คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Evil 1
บทนำ
ณ แลนทานัม School
วันนี้เป็นวันที่มวลมนุษยชาติแห่งโรงเรียน ‘แลนทานัม” ได้มารวมตัวกัน เพื่อร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้อนุญาตให้แขกจากโรงเรียนอื่นเข้ามาได้ ซึ่งจะส่งผลให้ร้านค้าที่นักเรียนร่วมใจกันจัดขึ้นนั้น มีรายได้หลั่งไหลเข้ามาเยอะขึ้น มากขึ้นๆ จนถึงมากที่สุด(เอ๋! ถึงเยอะขึ้นก็น่าจะพอแล้วมั้ง (-_-;) )
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด >//////<”
เสียงสาวๆจากทั้งโรงเรียนกรีดร้องเมื่อพบเห็นชายหนุ่มรูปงามเดินขึ้นมาบนเวทีในห้องโถงใหญ่ของแลนทานัม ซึ่ง Prince ทั้งห้าคนก็ต่างได้รับการต้อนรับจากเหล่าแฟนคลับอย่างมากมายโดยสังเกตได้จากเสียงกรี๊ดของเหล่าสาวๆที่ตั้งใจมาดูพริ้นซ์สุดหล่อของพวกเขา
“สวัสดีทุกคน ฮะฮ่า^o^ มากันเยอะเลยนะ วาผู้น่ารักอยากถามทุกคนว่า คิดถึงเราบ้างไหมมมมมมมมม”เสียงกล่าวคำทักทายอย่างร่าเริงและน้ำเสียงหยอกเย้าเหมือนเดิมของ พริ้นซ์วาเนย์เจ้าเสน่ห์เอ่ยทักทายพวกสาวๆ
“คิดถึงงงงงงงงงงงงง >__< ”สาวๆตอบพร้อมกันอย่างล้นหลามจนท่วมห้องโถง จนดังออกไปถึงลานจัดกิจกรรมนอกงาน
ท่วงทำนองของเพลงก็ได้เริ่มขึ้นสาวๆยิ่งกรีดร้องดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ความมีเสน่ห์และเพอร์เฟ็กต์ของพริ้นซ์ทั้ง ห้าคนที่มีอยู่แล้วยิ่งเด่นชัดขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว เพลงที่พวกเขาเลือกที่จะนำมาร้องในวันนี้เป็นเพลงของนักร้องทางฝั่งยุโรปเพื่อมาเอาใจสาวๆโดยเฉพาะ
“Baby you light up my world like nobody else
The way that you flip your hair gets me overwhelmed
But you when smile at the ground I aint hard to tell
You don’t know...
You don’t know you’re beautiful
If only you saw what I can see
You’ll understand why I want you so desperately
Right now I’m looking at you and I can’t believe
You don’t know
You don’t know you’re beautiful
Oh Oh
That what makes you beautiful”
*What makes you beautiful-One direction
