ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Day - ขอเป็นนาย คนสุดท้ายของชีวิต

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 - Stranger

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 56


     

    1

    Stranger

                   

                    เสียงสัญญาณเข้าเรียนดังเตือนสติเหล่านักเรียนทั้งหลายที่กำลังคึกคักและตื่นเต้นให้กลับมามีสติโดยพลัน เสียงประกาศหวานน่าฟังแจ้งให้เหล่านักเรียนทั้งชายหญิงทุกระดับชั้นไปเริ่มพิธีปฐมนิเทศที่หอประชุมใหญ่ที่ตั้งตระหง่านใกล้หอนาฬิกาหน้าทางเข้าโรงเรียน นักเรียนทยอยเดินเข้าไปด้านในและหาที่นั่งตามป้ายระดับชั้นและห้องเรียนที่ถูกแบ่งตามแถวไว้อย่างเรียบร้อย ชั่วครู่ใหญ่การปฐมนิเทศก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

                    สองชั่วโมงผ่านไปอย่างราบรื่นโดยที่นักเรียนส่วนใหญ่ทำหน้าเซ็ง บ้างก็เหมือนพึ่งตื่นนอน มีบ้างที่ดูฮึกเหิมรักสถาบันอย่างภาคภูมิใจจนออกนอกหน้า

                    ถึงที่นี่จะเป็นโรงเรียนสหะรวมชายหญิง แต่ทั้งสองแยกจากกันโดยสิ้นเชิง ทั้งตึกเรียน สนามกีฬาทั้งในร่มและกลางแจ้ง โรงอาหาร แถมกิจกรรมต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้คล้ายกันเลยถึงแม้จะจัดขึ้นในวันเดียวกันก็ตามอย่างเช่นงานประจำปีขอโรงเรียน หรือแม้แต่งานกีฬาสีก็ตาม น้อยครั้งที่จะได้จัดกิจกรรมร่วมกันของทั้งสองฝั่ง

                    ห้องเรียนของเด็กมัธยมปลายปีหนึ่งดูวุ่นวายไม่น้อย เพราะหลายคนยังคงเดินเพ่นพ่านหาห้องเรียนของตัวเองไม่เจอ หรือถึงเจอก็พยายามเล็งหาที่นั่งที่ตัวเองต้องนั่งเรียนไปอีกหนึ่งปีเต็ม ส่วนใหญ่เสียงจะดังออกมาจากห้องหมายเลขสอง คงเพราะมีพวกที่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้ไม่ก็เป็นเด็กเก่าตั้งแต่มัธยมต้นที่ได้กลับมาเจอกันอีกแล้วก็เฮาฮาเสียจนออกนอกหน้า หลายคนก็พยายามหาเพื่อนใหม่เอาไว้อุ่นใจว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนแล้วตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน ส่วนบางคนก็ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรสักอย่าง

                    เด็กผู้ชายคนหนึ่งดูเก้ ๆ กัง ๆ ที่สุดกำลังเดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาในห้องเรียนด้วยความลังเลก่อนจะได้ที่นั่งแถวหลังสุด เขายิ้มน้อย ๆ ออกมาอย่างพอใจคนเดียวและก็หน้าหดทันทีที่มีคนเข้ามาทักทาย

                    ไง ฉันชื่อมิกะ นายชื่ออะไร ?”

                    “เอ่อ…”

                    เขาไม่ตอบอะไรได้แต่ก้มควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าเรียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่จนทำให้คนถามนั่งงงกับอาการของเขา

                    ยังไม่ทันจะหยิบสิ่งของที่เขาหาขึ้นมา ครูประจำชั้นก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างก่อนจะเรียกเขาออกไปหน้าห้อง

                    ที่จริงในห้องของเราเกือบทุกคนก็เป็นเพื่อนใหม่กันหมด ครูเองก็เลยไม่รู้ว่าจะแนะนำว่าอย่างไรดีอาจารย์หนุ่มเปลี่ยนคำพูดเป็นภาษาอังกฤษกับเด็กชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แทน แนะนำตัวเองเลยก็แล้วกัน

