ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Chocolate...รักขม ๆ ของยัยตัวร้ายกับนายตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #3 : เรื่องลับๆ ที่ไม่อาจลืม..

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 58


    รักขม ๆ ของยัยตัวร้ายกับนายตัวแสบ ตอนที่ 3 เรื่องลับ ๆ ที่ไม่อาจลืม...

              .....................

              “งั้นผมกลับก่อนนะเจ๊... เดี๋ยวจะแวะไปหาไอ้ได๋มันอ่ะ พอดีคืนนี้กะจะไปดริ้งกันซะหน่อย”

              “เออๆ ขับรถดี ๆ นะแก แล้วไว้เจอกันที่บริษัท”

              “ครับเจ๊.. ผมไปก่อนนะพี่บีม  ยินดีด้วยอีกครั้งครับ”

              “เออ..ขอบใจมากพีท”

              สิ้นบทสนทนาหนุ่มหน้าหวานสไตล์เกาหลีก็รีบจ้ำออกจากงานตรงมายังพรีอุสสีขาวคันเก่งของตัวเองอย่างรวดเร็ว  และไม่รอช้าที่จะมุ่งตรงไปยังร้าน Ranrarin ของเพื่อนสาวสุดที่รัก

              .............

              ............................

              ไม่กี่อึดใจพีทก็ขับรถมาถึงหน้าร้านของได๋ เพื่อนสาวคนสนิทของเขา  ซึ่งตอนนี้คนในร้านดูบางตามากเพราะใกล้จะเป็นเวลาปิดร้านพอดี  ปกติร้านกาแฟของได๋จะเปิดตั้งแต่สิบโมงเช้า ยาวไปจนถึงสี่ทุ่มซึ่งวันนี้ก็เช่นเดียวกัน 

              “อ้าว....มาแล้วหรือแก?”

              เจ้าของร้านสาวสุดเท่เงยหน้ามาทักเพื่อนชายคนสนิทอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดเค้าท์เตอร์หน้าร้านต่อ 

              “เออ... มานี่มา ฉันเช็ดให้”

              ว่าแล้วก็ไม่พูดเปล่า  หนุ่มหล่อสไตล์เกาหลีในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงเดฟดำที่เพิ่งถอดสูทที่คลุมออกไว้ในรถก็หยิบผ้าขี้ริ้วจากมือเพื่อนสนิทมาจัดการแทน  ทำให้เจ้าของร้านมีเวลาพอที่จะเดินเข้าไปดูขนมที่อบทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

              ........ติ๊ง........

              เสียงเตาอบดังขึ้นพอดีในขณะที่เจ้าของร้านคนเก่งเดินเข้าไป  กลิ่นคุกกี้คละรสลอยหอมออกมาแต่ไกล  ตลบอบอวนไปทั่วทั้งครัว  ทำเอาคนที่เช็ดเคาท์เตอร์อยู่ต้องหยุดชะงักกับกลิ่นที่ลอยมาเตะจมูกของตัวเองทันที

              “หือ...หอมอ่ะ  ทำไมแกอบขนมตอนนี้วะ”

              “ก็เอาไปฝากเฮียพลไง  เฮียแกชอบของหวาน  รับรองติดใจฝีมือว่าที่ภรรยาแน่ ๆ ฮาๆๆๆ”

              เจ้าของร้านที่ตอนนี้อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนพูดไปพลางหยิบคุกกี้ใส่ห่อไป  แต่ด้วยประโยคที่พูดจบทำให้คนที่ได้ฟังอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้จนต้องเดินไปหยิกแก้มให้หายคันมือ

              “อ๊อยยยย.... แกหยิกแก้มฉันทำไมเนี่ย”

              “ก็หมั่นไส้ไง ว่าที่พี่สะใภ้ ชิชิ..”

              “ฮาๆๆ นี่ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าแกนี่ก็หวงพี่ชายเหมือนกันอ่ะพีท”

              “เออ..... หวง รู้ไว้ด้วย”

              ....แต่ที่หวงน่ะ ฉันหวงแกเว้ย  ฉันไม่อยากให้แกไปคบกับใครทั้งนั้นแหละ  ฉันอยากให้แกเป็นของฉันคนเดียว แกเข้าใจไหมวะไอ้ได๋ แกช่วยรับรู้สักทีได้ป่าววะ...