เสียงร้องอันทรงพลังและมีเสน่ห์ของพริ้นซ์วาเนย์ได้ดังออกไปจนถึงลานกิจกรรมนอกงาน ทำให้ผู้คนที่เฝ้าซุ้มจัดงานของตนได้ละทิ้งหน้าที่แล้วตามเสียงอันทรงพลังของพริ้นซ์มายังห้องโถง ขณะนั้นสาวน้อยคนหนึ่งที่หลงไหลในเสียงของพริ้นซ์วาเนย์ก็ได้เดินตามเสียงอันทรงพลังมายังห้องโถงแล้วก็เดินแทรกผู้คนเข้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ใกล้ๆกับเวที
สาวๆที่กำลังโยกย้ายตามเสียงดนตรีอย่างเมามัน ในขณะนั้นมือของใครคนหนึ่งก็ได้ไปเกี่ยวโดนสร้อยที่ห้อยอยู่บนคอของสาวน้อยทำให้สาวน้อยคนนั้นตื่นจากภวังค์ในทันทีแล้วสาวน้อยคนนั้นก็นั่งหยองๆลงเหมือนหาอะไรบางอย่าง
1
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด” พวกหล่อนจะกรี๊ดทำไมก็มิทราบเนี่ย =__=; เฮ้ยว่าแต่ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะเหมือนโดนมนตร์สะกดยังไงยังงั้นเลย อ่ะ!เมื่อกี้อะไรโดนที่คอฉันว่ะ ฉันจึงใช้มือคลำไปที่คอ
ยะ...แย่แล้ว=[]=^ สร้อยที่ห้อยแหวนสุดรักไว้หลุดแล้วหล่นหายไป=[]= หายนะชัดๆเลยอ่ะ นั้นมันสร้อยที่แม่ทิ้งไว้ให้ฉันดูต่างหน้าซะด้วย
ฉันจึงนั่งยองๆลงกับพื้นท่ามกลางยัยพวกบ้าทั้งหลายที่โก่งคอขันแข่งกัน(อ่ะ...ไม่ใช่ไก่นี่นา)จากที่นั่งหยองๆฉันจึงเปลี่ยนเป็นคุกเข่าแล้วก้มลงคลานหาแหวนสุดที่รักพร้อมกับแทรกตัวเข้าไปในขาทั้งหลายของพวกยัยบ้า
อี๋นี่มันกลิ่นอะไรกันฟะฉันจะเป็น…ลมมมมมมมมม TT_TT
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด ยัยบ้าทำอะไรนะ”ทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดสองร้อยเดซิเบลล์เข้าไปเสียงเพลงบนเวทีก็หยุดลงในทันที “ยัยโรคจิต”ยัยงั่งกล้าว่าฉันโรคจิตงั้นเหรอ ‘ข้าวฟ่าง’ คนนี่ขอจัดการสักหน่อยเถอะ ฉันจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ฮะฮ่าสูงกว่าเห็นๆ
“ยัยงั่งคนไหนว่าฉันโรคจิต”
“ฉันเองแหละ ถ้าแกไม่ใช่โรคจิตแล้วลงไปคลานก้มมองใต้กระโปรงของพวกฉันทำไม”เหอะคิดว่าฉันอยากมองใต้กระโปรงแกรึไงฟะ แกมีของดีอะไรทำไมฉันถึงต้องอยากมอง หน้าอย่างกับปลาสลิด
“ก็ของๆของฉันมันหล่นลงไปนี่นา ^_^ ฉันก็ต้องก้มลงหาเป็นธรรมดา ไม่ได้คิดจะอยากมองใต้กระโปรงใครเสียด้วยซ้ำ แค่ก้มลงไปเมื่อกี้นี้ก็แทบจะเป็นลมให้ทุกคนในห้องโถงได้เย็นสบายเล่นเลยล่ะ รู้ไว้ซะด้วย!” ฉันก็พูดเก่งเหมือนกันนะเนี่ยทำเอายัยหน้าปลาสลิด(เรียกแทนยัยงั่งซะเลย)อ้าปากหวอไปเลย
“กะ...”
