ตอนที่ 6 : Chapter 1 จุดชนวน (รัก) (จบ)
So Hot! จุดชนวนรัก ท้าชนหัวใจ วางจำหน่ายแล้วในรูปแบบ E-BOOK
สามารถดาวโหลดตัวอย่างมาอ่านก่อนได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ
Chapter 1
จุดชนวน (รัก)
Kara’s part
ฉันอ้าปากสูดลมหายใจเข้าลึก ขอกรี๊ด! ให้ความหื่นห่ามของไอ้บ้าห้าร้อยนี้อีกสักทีเถอะ!
“กรี๊ด อุ๊บ!” ร้องกรี๊ดได้ไม่ถึงสองวินาที คู่กรณีตัวร้ายก็บดปากจูบฉันอย่างดุดัน
ฉันยืนอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อรับรู้ถึงริมฝีปากหยักลึกอ่อนนุ่มของคู่กรณีบนริมฝีปากของฉัน
ฉันอ้าปากเตรียมจะพ่นคำพูดร้ายๆ ใส่เขา แต่กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้เขาได้แทรกลิ้นร้อนชื้นบุกรุกเข้ามากวาดไปทั่วโพรงปาก ไรฟัน ควานหาความหวานภายในปากฉัน
ฉันเอียงศีรษะและจูบตอบอย่างเงอะงะในทีแรก เคอะเขิน แต่ก็กระตือรือร้นพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อได้ยินเสียงครางแหบพร่าให้กำลังใจ จึงปล่อยให้ตัวเองล่องลอยเข้าไปในดินแดนต้องห้าม มันเป็นจูบที่อ่อนโยนและกระหายหิว ทั้งเชื่องช้าอ้อยอิ่งและเร่งเร้ารุนแรงไปพร้อมกัน
“คุณหวานและเร่าร้อนมาก ฮันนี่”
“อะ…อืม” ครางแผ่วเหมือนแมวน้อยที่ได้กินครีม
มือเล็กกำเสื้อช็อปของคู่กรณีที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อแน่น เมื่อความวาบหวิวพุ่งสูงจนแทบเป็นลมหมดสติ ฉันพยายามต่อสู้ที่จะไม่หลุดลอยไปที่ไหนๆ แต่พอปากร้อนชื้นตวัดวาดในโพรงปากหวานแล้วก็จูบอย่างย่ามใจราวกับสามารถเอาชนะฉันได้และฉันเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาก็ไม่ปาน
“ปะ…ปล่อยฉันนะ” ฉันพยายามเบี่ยงหน้าหนี และใช้มือเล็กผลักอกกว้างออกไป
เขากลับใช้มือข้างที่สอดอยู่ในกลุ่มผมนุ่มของฉันกดให้อยู่นิ่งๆ กับที่ มือเล็กเปลี่ยนจากผลักกลายเป็นขยุ้มเสื้อช็อปของเขาแทน ครู่ต่อมาฉันก็พ่ายแพ้ต่อจุมพิตหวามไหวอย่างราบคาบ จุมพิตอ่อนหวานเปลี่ยนเป็นดื่มด่ำขึ้น ลึกซึ้งขึ้น ฉันยอมสนองตอบอย่างเต็มอกเต็มใจแบบเดียวที่เขากระทำต่อฉัน
ไอร้อน กลิ่นบุรุษเพศ กลิ่นโคโลญอ่อนของผู้ชายโอบล้อมรอบกายช่างเร่าใจ รสจูบหวานซ่านซ่าแฝงไว้ด้วยเปลวไฟสิเน่หาและราคะเร่าร้อน ที่ส่งกระแสวูบวาบไปตามเส้นเลือดร้อนฉ่าปานลาวาเหลวร้อนๆ
ฉันครวญครางอย่างรัญจวนอยู่กับปากเขา ขณะรู้สึกว่าศีรษะหมุนติ้วๆ แม้กระนั้นก็ยังเลื่อนมือจากแผงอกกว้างขึ้นไปโอบรอบคอหนา ปลายนิ้วสอดเสยเข้าไปในเรือนผมดกหนาสีเข้ม เราสองคนจูบกันอยู่นาน ได้ยินเสียงผิวปาก โห่แซวอยู่รอบๆ จากไทยมุง ในที่สุดเขาก็ถอนปากออกจากปุบปับ
ฉันรู้สึกเหมือนจะยืนต่อไปอีกไม่ไหว ร่างอ่อนระทวยแนบชิดร่างแกร่งเหมือนขี้ผึ้งละลาย เสียงโห่แซวจากผู้ชมบนฟุตบาธทำให้ฉันรู้สึกตัว สติสตังกลับมาอีกครั้ง