              .............

              .............

              “เฮ้ย.. เหม่อไรน้องสามี”

              “ไอ้นี่ !!

              หลังจากที่หยอกล้อกันเล่นจนเหนื่อยแล้ว  ทั้งได๋และพีทก็รีบช่วยกันเก็บร้าน เพราะวันนี้เป้าหมายของทั้งคู่คือร้านของพี่พลพี่ชายแท้ ๆ ของหนุ่มพีท  ซึ่งแน่นอนว่าพลนับว่าเป็นเจ้าพ่อคนหนึ่งของวงการสถานบันเทิงเลยก็ว่าได้ ไม่มีใครไม่รู้จัก “เฮียพล” สักคน  แต่ใครจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วพลเป็นคนที่ใจดีและห่วงน้องชายมาก  แถมยังสนิทกับเพื่อนของน้องอย่างได๋มาก ๆ ด้วยเช่นกัน  ทุกครั้งเวลาที่ได๋กับพีทอยากจะไปเที่ยว ทั้งสองคนก็จะพากันมาที่ผับของพลซึ่งพลจะกันคนอื่นไม่ให้เข้าไปในโซนของน้องเพื่อความปลอดภัยเสมอ.. และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งด้วยเช่นกัน

              จากถนนใหญ่มุ่งตรงมาไม่นานนักก็เข้าสู่ย่านสถานบันเทิงที่ดูละลานตา  แต่ละร้านประดับประดาไปด้วยไฟหลากสีสัน ชวนให้คนที่ผ่านไปผ่านมาอดไม่ได้ที่จะต้องแวะมาสังสรรค์หรือหาความสุขเล็ก ๆใส่ตัวแบบที่ได๋กับพีทตั้งใจมาในวันนี้ 

              วันนี้จู๊คกี้สีแดงเลือดหมูคันเก่งรับหน้าที่เป็นพาหนะที่พาทั้งคู่มาสู่ The Future ผับใหญ่ใจกลางเมืองที่บรรดานักท่องราตรีมากหน้าหลายตาจะแวะเวียนเข้ามาสัมผัสบรรยากาศความสนุกแบบหลุดโลกจากผับแห่งนี้  ด้วยการตกแต่งร้านที่ดูล้ำนำเทรน  การบริการที่ประทับใจ ประกอบกับระบบความปลอดภัยชั้นเลิศ ทำให้ผับของพลแห่งนี้ได้รับคำชื่นชมจากใครต่อใครมานับไม่ถ้วน 

              .........

              “หือ... คนเยอะไม่เปลี่ยนเลยแฮะ”

              “เออว่ะ.. แล้วนี่พวกไอ้พวกนั้นมันจะมากันป่าววะเนี่ย”

              “เออ... เดี๋ยวฉันโทรเอง”

              ว่าแล้วสาวสวยในชุดเสื้อกร้ามสีดำ กระโปรงลายสก็อตแดงที่สวมทับแล็คกิ้งดำสนิทอีกชั้น  กับรองเท้าบู้ทดำส้นสูงพอสมควรก็รีบหยิบโทรศัพท์ตามเดอะแก๊งค์อย่างรวดเร็ว

              ......

              “อะไรวะ... แค่นี้ก็ไม่ยอมมากัน ฉันงอนพวกแกแระ... เออๆๆ ไม่เป็นไร  งั้นไว้คราวหน้าก็ได้ เออๆๆ”

              .......... เฮ่อ...........

              เสียงพ่นลมหายใจของคนข้าง ๆ ทำเอาคนที่นั่งหน้าพวกมาลัยต้องหันสายตาไปมองด้วยความเป็นห่วง

              “ทำไมหรือแก.. พวกนั้นมาไม่ได้หรือวะ?”

              “อืม....”

              “เอาน่า... พวกมันไม่มา เราก็หนุกกันสองคนแบบทุกทีก็ได้นี่นา จริงป่ะ”

              “อืม...”

