด ขอบคุณมากจริงๆแบคฮยอนเพื่อนรัก
ปาร์คชานยอล คิมจงอิน และพยอนแบคฮยอน พวกเขาสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ชานยอลเจอแบคฮยอนบนรถไฟ ส่วนจงอินเขาบังเอิญได้นอนเตียงข้างกัน เนื่องจากชานยอลเข้าไปทีหลังสุดแล้วทั้งห้องเหลือเตียงสุดท้ายคือเตียงข้างจงอินเท่านั้น
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะหลังจากนั้น ทังสองคนก็กลายเป็นเพื่อนรักที่สุดของเขาในฮอกวอตส์
“จะว่าอะไรมั้ยถ้าจะนั่งด้วย” เสียงของจงอินที่พูดกับเด็กน้อยที่น่าจะเป็นปีหนึ่งสองคนในโบกี้ตรงหน้าเขา ชานยอลยิ้มใจดีให้เด็กน้อย โบกี้นี้มีแค่สองคน หวังว่าสองคนนั้นคงมีที่ว่างพอให้พวกเขาแทรกตัวเข้าไปได้
หากจะให้พูดกันจริงๆ เขายอมรับเลยว่าความเมื่อยล้าจากการเดินหาที่นั่งเริ่มเล่นงานเขาแล้ว
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เด็กปีหนึ่งทั้งสองคนก็ลากหีบออกไปจากโบกี้เสียแล้ว ชานยอลได้ยินจงอินหัวเราะเบาะๆ ก่อนที่หัวโจกจอมง่วงของกลุ่มจะยกกรงนกฮูกแสนรักวางเข้าที่ จัดสัมภาระอย่างสบายใจ
“อ่าว น้องเขาไปเฉยเลย” ชานยอลงึมงำกับตัวเอง เขาไม่ได้มีเจตนาจะไล่เด็กปีหนึ่งพวกนั้นเลยสักนิด แค่อยากนั่งด้วยเท่านั้น “พวกนั้นเห็นเราเป็นฝูงกัปปะเหรอ หรือว่ามนุษย์หมาป่า ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นกันนะ”
ชานยอลพูดเบาๆแล้วลากกระเป๋าตามเพื่อนเข้าไปในห้อง พลางนั่งแปะอยู่ตรงกลางระหว่างเก้าอี้ว่าง ส่วนจงอินและแบคฮยอนนั่งแถวตรงข้าม
พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ของการนั่งรถด่วนในการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบที่ผ่านมา ถึงแม้ในช่วงปิดเทอมพวกเขาจะมีการคุยกันบ้าง แต่มันเทียบไม่ได้เลยกลับการเจอหน้ากันครบในบรรยากาศที่คุ้นเคย แบคฮยอนอัพเดทข่าวสารจากโลกเวทมนตร์ให้เขาฟังเป็นระยะ เนื่องจากเขาและจงอินต่างใช้เวลาปิดเทอมอยู่ในโลกมักเกิ้ลเป็นส่วนใหญ่ ไม่แปลกเลยที่จะพลาดอะไรไปมากมาย เช่นว่าค่าเงินเกลเลียนขึ้นเป็นเท่าไหร่ ทีมควิดดิชทีมไหนเป็นตัวเต็งในลีก
โบกี้ตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์เมื่อแบคฮยอนไปหาเพื่อน และจงอินไปสูดอากาศข้างนอก ชานยอลคว้ากบช็อกโกแลตตัวสุดท้ายในกองมาแกะกิน ในหัวเริ่มคิดที่จะซื้อขนมเพิ่ม ด้วยเหตุผลง่ายๆ เขายังไม่อิ่มดี และเพื่อนทั้งสองคนก็กินล้างกินผลาญ สิ่งที่ซื้อมาแทบไม่พอยาไส้
เสียงเปิดประตู้โบกี้ไม่สามารถดึงความสนใจชานยอลออกไปจากช็อกโกแลตตรงหน้า คนที่เปิดเข้ามาคงหนีไม่พ้นจงอิน เพราะหากเป็นแบคฮยอนต้องมีเสียงพูดนำมาก่อน แต่คราวนี้เงียบ จงอินเดินง่วงเข้ามาจึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด
“จงอิน นายเห็นเบ็นเบ็นบ้างมั้ย เมื่อกี้เหมือนมันจะเดินออกไปข้างนอก-” เสียงในลำคอชานยอลหายไปกระทันหันเมื่อเหลือบไปเห็นคนมาใหม่ ร่างสูงใหญ่กับใบหน้าเย็นชาเป็นเอกลักษณ์ โครงหน้าแข็งแรง นัยน์ตาที่เฉียงขึ้นทำให้อีกฝ่ายดูดุดัน คริสอู๋ พี่ชายคนเดียวของโดคยองซูบ้านสลิธีริน
ทำไมคริสอู๋ถึงเข้ามาในโบกี้นี้?
