ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พราวดาวดั่งฝัน

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 58


    ตอนที่   7

    หมอวาฬได้ยินเสียงแก้วแตกผลักประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย ทั้งที่เขย่าบานประตูอยู่นาน

                    เขายืนสีหน้างวยงงมองประตูที่ไม่ได้ล็อคอย่างฉงนแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ตามหาหล่อนในห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น  จนมาเจอหล่อนในห้องครัว

                    พราวดาวนอนอยู่ข้างจระเข้  

                    เขารีบช้อนตัวหล่อนอุ้มขึ้นกระชับอก เดินไปห้องรับแขกวางหล่อนไว้บนโซฟาหวายเบาะนุ่นสีหวานลวดลายดอกลีลาวดี  เขาตรวจดูอาการหล่อนเบื้องต้นเห็นว่าเป็นลมไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่

                    เขาจึงผละไปดูจระเข้อาการน่าจะเพียบหนักมากกว่า

                    “ยาวไม่ถึงเมตร  ยังไม่โตเต็มวัย มันยังเป็นลูกจระเข้อยู่เลย  มีบาดแผลลึกเหมือนโดนของมีคมทิ่มบริเวณหน้าท้องลึกจนทำให้แผลอับเสก  ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้มันอาจจะไม่รอดชีวิต” เขาพูดจับตัวมันพลิกไปมา

                    หมอวาฬรีบไปเอากล่องอุปกรณ์ที่ท้ายรถที่มักติดรถไปทุกหนทุกแห่ง แล้วรีบกลับมาทำความสะอาดใช้แอลกอฮอล์เช็ดบนแผล

                    “แผลลึกมากฉันคงต้องเอาแกกลับไปโรงพยาบาลเย็บแผลก่อน”เขาพูดขณะฉีดยาปฏิชีวนะให้

                    จนลืมไปว่ายังมีหล่อนนอนสลบไสวอยู่บนโซฟานุ่ม

                    พราวดาวเปรยตาขึ้น  ปวดตุ้บๆตรงขมับ ตอนล้มหัวคงไปฟาดกับขอบตู้เย็น หล่อนยังรู้สึกมึนศีรษะจนตาพร่ามัวเห็นดาวระยิบระยับกลางอากาศ 

                    เพียงชั่วครู่  หล่อนก็มองเห็นชัดขึ้น   หมอวาฬนั่งคุกเข่าอยู่ข้างจระเข้ 

                    พราวดาวน้อยใจขึ้นมาทันที  หล่อนป่วยนอนอยู่ตรงนี่ กับไปสนใจจระเข้มากกว่า เหมือนกับหมอนิธิไม่มีผิดเห็นงานดีกว่าหล่อนเสมอ  แล้วเขาเข้ามาในบ้านของหล่อนได้อย่างไร พอนึกขึ้นได้ หล่อนก็ลุกขึ้นมาโว้ยวาย

                    “นี่  นายเข้ามาในบ้านของฉันได้ไง ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี่”

                    “ใจเย็นๆสิคุณ ผมได้ยินเสียงคุณร้อง  ผมก็รีบเข้ามาช่วยคุณ ก็เห็นคุณนอนสลบไสวอยู่ข้างๆจระเข้”

                    “ข้างๆจระเข้เหรอ” พราวดาวอุทานตาค้างตัวอ่อนระทวยเป็นลมล้มพับไปอีก  

    เขารีบเข้าไปประคองร่างบอบบางให้นอนลงบนโซฟาอีก    เขาผละไปริมน้ำในตู้เย็นมาให้ดื่ม  มือสั่นนิดหน่อยไม่เคยพยาบาลคน เจอแต่ในกรณีของสัตว์

                    พราวดาวดื่มอย่างกระหายรวดเดียวจนหมดแก้ว

                    “ค่อยๆสิคุณ เดี๋ยวก็สำลักน้ำหรอก” หมอวาฬเตือนแล้วใช้มือช่วยคอยประคองแก้วน้ำ

                    “ฉันไม่เป็นไร  เชิญคุณออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว” หล่อนชักสีหน้าเอ่ยปากไล่