              “โห่... แกทำอย่างกะว่าแกไม่อยากอยู่กะฉันแค่สองคนอย่างนั้นแหละ”

              สิ้นประโยคเชิงตัดพ้อต่อว่าของหนุ่มหน้าหวานทำเอาสาวพั้งสุดเท่ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่กับท่าทางแบ๊ว ๆ ของเพื่อนชายคนสนิท  ทำเอาหมั่นไส้จนต้องเขกหัวมันไปสักที

              “นี่แน่ะ... ทำมาเป็นงอน”

              “เฮ้ย... เจ็บนะเว้ย...”

              ว่าแล้วสาวพั้งค์ในชุดกระโปรงลายสก็อตสีแดงก็ดึงคอเพื่อนสนิทไปกอด  พร้อมกับลูบหัวแล้วก็ชูนิ้วก้อยขอคืนดี

              “โอ๋ๆๆ ไม่งอนนะๆๆ มาๆ ดีกันนะที่ร้ากกกกก”

              “เฮ่อ.....”

              “อะไร..นี่ฉันง้อแกแล้ว... หรือจะไม่หายงอนก็ตามใจ ชิ”

              ........หมับ..........

              ทันทีที่สาวเท่กำลังจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ  หนุ่มหน้าหวานสไตล์เกาหลีที่บัดนี้แปลงร่างเป็นหนุ่มพั้งค์ก็ดึงแขนเพื่อนสนิทพร้อมกับเอื้อมมือมากอดจากทางด้านหลัง  ทำเอาคนถูกกอดออกจะงงกับอาการของเพื่อนพอสมควร  แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะทั้งคู่มักจะทำแบบนี้กันอยู่บ่อยครั้งในเวลาที่ไม่สบายใจหรือทุกข์ใจ  หรือเวลาที่มีความสุขก็เหมือนกัน  แม้ว่าครั้งนี้ได๋เองจะงงกับสถานการณ์ไปบ้างก็ตาม

              ........

              “ปล่อยได้แล้ว... ป่านนี้พี่พลรอแย่แล้วแก”

              “อืม....”

              ชายหนุ่มผละตัวออกจากเพื่อนสนิทด้วยใบหน้าที่สุดแสนจะเสียดายโดยที่คนเบื้องหน้าไม่มีโอกาสจะได้รู้เลยว่ามันเป็นอย่างไร  ว่าแล้วทั้งคู่ก็เดินตรงไปยังทางเข้าซึ่งตอนนั้นการ์ดของร้านก็ออกมารอต้อนรับทั้งคู่อยู่ก่อนแล้ว

              มุมด้านในสุดฝั่งซ้ายมือหน้าห้องผู้จัดการคือส่วนที่ถูกจัดวางโซฟาเอาไว้ให้เฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้นนั่ง  และแน่นอนว่าวันนี้โซฟานั้นถูกหนุ่มและสาวพั้งค์ทั้งสองยึดครองโดยสมบูรณ์  โดยหลังจากที่เข้ามานั่งไม่นาน  เด็กเสิร์ฟก็พากันยกอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ มาให้ทั้งคู่จนเต็มโต๊ะ  ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาหารเหล่านั้นมาจากไหนหากไม่ใช่พี่ชายสุดที่รักของพีทเป็นคนตระเตรียมไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว

              “โอ้โห... พี่พลนี่สุดยอดจริง ๆ รู้ใจทุกอย่างว่าพวกเราชอบกินอะไร”

              “อืม..”

              “ไรอ่ะ...ยังไม่หายงอนอีกหรอแก”

              เสียงเพลงที่ดังทำให้คนที่จะคุยกันต้องเปล่งเสียงให้ดังกว่า ไม่เช่นนั้นก็ต้องแนบหน้าเข้ามาคุยกัน   ใกล้ ๆ ชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะกินหูกันแบบที่ได๋กำลังกระซิบถามพีทที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ด้านข้างไม่มีผิด

              “ไม่ได้งอน...”

