คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองแสงไฟจากรถที่สะท้อนเข้าตา หลังจากที่สมองประมวลผลสักพัก คิมหันต์ก็ยิ้มออกมาได้ เธอเปิดประตูลงมาจากรถสีบรอนซ์ทอง พร้อมกับใครบางคนที่ลงมาจากรถอีกคันที่ขับเข้ามาจอดเทียบเมื่อสักครู่
“พี่มีนโทรบอกหมอใช่มั้ยคะ ไม่น่าเลยน้า...” คิมหันต์ยิ้มให้หมอสาว แม้ปากจะบอกว่าไม่น่า แต่ในใจก็รู้สึกโล่งอก รถของเธอสตาร์ทไม่ติด ดึกป่านนี้คงไม่มีช่างให้เรียกแล้ว ขณะกำลังคิดว่จะต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้าน สาวเฉี่ยวรุ่นพี่ก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี นี่คงเป็นเหตุผลให้คุณหมอสาวร่างสูงคนนี้มายืนอยู่ตรงหน้า
นันทิตาพยักหน้ายิ้มๆ เธอไม่ได้มีพลังจิตถึงได้รู้ว่าหญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคนนี้ต้องการความช่วยเหลือหรอก ยัยมีนนั่นแหละที่เป็นคนโทรศัพท์มาบอกเธอ ดีนะที่ยังไม่ขับไปถึงไหนต่อไหน ถึงแม้อยากจะรีบกลับบ้าน แต่จะให้ทิ้งหญิงสาวคนนี้ไว้ตามลำพัง ใครจะทำได้ลงคอล่ะ
“แบตหมดหรือเปล่าคะเนี่ย พี่ไม่มีสายพ่วงแบตซะด้วย” หมอสาวทำหน้ายุ่งเล็กน้อย หลังลองสตาร์ทรถของคิมหันต์ดู เธอเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องรถมากนัก ถ้ารถมีปัญหาอะไรก็พึ่งพาอู่ตลอด
“เอางี้ เดี๋ยวคืนนี้พี่ไปส่งละกัน ไว้พรุ่งนี้น้องคิมค่อยหาคนมาดู” เมื่อดูแล้วว่าอย่างไรรถสีบรอนซ์ทองคันนี้ก็คงไม่สามารถพาหญิงสาวกลับบ้านได้แน่ นันทิตาจึงเสนอตัวไปส่งคิมหันต์
“เกรงใจ...” คิมหันต์พูดเสียงอ่อยๆ เว้นจังหวะ “แต่ก็ขอบคุณหมอไนซ์มากนะคะ” จากนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา ใครจะไปปฏิเสธล่ะ สี่ทุ่มกว่าแล้ว การให้คนรู้จักไปส่งย่อมอุ่นใจกว่าเรียกรถสาธารณะในยามค่ำคืนเช่นนี้
“อ้าว...นึกว่าจะไม่ไป” นันทิตาหัวเราะขัน อยู่ดีๆ ก็เกิดความรู้สึกร้อนวูบขึ้นมา เมื่อสบสายตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น เอาอีกแล้ว...เป็นอะไรมากมั้ยเรา “ขึ้นรถดีกว่าค่ะ อย่าลืมล็อกรถก่อนนะคะ” หมอสาวพูดกับคิมหันต์ แต่ดวงตาเสไปมองที่รถของหญิงสาว เธอรู้สึกไม่กล้ามองหน้าสาวสวยขึ้นมาอย่างกะทันหัน
สองสาวนั่งเคียงคู่กันมาในรถ หลังจากนันทิตาสอบถามเส้นทางไปยังบ้านของคิมหันต์ หมอสาวก็พบว่าเป็นคนละทางกับทางที่จะกลับบ้าน เนื่องจากพรุ่งนี้นันทิตาต้องเข้าเวรเช้า เธอจึงตัดสินใจที่จะค้างที่คอนโดของตัวเอง เพราะถ้าจะกลับบ้าน คงเลยเที่ยงคืนแน่ แม้ใจหนึ่งจะเป็นห่วงนุสบา แต่เมื่อคิดถึงสภาพของตัวเองที่ต้องตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าทั้งที่นอนไม่พอ หมอสาวขอเลือกทิ้งพี่สาวสักคืนแล้วกัน นุสบาเองก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ ไม่น่าจะเป็นไร
ขณะที่รถจอดติดไฟแดง หมอสาวเอี้ยวตัวไปด้านหลังเพื่อจะหยิบกระเป๋าถือที่วางไว้ตรงเบาะหลัง แต่ด้วยความที่วางกระเป๋าไว้ลึกเกินไป เธอจึงเอื้อมไปหยิบไม่ถึง คิมหันต์เห็นดังนั้นจึงคิดจะช่วยนันทิตา