ความเงียบครอบงำทั้งโบกี้อีกครา หากแต่ครั้งนี้มีความอึดอัดใจแทรกตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ ชานยอลหันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เขาไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป แล้วคริสอู๋เองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาแข็งกร้าวตามแบบฉบับของเด็กสลิธีรินราวกับบาซิลิสก์ที่พร้อมจะแช่แข็งเขาหากเผลอไปสบตาเข้า
นอกจากโดคยองซูแล้ว คนอื่นในสลิธีรินเขาไม่ค่อยอยากเสวนาด้วยเท่าไรนัก คนนั้นรวมถึงโอเซฮุน เพื่อนของคยองซู ที่เมื่อช่วงปีหนึ่งปีสองชอบแกล้งเขาเป็นประจำ พึ่งจะมาลดลงเมื่อประมาณปีที่แล้วนี่เอง (เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดี) และคริสอู๋ พี่ชายของคยองซู ที่มักจะมองผ่านเขาไปราวกับว่าเป็นธาตุอากาศ
บางครั้งชานยอลก็ไม่มั่นใจในความสามารถของหมวกคัดสรร เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้อยู่กริฟฟินดอร์ เขาไม่ใช่คนกล้าหาญ เขากลัวอะไรหลายอย่าง รวมถึงคริสอู๋ด้วย
เขากลัวคริสอู๋ ทั้งๆที่ผู้ชายร่างสูงใหญ่คนนี้ไม่ได้มีท่าทีน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย แต่ความรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังทุกครั้งที่เจอกันนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ปฏิเสธได้จริงๆ
“นายนั่งคนเดียวเหรอ?”
เสียงทุ่มต่ำที่ดังแทรกความเงียบขึ้นมาทำให้ชานยอลที่เมื่อสักครู่ตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งตัวโยน ตาโตเหลือบมองอีกคนเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับอย่างหวาดๆ ทั้งที่อยากจะบอกว่ามีเพื่อนอีกสองคนอยู่ด้วยแต่เขาไม่กล้าเปล่งเสียงออกไป
“นั่งด้วยคนสิ” เสียงยังคงเรียบนิ่ง หากแต่แววตาคลายความแข็งกร้าวลง “ในโบกี้ของฉันมีคนเอาระเบิดเหม็นรุ่นใหม่จากร้านเกมกลวิเศษลีไปปาเล่นเอาไว้ นั่งไม่ได้เลย มีแต่ควันเต็มไปหมด”
ยังไม่ทันที่ชานยอลจะตอบอะไร สลิธีรินเพียงคนเดียวของโบกี้ก็ถือวิสาสะนั่งลงฝั่งตรงข้ามของชานยอลเสียเอง พร้อมทั้งจัดแจงที่นั่งให้อยู่ในท่าสบายได้โดยไม่รอคำตอบจากอีกเลยสักนิด
แล้วจะถามเพื่ออะไรกัน!
