ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hourglass นับถอยหลังพรรัก นาฬิกาทราย

    ลำดับตอนที่ #4 : วายุ

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 59


    บทที่ 3

    วายุ

    ที่โรงพยาบาล

                    เอ่อ นาย...

    เดี๋ยวฉันออกไปรอข้างนอกแล้วกัน ตามสบายเถอะ ปรินซ์เดินออกจากห้องไปโดยที่ฉันยังไม่ทันพูดบอกให้เข้า

    ออกไปจบดีด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะ ปรินซ์ออกไปก็ถือว่าดีแล้ว

                    ฉันลากเก้าอี้ข้างเตียงมานั่ง ใบหน้าที่เคยซีดเซียวตรงหน้า ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนที่จะเข้ามาเยี่ยม หมอบอกว่าวายุอาการดีขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ นับว่าเป็นเรื่องดีหนึ่งเรื่องในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา นับว่าเป็นเวลาที่ไม่ได้นานมากอะไร แต่สำหรับฉัน การอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีใครเลยซักคน มันนานเหมือนเป็นปีเชียวล่ะ

                    ฉันเอื้อมมือตัวเองไปกุมไว้ที่มือของวายุ ก่อนจะเอามาแนบที่แก้มของตัวเอง ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงมาเงียบๆ

    อื้ม~”

    เสียงปริศนาดังขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงของฉัน มือที่เคยกุมอยู่ ปาดน้ำใสๆ ออกจากหน่อยตาอย่างรวดเร็ว ปลายนิ้ว

    ของคนที่นอนอยู่บนเตียงกระดิกเพียงเล็กน้อย แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง

    นาลิน...

    ... ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปาก ฉันสวมกอดคนตรงหน้าทันที น้ำตาที่ปาดออกเมื่อครู่พากันไหลออกมาอีกรอบ

    ความรู้สึกดีใจผสมปะปนกันอยู่ในอก ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้เพียงตัวหนังสือ

    ฉันนึกว่า ตัวเองจะต้องเห็นนายนอนเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอดซะอีก

    ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วนี่ไง น้ำเสียงอ่อนโยนดังเดิมทำให้ฉันอดไม่ได้ที่ยิ้มออกมา เพราะมันคือเสียงที่ฉันรักมากที่สุด เฮ้!

    ฉันฟื้นแล้วนะ อย่าขี้แยนักสิ

    เปล่าซักหน่อย ...น้ำตามันไหลลงมาเองต่างหาก คำพูดติดตลกของฉันทำให้เราสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะระเบิด

    เสียงหัวเราะออกมาในที่สุด

                    เสียงหัวเราะที่ไม่เคยหลุดลอดออกมาจากปากฉันเลยซักครั้งนับตั้งแต่วันนั้น... วันที่รถคันนั้นพุ่งชนเข้ามาที่เขาอย่างแรงจนทำให้เขาหลับไหลกลายเป็นเจ้าชายนิทรา... รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ทุกอย่างหายไปจากเขา เหลือเพียงแค่ร่างที่มีลมหายใจเท่านั้น แต่ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วสินะ วันที่เขาลุกขึ้นมายิ้มให้กับฉัน

    วายุ..

    หืม

    นายมันใจร้ายที่สุด... นายปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวตั้งเป็นอาทิตย์ได้ยังไง

    ...

    รู้อะไรมั้ย ว่าการกลับบ้านคนเดียว กินข้าวคนเดียว มองพระอาทิตย์ตกคนเดียวเหมือนคนบ้า...