“เดี๋ยวคิมช่วยหยิบให้ค่ะ” คิมหันต์หันไปด้านหลังบ้าง เพื่อจะช่วยหมอสาว นันทิตาหันมามอง หัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อพบว่าใบหน้าของคนสวยอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ได้กลิ่นหวานจางๆ ของน้ำหอมที่คิมหันต์ใช้
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” นันทิตายิ้มแหยๆ ให้คิมหันต์ เธอรู้สึกหงุดหงิดตัวเองไม่น้อยกับความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นยามเมื่อได้พบหญิงสาวคนนี้ ความรู้สึกที่เธอก็ไม่เข้าใจนัก
หมอสาวควานหาโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าที่เพิ่งรับมา แล้วกดหาเบอร์พี่สาวสุดที่รัก ไม่นานก็มีเสียงรับจากปลายสาย นันทิตายิ้มออกมาได้
“นอนหรือยังคะ ขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ไนซ์คงไปที่บ้านไม่ได้ พอดีมีธุระด่วน” นันทิตาพูดเสียงอ่อนโยน เธออ่อนโยนกับพี่สาวคนนี้เสมอ ความเป็นหมอทำให้เธอรู้สึกอยากดูแลคนในครอบครัว แม้ช่วงหลังเธอกับพี่สาวจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ความห่วงใยไม่เคยลดน้อยลง จากนั้นเธอก็ยังคงชวนนุสบาคุยไปเรื่อยๆ
คิมหันต์เหลือบมองหญิงสาวคนขับรถ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะสนใจแต่คนที่อยู่ปลายสาย เสียงก็เบาเหลือเกิน แต่ถ้าจะให้เดาก็คงเป็นแฟนอย่างไม่ต้องสงสัย พูดเสียงอ่อนเสียงหวานซะขนาดนั้น
“รีบนอนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าไนซ์จะโทรไปหาอีกที” หมอสาวปิดท้าย ก่อนตัดสายไป
“น่าอิจฉานะคะ” คิมหันต์เอ่ยปากแซว แล้วก็นึกอยากจะตบปากตัวเอง นี่เธอรู้จักหมอสาวดีแค่ไหนถึงไปพูดจายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของนันทิตาแบบนั้น
หมอสาวหันมามองคิมหันต์ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ แล้วก็หัวเราะในลำคอโดยที่ไม่พูดอะไร
“ว่าแต่วันนี้น้องคิมดูท่าทางสดชื่นกว่าอาทิตย์ที่แล้วนะคะ” หมอสาวหันมาคุยเรื่องสุขภาพของคิมหันต์แทน ไม่รู้นึกอย่างไร แต่เธอไม่อยากอธิบายว่าคนที่คุยด้วยเมื่อครู่นี้เป็นพี่สาวแท้ๆ ของตัวเอง
“อืม...ก็คิมพยายามไม่เครียดตามที่หมอสั่งไงคะ” คิมหันต์รู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่หมอสาวเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่ก็ช่างเถอะ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องของเธอซะหน่อย
“ดีแล้วค่ะ คนเราจะเครียดกันไปทำไมให้มากมาย เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ” นันทิตาพูดเรื่อยๆ ด้วยความที่เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายและเป็นคนไม่ค่อยคิดมากกับเรื่องต่างๆ ความรักก็ไม่เคยจะผ่านเข้ามาให้ต้องคิด สำหรับหมอสาวแล้ว เรื่องของนุสบาครั้งนี้แหละ ที่เธอรู้สึกว่าหนักหนาที่สุดในชีวิต 27 ปีของเธอ