                    เขายิ้มรับอย่างประหม่าก่อนจะพูดออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยสำเนียงแปลกหูที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา

                    ผมชื่อไท ยินดีที่ได้รู้จักครับ ขอฝากตัวด้วยครับเขายืนนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ ผมเป็นคนไทยครับ

                    ทุกคนในห้องมองเขาและเงียบกริบไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ ส่วนเขาก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ และก้มหน้าลง

                    ไทพึ่งย้ายมาจากประเทศไทยได้แค่สองอาทิตย์ คงยังไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นสักเท่าไร ถ้ายังไงก็ฝากทุกคนดูแลเพื่อนใหม่ มีอะไรก็ช่วยแนะนำเขาด้วยล่ะอาจารย์บอกและแตะไหล่ไทเบา ๆ กลับไปนั่งที่ได้แล้ว

                    สายตาของคนทั้งห้องจ้องมองขณะที่ไทเดินกลับไปที่นั่งของตัวเองอย่างไม่วางตา เขาค่อย ๆ นั่งลงและคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขาหันกลับมาพร้อมเลื่อนหนังสือไกด์บุ๊คที่เจ้าตัวหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าแต่ยังไม่ทันได้อธิบายกับเพื่อนใหม่เมื่อครู่

                    ฉันชื่อมิกะ ยินดีที่ได้รู้จักเขาพูดช้า ๆ ทำให้คนฟังพยักหน้าและยิ้มออกในที่สุด

                    มื้อกลางวันที่ดูเหมือนจะยากที่สุดเท่าที่นายไทจะจินตนาการไว้ก็ง่ายขึ้นเพราะการช่วยเหลือของมิกะ  เพื่อนใหม่ของเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังลำบากสำหรับมิตรภาพใหม่ ได้เพื่อนใหม่ก็จริงแต่พอถึงเวลาม้อกลางวันมิกะเขาก็กลับไปรวมกับเพื่อนเก่าที่รู้จักก่อนหน้านี้ สุดท้ายเขาก็ปลีกตัวมานั่งกินมื้อกลางวันคนเดียวใต้ต้นไม้กลางสวนสาธารณะใจกลางโรงเรียน

                    ถึงมันจะดูเหมือนเป็นมื้อกลางวันที่น่าหดหู่แต่กลับกันมันทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังใจมากขึ้นในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่เสียที

                    ต้องยอมรับและอยู่ในโลกความเป็นจริงให้ได้

                   

                    เริ่มต้นวันใหม่ด้วยฝนเม็ดบางที่โปรยปรายพอให้รู้สึกสดชื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ผิดกับการเรียนที่จริงจังดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะวันนี้จะดูจริงจังมากขึ้น ขนาดผมที่ยอมรับตามตรงว่าไม่ค่อยสนจะเรียนเท่าไหร่ยังหมดพลังงานแม้พึ่งจะผ่านแค่ช่วงเช้าเท่านั้น

                    อันที่จริงผมไม่ชอบมาโรงเรียนสักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้จะมาเรียนทำไม ถึงจะได้เรียนอะไรที่ตัวเองชอบก็เถอะ แต่อย่างไรก็ต้องสืบทอดธุรกิจของที่บ้านอยู่ดี และมีชะตากรรมอีกอย่างที่ไม่อยากนึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ

                    พอรู้ชะตากรรมของตัวเองแบบนี้แล้วก็ไม่อยากจะทำอะไรเลย

                    แต่ช่วงนี้มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมลืมตาตื่นมามาโรงเรียนได้โดยไม่รู้สึกฝืนตัวเองเลยแม้แต่น้อย

                    ก็คือ คน ๆ นั้น

                    บอกตามตรงว่าผมสนใจเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าความรู้สึกแบบนี้มันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้เร็วขนาดนี้

                    เฮ้ย ! เอียน ทางนี้อากิระ เพื่อนสนิทของผมตะโกนเรียกหลักจากที่ผมพึ่งซื้อมื้อกลางวันเสร็จ ผมโบกมือตอบและเดินตรงไปที่โต๊ะ