    ยัยเด็กบ้า... ทำไมขี้แยอย่างนี้นะ น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องถูกมือใหญ่คนวายุปาดมันออกอีกครั้ง เป็นอย่างนี้

    เสมอ เขาไม่อยากให้ฉันร้องไห้ และมักจะปลอบโยนฉันด้วยคำพูดตลกๆ ไม่ก็การยีหัวฉันจนฟู ตามด้วยการล้อเลียนฉันสารพัด

    ยังอีก นี่น้ำตาหรือน้ำประปาเนี่ย ไหลไม่หยุดเลย -*-

    ล้อฉันอีกแล้วนะ ชิส์ ฉันปาดฉันตาออกลวกๆ ก่อนจะเอามือมากอดอก เชิดหน้า ...ใช่! ฉันรู้ มันตลกและดู

    ปัญญาอ่อนมาก เมื่อคนที่ร้องไห้จนตาบวม มานั่งทำหน้าเบ้กอดอกเชิดหน้า เพียงเพื่อหวังให้คนป่วยที่นอนอยู่ตอนนี้หันมาสนใจและง้อเราด้วยคำพูดน่ารักๆ นั่นซักที

                    ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าคำพูดน่ารักๆ นั่น คงไม่หลุดออกจากปากเขาคนนี้เป็นแน่ -_-^

    อย่าคิดว่าไอ้ท่าทางปัญญาอ่อนนั่นจะทำให้ฉันง้อเธอเหมือนในซี่รี่เกาหลีที่เธอดูนะ วายุผลักหัวที่ฉันกำลังเชิดอยู่จน

    คอแทบหมุน บอกแล้ว...หมอนี่ไม่เคยง้อด้วยคำพูดที่ฉันอยากได้ยินหรอก

                    ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับวายุ จะว่าไปคนนอกที่เห็นเราสองคนมักจะชอบคิดว่าเราเป็นพี่น้องไม่ก็ญาติกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า... เราอยู่บ้านเดียวกัน และเค้าดูมีวุฒิภาวะมากกว่าฉัน ซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอก วายุอยู่ปีสาม ต่างจากฉันที่อยู่ ม.6 ยังไงเขาก็ต้องมีวุฒิภาวะมากกว่าอยู่แล้ว

                    วายุคือลูกของเพื่อนพ่อฉัน ตอนที่พ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ ท่านทั้งสองมักจะไปมาหาสู่กันบ่อยๆ พลอยให้ฉัน ที่มักจะถูกหนีบไปไหนมาไหนด้วยได้รู้จักกับวายุเข้าไปอีก

                    และด้วยความที่เรามักจะเจอกันบ่อย ทำให้ทั้งฉันและวายุจึง สนิทสนม กันเป็นพิเศษ จนกระทั่งวันที่พ่อของฉันเสียชีวิตลง พ่อของวายุเลยฝากฝังให้ลูกชายอย่างวายุ มาคอยอยู่ดูแลฉัน

                    อย่างที่บอก เราไม่ใช่พี่น้องกัน แต่... ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่าง เรา ตอนนี้ ควรอยู่ ณ จุดไหน อาจจะใช่ ที่ฉันรู้อยู่แล้วว่าเราสองคน มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน แต่เพราะไม่เราไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว รวมทั้งเรื่องอุบัติเหตุนั่น ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนจะต้องค้างคาไว้แบบนี้...

    คิดอะไรอยู่เหรอ

    ...

    ...

    ฉันอยากรู้... ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราอยู่ที่จุดไหนกันแน่ ราวกับความคิดทุกอย่างไหลมาจุกอยู่ที่ลำคอ ทำให้ฉัน

    เผลอถามออกไปอย่างนั้น และดูเหมือนคำถามนี้จะทำให้วายุเงียบไปซักพัก ที่ผ่านมา แม้ฉันจะคิดว่านายก็คิดเหมือนกัน เพียงแต่... นายไม่เคยยืนยันเลยซักครั้ง

                    ฉันปล่อยให้ทุกคำถามในความคิด ไหลเวียนลงมาเป็นคำพูด ดวงตาทั้งสองข้างที่ประสานอยู่ในแววตาของเขาอย่างจริงจัง

    ฉันเคยคิดว่าตัวเองแสดงให้เธอรู้หมดแล้วนาลิน ว่าฉันคิดยังไง...

