ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hourglass นับถอยหลังพรรัก นาฬิกาทราย

    ลำดับตอนที่ #1 : The Hourglass

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 59


    บทที่ 1

    The  Hourglass

     

    นาลิน!

    เสียงทุ้มนุ่นที่ฉันรู้สึกคุ้นหูเรียกชื่อของฉันดังขึ้น  แต่คงเพราะเสียงรถที่สัญจรผ่านไปมา ทำให้เสียงนั้นเหมือนเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน

    นาลินนนนนน!”

    เสียงเดิมยังคงดังขึ้นอีกครั้ง ฉันหันซ้ายรีขวาตามต้นเสียงแต่ก็พบเพียงคนที่มารอรถเมล์แถวนี้เท่านั้น ฉันสะบัดหัวเรียกสติตัวเอง เอาเถอะ! บางทีวันนี้ฉันอาจจะเรียนหนักเลยเบลอจนหูฝาดก็เป็นได้

     

    ~

     

    เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากระโปรงของฉันดังขึ้น หน้าจอปรากฏรูปและชื่อของคนที่โทรเข้ามา ฉันกดรับทันทีที่รู้ว่าคนที่โทรมาเป็นเขา เขา

     “ฮัลโหล! นายอยู่ไหน ฉันรอนายมานานมากแล้วนะ ไหนบอกวันนี้จะกลับบ้านด้วยกันไง บลาๆๆ ฉันกรอกเสียงบ่นยาวเหยียดประดุจดั่งกำแพงเมืองจีน เรียกเสียงถอนหายใจจากปลายสายได้อย่างดีเยี่ยม

    [ฉันอยู่นี่...]

    ว่าไงนะ ประโยคแปลกๆที่ปลายสายกรอกลงมาทำให้คิ้วของฉันขมวดกันจนเป็นเปีย (ยิ่งกว่าปมอีกนะ) แล้วตกลงนี่นายอยู่ไหน

    [หันมาข้างหน้า]

    ห๊ะ ตามด้วยประโยคสั้นๆกะทัดรัดฉบับพกพาอีกตามเคย โอเค ฉันยอมแพ้ เมื่อกี้เขาพูดว่าไงนะ ให้ฉันหันไปข้างหน้าใช่รึเปล่า งั้นก็...

    ทันทีที่ฉันหันขวับไปหน้าของตัวเอง ก็พบกับร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทที่กับลังส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ฉัน เขายืนอยู่อีกฝั่งนึงของถนน งั้นก็แสดงว่าเสียงเมื่อกี้เป็นเขาเองสินะ

    [เห็นซักทีสินะ] เขาลดโทรศัพท์ที่แนบหูลงก่อนจะกดตัดสาย

    ฉันแกล้งทำหน้ามุ่ยให้เขา ทั้งที่ในใจนั้นยิ้มแก้มแทบปริ และเมื่อเห็นฉันหน้ามุ่ย เขาก็ทำหน้าทะเล้นพร้อมกับชูกล่องของขวัญใบเล็กๆในมือแล้วเดินข้ามถนนมาที่ฉัน

    ปี๊นนนนนน!

                    พลันเสียงบีบแตรดังแสบแก้วหู ก่อนจะตามมาด้วยรถยนต์คันหรูที่แล่นมาด้วยความเร็ว เพียงเสี้ยววินาทีรถยนต์คันนั้นพุ่งเข้าชนกับเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทที่กำลังยิ้มให้กับฉัน

                    ตุบ!

                    กล่องของขวัญใบเล็กนั่นร่วงลงสู่พื้น พร้อมๆกับร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทที่กำลังยิ้มให้ฉัน เวลาเพียงเสี้ยวนาที แต่กลับเนิ่นนานราวกับมันถูกหยุดเอาไว้

                    ...รวมทั้งหัวใจของฉัน

    วายุ!!!!!

     

    กรี๊ดดดดดด!