“แหม หมอไนซ์พูดเหมือนเป็นจิตแพทย์เลยนะคะ” คิมหันต์อดแซวอีกไม่ได้ เมื่อได้ฟังหมอสาวพูดเหมือนคนที่ผ่านชีวิตมามาก
นันทิตาหันมามองหญิงสาวคนสวย ดวงตาสีดำหรี่ลง ก่อนจะยิ้มที่มุมปากโดยที่อีกฝ่ายไม่เห็น “บางทีก็รับปรึกษานะคะ ติดต่อได้นอกเวลางาน”
คิมหันต์ชะงัก หันมามองหมอสาวอย่างไม่เชื่อที่เธอพูด
“ถ้าเป็นปัญหาหัวใจละก็...พี่จะลดให้เป็นพิเศษเลย” นันทิตาพูดต่อ ตามองตรงไปข้างหน้าโดยไม่ได้หันมามองคิมหันต์ ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น
คนสวยได้ฟังถึงกับอึ้งไป ไม่แน่ใจว่าหมอสาวพูดจริงหรือพูดเล่น ก่อนจะเอ่ยปากกลับไป “ถ้าลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็โอเคนะคะ”
คนเป็นหมอได้ยินถึงกับตาโต “โอ้โห สมกับเป็นนักบัญชีจริงๆ นะเนี่ย” คราวนี้กลายเป็นนันทิตาเองที่ไม่รู้ว่าคิมหันต์พูดจริงหรือเปล่า แต่ปกติเธอก็รับปรึกษาปัญหาหัวใจฟรีตลอดนั่นแหละ จะเป็นไรไปถ้าจะมีคนไข้เพิ่มอีกคน
เมื่อรถของหมอสาวขับมาจอดที่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ คิมหันต์ก็พบว่าคุณวราภาผู้เป็นมารดาของเธอนั้นยืนรออยู่หน้าบ้านด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางจ้องมองมาที่รถสีดำที่เธอนั่งอยู่
“แม่ยังไม่นอนอีกเหรอคะ” คิมหันต์รีบลงมาจากรถ หญิงสาวเพิ่งนึกได้ว่า เธอลืมโทรศัพท์มาบอกมารดาเรื่องรถเสีย
“อ้าว...แล้วรถไปไหนล่ะลูก” คุณวราภาทำหน้างงๆ เมื่อเห็นลูกสาวลงมาจากรถ ตอนแรกเธอก็นึกสงสัยอยู่ว่าใครกันมาจอดรถหน้าบ้านของเธอดึกๆ ดื่นๆ
“รถสตาร์ทไม่ติดค่ะแม่ นี่หมอไนซ์ เป็นเพื่อนของพี่ที่ทำงานคิมค่ะ” เพราะมัวแต่ห่วงบุตรสาวคนเดียวของเธอ คุณวราภาจึงเพิ่งจะสังเกตเห็นคนที่มาส่งคิมหันต์
หมอสาวร่างสูงรีบยกมือไหว้คุณวราภา พลางสังเกตมองแม่ของคิมหันต์ หญิงสาวสูงวัย แม้บนใบหน้าจะมีริ้วรอยตามธรรมชาติ แต่โครงหน้ารูปไข่ คิ้วเรียว จมูกโด่งนั้น แสดงให้เห็นว่าสมัยยังสาวคุณวราภาคงเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ถึงว่าสิ...คิมหันต์ถอดแบบมาจากมารดาของเธอนี่เอง
“สวัสดีจัะ หนูไนซ์ ขอบใจมากนะจ๊ะ ที่มาส่งน้องคิม” คุณวราภายิ้มให้นันทิตา ความกังวลต่อสวัสดิภาพของบุตรสาวคลายลงไป เมื่อรู้ว่าผู้ที่มาส่งคิมหันต์เป็นคนรู้จัก และมีท่าทางวางใจได้ “เข้ามาดื่มน้ำในบ้านก่อนมั้ยลูก” มารดาของหญิงสาวเอ่ยต่ออย่างเมตตา นึกชอบในความมีน้ำใจของหมอสาวที่อุตส่าห์มาส่งคิมหันต์ในยามดึกดื่นเช่นนี้
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ไนซ์ไม่รบกวนดีกว่า” นันทิตาปฏิเสธอย่างสุภาพ ดึกมากแล้ว เธอไม่อยากรบกวนเวลาของครอบครัว อีกอย่างหมอสาวก็คิดถึงเตียงนอนที่คอนโดเต็มที
“ถ้างั้นก็ขับรถกลับบ้านดีๆ นะลูก” คุณวราภายิ้มอ่อนโยนให้กับนันทิตา ก่อนจะหันมาบ่นลูกสาวอีกครั้ง “มือถือเราโทรเข้าไม่ติดนะ”
คิมหันต์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู แล้วพูดเสียงอ่อนกับมารดา “แหะๆ แบตหมดน่ะค่ะ แม่” คุณวราภาส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะขอตัวเข้าบ้านไปก่อน ตอนนี้เหลือเพียงคิมหันต์กับหมอสาวร่างสูงตามลำพัง
