คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : PART 1 :: สู่เอเฟียรอส [100%]
PART 1 :: สู่เอเฟียรอส
“ลีอาห์!หนีไป!!”เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย
“ท่านแม่!”เด็กน้อยพยายามจะว่ายฝ่าน้ำในแม่น้ำที่กำลังไหลเชี่ยว
“องค์หญิงรีบเสด็จหนีเถิดพะย่ะค่ะ!”เสียงทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาหมายจะพาอง์หญิงตัวน้อยไปหลบในที่ปลอดภัย
“ไม่!ข้าจะไปช่วยท่านแม่! เจ้าไม่เห็นหรือ!?”เด็กน้อยไม่ละความพยายาม ทำท่าจะกระโดดลงแม่น้ำไปอีก แต่อยู่ๆสติก็ดับวูบลงพร้อมๆกับเสียงอันคุ้นเคยที่ได้ยินเป็นเสียงสุดท้ายก่อนจะหมดสติไป...
“อภัยให้ข้าด้วย องค์หญิง”
“เฮือก!”เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันอันเลวร้ายนั้น กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องทนเห็นภาพนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้ ฝันถึงวันนั้น.. วันที่แม่ของเธอจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
...หกปีแล้วแล้วสินะ ที่เธอหนีออกมา....
...หนีจากท่านพ่อของเธอ จากเมืองเลธีส จากทุกอย่าง...
...ที่สำคัญ จากยศเจ้าหญิง...
เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว เธอก็ไม่คิดจะกลับลงไปนอนอีก กะเวลจากสีท้องฟ้าแล้ว เวลานี้คงจะราวๆตีห้า... เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย จึงเดินออกจากห้องไป...
ณ ตลาด เลนีน
บรรยากาศวุ่นวายในตอนเช้าทำมห้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นได้บ้าง เธอเดินมาเรื่อยๆ แต่เหมือนมีแรงดึงดูดให้เธอก้าวขาเข้าไปที่ร้านเก่าๆแห่งหนึ่ง เธอระบุไม่ได้ว่ามันเป็นร้านอะไร เพราะของแต่ละอย่างในร้านมันช่างไม่ได้สัมพันธ์กันเอาเสียเลย ขาทั้งสองข้างของเธอพาเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าสร้อยคอเส้นหนึ่ง
“สนใจสร้อยเส้นนี้หรือ แม่หนู?”หญิงชราที่ดูเหมือนจะเนเจ้าของร้านเดินเข้ามาถาม
“ใช่สร้อยเส้นนี้ราคาเท่าไหร่หรือ?”เธอถามพร้อมหยิบเงินออกมาเตรียมจ่าย
“ข้าไม่คิดเงินหรอก ร้านนี้เป็นร้านแห่งโชคชะตา...ขอให้หนูโชคดีกับสร้อยเส้นนั้น...”เมื่อพูดจบร่างของหญิงชราก็ค่อยๆเลือนหายไป ทำให้เธอรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกจากร้านนั้นไป
ลีอาห์เดินมาเรื่อยๆจนสุดทาง เมื่อเธอทำท่าจะหันหลังกลับจู่ๆสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นตรอกเล็กๆตรอกหนึ่ง แต่มันมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาดเหมือนที่เธอรู้สึกตอนเธอเดินเข้าร้านของหญิงชราเมื่อสักครู่ เธอจึงลองดินเข้าไปในตรอกแคบนั้นดู
แต่เมื่เธอเดินเข้ามาในตรอกนั้นได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ต้องหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปมองใหม่... ภาพตลาดเลนีนหายไปแล้ว แต่ที่เธอเห็ฯกลับกลายเป็นทะเลสาปอันกว้างใหญ่แทน เมื่อหันกลับมาข้างหน้าเธอก็ต้องตกใจจากทางเดินแคบๆก็กลายเป็น บรรยากาศเหมือนอยู่ในเมือง ทั้งๆที่แถวที่พักของเธอมันเป็น ชานเมืองแท้ๆ แล้วทัศนียภาพตรงหน้าเธอมันก็ดูไม่คุ้นตาเลยแม้แต่น้อย