    ...

    แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่ชัดเจนสินะ... นัยน์ตาสีสวยของคนตรงหน้าเป็นประกาย ก่อนที่ริฝีปากจะฉีกยิ้มน้อยๆมาให้

    งั้นฉันจะตอบเธอตอนนี้เลยแล้วกัน J

                    จบประโยคของวายุ ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ พร้อมๆกับใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าลอยเข้ามาใกล้ ฉันหลับตาทั้งสองข้างรับสัมผัสอ่อนหวานบนจุมพิต ที่วายุมอบให้ ราวกับมีคำพูดมากมายถูกส่งมาให้ฉันผ่านริมฝีปากหยักได้รูปนั่น

    ฉันรักเธอ นาลิน....

     

    ที่สวนสาธารณะ

                    แฮกกกก! ๆ เหนื่อยชะมัด >,<

                    หลังจากที่เมื่อวานเรา เอ่อ... จูบกัน เราก็คุยกันแล้วว่าความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้ อยู่ในสถานะที่เรียกว่า คนรัก หรือ แฟน นั่นเอง วันนี้เป็นวันที่หมออนุญาตให้วายุออกจากโรงพยาบาลได้เลย เพราะเขาดูปกติราวกับไม่เคยป่วยอย่างที่ควรจะเป็นเลยซักนิด หมอบอกว่าว่าที่เขาสามารถพักฟื้นได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน อาจเป็นเพราะวายุได้กำลังใจที่ดี และระยะเวลาที่เขาเป็นเจ้าชายนิทรานั้น เพียงไม่กี่วัน ทำให้ระบบอวัยวะต่างๆ ยังคงทำงานได้ในระดับดีเยี่ยม

                    แต่ไม่แน่ ว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะ พร นั่นก็ได้...

    เฮ้! ช้าเป็นเต่าอยู่ได้ เดี๋ยวก็หลงกันขึ้นมาก็หาทางออกไม่เจอหรอก วายุพูด ขณะที่กำลงวิเคราะห์เส้นทางของเขา

    วงกตในสวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ วายุบอกว่าจะพาฉันมาเที่ยว และหวังว่าที่นี่จะเป็น เดทแรก ของเรา

    แต่ให้ตายเถอะ! ไม่คิดเลยว่าคนที่กำลังบ่นให้ฉันอยู่ จะทำวิมารอากาศน้อยๆ ของฉันพังครืนลงมาอย่างไม่ปราณี แทนที่เดทแรก จะเป็นอะไรที่โรแมนติกอย่าง ดูหนัง หรือเดินชมชายหาดท่ามกลางพระอาทิตย์ตกอะไรเทือกนี้

    แต่นี่อะไร... วิ่งในเขาวงกตที่สวนสาธารณะแถวบ้านเนี่ยนะ L

    รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ฉันเกลียดและกลัวนอกจากผีและบรรดาสัตย์เลื้อยคลานอื่นๆ อีกแล้ว ยังมีการออกกำลังกาย... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวิ่งท่ามกลางแดดในตอนเช้า ที่นอกจากจะทำให้ร่างกายรับวิตามินแล้ว ยังอาจจะทำให้ผิวของฉันเสียอย่างไม่น่าให้อภัยอีกด้วย

    โอเค ฉันยอมรับก็ได้ว่าตัวเองเป็นคนรักสวยรักงานหน่อยๆ แต่ฉันก็ไม่ถึงกับเจียดเงินเก็บในบัญชีที่มีเพียงน้อยนิดออกมาซื้อครีมราคาแพงหูฉี่อะไรขนาดนั้นหรอกนะ ...จะมีก็แค่การบำรุงเล็กๆ น้อยๆ จากครีมกันแดด หรือโลชั่นบำรุงผิวธรรมดาๆ เท่านั้นแหละ