“หยุดเดี๋ยวนี้ ทั้งคู่เลย”พริ้นซ์หนึ่งในห้าคนเอ่ยขึ้น ฉันไม่รู้อ่ะว่าพวกบ้านั่นชื่ออะไร ทำให้ยัยหน้าปลาสลิดที่กำลังจะว่าให้ฉันหุบปากลงในทันที “ทุกคนออกไปจากในห้องโถงนี้ให้หมดเลยนะ!”ยัยพวกบ้าทั้งหลายต่างทำหน้าเสียดายในทันทีแล้วทยอยออกจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว และพริ้นซ์ก็ลงจากเวทีไปเช่นกัน
เมื่อไม่มีใครอยู่ในนี้อีกต่อไปฉันจึงเดินก้มหน้าลงพื้นเพื่อหาแหวนสุดที่รักต่อไป อ๊ะ! เจอแล้ว ทันทีที่เห็นแหวนฉันก็เดินดุ่มๆไปเก็บในทันที แต่ในขณะที่กำลังจะเก็บแหวนได้นั้นก็มีมือดีที่ไหนก็ไม่รู้ฉกไปต่อหน้าต่อตา ฉันจึงค่อยๆมองไล่จากมือที่ถือแหวนขึ้นไปจนถึงหน้าของคนที่เอาแหวนไป
“พริ้นซ์!!”ไม่นึกเลยว่าพริ้นซ์ที่สาวๆต่างหลงใหลจะมายืนประจันหน้ากับฉันครบทั้งห้าคนO_O
“ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยสาวน้อย-_-+”หนึ่งในพริ้นซ์ทั้งห้าคนเอ่ยออกมาอย่างสำราญบานใจ แต่หน้าของพวกเขาชั่งไม่เป็นเหมือนน้ำเสียงเลย ฉันจึงทำเป็นใจดีสู้ปีศาจ(มีด้วยเหรอฟะ =_=^)
“พริ้นซ์ ขอแหวนฉันคืนด้วย”ฉันพยายามจะยื้อแย่งแหวนจากพริ้นซ์คนที่ถือแหวนไว้(สรุปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร)
“ที่แท้ก็ตามหาไอ้นี่งั้นเหรอ แต่ก่อนที่ฉันจะให้เธอฉันมีเรื่องที่จะต้องตกลงกับเธอสักหน่อย เฮ้ยจัดการ”พูดจบก็หันไปสั่งพริ้นซ์อีกสองคนมาหิ้วปีกฉันขึ้นไปนั่งในรถเบนซ์คันหรูพร้อมกับสั่งให้ขับรถออกไปยังที่ไหนสักแห่งก็ไม่รู้
พวกเขาพาฉันมายังบ้านหลังหนึ่งซึ่งคล้ายกับบ้านจัดสรรแต่ดูดีกว่าบ้านจัดสรรหลายเท่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น มีระเบียงยื่นออกมาภายนอก กรี๊ดดดดดดดดด ดูดีสุดๆอยากอยู่บ้างจังเลย
“นี่เธอจะยืนบื้ออีกนานไหม อยากได้ไหมแหวนน่ะ ถ้าอยากได้ก็ตามมา”โอ้ภายนอกที่ว่าดูสวยแล้วภายในยิ่งสวยกว่าอีก ไลฟ์สไตล์การตกแต่งช่างยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ ภายในตกแต่งด้วยสไตล์โกธิคและหลากลายแนวถึงมันจะแปลกแต่ก็สวยไปอีกแบบ
“เธอ! กล้ามากที่ทำลายการขึ้นไลฟ์ของพวกเราครั้งนี้-_-+”ง่ะ ทำไมต้องขึ้นเสียงพร้อมกับทำหน้าดุอย่างนั้นด้วยฟะ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันก็แค่หาแหวนเฉยๆ”ฉันพูดขึ้นพร้อมกับก้มหน้าลงพื้นเพราะกลัวสายตัวจากทุกคน
“-_-+” นี่คือสายตาจากทุกคน
“แค่แหวนเศษเหล็กนี่เนี่ยนะ”ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เงยหน้าขึ้นมามองไอ้บ้านั่นทันที กล้าว่าแหวนสุดที่รักของฉันเป็นเศษเหล็กงั้นเหรอ อยากกระโจนเข้าไปอัดซักป๊าบนึงจริงๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่ใช่ถิ่นตน เค้าก็จัวเหมือนกันนะ(จะใช้ศัพท์วัยรุ่นไปทำไมก็ไม่รู้)
