ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พราวดาวดั่งฝัน

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 58


    ตอนที่  4

    สัตวแพทย์หนุ่มขับรถไปตามถนนสาธรใต้มุ่งหน้าขึ้นสะพานตากสิน 

                    หญิงสาวมองออกนอกหน้าต่างเห็นรถไฟฟ้าแล่นอยู่บนรางมุ่งไปทางเดียวกัน   หล่อนเห็นนาฬิกาทรงกลมเรือนใหญ่แวบนึ่งบนสถานรถไฟฟ้าบอกเวลาเกือบ 22.00 น.  ขณะรถแล่นอยู่เลนกลางด้วยความเร็วสูงปาดแซงรถทุกคันก่อนลงสะพานเข้าสู่ถนนกรุงธนบุรี  

                    หล่อนหายใจไม่ทั่วท้องเหลือบเห็นไมล์ดิจิตอลบอกไมล์160ต่อชั่วโมง ขับพอๆกับบิดาบุญธรรมของหล่อน

                    พราวดาวผ่อนหายใจเมื่อรถเริ่มชะลอความเร็ว เสียงเบรกทำให้ล้อถูกับพื้นถนน  ดังพรืดก่อนหยุดติดไฟแดงเป็นคันแรกตรงแยกถนนพระเจ้าตากสิน

                    หล่อนชำเลืองมองคนขับ   

                    หมอวาฬมองป้ายตัวเลขสีแดงข้างสันญาณไฟจราจรบอกเวลารอนับถอย120วินาที เขากำมือทุบพวงมาลัยเบาๆอย่างร้อนใจ    เมื่อสัณญาณไฟเขียวขึ้นรถก็พุ่งเข้าถนนราชพฤกษ์ทันที  สองข้างทางเริ่มมีคอนโดหรูขึ้นเป็นช่วงๆ    ขับไปไม่ไกลก็ถึงบริเวณที่มีพงหญ้าปกคลุมท่วมหัว  ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ควาญช้างบอกไว้ 

                    เขารีบก้าวลงจากรถเดินไปเปิดประตูหลังคว้ากระเป๋าเครื่องมือสะพายไว้บนไหล่

                    ทั้งสองได้ยินเสียงช้างร้องออกมาจากพงหญ้า   หล่อนตัวแข็งทื่อ สีหน้าตื่นตระหนก

                    “ฉันขอรออยู่ตรงนี้นะคะ” หล่อนพูดเสียงสั่น

                    “ไม่ได้ คุณอยู่ข้างถนนเปลี่ยวๆแบบนี้คนเดียวไม่ได้ มันไม่ปลอดภัย ตามผมมาครับ” เขาพูดเสียงเข้ม คว้ามือเย็นเฉียบของหล่อนไปจับไว้

                    เขาดึงแก้มลากเดินไปตามรอยทางเดินแคบๆ  ท่ามกลางพงหญ้าสูงท่วมหัว  หญิงสาวเดินตามไม่ห่าง      

                    ไม่นาน ทั้งสองก็เห็นช้างน้อยยืนบิดก้นร้องครางอยู่ริมถนน  ชูงวงส่ายไปมา 

                    ควาญช้างรูปร่างสันทัด  ผิวคล่ำกล่ำแดดทำหน้าเหยเกราวกับเจ็บปวดแทนยืนอยู่ใกล้ๆ

                    “นั่นไง เจอแล้ว” สัตวแพทย์หนุ่มบอก   

                    “มันไม่ได้ถ่ายมาสามวันแล้ว” ควาญช้างหนุ่มเข้ามารีบบอก

                    หมอวาฬเดินเข้าใกล้  หญิงสาวกระชับจับมือเขาไม่ยอมปล่อย  ฝ่ามือของหลอนเย็นและชื่นด้วยเหงื่อ    เขารู้ว่าหล่อนหวาดกลัวหันมาเอ่ยขึ้น

                    “พราวดาวปล่อยมือผม อยู่ใกล้ๆผม คุณไม่ต้องกลัวนะครับ” เขาบอกเสียงนุ่ม

                    เมื่อหล่อนปล่อยมือ  สัตวแพทย์หนุ่มก็ผละไปตรวจดูอาการ  ใช้มือคลำท้องช้างที่แข็งเกร็งจนทั่ว แล้วหันมาบอกควาญช้าง

