ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { fic } Call it MAGIC | Krisyeol #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าคริส

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 01

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 57


    01 





                ช่วงเช้าของวันที่ 1 กันยายนยังคงวุ่นวายเหมือนทุกปี หลังจากโบกมือลาพ่อแม่และพี่ยูราที่ชานชาลาอย่างเร่งรีบแล้ว ปาร์คชานยอลลากสัมภาระไปตามทางเดินเพื่อหาโบกี้ว่างให้นั่งหลับระหว่างเดินทางไปที่โรงเรียนของเขาโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์  อย่างเช่นทุกครั้ง



     

    ใช่แล้ว ชานยอลเป็นพ่อมด อย่างน้อยที่สุดเขากำลังเรียนเพื่อที่จะเป็นพ่อมด (อย่างเช่นการโบกไม้กายสิทธิ์เล็กน้อยเพื่อให้ประตูเปิด หรืออะไรแบบนั้น) และหากไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนเกินไป เขาคิดว่าเขาทำได้ดีพอตัว



     

     “มันจะเต็มไปหมดทุกโบกี้เลยหรือไง ปีนี้เด็กปีหนึ่งหนีน้ำท่วมมาเหรอ คนเยอะชะมัดพยอน แบคฮยอน หนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาพูดขึ้นมา พวกเขาลากกระเป๋าผ่านมาเกือบจะทุกโบกี้แล้ว ทุกตู้ต่างมีคนนั่งทั้งนั้น ชานยอลขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ เขาอยากนั่งแกะกบช็อกโกแลตกินจะแย่แล้ว


                “นั่งกันริมระเบียงทางเดินมั้ย นั่งบนหีบอะไรแบบนี้ รู้สึกเกะกะขวางทางดีเขาเสนอขึ้นมาอย่างเป็นทางเลือกให้เพื่อน ความหวังดีของชานยอลได้รับการกลอกตาจากจงอินและเสียงถอนหายใจจากแบคฮยอนเป็นคำขอบคุณ


                ชานยอลชินแล้ว เพื่อนเขาไม่เคยเห็นดีเห็นงามอะไรกับเขาทั้งนั้น ทุกคนชอบบอกว่าเขาไร้สาระ ทั้งๆที่ความคิดเห็นนี้ออกจะเกินความจริงไปสักหน่อย

                “ถ้านายอยากนอนจะไม่พูดแบบนี้จงอินตอบกลับเสียงง่วงๆ ขนาดรถไฟแล่นดังกึงกังยังง่วงได้ นับถือในความพยายามจริงๆ


                แต่นายก็อยากนอนตลอดเวลานี่! ชานยอลได้แต่แย้งอยู่ในใจ คิมจงอินง่วงตลอดเวลาจริงๆ ตั้งแต่รู้จักกันมา นอกจากควิชดิชกับนกฮูกสุดโปรดสามตัวของเจ้าตัวแล้ว ชานยอลก็เห็นว่ามีแต่เรื่องการนอนนี่แหล่ะที่ดึงดูดความสนใจจงอินได้


                “แบคฮยอน ไปหาตู้มาให้หน่อย คนรู้จักเยอะไม่ใช่เหรอชานยอลหันไปพูดกับเพื่อนอีกคน พยอน แบคฮยอน แทนจงอินที่เริ่มปรือตา เอาตามตรงเขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่านี่คือง่วงจริงหรือแค่ขี้เกียจพูดกับเขากันแน่



                “ไม่ล่ะ ขี้เกียจเพื่อนที่ชานยอลฝากความหวังไว้ปฏิเสธทันทีอย่างไม่คิด ขอบคุณมากจริงๆแบคฮยอนเพื่อนรัก


                ปาร์คชานยอล คิมจงอิน และพยอนแบคฮยอน พวกเขาสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ชานยอลเจอแบคฮยอนบนรถไฟ ส่วนจงอินเขาบังเอิญได้นอนเตียงข้างกัน เนื่องจากชานยอลเข้าไปทีหลังสุดแล้วทั้งห้องเหลือเตียงสุดท้ายคือเตียงข้างจงอินเท่านั้น



                แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะหลังจากนั้น ทังสองคนก็กลายเป็นเพื่อนรักที่สุดของเขาในฮอกวอตส์