                    ผมนั่งลงด้วยความรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะมีบางคนที่ผมเองไม่รู้จักมาก่อน และเพื่อนผมคนนี้ไม่มีทางอย่างแน่นอนที่จะแบ่งที่ให้คนอื่นที่ไม่รู้นั่งร่วมวง

                    ใคร ?” ผมถามเบา ๆ และอยู่ดี ๆ หมอนี่ก็หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันทีแต่ก็ไม่ตอบอะไร ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตากิน ๆ จนผิดสังเกต

                    หลังจากที่แยกย้ายกันไป ผมแค่มองเขาด้วยความรู้สึกแปลกใจแต่ไม่รู้ทำไมเขาดูร้อนรนจนน่าสงสัย จนสุดท้ายก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

                    ฉันแอบชอบคน ๆ หนึ่ง

                    “เฮ้ย ! ผมสะดุ้งตัวโยนและเริ่มถามกลับ เอาจริงเหรอวะอากิระ ผู้ชายเนี่ยนะ

                    เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบ

                    นายก็รู้ไม่ใช่เหรอวะว่าทำไมพวกเราถึงต้องมาเรียนที่นี่ เหตุผลทั้งฉันเอง ทั้งนายเองมันเหตุผลเดียวกันคำตอบของเขาทำเอาผมรู้สึกหดหู่และหงุดหงิดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

                    เหตุผลบ้า ๆ ที่ผมต้องมาเรียนที่อย่างนั้นเหรอ !

                    แต่ไม่รู้ทำไม ฉันว่าพ่อคิดถูกแล้วล่ะถึงได้ส่งมาเรียนที่นี่ มั้งผมขมวดคิ้วและเท้าโต๊ะรอฟังต่อ อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกดีกับคน ๆ หนึ่ง มันรู้สึกแปลก ๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไงว่ะอากิระพูดด้วยใบหน้าแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ

                    ที่จริงแล้วพักนี้ผมเองก็เริ่มมีความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน

                    ชอบผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ ?” เขาทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่หลังผมถามย้ำอีกครั้ง

                    ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่แค่รู้สึกดีแค่นี้ไม่พอเหรอวะ ?”

                    คำตอบของเขาทำเอาผมอึ้งอีกรอบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ตอบอะไรดี หรือจะถามกลับดีก็ไม่แน่ใจ เพราะผมเองก็มีความรู้สึกแบบนั้นที่พอจะเข้าใจได้เหมือนกัน แต่แค่มันรู้สึกขัดแย้งในตัวเองจนรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

                    แค่รู้สึกดีกับคน ๆ หนึ่งแค่นั้นมันพอแล้วเหรอที่เราจะทำใจชอบเขาได้

                    ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ ?

     

                    ผมมาเรียนด้วยความรู้สึกที่กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง แม้มันจะไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาพักหนึ่งแล้วก็ตาม

                    หดหู่ชะมัดผมบ่นกับอากิระที่กำลังกระดกเครื่องดื่มชูกำลังอยู่ ท่าทางดูไม่ดีสักเท่าไหร่ สงสัยเมื่อคืนคงดื่มมาแหง

                    ก็เห็นพูดแบบนี้ตั้งแต่ยังไม่มาเหยียบที่นี่เสียอีกเขาพูดก่อนจะกระดกน้ำกลืนยาแก้ปวดลงคอไป

                    ไหวหรือเปล่าวะ ?”

                    เมื่อคืนไปกินเลี้ยงกับตระกูลซากะยะมา โดนบังคับดื่มสาเกจนไม่รู้เมาหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

                    พอจะนึกภาพบ้านซากะยะออกเลย ตาแก่หัวล้าน ลงพุงขี้เมา ตัวมีแต่กลิ่นเหล้า จะไปเยี่ยมแต่ละครั้งเป็นได้ต้องเมาปลิ้นกลับบ้านทุกครั้งไป ทรมานตอนดื่มกับคนแก่พอว่าแต่ตื่นมาแล้วแฮงค์ปวดหัวตุบ ๆ แล้วยังต้องมาเรียนแบบนี้อีก ยากจะอธิบายเหลือเกิน