                    “สงสัยกินอะไรเข้าไปแล้วไม่ย่อย”

                    เขาเปิดกระเป๋าเครื่องมือควานหาสายสวนอุจจาระ แต่ไม่มีขนาดที่เหมาะกับรูทวารของช้าง

                    “เอาไงดี หรือจะใช้ยาถ่าย แต่มันต้องรอนานเกินไป”  เขาพูดแล้วหันมาสั่งหญิงสาวพร้อมยื่นถุงมือยางส่งให้  “คุณสวมถุงมือนี่ไว้ แล้วล้วงเข้าไปควักเอามูลช้างออกมา”

                    “อะไรนะ” หญิงสาวถามเสียงหลง

                    “คุณฟังไม่ผิดหรอก”

                    หญิงสาวทำหน้าเหวอ ไม่คิดว่าจะเจออะไรบ้าๆบอๆอย่างนี้

                    “ไม่ไหวนะคะ” หล่อนสั่นหน้า

                    “เชื่อผม พราวดาว  คุณจะได้หายกลัว” เขาพูดเสียงเข้มเรียกชื่อหล่อนเหมือนสนิทกันมาก่อน

                    ช้างน้อยราวกับจะเข้าใจภาษาคน   มันหันก้นถอยหลังขยักเข้ามาใกล้หญิงสาวพยายามยกหางขึ้นจงใจจะให้เห็นรูทวาร

    หญิงสาวยืนตะลึงงัน  ช้างน้อยก็ส่ายก้นไปมาราวกับเร่งให้จัดการไวๆ

                    “ผมรู้ว่าคุณทำได้” สีหน้าชายหนุ่มจริงจังจนเธอไม่กล้าปฏิเสธ “ผมไม่มีที่สวนสำหรับช้าง และข้อมือผมก็ใหญ่เกินไป รูทวารช้างน้อยอาจฉีกขาดบาดเจ็บได้”

                    หญิงสาวมองหน้าสัตวแพทย์หนุ่มและก้นช้าง สลับไปมา ทำหน้าเหยเกอยากจะร้องให้

                    “เราไม่มีเวลา พราวดาว คุณต้องช่วยช้างน้อยให้ได้ ความหวังอยู่ที่คุณคนเดียว เข้าใจนะครับ”

                    หล่อนรู้สึกสงสารจับใจพยักหงึกๆมองช้างน้อยส่ายก้นไปมาไม่ยอมหยุด

                    ในที่สุดหญิงสาวก็สลัดความกลัวออกไป  หล่อนต้องช่วยช้างก่อน ดูลักษณะของมันยังเป็นลูกช้างอายุไม่น่าถึงสองขวบ  

                    หล่อนสวมถุงมือที่สัตวแพทย์หนุ่มส่งให้    หล่อนหลับตาเบือนหน้าออกเมื่อกดข้อมือเล็ก ๆ สอดเข้าไปในรูทวาร

                    “ค่อย ๆ กดเพิ่มน้ำหนักลงไปเรื่อย ๆ” เสียงสัตวแพทย์หนุ่มกำกับตาม

                    ช้างน้อยยืนนิ่งสงบให้ทำอย่างว่าง่าย

                    หล่อนหลับหูหลับตาสอดแขนเกือบมิดแขนจึงหยุด

                    “เจออะไรไหมครับ” สัตวแพทย์หนุ่มมองหญิงสาว

                    หล่อนกะพริบตา เมื่อคลำเจออะไรสักอย่างแข็งๆอยู่ในรูทวารหนักของช้างน้อย   หล่อนพยายามออกแรงดึง แต่รูทวารหดเข้าไป ทำให้แขนติดดึงออก  ช้างร้องเสียงแหลมเสียงร้อง  หล่อนละล้าละลังไม่กล้าดึงแขนออกเพราะกลัวช้างเจ็บ