แต่ที่ดูน่าตื่นตาที่สุดคงจะเป็นเพราะผู้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอบางส่วน ต่างมีลักษณะที่ไม่เหมือนมนุษย์ อย่างคนตรงนั้นก็มีใบหูยาวตั้งขึ้นมา ดูแล้วเหมือนตัว*แลทเมียร์ ส่วนอีกคนหนี่งก็มีปีกสีขาวยื่นออกมาจากกลางหลัง แต่ก็ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะไม่แตกตื่นอะไรแต่เมื่อเธอเห็นป้ายที่ปักไว้ใกล้ๆเธอ เธอก็เข้าใจในทันที
‘ยินดีต้อนรับสู่เกาะ พาลเล่’
เธอเคยได้ยินเรื่องเกาะนี้จากท่านอาของเธอบ่อยๆสมัยที่เธอยังอยู่ในวัง
ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ก็มีเกวียนเล่มหรู เทียมด้วยอาชาสีขาวสะอาด แล่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เมื่อเธอจะเดินอ้อมเกวียนไปม้าทั้งสองตัวก็เคลื่อนตัวตามเธอไปด้วย เหมือนจะเชื้อเชิญให้เธอขึ้นไป เธอจึงตัดสินใจก้าวขึ้นไปบนเกวียน
ภาพที่เห็นในเกวียนนั้นทำให้เธออึ้งยิ่งกว่าตอนเดินเข้ามาในเมืองประหลาดแห่งนี้ ในเกวียนที่ดูเล็กๆไม่น่าจะมีอะไร กลับกลายเป็นห้องนั่งเล่นขนาดย่อม ซึ่งดูยังไงก็ดูใหญ่กว่าขนาดเกวียนที่เห็นข้างนอก อย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเธอกวาดสายตาไปรอบๆเธอก็เห็นชาสองแก้ว และ จานขนม ที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่มันแปลกตรงที่ว่าชาสองแก้วนั้น มันยังมีควันลอยขึ้นมาอยู่เลย และจานขนมก็ดูเหมือนจะพร่องไปเล็กน้อย
“ยินดีต้อนรับ องค์หญิง ลีอาห์ กรีนาไดน์” เสียงแหบแห้งดังขึ้นข้างหลังเธอ เมื่อเธอหันไปก็พบกับชายชรา กำลังส่งยิ้มให้เธออยู่
“คุณรู้ได้ยังไง?”
“ไม่มีใครใต้ฟ้านี้ที่กระหม่อมไม่รู้จัก เจ้าหญิง”
“นั่นสินะ.. ท่านฟิลล์ป เอเควียส ผู้ปกครองโรงเรียนแห่งเกียตริยศฝ่ายมนุษย์ คนปัจจุบัน... ใช่ไหม?” เมื่อชายชราได้ยินดังนั้นแล้ว จึงหัวเราะแล้วภาพชายชรา ก็ถูกแทนที่ด้วยชายหนุ่มวัยกลางคนเรือนผมและนันย์ตาสีน้ำตาลเข้ม
“รู้ตอนไหน เจ้าหญิง?”
“เมื่อท่านพูดถึงตอนที่ ไม่มีใครที่ท่านไม่รู้จัก บนผืนแผ่นดินนี้จะมีสักกี่คนเชียวที่ได้ครอบครอง*เนตรทิวา”
ฟิลล์ปได้ยินดังนั้นก็ยิ้มพอใจ
“แล้วคุณมีธุระอะไรหรือ?”ลีอาห์ถามอย่างข้องใจ
“ฉันมาชวนหนูไปสมัครเข้าเอเฟียรอสน่ะสิ”ฟิลล์ปตอบหน้าระรื่น
“โรงเรียนท่านเค้าส่งคนมาชวนไปสมัครกับทุกคนเลยหรือ?”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก ในหนึ่งปีพวกข้าจะไปชวนมาแค่คนเดียว และผู้โชคดีในปีนี้ก็คือเจ้า”ฟิลล์ปเอ่ยเสียงระรื่นเช่นเคย
แต่ลีอาห์ดูว่ามันไม่ต่างจากการบังคับสักเท่าไหร่ แต่ไหนๆเธอก็ไม่มีอะไรผูกมัดอยู่แล้ว จะลองไปสมัครดูก็คงไม่เสียหาย
“สรุปว่าฟนูจะไปสมัครมั้ย?”
‘ไม่ไปได้ไงล่ะ พูดซะขนาดนั้น’คิดในใจแต่ปากกลับพูดไปอีกอย่าง
“ตกลง ข้าจะไป”
“งั้นอีกสักครู่เกวียนเล่มนี้จะไปหยุดอยู่หน้าโรงเรียน จะมีคนมารับหนูเอง ข้าคงต้องไปแล้ว ลาก่อน” ยังไม่ทันที่ลีอาห์จะได้ตอบ ร่างของฟิลล์ปก็หายไป
เมื่อเกวียนหยุดอยู่ที่หน้าโรงเรียน บุรุษคนหนึ่งจึงเดินเข้ามาเปิดประตูเกวียนให้เธอ แล้วยิ่นมือพยุงเธอลงจากเกวียน
“ยินดีต้อนรับสู่ เซเฟียรอส ผมชื่อ ทาเบียส ฟิลล์ปฝากฝังคุณเอาไว้กับผม”
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อลีอาห์ ลีอาห์ เวลล์” เธอบอกนามสกุลที่พึ่งคิดได้สดๆร้อนๆเมื่อกี้ไป
“ตามข้ามา”ทาเบียสพูดแค่นั้นก็เดินนำเธอไปยังจุดลงทะเบียน
ช่วงระหว่างที่เดินมาทำให้เธอมีโอกาสได้พิจรณาทาเบียสให้ดีๆ เรือนผมสีเพลิง นันย์ตาสีทอง อายุไม่น่าเกินสามสิบ
“คุณเป็นอาจารย์ที่นี่หรือ?”