“นายชื่ออะไร” เป็นอีกครั้งที่ชานยอลสะดุ้ง คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองลอดเดลี่พรอเฟ็ต(ของแบคฮยอนที่ถือติดมือมาจากบ้าน) ที่ไม่รู้ว่าเอามาถืออ่านตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าเลิ่กลักเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองราวกับว่าเขาเป็นเด็กปีหนึ่งที่ทำผิดกฎของโรงเรียนครั้งแรก
“ชานยอล ปาร์คชานยอล” ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงตกประหม่า เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเลยซักนิด คริสจะอยากรู้จักเขาไปทำไม ในเมื่อเขาเป็นกริฟฟินดอร์ และอีกฝ่ายเป็นสลิธีริน ไม่มีเหตุผลอะไรต้องรู้จักกันเลยซักนิด
ยกเว้นว่าถ้ารู้จักคริสอู๋แล้วน้องชายของอีกฝ่ายจะใจดีกับเขาขึ้นอีกซักนิดก็ดี
“ฉันอู๋อี้ฟาน เรียกคริสก็ได้”
บทสนทนาสิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น เมื่อสลิธีรินหันกลับไปสนใจหนังสือพิมพ์ในมือต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชานยอลรู้จักคริสอยู่แล้ว (ถ้าให้ถูกต้องเรียกพี่คริส แต่เขาไม่กล้า) ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในคนดังของสลิธีริน เขาเชื่อว่าไม่มีใครในฮอกวอตส์ไม่รู้จักและไม่กลัวคริส
ซึ่งชานยอลเองก็กลัวคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเช่นเดียวกัน
คริสลอบมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามผ่านหนังสือพิมพ์อย่างนึกสนุก ปาร์คชานยอลเป็นคนตลก ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีรีแอคชั่นเสมอ เดี๋ยวๆก็ส่ายหัวไปมา เดี๋ยวๆก็นั่งขยับขา อยู่เฉยไม่ได้เลยสักนาที สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนแทบจะนาทีต่อนาทีเลยด้วยซ้ำ
แถมยังทำท่าเหมือนกลัวเขาเสียเต็มประดา
น่ารักดี
เรื่องระเบิดควันไร้สาระอะไรนั่นในโบกี้เป็นเรื่องที่เขาปั้นแต่งขึ้นมาเอง อีกตั้งนานกว่ารถไฟจะแล่นถึงฮอกวอตส์ เขาที่นั่งว่างๆอยู่เลยอยากมาลองทำความรู้จักเด็กกริฟฟินดอร์ดูบ้างก็เท่านั้น ถ้าจะให้พูดตรงๆว่านั่งด้วยก็ดูไร้ชั้นเชิงไปนิดหนึ่ง เขาเลยเลือกหัวข้อระเบิดเหม็นมาเป็นตัวเริ่มต้นบทสนทนา
ความจริงเขาตั้งใจมาคุยกับคิมจงอินที่ดูเหมือนจะมีปัญหากับคยองซูน้องชายเขานักหนา แต่ได้นั่งอยู่กับปาร์คชานยอลแทนก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน ในเมื่อคู่กรณีหนีหายออกจากโบกี้ไปเรียบร้อยแล้ว
อันที่จริงออกจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำ คู่กรณีของคยองซูเป็นคนกวนประสาท ดูจากปฏิกิริยาของน้องชายเขาเวลาพูดถึงก็รู้แล้ว ที่เขาปล่อยไว้หลายปีเพราะยังไม่เห็นคยองซูมีทีท่าจะเดือดร้อนอะไรนัก แต่ล่าสุดสีหน้าของน้องชายดูหงุดหงิดสุดๆ เขาก็เลยตัดสินใจเดินมาที่นี่
เรื่องถามชื่อนั่นอีก ปาร์คชานยอล ปีห้า ลูกมักเกิ้ลบ้านกริฟฟินดอร์ เรื่องแค่นี้ทำไมถึงจะไม่รู้ เขาแค่อยากคุยกับเด็กหนุ่มตรงหน้าแต่ไม่รู้ว่าควรจะต้องเริ่มอย่างไร ตามปกติเขาไม่ใช่คนช่างพูด กอปรกับเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