กรีดร้อง! คาร่า คีรติ ซุปตาร์ หนึ่งในสมาชิกของวง Crazy S.E.X.Y ยืนกอดจูบกับผู้ชายริมฟุตบาธ ถ้ามีคลิปหรือภาพอนาจารหลุดออกไปเจ๊ริชชีกุดหัวฉันแน่
ฉันดิ้นรนเหมือนคนบ้าให้หลุดจากวงแขนแกร่งของคู่กรณี เตรียมชิ่ง! แต่เขากลับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น จนฉันไม่สามารถดิ้นหนีจากพันธนาการนี้ได้ เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เลยซุกหน้าสวยๆ กับหน้าอกกว้างของคู่กรณีเพื่อหนีหน้าประชาชีที่ยืนถ่ายคลิป ถ่ายภาพอยู่บนริมฟุตบาธ
ฉันได้ยินไทยมุงจับกลุ่มซุบซิบกันทั้งตำหนิและต่อว่าที่ฉันและคู่กรณีมายืนจูบกันโชว์อยู่ข้างถนน และมีเสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดชื่อฉัน…แล้วถามเพื่อนเหมือนไม่แน่ใจว่า “แก๊! นั่นใช่ คาร่า วง Crazy S.E.X.Y หรือเปล่า?”
“ไม่แน่ใจอะแก แต่หน้าคุ้นๆ”
‘ไม่ใช่นะน้อง…ฉันคือโคร่า ไมใช่คาร่า’ ฉันส่ายหน้าดิก มือขยุ้มเสื้อยืดของคู่กรณีแน่นจนน่ากลัวว่าจะขาดติดมือ
ฉันโผล่หน้าออกมองไปรอบๆ สายตาของไทยมุงมองมาอย่างจับจ้อง จ้องจับผิด เมื่อหาที่กำบังอื่นไม่เจอฉันจึงซุกหน้ากับหน้าอกกว้างของคู่กรณีอีกรอบ มือปล่อยจากเสื้อยืดมาจับเสื้อช็อปยกขึ้นคลุมหัว
คู่กรณีก้มศีรษะลงมอง ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดศีรษะของฉัน “เป็นไงล่ะ จูบกับคนบ้า ลามก ถ่อยเถื่อน ได้อารมณ์ดีไหมครับคุณโคโยตี้” ฉันเงยหน้าจากอกกว้างขึ้นมอง เขายิ้มเยาะ พร้อมกับกอดรัดฉันไว้แน่น ราวกับงูเหลือมรัดเหยื่อก็ไม่ปาน
อายก็อาย โมโหก็โมโห
“นาย ไอ้บ้า ไอ้…”
เขาจับฉันให้ยืนตรง คว้าหลังต้นคอ มือใหญ่กระชับแน่น นิ้วเรียวยาวซอนไซ้เข้าไปในกลุ่มผมยาวดัดเป็นลอนสีฮันนี่บลอนด์ ก่อนจะรั้งเข้ามาใกล้ จนริมฝีปากของเราทั้งสองเกือบจะสัมผัสกัน
“นะ…นายจะทำบ้าอะไรน่ะ นี่มันข้างถนนนะ” เอ่ยถามตะกุกตะกักด้วยความตื่นตระหนก
ริมฝีปากหยักลึกบิดเป็นรอยยิ้ม “ทำบ้าแบบนี้ไง”
พูดจบ เขาก้มหน้าลงไป เอียงศีรษะเพื่อให้ริมฝีปากหยักลึกประกบปากจูบฉัน
“อื้ม” ฉันร้องอู้อี้ในคอ ดวงตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกเมื่อถูกทำอนาจารข้างถนนอีกครั้ง มือเล็กยกขึ้นทุบรัวลงบนหน้าอกกว้างเพื่อให้คู่กรณีหื่นกามปล่อยฉัน
แต่เขาเหมือนไม่รู้สึกรู้สา หนังหนายิ่งกว่าแรด หนุ่มตัวโตจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลึกซึ้ง เร่าร้อนรุนแรง ดุดันจนเกือบเรียกได้ว่าป่าเถื่อน ดึงอากาศออกจากปอดของฉัน ขณะฉันถูกความใคร่ ไฟพิศวาสแผดเผาลุกไหม้ เร่าร้อนปวดร้าวไปด้วยไฟราคะร้อนๆ ซึ่งไม่เคยพานพบแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“ถึงกับยืนไม่อยู่เลยเหรอครับ คุณโคโยตี้คนสวย…แต่จูบกับคุณนี่ให้ความรู้สึกดีจริงๆ นะ” อ้าปากเตรียมจะร้องกรี๊ดอีกครั้ง แต่ไอ้บ้านั่นกลับเอานิ้วชี้มาแตะริมฝีปากอวบอิ่มของฉันไว้ เขาเลื่อนใบหน้ามากระซิบข้างใบหูเล็กว่า “ถ้าคุณร้องกรี๊ดเหมือนคุณโสที่ถูกเบี้ยวค่าตัวอีก ผมจะเอาปากผมปิดปากคุณ อีกครั้งและอีกครั้ง” เสียงต่ำห้าวสัมผัสอยู่ข้างใบหูเล็กจนขนอ่อนในกายฉันลุกเกรียว