“ใช่”
“แบบนี้ก็ต้องฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อนสิ อาจารย์ทาเบียส”ลีอาห์ยิ้มหวานแล้วถอนสายบัวให้ทาเบียส(อย่างประชดประชัน)”
ทาเบียสเพียงแต่แค่นยิ้มน้อยๆ แล้วผายมือให้เธอเดินเข้าไปในห้องโถงที่เอาไว้ทดสอบนักเรียนเข้าใหม่
“ผมจะมารอรับเมื่อคุณทดสอบเสร็จ” พูดแล้วก็หายวับไป
‘อาจารย์โรงเรียนนี้มันนิสัยอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า ?’
เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องโถงสิ่งแรกที่เห็นก็คือคนนับพันที่ทั้งนั่ง ทั้งยืน ทั้งเดินอยู่ในบริเวณห้องโถงนี้ เมื่อเดินไปลงชื่ออเสร็จแล้ว เธอยืนตัดสินใจอยู่สักครู่ก่อนจะตรงไปนั่งที่โซฟาสีครีมบริเวณมุมห้อง ที่มีเด็กหนุ่มสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว คนหนึ่ง ผมอำพัน ตาสีม่วงเข้ม ดูท่าทางขรึมๆท่าจะโลกส่วนตัวสูง ส่วนอีกคน ท่าทางเป็นคนเรียบร้อยแต่ก็ดูไม่เย็นชาเหมือนเจ้าหัวดำนั่น ผมสีเทา ตาสี เขียวดูเป็นมิตร
“สวัสดี ฉันชื่อ อเลน ฟาเรลล์ มาจากเอเธิร์น” นายคนผมสีเทาแนะนำตัวแล้วยิ้มให้
“สวัสดี ฉันชื่อลีอาห์ เวลล์ มาจากเลธีส”เธอแนะนำตัวบ้าง
“เลธีส เหรอ? ฉันได้ไปเที่ยวบ่อยๆ ที่นั่นสวยมาก” อเลนชม
เธอยิ้มรับคำชมนั้นแก้มแทบปริ แน่สิ เธอเป็นเจ้าหญิงของประเทศนี้นี่นา
“ว่าแต่นายนั่น...”เธอพูดค้างไว้แล้วเหล่ตาไปทางนายหัวดำ
“หึๆฉันลองชวนคุยดูแล้วล่ะ ไม่ได้ผล” อเลนพูดแล้วยักไหล่อย่างจนปัญญา
“ช่างเขาเหอะ ว่าแต่ที่นี่เขาทดสอบกันยังไงเหรอ?”เธอถามเพื่อนใหม่ พลางกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ห้องนี้ถูกตกแต่งขึ้นมาอย่างหรูหราเลยทีเดียว
“อือ..ไม่รู้สิ เท่าทีฉันได้ยินมารู้สึกว่ามันขึ้นอยู่กับตัวคนนะ” ลีอาห์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
เธอนั่งคุยเล่นกับอเลนก็ทีชายหนุ่มท่าทางขี้เล่นคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งกับพวกเธอ เขาแนะนำตัวเองว่า ฟาคัส เป็นเผ่าพันธ์เทพ เธอแยกฟาคัสจากมนุษย์ปกติไม่ออกเลย เมื่อเธอเอ่ยปากถามฟาคัสก็ขยิบตาแล้วบอกว่า “ความลับจ๊ะ” ด้วยท่าทางน่ารัก(น่าเตะ) และอีกประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาก็มีสองเอล์ฟสาวฝาแฝด ลูเทียร์ กับ ลูน่า มาร่วมวงด้วย(น่าแปลกที่ไม่มีใครสามารถทำให้นายหัวดำง้างปากพูดได้เลย)
ผ่านไปสักพักพวกเธอก็ต้องสะดุ้งจนสุดตัว(ยกเว้นนายหัวดำ)เมื่อเสียงๆหนึ่งดังขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
“สวัสดีเหล่าเด็กๆทั้งหลาย”เสียงนี้ดังขึ้นมาจากทุกทิศทางของห้อง
“ต่อไปนี้ ถ้าชื่อใครดังขึ้นขอให้เดินขึ้นมาบนเวทีแล้วเดินเข้าประตูสีน้ำตาลไป”
“เชิญพักผ่อนต่อไปได้ อ้อ ตรงมุมห้องข้างประตูทางเข้าจะมีขนมหวานมาเตริมอยู่ตลอดนะ”
“อากัส เอลดาล” เมื่อสิ้นเสียงเรียกชื่อครั้งแรก เด็กหนุ่มท่าทางดุๆ ที่มีไอปีศาจแผ่ออกมาไม่น้อยก็เดินขึ้นเวทีนั้น แล้วก้าวเข้าประตูไป
ผ่านไปประมาณสิบนาทีต่อมาเธอห็นเขาก้าวออกมาด้วยท่าทีอ่อนแรง