คริสแกล้งทำเป็นพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์เสียงดัง เขาเห็นหัวข้อข่าวเกี่ยวกับกริงกอตส์ลางๆ แต่ไม่ได้สนใจอ่าน คนที่นั่งแข็งเป็นหินฝั่งตรงข้ามสะดุ้งเสียจนทำการ์ดกบช็อกโกแลตที่อยู่ในมือตก โชคดีที่หนังสือพิมพ์เล่มนี้ปิดใบหน้าไปเกินครึ่ง ไม่เช่นนั้นเด็กน้อยคงได้เห็นรอยยิ้มของเขาแน่นอน
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังปล่อยให้ความเงียบสื่อสารกัน รถเข็นขายของก็เข็นผ่านมาที่โบกี้ของพวกเขา จำนวนขนมบนนั้นพร่องไปเกินครึ่ง และก่อนที่ชานยอลจะได้สั่งอะไร คนที่โตกว่าก็เหมาขนมมาหมดรถเข็นแทบจะทันที ไม่เปิดช่องว่างให้ชานยอลได้สั่งขนมเลยซักนิด ใบหน้าของชานยอลยู่ลงอย่างไม่สบอารมณ์ขณะที่มองคนโตกว่าที่นั่งท่ามกลางขนมกองพะเนิน แกะพายฟักทองกินโดยไม่สนใจเขาสักนิด
สลิธีรินนิสัยเสียตามเคย ชานยอลคิดอย่างหงุดหงิด
“กินไหม?” เป็นอีกครั้งที่ชานยอลสะดุ้ง (ทำไมคริสอู๋ชอบทำให้เขาตกใจนักนะ!) เมื่อคนที่กำลังนั่งนินทาว่านิสัยไม่ดีอยู่ในใจยื่นกบช็อกโกแลตมาให้เขา พลางเลิกคิ้วน้อยๆเป็นเชิงถาม ชานยอลอึกอักอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
แน่ล่ะความอยากกินมันก็มี แต่ความเกรงใจและศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่ ถึงแม้เขาจะชื่นชอบโดคยองซู แต่นอกจากพรีเฟ็คคนนั้นแล้ว สลิธีรินคนอื่นสำหรับเขาที่เป็นกริฟฟินดอร์ก็ไม่ใช่อะไรที่น่าเข้าใกล้อยู่ดี
“นายชอบกินช็อกโกแลตไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นรอบตัวนายมีแต่ห่อช็อกโกแลต” ใบหน้าชานยอลขึ้นสีเล็กน้อยเนื่องจากอายที่ถูกทักเรื่องซากขนมรอบตัว เขาพึมพำคาถาสกอจิฟายให้ขยะทั้งหมดหายไปอย่างรวดเร็ว
“เอาไปสิ ฉันซื้อมาเยอะเลย” คริสพูดต่อเมื่อเห็นอีกคนนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามเขา เขาเลิกคิ้วน้อยๆเมื่อเห็นใบหน้าง้ำงอของอีกฝ่าย ตลกดีที่ได้เห็นเด็กผู้ชายตัวสูงเก้งก้างมานั่งทำหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กน้อยจอมงอแง
หากให้พูดกันตามความจริงเลยคือเขาไม่ได้หิวขนาดที่จะเหมารถเข็นทั้งคัน (เขาเป็นพ่อมด ไม่ใช่โทรลล์) ออกจะอิ่มเสียด้วยซ้ำเพราะก่อนหน้านี้ก็ทานข้าวมาจากที่บ้านแล้ว แต่การเห็นเด็กชานยอลนี่ทำท่าเหมือนยังกินกบช็อกโกแลตไม่พอมันทำให้เขานึกสนุก ในชั่ววินาทีที่ชานยอลกำลังจะอ้าปากสั่งขนม เขาก็โพล่งคำสั่งซื้อชนิดที่เหมาทั้งรถตัดหน้าอีกคนมา เขาอยากรู้ว่าชานยอลจะทำสีหน้าอย่างไร
และแน่นอน กริฟฟินดอร์ปีห้าไม่ทำให้เขาผิดหวัง ใบหน้าบูดบึ้งแสดงอาการผิดหวังเมื่อถูกแย่งซื้อของกินนั่นตลกดี หางลู่หูตกดูน่าสงสารมาก หากเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ของกินคริสต้องรู้สึกอยากแกล้งมากแน่ๆ หากเขาเกิดช้ากว่านี้สักปี มั่นใจเลยว่าเด็กตรงหน้านี้คงโดนเขากลั่นแกล้งตั้งแต่ปีหนึ่งแน่นอน ระยะห่างระหว่างชั้นปีทำให้เขาไม่ได้มีโอกาสทำความรู้จักอีกฝ่ายมากไปกว่าแค่รู้ว่าอยู่ปีไหนบ้านอะไร และเป็นเลือดสีโคลนเพียงแค่นั้น