สายลมพัดผ่านพาให้ผมดัดลอนของหญิงสาวพริ้วไหว คิมหันต์เอาผมทัดหูข้างหนึ่งรับกับใบหน้าเรียวรูปไข่ หมอสาวเริ่มรู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองที่แรงผิดปกติ “งั้นพี่กลับก่อนนะคะ” นันทิตาพูดเสียงเบาหวิว ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเสียดายเหมือนกันที่ต้องบอกลาคนสวยตรงหน้า
คิมหันต์ทำท่าคิดนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ยปากยิ้มๆ “คิมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ยคะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววระยิบระยับ
หมอสาวทำหน้างุนงง แต่ก็เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาให้คิมหันต์แต่โดยดี
หญิงสาวกดโทรศัพท์มือถืออยู่สักพัก แล้วก็ส่งคืนกลับมาให้นันทิตา “ถึงแล้วโทรมาบอกคิมนะคะ เบอร์อยู่ในเครื่องแล้ว เดี๋ยวคิมขึ้นไปชาร์จแบตก่อน” คิมหันต์ยิ้มกว้างให้กับหมอสาว หญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของนันทิตา ที่แม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่นานก็ยังอุตส่าห์ช่วยเหลือเธอ อีกอย่าง...เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ยามเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับหมอสาวผู้นี้
มุขนี้ของคิมหันต์ เล่นเอานันทิตาถึงกับอึ้งอย่างนึกไม่ถึง หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งเพิ่มความรัวเข้าไปอีก
“โอเคค่ะ” หมอสาวตอบได้แค่นั้น ก่อนพาร่างสูงของตัวเองเดินกลับมาที่รถฝั่งคนขับ ถ้าขืนยังมองคนสวยอยู่ เธออาจช็อกตายเพราะหัวใจเต้นเร็วเกินเหตุได้
ทั้งสองบอกลากัน รถสีดำเคลื่อนออกไป คิมหันต์มองส่งจนท้ายรถสีดำเลี้ยวออกจากซอยและลับตาไป
“ยังไม่นอนเหรอคะแม่” คิมหันต์ร้องถามมารดา เมื่อเธอเดินเข้ามาในบ้านแล้วยังเห็นคุณวราภานั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
คุณวราภาไม่ตอบ แต่กลับส่งสีหน้าบอกไม่ถูกมาให้บุตรสาวแทน
คิมหันต์นิ่วหน้าเมื่อเห็นมารดามีท่าทางเคร่งเครียด “พ่อไม่สบายเหรอคะ” หญิงสาวสุ่มถามถึงสาเหตุความกังวลของมารดา คุณกฤษณ์บิดาของเธอแม้สุขภาพจะยังแข็งแรง แต่ก็มีโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคประจำตัว
“เปล่าจ้ะ พ่อเค้าสบายดี” คุณวราภายังทำท่าทางอึกอัก
“ถ้างั้น...” คิมหันต์พูดค้างไป อีกเรื่องที่ทำให้มารดาของเธอเป็นกังวลคงหนีไม่พ้นเรื่องของเธอเอง
“เมื่อตอนเย็น ตาชัชเค้ามาที่บ้านน่ะลูก” แม้จะรู้ว่าคิมหันต์ยังทำใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เรื่องอดีตแฟนหนุ่ม แต่เธอก็จำเป็นต้องบอกบุตรสาว
คิมหันต์สีหน้านิ่งไป เธอเดินมานั่งลงตรงข้างๆ ผู้เป็นแม่ คุณวราภามองลูกสาวด้วยความสงสารจับใจ พลางเอือมมือไปจับมือของคิมหันต์ไว้ เธอบีบมือเย็นเฉียบของบุตรสาวเบาๆ ก่อนจะบอกกับคิมหันต์ “ตาชัชมากราบขอโทษพ่อกับแม่ แล้วก็ฝากขอโทษหนูด้วย” คราวนี้คุณวราภายกมือขึ้นโอบศีรษะของบุตรสาวแล้วดึงมาแนบอก
