คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
โรงพยาบาลรักสัตว์
สัตว์แพทย์หนุ่มวาฬ เกื้อวิริยะ สูงราว180 เซนติเมตร อกผายไหล่ผึ่งท่าทางองอาจ ใบหน้าเรียว ผิวขาวสะอาดสะอ้าน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกขึ้นสันเข้ากับริมฝีปากได้รูป ผมซอยสั้นยาวถึงท้ายทอยสีน้ำตาลเข้มปกใบหน้าข้างหนึ่ง ขอบตาเริ่มคล้ำ หนวดเคราเริ่มแซม หลังจากเปิดโรงพยาบาลรักสัตว์ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ได้อาทิตย์หนึ่งเขาก็ยังไม่ได้หลับเต็มตาสักคืน
ยามดึก เขาง่วนอยู่กับงานเอกสารที่กองพะเนินบนโต๊ะ เพราะในช่วงกลางวัน เขาต้องแบ่งเวลาไว้สำหรับการตรวจรักษาสัตว์ที่เป็นทั้งผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน รวมถึงเวลาฉุกเฉินที่มีคนแจ้งเหตุเข้ามา เมื่อสัตว์เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัสตามท้องที่ต่างๆ
เขาเสยผมที่ยุ่งเหยิงแรงๆ รู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นตัวเลขไม่ลงตัว
ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง เขารีบตะครุบแผ่นเอกสารก่อนจะวางทับด้วยไม้แกะสลับเป็นตัวช้าง กลิ่นดอกลีลาวดีที่ปลูกไว้ริมรั้วรอบโรงพยาบาลโชยเข้ามาทำให้เขาหลับตานิ่ง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำตัวให้สบายสูดจมูกเบาๆเพื่อไล่ความเครียดไปกับสายลมยามค่ำคืน
จู่ ๆ หญิงสาวหน้าตาตื่นอุ้มแมวสีขาวตัวหนึ่ง เปิดประตูพรวดเข้ามา
“หมออยู่ไหมคะ...หมอ” หล่อนถามวางจันทร์เจ้าตัวอ่อน หายใจระรวย ลงบนหน้าเคาน์เตอร์โรงพยาบาล
ชายหนุ่มร่างสูง ผมปิดดวงตาข้างหนึ่ง สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกางเกงยีนส์ออกจากห้องมาดูเหตุการณ์ที่ส่วนหน้า
หญิงสาวปราดเข้ามา ท่าทางร้อนรนจนไม่ได้สังเกตว่าชายที่หล่อนกำลังพูดอยู่เป็นใคร
“คุณ รปภ. ช่วยเรียกหมอให้หน่อยนะคะ จันทร์เจ้าอาการสาหัสมากค่ะ” หล่อนพูดเสียงเครือ
“หมออยู่นี่ครับ”
“ไหนคะ...ไหนหมอ” เธอหันรีหันขวางมองหา
เขาจับไหล่หญิงสาวทั้งสองมือให้หันมาตรงหน้า หล่อนเบิกตากว้างมองเขาอย่างตกใจ
“อุ๊ย! อะไรกันนี่ แกจะทำอะไรฉัน” หญิงสาวรีบสะบัดตัวออก
“เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือที่กระทบกับผิวแก้มดังฝ่าความเงียบ
เขาหันขวับมาถาม
“ตบหน้าผมทำไมนี่”
“ก็มาจับตัวฉันไว้ทำไมล่ะ” หล่อนเสียงสั่น
เขาเอามือลูบแก้มส่ายหัวดิก ไม่พูดอะไรอีก เขาค่อยๆช้อนแมวขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปในห้องตรวจฉุกเฉิน หญิงสาวเดินตามจะเข้าไปด้วยแต่ต้องหยุดกลางคันเมื่อเขาหันขวับมาประจันหน้า แล้วโพล่งขึ้น
“ญาติ! กรุณารออยู่นอกห้องนะครับ” เขาพูดเสียงดัง
“ค่ะๆ” หล่อนตอบเสียงสั่น พลางถอยมานั่งบนโซฟา สีหน้าซีดเซียว
พราวดาวรออย่างกระวนกระวายใจเกือบชั่วโมงหมอวาฬก็เดินออกมาจากห้อง คราวนี้เขาสวมเสื้อกาวน์ทับอยู่ในมาดสัตวแพทย์เต็มตัว
“อาการสาหัสมีบาดแผลยาวและลึกเหมือนถูกเขี้ยวของสุนัขกัด ผมเย็บแผลและฉีดยาฆ่าเชื้อให้มันเรียบร้อยแล้วครับ” เขาบอกเสียงสุภาพก้มหน้าเขียนอะไรยุยี้บนบัตรการ์ด
“จันทร์เจ้าคงถูกหมาในซอยกัด แล้วหนีออกมาถนนใหญ่” พราวดาวสันนิษฐาน
“ครับ” สัตวแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมาฟังแวบนึ่ง
เขาเริ่มเข้าใจชื่อจันทร์เจ้าที่หล่อนเรียกติดปากหมายถึงแมวตัวนี้
เขาก้มลงเขียนต่อ