“ขอบคุณ” ชานยอลพูดแค่นั้นก่อนที่จะคว้าขนมที่ใกล้ตัวที่สุดมาแกะห่อออก มือก็ยัดกบเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ สมองตัดสินใจลบความเกรงใจออกเนื่องจากความหมั่นไส้ส่วนตัว มืออีกข้างพลิกการ์ดที่แถมมาหลังซองขึ้นดู ก่อนที่จะครางด้วยความเสียดาย
โธ่ ได้การ์ดศาสตราจารย์ซูมานอีกแล้ว มีเต็มบ้านแล้วเนี่ย
“โอ๊ะ การ์ดมิกกี้ยูชอน!” ชานยอลพูดอย่างตกใจ เมื่อเห็นการ์ดหายากในมือของสลิธีรินรุ่นพี่ เขารีบเปิดปากตอบเมื่ออีกคนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “ผมยังไม่เคยมีการ์ดใบนี้เลย พี่นี่โชคดีชะมัด แกะกบตัวแรกก็ได้การ์ดยูชอนเลย”
การสะสมการ์ดจากกบช็อกโกแลตเป็นกิจกรรมยามว่างของพ่อมดรุ่นเด็กหลายๆคน รวมถึงชานยอลด้วย แต่เพราะเขาพึ่งรู้ตัวว่าเป็นพ่อมดตอนอายุสิบเอ็ด จึงทำให้เก็บการ์ดได้ช้าและน้อยกว่าคนอื่นที่สะสมกันมาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเพิ่งเริ่มหัดขี่ไม้กวาด พอมาฮอกวอตส์ยิ่งแล้วใหญ่ เจอแบคฮยอนอวดการ์ดเซ็ตทั้งปึกแล้วก็เกิดอาการอิจฉา เขาเลยตั้งปณิธานว่าต้องเก็บการ์ดเซ็ตในตำนานให้ได้ เป็นต้นว่า เซ็ตผู้วิเศษชินฮวา เซ็ตผู้วิเศษเอชโอที หรือเซ็ตผู้วิเศษทงบังชินกิเป็นต้น
“เอามั้ยล่ะ ฉันให้” คริสกลั้นยิ้มจนปวดแก้มเมื่ออีกคนมองเขาราวกับว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนยังกลัวเขาราวกับว่าเขาเป็นมังกรฮังการีหางหนาม เปลี่ยนอารมณ์ไวจนน่าแกล้งจริงๆ
“ผมเอาได้เหรอ? พี่ไม่สะสมเหรอ?”
“เคยสะสมน่ะ แต่ช่วงนี้ก็เพลาๆลงมาแล้ว อีกอย่างการ์ดมิกกี้ยูชอนนี่ฉันมีแล้วล่ะ นายเอาไปเถอะ”
ชานยอลพูดขอบคุณอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดวงตาเป็นประกาย และน้ำเสียงแสดงความดีใจอย่างปิดไม่มิด ในที่สุดเขาก็ได้การ์ดทงบังชินกิเพิ่มมาอีกใบแล้วทั้งที่พยายามเก็บมานาน เสียเงินกับกบช็อกโกแลตไปไม่รู้ตั้งเท่าไรไม่เคยได้สักที
“นอกจากมิกกี้ยูชอนแล้ว นายมีคนอื่นในการ์ดชุดนี้หรือยัง พวกยูโนว์ยุนโฮอะไรแบบนี้” ชานยอลส่ายหัว คริสแกะกบอีกตัว พร้อมกับโยนการ์ดจียงจอมพิลึกทิ้งไป การ์ดกวอนจียงอะไรนี่เขามีเกือบร้อยใบแล้ว ท่าทางของคริสที่ดูเย็นชาน้อยลงทำให้ชานยอลรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ฉันมีครบนะ ทั้งห้าใบเลย”
บทสนทนาของทั้งสองคนเริ่มขึ้นด้วยเรื่องการ์ดกบช็อกโกแลตไปจนถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆตามที่จะนึกออก รวมถึงเรื่องที่ว่าฤดูร้อนที่ผ่านมาทำอะไร ที่บ้านมีอาชีพอะไร สัตว์เลี้ยงของชานยอลชื่ออะไร ว.พ.ร.ส. (วิชาพ่อมดระดับสามัญ) ยากมากไหม
ยิ่งได้คุยกับคริสมากเท่าไหร่ ชานยอลก็ยิ่งค้นพบว่าคริสไม่ใช่คนน่ากลัวอย่างที่เขาเคยเข้าใจมาตลอดสี่ปี พี่คริสเป็นคนตลกแถมยังใจดี ให้เขากินขนมไม่อั้น แถมยังจะให้การ์ดกบช็อกโกแลตกับเขาอีก เพราะพี่แกไม่ได้สะสมแล้ว (พี่คริสจะให้การ์ดทงบังชินกิกับชานยอลทั้งชุดเลยนะ ทั้งชุด!)