“เค้าต้องรับผิดชอบทางฝั่งโน้น ผู้หญิงคนนั้นเค้าท้อง” หัวใจของคนเป็นแม่แทบสลาย เธอรู้ดีว่า คิมหันต์ตั้งความหวังกับความรักครั้งนี้มากแค่ไหน วันที่คิมหันต์รู้ว่าชัชวาลนอกใจเธอ เธอเห็นบุตรสาวเดินเข้ามาหาเธอในสภาพราวนกปีกหัก ทั้งเธอและคุณกฤษณ์แทบจะไม่เคยเห็นคิมหันต์ยิ้มอีกเลยนับแต่วันนั้น ช่วงนี้หญิงสาวดูเหมือนจะทำใจได้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมโชคชะตายังไม่หยุดเล่นตลกกับลูกน้อยของเธอ ยังอุตส่าห์ส่งเรื่องสะเทือนใจนี้มาปิดฉากความรักครั้งแรกของคิมหันต์
หญิงสาวไม่ตอบอะไร เธอหลับตาลงในอ้อมกอดของมารดานิ่งและนาน ก่อนจะสำนึกได้ว่าโลกยังคงต้องหมุนต่อไป โลกของเธอไม่ได้หยุดลงตรงนี้ คิมหันต์เงยหน้าขึ้นจากอกของคุณวราภา
“แบบนี้ดีแล้วล่ะค่ะแม่” หญิงสาวยิ้มอ่อนแรงให้มารดา ก่อนจะขออนุญาตกลับไปพักผ่อนในห้อง
แม้ความคิดจะล่องลอยไปไหนต่อไหน แต่หญิงสาวก็ยังอุตส่าห์ไม่ลืมชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง คิมหันต์ตัดสินใจที่จะยังไม่อาบน้ำ เธอควรรอรับโทรศัทพ์ของใครบางคนก่อนดีกว่า และแล้วใครคนนั้นก็ไม่ปล่อยให้เธอรอนาน คิมหันต์รีบกดรับสายเมื่อเห็นเบอร์แปลกที่หน้าจอ
“สวัสดีค่ะ หมอไนซ์” แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ใคร แต่ก็เดาได้ไม่ยาก
“สวัสดีค่ะ โทรมาแจ้งว่าถึงแล้วตามคำสั่งค่ะ” อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ นันทิตานอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา ความจริงหมอสาวกลับถึงคอนโดได้สักพักแล้ว แต่เธอมัวแต่นั่งมองเบอร์ของคิมหันต์อยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจกดปุ่มโทรออก
“ดีมากค่ะ ปกติมีแต่โดนหมอสั่ง คราวนี้ได้สั่งคุณหมอ สนุกดีเหมือนกันนะคะ” คิมหันต์แซวหมอสาว ก็เธอโดนนันทิตาสั่งเอาๆ ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ขอเอาคืนบ้างนิดหนึ่งก็ยังดี
“โห...มันเกี่ยวกันมั้ยคะเนี่ย” หมอสาวโอดครวญ เธอก็แค่สั่งให้หญิงสาวปฏิบัติตัวเพื่อรักษาโรคกระเพาะที่คิมหันต์เป็นอยู่แท้ๆ กลับโดนเอาคืนซะอย่างนั้น แต่มันก็เป็นการเอาคืนที่เธอก็เต็มใจทำนะเนี่ย
“เกี่ยว ไม่เกี่ยวไม่รู้ แต่หมอไนซ์ก็โทรมานี่คะ” คิมหันต์รู้สึกแปลกใจตัวเองไม่น้อย ที่จริงเวลานี้เธอควรจะเศร้า เพราะเพิ่งได้ฟังเรื่องอดีตคนรักกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น แต่เสียงของหมอสาวกลับทำให้จิตใจของเธอสงบลงอย่างประหลาด หรือนันทิตาจะเป็นจิตแพทย์จริงๆ
“อ่ะนะ น้องคิมพักผ่อนเถอะค่ะ พี่ไม่กวนดีกว่า” นันทิตาบอกลา เมื่อเห็นว่าเวลาได้ก้าวเข้าสู่วันใหม่แล้ว
“โอเคค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์มาส่ง” คิมหันต์หน้าสลดลงเล็กน้อย รู้สึกไม่อยากอยู่คนเดียวในเวลานี้ แต่จะให้รั้งคนปลายสายไว้ก็คงทำไม่ได้