“…” ฉันถลึงตามองเขาและปิดปากเงียบเป็นหอยกาบ เพราะรู้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำขู่ เราสองคนจ้องตากันเป็นเวลานาน ฟาดฟันกันด้วยสายตา ปะจุไฟฟ้าแตกเปรี๊ยะในอากาศ
~~ La la la la la la La la la la la la La la la la la la Hey ที่รักมองมาที่ฉันสิ แล้วเธอจะเห็น… I see I love you Hey…Crazy in love… love…love…~~
เสียงริงโทนจากสมาร์โฟนของฉันที่อยู่ในรถดังขึ้นขัดจังหวะ นั้นทำให้ฉันนึกได้ว่าตัวเองมีอัดรายการคันปากช่อง 107
ตาย ตาย ตาย! เจ๊ริชชีฆ่าฉันตายแน่ ที่ไปสายอีกแล้ว
“ปล่อย” ฉันสั่งเสียงห้วน
“ทำไมล่ะ อยู่แบบนี้ก็รู้สึกดีดี๊ไม่ใช่เหรอ?” หนุ่มตัวโตกอดรัดฉันแน่นขึ้น จนเนื้อตัวนุ่มนิ่มของฉันเสียดสีกับร่างแกร่ง
ก็ดี…เอ๊ย! ไม่ดี ภาพลักษณ์ของฉันแม้จะเป็นซุปตาร์ขาวีย ตบเป็นตบ เหวี่ยงเป็นเหวี่ยงขนาดไหน หลังจากมีข่าวเกาเหลาและตบแย้งผู้ชายกับนางร้ายช่องสิบเจ็ด เจ๊ริชชีก็สั่งห้ามฉันมีข่าวเสียๆ หายๆ อีก
“ฉันจะไปรับโทรศัพท์” บอกเสียงแข็ง พร้อมกับมองหน้าคู่กรณีแบบจะกินเลือดกินเนื้อ แต่นายนั่นกลับไม่สะดุ้งสะเทือน เขาเพียงแค่ยักไหล่ และปล่อยฉันให้เดินไปรับโทรศัพท์
~~ La la la la la la La la la la la la La la la la la la Hey ที่รักมองมาที่ฉันสิ แล้วเธอจะเห็น… I see I love you Hey…Crazy in love… love…love…~~
ฉันเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารแบบกระแทกกระทั้งเล็กน้อย เอื้อมมือไปหยิบสมาร์ทโฟนออกมาสไลด์รับสาย ทั้งที่ไม่อยากรับสายนี้เลย
“ฮัลโหล คาร่าพูดค่ะ”
พอรับสายปุบ เสียงเจ๊ริชชีก็ด่าปั๊บ อะไรมันจะซวยแบบนี้วะ! ก้าวขาผิดหรือตุ๊กแกลืมร้องทัก
“เจ๊ หนูใกล้จะถึงแล้ว อีกแป๊บ!” ฉันพูดปะเลาะด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอีกหลายประโยค พร้อมกับถลึงตาใส่ต้นเหตุที่ทำให้ฉันไปถ่ายรายการสายไปด้วย “ค่ะ อีกเดี๋ยวเจอกันนะคะ บร๊าย”
ติด! ฉันกดวางสาย ก่อนจะขึ้นรถฝั่งผู้โดยสาร ปิดประตู คลานข้ามไปยังเบาะฝั่งคนขับ ณ เวลานี้ ฉันสายแล้วจริงๆ ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับไอ้บ้าห้าร้อยที่ปล้นจูบฉันไปแบบหน้าด้านๆ
คู่กรณีเมื่อเห็นว่าฉันจะชิ่งหนี รีบวิ่งมาตบกระจกฝั่งผู้โดยสาร “เฮ้! แล้วเรื่องค่าเสียหาย ค่าเสียเวลา ค่าทำขวัญของผมล่ะ คุณจะว่ายังไง!”