                “จะว่าอะไรมั้ยถ้าจะนั่งด้วยเสียงของจงอินที่พูดกับเด็กน้อยที่น่าจะเป็นปีหนึ่งสองคนในโบกี้ตรงหน้าเขา ชานยอลยิ้มใจดีให้เด็กน้อย โบกี้นี้มีแค่สองคน หวังว่าสองคนนั้นคงมีที่ว่างพอให้พวกเขาแทรกตัวเข้าไปได้




     

                หากจะให้พูดกันจริงๆ เขายอมรับเลยว่าความเมื่อยล้าจากการเดินหาที่นั่งเริ่มเล่นงานเขาแล้ว

     



     

    ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เด็กปีหนึ่งทั้งสองคนก็ลากหีบออกไปจากโบกี้เสียแล้ว ชานยอลได้ยินจงอินหัวเราะเบาะๆ ก่อนที่หัวโจกจอมง่วงของกลุ่มจะยกกรงนกฮูกแสนรักวางเข้าที่ จัดสัมภาระอย่างสบายใจ

     

     “อ่าว น้องเขาไปเฉยเลยชานยอลงึมงำกับตัวเอง เขาไม่ได้มีเจตนาจะไล่เด็กปีหนึ่งพวกนั้นเลยสักนิด แค่อยากนั่งด้วยเท่านั้นพวกนั้นเห็นเราเป็นฝูงกัปปะเหรอ หรือว่ามนุษย์หมาป่า ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นกันนะ


     

    ชานยอลพูดเบาๆแล้วลากกระเป๋าตามเพื่อนเข้าไปในห้อง พลางนั่งแปะอยู่ตรงกลางระหว่างเก้าอี้ว่าง ส่วนจงอินและแบคฮยอนนั่งแถวตรงข้าม



     

     พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ของการนั่งรถด่วนในการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบที่ผ่านมา ถึงแม้ในช่วงปิดเทอมพวกเขาจะมีการคุยกันบ้าง แต่มันเทียบไม่ได้เลยกลับการเจอหน้ากันครบในบรรยากาศที่คุ้นเคย แบคฮยอนอัพเดทข่าวสารจากโลกเวทมนตร์ให้เขาฟังเป็นระยะ เนื่องจากเขาและจงอินต่างใช้เวลาปิดเทอมอยู่ในโลกมักเกิ้ลเป็นส่วนใหญ่ ไม่แปลกเลยที่จะพลาดอะไรไปมากมาย เช่นว่าค่าเงินเกลเลียนขึ้นเป็นเท่าไหร่ ทีมควิดดิชทีมไหนเป็นตัวเต็งในลีก

     

                โบกี้ตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์เมื่อแบคฮยอนไปหาเพื่อน และจงอินไปสูดอากาศข้างนอก ชานยอลคว้ากบช็อกโกแลตตัวสุดท้ายในกองมาแกะกิน ในหัวเริ่มคิดที่จะซื้อขนมเพิ่ม ด้วยเหตุผลง่ายๆ เขายังไม่อิ่มดี และเพื่อนทั้งสองคนก็กินล้างกินผลาญ สิ่งที่ซื้อมาแทบไม่พอยาไส้


                เสียงเปิดประตู้โบกี้ไม่สามารถดึงความสนใจชานยอลออกไปจากช็อกโกแลตตรงหน้า คนที่เปิดเข้ามาคงหนีไม่พ้นจงอิน เพราะหากเป็นแบคฮยอนต้องมีเสียงพูดนำมาก่อน แต่คราวนี้เงียบ จงอินเดินง่วงเข้ามาจึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด


                “จงอิน นายเห็นเบ็นเบ็นบ้างมั้ย เมื่อกี้เหมือนมันจะเดินออกไปข้างนอก-เสียงในลำคอชานยอลหายไปกระทันหันเมื่อเหลือบไปเห็นคนมาใหม่ ร่างสูงใหญ่กับใบหน้าเย็นชาเป็นเอกลักษณ์ โครงหน้าแข็งแรง นัยน์ตาที่เฉียงขึ้นทำให้อีกฝ่ายดูดุดัน คริสอู๋ พี่ชายคนเดียวของโดคยองซูบ้านสลิธีริน


    ทำไมคริสอู๋ถึงเข้ามาในโบกี้นี้?