‘เขาทดสอบอะไรกันนะ?’ เธอได้แต่เก็บความสงสัยอยู่ในใจ
ผ่านไปเป็นชั่วโมง ท่าที่เธอสังเกตุมาบางคนออกกมาจากห้องด้วยท่าทีสบายๆเท่านั้น ยิ่งทำให้เธอทวีความสงสัยมากเข้าไปอีก เมื่อทุกคนเริ่มเบื่อสองสาวฝาแฝดจึงอาสาไปเอาขนมมาให้
“อเลน ฟาเรลล์” เมื่อเสียงลึกลับนั้นเรียกชื่ออเลน อเลนหันมายิ้มให้เธอกับฟารัส (ฝาแฝดไม่อยู่ และถึงยิ้มให้นายผมดำไปนั่นก็คงไม่มีปฎิกริยาโต้ตอบอยู่ดี) ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนั้น
ลูเทียร์และลูน่าเดินกลับมาพร้อมกับขนมพูนจาน พวกเธอทานกันไปได้สักพักเอลนก็กลับออกมา
“เค้าทดสอบอะไรนาย?”ลีอาห์ถามเสียงฉงน
“สัมภาษณ์นิดหน่อย”
“บ้าเหรอ! สัมภาษณ์บ้าอะไรทำไมนายออกมาเหงื่อโชกขนาดนี้
“ไว้เธอเข้าไปก็รู้เอง” อเลนตอบปัดๆแล้วหันไปโซ้ยขนมอย่างเอาเป็นเอาตาย (จนสองสาวต้องกลับไปเอามาใหม่เลยทีเดียว)
“เวสตัน เอพริล” นายผมดำลุกขึ้นเดินเข้าห้องไป ทำให้เธอรู้ชื่อหมอนั่น
เวสตันเหรอ..? ชื่อนี้มันคุ้นๆ เหมือนว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“เธอเคยมาเที่ยวเอเธิร์นหรือเปล่า?” อเลนถามขึ้นมาเพื่อให้วงสนทนาไม่เงียบเหงาจนเกินไป
“ยังไม่เคยเลย ไม่ค่อยได้ออกจาบ้านน่ะ”เธอตอบแล้วยิ้มบางๆตามแบบฉบับ
“เมืองเราสวยไม่แพ้เลธีสเลยนะ ไว้ว่างๆไปเที่ยวสิ เดี๋ยวฉันนำเที่ยวเอง”
“ได้สิ”
“นายหัวดำนั่นเข้าไปยี่สิบกว่านาทีแล้วนะ เมื่อไหร่ฉันจะได้เข้าไปสักที” ผ่านมาสองชั่วโมงกว่าคนที่ก้าวเข้าไปในห้องนั้น น่าจะเพิ่งประมาณครึ่งห้อง แล้วถ้าว่าเธอเป็นชื่อสุดท้ายไม่ต้องรอจนรากงอกเลยหรือ?
“ลีอาห์ เวลล์”
“นี่ไง ได้เข้าแล้ว”ฟารัสพูดพร้อมยิ้มกวนประสาทให้เธอ
“สงสัยคนประกาศเขาได้ยินเสียงเธอบ่น รีบให้เข้าเลย กลัวเธอเผาโรงเรียน” อเลนก็เป็นไปด้วย
“ฉันจะไปเผาบ้านพวกนายที่แรกนี่แหละ”เธอทิ้งคำขู่ทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง ทิ้งให้ฟารัสกับ อเลนหน้าซีดอยู่สองคน
เมื่อเธอก้าวผ่านธรณีประตูนั้นมาแล้ว เธอก็พบคนสี่คนนั่งรออยู่แล้ว หนึ่งในนั้นคือคนที่เธอเคยพบมาแล้ว และคงเป็นเจ้าของเสียงปริศนานั่นด้วย.. ฟิล์ป เอเควียส
และอีกสามคนคงไม่พ้นที่จะเป็นผู้ปกครองอีกสามเผาที่เหลือ
“ยินดีต้อนรับ ลีอาห์ เวลล์ หรือจะให้เรียกว่าองค์หญิง ลีอาห์ กรีนาไดน์ดีล่ะ?” หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างฟิลล์ป เอ่ยขึ้น
“ถ้าเรียกว่าลีอาห์ เวลล์จะขอบคุณท่านมาก”
หญิงสาวหัวเราะอย่างถูกใจก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้าชื่อ ยูเรน่า เอลลินด์ เอาล่ะ ข้าจะขอทดสอบอะไรเจ้านิดหน่อย” สิ้นเสียงหญิงสาวคนนั้นภาพห้องรับแขกตรงหน้าก็หายไปทันที
‘ให้ตายสิ! คนโรงเรียนนี้จะรอฟังคำตอบอะไรไม่ได้เลยหรือไงนะ’
บรรยากาศตรงหน้าเธอค่อยๆปรากฎขึ้นทีละน้อย ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าทำให้เธอตะลึงจนอยากหลับตาหนี ไปซะเดี๋ยวนี้ เพียงแต่เขตอาคมของ ยูเรน่าทำให้เธอหนีมันไปไม่ได้ ภาพฝันร้ายของเธอ... ภาพวันที่แม่ของเธอจากไป!!