“ยินดีค่ะ เอ่อ...” หมอสาวพูดค้างไว้ จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรงอีกครั้ง เมื่อคิดถึงคำที่คิดไว้
“ว่าไงคะ” คิมหันต์ถาม เมื่อรู้สึกเหมือนว่านันทิตาจะพูดอะไรต่อ แต่แล้วก็เงียบไปเฉยๆ
“เอ่อ...” นันทิตาพูดไม่ออก สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดต่อ “อย่าลืมมาตามที่หมอนัดนะคะ” พูดเสร็จก็ถอนหายใจพรืด
“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” ย้ำนักย้ำหนา นี่ถ้าเธอลืม หมอสาวจะมาตามเธอถึงบ้านไหมเนี่ย คิมหันต์คิดในใจ
หลังจากวางสายไปแล้ว นันทิตายังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ ฝันดีนะคะ...คือคำที่เธอรู้สึกอยากจะบอกกับคิมหันต์ แต่ไม่รู้ทำไม คำพูดเหล่านี้ถึงไม่สามารถเอ่ยออกมาจากปากได้ แล้วยังความรู้สึกแปลกๆ ยามเมื่ออยู่ใกล้คนสวยคนนั้นอีก หมอสาวสะบัดหัวแรงๆ สมองซีกซ้ายที่ควบคุมเรื่องของเหตุผลบอกให้เธอหยุดคิดพวกเรื่องนี้ได้แล้ว
ด้านหญิงสาวผู้ซึ่งโดนโชคชะตากลั่นแกล้ง หลังจากอาบน้ำเสร็จ คิมหันต์ก็มายืนรับลมอยู่ที่ระเบียง เธอยังไม่รู้สึกง่วงนอน หรือถ้าจะพูดให้ถูก เธอน่าจะนอนไม่หลับมากกว่า
เธอนึกย้อนไปตั้งแต่วันที่พบชัชวาลครั้งแรก ตอนนั้นเธออยู่มหาวิทยาลัยปี 2 ส่วนเขาเป็นรุ่นพี่ปี 4 ทั้งสองแม้อยู่คณะเดียวกัน แต่เรียนกันคนละเอก จึงไม่เคยพบกันมาก่อน จนกระทั่งไปออกค่ายต่างจังหวัด ดูเหมือนชายหนุ่มจะถูกใจคิมหันต์ตั้งแต่แรกพบ จึงเดินหน้าจีบหญิงสาวในทันที ส่วนคิมหันต์นั้นเรียนโรงเรียนหญิงล้วนมาตลอด เธอจึงไม่เคยมีแฟน ยกเว้นการกรี๊ดกร๊าดทอมที่โรงเรียนบ้างตามประสาเด็กวัยรุ่น ด้วยความไม่ประสีประสาเรื่องความรัก จึงไม่ยากที่คิมหันต์จะเปิดหัวใจรับชายหนุ่มที่เข้ามาทำดีกับเธอ ตลอดเวลาที่คบกัน ชัชวาลก็ดีกับเธอเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด รวมทั้งเข้ากับบิดามารดาของเธอได้ดี ชัชวาลอยู่กับมารดาและน้องสาวอีกหนึ่งคน ส่วนบิดานั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ชายหนุ่มยังเป็นเด็ก ครอบครัวของเขาก็ให้ความรักกับคิมหันต์ราวกับหญิงสาวเป็นคนในครอบครัว แน่นอนว่าทั้งสองมีแผนที่จะแต่งงานกันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ถ้าบังเอิญไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่มันจะเรียกว่า...บังเอิญได้หรือ
หลังจากที่คิมหันต์เริ่มเข้าทำงานในบริษัทปัจจุบันที่เธอทำอยู่ ความรับผิดชอบในตำแหน่งผู้บริหารระดับต้นทำให้เธอเริ่มยุ่งมากขึ้น ในบางครั้งถึงกับทำให้ต้องผิดนัดกับคนรักและเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง ช่วงหลังๆ เธอเองก็เริ่มรู้สึกว่าชัชวาลโทรศัพท์มาหาเธอน้อยลง เวลาช่วงสุดสัปดาห์ที่มักจะนัดพบกัน เขาก็บ่ายเบี่ยงไม่ค่อยมาหาเธอโดยอ้างว่าต้องไปดูโครงการที่ต่างจังหวัด แม้หญิงสาวจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่ก็ยังเลือกที่จะเชื่อใจคนรัก กว่าจะรู้ว่าตัวเองโดนทรยศก็สายเสียแล้ว