                    ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปยังห้องเรียนอยู่นั้น มีบางอย่างชนผมจากด้านหลังและ บางอย่าง ที่ว่าก็คือคน แถมเขาล้มขมำหน้าคว่ำข้าวของกระจายเต็มทางเดินไปหมด

                    เฮ้ย ! ไท เป็นอะไรไหม!?” เสียงของอีกคนวิ่งตามมาดูอาการเพื่อนที่ล้มอยู่

                    ระหว่างที่สองคนกำลังเก็บข้าวของกันอยู่ผมได้แต่ยืนทำหน้านิ่งเหมือนคนแล้งน้ำใจ แต่ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นนะสิ

                    “ให้ช่วยไหม ?” อยู่ ๆ อากิระก็นั่งยองลงช่วยเก็บของ ทำให้ผมกลายเป็นพวกแล้งน้ำใจที่สุดบนโลกมนุษย์ไปโดยปริยาย

                    ตอนแรกแค่รู้สึกตกใจระดีบต้น แต่ตอนนี้ตกใจเกือบถึงขั้นขีดสุดว่าเจ้าอากิระเสนอตัวช่วยคนอื่นเนี่ยนะ !

                    ผมเพ่งมองที่ใบหูของเขา ใช่ ! แดงก่ำ ถ้าเดาไม่ผิดต้องเป็นหนึ่งในสองคนนี้อย่างแน่นอน ว่าแต่คนไหนล่ะ !?

                    คนที่วิ่งชนผมลุกขึ้นยืนและกล่าวขอโทษพร้อมก้มหัวให้อย่างสุภาพก่อนจะจากไป ยิ่งทำให้ผมรู้สึกกลายเป็นพวกใจแคบ ชั่วร้าย ใจดำอย่างสมบูรณ์แบบไปแล้วสินะ

                    ถึงผมจะเป็นพวกไม่สนใจใครก็เถอะ แต่อย่างน้อยผมก็รู้ว่าสองคนนี้เรียนห้องเดียวกับผมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ คนพิเศษคนนั้น แม้จะจำชื่อไม่ได้แต่เป็นคนเดียวที่ไม่ว่าใครก็ต้องพูดภาษาอังกฤษกับเขา ไม่ก็พูดภาษาญี่ปุ่นช้า ๆ อย่างกับกำลังอธิบายให้เด็กอนุบาลฟัง

                    หนึ่งในสองคนนี้ใช่ไหม ?” ผมถามขึ้นมาทันที โดยที่เขาหน้าเหวอตั้งตั้วไม่ติด

                    รู้ได้ไง !?”

                    ก็หูนายมันแดงมาก ผมพูดจบเขารีบเอามือจับหูพร้อมยิ้มออกมา

                    อยากคุยด้วยสักครั้งจังเลยนะกับคนนั้นน่ะ

                    ใช่จริงด้วยแฮะ !

                    “เหลือเชื่อเลย นี่นายเอาจริงใช่ไหมเนี่ย !?”

                    “เออ เอาจริงคราวนี้เขาตอบอย่างไม่ลังเลด้วยสีหน้าจริงจัง

                    ผู้ชายนะ

                    “มันต่างกันเว้ย ฉันรู้สึกแบบนี้กับแค่คน ๆ นี้เท่านั้น กับผู้ชายคนอื่นมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

                    ผมมุ่นคิ้วมองหน้ารอฟังต่อ แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรนอกจากรอยยิ้ม

                    ไม่นานเดี๋ยวนายก็คงเข้าใจเองล่ะมั้ง

                    หวังว่าคงจะเป็นอย่างนั้น

                   

                    บอกตามตรงผมไม่ได้สนใจวิชาประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณบนกระดานเลยสักนิด คำพูดของอากิระทำให้ผมคิดมากไม่รู้จบตั้งแต่เมื่อเช้า

                    รู้สึกแบบนี้กับแค่คน ๆ นี้เท่านั้น อย่างนั้นเหรอ ?

