(ผ่านพิจารณา สนพ.Athena) Crisis of the key : Solar in the deep (Reboot)
คุณรู้จักจักระไหม? เคยสัมผัสถึงพลังที่หมุนอยู่ในกระดูกสันหลังรึเปล่า มาสิ! มาปลุกพลังที่สถิตอยู่ร่างของคุณกัน มารับกุญแจไปปลดผนึกมัน ก่อนที่ภัยพิบัติจะมาทวงคืน! (พบกันในรูปเล่มราวต้นปีหน้าครับ)
ผู้เข้าชมรวม
2,897
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“มันอาจฟังดูเหลือเชื่อไปบ้าง แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามันเป็นเรื่องจริง ชาวแอตแลนติสคือชนชาติที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาหลังยุคน้ำแข็ง เป็นอาณาจักรกลางมหาสมุทรแอตแลนติกที่เกิดขึ้นในช่วงรอยต่อสุดท้ายของยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด พวกเขามีอาณานิคมกระจายไปทั่วโลกเป็นเวลาร่วมสามพันปีนับจากแสงแรกแห่งอารยธรรม เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ผสานวิทยาศาสตร์เข้ากับอำนาจแห่งจิต แต่สำหรับที่มาของพวกเขา ถือว่ายังเป็นปริศนาที่ต้องค้นคว้าวิจัยกันอีกมาก กระทั่งล่วงเลยมาจนเมื่อแปดพันกว่าปีก่อน ความเจริญทางวัตถุที่มากขึ้น กลับทำให้จิตใจตกต่ำลงทุกขณะ กระทั่งเกิดความขัดแย้งระหว่างชาวแอตแลนติสด้วยกันเอง และระหว่างชาวแอตแลนติสกับชนเผ่าอาณานิคมต่างๆ ที่สุดจึงล่มสลายไปในคืนเดียวตามที่ตำนานกล่าว”
แม้สีหน้าของผู้ฟังอย่างเจตน์กับเทพฤทธิ์จะดูมีข้อคลางแคลง แต่เมื่อไม่มีใครตั้งคำถาม มาท่าร์จึงกล่าวต่อไป
“บางคนอาจพูดว่าเป็นเพราะแผ่นดินไหว หรือไม่ก็ภูเขาไฟใจกลางเกาะระเบิดขึ้นมา
โดยให้เหตุผลว่า ดินแดนแห่งนี้ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนมีพลังใต้มหาสมุทรแอตแลนติก
นั่นอาจเป็นความจริงก็ได้ค่ะ แต่ต้องไม่ลืมว่าในช่วงแปดพันปีที่ว่านั้น
พืดน้ำแข็งบนใจกลางแผ่นดินอเมริกาก็หลอมละลายเป็นทะเลสาบขนาดมหึมา
มวลน้ำมหาศาลถูกกักไว้โดยมีเขื่อนน้ำแข็งกั้นเป็นทางยาวราวเจ็ดร้อยไมล์
ว่ากันว่าปริมาณน้ำทำให้ทะเลสาบห้าแห่งระหว่างแคนาดากับสหรัฐดูเล็กไปเลยทีเดียวค่ะ
“ส่วนถ้านึกไม่ออกว่าจู่ๆ ไปเกิดทะเลสาบกลางพืดน้ำแข็งได้อย่างไร
ก็ขอให้ลองเทียบกับข่าวภาวะโลกร้อนที่ทำให้เกิดทะเลสาบบนน้ำแข็งขั้วโลกก็ได้ค่ะ
แต่ที่แน่ๆ พอน้ำแข็งทนแรงดันน้ำไม่ไหวก็เลยถล่มลงมา
ปริมาณน้ำที่มหาศาลกว่าแม่น้ำอเมซอนแปดสิบถึงหนึ่งร้อยสาย
จึงไหลบ่าลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกอย่างรวดเร็ว
นั่นทำให้ระดับน้ำในทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นฉับพลัน
ทั้งยังสร้างความแปรปรวนแก่สภาพอากาศต่อเนื่องไปอีกราวสองร้อยปี
เหล่านี้เองที่กวาดล้างอารยธรรมชั้นสูงให้จมทะเลในเวลาเพียงคืนเดียว
และแทบไม่เหลือหลักฐานอะไรเลยนอกจากนิทานปรัมปรา[1]“
เจตน์กับเทพฤทธิ์ทำหน้าตะลึง แต่ยังเหมือนต้องประมวลความคิด ส่วนมาร์ท่าพูดต่อไป
“จะเป็นไปได้ยังไง ทีอารยธรรมอื่นยังเหลือซากอะไรต่อมิอะไรให้ขุดกันตั้งเยอะแยะ"
เทพฤทธิ์พูดจนได้ สีหน้าไม่เชื่อถืออย่างชัดแจ้ง
“นั่นเพราะเราเคยชินกับแผนที่โลกปัจจุบันค่ะ”
มาร์ท่ายังคงยิ้ม
“เราต้องไม่ลืมว่าในยุคน้ำแข็งที่ว่านั่น โลกเราหน้าตาต่างไปจากนี้มาก เพราะความเย็นของอากาศทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งสะสมอยู่ตามขั้วโลกและแถบละติจูดสูงๆ ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ทุกวันนี้มีแค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ระดับน้ำทะเลในยุคน้ำแข็งจึงต่ำกว่าปัจจุบันถึงหนึ่งร้อยเมตร แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าระดับทะเลยุคแอตแลนติสจะต่ำขนาดนั้นตลอดสามพันปีหรอกนะคะ ที่จะบอกคืออารยธรรมชั้นสูงในยุคนั้นล้วนสร้างขึ้นในส่วนที่อบอุ่นกว่า หรือก็คือพื้นที่ริมน้ำในเขตศูนย์สูตร ถึงจะมีคนอาศัยอยู่ทางตอนเหนือบ้าง ก็เป็นพวกชนเผ่าเร่ร่อนที่ยังไม่พัฒนาอะไรมากนัก และความทรหดของคนในพื้นที่กันดารพวกนี้แหละ ที่ทำให้เขารอดชีวิตมาก่อร่างอารยธรรมกันใหม่ ขณะที่อาณาจักรและอาณานิคมส่วนใหญ่ของคนแอตแลนติสถูกกลบฝังอยู่ใต้ชั้นดินในทะเลไปหมด”
[1] เพชฌฆาตอารยธรรม (The Winds of Change) สนพ.มติชน หน้า ๖๓ – ๖๕
-------------------------------------------------
ปล.ภาคนี้ Reboot จบแล้วนะครับ
แต่ยังเป็นเวอร์ชั่นไม่รีไรต์
จะทยอยลงต่อแล้วครับผม
ขอบคุณครับ
ผลงานอื่นๆ ของ Regain ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Regain
ความคิดเห็น