ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พราวดาวดั่งฝัน

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 58


    ตอนที่   6

    ปาวดีหัวเสียกระฟัดกระเฟียดเดินออกมาจากโรงพยาบาลรักสัตว์  หล่อนบ่นอุบแข่งกับเสียงรองเท้าส้นสูง จนไปหยุดยืนเหงื่อแตกซิกโบยรถแท็กซี่อยู่บนบาทวิถี  หล่อนก็ยังไม่หายโกรธหมอวาฬกับพราวดาว

                    หมอวิทย์ชะลอรถโฟร์วิลสี่ประตูสีดำขลับมีหลังคาคุมกระบะท้าย กำลังเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล 

                    เขาสะดุดตาเข้ากับหญิงสาวรูปร่างเพรียวเสื้อชีฟองสีขาว กางเกงสี่ส่วนสีฟ้าสดใส สวมหมวกเทรนด์แฟชั่น 

                    เขาจำปาวดีได้ทันที   และทราบดีว่าหล่อนมาโรงพยาบาลเป็นประจำ  เพื่อจุดประสงค์อะไร  

                    ความโกรธพุ่งพรวด

                    ประจวนเหมาะ เช้าๆอย่างนี้ยังไม่มีคนพลุกพล่าน และนานๆจะมีรถผ่านมาสักคัน  เขาหักพวงมาลัยปาดหน้ารถเข้าไปจอดชิดขอบบาทวิถีตรงหน้าหล่อนฉับพลัน

                    เสียงเบรกดังเอี๊ยด หล่อนกระโดดโหย่งร้องเสียงหลงอย่างตกใจ 

                    เขาผลุนผลันลงจากรถโดยไม่ปิดประตู  เดินปรี่เข้ามาหาหล่อน

                    หล่อนสบตาคมเข้ม สีหน้ากระด้าง   

                    “หมอวิทย์” หล่อนอุทาน

                    “ไปกับผมเดี๋ยวนี้” เขาพูดดุดันคว้าแขนหล่อนไว้

                    “คุณจะพาฉันไปไหน”หล่อนถามยื้อยุดเอาไว้ 

                    “เดี๋ยวก็รู้” เขาคำราม

                    หมอวิทย์ลากถูลู่ถูกังตรงไปประตูรถที่เปิดอยู่  เขาดันหล่อนเข้าไปทางด้านคนขับ ศีรษะกระแทกขอบหลังคารถกึก  หล่อนร้องเสียงหลงนิ่วหน้าซู้ดปาก   

    เขากดหัวของหล่อนลงต่ำแล้วใช้ร่างแข็งแรงของเขาแทรกตัวลงนั่งที่เบาะคนขับ ก่อนจะปิดและกดล็อคประตูทุกบาน  หล่อนลนลานข้ามเกียร์ไปนั่งเบาะข้างๆอย่างทุลักทุเล

                    “นี่ เปิดประตูให้ฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” หล่อนแว้ดใส่พยายามเปิดประตู

                    หมอวิทย์ขึงตาใส่หล่อน เพื่อให้เธอหยุดพูด ก่อนจะหันไปสตาร์รถเสียงล้อเสียดสีกับพื้นถนน ก่อนรถจะพุ่งออกจากบาทวิถีด้วยความเร็วสูง

                    “นี่  คุณฉุดฉันขึ้นรถมาทำไมนี่ ฉันจะฟ้องวาฬ”

                    “คุณมาหาวาฬทำไมอีก ในเมื่อมันปฏิเสธคุณไปแล้วหลายครั้ง”

                    “เรื่องของฉันคุณไม่เกี่ยว”

                    “งั้น  เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยแล้ว”

                    “แต่ฉันไม่มี”

                    “มีสิ ผมกำลังคุยกับคุณอยู่นี้ไง”

                    “คุณจะคุยกับฉัน แต่ฉุดฉันขึ้นมาแบบนี้นะ คนที่มีปัญญาดีๆเค้าไม่ทำกันหรอก”

                    “ผมว่าเหมาะกับคุณ ที่ชอบฉกและฉวยโอกาสมากกว่า”