                    ผมเหลือบมอง คน ๆ นั้นที่ทำให้ผมมีกำลังใจมาเรียนทุกวันเมื่อก่อนหน้านี้ และมันก็เกิดคำถามมากมายพร้อมคำตอบที่ขัดแย้งกันจนชวนอารมณ์เสีย

                    เอียน ฉันจำได้ว่านายไปประเทศไทยบ่อยโทยะส่งข้อความมาที่มือถือของผม

                    ทำไม

                    “ที่ประเทศไทยมีอะไรเด่น ๆ บ้างวะ ฉันรู้แค่เรื่องอาหารไทยนิดหน่อย

                    ทำไมหมอนี่ถึงอยากรู้เรื่องแบบนี้กันนะ ครอบครัวเขากำลังจะไปเมืองไทยงั้นเหรอ ?

                    “ทะเลสวย อาหารอร่อย กรุงเทพฯ เมืองหลวงติดอันดับเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก

                    “แต๊งกิ้ว !”

                    อะไรของหมอนี่ หาเรื่องชวนคนที่ชอบคุยงั้นเหรอ ?

                    เดี๋ยวนะ !...ประเทศไทย หรือว่าจะเป็นคน ๆ นั้นกันนะที่เจ้าอากิระแอบชอบ ต้องใช่แน่ ๆ !!

                   

                    พอพักเที่ยงผมก็ถูกเขาลากปุเลง ๆ มาที่โรงอาหาร และก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้

                    “นั่งด้วยคนได้ไหมครับ ?” อากิระถามอีกสี่คนที่กำลังนั่งอยู่ โดยทั้งหมดก็พยักหน้ารับและเขยิบให้

                    ผมมองอากิระและส่ายหัว โดยตัวเขาเองไม่แสดงอาการอะไรแต่อย่างใด ส่วนคน ๆ นั้นที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเป้าหมายของเจ้าอากิระกลับลุกออกไปหลังคุยอะไรบางอย่างกับเพื่อนของเขา ผมมองอากิระที่กำลังมองตามหลังเขาไป

                    ถ้าไม่เริ่มต้นแล้วมันจะรู้ผลไหม ?” ผมกระซิบบอกโดยที่เขายิ้มตอบกลับให้พร้อมพยักหน้ารับ

                    ปกติแล้วผมไม่เคยช่วยใครในทุก ๆ เรื่อง เพราะมันไม่เกี่ยวกับผม แต่เรื่องนี้ผมคงต้องช่วยเจ้านี่สักหน่อยแล้วล่ะ

                    ผมลุกเดินตามคน ๆ นั้นไป โดยที่เขากำลังนั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนกลางโรงเรียนเหมือนทุกที ที่นี่มีคนเยอะก็จริงแต่เงียบสงบผิดกับทุก ๆ ที่ คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าที่โรงเรียนจะมีที่เงียบสงบแบบนี้ด้วย

                    จะว่าไปผมจะช่วยเขาอย่างไรดีล่ะ ? ผมเองเป็นพวกมนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยจะดีเสียด้วยสิ จะเริ่มไปคุยก่อนมันก็รู้สึกแปลก ๆ

                    ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไป เขาก็หันมองสบตาเข้ากับผมพอดี ไม่รู้ทำไมมันถึงได้รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ผมประหม่ากับแค่เรื่องทักคนที่ไม่สนิทเนี่ยนะ ไร้สาระสุด ๆ

                    นั่งด้วยคนได้ไหม ?” ผมเริ่มถามก่อนส่วนเขาก็พยักหน้ารับ

                    พอได้เห็นหน้าใกล้ ๆ แบบนี้แล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าอากิระมันถึงได้หน้าแดงทุกครั้งที่เจอ

                    ทำไมถึงมานั่งกินกลางวันคนเดียว ไม่นั่งกับเพื่อน ๆ ล่ะ ?”