                    หมอวาฬสีหน้าเหวอโดนหล่อนไล่ซึ่งๆหน้า

                    เขากลับไม่ใส่ใจคำพูดของหล่อน  เดินไปหยิบแก้วบนตู้เย็น รินน้ำใสแก้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

                    “เอ๊ะ คุณถือวิสาสะอะไรมาดื่มน้ำของฉัน” หล่อนเริ่มพาส

                    “ผมจะออกไปก็ได้ แต่จระเข้ผมไม่เอาไปด้วย เชิญคุณจัดการเอาเองก็แล้วกัน”

                    “ได้ไงก็คุณเป็นหมอต้องช่วยมันให้ตลอดรอดฝั่งสิ    ไม่ใช่ปล่อยให้มันตายอยู่ในบ้านของฉันอย่างนี้”

                    “คุณพูดถูก มันอยู่ในบ้านของคุณ”

                    “แล้วไง”

                    “คนที่รับผิดชอบก็ต้องเป็นคุณไม่ใช่ผม” เขาเสียงเข้ม

                    “ไหงโบ้ยมาให้ฉันดื้อๆละ คุณเป็นหมอภาษาอะไร”

                    “ผมเป็นหมอก็จริง  แต่สัตว์ที่อยู่ในบ้านของคุณ  แสดงว่าคุณเป็นเจ้าของแล้ว”

                    “ฉันจะเป็นเจ้าของมันได้อย่างไรค่ะ  มันมาจากไหน ฉันยังไม่รู้เลย” หล่อนพูดสั่นหน้า

                    “ไม่รู้ล่ะ ถ้าให้ผมรักษาก็ต้องคิดเงิน แล้วคุณจะต้องเป็นคนพามันไปที่โรงพยาบาลผมเอง”

                    “หน้าเลือด ใจร้าย”

                    “อ่ะ  ต้องรีบรักษา  ผมตรวจดูอาการของมันเมื่อกี้แล้ว  มันมีบาดแผลเหมือนโดนของมีคมแทง  แผลลึกมากด้วย ตอนนี้ผมแค่ล้างแผลให้มัน ถ้าปล่อยไว้ ไม่ฉีดยาปฏิชีวนะ มีหวังน้องเข้ของคุณไม่รอดแน่” หมอวาฬพูดแกมขู่

                    “แต่ฉันตกงานคุณก็รู้”

                    “ขอเสนอเหมือนเดิม ก็มาทำงานกับผมสิครับ”

                    “ไม่ ที่ฉันทำไปก็เพราะเห็นแก่จันทร์เจ้าที่ถูกคุณบังคับ”

                    “แล้วไง พอคุณได้ยินว่าผมกำลังจะไปช่วยช้าง คุณก็วิ่งแจ้นขึ้นรถผมโดยที่ไม่มีใครบังคับขู่เข็ญงั้นหรือ”

                    “ใช่  ที่ฉันทำไปก็เห็นแต่น้องช้างด้วย คือว่า....ฉันรักช้าง  แต่จะให้ฉันทำตลอดไปคงเป็นไปไม่ได้”

                    เขาวางแก้วน้ำบนโต๊ะสาวเท้ามาทรุดตัวนั่งข้างหล่อน แล้วเอ่ยขึ้น

                    “ทำไมเป็นไปไม่ได้ก็ผมเห็นคุณเอามือล้วง.....ของน้องช้างอย่างไม่รังเกียจราวกับเป็นมืออาชีพ ผมว่าคุณเหมาะกับงานนี้ที่สุดแล้วนะครับ” เขาอธิบาย

                    หล่อนหน้าแดงกะพริบตาถี่ๆไล่ความกระดากกระเดื่อง

                    เขาจ้องหน้าหล่อนเห็นอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอื้อมมือมาทาบมือ  

                    หล่อนตาโตก้มมองมือที่เขาซ้อนทับมือไว้

                    “ไม่ๆ คราวนี้เอาช้างทั้งโขยงมาฉุดฉันก็ไม่ไปกับคุณ” หล่อนพูดสั่นหน้า

                    “งั้นเหรอ” เขาปล่อยมือ

                    หล่อนลนลานลุกขึ้นหันหลังให้

                    เขาลุกตามแล้วเอ่ย

                    “ผมต้องขอโทษด้วยที่มองคุณผิดไป” เขาพูดน้ำเสียงสลดลง

                    พราวดาวรู้สึกฉงน  น้ำเสียงของเขาบีบอารมณ์   ผิดวิสัยที่แน่วแน่อย่างคนที่เคยรู้จัก