“แหวนของฉันไม่ใช่เศษเหล็ก มันเป็นสิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจและเป็นสิ่งที่ฉันรักที่สุดในชีวิต”
“ขนาดนั้นเชียว ยังไงก็เถอะ เธอ!กล้ามากที่มาทำลายคอนเสิร์ตของพวกฉัน เธอรู้ใช่ไหมว่าเธอต้องชดใช้กับสิ่งที่เธอทำลงไป”แค่ทำลายงานคอนเสิร์ตถึงกับต้องชดใช้เชียวเหรอ
“เท่าไหร่ก็ว่ามา แต่อย่าเรียกร้องแพงมากนักเพราะฉันไม่ค่อยมีตังค์”โกหกไปงั้นแหละแค่ไม่อยากเสียเงินกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ดูจากบ้านและการแต่งตัวแล้ว(ไอ้)พริ้นซ์พวกนี้คงจะรวยมิใช่น้อย
“ใครว่าพวกฉันต้องการเงินกันล่ะ=_=; พวกฉันต้องการให้เธอมาเป็นเบ้คอยรับใช้พวกฉันต่างหากล่ะ ^_^ ฉันกลัวว่าเธอจะไม่เข้าใจอ่ะนะ พูดง่ายๆก็คือคนรับใช้นั่นเอง”อะไรนะ!ให้ฉันเป็นคนรับใช้งั้นเหรอ มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ
“พวกนายไม่คิดว่ามันมากเกินไปรึไง=O=; อีกอย่างพวกนายก็ออกจะรวยพวกนายก็ไปจ้างแม่บ้านมาสิ หรือไม่ก็ไปประกาศรับสมัครสาวใช้ในโรงเรียนดูสิ ฉันว่านะคงจะมีคนมาสมัครอย่างล้นหลามเลยล่ะ โดยเฉพาะยัยพวกบ้าที่ไปตะโกนแนบชิดติดขอบเวทีแทบจะโดนบี้เป็นปลากระป๋องพวกนั้นคงจะแห่มาตรึม ชัวร์ป๊าบ”สาธยายได้คล้องจองมาก อะโลฮ่า
“พล่ามจบแล้วใช่ไหม งั้นเธอจงฟังไว้ให้ดีๆ พวกฉันเคยจ้างแม่บ้านมาแล้วนับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่มีใครอยู่ได้เกินหนึ่งอาทิตย์ เหตุผลนะเหรอเพราะอะไรฉันก็ไม่รู้ ส่วนที่เธอบอกว่าทำไมไม่ไปประกาศรับสมัครสาวใช้ในโรงเรียนดูน่ะ ก็เพราะว่ายัยพวกนั้นไม่ค่อยได้เรื่องวันๆเอาแต่คอยตามกรี๊ดพวกฉัน เธอจงรู้ไว้ซะว่าพวกฉันเกลียดพวกผู้หญิงที่คอยตามกรี๊ด และจงรู้ไว้อีกว่าเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้กรี๊ดพวกฉันเหมือนยัยพวกนั้น แถมยังกล้ามายืนต่อปากต่อคำกับฉันอีกด้วย”จากที่ฉันฟังมาทั้งหมดและก็ประมวลผลแล้วฉันว่าไอ้พวกนี้มันเกินไปจริงๆ-_-^ มีอย่างที่ไหนกันจ้างแม่บ้านมานับไม่ถ้วน แล้วยังเกลียดพวกผู้หญิงที่คอยตามกรี๊ด ก็ตัวเองชอบทำตัวให้เขากรี๊ดแล้วยังจะเกลียดพวกนั้นอีก เฮ้อ~ ฟังแล้วเพลีย
“ง่ะ เอาจริงดิ O_O”ซวยแล้วสิเรา
“ก็จริงน่ะสิ เริ่มงานพรุ่งนี้เลยแล้วกัน วันนี้เธอก็ไปเก็บของแล้วเตรียมย้ายเข้ามาได้เลย”ย้ายเข้ามาอย่างงั้นเหรอ
“ทำไมต้องย้ายด้วย ไม่ย้ายไม่ได้หรอ”หยึยๆให้ฉันมาอยู่บ้านกับผู้ชายทั้งห้าคนเนี่ยนะ ฉันเป็นผู้หญิงนะเฟ้ย(แน่ใจเหรอ) “ให้ฉันมาทำงานแล้วก็กลับไปพักที่บ้านไม่ได้หรอ” อ้อนวอนขออย่างมีความหวัง(ทั้งๆที่ไม่มีวี่แววเนี่ยนะ=ผู้แต่ง)
“ไม่ได้ ถ้าพวกฉันเกิดหิวข้าวขึ้นมากลางดึก แล้วใครจะอยู่ทำให้พวกฉันทานล่ะ”พริ้นซ์คนที่สองช่วยออกความเห็นบ้าง สรุปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