                    “อ๊ะ ! นายพูดภาษาอังกฤษเก่งจัง

                    แม่ของฉันเป็นคนต่างชาติน่ะ พูดภาษาญี่ปุ่นไม่เก่งเท่าไร

                    “ที่จริงฉันก็พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งเท่าไร ภาษาญี่ปุ่นก็พูดไม่เป็น ขอโทษด้วยนะ

                    “ขอโทษทำไม ? ไม่ต้องห่วงฉันฟังรู้เรื่องน่ะ สำเนียงนายก็ฟังง่ายดี

                    สารภาพตามตรงยิ่งพอเห็นรอยยิ้มของเขา ผมยิ่งไม่แปลกใจเข้าไปใหญ่ว่าทำไมอากิระถึงได้ชอบคน ๆ นี้ได้มากมายขนาดนั้น

                    นายยังไม่ต้องคำถามฉันเลย

                    “อ๋อก็จะได้ให้เพื่อนนายคุยกับมิกะได้สะดวกขึ้นไง

                    “เพื่อนของฉัน ? อากิระน่ะเหรอ ?”

                    “ใช่ ก่อนหน้านี้ได้คุยกันก็เลยรู้สึกได้ว่าเขาชอบมิกะ เวลาเขาเจอมิกะทีไรก็หน้าแดงทุกที ก็เลยคิดว่าถ้าปล่อยให้อยู่ตามลำพังคงอาจจะทำให้กล้าคุยกันเขาตอบพร้อมดื่มชาไป พักหนึ่งเขาก็ขอตัวและลุกขึ้นเดินไปจากตรงนั้นปล่อยให้ผมนั่งงงสงสัยอยู่คนเดียวว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผมงงไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าสรุปแล้วผมเองเข้าใจผิดไปเองหรือว่าอะไรอย่างไรกันแน่

     

                    ไม่ใช่ไทสักหน่อยอากิระบอกพร้อมกอดอกมองหน้าผม ทำไมนายถึงคิดว่าฉันชอบไทล่ะ

                    ผมชะงักคำพูดขณะที่พนักงานกำลังเสิร์ฟเอสเพสโซ่บนโต๊ะ

                    “ก็นายถามเรื่องเมืองไทย ฉันก็คิดว่า…”

                    “คิดว่าฉันจะได้มีเรื่องชวนไทคุยสินะ

                    “เป็นใครเขาก็คิดแบบนั้นทั้งนั้นแหละวะ แล้วนายถามเรื่องพวกนั้นทำไม ?”

                    “ฉันจะได้หาเรื่องคุยกับมิกะไงว่าไทเคยเล่าเรื่องเมืองไทยอะไรให้ฟังบ้าง ถ้าไม่มีข้อมูลไว้บ้างฉันก็หน้าแตกน่ะสิเขาจิบกาแฟก่อนจะว่าต่อ อีกอย่างก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมิกะพูดว่าจะไปเมืองไทย ฉันก็เลยทำเป็นสนใจไปหาเรื่องคุยกับเขาก็แค่นั้น

                    ไม่คิดมาก่อนว่าหมอนี่จะคิดอะไรซับซ้อนจนไร้สาระได้ขนาดนี้

                    “ไม่ดีใจเหรอที่ไม่ใช่ไท ?”

                    “ ดีใจ ? แล้วทำไมฉันต้องดีใจด้วยวะ ?” ผมถามกลับอย่างอารมณ์เสีย

                    ก็ฉันเห็นนายชอบแอบมองเขาตลอดเลยนี่หว่า คิดว่าชอบเสียอีกอากิระหัวเราะก่อนนะจิบกาแฟและที่เราสองคนจะแยกกันกลับบ้าน

                    คอยแอบมองเขาตลอดเลยอย่างนั้นเหรอ ? จะว่าไปมันก็ใช่อยู่หรอก แต่มันไม่ได้หมายความแบบนั้นเสียหน่อย !