เหตุการ์ณในวันนั้นค่อยๆเข้ามาในสายตาเธอตามลำดับ... ตั้งแต่ตอนที่ทหารในวังวิ่งกระหืดหระหอบเจ้ามาในท้องพระโรง แจ้งว่ามีกบฏ... ท่านพ่อของเธอรีบวิ่งออกไปนำทัพเพื่อปราบกบฎอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปสักครู่ ตัวเธอก็มาโผล่อยู่ในสวนดอกไม้ ภาพเสด็จแม่ของเธอกำลังเดินชมดอกไม้อยู่อย่างเพลิดเพลินพร้อมๆกับหัวหน้าเหล่ากบฏที่ค่อยๆย่องมาด้านหลังหมายจะปลิดชีพ
‘ฉัวะ!!’คมดาบเล่มนั้นแทงทะลุผ่านลำตัวของท่านแม่.. แล้วถูกดึงกลับออกไปอย่างทารุณ หยาดน้ำใสๆไหลรินออกมาจากดวงตาของเธอ พลางสายตาก็เหลือบไปเห็นตัวเธอเมื่อหลายปีก่อนพยายามจะฝ่าแม่น้ำที่ขวางกั้นระหว่างตัวปราสาทกับสวนดอกไม้มาหาเสด็จแม่
‘ลีอาห์! หนีไป!!’ ท่านแม่ของเธอตะโกนบอกเธอไม่ให้ฝ่าข้ามมา พร้อมๆกับที่ ไคนท์ นายทหารคนสนิทองเธอรี่เข้ามาหาเธอ แล้วเอาฝ่ามือฟันเข้ามาที่ต้นคอ ทำให้เธอสลบไปในทันที ถ้าตาไม่ฝาด เธอเห็นภาพท่านแม่ของเธอยิ้มให้ ไคนท์เป็นครั้งสุดท้ายเหมือนจะบอกว่า... ขอบคุณ
‘ข้าจะต้องเข้มแข็ง ข้าจะปกป้องคนรอบข้างไม่ให้ใครมาทำร้ายได้อีก’ภาพที่เธอปฏิญาณหน้าหลุมศพของท่านแม่แล่นเข้ามาในโสตประสาท
...ใช่ ข้าจะต้องเข็มแข็ง!! ...
จุ่ๆภาพทั้งหมดก็หายวับไป พร้อมๆกับบรรยากาศในห้องเมื่อครู่กลับมาอีกครั้ง
“เจ้ามีจิตใจที่เข็มแข็งมาก ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบของข้าแล้ว” เสียงของยูเรน่าดัขึ้นตามด้วยเสียงปรบมือ
“ต่อไปจะเป็นแบบทดสอบของข้า”เสียงทุ้มกังวาลของ แอลฟ่า ผู้ปกครองฝ่ายภูตพรายดังขึ้น เขารอจนเธอพยักหน้ารับจากนั้นภาพห้องนั่งเล่นตรงหน้าก็กลายเป็นป่าทึบในทันที
‘อย่างน้อยก็ยังมีคนเป็นปกติอยู่สักคนล่ะนะ’
“กรี๊ซซซซ”เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ต้องพบกับ... กริฟฟิน! ใช่!กริฟฟิน! โรงเรียนนี้มันเสียสติไปแล้วรึยังไง ถึงเอากริฟฟินมาทดสอบเด็กเข้าใหม่!
‘สู้จนมันหมดสภาพ แต่ห้ามฆ่า...’เสียงของแอลฟ่าดังขึ้นมาอีก ทำเอาเธอหน้าซีด ขอถอนคำพูด! ที่ว่าแอลฟ่ายังปกติ นี่มันคนบ้าชัดๆ! ให้เธอฆ่ามันด้วยมือเปล่ายังง่ายกว่าอีก
“กรี๊ซซซซ”เจ้ากริฟฟินยักษ์พุ่งตรงเข้ามาหมายจะกำจัดศัตรูแต่เธอก็เบี่ยงตัวหลบออกมาอย่างไม่ยากเย็นนัก เธอสะบัดมือหมายจะเรียกคทาคู่ใจออกมาแต่ทว่า
‘กฏอีกข้อคือไม่สามารถใช้เวทได้ ขอให้เจ้าโชคดี...’
บ้าไปแล้ว! ห้ามใช้เวท ห้ามฆ่าให้ตาย ฆ่าเธอเสียเลยดีกว่า!