    เฮือก! ฉันดีดตัวเองขึ้นจากเก้าอี้บราที่ตัวเองนั่งฟุบหลับอยู่ รอบๆตัวเป็นเพื่อนในห้องที่ถูกชวนมางานปาร์ตี้วันเกิดของลิซ่า คุณหนูไฮโซเส้นใหญ่ที่ไม่ค่อยถูกกับฉัน สายตานับสิบคู่หรืออาจมากกว่านั้นมองมาที่ฉันฉายแววไม่พอใจทั้งสิ้น

    ฉันยกมือกล่าวขอโทษขอโพยยกใหญ่ กว่าที่ทุกคนจะเลิกมองมาแล้วหันไปให้ความสนใจกับการจับฉลากของขวัญ หนึ่งในแพลนงานวันเกิดของลิซ่า

    เฮ้ออออ!

    ฉันถอนหายใจยาวๆ ไล่คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากปอด เพียงหวังว่าภาพฝันเดิมๆ ที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ภาพของเจ้าของรอยยิ้มที่ยิ้มให้ฉัน ก่อนที่จะมีรถยนต์คันหรูคันนั้นพุ่งเข้าชนเขา ภาพที่เป็นฝันร้าย

    ...ทว่ามาจากความจริง

    “Happy Birthday to…you~”

    เสียงเพลงวันเกิดจบตามด้วยเสียงปรบมือแสดงความยินดีของเพื่อนๆ ที่มอบให้กับเจ้าของงานอย่างลิซ่า ไฟทุกดวงสว่างขึ้นอีกครั้ง ฉันเห็นเจ้าหล่อนระบายยิ้มออกมากับคำอวยพรของเพื่อนๆ

    ฉันขอตัวก่อนนะ ฉันหันไปพูดกับใครซักคนที่ยืนดื่มอะไรอยู่แถวนั้น ซึ่งก็ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจคำพูดหรืออะไรเลยยกเว้นแอลกอฮอล์ตรงหน้า โอเค ฉันไม่ได้หวังว่าจะมีใครมาฟังคำพูดฉันอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ที่ๆ ฉันควรจะไปได้แล้ว

    ไปที่ๆ เขา อยู่

     

    ที่โรงพยาบาล

                    กลิ่นยาลอยโชยเข้าจมูก ทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นมาบีบดั้งตัวเองกันกลิ่นฉุนพวกนั้น รอบตัวเหลือเพียงเก้าอี้ว่างเปล่ากับพยาบาลที่เข้าเวรอยู่เท่านั้น ก็สมควรหรอกนะ ที่มันก็เกือบๆเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว จะมีใครอยู่กันล่ะตอนนี้

                    ฉันแหงนมองรายชื่อที่ถูกแปะอยู่บนประตู ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่ง ชื่อที่ถูกแปะอยู่หน้าห้องเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าห้องนี้คือห้องของคนที่ฉันกำลังจะเข้าไปเยี่ยม บานประตูถูกฉันผลักเข้าไป ด้านในมีร่างของใครคนนึงกำลังนอนนิ่งอยู่ที่เตียง

                    ร่างที่คล้ายกำลังนอนหลับ ทั้งที่ความจริงนี่ก็อาทิตย์นึงแล้ว ที่ฉันยังไม่ได้เห็นดวงตาสีนิลดำภายใต้เปลือกตาคู่นั้นปรือขึ้นมา

                    อยากจะหลอกตัวเองว่าเขาเพียงแค่หลับไป และอีกไม่นานเขาก็จะตื่นขึ้นมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง รอยยิ้มที่ฉันจะต้อง

    หัวใจเต้นแรงเสมอที่ได้เห็น รู้ทั้งรู้ว่าแม้ฉันจะหลอกตัวเองยังไง เขาก็ยังคงนอนนิ่งเหมือนเดิมไม่ต่างจากผักปลาที่ทำได้เพียงหายใจ และรับอาหารจากทางสายยางเท่านั้น

                    เพราะเขากลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว...