              เสียงตอบแผ่วเบาของหนุ่มหน้าหวานทำเอาเพื่อนสาวถึงกับเหวอ  แต่ไม่นานนักบรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายลงเมื่อเจ้าของร้านคนเก่งมานั่งดื่มกับทั้งสองด้วย

              “สวัสดีค่ะพี่พล คิดถึงจัง”

              “ดีจ้ะได๋... แหม.. วันนี้พั้งค์มาเลยนะ”

              “อ่อ...ค่ะ คนมันชอบแนวนี้อ่ะพี่”

              “อืม... พี่ว่ามันเหมาะกับเราแล้วแหละ... ได๋จะแต่งยังไงก็น่ารักหมดแหละ ฮาๆๆ”

              เสียงคุยหยอกล้อกันตามประสาพี่น้องระหว่างได๋กับพลช่างสนุกสนานจนทำให้คนที่นั่งข้าง ๆ ถึงกับหงุดหงิดแบบไม่มีสาเหตุ  จนพี่ชายแท้ ๆ ต้องเอ่ยทักด้วยความประหลาดใจ

              “ไงเจ้าพีท... ทำไมวันนี้ซดเอาๆ ไม่พูดไรเลยวะ”

              “ไม่มีไรเฮีย.. พีทแค่อยากดื่ม”

              “อะไรของมัน.... เอ้า...ได๋ ดื่ม ๆ เดี๋ยวจะได้แดนซ์กันหน่อย”

              “ค่ะๆๆ”

              แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าสุราไม่ใช่สิ่งที่มีประโยชน์แต่มันก็ทำให้ลืมความทุกข์และสนุกสุดเหวี่ยงได้ในบางครั้ง  และครั้งนี้ก็เช่นกันที่พีทเผลอดื่มไปพอสมควร  ส่วนได๋น่ะไม่ต้องพูดถึง  เพราะแค่ไม่กี่แก้วก็เมาไปไหนต่อไหนแล้ว ซึ่งตอนเมาไม่ต้องพูดถึง... อย่าได้ปล่อยให้ไปอยู่ใกล้ใครเชียว มีหวังได้นัวเนียชาวบ้านเขาไปทั่ว  และแน่นอนว่าใครต่อใครคงทนไม่ได้แบบพีทเป็นแน่  ...

              ......เฮ่อ.......

              เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้งจากปากของหนุ่มหน้าหวานที่ขณะนี้กำลังนั่งมองเพื่อนรักอย่างไม่วางสายตา  ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเริ่มลุกขึ้นเต้นกับพลอย่างสนุกสนาน  และภาพที่เห็นนั้นก็ยิ่งทำให้พีทแทบจะควบคุมสติของตัวเองไม่ได้

              .........

              “ไหวไหมได๋....”

              “หวายเซ่...ด๋ายม่ายด้ายมาววววว”

              หลังจากที่เต้นกันได้สักพักพลก็เริ่มสังเกตเห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ของน้องชายเลยต้องชวนได๋หยุดเต้นก่อน  เพราะอย่างที่บอกไปว่าเวลาที่แม่สาวพั้งค์เมานั้นมันเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาที่ไหน  อยู่ใกล้ใครเป็นต้องกอดคอ กอดเอว ซบบ้างพิงบ้าง ประหนึ่งว่าเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง  ดีที่พลเห็นว่าได๋เป็นน้องสาวจึงไม่ได้คิดอะไร  อีกอย่าง..พลก็รู้ดีว่าสำหรับพีทแล้วได๋มีความสำคัญมากแค่ไหน

              “พอเหอะเฮีย... ไม่ต้องให้มันกินแล้ว”

              “เออๆๆ เดี๋ยวแกดูได๋ก่อนนะ เฮียไปดูร้านก่อนว่ะ”

              “อืม....”

              ว่าแล้วชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ดูไม่ห่างไกลจกยากุซ่านักก็เดินเข้าหลังร้านไป ทิ้งได๋ที่ตอนนี้สภาพเมาเต็มขั้นไว้กับพีทสองต่อสอง

              “ดูซิ...เมาขนาดนี้  ฉันคิดผิดป่ะวะที่พาแกมา”

              ว่าแล้วหนุ่มพั้งค์ก็ยอมสลัดคราบด้วยการถอดเสื้อแจ๊คเกตหนังตัวนอกออกแล้วสวมให้เพื่อนรักทั้ง ๆ ที่ยังน้อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงควบคุมตัวเองไม่ได้  หรือเป็นเพราะระยะห่างระหว่างเขากับได๋มันน้อยเกินไป .....

