ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พราวดาวดั่งฝัน

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 58


    ตอนที่  3

    โรงพยาบาลรักสัตว์  

              สัตว์แพทย์หนุ่มวาฬ   เกื้อวิริยะ สูงราว180 เซนติเมตร อกผายไหล่ผึ่งท่าทางองอาจ ใบหน้าเรียว  ผิวขาวสะอาดสะอ้าน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม  จมูกขึ้นสันเข้ากับริมฝีปากได้รูป  ผมซอยสั้นยาวถึงท้ายทอยสีน้ำตาลเข้มปกใบหน้าข้างหนึ่ง      ขอบตาเริ่มคล้ำ หนวดเคราเริ่มแซม   หลังจากเปิดโรงพยาบาลรักสัตว์ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ได้อาทิตย์หนึ่งเขาก็ยังไม่ได้หลับเต็มตาสักคืน

                  ยามดึก  เขาง่วนอยู่กับงานเอกสารที่กองพะเนินบนโต๊ะ  เพราะในช่วงกลางวัน เขาต้องแบ่งเวลาไว้สำหรับการตรวจรักษาสัตว์ที่เป็นทั้งผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน  รวมถึงเวลาฉุกเฉินที่มีคนแจ้งเหตุเข้ามา  เมื่อสัตว์เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัสตามท้องที่ต่างๆ           

                 เขาเสยผมที่ยุ่งเหยิงแรงๆ รู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นตัวเลขไม่ลงตัว

                 ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง เขารีบตะครุบแผ่นเอกสารก่อนจะวางทับด้วยไม้แกะสลับเป็นตัวช้าง  กลิ่นดอกลีลาวดีที่ปลูกไว้ริมรั้วรอบโรงพยาบาลโชยเข้ามาทำให้เขาหลับตานิ่ง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำตัวให้สบายสูดจมูกเบาๆเพื่อไล่ความเครียดไปกับสายลมยามค่ำคืน  

                    จู่ ๆ หญิงสาวหน้าตาตื่นอุ้มแมวสีขาวตัวหนึ่ง  เปิดประตูพรวดเข้ามา

                    “หมออยู่ไหมคะ...หมอ” หล่อนถามวางจันทร์เจ้าตัวอ่อน หายใจระรวย ลงบนหน้าเคาน์เตอร์โรงพยาบาล

                    ชายหนุ่มร่างสูง  ผมปิดดวงตาข้างหนึ่ง สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกางเกงยีนส์ออกจากห้องมาดูเหตุการณ์ที่ส่วนหน้า

                    หญิงสาวปราดเข้ามา ท่าทางร้อนรนจนไม่ได้สังเกตว่าชายที่หล่อนกำลังพูดอยู่เป็นใคร

                    “คุณ รปภ. ช่วยเรียกหมอให้หน่อยนะคะ จันทร์เจ้าอาการสาหัสมากค่ะ” หล่อนพูดเสียงเครือ

                    “หมออยู่นี่ครับ”

                    “ไหนคะ...ไหนหมอ” เธอหันรีหันขวางมองหา

                    เขาจับไหล่หญิงสาวทั้งสองมือให้หันมาตรงหน้า   หล่อนเบิกตากว้างมองเขาอย่างตกใจ

                    “อุ๊ย! อะไรกันนี่ แกจะทำอะไรฉัน” หญิงสาวรีบสะบัดตัวออก

                    “เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือที่กระทบกับผิวแก้มดังฝ่าความเงียบ

    เขาหันขวับมาถาม

                    “ตบหน้าผมทำไมนี่”

                    “ก็มาจับตัวฉันไว้ทำไมล่ะ” หล่อนเสียงสั่น

                    เขาเอามือลูบแก้มส่ายหัวดิก ไม่พูดอะไรอีก เขาค่อยๆช้อนแมวขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปในห้องตรวจฉุกเฉิน  หญิงสาวเดินตามจะเข้าไปด้วยแต่ต้องหยุดกลางคันเมื่อเขาหันขวับมาประจันหน้า แล้วโพล่งขึ้น