                    ไม่นะ  อย่าใจอ่อน ให้ตายสิ

                    หล่อนหันมามองเห็นหลังเขาเดินเข้าไปให้ครัว หยุดยืนมองเจ้าจระเข้

                    จู่ๆเสียงโทรศัพท์บ้านกรี๊ดเสียงดังขึ้น  

                    หล่อนเดินหมดแรงไปรับโทรศัพท์บนโต๊ะวางหนังสือ

                    “ฮัลโหล ดิฉันพราวดาวค่ะ  ”หล่อนถามสีหน้าเริ่มมีรอยยิ้มอย่างมีความหวัง

                    หล่อนเงียบไปชั่วครู่  เพื่อฟังเสียงปลายสายตอบกลับ

                    “อะไรนะ ไม่ได้งานหรือค่ะ ทำไมละคะ” หล่อนถามเสียงดัง

                    หมอวาฬชะงักงันขณะกำลังก้มลงจะยกจระเข้ เพื่อไปนำไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรักสัตว์

      เขายึดตัวตรงเดินเข้าไปใกล้พลางเอี้ยวหูฟัง

                    เงียบไปชั่วครู่

                    “ฉันไม่มีประสบการณ์และไม่เหมาะกับงาน  คุณเอาอะไรมาวัดคะ เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งวางสาย”พราวดาวถามน้ำเสียงเกือบกระชาก

                    หล่อนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหวายอย่างหมดเรียวแรง   จนลืมไปว่ายังมีหมอวาฬยืนสังเกตการณ์อยู่ในชายคาเดียวกันอีกคน

    หล่อนมองบิลค่าน้ำ ค่าไฟที่ไม่ได้จ่ายมาสามเดือน   ดีที่บ้านไม่ต้องเช่า หมอนิธิทิ้งไว้เป็นมรดกก่อนจะลาจากโลกไปด้วยอุบัติเหตุ หล่อนจมอยู่กับความเศร้ามาเกือบปี แทบทำงานทำการไม่ได้   ทุกที่ที่ไปสมัครงานต่างอ้างเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องมีวุฒิอย่างน้อยปริญญาตรี  เงินในธนาคารที่บิดาบุตรธรรมทิ้งไว้ให้ต้องรออายุครบ25ปีบริบูรณ์ถึงจะเบิกมาใช้ได้ เงินที่หล่อนเก็บสะสมมานานก็เริ่มจะร่อยหรอ

                    ทันใดนั้น ไฟฟ้าในบ้านก็ดับลงพร้อมกับเสียงตัดสายไฟดัง

                    “ชั๊บ”

                    “เฮ้ย”  หล่อนตาลุกโพลงรีบแจ้นออกไปดูหน้าบ้าน 

                    พราวดาวเห็นพนักงานองค์การไฟฟ้าผู้ชายสองคนรีบขึ้นรถ  เหยียบคันเร่งเบิกรถเผ่นแนบควันโขมง

                    “อย่าเพิ่งตัดไฟ  กลับมาก่อนค่ะ” หล่อนตะโกนกวักมือเรียก

                    หล่อนเห็นเจ้าหน้าที่ชะโงกหน้าจากหน้าต่างเหลียวหลังมามองแวบหนึ่ง ก่อนจะผุดหายเข้าไป

                    “ใครจะกลับไปให้โง่  เมื่อสามเดือนที่แล้ว ขอร้อง อ้อนวอนอย่างน่าสงสาร ไอ้เราก็ใจอ่อนให้ค้างค่าไฟ3เดือน  จนถูกตำหนิ ละเลยหน้าที่หลายครั้ง ถึงใจอ่อนอีกมีหวังตกงาน” พนักงานไฟฟ้ารูปร่างท้วมนั่งข้างคนขับพูดขึ้น

                    “ใช่เพ่  ทำถูกต้องที่สุดแล้ว เพ่” คนขับร่างเล็ก อายุน้อยกว่าตอบเสียงหนักแน่น ก่อนจะพากันส่งเสียงร้องเพลงของเจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ พร้อมกับโยกตัวเต้นไปตามจังหวะทำนอง