     

    ความเงียบครอบงำทั้งโบกี้อีกครา หากแต่ครั้งนี้มีความอึดอัดใจแทรกตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ ชานยอลหันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เขาไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป แล้วคริสอู๋เองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาแข็งกร้าวตามแบบฉบับของเด็กสลิธีรินราวกับบาซิลิสก์ที่พร้อมจะแช่แข็งเขาหากเผลอไปสบตาเข้า

    นอกจากโดคยองซูแล้ว คนอื่นในสลิธีรินเขาไม่ค่อยอยากเสวนาด้วยเท่าไรนัก คนนั้นรวมถึงโอเซฮุน เพื่อนของคยองซู ที่เมื่อช่วงปีหนึ่งปีสองชอบแกล้งเขาเป็นประจำ พึ่งจะมาลดลงเมื่อประมาณปีที่แล้วนี่เอง (เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดี) และคริสอู๋ พี่ชายของคยองซู ที่มักจะมองผ่านเขาไปราวกับว่าเป็นธาตุอากาศ

    บางครั้งชานยอลก็ไม่มั่นใจในความสามารถของหมวกคัดสรร เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้อยู่กริฟฟินดอร์ เขาไม่ใช่คนกล้าหาญ เขากลัวอะไรหลายอย่าง รวมถึงคริสอู๋ด้วย

    เขากลัวคริสอู๋ ทั้งๆที่ผู้ชายร่างสูงใหญ่คนนี้ไม่ได้มีท่าทีน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย แต่ความรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังทุกครั้งที่เจอกันนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ปฏิเสธได้จริงๆ

    นายนั่งคนเดียวเหรอ?”

    เสียงทุ่มต่ำที่ดังแทรกความเงียบขึ้นมาทำให้ชานยอลที่เมื่อสักครู่ตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งตัวโยน ตาโตเหลือบมองอีกคนเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับอย่างหวาดๆ ทั้งที่อยากจะบอกว่ามีเพื่อนอีกสองคนอยู่ด้วยแต่เขาไม่กล้าเปล่งเสียงออกไป

    นั่งด้วยคนสิเสียงยังคงเรียบนิ่ง หากแต่แววตาคลายความแข็งกร้าวลงในโบกี้ของฉันมีคนเอาระเบิดเหม็นรุ่นใหม่จากร้านเกมกลวิเศษลีไปปาเล่นเอาไว้ นั่งไม่ได้เลย มีแต่ควันเต็มไปหมด

    ยังไม่ทันที่ชานยอลจะตอบอะไร สลิธีรินเพียงคนเดียวของโบกี้ก็ถือวิสาสะนั่งลงฝั่งตรงข้ามของชานยอลเสียเอง พร้อมทั้งจัดแจงที่นั่งให้อยู่ในท่าสบายได้โดยไม่รอคำตอบจากอีกเลยสักนิด  

    แล้วจะถามเพื่ออะไรกัน!

    นายชื่ออะไรเป็นอีกครั้งที่ชานยอลสะดุ้ง คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองลอดเดลี่พรอเฟ็ต(ของแบคฮยอนที่ถือติดมือมาจากบ้าน) ที่ไม่รู้ว่าเอามาถืออ่านตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าเลิ่กลักเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองราวกับว่าเขาเป็นเด็กปีหนึ่งที่ทำผิดกฎของโรงเรียนครั้งแรก  

     

    ชานยอล ปาร์คชานยอลชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงตกประหม่า เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเลยซักนิด คริสจะอยากรู้จักเขาไปทำไม ในเมื่อเขาเป็นกริฟฟินดอร์ และอีกฝ่ายเป็นสลิธีริน ไม่มีเหตุผลอะไรต้องรู้จักกันเลยซักนิด

     

    ยกเว้นว่าถ้ารู้จักคริสอู๋แล้วน้องชายของอีกฝ่ายจะใจดีกับเขาขึ้นอีกซักนิดก็ดี

     

    ฉันอู๋อี้ฟาน เรียกคริสก็ได้

     

    บทสนทนาสิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น เมื่อสลิธีรินหันกลับไปสนใจหนังสือพิมพ์ในมือต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชานยอลรู้จักคริสอยู่แล้ว (ถ้าให้ถูกต้องเรียกพี่คริส แต่เขาไม่กล้า) ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในคนดังของสลิธีริน เขาเชื่อว่าไม่มีใครในฮอกวอตส์ไม่รู้จักและไม่กลัวคริส

     

    ซึ่งชานยอลเองก็กลัวคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเช่นเดียวกัน




    คริสลอบมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามผ่านหนังสือพิมพ์อย่างนึกสนุก ปาร์คชานยอลเป็นคนตลก ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีรีแอคชั่นเสมอ เดี๋ยวๆก็ส่ายหัวไปมา เดี๋ยวๆก็นั่งขยับขา อยู่เฉยไม่ได้เลยสักนาที สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนแทบจะนาทีต่อนาทีเลยด้วยซ้ำ

    แถมยังทำท่าเหมือนกลัวเขาเสียเต็มประดา

    น่ารักดี

     

    เรื่องระเบิดควันไร้สาระอะไรนั่นในโบกี้เป็นเรื่องที่เขาปั้นแต่งขึ้นมาเอง อีกตั้งนานกว่ารถไฟจะแล่นถึงฮอกวอตส์ เขาที่นั่งว่างๆอยู่เลยอยากมาลองทำความรู้จักเด็กกริฟฟินดอร์ดูบ้างก็เท่านั้น ถ้าจะให้พูดตรงๆว่านั่งด้วยก็ดูไร้ชั้นเชิงไปนิดหนึ่ง เขาเลยเลือกหัวข้อระเบิดเหม็นมาเป็นตัวเริ่มต้นบทสนทนา

    ความจริงเขาตั้งใจมาคุยกับคิมจงอินที่ดูเหมือนจะมีปัญหากับคยองซูน้องชายเขานักหนา แต่ได้นั่งอยู่กับปาร์คชานยอลแทนก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน  ในเมื่อคู่กรณีหนีหายออกจากโบกี้ไปเรียบร้อยแล้ว

     

    อันที่จริงออกจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำ คู่กรณีของคยองซูเป็นคนกวนประสาท ดูจากปฏิกิริยาของน้องชายเขาเวลาพูดถึงก็รู้แล้ว ที่เขาปล่อยไว้หลายปีเพราะยังไม่เห็นคยองซูมีทีท่าจะเดือดร้อนอะไรนัก แต่ล่าสุดสีหน้าของน้องชายดูหงุดหงิดสุดๆ เขาก็เลยตัดสินใจเดินมาที่นี่

     

    เรื่องถามชื่อนั่นอีก ปาร์คชานยอล ปีห้า ลูกมักเกิ้ลบ้านกริฟฟินดอร์ เรื่องแค่นี้ทำไมถึงจะไม่รู้ เขาแค่อยากคุยกับเด็กหนุ่มตรงหน้าแต่ไม่รู้ว่าควรจะต้องเริ่มอย่างไร ตามปกติเขาไม่ใช่คนช่างพูด กอปรกับเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น

    คริสแกล้งทำเป็นพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์เสียงดัง เขาเห็นหัวข้อข่าวเกี่ยวกับกริงกอตส์ลางๆ แต่ไม่ได้สนใจอ่าน คนที่นั่งแข็งเป็นหินฝั่งตรงข้ามสะดุ้งเสียจนทำการ์ดกบช็อกโกแลตที่อยู่ในมือตก โชคดีที่หนังสือพิมพ์เล่มนี้ปิดใบหน้าไปเกินครึ่ง ไม่เช่นนั้นเด็กน้อยคงได้เห็นรอยยิ้มของเขาแน่นอน

     

    ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังปล่อยให้ความเงียบสื่อสารกัน รถเข็นขายของก็เข็นผ่านมาที่โบกี้ของพวกเขา จำนวนขนมบนนั้นพร่องไปเกินครึ่ง และก่อนที่ชานยอลจะได้สั่งอะไร คนที่โตกว่าก็เหมาขนมมาหมดรถเข็นแทบจะทันที ไม่เปิดช่องว่างให้ชานยอลได้สั่งขนมเลยซักนิด ใบหน้าของชานยอลยู่ลงอย่างไม่สบอารมณ์ขณะที่มองคนโตกว่าที่นั่งท่ามกลางขนมกองพะเนิน แกะพายฟักทองกินโดยไม่สนใจเขาสักนิด


                สลิธีรินนิสัยเสียตามเคย ชานยอลคิดอย่างหงุดหงิด

     

    กินไหม?” เป็นอีกครั้งที่ชานยอลสะดุ้ง (ทำไมคริสอู๋ชอบทำให้เขาตกใจนักนะ!) เมื่อคนที่กำลังนั่งนินทาว่านิสัยไม่ดีอยู่ในใจยื่นกบช็อกโกแลตมาให้เขา พลางเลิกคิ้วน้อยๆเป็นเชิงถาม ชานยอลอึกอักอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร



                แน่ล่ะความอยากกินมันก็มี แต่ความเกรงใจและศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่ ถึงแม้เขาจะชื่นชอบโดคยองซู แต่นอกจากพรีเฟ็คคนนั้นแล้ว สลิธีรินคนอื่นสำหรับเขาที่เป็นกริฟฟินดอร์ก็ไม่ใช่อะไรที่น่าเข้าใกล้อยู่ดี


                “นายชอบกินช็อกโกแลตไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นรอบตัวนายมีแต่ห่อช็อกโกแลตใบหน้าชานยอลขึ้นสีเล็กน้อยเนื่องจากอายที่ถูกทักเรื่องซากขนมรอบตัว เขาพึมพำคาถาสกอจิฟายให้ขยะทั้งหมดหายไปอย่างรวดเร็ว

     

    เอาไปสิ ฉันซื้อมาเยอะเลย”   คริสพูดต่อเมื่อเห็นอีกคนนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามเขา เขาเลิกคิ้วน้อยๆเมื่อเห็นใบหน้าง้ำงอของอีกฝ่าย ตลกดีที่ได้เห็นเด็กผู้ชายตัวสูงเก้งก้างมานั่งทำหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กน้อยจอมงอแง


                หากให้พูดกันตามความจริงเลยคือเขาไม่ได้หิวขนาดที่จะเหมารถเข็นทั้งคัน (เขาเป็นพ่อมด ไม่ใช่โทรลล์) ออกจะอิ่มเสียด้วยซ้ำเพราะก่อนหน้านี้ก็ทานข้าวมาจากที่บ้านแล้ว แต่การเห็นเด็กชานยอลนี่ทำท่าเหมือนยังกินกบช็อกโกแลตไม่พอมันทำให้เขานึกสนุก ในชั่ววินาทีที่ชานยอลกำลังจะอ้าปากสั่งขนม เขาก็โพล่งคำสั่งซื้อชนิดที่เหมาทั้งรถตัดหน้าอีกคนมา เขาอยากรู้ว่าชานยอลจะทำสีหน้าอย่างไร


    และแน่นอน กริฟฟินดอร์ปีห้าไม่ทำให้เขาผิดหวัง ใบหน้าบูดบึ้งแสดงอาการผิดหวังเมื่อถูกแย่งซื้อของกินนั่นตลกดี หางลู่หูตกดูน่าสงสารมาก หากเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ของกินคริสต้องรู้สึกอยากแกล้งมากแน่ๆ หากเขาเกิดช้ากว่านี้สักปี มั่นใจเลยว่าเด็กตรงหน้านี้คงโดนเขากลั่นแกล้งตั้งแต่ปีหนึ่งแน่นอน ระยะห่างระหว่างชั้นปีทำให้เขาไม่ได้มีโอกาสทำความรู้จักอีกฝ่ายมากไปกว่าแค่รู้ว่าอยู่ปีไหนบ้านอะไร และเป็นเลือดสีโคลนเพียงแค่นั้น



    ขอบคุณชานยอลพูดแค่นั้นก่อนที่จะคว้าขนมที่ใกล้ตัวที่สุดมาแกะห่อออก มือก็ยัดกบเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ สมองตัดสินใจลบความเกรงใจออกเนื่องจากความหมั่นไส้ส่วนตัว มืออีกข้างพลิกการ์ดที่แถมมาหลังซองขึ้นดู ก่อนที่จะครางด้วยความเสียดาย



    โธ่ ได้การ์ดศาสตราจารย์ซูมานอีกแล้ว มีเต็มบ้านแล้วเนี่ย



    โอ๊ะ การ์ดมิกกี้ยูชอน!ชานยอลพูดอย่างตกใจ เมื่อเห็นการ์ดหายากในมือของสลิธีรินรุ่นพี่ เขารีบเปิดปากตอบเมื่ออีกคนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  “ผมยังไม่เคยมีการ์ดใบนี้เลย พี่นี่โชคดีชะมัด แกะกบตัวแรกก็ได้การ์ดยูชอนเลย