                    “คุณพูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”

                    “เอาเป็นว่า  เข้าเรื่องก็แล้วกัน ผมว่า คุณไม่ต้องไปตามดื้อไอ้วาฬมันให้ยาก ผมต่างหากยินดีที่จะไปทำงานกับคุณพ่อของคุณทุกเมื่อ”

                    “แล้ว คุณยุ่งอะไรด้วย”

                    “ผมมันหมอคนจน กินอุดมการณ์อย่างเดียวก็ไม่ไหว ทั้งๆที่ท้องยังหิวอยู่ คนรวยอย่างคุณน่าจะเข้าใจดีนะครับ

                    “เอ๊ะ ใครจะไปเข้าใจคุณ แล้วก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย”

                    “คุณนั่นแหละ ตัวดีเป็นตัวตั้งตัวตี ทำให้เกิดสมองไหลไงละครับ รัฐกว่าจะปั้นหมอแต่ละคนมาได้ต้องใช้ทุนไปตั้งเยอะ แต่ต้องมาเสียเปรียบก็เพราะพวกคุณเสนอเงินเดือนแพงๆ แล้วหมอจนๆอย่างผม ตอนเรียนก็กู้เงินเขามาเรียนกว่าจะใช้หนี้หมดดอกเบี้ยบานหลายปี สู้มาทำงานกับพวกคุณไม่ดีกว่า  อาจใจปล้ำใช้หนี้ให้ แถบเงินเดือนแพงๆอีก  เรื่องอะไรผมจะมานั่งกินอุดมการณ์ให้โง่ละครับ”

                    “ช่วยไม่ได้ ธุรกิจไม่เข้าใครต่อใคร” หล่อนพูดน้ำเสียงเย้ยหยัน

                    เขาขบกรามก่อนพูด

                    “นั่นนะสิ ผมอธิบายซะยืดยาวอย่างนี้ ก็เพราะว่าไอ้วาฬเกิดมาบนกองเงินกองทอง เล่นกับมันยาก สู้ผมไม่ได้ ง่ายดี ผมว่าคุณเปลี่ยนเป้าหมายเถอะครับ”

                    “ยี๊  ไม่มีวันหรอก ถึงจะเป็นธุรกิจ  แต่ฉันก็ต้องการคนมีอุดมการณ์เหมือนกันย่ะ”

                    “คุณต้องการคนมีอุดมการณ์ก็เพราะคุณต้องการแต่งงานกับมัน  ขืนคุณแต่งกับคนที่หิวเงินอย่างผม คุณจะมีค่าอะไรอีก”

                    “กรี๊ดดด คุณกำลังด่าฉันอยู่นี่  ฉันจะลงจอดรถเดี๋ยวนี้” ปาวดีเหวียงใส่

                    “ไม่จอดจะทำไม”

                    “คุณจะพาฉันไปไหน”

                    “ไม่บอก”

                    “ฉันไม่ไป จอดๆ” หล่อนแผดเสียง

                    หมอวิทย์ไม่ฟังเสียงที่ร้องแว้ดๆใส่จนแสบแก้วหู   หล่อนยิ่งร้องเขาก็ยิ่งเหยียบคันเร่งมิดบึ่งรถราวกับจรวดพุ่งไปดาวอังคาร  

    หมอวาฬขับรถตามมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่พราวดาวนั่งซ้อนท้ายมาตั้งแต่โรงพยาบาลจนมาถึงบ้านติดริมคลองหลังสุดท้ายของซอย 

                    หล่อนกำลังเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน  

                    หมอวาฬก็จอดรถหน้าบ้านของหล่อน เขารีบก้าวลงมาทันที

                    “ผมขอเข้าไปด้วยครับ” เขาพูดเขย่าประตู

                    “คุณจะเข้ามาทำไม”

                    “ผมจะคุยเรื่องเมื่อกี้กับคุณต่อ”

                   “แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ และฉันก็เหนื่อยมาก เชิญคุณกลับไปดีกว่าค่ะ” พราวดาวตอบเสียงกระดาก  ย่นหน้าใส่แล้วสะบัดหน้าเดินเข้าไปในบ้าน