ฉันไม่สนใจเสียงโหวกเวกโวยวายของไอ้บ้าห้าร้อยที่กล้าปล้นจูบฉันบนริมถนนแบบหน้าด้านๆ หรอกนะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งเดือด
“อี๊! เชื้อโรค” ร้องยี้! ด้วยความรังเกียจ
ฉันใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเองแรงๆ ประณามคู่กรณียาวเหยียด ไม่รู้ว่าเป็นติดต่อร้ายแรงอะไรหรือเปล่า?
ก๊อก! ก๊อก! คู่กรณีเคาะกระจกรถ ตะโกนโหวกเวยโวยวายกวนใจไม่เลิก
ฉันถอนหายใจยืดยาวด้วยความเหนื่อยหน่าย กดเปิดกระจกฝั่งผู้โดยสารลงครึ่งหนึ่ง ปรายตามองคู่กรณีเหมือนมองเห็บหมา “ขับรถก็หรู งั้นก็ต่างคนต่างซ่อมไปแล้วกันนะ บร๊าย” ยกมือโบกสวยๆ
“ได้ไงละแม่คู๊ณ แบบนี้มันชนแล้วหนีชัดๆ” นายนั่นว่า ก่อนจะหมุดหัวเข้ามาในรถ ถ้าเหยียบคันเร่งแล้วลากไอ้หื่นกามที่บังอาจทำอนาจารฉันข้างถนนไปตามถนนนี่คงสะใจพิลึก! แต่ฉันก็ได้แค่คิดล่ะนะ เพราะยังไม่ใจร้ายใจดำพอที่จะทำแบบนั้นได้
“แล้วจะทำไม ทีนายยังจูบฉันไปตั้งสองที แล้วใครจะรับผิดชอบหา! ฉันสึกหร่อนะยะ” ฉันแวดกลับ ดวงตาวาววับด้วยความโกรธ ก่อนจะเอียงตัวไปทางฝั่งผู้โดยสาร วางมือข้างหนึ่งบนเบาะ อีกมือยกขึ้น กางออก ทาบใบหน้าหล่อๆ ของคู่กรณีแล้วผลักออกจากรถ จากสัมผัส บอกให้รู้ว่าใบหน้าของผู้ชายแม้จะเรียบเนียนแต่ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนใบหน้าของผู้หญิง “ชิวๆ จะไปไหนก็ไป ฉันรีบ”
เมื่อจัดการกับคู่กรณีเรียบร้อยแล้วก็กดกระจกปิด เอนตัวกลับมานั่งหลังตรงหลังพวงมาลัย สตาร์ตรถ เปลี่ยนเกียร์ เหยียบคันเร่ง ขับรถออกจากบริเวณนั้น โดยไม่เสียเวลามองคู่กรณีแม้แต่หางตา
“อะไรกันว่ะ ไล่ยังกับหมูกับหมา เจอกันคราวหน้า พ่อจะตะปบกินทั้งตัวเลย” จอมทัพหรือทัพพูดเข่นเขี้ยวตามท้ายรถของคู่กรณี
เขายกมือเสยผมด้วยความหงุดหงิดเจ้าของมินิคูเปอร์คันแบ๋วที่บังอาจชนลูกรัก (รถ) ของตัวเอง
หึ! แต่ยังไงก็คุ้ม เพราะได้จูบหวานๆ มาตั้งสองที
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