“นั่นคุณคิมใช่มั้ยคะ” เป็นเสียงของผู้หญิงเจือกับเสียงสะอื้นที่ดังลอดออกมา
“ใช่ค่ะ คุณเป็นใครคะ” คิมหันต์แปลกใจที่เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของคนที่เธอคิดไว้ แต่นี่มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของชัชวาลไม่ผิดแน่
“...” ปลายสายเงียบกริบ แต่ยังคงมีเสียงสะอื้นเบาๆ
“ฮัลโหล คุณเป็นใครคะ” หญิงสาวระงับความสงสัยไว้ไม่อยู่ จึงถามซ้ำกลับไปด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“ดิฉันเป็นภรรยาของคุณชัชค่ะ” เสียงตอบมาเบาหวิว แต่ใจความนั้นได้กรีดหัวใจคนฟังจนแทบขาดเป็นริ้ว
“อะไรนะคะ” คิมหันต์ตัวชาวาบ หญิงสาวถามซ้ำ ภาวนาให้ตัวเองได้ยินผิด หรือเธอจะฝันไป หญิงสาวยกมือข้างซ้ายที่ว่างอยู่ขึ้นมาหยิกที่ข้อศอกข้างขวา ไม่ใช่ความฝัน เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด
แต่สิ่งที่ตอกย้ำว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงคือ เธอได้ยินเสียงชายคนรักลอดออกมาจากปลายสายโทรศัพท์มือถือที่เธอถือค้างไว้
“คุณกำลังทำอะไรน่ะ เอามานี่” เป็นเสียงผู้ชาย แม้ดังอยู่ห่างๆ แต่ก็เป็นเสียงของชัชวาลไม่ผิดแน่
“น้องคิม น้องคิมฟังพี่ก่อน” ดูเหมือนตอนนี้โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นจะอยู่ในมือของชายหนุ่มแล้ว เสียงที่คิมหันต์ได้ยินจึงชัดเจนคราวกับอยู่ข้างหู แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ตอนนี้สมองของเธอไม่ทำงานเสียแล้ว หญิงสาวตัดสินใจกดตัดสายทิ้งแล้วปิดโทรศัพท์มือถือไป
จากนั้นไม่ถึงสามชั่วโมง ชัชวาลก็มาหาเธอที่บ้าน คิมหันต์ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยกับชายหนุ่มได้ จึงเป็นหน้าที่ของคุณวราภาที่ต้องรับหน้าคนรักของบุตรสาวแทน แม้ชัชวาลจะเพียรอ้อนวอนขอพบกับคิมหันต์ แต่ยังไงหญิงสาวก็ไม่ใจอ่อน
หลังจากชายหนุ่มกลับไปแล้ว คุณวราภามาเล่าให้เธอฟังว่าเขาสารภาพผิดทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่รู้จักกันเรื่องงาน ความใกล้ชิดทำให้ชายหนุ่มเผลอตัวเผลอใจไปมีความสัมพันธ์ด้วยในช่วงที่คิมหันต์มัวแต่สนใจเรื่องงาน คิมหันต์รับฟังเรื่องราวด้วยหัวใจที่แตกสลาย นับจากวันนั้น ชัชวาลเฝ้าโทรศัพท์มาหาเธอและมารอพบทั้งที่บ้านและที่ทำงาน แต่คิมหันต์ไม่เคยเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้อธิบายมากนัก สำหรับเธอแล้ว การนอกใจก็ถือว่าจบกัน คำอธิบายก็คือการแก้ตัว ซึ่งเธอไม่ต้องการฟัง
ช่วงนั้นเธอฝันร้ายติดต่อกันเป็นเวลาเกือบเดือน รูปร่างที่ผอมอยู่แล้วยิ่งซูบซีดลงไปอีก เรื่องนี้ทำให้คุณกฤษณ์และคุณวราภากลุ้มใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้แค่เพียงปลอบใจบุตรสาวและหวังว่าเวลาจะช่วยทำให้เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับคิมหันต์ผ่านพ้นไป