                    “ญาติกรุณารออยู่นอกห้องนะครับ” เขาพูดเสียงดัง

                    “ค่ะๆ” หล่อนตอบเสียงสั่น พลางถอยมานั่งบนโซฟา สีหน้าซีดเซียว 

                    พราวดาวรออย่างกระวนกระวายใจเกือบชั่วโมงหมอวาฬก็เดินออกมาจากห้อง   คราวนี้เขาสวมเสื้อกาวน์ทับอยู่ในมาดสัตวแพทย์เต็มตัว

                    “อาการสาหัสมีบาดแผลยาวและลึกเหมือนถูกเขี้ยวของสุนัขกัด  ผมเย็บแผลและฉีดยาฆ่าเชื้อให้มันเรียบร้อยแล้วครับ” เขาบอกเสียงสุภาพก้มหน้าเขียนอะไรยุยี้บนบัตรการ์ด

                    “จันทร์เจ้าคงถูกหมาในซอยกัด แล้วหนีออกมาถนนใหญ่” พราวดาวสันนิษฐาน 

                    “ครับ”  สัตวแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมาฟังแวบนึ่ง

    เขาเริ่มเข้าใจชื่อจันทร์เจ้าที่หล่อนเรียกติดปากหมายถึงแมวตัวนี้

                    เขาก้มลงเขียนต่อ      

                    “แต่จันทร์เจ้าต้องนอนพักดูอาการที่นี่ก่อนนะครับ เพราะยังไม่พ้นขีดอันตราย แผลลึกขณะนี้ผมกลัวว่าจะติดเชื้อ”สัตวแพทย์หนุ่มเน้นเสียง

                    “ขอบคุณนะคะ คุณหมอ ที่ช่วยจันทร์เจ้าไว้  และฉันต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจคุณผิดไป  ฉันทำไปตามสัญชาตญาณป้องกันตัว”

                    “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” สัตวแพทย์หนุ่มไม่ได้ติดใจอะไร

                    “เอ่อ ส่วนค่ารักษาขอผลัดไปก่อนนะคะ ฉันกำลังหางานอยู่”

                    “อ้อ ตกงาน”  สัตวแพทย์หนุ่มเปล่งเสียง

                    เขาเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งราวกับจับผิดว่าหล่อนพูดจริงหรือพูดเล่น  เมื่อโดนจ้องหน้าหล่อนกลัวเขาจะไม่เชื่อ กลัวเขาจะไม่รักษาจันทร์เจ้า กลัวสารพัดปากก็พรั่งพรูออกมา

                    “กรุณาด้วยนะคะ จันทร์เจ้าเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าก่อนท่านจะเสียชีวิต  ฉันทนไม่ได้หากมันตายไปอีก” หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก

                    “คุณทำถูกต้องแล้ว แต่อย่างไร  คุณก็ต้องมีค่ารักษา” สัตวแพทย์หนุ่มเสียงเข้ม

                    เขาวางปากกา ยึดตัวตรงเริ่มสำรวจหล่อนเป็นครั้งแรก

                    หญิงสาวร่างเล็กสูงแค่ไหล่ของเขา ผิวขาวนวล  ผมลอนสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยบดบังใบหน้ารูปหัวใจเกือบหมดเห็นแต่ดวงตากลมรีภายใต้ขนตางอนงดงามสะดุดตา สันจมูกโด่งรั้นตรงปลายรับกับริมฝีปากบางสีชมพูเข้ม  

                    หล่อนสวมเสื้อลูกไม้สีครีม กางเกงสีเข้มยาวเหนือเข่าโชว์เรียวขา สวมรองเท้าผ้าใบแบบไม่มีเชือกผูกสีครีม