“แต่จันทร์เจ้าต้องนอนพักดูอาการที่นี่ก่อนนะครับ เพราะยังไม่พ้นขีดอันตราย แผลลึกขณะนี้ผมกลัวว่าจะติดเชื้อ”สัตวแพทย์หนุ่มเน้นเสียง
“ขอบคุณนะคะ คุณหมอ ที่ช่วยจันทร์เจ้าไว้ และฉันต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจคุณผิดไป ฉันทำไปตามสัญชาตญาณป้องกันตัว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” สัตวแพทย์หนุ่มไม่ได้ติดใจอะไร
“เอ่อ ส่วนค่ารักษาขอผลัดไปก่อนนะคะ ฉันกำลังหางานอยู่”
“อ้อ ตกงาน” สัตวแพทย์หนุ่มเปล่งเสียง
เขาเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งราวกับจับผิดว่าหล่อนพูดจริงหรือพูดเล่น เมื่อโดนจ้องหน้าหล่อนกลัวเขาจะไม่เชื่อ กลัวเขาจะไม่รักษาจันทร์เจ้า กลัวสารพัดปากก็พรั่งพรูออกมา
“กรุณาด้วยนะคะ จันทร์เจ้าเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าก่อนท่านจะเสียชีวิต ฉันทนไม่ได้หากมันตายไปอีก” หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก
“คุณทำถูกต้องแล้ว แต่อย่างไร คุณก็ต้องมีค่ารักษา” สัตวแพทย์หนุ่มเสียงเข้ม
เขาวางปากกา ยึดตัวตรงเริ่มสำรวจหล่อนเป็นครั้งแรก
หญิงสาวร่างเล็กสูงแค่ไหล่ของเขา ผิวขาวนวล ผมลอนสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยบดบังใบหน้ารูปหัวใจเกือบหมดเห็นแต่ดวงตากลมรีภายใต้ขนตางอนงดงามสะดุดตา สันจมูกโด่งรั้นตรงปลายรับกับริมฝีปากบางสีชมพูเข้ม
หล่อนสวมเสื้อลูกไม้สีครีม กางเกงสีเข้มยาวเหนือเข่าโชว์เรียวขา สวมรองเท้าผ้าใบแบบไม่มีเชือกผูกสีครีม
“ฉัน...เอ่อ” หญิงสาวอึกอัก
หล่อนรู้สึกร้อนๆหนาวๆ ชอบกล จากสายตาคมใต้เส้นผมบังดวงตาข้างหนึ่ง เขาจ้องมาอย่างเพ่งพิศ หล่อนไม่เคยอยู่กับคนที่ไม่รู้จักตามลำพังยามวิกาลเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นหมอช่วยชีวิตจันทร์เจ้าก็เถอะ หล่อนเริ่มไม่ไว้ใจถอยไป2-3ก้าวเข้าหาประตูทางออก สัตว์แพทย์หนุ่มก็ไม่ไว้ใจเช่นกัน เขาก้าวตามหล่อน แล้วถามขึ้นเสียงเข้ม
“คุณจะไปไหน”
“เปล่าๆ” หล่อนสั่นหน้า อยากจะร้องไห้
เขาสบตาหล่อนนิ่งชั่วขณะ แล้วเอ่ยขึ้น
“ว่าไงครับ คุณจะชดใช้ผมอย่างไงครับ” เขาตอบยิ้มมุมปาก ดวงตามีประกาย
พราวดาวเห็นว่าน่าจะแยกเขี้ยวใส่หล่อนมากกว่า
“เอ่อ เค้าว่าคนเป็นหมอ จะมีความเมตตาปราณีต่อสัตว์โลกมากกว่าคนทั่วไปนะคะ ” หล่อนยิ้มอย่างซีดเซียวพยายามทำใจดีสู้เสือ
สัตว์แพทย์หนุ่มจ้องเขม็ง
“งั้นหรือ”
“ค่ะ” หล่อนตอบเต็มเสียง
หล่อนเหลือบไปที่ประตูคิดอยากจะวิ่งหนีออกไปดื้อๆ แต่ก็อดเป็นห่วงจันทร์เจ้าที่นอนอาการไม่สู้ดีอยู่บนเตียงไม่ได้ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็คำรามขัดจังหวะขึ้น
“คุณรออยู่ตรงนะ ห้ามไปไหน” สัตว์แพทย์หนุ่มสั่งราวกับเดาความคิดของหล่อนออก ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์หน้าเคาน์เตอร์
“ฮัลโหล...ใช่ครับ.. ที่ไหนนะครับ...เดี๋ยว..ผมขอจดก่อน” เขาหยิบกระดาษโน้ตบนเคาน์เตอร์มาเขียนแล้วพูดขึ้น “ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้......น่าจะไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”
เขาวางสายแล้วสายเท้าเข้ามาใกล้ หล่อนถอยกรูดอัตโนมัติจนติดบานประตูกระจก
“คุณบอกไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาใช่ไหมครับ”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ รู้สึกอยากจะร้องไห้
“งั้นไปกับผม ไหน ๆ ก็ตกงานแล้ว” เขารีบบอก