                    มือเรียวของฉันเอื้อมไปสัมผัสที่ใบหน้าเขาอย่างเบามือ ปัดผมที่ปกหน้าของเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาทว่าซีดเซียวนั่น

     วายุ...ฉันมาเยี่ยมนายนะ ฉันยิ้มให้กับร่างของเขา ยิ้มเพื่อฝืนไม่ให้น้ำใสๆที่คลอหน่วยตานั้นไหลลงมา เพราะเขาเคยบอกว่าเขาไม่ชอบที่ฉันร้องไห้ แต่วินาทีนี้ วินาทีที่ฉันเห็นใบหน้าซีดเซียวของเขา ฉันไม่สามารถห้ามมันได้อีกแล้ว น้ำตาที่คลออยู่ไหลพรั่งพรูลงมาราวเขื่อนแตก ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมาปลอบฉันเหมือนอย่างที่นายเคยทำ...ได้มั้ย

    ลุกขึ้นมาสิ! ลุกขึ้นมา!!! ...ฮึก!” ฉันพูดออกมาเสียงดังจนรู้สึกเจ็บที่หน้าอก มือเล็กๆทั้งสองข้างเขย่าตัวคนที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

    ลุกขึ้นมายิ้มให้ฉันอีกซักครั้ง...

    ...

    ...ได้โปรด

    ฉันยังคงพูดอยู่เพียงคนเดียวต่อไป มือที่เคยเขย่าตัวเขาถูกยกขึ้นมาปิดหน้าเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้แทน ไม่มีวี่แววเลยว่าคนตรงหน้าจะลุกขึ้นมายิ้มให้ฉันตามที่ขอ รอบข้างมีเพียงเสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจเท่านั้นที่ยังคงดังแข่งกับเสียงสะอื้นของฉัน

    ...

     

    16.05 Am

                    เสียงคุยกันจากเพื่อนร่วมห้องที่ดังจนไม่รู้ว่าพวกเขาจะคุยกันจบเมื่อไหร่  และเรื่องที่พวกเขาพูดกัน ก็คงไม่พ้นเรื่องเมื่อวานสินะ

                    ...ปาร์ตี้วันเกิดของลิซ่า

                    ฉันหาวออกมาเป็นรอบที่ยี่สิบ เอ...หรือยี่สิบเอ็ดกันนะ เอาเป็นว่ายี่สิบกว่ารอบแล้วกันง่ายดี ตั้งแต่เมื่อคืนที่ฉันไปเยี่ยมวายุที่โรงพยาบาล เชื่อเถอะว่าฉันยังไม่ได้นอนเป็นจริงเป็นจังเลยซักนิด อย่างมากก็แค่งีบหลับในชั่วโมงของครูคนต่างๆ มันคนฟังดูอนาถจิตมากเลยใช่มั้ย

                    แน่นอน มันดูอนาถมากจริงๆ แหละ -_-^

    ตาม็็

                    นาลิน

                    เสียงใสดังขึ้นปลุกฉันออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง  ฉันขยี้ตาให้ตาตัวเองปรือขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะมองเพื่อนร่วมห้องอีกคนของฉัน  เธอมองฉันพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญมาให้ ของฉันหรอ...

    อืม เมื่อวานเธอกลับก่อน เลยไม่ได้อยู่รับของขวัญจากที่งาน  ฉันก็เลยเก็บมาให้น่ะ

    ขอบใจนะ

    “^^”

    เธอยิ้มน้อยๆให้ฉันก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง  ฉันหันกลับมามองกล่องของขวัญในมือตัวเองอีกครั้ง กล่องของขวัญทรงสูงสีแดง ถูกผูกโบว์สีทองที่เข้ากันอย่างลงตัว เดาไม่ออกเลยว่าของข้างในนี้จะราคาแพงขนาดไหน

    ฉันลงมือแกะปมโบว์ออก  แล้วจึงเปิดฝากล่องออกอย่างช้าๆ นาฬิกาทรายที่ถูกบรรจุอยู่ในกล่องดูสวยงามประณีต เม็ดทรายที่อยู่ข้างในแก้ว ไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วง  ฉันจ้องมองมันอย่างเลื่อนลอยก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับการ์ดใบหนึ่งที่ถูกวางเสียบไว้ข้างกล่อง

    ฉันหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่าน...