                    “ฉัน...เอ่อ” หญิงสาวอึกอัก

                    หล่อนรู้สึกร้อนๆหนาวๆ ชอบกล   จากสายตาคมใต้เส้นผมบังดวงตาข้างหนึ่ง เขาจ้องมาอย่างเพ่งพิศ  หล่อนไม่เคยอยู่กับคนที่ไม่รู้จักตามลำพังยามวิกาลเช่นนี้   ถึงแม้จะเป็นหมอช่วยชีวิตจันทร์เจ้าก็เถอะ  หล่อนเริ่มไม่ไว้ใจถอยไป2-3ก้าวเข้าหาประตูทางออก  สัตว์แพทย์หนุ่มก็ไม่ไว้ใจเช่นกัน เขาก้าวตามหล่อน แล้วถามขึ้นเสียงเข้ม

                    “คุณจะไปไหน”  

                    “เปล่าๆ” หล่อนสั่นหน้า อยากจะร้องไห้

                    เขาสบตาหล่อนนิ่งชั่วขณะ แล้วเอ่ยขึ้น

                    “ว่าไงครับ คุณจะชดใช้ผมอย่างไงครับ” เขาตอบยิ้มมุมปาก ดวงตามีประกาย

                    พราวดาวเห็นว่าน่าจะแยกเขี้ยวใส่หล่อนมากกว่า

                    “เอ่อ เค้าว่าคนเป็นหมอ  จะมีความเมตตาปราณีต่อสัตว์โลกมากกว่าคนทั่วไปนะคะ ” หล่อนยิ้มอย่างซีดเซียวพยายามทำใจดีสู้เสือ

                    สัตว์แพทย์หนุ่มจ้องเขม็ง

                    “งั้นหรือ”

                    “ค่ะ” หล่อนตอบเต็มเสียง

                    หล่อนเหลือบไปที่ประตูคิดอยากจะวิ่งหนีออกไปดื้อๆ  แต่ก็อดเป็นห่วงจันทร์เจ้าที่นอนอาการไม่สู้ดีอยู่บนเตียงไม่ได้  จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็คำรามขัดจังหวะขึ้น

                    “คุณรออยู่ตรงนะ ห้ามไปไหน” สัตว์แพทย์หนุ่มสั่งราวกับเดาความคิดของหล่อนออก  ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์หน้าเคาน์เตอร์

                    “ฮัลโหล...ใช่ครับ.. ที่ไหนนะครับ...เดี๋ยว..ผมขอจดก่อน” เขาหยิบกระดาษโน้ตบนเคาน์เตอร์มาเขียนแล้วพูดขึ้น “ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้......น่าจะไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”

                    เขาวางสายแล้วสายเท้าเข้ามาใกล้  หล่อนถอยกรูดอัตโนมัติจนติดบานประตูกระจก   

                    “คุณบอกไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาใช่ไหมครับ”

                    หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ รู้สึกอยากจะร้องไห้

                    “งั้นไปกับผม ไหน ๆ ก็ตกงานแล้ว” เขารีบบอก

                    “ใครว่าฉันตกงาน ฉันแค่กำลังหางานที่เหมาะกับตัวเองอยู่ต่างหาก”

                    “คุณจะพูดอย่างไรก็เหมือนกันนั้นละ คุณไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาอยู่ดี” เขาพูดมือขยับเสื้อกาวน์ให้เรียบร้อย

                    พราวดาวเหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่ปักไว้กระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกข้างขวา

                    นายสัตวแพทย์วาฬ  เกื้อวิริยะ  พราวดาวแทบช็อก  สีหน้าซีดเผือด

                    เขาหายหน้าไปหลายปี  หายไปพร้อมๆกับการเสียชีวิตของหมอนิธิ  จู่ ๆ นายมนุษยชาติต่างดาวมาดแย่ก็มาปรากฏตัวขึ้นเหมือนสายฟ้าผ่ากลางลำตัวฉับพลัน

                    ความฝันกับความจริง  บางครั้งก็ก้ำกึ่งกันชอบกล  คนที่เคยเป็นลูกมือของบิดาบุญธรรม  คนที่แวบเข้ามาในความคิดเสมอๆ  และคนที่หล่อนยอมรับความจริงว่าเคยชอบแต่ไม่ได้รัก จู่ๆก็ยืนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหล่อน