    การสะสมการ์ดจากกบช็อกโกแลตเป็นกิจกรรมยามว่างของพ่อมดรุ่นเด็กหลายๆคน รวมถึงชานยอลด้วย แต่เพราะเขาพึ่งรู้ตัวว่าเป็นพ่อมดตอนอายุสิบเอ็ด จึงทำให้เก็บการ์ดได้ช้าและน้อยกว่าคนอื่นที่สะสมกันมาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเพิ่งเริ่มหัดขี่ไม้กวาด พอมาฮอกวอตส์ยิ่งแล้วใหญ่ เจอแบคฮยอนอวดการ์ดเซ็ตทั้งปึกแล้วก็เกิดอาการอิจฉา เขาเลยตั้งปณิธานว่าต้องเก็บการ์ดเซ็ตในตำนานให้ได้ เป็นต้นว่า เซ็ตผู้วิเศษชินฮวา เซ็ตผู้วิเศษเอชโอที หรือเซ็ตผู้วิเศษทงบังชินกิเป็นต้น


                “เอามั้ยล่ะ ฉันให้คริสกลั้นยิ้มจนปวดแก้มเมื่ออีกคนมองเขาราวกับว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนยังกลัวเขาราวกับว่าเขาเป็นมังกรฮังการีหางหนาม เปลี่ยนอารมณ์ไวจนน่าแกล้งจริงๆ


                “ผมเอาได้เหรอ? พี่ไม่สะสมเหรอ?”


                “เคยสะสมน่ะ แต่ช่วงนี้ก็เพลาๆลงมาแล้ว อีกอย่างการ์ดมิกกี้ยูชอนนี่ฉันมีแล้วล่ะ นายเอาไปเถอะ


                ชานยอลพูดขอบคุณอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดวงตาเป็นประกาย และน้ำเสียงแสดงความดีใจอย่างปิดไม่มิด ในที่สุดเขาก็ได้การ์ดทงบังชินกิเพิ่มมาอีกใบแล้วทั้งที่พยายามเก็บมานาน เสียเงินกับกบช็อกโกแลตไปไม่รู้ตั้งเท่าไรไม่เคยได้สักที


                “นอกจากมิกกี้ยูชอนแล้ว นายมีคนอื่นในการ์ดชุดนี้หรือยัง พวกยูโนว์ยุนโฮอะไรแบบนี้ชานยอลส่ายหัว คริสแกะกบอีกตัว พร้อมกับโยนการ์ดจียงจอมพิลึกทิ้งไป  การ์ดกวอนจียงอะไรนี่เขามีเกือบร้อยใบแล้ว ท่าทางของคริสที่ดูเย็นชาน้อยลงทำให้ชานยอลรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นฉันมีครบนะ ทั้งห้าใบเลย




    บทสนทนาของทั้งสองคนเริ่มขึ้นด้วยเรื่องการ์ดกบช็อกโกแลตไปจนถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆตามที่จะนึกออก รวมถึงเรื่องที่ว่าฤดูร้อนที่ผ่านมาทำอะไร ที่บ้านมีอาชีพอะไร สัตว์เลี้ยงของชานยอลชื่ออะไร ว.พ.ร.ส. (วิชาพ่อมดระดับสามัญ) ยากมากไหม

     

    ยิ่งได้คุยกับคริสมากเท่าไหร่ ชานยอลก็ยิ่งค้นพบว่าคริสไม่ใช่คนน่ากลัวอย่างที่เขาเคยเข้าใจมาตลอดสี่ปี พี่คริสเป็นคนตลกแถมยังใจดี ให้เขากินขนมไม่อั้น แถมยังจะให้การ์ดกบช็อกโกแลตกับเขาอีก เพราะพี่แกไม่ได้สะสมแล้ว (พี่คริสจะให้การ์ดทงบังชินกิกับชานยอลทั้งชุดเลยนะ ทั้งชุด!)


                “ฉันคงต้องไปแล้วคริสพูดขึ้นเมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ไฟตรงระเบียงทางเดินเริ่มเปิดขึ้นทีละดวงแล้ว ใจจริงเขายังอยากอยู่คุยกับเด็กชานยอลต่อไปอีกเรื่อยๆ แต่หากเขาไม่รีบกลับไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคลุมของฮอกวอตส์ตอนนี้คงไม่ทันแน่



    ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะชานยอล


                “ครับพี่คริสชานยอลโบกมือพร้อมยิ้มกว้างให้ ซึ่งได้รอยยิ้มเล็กๆตอบกลับมา ก่อนที่ทั้งโบกี้จะเหลือแค่เขากับการ์ดกบช็อกโกแลตเท่านั้น