                    แต่ก็จริงอย่างอากิระว่า ผมเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นที่รู้ว่าอย่างน้อยคนที่เขาชอบไม่ใช่ไท

                    แล้วทำไมผมต้องรู้สึกสบายใจแบบนี้ด้วยล่ะ ! มันน่าหงุดหงิดมากเวลาที่เราไม่สามารถหาคำตอบในเรื่องบางเรื่องได้ทั้งที่มันเป็นเรื่องของเราเอง

                    ระหว่างที่รถจอดติดไฟแดงอยู่อยู่นั้นผมก็เหลือบเห็นไทกำลังเดินเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างทาง ปฏิกิริยาตอบสนองโดยที่ผมเองก็ไม่คาดฝันเหมือนกันคือสั่งให้คนขับรถของผมจอดข้างทาง และผมก็เข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต

                    คุณเอียนจะซื้ออะไรเหรอครับ ?” พลขับที่เดินตามเข้ามาด้วยถามผม

                    เปล่า แค่จะมาดูอะไรบางอย่างให้แน่ใจเฉย ๆ

                    พูดก็พูดไปแต่ตายังมองอยู่ที่เขา ดูเหมือนเขากำลังเลือกของอยู่แต่พลิกดูไปดูมา วางลงชั้นแต่ก็หยิบกลับขึ้นมาดูใหม่ ผมก็เลยเดินเข้าไปหา

                    ซื้อของเหรอ ?”

                    “อ้าว ! เจอกันอีกแล้ว

                    มันดีหรือไม่ดีกันแน่นะที่พูดว่าเจอกันอีกแล้วเนี่ย

                    ซื้ออะไร ?” ผมถามและเขาก็ยื่นถุงมันฝรั่งทอดกรอบสองถุงใหญ่ให้ดู

                    นายเคยกินไหม รสไหนมันอร่อยกว่ากัน ?”

                    “ไม่เคย แต่มันเขียนว่า อันนี้เผ็ดปานกลาง ส่วนอันนี้เผ็ดมาก ผมชี้ที่ถุงขนมและอธิบายพร้อมชี้ตัวคันจิและแปลให้เขาฟังที่ละคำ

                    ฉันก็รู้นะว่ามันเผ็ด อ่านไม่ออกแต่มีรูปพริกกับคุณยายพ้นไฟได้ขนาดนี้แสดงว่ามันก็ต้องเป็นอาการเผ็ดแน่นอน คำตอบเขาทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ ส่วนเขาเองก็ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะเลือกแบบเผ็ดมากไป

                    ว่าแต่บ้านนายอยู่แถวนี้เหรอ ?” เขาถามขณะกำลังจ่ายเงิน

                    ถ้าบอกว่าเปล่า แต่ลงรถมาเพราะเห็นนายแบบนี้มันคงฟังดูเหมือนคนโรคจิตพิลึก

                    เปล่า แค่แวะมาซื้อของ

                    เขาพยักหน้าและแกะห่อขนมและชิมอย่างตั้งใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำหน้ามุ่งมั่นขนาดนั้นด้วย และเขาก็ยิ้มร่าออกมาเหมือนเด็กที่พึ่งได้ของขวัญ

                    อร่อยสุด ๆ ไปเลย ลองชิมดูสิเขายื่นถุงขนมนั่นให้ผม ผมเองก็ไม่อยากขัดน้ำใจเลยชิมไปหนึ่งชิ้น แค่ชิ้นเดียวก็เกินพอจริง ๆ ปฏิกิริยาเราทั้งคู่ดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เขายังคงกินต่ออย่างเอร็ดอร่อย ส่วนผมเหมือนคนกำลังจะตายต้องรีบไปซื้อน้ำมากระดกตาม

                    นายกินเข้าไปได้ไงของแบบนั้น

                    “มันเผ็ดดีนะ แต่ก็อร่อยมากเลยเขายิ้มไปกินไป พอเขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือผมก็ทำหน้าตกใจ

                    ฉันมีเรียนภาษาญี่ปุ่นต่อ ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะ

                    เขาโบกมือให้ก่อนจะเดินจ้ำไปตามทางบาทวิถี ส่วนผมก็เดินกลับขึ้นรถไป

                    โทชิ นายจำหน้าเด็กคนนั้นได้ไหม ?” ผมถามคนขับรถของผม

                    ได้ครับ

                    “ต่อไปนี้นายกับชินยะตามเฝ้าดูเขาทุกวัน เข้าใจไหม?”

                    “รับทราบครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×