     

    เธอคือคนที่ฉันเลือก

    ขอพรกับฉันสิ 

    ไม่ว่าสิ่งที่เธอขอจะเป็นอะไรฉันจะทำให้มันเป็นจริง...

     

     

    ซ่า!~~~

                    ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ่านข้อความในการ์ดจบดี  น้ำแก้วโตของใครคนนึงก็ถูกเทลงมาใส่ฉันเต็มๆ  เป็นผลให้ลายมือตัวบรรจงในการ์ดเลอะเป็นแถบจนอ่านไม่ออก  ฉันเก็บการ์ดที่ว่านั้นลงในกระเป๋าของตัวเอง  ก่อนจะหันไปหาเจ้าของน้ำแก้วโตนี่

                    ...ยัยนี่อีกแล้วงั้นเหรอ

                    ลิซ่า  นักเรียนแลกเปลี่ยนที่มีเส้นสายเป็นถึงหลานผู้อำนวยการโรงเรียนไฮโซนี่ อันที่จริงเธอคือเจ้าของวันเกิดคน

    เมื่อวานด้วยนั่นแหละ เธอมองฉันเหยียดๆ ก่อนจะส่งแก้วน้ำเปล่าๆไปให้เพื่อนของหล่อนอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง  วันก่อนเพิ่งโดนชวนไปงานปาร์ตี้วันเกิด พอมาวันนี้โดนราดน้ำซะงั้น

                    มีอะไร -_-” ฉันถามออกไปด้วยใบหน้าราบเรียบ เพื่อนให้ห้องเห็นสถานการณ์ไม่ดีเลยรีบอพยพกันไปกองอยู่หลังห้อง

                    ...เป็นเพื่อนที่ดีมากเลย ว่ามั้ย

    วันนี้ฉันคงไม่ได้คิดจะมีเรื่อง ถ้าเธอเอานาฬิกาทรายนั่นมาให้ฉัน น้ำเสียงและแววตาสบายๆ นั่นทำให้ฉันเกือบจะเชื่อว่ายัยลิซ่าไม่ได้คิดจะมามีเรื่องจริง ถ้าไม่ติดว่าเมื่อกี้หล่อนเพิ่งราดน้ำแก้วโตนั่นใส่ฉันน่ะนะ

    ว่าแต่เมื่อกี้ยัยนี่บอกว่าอะไรนะ ให้ฉันเอานาฬิกาทรายให้ยัยนี่ไป ใช่รึเปล่า   

    ...

    ฉันบอกให้เอานาฬิกาทรายมาให้ฉัน!!

    อ่า...ย้ำขนาดนี้ คงใช่สินะ

    แล้วทำไมฉันต้องให้นาฬิกาทรายเธอด้วย

    เพราะว่ามันเป็นของแฟนฉัน!!”

    ลิซ่าทำท่าจะมาแย่งนาฬิกาทรายบนโต๊ะฉัน  แต่ฉันที่อยู่ใกล้กว่าคว้าไว้ก่อน  ทำให้เธอได้เพียงอากาศแถวนั้นแทน  ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้อยากจะได้มันซักเท่าไหร่  แต่มันก็สวยดี  แล้วใครจะยอมยกของสวยๆแบบนี้ให้คนอื่นล่ะ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งราดน้ำใส่เราแบบนี้...คุณว่าจริงมั้ย J

     ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันจะเป็นของแฟนเธอหรือว่าแฟนของใคร แต่ตอนนี้มันเป็นของฉัน และฉันก็ไม่คิดจะยกให้เธอด้วย ...เสียใจด้วยนะฉันพูดออกไปอย่างไม่สะทบสะท้าน และนั่นยิ่งทำให้ลิซ่ากำมือตัวเองแน่น ราวกับว่าฉันอยู่ในกำมือนั่น และเธอจะบีบฉันให้แหลกละเอียดเป็นผงทรายที่อยู่ในนาฬิกาทรายใบนี้ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...ขอตัวนะ

    แก!...

    หล่อนแผดเสียงดันสนั่นยิ่งกว่านางร้ายในละครหลังข่าว ฉันรีบเดินจ้ำอ้าวหลบรัศมีเสียงเป็นพิษนั่นแทบจะทันที

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×