                ชานยอลมองการ์ดมิกกี้ยูชอนที่ว่างเปล่าในมือ เหลือแต่ฉากสีแดงและรูปกลุ่มดาวแคสสิโอเปีย (ที่จริงมิกกี้ยูชอนเดินหายไปสักพักแล้ว คงรำคาญเสียงหัวเราะของพวกเขาเมื่อกี้) แล้วยิ้มออกมานิดหน่อยเมื่อนึกถึงคนที่ให้มันมา



                อย่างน้อยก็มีคนดีๆหลงมาอยู่ในสลิธีรินบ้างก็แล้วกัน

     






    -------------------------------------------------------------------------------------



    ท๊าดาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
    โม่งคัมแบ็คค่ะ เทศกาลคัมแบ็คมาแล้ว มารวดเดียวสองเรื่อง
    ขอโน้ตไว้นิดนุงเนาะ ว่าฟิคเรื่องนี้ยืมสถานที่ในหนังสือเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ยืมรูปแบบมาค่ะ แต่ตัวละครไม่เกี่ยวกันเลยนะคะ ยังจะคงรายละเอียดต่างๆของนิยายไว้ ถ้าหากแฟนๆแฮร์รี่เห็นว่ามีอะไรติดขัดรบกวนชี้แนะมาได้เลยค่ะ 
    แล้วก็แนะนำตัวอีกรอบ คนแต่งมีทั้งหมดสามคนค่ะ เป็นแก๊งสามโม่ง อีนี่คือโม่งหนึ่ง (สิงอยู่ @miintare) มาฟา่ด่าา่ดา่ห่ใส่กันได้ แฮ่

    คราวนี้เรามาแนวใหม่ มารวดเดียวสองเรื่องอีก นี่กำลังมีปัญหาในการทอล์ค บอกเลย 55555555555555555
    ที่หันมาคริสยอลนี่ ไม่ได้เพิ่งมาชอบนะคะ แต่โม่งมีสามคน ก็เลยชิปไม่ค่อยตรงกัน (แต่อยู่ร่วมกันได้นะเออ โม่งสามตัวอยู่ถ้ำเดียวกันงี้) ประกอบกับที่ว่าเลือดติ่งแฮร์รี่มันพลุ่งพล่าน มาค่ะ เปิดฟิคสไตล์นี้ซักรอบ
    ยังไงก็คอมเม้นนั่นนี่ ติดแท็ก #คนที่คุณก็รู้ว่าคริส ในทวิตด้วยนะคะ แฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ่


    น้องโม่งหนึ่ง



    ------------------------------------------------

    ฮัลโหล มักเกิ้ลเวิร์ล
    ตื่นเต้นกับเรื่องใหม่มากๆ เหมือนล้างกระดานแล้วเทใหม่เลย 
    ความจริงเรื่องนี้เป็นฟิคแฝดกับ #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค เป็นทามไลน์เดียวกัน มีเรื่องคาบเกี่ยวกันนิดหน่อย แต่ถ้าไม่อ่านก็ไม่ส่งผลต่อความเข้าใจจย้า 
    โอ้ยไม่กล้าทอล์คยาวมาก เขิน 555555555555 
    ยังไงถ้ามีอะไรตกหล่นติชมได้เบยนะครัช

    โม่งสองงงงงง



    สวัสดีค่ะ นี่โม่งศูนย์นะก๊ะ 
    เป็นครั้งแรกที่แต่ง AU ธีมแฮร์รี่ พอตเตอร์ 
    อยากจะบอกว่าติ่งแฮร์รี่ค่ะ 555555555555555555555555555555n
    ถ้าตรงไหนในฟิคที่รายละเอียดไม่ตรง ชี้แจงมาได้เลยนะคะ เราจะแก้ไขค่ะ 
    ฟิคเรื่องนี้แต่งกันสามคน ภาษาอาจจะงงๆไปบ้าง อย่างเดิมค่ะ ติได้ค่ะ ติเลยเต็มที่ เฮ่ 5555 

    ฝากแท็กด้วยนะคะ #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าคริส เอนจอยรี๊ดดิ้งค่า ^^ 

    ปล. มีฟิคแฝดนะคะ แท็ก #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค ใช้ทามไลน์เดียวกัน แต่ไม่อ่านก็ไม่เป็นไรค่า ยังเข้าใจเนื้อเรื่องได้อยู่ค่ะ แอ๊ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×