“เรื่องแค่นี้ก็ต้องพึ่งฉันงั้นหรอ ถามหน่อยเถอะพวกนายทำกับข้าวกินเองไม่เป็นใช่ไหมเนี่ย”
“ใช่”<<ตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย-_-//
ดูท่าว่าจะจริง มีแต่พวกคุณชายทั้งนั้นเลย เห็นแล้วไม่ไหวจะเคลียร์ อ่อนเพลียจะเอ่ย
“พวกเรามีค่าตอบแทนให้เธอด้วยนะ เราไม่เคยใช้ใครฟรีๆ”โอ๊ะโอมีค่าตอบแทนให้ด้วยก็น่าสนใจดีนะ
“แล้วต้องทำนานแค่ไหนล่ะ มิดเทอมนี้ฉันก็จะต้องกลับบ้านด้วย”ที่ต้องกลับบ้านเพราะต้องไปดูแลกิจการการท่องเที่ยวของครอบครัวเราที่ฉันต้องกลับไปดูแลทุกครั้งเวลาปิดเรียนยกเว้นเสาร์-อาทิตย์
“ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก ถ้าเธอทำงานได้ดีก็หมดภาระเร็ว แต่ถ้าทำงานไม่ดีก็อยู่นานหน่อยก็แล้วกัน และถ้าเธอทนพวกเราไม่ได้แล้วแอบหนีไปพวกเราจะคอยตามรังควานเธอไปทุกที่เลยล่ะ”รังควานงั้นเหรอน่ากลัวจังเลย^_^(สีหน้าไม่ได้แสดงอย่างนั้นเลย-_-=)
“คนอย่างฉันไม่เคยหนีใคร ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดเลยด้วยจะบอกให้”ยกเว้นหนอนน่ะนะ น่าขยะแขยงเป็นที่สุด หยึ่ยคิดแล้วก็กลัว
“งั้นก็ดี ลอเรนจ์พายัย...เอ่อเธอชื่ออะไรล่ะ”o_O*คุยกันมาตั้งนานเพิ่งมาถามชื่อเนี่ยนะ
“เรียกฉันว่าข้าวฟ่าง TT_TT”
“โอเค ชื่อข้าวฟ่างนะ ลอเรนจ์ช่วยพายัยข้าวฟ่างไปเก็บของทีนะ”พริ้นซ์คนหนึ่งหันไปสั่งพริ้นซ์ผมทองที่นั่งเล่นเกมส์ PSP อย่างเมามัน ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นพริ้นซ์ผมทองก็เขวี้ยง PSP ลงบนโซฟาทันที
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วยวะเนี่ย-_-^ เธอ!ตามฉันมาเร็วเข้า-_-+”ว่าจบพริ้นซ์ลอเรนจ์ก็เดินนำดุ่มๆออกไปนอกบ้าน แล้วก็เดินไปยังรถเฟอร์รารี่สีดำคันหรูเป็นบุญของฉันจริงๆที่ได้นั่งรถหรูขนาดนี้ แอร๊ยยยยยย>//////<
“เธอ ว่าแต่บ้านเธอไปทางไหนอ่ะ ฉันไม่รู้จักน่ะ ไอ้บ้าวาเนย์ก็ไม่พามาเองใช้คนอื่นตลอดเลย”เพิ่งรู้ว่าพริ้นซ์(ไอ้)ที่เอาแต่พูดปาวๆนั่นชื่อวาเนย์นะเนี่ย
“นายช่วยเริ่มจากโรงเรียนก็แล้วกันนะพอดีฉันไม่ค่อยคุ้นทางที่นี่น่ะ ฉันเคยผ่านแค่ครั้งสองครั้งเองก็เลยไม่คุ้น”จะว่าไปฉันก็เคยผ่านมาทางนี้อยู่หรอกนะแต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นอยู่ดีมาคราวที่แล้วเนี่ยนะหาทางกลับเกือบไม่เจอแน่ะ
“อืมงั้นก็ได้ กรุณาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ดีด้วยนะ”ว่าจบฉันก็ทำตามทันทีก่อนจะรู้ถึงจุดประสงค์ว่าทำไมถึงต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เพราะไอ้คนขับขับเหมือนอยู่บนสนามแข่งเลย ว้ากกกกกกกกกกO๐O แต่ฉันก็ชอบความเร็วอยู่นิดหน่อย(แล้วจะร้องทำไม!!)