และดูเหมือนเจ้ากริฟฟินจะได้ยินคำภาวนาของเธอ มันจึงรี่ตรงเข้ามาหมายจะกำจัดเธอทิ้ง ชั่ววินาทีนั้นเอง เพียงแค่เธอยกฝ่ามือไปทางเจ้ากริฟฟิน ลำตัวของมันก็ถูกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นดันมันออกไปจนกระเด็น
“กรี๊ซซซ”เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของมันทำเอาเธอต้องเบนหน้าหนี
หญิงสาววาดมือไปทางต้นไม้ใหญ่ที่เจ้ากริฟฟินยักษ์นอนหมดสภาพ อยู่ข้างใต้ น่าอัศจรรย์ที่ลำต้นของมันที่ดูแข็งแรงเมื่อสักครู่นั้น อยู่ๆก็ค่อยๆแปรสภาพจนเหลวเหมือนน้ำลงมากองที่พื้น แล้วค่อยๆไหลขึ้นมาปกคลุมทั่วตัวเจ้ากริฟฟินที่จังนอนแบ็บอยู่เพราะพิษบาดแผล แล้วจากสภาพเหลว มันก็ค่อยๆแปรสภาพกลับไปแข็งเหมือนเดิมโดยที่ลำต้นยังล็อกเจ้ากริฟฟินอยู่อย่างนั้น
“กรี๊ซซซซ”เจ้ากริฟฟินยักษ์ร้องครวญครางอย่างน่าสงสาร พยายามดีดดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการนั้นให้ได้
“เฮ้อ ในที่สุดก็ต้องใช้ความสามารถนี้..ไม่อยากใช้เลย ให้ตายสิ...อโหสิให้ด้วยแล้วกันนะ” ประโยคสุดท้ายเธอหันไปบอกเจ้ากริฟฟินยักษ์ตัวนั้น
ความสามารถพิเศษของเธอคือ การควบคุมและแปรสภาพของสสาร ซึ่งมันทำให้เธอดูเหมือนสัตว์ประหลาดในสายตาของคนทั่วไปทำให้เธอไมปลื้มความสามารถนี้เท่าไหร่นัก ผ่านไปชั่วครู่ ภาพห้องนั่งเล่นที่มีผู้ปกครองทั้งสี่นั่งเล่นอยู่ก็กลับมาอีกครั้ง
“ความสามารถของเจ้าน่าอัศจรรย์มาก ข้าให้เจ้าผ่าน”แอลฟ่าพูดแล้วยิ้มให้เธอ
“ต่อไปคือบททดสอบของข้า ข้าอยากท้าประลองกับเจ้า”คนที่ยืนอย่ข้างหน้าต่าง เดินเข้ามาตรงหน้าเธอแล้วเอ่ยถ้อยคำอันหน้าเหลือเชื่อนั่นออกมา
“ไม่เอาน่าเรเดียส”ฟิลล์ปเอ่ยอย่างปลงๆ ในขณะที่เรเดียสทำหน้าเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่
“ถ้าเจ้าไม่ยอมดวลกับข้า ช้าไม่ให้เจ้าผ่าน เพราะยังไง ถ้าอยากเข้าเรียนที่นี่ เจ้าก็ต้องได้รับการยอมรับจากพวกข้าทั้งสี่คนอยู่ดี แต่ถ้าเจ้าดวลกับข้า ถึงแพ้ แต่ถ้าทำให้ข้ายอมรับในฝีมือเจ้าได้ เจ้าก็ผ่าน”
เธอคิดอย่างชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ตกลง แต่ข้าใช้อาวุธได้ใช่ไหม?”
เรเดียสทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย ‘แปลก.. ทั้งๆที่ความสามารถนั้นของเธอก็ออกจะดีขนาดนั้น แล้วทำไมถึงได้ไม่อยากใช้’
“ได้” ทั้งคู่ขยับยิ้มอย่างภูมิใจ ก่อนที่บรรยากาศรอบข้างจะกลายเป็นสนามประลองโดยมีคนดูเป็น ผู้ปกครองจากทั้งสามเผ่าพันธ์ที่เหลือ
“เข้ามาสิ”เรเดียสเอ่ยพร้อมยิ้มกวนประสาทให้
เธอวิ่งเข้าไปพร้อมเรียบดาบออกมา ก่อนจะวาดดาบหมายจะแทงเข้าที่ท้อง ชั่วพริบตานั้นเอง เรเดียสยกมือขึ้นมากกุมคมดาบของเธอไว้แล้วกระชากดาบนั้นหลุดออกจามือเธอไป แล้วใช้มืออีกข้างปล่องพลังสีดำทมึนใส่เธอ หญิงสาวกระเด็นออกมาชนต้นไม้จนกระอักเลือด เธอยกมือขึ้นมาประสานกันทั้งสองข้าง อากาศตรงหน้าเริ่มหมุยเวียนจนกลายเป็นพายุขนาดย่อม หญิงสาวผลักพลังตรงหน้าไปทางเรเดียสเต็มแรง!
เรเดียสท่ำม่ทันระวังน้นกระเด็นไปด้านหลังเล็กน้อยทันใหนั้นอากาศรอบตัวเรเดียสเหมือนกับว่าจะถูกดูดออกไป ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีมือมาบีบคอไม่ให้เขาหายใจ แต่ทว่า....