น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มนวลของหญิงสาวช้าๆ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทั้งที่ตั้งใจจะเข้มแข็ง แต่ก็อดสะท้านในอกไม่ได้ ขออีกสักครั้งเถอะนะ คิมหันต์บอกตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะร้องไห้ให้กับความรักครั้งแรก
“โชคดีนะคะพี่ชัช ลาก่อนค่ะ” หญิงสาวพึมพำเบาๆ กับตัวเอง เธอไม่ได้หวังว่าสายลมจะพัดพาข้อความนี้ส่งไปถึงอดีตคนรักหรอก เธอเพียงต้องการย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างมันจบลงแล้วต่างหาก
หญิงสาวปาดน้ำตาหยดสุดท้าย ก่อนเดินกลับเข้ามาในห้อง ปิดหน้าต่างลงกลอนอย่างแน่นหนา ราวกับจะปิดตายประตูหัวใจที่อ่อนแอดวงนี้ แล้วล้มตัวลงนอนและหลับไปในไม่ช้า
ฝันคืนนี้ไม่เหมือนคืนก่อนๆ คิมหันต์รู้สึกเหมือนมีใครสักคนพยายามที่จะปีนเข้ามาทางหน้าต่างที่เธอลงกลอนไว้ แปลกที่ในฝัน หญิงสาวกลับเปิดรับใครคนนั้นเข้ามาด้วยความยินดี ใครกัน...เธอมองเห็นไม่ชัด
“จริงเหรอคะ พี่นุส” นันทิตาตะโกนเสียงดังใส่พี่สาวด้วยความลืมตัว
“จริงจ้ะ พี่คุยกับเค้าแล้ว เค้ายินดีรับผิดชอบทุกอย่าง” นุสบามีสีหน้าเปล่งปลั่งสดใส ราวกับเป็นคนละคนกับหญิงสาวที่นอนอมทุกข์ที่โรงพยาบาลเมื่อสัปดาห์ก่อน
“ดีแล้วค่ะ พี่นุส ไนซ์ว่าพี่ต้องบอกพ่อกับแม่แล้วล่ะ” หมอสาวเตือนพี่สาวให้แจ้งข่าวนี้กับพ่อแม่ของพวกเธอได้แล้ว ในเมื่อผู้ชายคนนั้นของนุสบายอมรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ทุกอย่างก็คงจะจบลงด้วยดี
นันทิตารู้สึกเหมือนก้อนหินที่เธอช่วยพี่สาวแบกไว้ร่วมสัปดาห์ก้อนนี้ได้ถูกผู้ชายคนนั้นยกออกไปแล้ว เธอรู้สึกปลอดโปร่งเป็นอย่างมาก หมอสาวนอนค้างที่คอนโดเสียหลายวัน เนื่องจากต้องเข้าเวรดึกต่อเนื่อง เมื่อมีเวลาเธอจึงรีบกลับมาหานุสบาที่บ้านชานเมือง และก็ได้ฟังข่าวดีนี้จากปากของผู้เป็นพี่
“พี่กับคุณชัชจะไประยองวันเสาร์นี้แหละ ถ้าไนซ์ไม่เข้าเวร ก็ไปด้วยกันมั้ย” นุสบาเอ่ยปากชวน เธอรู้ว่าน้องสาวก็คงคิดถึงบิดากับมารดาไม่น้อย เพราะทั้งคู่ไม่ได้กลับบ้านมาเกือบครึ่งปีแล้ว
“อืม...น่าจะไปได้นะคะ เดี๋ยวไนซ์ขอแลกเวรดีกว่า คิดถึงพ่อกับแม่” นันทิตาคิดถึงตารางเวร ที่จริงวันเสาร์นี้เธอต้องเข้าเวร แต่ไม่เป็นไร ไปขอแลกกับคนอื่นก็ไม่น่าจะมีปัญหา “แล้วอีกอย่าง...” คนเป็นน้องพูดแล้วหยุดค้างไว้
“อะไรจ๊ะ” นุสบายิ้มถามอย่างอารมณ์ดี
“ไนซ์อยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นหน่อยน่ะค่ะ” นันทิตาทำเสียงเข้มขึ้น แม้สุดท้ายทางฝ่ายนั้นจะยอมแต่งงานด้วย แต่กว่าจะถึงวันนี้ พี่สาวของเธอต้องเจ็บจนเกือบตาย หมอสาวคิดแล้วก็แค้นพ่อของหลานสาวในท้องของนุสบาไม่น้อย
“แหม...คุณชัชเค้าเป็นคนดีจ้ะ เรื่องทั้งหมดเราสองคนก็ผิดทั้งคู่แหละ” นุสบารีบออกรับแทนคนรัก
“นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งนะคะเนี่ย แก้ตัวแทนกันซะแล้ว” นันทิตาส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างไม่จริงจัง เอาเถอะ...ก็พี่สาวของเธอรักเขาซะขนาดนั้นนี่นา
คุยกันหลังอ่าน
ความคิดเห็น