ห้านาทีต่อมา ถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว เพิ่งรู้ว่าบ้านหลังนี้อยู่ใกล้โรงเรียน ฉันจึงรีบอธิบายที่ที่ฉันอยู่ให้พริ้นซ์ลอเรนจ์ฟัง จู่ๆปริ๊นซ์ลอเรนจ์ก็พูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบบนรถ คงจะเห็นว่าฉันแอบเกร็งสินะ
“อืม พ่อแม่เธอไม่ว่าเหรอที่เธอจะต้องไปเป็นคนใช้ที่นั่นน่ะ แถมยังอยู่กับผู้ชายตั้งห้าคนแน่ะ”จะว่าได้ไงเล่าก็ท่านทิ้งให้ฉันอยู่เมืองไทยกับน้าแล้วไปดูแลกิจการที่ฝรั่งเศสตั้งแต่ฉันห้าขวบเห็นจะได้
“ไม่หรอกพวกท่านไปทำงานที่ต่างประเทศน่ะ”เพราะอย่างนี้ฉันถึงอยากได้แหวนคืนไงเล่า
“งั้นเหรอแสดงว่าเธอก็อยู่บ้านคนเดียวน่ะสิ น่าสงสารจัง ฉันเองก็โดนทิ้งเหมือนกันแหละ พวกท่านทิ้งฉันให้อยู่คฤหาสน์คนเดียว ใครมันจะไปทนไหวฉันก็เลยมาอยู่รวมตัวกันกับเพื่อนๆที่บ้านหลังนั้นนั่นแหละ” ชีวิตของพวกเราช่างน่าสงสารพูดแล้วอยากจะร้องไห้ “เธออย่าไปถือสาไอ้วาเนย์เลยนะมันก็เป็นคนชอบแกล้งคนอื่นอย่างนี้แหละอย่าไปใส่ใจเลย”
“พริ้นซ์ลอเรนจ์”
“ฮะฮะ ไม่ต้องเรียกฉันว่าพริ้นซ์เหมือนคนอื่นๆก็ได้ เรียกลอเรนจ์เฉยๆดีกว่ามันจะดูสนิทสนมกันมากขึ้น”เป็นคนดีจริงๆเลยเชียวแต่ที่ฉันเรียกเพราะไม่ใช่เรื่องนี้ =W=
“เอ่อ...คือว่าคุณขับเลยคอนโดฯฉันมาแล้วน่ะ ฮะฮะฮ่า>O<”
“ยังจะมาหัวเราะอีก -_-^ ทำไมไม่รีบบอกฉันเล่า”ว่าไปพลางทำท่าหัวเสียไปพลาง ทำท่าทางหัวเสียอย่างนี้แล้วดูน่ารักจัง
“เลี้ยวเข้าซอยข้างหน้าก็ได้มันจะไปโผล่ทางเข้าด้านหลังคอนโดฯพอดี”พูดจบพริ้นซ์ก็เลี้ยวเข้าไปข้างในทันทีแล้วมันก็ไปโผล่ข้างหลังพอดีเป๊ะเลย จากนั้นพริ้นซ์จึงเลี้ยวเข้าไปแล้วจอดรถไว้ทันที
“พริ้นซ์เข้าไปทานของว่างข้างในรอก่อนก็ได้นะเดี๋ยวฉันจะไปเก็บของก่อนน่ะ”
“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกพริ้นซ์น่ะ มันดูไม่ค่อยสนิทสนมกันเข้าใจป่ะ”นี่เราสนิทสนมกันแล้วเหรอเนี่ย?
“เราสนิทสนมกันแล้วเหรอ?”