                    “ช่วยหน่อยค่ะหมอ ฉันเจอก้อนอะไรไม่ทราบค่ะ แข็งๆค่ะ” หล่อนพูด

                    สัตวแพทย์หนุ่มต้องยืนประชิดหลังหล่อนไว้ จนใบหน้าแนบกัน  เขากล่าวขอโทษข้างหูเบาๆ แล้วใช้มือข้างหนึ่งกอดลำตัวหล่อนไว้ก่อนจะใช้มือที่เหลือจับแขนของหญิงสาว เขานับหนึ่งถึงสาม ทั้งคู่ก็ออกแรงดึงพร้อมกัน  แขนหลุดผลัวะออกมาจากรูทวารพร้อมลมตดและอุจาระเหลว  สาดกระจายเต็มหน้าทั้งสอง  หน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยอุจจาระ เหม็นตระหลบ  ทั้งสองมองหน้ากัน  ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

                    “ส่งของในมือมา” ควาญช้างยืนจังก้าเล็งกระบอกปืนขนาด .38 มายังหญิงสาว ด้วยแววตาที่น่าสงสารเมื่อครู่กลายเป็นเหี้ยมเกรียมทันที     

                    หมอวาฬมองห่อพลาสติกในมือพราวดาว ภายในถุงมียาเม็ดอัดแน่นอยู่   ทั้งสองรู้ทันทีว่ามันคือ

                    “ยาบ้า”  ทั้งสองตะเบ็งเสียงพูดพร้อมกัน

                    ทันใดนั้นช้างน้อยหันมาตวัดงวงรัดข้อมือของควาญหนุ่มไว้

                    “ปล่อยเดี๋ยวนี้ กูเป็นนายมึงกลับไปช่วยพวกมัน เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ” ควาญหนุ่มพล่ามขณะดึงมือออกจากงวง

                    ช้างน้อยส่ายหัวไปมาราวกับรู้ภาษาคน

                    “ไอ้ช้างบ้า ยังไม่ปล่อยอีก กูสู้อุตสาห์ส่งมึงไปเรียนโรงเรียนช้างให้มึงแสนรู้ให้มาช่วยกันทำมาหากิน  แต่มึงกลับทรยศกู ไอ้ช้างเนรคุณ”  ควาญหนุ่มตวาด

                    ช้างน้อยไม่ฟังเสียงราวกับรู้ว่าใครคือคนดีคนชั่ว   มันแค่ออกแรงเบาๆ ปืนในมือควาญช้างก็หลุดจากมือกระเด็นตกพื้น

                    “โอ๊ย!”  ร้องเสียงหลง

                    หมอวาฬเข้าไปแย่งปืนทันที

                    “อย่าขยับ ไม่งั้น ผมยิงไส้แตก” เขาขู่แล้วหันมาสั่งพราวดาว  “คุณช่วยโทรแจ้งเหตุตำรวจด้วย” เขายื่นโทรศัพท์มือถือให้หญิงสาวจัดการ

                    ไม่ถึง15นาที ตำรวจสิบนายก็พากันกรูเข้าไปรวบตัวควาญช้างเอาไว้ ซึ่งกลายเป็นผู้ต้องหาค้ายาบ้าไปแล้ว  ขณะคุมตัวคนร้ายขึ้นรถ นายตำรวจคนหนึ่งหันมาบอกกับสัตวแพทย์หนุ่มและหญิงสาวว่า

                    “ผมต้องขอเชิญคุณทั้งสองไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ”

                    “ได้ครับ เดี๋ยวผมขอนำช้างกลับไปไว้ที่โรงพยาบาลรักสัตว์ก่อนนะครับ แล้วจะตามไปโรงพักภายหลังครับ”

                    “ตามสบายครับหมอ ผมขอฝากช้างไว้ที่หมอสักระยะก่อนนะครับ ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้นผมจะทำเรื่องตั้งเบิกให้เองครับ”

    หมอวาฬรับคำก่อนจะโทรไปสั่งบุรุษพยาบาลชื่อมดให้มานำช้างน้อยไปไว้ที่โรงพยาบาลรักสัตว์

                    หลังจากสัตวแพทย์หนุ่มกับผู้ช่วยสาวจัดการกับช้างน้อยเสร็จก็ไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจทันที   กว่าจะเสร็จเรียบร้อยกลับถึงโรงพยาบาลก็เกือบเช้า ยังไม่ทันได้อาบน้ำชำระคราบเปรอะเปื้อน ทั้งคู่ต่างอ่อนระโหยโรยแรง ล้มพับหลับไปพร้อมกันบนโซฟาหน้าเคาน์เตอร์คนละตัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×