“ฉันคงต้องไปแล้ว” คริสพูดขึ้นเมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ไฟตรงระเบียงทางเดินเริ่มเปิดขึ้นทีละดวงแล้ว ใจจริงเขายังอยากอยู่คุยกับเด็กชานยอลต่อไปอีกเรื่อยๆ แต่หากเขาไม่รีบกลับไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคลุมของฮอกวอตส์ตอนนี้คงไม่ทันแน่
“ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะชานยอล”
“ครับพี่คริส” ชานยอลโบกมือพร้อมยิ้มกว้างให้ ซึ่งได้รอยยิ้มเล็กๆตอบกลับมา ก่อนที่ทั้งโบกี้จะเหลือแค่เขากับการ์ดกบช็อกโกแลตเท่านั้น
ชานยอลมองการ์ดมิกกี้ยูชอนที่ว่างเปล่าในมือ เหลือแต่ฉากสีแดงและรูปกลุ่มดาวแคสสิโอเปีย (ที่จริงมิกกี้ยูชอนเดินหายไปสักพักแล้ว คงรำคาญเสียงหัวเราะของพวกเขาเมื่อกี้) แล้วยิ้มออกมานิดหน่อยเมื่อนึกถึงคนที่ให้มันมา
อย่างน้อยก็มีคนดีๆหลงมาอยู่ในสลิธีรินบ้างก็แล้วกัน
-------------------------------------------------------------------------------------
ท๊าดาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
โม่งคัมแบ็คค่ะ เทศกาลคัมแบ็คมาแล้ว มารวดเดียวสองเรื่อง
ขอโน้ตไว้นิดนุงเนาะ ว่าฟิคเรื่องนี้ยืมสถานที่ในหนังสือเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ยืมรูปแบบมาค่ะ แต่ตัวละครไม่เกี่ยวกันเลยนะคะ ยังจะคงรายละเอียดต่างๆของนิยายไว้ ถ้าหากแฟนๆแฮร์รี่เห็นว่ามีอะไรติดขัดรบกวนชี้แนะมาได้เลยค่ะ
แล้วก็แนะนำตัวอีกรอบ คนแต่งมีทั้งหมดสามคนค่ะ เป็นแก๊งสามโม่ง อีนี่คือโม่งหนึ่ง (สิงอยู่ @miintare) มาฟา่ด่าา่ดา่ห่ใส่กันได้ แฮ่
คราวนี้เรามาแนวใหม่ มารวดเดียวสองเรื่องอีก นี่กำลังมีปัญหาในการทอล์ค บอกเลย 55555555555555555
ที่หันมาคริสยอลนี่ ไม่ได้เพิ่งมาชอบนะคะ แต่โม่งมีสามคน ก็เลยชิปไม่ค่อยตรงกัน (แต่อยู่ร่วมกันได้นะเออ โม่งสามตัวอยู่ถ้ำเดียวกันงี้) ประกอบกับที่ว่าเลือดติ่งแฮร์รี่มันพลุ่งพล่าน มาค่ะ เปิดฟิคสไตล์นี้ซักรอบ
ยังไงก็คอมเม้นนั่นนี่ ติดแท็ก #คนที่คุณก็รู้ว่าคริส ในทวิตด้วยนะคะ แฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ่
น้องโม่งหนึ่ง
------------------------------------------------
ฮัลโหล มักเกิ้ลเวิร์ล
ตื่นเต้นกับเรื่องใหม่มากๆ เหมือนล้างกระดานแล้วเทใหม่เลย
ความจริงเรื่องนี้เป็นฟิคแฝดกับ #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค เป็นทามไลน์เดียวกัน มีเรื่องคาบเกี่ยวกันนิดหน่อย แต่ถ้าไม่อ่านก็ไม่ส่งผลต่อความเข้าใจจย้า
โอ้ยไม่กล้าทอล์คยาวมาก เขิน 555555555555
ยังไงถ้ามีอะไรตกหล่นติชมได้เบยนะครัช
โม่งสองงงงงง
สวัสดีค่ะ นี่โม่งศูนย์นะก๊ะ
เป็นครั้งแรกที่แต่ง AU ธีมแฮร์รี่ พอตเตอร์
อยากจะบอกว่าติ่งแฮร์รี่ค่ะ 555555555555555555555555555555n
ถ้าตรงไหนในฟิคที่รายละเอียดไม่ตรง ชี้แจงมาได้เลยนะคะ เราจะแก้ไขค่ะ
ฟิคเรื่องนี้แต่งกันสามคน ภาษาอาจจะงงๆไปบ้าง อย่างเดิมค่ะ ติได้ค่ะ ติเลยเต็มที่ เฮ่ 5555
ฝากแท็กด้วยนะคะ #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าคริส เอนจอยรี๊ดดิ้งค่า ^^
ปล. มีฟิคแฝดนะคะ แท็ก #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค ใช้ทามไลน์เดียวกัน แต่ไม่อ่านก็ไม่เป็นไรค่า ยังเข้าใจเนื้อเรื่องได้อยู่ค่ะ แอ๊
ความคิดเห็น