    ยังอีก ไม่เห็นรึไงว่าแฟนยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้น่ะ จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ยห๊ะยัยขาสั้น -*-

    โอวววว! เจ็บปวดกับคำด่าอย่างรุนแรง >[]<

    ฉันทำหน้ามุ่ยใส่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของตัวเอง ก่อนจะสาวเท้า (สั้นๆ) ของตัวเองไปหาวายุ แต่ดูเหมือนการลาก

    สังขารเดินไปของฉันจะไม่ทันใจเขาเท่าไหร่นัก วายุจึงเดินมาที่ฉัน และ...

    ...!!!

    ช้อนตัวฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งนั้น

    นั่นเท่ากับว่าตอนนี้... เขากำลังอุ้มฉัน!!

    ชาตินี้ไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่เอาแต่แกล้งฉันไปวันๆ อย่างวายุ จะช้อนตัวฉันขึ้นไปอุ้มได้ ให้ตายเถอะ... กลิ่นน้ำหอม

    อ่อนๆ ที่เขาใช้กำลังทำให้ฉันเริ่มจะรู้สึกปั่นป่วนจนหัวใจที่กำลังเต้นตึกตักๆ มันแทบจะทะลุออกมานอกอกอยู่แล้วววววว  

    ฉันว่าหัวใจเธอเต้นแรง มากกว่าปกติมากเลยนะ

    กรี๊ดดดดด! ถ้าไม่ติดว่าโดนอุ้มอยู่จะไปตะกุยหน้าซะให้เข็ด รอยยิ้มล้อเลียนที่ส่งมาให้ในระยะที่ใบหน้าของเราอยู่ใกล้

    กันมาก ทำให้ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวออกมาราวกับมีใครมาทอดอะไรไว้บนหน้ายังไงอย่างนั้น

     

    ระหว่างที่คู่ชายหญิงคนสองคนกำลังอยู่ในวังวนของความรัก ใครคนนึง เดินออกมาจากมุมมืดของเขาวงกต สายตาที่ฉายแววเย็นชาคู่นี้จดจ่ออยู่ที่คนในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ที่เดินทิ้งระยะห่างโดยไม่รู้เลยว่า ระหว่างเขาและเธอ ยังมี เขา อีกคนที่สะกดรอยตามเขาอยู่

                    มีคนเคยบอกกับเขาว่า... ผู้ที่มีความรัก ย่อมยอมทำทุกอย่างและปรารถนาให้คนรักของตน อยู่ข้างกายไปจนนิรันด์ บัดนี้เขาได้รู้แล้ว ว่าคำพูดนี้เป็นความจริงอย่างไม่มีข้อกังขา

                    และนอกเหนือจากคำพูดนั่น ทำให้เขารู้อีกว่า ความรัก มีอณุภาคมาพอที่จะทำให้ ใครคนนึงยอมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้อีกคน ซึ่งเป็นคนรักของตน อยู่ข้างกาย แม้ว่าคำขอนั้นอาจต้องแลกด้วย ชีวิต ในเวลาถัดมา...

                    และเขาก็เป็นอีกคน ที่มีความปรารถนาอยากให้คนที่เขารัก อยู่เคียงข้างกาย เขายอมทำทุกอย่าง ไม่เว้นแม่แต่การหลังให้กับศีลธรรม ยอมให้ตัวเองแปดเปื้อนด้วยการทำบาปที่ร้ายแรงอย่างไม่สมควรได้รับการอภัย

                    ...นั่นเพียงเพราะเพื่อแลกกับความปรารถนาที่จะได้อยู่เคียงข้างกับคนที่เขารักมากที่สุด... ให้นานที่สุด หรืออาจจะเป็นชั่วนิรันด์ ยังไงก็ได้

                    แม้ว่าสิ่งที่เขาทำจะเลือดเย็นเพียงใด... เขาพร้อมที่จะทำ!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×