เสียใจด้วยนะหนูน้อย ปีศาจอย่างพวกฉันไม่ต้องหายใจหรอก”เรเดียสพุ่งตรงเข้ามา พร้อมดึงมีดที่เหน็บเอาไว้ที่เอวหมายจะแทงเข้าไปที่บำตัวของเธอ หญิงสาวดึงใบไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากลานประลองมาบังพร้อมแปรสภาพให้มันแข็งเป็นเหล็ก ทำให้มีดของเรเดียสไม่สามารถทะลวงเข้ามาได้ มือข้างที่ไม่ได้ถือมีดของเรเดียสเรืองแสงวาบก่อนที่พลังสีดำทะมึนจะพุ่งตรงมาที่เธออีกครั้ง!
หญิงสาวเพ่งสมาธิไปที่อากาศตรงหน้าให้กลายเป็นของแข็ง ก่อนจะบังคับให้มันลอยไปเหนือหัวของเรเดียส เธอกวาดสายตามองไปรอบๆดูว่ามีอะไรที่เธอจะใช้ได้บ้าง ก่อนจะสะดุดตาที่ต้นไม้สนใหณ่ที่มีใบสีเขียวสดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่
ได้การละ!มันคงไม่เปลืองพลังเธอมาก และทันทีที่คิดได้เธอก็ดึงใบไม้มาจากต้นไม้ต้นนั้น ก่อนจะแปรสภาพให้มันคมเหมือนมีดไปลอยอยู่รอบๆตัวเรเดียส
“ท่านแพ้แล้ว”เธอบอก ก่อนจะตกใจเมื่อเรเดียสพุ่งขึ้นมาพร้อมกับขว้างกริชสีเงินมาทางเธอ! เธอหลับตาปี๋อย่างยอมรับชะตากรรม
“ฉึก!” น่าแปลก ทำไมมันไม่เจ็บล่ะ? เธอค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะพบกับบาเรียสีเขียวใส อยู่ตรงหน้าเธอที่มีกริชเงินของ เรเดียสปีกอยู่
“พอได้แล้วเรเดียส” แอลฟ่าบอกแล้วยกมือรับลีอาห์ที่ตกลงมาพอดี เนื่องจากเสียพลังไปเยอะ
“เฮ้อ พอก็พอ เอาเป็นว่าเจ้าผ่าน” เรเดียสว่าแล้วยิ้มให้เธอ “แต่ระวังหลังหน่อยก็ดีล่ะ เจ้าสนแต่จะโจมตีให้ครั้งเดียวจบ แต่ไม่รู้จักคิดเผื่อถ้าพลาด ท่าทางคงห่างการต่อสู้มานานล่ะสิ?”
เธอพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนที่แอลฟ่าจะอุ้มเธอไปนอนบนโซฟา ที่ยูเรน่าคอยอยู่ก่อนแล้ว แสงสีเหลืองสว่างวาบไปทั่วตัวเธอ ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่าอาการเหนื่อยทั้งหมดหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“แล้วการทดสอบของท่านล่ะ? ท่านฟิลล์ป” เธอหันไปถาม เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว
“ท่านผ่านการทดสอบของข้าตั้งแต่ ท่านเข้ามาเห็นพวกข้าแล้ว”ฟิลล์ปตอบยิ้มๆ แต่คงเห็นเครื่องหมายคำถามอันเบอเร่อที่แปะอยู่บนหน้าเธอ เลยอธิบายต่อ “ถ้าท่านมีพลังเวทไม่พอ แล้วก้าวขาผ่านประตูนั้นมา ท่านจะพบแค่เขาวงกตเท่านั้น”
อ้อ มิน่าล่ะ ถึงว่าทำไมบางคนผ่านออกไปสบายๆ
“เดี๋ยวพอท่านออกไปแล้วถ้าเข็มกลัดที่ติดอยู่ที่เสื้อของท่านเรืองแสงขึ้นก็แสดงว่าท่านผ่าน แล้วพวกข้าจะอธิบายรายละเอียดให้ฟังทีหลัง”จะว่าไป เธอก็เพิ่งสังเกตุเห็นเข็มกลัดบนเสื้อเธอ ไม่รู้ว่ามันมาติดอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่
“อ้าว.. ไม่ใช่ว่าข้าผ่านแล้วหรือ? ผ่านการทดสอบจากท่านทั้งสี่แล้วนี่”
“ยังเหลือด่านสุดท้าย.. ว่าท่านผู้ก่อตั้งทั้งสี่จะยอมรับเจ้าหรือเปล่า”ฟิลล์ปเอ่ยแล้วผายมือไปยังรูปของผู้ก่อตั้งทั้งสี่ แต่ที่น่าประหลาดคือรูปพวกนั้นเหมือนมีชีวิตอย่างน่าประหลาด แววตาของทั้งสี่เหมือนมีชีวิตอยู่จริงๆ แอลฟ่าเหมือนจะรู้ใจเธอ เลยตอบว่า
“ท่านทั้งสี่ได้บรรจุวิญญาณของพวกท่านลงไปในนี้ ทำให้พวกท่านสามารถคัดเลือได้ ผ่านทางลูกแก้วสื่อวิญาญาณนี่”แอลฟ่าชี้ไปที่ลูกแก้วที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหน้ารูปภาพนั้น และตอนนี้ควันในลูกแก้วกลายเป็นสีเหลือง ดูแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ยูเรน่าเดินไปเอามือทาบที่ลูกแก้วเบาๆแล้วพูดกับเธอ “พวกท่านบอกว่า เธอหน้าเหมือนแม่ของเธอมาก”
ยูเรน่าสงสัยอีก ในวันนี้เธอมีเรื่องสงสัยกี่ร้อยเรื่องแล้วเนี่ย?