                    หล่อนทำเหมือนเจ้าจันทร์ที่เห็นหล่อนเป็นศัตรู  มันจะย่นหน้าใส่แล้วก็ส่งเสียงขู่ฟอดๆ 

                    “เดี๋ยวก่อนสิคุณ” เขาตะโกน

                    หมอวาฬยืนหน้าเหวอ  มือเกาะประตูไม้ระแนงชะเง้อมองตาละห้อย   บ้านไม้2ชั้นสไตล์โคโลเนียลรูปแบบทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาจั่ว  มีมุขกลางตกแต่งด้วยไม้ฉลุแกะสลัก  ประตู หน้าต่างสูงติดเพดาน เฉลียงไม้ด้านหน้ามีเสารับชายคายืมออกมารับลม เหมาะสำหรับบรรยากาศติดลำคลอง

                    บริเวณบ้านมีพื้นที่เกือบ1ไร่ ปลูกต้นกินผลได้เป็นส่วนใหญ่  ปลูกไม้ดอกหลายชนิด   เขารู้จักชื่อเพียงไม่อีกต้น ต้นดอกแก้วริมรั้วส่งกลิ่นโชยแข่งกับกลิ่นพวงดอกราตรีระย้าสีสด  หากย่ำค่ำก็จะประชันกับกลิ่นการะเกดกลีบดอกสีเหลืองงาม เสียงเรือหางยาวแล่นแผดเสียงผ่านมาพอดี เขาเห็นกระรอกน้อย2ตัววิ่งไต่อยู่ตามกิ่งมะม่วง

                    พราวดาวไขกุญแจเข้าไปในบ้าน  ปิดประตูแล้วเปิดหน้าต่างทุกบาน  อดแหวกม่านชะเง้อมองดูหมอวาฬ ที่ยังยืนเกาะอยู่ที่เดิม หล่อนแบะปากไม่สนใจเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบแก้วบนตู้เย็น   รินน้ำใส่แก้วกำลังยกขึ้นดื่ม

                    ทันใดนั้น  

                    พราวดาวเหลือบตาไปเห็นจระเข้นอนแผ่หลาหายใจพะงาบๆอยู่กลางห้องครัว  หล่อนเห็นประตูหลังบ้านเปิดอ้าไว้    เมื่อคืนรีบร้อนออกไปตามหาจันทร์เจ้า หล่อนคงลืมปิดประตูหลังบ้านที่ใกล้รั้วและติดลำคลอง

                    พราวดาวยืนโงกเงกเหมือนจะเป็นลม  

                    หล่อนยังไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เมื่อคืน  เดินตามหายจันทร์เจ้าจนเหนื่อย  ยังไม่พอก็ต้องตามไปช่วยหมอวาฬรักษาช้าง  ไปเจอควานช้างกลายเป็นคนร้ายค้ายา  ต้องไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ กว่าจะเสร็จก็เกือบเช้า แทนที่จะได้พักก็ต้องมามีเรื่องทะเลาะกับคู่รักสติแตกของหมอวาฬอีก  มิหนำซ้ำหล่อนยังโดนตบหน้าจนชา ถูกกล่าวหาแย่งแฟนชาวบ้านอีก อีรุงตุงนังไปหมด กว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อยล้าหมดแรง   แล้วนี่ก็ยังมาเจอจระเข้ แรกๆคิดว่าเป็นตัวเงินตัวทอง

                    หล่อนเห็นจนเคยชินเพราะเข้ามาบุกลุยเป็นแขกประจำบ้านอยู่บ่อยๆ ทว่าตัวที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในครัวหนังหนากว่า   มีลวดลายชัดกว่าตัวเงินตัวทองที่ตกมาจากฝ้าเพดานในโรงพยาบาลรักสัตว์เสียอีก  

                    จระเข้แน่นอน พราวดาวมือไม้อ่อนแก้วหล่นจากมือลงพื้นแตกดังเปรี๊ยะ เพดานบ้านก็หมุนติ้วๆ หล่อนยืนโงกเงกก่อนจะเป็นลมล้มพับไป 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×