                    “ตัดเลยตัด ชั๊บ  ชั๊บ  ชั๊บ  ตัดให้ขาด ชั๊บ  ชั๊บ  ชั๊บ”

                    หล่อนยืนมองตาละห้อยเข่าหมดอย่างสิ้นหวังเมื่อได้ยินเสียงเพลง  พร้อมกับเห็นมือยื่นออกมาจากหน้าต่างรถทั้งสองข้าง โบกมือไปมาเพื่อบอกลา ก่อนจะบึ่งรถจากไปอย่างรวดเร็ว

                    หล่อนเดินคอตกเข้าบ้าน พัดลมตั้งโต๊ะหมุนหมดแรงก่อนหยุดลง  หล่อนลืมไปว่ายังมีหมอวาฬกับจระเข้อีกตัวยังอยู่ในบ้าน   

                    เขาถือวิสาสะเปิดน้ำก๊อกล้างมือในอ่างล้างจาน

                    ปรากฏว่าน้ำประปาไม่ไหลอีก

                    สัตว์แพทย์หนุ่มหน้าขรึมฉวยโอกาสพราวดาวตกอับยืมข้อเสนอให้

                    ”เงินเดือนหมื่นห้าตามกฎหมายแรงงาน จ่ายให้ก่อนล่วงหน้าสองเดือน มีประกันสังคม มีโอที มีเบี้ยเลี้ยงออกนอกสถานที่ มีโบนัสและขึ้นเงินเดือนทุก 6 เดือน“

                    พราวดาวฟังข้อเสนอตาลุกแวบนึ่ง

                    “คนฉวยโอกาส” หล่อนฟอดใส่เหมือนจันทร์เจ้า

                    “เปล่า  ผมสงสารน้องสัตว์ของผม จำเป็นต้องมีคนดูแลด้วยใจรัก  ผมว่าคุณเหมาะกับงานนี้มากกว่างานที่คุณไปสมัครไว้เสียอีก” เขาบอก

                    หล่อนดวงตามีประกายแวบนึ่งก่อนจะรีบปรับให้เป็นปกติตามฟอร์ม

                    “งั้นหรือ แล้วที่โรงพยาบาลของคุณไม่มีใครช่วยหรือไงคะ คุณถึงตามฉันให้ไปทำงานด้วย”

                    “มีพี่ช้าง กับพี่มด เคยเป็นหน่วยกู้ชีพ ผมไปเจอโดยบังเอิญ แกหน่วยก้านดีทั้งคู่ ผมก็เลยบอกเหตุผลแกว่าสัตว์ก็ต้องการหน่วยกู้ชีพเหมือนกับคน พี่ช้างกับพี่มดไม่ลังเล  วันต่อมาก็มาทำงานกับผมเลย”

                    “แต่ฉันอาจจะไม่มีประสบการณ์ทั้งคนทั้งสัตว์”

                    “แต่คุณ มีอะไรมากกว่านั้น”

                    “มากกว่าอย่างไรค่ะ”

                    หมอวาฬไม่ตอบ นัยน์ตาจับจ้องดวงหน้าของหล่อน

                    หล่อนแข็งใจสบตาเขา 

                    เขาหลุบลงมองริมฝีปากอิ่มสีชมพูเรื่อของหล่อน

                    หล่อนหัวใจเต้นรัวแรงไม่มีที่ท่าจะลดลง  หล่อนกล้าๆกลัวๆ และจะพยายามไม่คิดจะหนีอีก ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีกก็ตาม

                    เสียงนกส่งเสียงร้องแจ้วๆบนกิ่งไม้ดังแทรกขึ้น

                    พราวดาวหลบสายตา หน้าแดงระเรื่อ ก่อนตอบ

                    “ตกลง  ไม่ใช่เพราะฉันตกงาน  หรือถูกตัดน้ำตัดไฟ แต่เพื่อเห็นแก่สัตว์ที่เจ็บป่วยพวกนั้นต่างหากล่ะ”

                    สัตวแพทย์หนุ่มใบหน้าเงียบขรึมฟังอย่างเป็นงานเป็นการ 

                    เขาพยักหน้ารับรู้ แล้วยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×