“ใครว่าฉันตกงาน ฉันแค่กำลังหางานที่เหมาะกับตัวเองอยู่ต่างหาก”
“คุณจะพูดอย่างไรก็เหมือนกันนั้นละ คุณไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาอยู่ดี” เขาพูดมือขยับเสื้อกาวน์ให้เรียบร้อย
พราวดาวเหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่ปักไว้กระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกข้างขวา
นายสัตวแพทย์วาฬ เกื้อวิริยะ พราวดาวแทบช็อก สีหน้าซีดเผือด
เขาหายหน้าไปหลายปี หายไปพร้อมๆกับการเสียชีวิตของหมอนิธิ จู่ ๆ นายมนุษยชาติต่างดาวมาดแย่ก็มาปรากฏตัวขึ้นเหมือนสายฟ้าผ่ากลางลำตัวฉับพลัน
ความฝันกับความจริง บางครั้งก็ก้ำกึ่งกันชอบกล คนที่เคยเป็นลูกมือของบิดาบุญธรรม คนที่แวบเข้ามาในความคิดเสมอๆ และคนที่หล่อนยอมรับความจริงว่าเคยชอบแต่ไม่ได้รัก จู่ๆก็ยืนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหล่อน
หล่อนแข็งใจเงยหน้าสบตาเขา ดวงตาว่างเปล่าของเขาท่าทางจำหล่อนดไม่ได้เลย สัตวแพทย์หนุ่มมาดนิ่ง เชิด หยิ่งไม่เปลี่ยนแปลงมีเขาคนเดียวเท่านั้นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตหล่อน
พราวดาวใจเต้นโครมครามแทบทะลุออกมานอกอก
เขาเห็นหล่อนอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ
“ว่าไง จะไปกับผมไหม ผมต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ครับ” หมอวาฬถามเสียงหนัก
“ค่ะๆ” หล่อนตอบเสียงลนลาน
“ไปคุยกันต่อในรถ ดีกว่าครับ” เขาบอกคว้าแขนหล่อน
พราวดาวตามไปเหมือนเด็กอยู่ในโอวาท จะขึ้นพาเขาหรือลงห้วยหล่อนก็จะไป
รถจี้ปสีแดงเข้ม ห้าประตู สมรรถนะลุย แกร่ง แรง และหรูคลาสสิคจอดอยู่ริมถนนหน้าโรงพยาบาลรักสัตว์
เขาขึ้นนั่งด้านคนขับ เอื้อมมือไปเปิดประตูอีกข้างให้
“อ้าว ขึ้นมาสิ เร็ว ๆ เราต้องรีบไปช่วยช้าง” ชายหนุ่มกวักมือเร่ง
หญิงสาวยืนลังเลในตอนแรก แต่พอได้ยินว่าคำว่าช้าง
พราวดาวก็พรวดขึ้นรถอย่างเงอะงะ ศีรษะกระแทรกขอบหลังคารถดังกึกเพราะก้มไม่ต่ำพอ พราวดาวขึ้นไปนั่งตากลม ตัวแข็งทื่อ ข้างคนขับจนลืมเปิดประตู
หมอวาฬเอื้อมมือผ่านตัวหล่อนดึงประตูปิดให้ แล้วหันไปปิดไฟในรถก่อนจะเอี้ยวตัวไปดูเบาะหลัง
หญิงสาวขยับตัวชิดเบาะ ไม่พ้น เมื่อเขาเอื้อมมือสุดแขนไปจัดของอะไรบางอย่าง ไหล่กว้างเฉียดเข้าใกล้อย่างไม่ตั้งใจ
หล่อนกลืนน้ำลายเมื่อได้กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นและยังสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งภายใต้เสื้อผ้าชั้นดีของเขา
เขาตรวจดูทุกอย่างครบหันกลับมานั่งในท่าปกติแล้วเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้หญิงสาว เขาได้กลิ่นจางๆจากเรือนผมลอนหยกโศกสลวยของหล่อน
เขาเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างกระชันชิด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายแวบนึ่ง
หล่อนหน้าร้อนผ่าวขยับตัวจนติดประตู
“ขอโทษครับที่ทำให้คุณตกใจ ” เขากล่าวเสียงสุภาพพลางคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนพูดถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คุณชื่ออะไร” เขาถามขณะสตาร์ทเครื่องแล้วแล่นรถออกไป
“พราวดาวค่ะ”
“ผม วาฬ เกื้อวิริยะครับ”เขาแนะนำตัวเสียงนุ่ม
พราวดาวเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขาแวบนึ่ง ทว่าเวลาฉุกเฉินเช่นนี้ หล่อนจำเป็นต้องสลัดความรู้สึกแปลกๆออกไปให้หมด
“คุณจะไปไหนค่ะ”
ความคิดเห็น