                    หล่อนแข็งใจเงยหน้าสบตาเขา  ดวงตาว่างเปล่าของเขาท่าทางจำหล่อนดไม่ได้เลย  สัตวแพทย์หนุ่มมาดนิ่ง เชิด หยิ่งไม่เปลี่ยนแปลงมีเขาคนเดียวเท่านั้นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตหล่อน

                    พราวดาวใจเต้นโครมครามแทบทะลุออกมานอกอก           

                    เขาเห็นหล่อนอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ

                    “ว่าไง จะไปกับผมไหม  ผมต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ครับ”  หมอวาฬถามเสียงหนัก

                    “ค่ะๆ” หล่อนตอบเสียงลนลาน

                    “ไปคุยกันต่อในรถ ดีกว่าครับ” เขาบอกคว้าแขนหล่อน

                    พราวดาวตามไปเหมือนเด็กอยู่ในโอวาท จะขึ้นพาเขาหรือลงห้วยหล่อนก็จะไป

                    รถจี้ปสีแดงเข้ม ห้าประตู สมรรถนะลุย แกร่ง แรง และหรูคลาสสิคจอดอยู่ริมถนนหน้าโรงพยาบาลรักสัตว์ 

                    เขาขึ้นนั่งด้านคนขับ  เอื้อมมือไปเปิดประตูอีกข้างให้

                    “อ้าว  ขึ้นมาสิ เร็ว ๆ เราต้องรีบไปช่วยช้าง” ชายหนุ่มกวักมือเร่ง 

                    หญิงสาวยืนลังเลในตอนแรก แต่พอได้ยินว่าคำว่าช้าง  

                    พราวดาวก็พรวดขึ้นรถอย่างเงอะงะ ศีรษะกระแทรกขอบหลังคารถดังกึกเพราะก้มไม่ต่ำพอ พราวดาวขึ้นไปนั่งตากลม   ตัวแข็งทื่อ ข้างคนขับจนลืมเปิดประตู

                    หมอวาฬเอื้อมมือผ่านตัวหล่อนดึงประตูปิดให้  แล้วหันไปปิดไฟในรถก่อนจะเอี้ยวตัวไปดูเบาะหลัง 

                    หญิงสาวขยับตัวชิดเบาะ ไม่พ้น เมื่อเขาเอื้อมมือสุดแขนไปจัดของอะไรบางอย่าง ไหล่กว้างเฉียดเข้าใกล้อย่างไม่ตั้งใจ  

                    หล่อนกลืนน้ำลายเมื่อได้กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นและยังสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งภายใต้เสื้อผ้าชั้นดีของเขา   

                    เขาตรวจดูทุกอย่างครบหันกลับมานั่งในท่าปกติแล้วเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้หญิงสาว  เขาได้กลิ่นจางๆจากเรือนผมลอนหยกโศกสลวยของหล่อน

                    เขาเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างกระชันชิด  นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายแวบนึ่ง  

                    หล่อนหน้าร้อนผ่าวขยับตัวจนติดประตู 

                    “ขอโทษครับที่ทำให้คุณตกใจ ” เขากล่าวเสียงสุภาพพลางคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง

                    “ขอบคุณค่ะ” หล่อนพูดถอนหายใจอย่างโล่งอก

                    “คุณชื่ออะไร”  เขาถามขณะสตาร์ทเครื่องแล้วแล่นรถออกไป

                    “พราวดาวค่ะ”

                    “ผม วาฬ  เกื้อวิริยะครับ”เขาแนะนำตัวเสียงนุ่ม

                    พราวดาวเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขาแวบนึ่ง   ทว่าเวลาฉุกเฉินเช่นนี้  หล่อนจำเป็นต้องสลัดความรู้สึกแปลกๆออกไปให้หมด

                    “คุณจะไปไหนค่ะ”

                    “ฝั่งธนบุรี แถวถนนราชพฤกษ์”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×