              ทันทีที่พีทจับตัวได๋ขยับ  คนที่นอนพิงโซฟาอยู่ก็กอดพร้อมกับซุกหน้าเข้าที่ซอกคอของพีท ทำเอาหนุ่มหน้าหวานถึงกับสะดุ้ง  ไม่ใช้ด้วยความตกใจหากแต่เป็นเพราะตัวเองรู้สึกแปลก ๆ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะวันนี้พีทเองก็ดื่มไปพอสมควร 

              “อืม.....”

              ทันทีที่สิ้นเสียงของเพื่อนคนสนิท  พีทก็ได้แต่กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ก่อนที่จะค่อย ๆ พลิกตัวกลับไปหาได๋ที่ตอนนี้ซบอยู่ที่หลังของพีทเสียแล้ว

              .....เฮ้ย.. สงบสติอารมณ์ไว้ไอ้พีท เอ็งทำแบบนี้ไม่ได้  เอ็งทำแบบนี้ไม่ได้ ท่องไว้ๆ แบบนี้เดี๋ยวก็เสียเพื่อนกันพอดีเว้ย.. ไม่ๆๆๆ....

              แม้ใจจะสั่งห้ามสารพัดอย่างไร  แต่ทว่าหน้าของพีทกลับค่อย ๆ โน้มเข้าหาเพื่อนรักอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วไม่นานนักริมฝีปากอุ่น ๆ ก็กระทบกันจนทำให้พีทรู้สึกร้อนจนแทบจะทนไม่ได้  แล้วก็ต้องเป็นฝ่ายผละริมฝีปากออกมาเองพร้อมกับจับให้เอนตัวนอนโดยเอาหัวพาดไว้ที่ตักของตัวเองอย่างรวดเร็ว

              ....เกือบไปแล้วไอ้พีท  เกือบไปแล้ว...  เฮ่อ... แกจำไว้สิ... เดี๋ยวก็เป็นแบบคืนนั้นอีกหรอก  ...

              ...................

              .............................

              “เอ้า..ชน”

              “ชนนนนนน”

              เสียงหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งกำลังชนแก้วฉลองสอบเสร็จกันอย่างสนุกสนานกันในคอนโดของหญิงสาวผมดำสนิทท่าทางทะมัดทะแมง โดยพวกเขาตั้งใจว่าวั้นนี้ถ้าไม่เมาจะไม่เลิกดื่มเนื่องจากเครียดกับการเรียนมาตลอดทั้งเทอมแล้ว

              “ไอ้พีท... ทำไมไม่ดื่มวะ”

              “เออๆๆ เราดื่มแต่ไม่เยอะว่ะ”

              “แหม... หนูพีท รักษารูปร่างหรือจ๊ะ”

              .....

              เสียงหยอกล้อหนุ่มผมยาวรากไทรแต่ทว่าใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงดังขึ้นอยู่เป็นระยะ ทำเอาคนถูกแซวเริ่มไม่สบอารมณ์เพราะตัวเองเป็นผู้ชายแท้ที่ชอบผู้หญิง  และที่สำคัญคนที่เขาชอบก็นั่งอยู่ตรงหน้านี้แล้วด้วย

              “เอาน่าแก... เพื่อนมันก็แซวกันเล่น ๆ อย่าไปคิดไรมากเลย”

              “อืม....”

              ได๋เป็นเพื่อนคนเดียวที่ไม่เคยล้อพีทเรื่องที่พีทหน้าหวานหรือพีทเป็นเกย์  แต่กลับคอยเป็นกำลังใจและพูดให้พีทได้คิดเสมอจนทำให้พีทรู้สึกรักและคิดกับได๋เกินกว่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะมีความรู้สึกให้แก่กัน

              แก้วที่หนึ่ง... แก้วที่สอง... แก้วที่สาม... แก้วที่สี่... แล้วก็แก้วต่อ ๆ ไปอีกนับไม่ถ้วนทำเอาทุกคนได้เมากันสมใจอยาก  รวมทั้งได๋ก็เช่นกัน  ผิดกับพีทที่ดื่มไปเพียงเล็กน้อยจึงแค่มึน ๆเท่านั้น  จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงตีสอง  เพื่อนบางส่วนขอตัวกลับบ้าน  และเหลืออีกสองสามคนก็ขอตัวไปนอนที่ห้องพักแขก  เหลือเพียงเจ้าของคอนโดที่ยังคงนอนขดอยู่ตรงโซฟา  ทำเอาเพื่อนสนิทอย่างพีทอดสงสารไม่ได้ จึงตัดสินใจอุ้มเพื่อนรักเข้าห้องนอนไป