“ใช่เราสนิทสนมกันแล้วถ้าไม่สนิทกันเค้าไม่เล่าความลับให้ใครฟังอย่างนี้หรอกและฉันถือว่าคนที่เล่าความลับให้คนอื่นฟังจะต้องมีความสนิทสนมกันถึงจะเล่าความลับให้กันฟังได้”ช่างเป็นคนดีจริงๆเลย “ถ้าไปอยู่ที่นั่นแล้วมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาฉันได้นะ ฉันยินดีรับฟัง ฮะฮะ มัวแต่พล่ามอยู่ได้ไปๆไปเก็บของได้แล้วเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”อุ๊ย!น่ารักจังเลย
ณ ห้องห้าศูนย์แปด (อย่าเอาไปซื้อเลขล่ะไม่ได้บอกหวยแต่เป็นเบอร์ห้องของฉันเอง (-_-;) )
“ห้องน่าอยู่จัง จัดห้องเองหรอเนี่ยเท่สุดๆ”ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกไม่ต้องชมฉันก็ได้>__<
“พริ้นซ์นั่งรอที่โซฟาก่อนนะเดี๋ยวฉันหาอะไรให้ทานไปพลางๆก่อน จะดูทีวีรอก็ได้นะ”จากนั้นฉันก็ไปเอาของว่างและน้ำมาให้ลอเรนจ์(เขาบอกให้เรียกน่ะ กระดากปากยังไงชอบกล)แล้วจึงไปเก็บของให้เรียบร้อย
เมื่อเก็บของเสร็จแล้วฉันก็ได้ลากกระเป๋าเดินทางออกมาพร้อมกับกีตาร์โปร่งจากในห้องและไม่ลืมที่จะหยิบกุญแจรถช็อปเปอร์คันโปรดมาด้วยแต่ทันทีที่ออกมาถึงก็เจอลอเรนจ์ที่นอนหลับไปแล้ว (พอดูใกล้ๆแล้วน่ารักจังเลย) ฉันจึงรีบเขย่าตัวเขาเพื่อปลุกเขาให้ตื่น
“ฮ้าววว”ขนาดตอนง่วงนอนยังน่ารักเลยวุ้ย “เสร็จแล้วเหรอ-_-; งั้นก็ไปกันเลย มาเดี๋ยวฉันช่วย”กรี๊ดดดด น่ารักจังเลย
“ไม่เป็นไรหรอกฉันถือเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า^^ ไปเถอะ”ฉันกลัวว่าถ้าเขาถือของหนักแล้วมือจะหยาบกร้านน่ะ
“ไม่ได้เราสนิทกันแล้วไม่ใช่รึไงล่ะ เอามาเถอะ”จู่ๆก็หยิบกระเป๋าของฉันไปหน้าตาเฉย “ไม่เห็นจะหนักเลยทำไมถึงไม่อยากให้ถือกันล่ะ ไปๆไปได้แล้ว” ก็นายเป็นลูกไฮโซนี่นาใครจะกล้าใช้ล่ะ “อ๊ะ เล่นกีตาร์ด้วยหรอเนี่ย เล่นเหมือนกันกับฉันเลย”ลอเรนจ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันสะพายกีตาร์ไว้ด้านหลัง
ลอเรนจ์นำกระเป๋าของฉันไปไว้ในกระโปรงรถแล้วจึงหันมาพูดกับฉัน
“อ้าว! ทำไมไม่ขึ้นรถล่ะ จะได้รีบไปกันเลย”
“นายขับไปก่อนเถอะ ฉันจะขับช็อปเปอร์ตามไปเองฉันพอจะจำทางได้”ฉันบอกปัดเขาไปเพราะไม่อยากทิ้งช็อปเปอร์คันโปรดไว้ที่นี่
“เอางั้นเหรอ งั้นฉันจะขับรถช้าๆนะเพราะกลัวว่าเธอจะหลงทางนะ”กรี๊ดดดดด น่ารักที่สุดเลยเราคงจะสนิทกันแล้วจริงๆสินะ
ความคิดเห็น