“แม่ของเธอเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนี้น่ะ เรลล่าเป็นคนดีมาก...”ฟิลล์ปบอกเธอ เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฟิลล์ปเศร้า
“แถมยังเป็นศิษย์โปรดฟิลล์ปเค้าเลยนะนั่น”ยูเรน่าเอ่ยแซวๆ
“ท่านแม่...” เธอรำพึงกับตัวเองเบาๆ เรเดียสเหมือนจะรู้ถึงความเศร้านั้น
“แม่ของเธอไม่เคยจากไปไหน เรลร่ายังอยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา เจ้ากลับไปนั่งพักเถอะ คงต้องรอผลการทดสอบกันอีกนาน ข้าก็อยากนอนเหมือนกันเนี่ย กะว่าจะให้เจ้าพวกนี้ทำงานแทนซะหน่อย” เรเดียสเอ่ยติดตลกเล็กน้อย ก่อนจะดุนหลังให้เธอกลับออกไป
เธอเดินกลับมาที่โซฟาชุดเดิม อเลนเข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อยก่อนจะสวาปามขนมบนโต๊ะต่อไป(จากเหตุการ์ณครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าดูคนแต่เพียงภายนอกไม่ได้จริงๆ)
คนที่เดินเข้าห้องคนต่อไปคือฟารัส สิบนาทีต่อมาฟารัสก็เดินออกมาด้วยท่าทีสบายๆ(แต่เหลื่อโชก) ดูท่าจากจำนวนเหงื่อ)พวกนี้คงผ่านบททดสอบของฟิลล์ปมาหมดแน่
เวลาผ่านไปอีกสองชั่วโมงพวกเธอทั้งห้าคน(ไม่นับนายหัวดำ)ต่างก็ได้เข้าไปทดสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าเหงื่อโชกออกมาทุกคน แล้วทุกคนก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆเสียงของฟิลล์ปก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ต่อจากนี้ถ้าเข็มกลัดที่ติดอยู่ที่เสื้อของใคร แปลว่าคนๆนั้นสอบผ่าน และให้มาเจอกันอีกทีพรุ่งนี้ เอาล่ะ ขอให้พวกเธอโชคดี” สิ้นคำพูดนั้น เข็มกลัดของเธอก็เรืองแสงจ้าขึ้นมาทันที หญิงสาวหันไปมองอีกห้าคนที่เหลือ และก็พบว่า เรืองแสงขึ้นมาเหมือนกันหมด เมื่อหันไปหาเจ้าหัวดำนั่น... นายนั่นมันไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเข็มกลัดตัวเองสักนิด! มั่นใจอะไรนักหนานะ เธอชำเลืองมองไปรอบๆห้อง เห็นพวกที่เข็มกลัดไม่เรืองแสงแล้วอยากจะร้องไห้แทน บางคนถึงขั้นแกะเข็มกลัดออกมาแล้วเขย่าๆดูด้วยซ้ำ บ้างก็บ่อน้ำตาแตกไปซะแล้ว ส่วนพวกที่ผ่าน... ถึงขั้นกระโดดขึ้นโต๊ะแล้วกระโดดโหยงเหยงมาก็มี เธอถึงกับกุมขมับ
อเลนลุกขึ้นเป็นคนแรกแล้วหันมาพูดกับเธอ “ฉันต้องไปแล้วล่ะ หวังว่าจะได้อยู่บ้านเดียวกันนะ”
และก็เป็นอีกครั้งที่มีเครื่องหมายคำถาม แปะอยู่บนหน้าเธอ อเลนอธิบายอย่างเร่งรีบ “มันเป็นคล้ายๆหอนนอนน่ะ แต่ที่นี่จะแบ่งที่พักเป็นบ้าน นอนบ้านละประมาณ 14-15 คน ฉันต้องไปแล้วล่ะ เจอกันพรุ่งนี้” อเลนพูดจบก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ
อเลนวิ่งออกไปได้ไม่นาน ฟาคัสก็เดินเข้ามาถามเธอเรื่องฉลองอะไรสักอย่างแล้วผละไปเมื่อเธอปฎิเสธไปอย่างเต็มปากเต็มคำ หญิงสาวยืนคิดได้สักพักก็นึกขึ้นได้ว่า ทาเบียส ตกลงกับเธอไว้ว่าจะมารับ คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งออกจากห้องตามอเลนไปอีกคน
ความคิดเห็น