              “อืม...... สบายจัง”

              “ก็แหงหละสิ...ฉันอุ้มแกอยู่นี่หว่า”

              ระหว่างทางเดินไปยังห้องนอน เจ้าของห้องที่ตอนนี้จัดว่าเมามากก็ได้หลุดคำพูดต่าง ๆ ออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว  ซึ่งคนไม่เมาก็ได้แต่ส่ายหัวพลางถอนหายใจเบา ๆ กับความน่ารักแบบมึน ๆ ของเพื่อนสนิทคนนี้  จนในที่สุดทั้งคู่ก็เดินมาถึงห้องนอนของได๋

              เตียงเดี่ยวขนาดคิงไซส์ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องกลายเป็นที่พักพิงอย่างดีที่สุดสำหรับคนเมาแบบได๋  นั่นคือความคิดของพีทที่เขาคิดมาตลอดทาง แต่ทว่าความเป็นจริงแล้ว พอเขาวางได๋ลงบนเตียงได๋กลับดึงคอเขาให้โน้มลงไปจนหน้าของทั้งคู่แนบชิดกัน  พีทพยายามดันตัวขึ้นแต่ทว่ายิ่งดันได๋ก็ยิ่งดึงเขาให้ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดปากของเขากับได๋ก็สัมผัสกัน  ซึ่งเขาพยายามจะไม่มองหน้าได๋และพยายามที่จะดันตัวออก แต่ทว่าสายตาไม่อาจทำอะไรที่ขัดกับความรู้สึก  เมื่อในที่สุดพีทก็ยอมเปิดตาออกและมองคนที่นอนกอดคอตัวเองอยู่เบื้องหน้า

              ...ใช่...คนนี้คือคนที่แกรักนะพีท  นี่เป็นโอกาสของแกแล้วนะ... เป็นไงเป็นกัน....

              .......หมับ......

              ว่าแล้วความรู้สึกและอารมณ์ก็มาเหนือเหตุผลใด ๆ ทำให้พีทตัดสินใจก้มลงไปประกบปากกับเพื่อนรักที่ตอนนี้หลับตาสนิทแต่ทว่าเพียงแค่ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน  คนหลับตาสนิทตรงหน้าก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับจูบตอบเขาราวกับโหยหามาแสนนาน....  หนุ่มหน้าหวานเริ่มเปลี่ยนทิศทางเป็นหอมแก้มและซอกคอของสาวเท่อย่างที่ใจต้องการ  แต่พอเริ่มจูบไปสักพักก็รู้สึกได้ว่าได๋แน่นิ่งไป  และนั่นหมายความว่าสาวเท่ หลับ  หลับหลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เลยเสียด้วย  กลายเป็นพีทเองกลับกลายเป็นคนที่ต้องเก็บงำความลับครั้งนั้นไว้  พร้อมกับต้องแบกรับความรู้สึกแบบนั้นมาโดยตลอด  นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงพยายามเลี่ยงการดื่มกับได๋สองต่อสองทุกครั้ง 

    หากนึกย้อนหลังมันก็นับว่าเป็นเรื่องที่ฟ้าเล่นตลกกับเขามาก  เพราะหลังจากคืนนั้นได๋ก็จำอะไรไม่ได้เลย  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างเธอกับพีทเกิดอะไรขึ้น  ซึ่งพีทเองก็ไม่กล้าที่จะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับได๋เช่นกันเพราะเขาเองก็กลัวที่จะต้องเสียเพื่อนไป... ตั้งแต่นั้นเขาก็ยอมเก็บงำความรู้สึกของเองมาโดยตลอด  พยายามคิดกับได๋ไม่เกินกว่าเพื่อน  แต่มันก็ช่างยาก...ยากเสียเหลือเกิน  แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาถูกทดสอบ  แล้วเขาจะผ่านมันไปได้แค่ไหนกันนะ......

    “เมื่อไรแกจะรู้ตัวสักทีวะ....รู้ป่ะว่าเป็นแบบนี้มันทรมาน”

    “เฮ่อ................”

    ............................................

             

             

             

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×